{special 3 R X P }
กรุงปารีสเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสถือเป็นสถานที่ติดอันดับของโลกหนึ่งแห่งที่คนทั่วทุกมุมโลกยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจะได้มาสัมผัสบรรยากาศเมืองแห่งอารยะธรรมตะวันตกอย่าแท้จริง นอกจากอาหารที่อร่อยและเป็นขุมทรัพย์แห่งขนมหวานแล้วเมืองหนาวที่กล่าวมานั้นยังเป็นเมืองที่อากาศเย็นตลอดทั้งปีทำให้มันทั้งเยือกเย็น โรแมนติกและเหน็บหนาวสำหรับบางคน มีวัยรุ่นคู่รักเดินจับมือกันถนนฌ็องเซลิเซ่ หน้าประตูชัยนโปเลียนที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของความอบอุ่น ผู้เฒ่าผู้แก่ก็พากันเข้าโบสถ์ดูน่ารัก ครอบครัวที่อบอุ่นก็พากันมาชื่นชมหอไอเฟลที่สูงจรดฟ้าอย่างมีความสุข จึงไม่แปลกที่กรุงปารีสจะขึ้นชื่อว่าเมืองมนตราแห่งรักอย่างแท้จริง
แต่บางคนนะ …บางคนอาจจะเป็นข้อยกเว้น … เช่นนายราชที่กำลังนั่งหัวเสียอยู่ในร้านอาหารพร้อมกับบอดิ้การ์ดคู่กายที่รอบรู้ไปซะทุกเรื่อง แต่นิ่งเป็นสากยืนอยู่ด้านหลัง
ปัง!!! “ไอ้ห่าโอตาคุแม่งไปตายห่าที่ไหนว่ะ!!!” คนอารมณ์ร้ายแต่ซื้อบื้อทุบโต๊ะดังปังจนคู่รักที่นั่งโต๊ะใกล้ๆตกใจลุกหนี เขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด คว้าแก้วน้ำชาร้อนขึ้นมากินพรวดเดียวหมด เขาเป็นคนขี้หนาวและไม่เคยพิศวาลเมืองนอกพอต้องมาจริงๆ ไอ้เสื้อหนังหนาๆของเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร
“อะไรว่ะไอ้กาย มึงพูดได้ 5 ภาษา เรียนก็เสือกได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ทำงานทำการก็ไม่เคยผิดพลาด แค่นี้ทำไมมึงไม่รู้ว่ะว่าที่นี้ที่ไหน!!! ” ราชโยนรูปปิงในฟิตเนสลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
“ถึงจะมีรูปออกมา ผมก็ไม่อาจทราบหรอกครับว่าฟิตเนสนั้นที่ไหนและไอ้เรื่องที่พูดมาผมว่ามันก็ไม่เกี่ยว” หนุ่มบอดี้การ์ดพูดหน้าตาเฉยเขาอยู่กับราชมานานเกือบ 3 ปีแล้วเพราะตั้งแต่เขาจบมาก็ถูกส่งตัวมาดูแลเด็กบ้าพลังคนนี้ทันทีได้เห็นความกราง ซื่อบื้อและดันทุรังในหลายๆเรื่อง จนเขาเองก็ชินเต็มทน
“ว๊ะ! น่าเบื่อฉิบ มาทำไมว่ะเนี้ยมึงอ่ะ”
“มาให้คุณราชขึ้นไฟล์เครื่องทันและไม่ลงช่องตอนเครื่องลงผิดครับ”
“หยุดพูดสิว่ะ!!!!” ทั้งร้านเงียบกริบทันที ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินหัวเสียออกมานอกร้าน คว้าเอาบุหรี่ออกมาสูบดับอารมณ์หงุดหงิดในใจ เขาเพิ่งลงเครื่องได้ไม่กี่ชั่วโมงที่นอนก็ยังไม่มีออกตามหาคนที่อยากตะบันหน้าสุดล่าฟ้าเขียวก่อนในทันที
ควันสีเทาลอยขึ้นไปในอากาศเจ้าราชมองอย่างเหม่อลอยอย่างเลื่อนลอย ในหัวตอนนี้มีแต่ภาพของเด็กตัวเล็กๆน่ารักกำลังวิ่งไปวิ่งมาอยู่รอบๆเด็กอีกคนที่ดูสูงใหญ่ตั้งแต่เด็ก ภาพของเด็กหัวเกรียนสองคนยกพวกตีกับโรงเรียนอื่นและเขาเองที่เป็นคนแบกร่างที่เพรียวกว่าขึ้นหลังส่งโรงพยาบาลเพราะหัวแตก สุดท้ายคือภาพของไอ้อ้วนโอตาคุบ้าการ์ตูนที่วันๆเอาจมอยู่หลังกองหนังสือแต่ถึงยังไงเขาก็ละสายตาไปจากคนๆนั้นไม่ได้ ... จนไม่มีคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน ทั้งๆที่ในใจไม่ได้คิดแค่นั้น … อยู่ให้เฝ้ามอง …
“ไหนๆก็มาแล้วลองไปเดินดูแถวถนนชองป์ เอลิเซ่ หน่อยไหมครับ แถวนั้นมีร้านขนมชื่อดังอยู่มาก แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอีกด้วย ถ้าคุณปิงเป็นคนชอบกินล่ะก็ไม่น่าพลาดนะครับ ลองไปดูก็ไม่เสียหายอะไร”
ราชถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยักหน้า เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เขามาโดยไม่รู้จุดหมายขอแค่ได้ตามหาและยืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกันก็พอ มีเวลาแค่สองวันเท่านั้น … อยากตามให้เจออยากเห็นหน้า อยากทักทาย อยากกอดคอ อยากต่อยหน้าสักหมัด … คิดถึง ใช้คำๆนี้ได้รึเปล่านะ …
ณ ถนนชองป์ เอลิเซ่ ร้านขนมหลากหลายสไตล์เรียงราวอยู่ตลอดทางเดิน กลิ่นกาแฟและขนมปักอบใหม่ผสมปะปนไปด้วยกลิ่นชาฝรั่งเศสหอมกรุ่นเตะจมูกเจ้าราชที่กำลังเดินเอามือล้วงกระเป๋า สอดส่ายสายตาท่ามกลางผู้คนหลากเชื้อชาติที่มาเชื่อถนนแห่งนี้ เขาไม่รู้สึกอินกับของหวานน่าตาน่าทานที่อยู่ในตู้โชว์เท่าไรนัก เพราะส่วนตัวไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ แต่เห็นแล้วมันยิ่งทำให้คิดถึง คนตัวอ้วนตุ้ยนุ้ยที่มักจะมีของหวานอยู่บนมือตลอดเวลา
“ลองเข้าไปชิมร้านนี้ดูไหมครับ เขาว่ามาปารีสไม่กินครัวซองถือว่ามาไม่ถึงนะครับคุณราช”
“มึงอยากไปก็ไปเหอะ กูเดินดูแถวนี้แหละ”
“เฮ้อ โอเคครับ เดี๋ยวผมซื้อขนมมาฝากล่ะกัน อ่อ อย่าไปไหนไกลนะครับเดี๋ยวลำบาก ถ้าหาผมไม่เจอ ให้ไปแจ้งตำรวจแถวๆนั้นหรือไม่ก็กลับมาที่นี้นะครับ ผมจะอยู่แถวๆนี้”
“ว๊ะ! กูไม่ใช่เด็กนะ” และราชก็คอตั้งสะบัดหน้าออกมาเดินเตร่ๆไปทั่ว แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนรูปร่างอวบท้วมหนาที่คุ้นตาจากด้านหลังกำลังยืนมองตู้กระจกที่ประดับไปด้วยช็อกโกแล็ตน่าทานถึงจะไม่ชัดนักเพราะคนๆนั้นสวมฮูดตัวใหญ่ แต่เจ้าราชกลับขมวดคิ้วก่อนจะวิ่งเข้าไปไม่สนใจว่าต้องชนกับใคร และคว้าข้อมือคนๆนั้นไว้
“เฮ! ไอ้ปิง!!!! เอ่อ … ขอโทษครับ” ประโยคหลังเขาพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยเสียงโทนต่ำสลดใจก่อนจะปล่อยมือฝรั่งคนนั้นไป และลอบถอนหายใจเบาๆเดินเอามือล้วงกระเป๋าเดินไปไม่สนใจสายตาผู้คนที่มองมาที่เขาอย่างเกรงๆ
เขาเดินมาเรื่อยๆสอดส่ายสายตามองเข้าไปในร้านขายอาหารทุกร้านเพื่อหวังจะตามหาให้เจอให้ได้ แต่ก็ต้องพบกับความปิดหวังเมื่อสิ่งที่ตามหาไม่มาให้เขาเจอเสียที ชีวิตเขาไม่เคยต้องทุกข์ร้อนกับอะไรมากขนาดนี้ ไม่เคยต้องพยายาม ไม่เคยต้อง้องอนใคร ไม่เคยต้องเฝ้าขอความรัก … แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังจะต้องเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างเพียงลำพัง …
จนมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์แห่งหนึ่งที่สูงตระหง่านและสวยงามในแบบยุโรป เขาสอดส่ายสายตามองไปบนพื้นหญ้าที่เขียวขจีเบื้องหน้าก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าประตูทางเข้าโบสถ์ ราชไม่ใช่คนที่ยึดติดกับศาสนาและไม่เคยคิดจะลบลู่แต่อย่างใด แต่เขากลับละอายต่อบาปที่เคยได้กระทำ … ทั้งกินเหล้าเมายา เปลี่ยนคู่ควงคู่ขาเป็นว่าเล่น เจ้าชู้ไม่เคย และเมื่อสุดท้ายเบื่อก็ทิ้งใครก็ตามได้อย่างโหดร้าย … เขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปด้านใน ได้แต่นั่งสำรวมจิตรขอให้พระเจ้าทรงยกโทษให้แก่นกที่ไม่เคยบินได้อย่างภาคภูมิ เพื่อพระเจ้าจะอวยพรให้เขาได้เจอกับสิ่งที่ข้ามฟ้ามาตามหาจนเจอ …
“ลูกเอ้ย … ทำไมไม่เข้าไปด้านในเหล่า ?” เสียงทุ้มต่ำของบาทหลวงดังขึ้นด้านหลังในภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษากลางที่ให้กับทั่วโลก ราชหันไปมองก่อนจะยืนขึ้นและก้มคำนับเล็กน้อย บาทหลวงยิ้มยื่นไมตรีจิตร ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั่ง
“พ่อเห็นเรามานั่งตรงนี้ตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เข้าไปเหล่า ? กลัวหรือ?”
“คือ… เอ่อ ผมไม่สันทัดเรื่องอย่างนี้นะครับ แค่อยากนั่งลงทำในให้สงบเฉยๆ”
“เข้าไปเถอะ ด้านในอบอุ่นและทรงไปด้วยเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า มา ตามพ่อมานะลูก”
และบาทหลวงก็เดินนำหน้าเขาไป เจ้าราชเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินตามเข้าไปอย่างงงๆ แต่เมื่อเข้ามาแล้วความอบอุ่นจากอากาศที่รุนแรงต่อเขาภายนอกก็เข้ามาแทนที รูปปั้นรูปสลักหรือรูปวาดที่สวยงามและบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของโบสถ์แห่งนี้ทำให้ราชตื่นตาตื่นใจ เขามองไปที่รูปปั้นพระเยซูตรงหน้าอย่างเคารพก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกลาง โดยที่หันไปมองบาทหลวงเมื่อสักครู่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
ยังไม่ทันที่เขาจะได้สงสัยอะไร ตาคมก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของใหญ่บางคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ด้านหน้าสุดของที่นั่ง เขาขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเดินไป ... ภาวนาในใจว่าขอให้ใช่ ขอให้ใช่ และลูกจะเป็นคนดี … ละทิ้งทุกอย่างยอมรับกับหัวใจตัวเองว่าเขารักเพื่อนสนิทคนนี้มาตลอด … ได้โปรด … พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรด
แต่แล้วใบหน้าขาวซีดของใครบางคนที่ราชคิดถึงจับใจก็หันมา … ตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นตื่นตระหนกและตกใจแทบจะตกเก้าอี้เมื่อเห็นเขายืนมองอยู่ …
“อะ อะ ไอ้ราช”
“เจอสักที … คิดถึง … คิดถึง” ราชไม่สนใจกับเสียงของปิงที่ตระหนกนั้นเขากลับกระซิบพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา … ในที่สุด … ก็เจอ … เจอแล้วหัวใจจากนี้ไปควรจะยอมรับมันได้เสียที …
.
.
.
บรรยากาศยามเย็นริมฝั่งแม่น้ำ อาทิตย์ส่องแสงเรืองกับสายน้ำที่พัดผ่าน… สองเพื่อนยืนคู่กันอยู่บนสะพาน โดยที่ต่างคนต่างเงียบงันจากที่เจ้าราชเป็นคนโหวกเหวกโวยวายแต่บัดนี้กลับนิ่งสงบ จนปิงเกรงว่าจะเป็นใบ้ไปเสียแล้ว
“มึงสบายดีเปล่าว่ะ” คำถามง่ายๆออกมาจากปากคนที่หนีมาจากเมืองไทยซึ่งตอนนี้ดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัดถึงจะได้ไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนแต่สำหรับราชมองจ้องไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ เขากลับมองเห็นว่ามันช่างแตกต่าง
“อืม สบายดี มึงอ่ะ หนีมาไม่บอกกูเป็นเหี้ยอะไร”
“ขอโทษ … แต่มันจำเป็น”
“จำเป็นมาก จนไม่มีเวลาติดต่อหากูหรือว่ะ”
“… อย่าเป็นแบบนี้เลยไอ้ราช … มึงกับกูเป็นไปไม่ได้ ขนาดมึงยังไม่รู้ใจตัวเองเลย และมันจะเป็นไปได้ยังไง” ปิงพูดอย่างเลื่อนลอย เขาเองรู้ดีว่าราชเป็นคนยังไง และอาจจะเหนือความขาดหมายไปนิดตรงนี้โผล่มาเซอร์ไพร์เขาถึงที่นี้ และด้วยอะไรก็ตาม … นั้นทำให้เจอกัน …
“กูรู้แล้ว … กูรู้”
“หึ มึงเนี้ยนะ … จะรู้อะไร น่าขำว่ะ… อื้อ!!!” ปิงตกใจเมื่ออยู่ๆราชก็ก้มลงมาจับหน้าเขาและประทับริมฝีปากบดขยี้อย่างรุนแรง แต่เมื่อผ่านไปจากความรุนแรงก็เปลี่ยนเป็นสัมผัสอันอ่อนนุ่ม … จนปิงแทบระทวย …จนราชผละริมฝีปากออก แต่ยังคงคลอเคลียอยู่ข้างแก้มขาวนั้นน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างมิอาจห้ามไว้ นี้อาจจะเป็นครั่งแรกที่ราชรู้สึกจริงๆ …
“กูรักมึง … รักมาตั้งนานแล้ว นานแค่ไหนกูก็จะรอ รอจนกว่ามึงกลับไป แต่ได้โปรด อย่าทิ้งกูไว้ด้านหลัง … ไอ้ปิง…บอกสิว่ามึงไม่ได้คิดเหมือนกู” ปิงเงียบก้มหน้ามองมือตัวเอง แต่ก็ถูกราชเชยคางขึ้นมาให้สบตา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิท ท่ามกลางความเสียงน้ำไหล เสียงของปิงก็ดังขึ้นราวกับกระซิบ
“แล้วจะรีบกลับไป…”
==============================
จิกหมอน ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่คิดว่าจะเขียนคู่นี้ออกมาโรแมนติกซะ!
เอาเป็นว่าน่ารักพอกรุบกริบ ขี้เกียจดราม่าอ่ะ พักก่อนๆ อิอิ
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะค่ะ และก็ฝากติดตามกันต่อไป ขอกำลังใจด้วยน๊าาาาา
เจอกันตอนหน้าค่ะ
แปะ! เห็นทีไรนึกถึงน้องทุกทีเย้ยยยยย

แปะอีกรอบ นิยายเคะน้อยสายแข็งเรื่องแรกจ้า ปกติเขียนแต่เคะน้อยสายอ่อนตล๊อด ไปติชมกันนะค่ะ
♈ SERVITUDE ♈ จำนองรักแลกหัวใจไอ้แก่จอมร้าย

ปล. วันนี้มาดึกเนอะ นอนกันยางงงงงงง 
