<<X-Theme the series Season2>> ขายทาง Ebook แล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

อ่านครบทุกเรื่องแล้ว ชอบเรื่องไหนมากที่สุด

วิญญาณเสน่หา
28 (34.1%)
ตัวประหลาด
6 (7.3%)
ทดลองรัก
14 (17.1%)
เอาชีวิต
3 (3.7%)
ลูกเลี้ยง
20 (24.4%)
เดียวดายใต้แสงจันทร์
11 (13.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 82

ผู้เขียน หัวข้อ: <<X-Theme the series Season2>> ขายทาง Ebook แล้วค่ะ  (อ่าน 225294 ครั้ง)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ข้าชอบเหลือเกิน

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                           เอาชีวิต

                                                            บทที่ 4


               ร่างกายของเสือดำช่างงดงามด้วยมัดกล้าม แผงอกของมันล่ำสันจนยอดอกคล้อยต่ำ ต้นแขนแข็งแกร่งน่าบีบ

เค้นจนข้าต้องมองอย่างกระหายและลูบไล้ผิวกายคล้ำอวดสียางไม้ลายสดสวยไปทั้งตัว

               ข้าไล่ดวงตาลงมาตามขนอ่อนที่แล่นผ่านลำตัว มันเรียงเส้นสวยจนไปจรดที่เนินสามเหลี่ยม ท่อนเนื้อของมัน

ใหญ่โตจนข้ารู้แล้วว่าเหตุใดจึงได้เจ็บปวดนักยามที่มันชำแรกร่างเข้าสู่ตัวข้า บัดนี้มันยังนอนหลับสงบนิ่งท้าทายให้ข้า

คว้าจับมันขึ้นมาอยู่ในอุ้งมือ มันอุ่นหยุ่นเมื่อข้าเค้นคลึงด้วยปลายนิ้ว ความกำหนัดไล่ลู่ลงสู่ท้องน้อยจนข้าต้องคว้ามันไว้

ภายในอุ้งมือพร้อมกับท่อนเนื้อของเสือดำ

               ดวงตาของมันเหมือนดาวบนท้องฟ้ายามข้าแหงนหน้ามอง ความมืดในท้องถ้ำยิ่งทำให้มันเด่นชัดเรียกร้องให้

ข้าต้องก้มลงไปปิดมันด้วยปากของข้า ลมหายใจของเสือดำอุ่นระอุเมื่อข้าดอมดมที่จมูกของมันพร้อมกับที่มือของข้ายัง

คงบีบไล่ท่อนเนื้อของเราให้ตื่นจากหลับใหลไปทั้งคู่ ความเย็นชื้นยามราตรีกระตุ้นให้การกอดรัดยิ่งทวีความรุนแรง


               “เปิดทางให้ข้าเถิด”


               ข้ากระซิบข้างหูของมัน ปลายลิ้นของข้าแซะเข้าไปในช่องหูของเสือดำ มันผวาไปทั้งตัวจนข้าสามารถกด

เบียดต้นขาลงไปแยกท่อนขาของมันให้เปิดกว้าง ข้าปล่อยท่อนเนื้อตัวข้าออกจากอุ้งมือเพื่อที่จะจ่ออยู่หน้าหนทางแห่ง

เทพอัคนี ท่อนเนื้อของข้าอวบอัดร้อนรุ่มเหลือหลายเมื่อข้าดันกายเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ


               “อา ม้าขาว สูช่างร้ายนัก”


               มันครวญคร่ำเมื่อข้าค่อยๆขยับเอวทีละน้อย ข้าชักท่อนเนื้อเข้าออกแหวกทางพลางหมุนวนจนเสือดำหมดสิ้น

ความเจ็บปวด มันแอ่นอกเชื้อเชิญจนข้าที่มองอย่างกระหายต้องอ้าปากลงไปครอบครองดูดดุนให้มันกลายเป็นสีแดงสด

ตุ่มเล็กชูช่อล่อหลอกให้ข้ากระดกลิ้นรัวแลกกับใบหน้าบิดเบี้ยวของเสือดำ มันกัดฟันลงกับปากล่างแทบห้อเลือดเมื่อข้า

กระทุ้งกายเข้าไปอีกครั้งจนหมดความยาว


               “ทรมาน สูกลั่นแกล้งข้า”


               เสือดำปรือตาขึ้นมอง แขนของมันโอบคล้องลำคอของข้าที่ยังวุ่นวายอยู่กับแผงอกหนั่นเนื้อ ข้าลอบยิ้มก่อน

จะงับลงไปจนมันสะดุ้งและดึงเอวออกมาเสียเกือบค่อนและแทงกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว


               “อ๊า...”


               ร้องด้วยน้ำเสียงสั่นกระเส่าเร่าร้อน เสือดำยกท่อนขาวางพาดอยู่บนบ่าของข้า ช่องทางยิ่งเปิดกว้างให้ข้าได้

ออกแรงจนเนื้อตัวเหนียวหนับขับไล่ความหนาวเย็น ข้าโถมกายเด้งเอวไม่ยั้งแรงเมื่อช่องหลืบเร้นลึกฉ่ำชื้นเปิดทางสู่

สวรรค์


               “โอ สูกำลังบีบข้า”


               ข้าเงยหน้ากู่เสียงลั่นท้องถ้ำ ร่องลึกคับแน่นบีบคั้นเหลือรับ ข้าช้อนสะโพกเต็มมือให้ลอยสูงยึดต้นขาของ

เสือดำไว้แม่นมั่นพลางขยับตัวข้าให้ยืนด้วยเข่าเพื่อที่ข้าจะได้กระแทกกายเข้าใส่ได้เต็มแรง ท่อนเนื้อของเสือดำลอยอวด

อยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้าคว้ามือของมันให้มาบีบเค้นตนเองพร้อมกับที่ข้าเด้งเอวใส่มัน


               “โอ้ เทพอัคนี”


               ข้าหลับตาพริ้มท่องสวดสู่เทพอัคนีเมื่อความกระสันถึงขีดสุดมาเยือน ท่อนเนื้อใหญ่โตของเสือดำพ่นน้ำคาว

ขุ่นออกมา ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวถึงขีดสุดพร้อมเปล่งเสียงร้องดังลั่น ข้ากระแทกกายเข้าหาอีกไม่กี่ครั้งความปวดมวน

ท้องก็มลายสิ้นเมื่อข้าปลดปล่อยมันอยู่ในร่องลึกที่ดูดกลืนน้ำแห่งชีวิตของข้าไปเสียทุกหยด

               ข้าทิ้งกายลงไปหามัน เสือดำอ้าแขนรับให้ข้าเข้าไปมันโอบรัดข้าไว้เมื่อเรายังแข่งกันหอบพลังเข้าปาก เนิ่น

นานกว่าจะกลับมาเป็นปกติ ช้าและมันประสานสายตากันในความมืด แรงดึงดูดทำให้เราทั้งสองต้องดูดปากกันอีกครั้ง ใน

ตอนนี้ความคิดของข้าวิ่งวนชนกันไปหมด ข้าหวงแหนและไม่อยากห่างจากเสือดำเลยสักนิด ข้าไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึก

เช่นนั้นจึงเกิดขึ้น


                “สูทำให้ข้าอยากอยู่กับสูตลอดไป ม้าขาว”


               มันพูดออกมาตรงกับความคิดของข้า เราสบตากันอย่างดื่มด่ำในความมืดโดยไม่ต้องมีคำพูดใดอีกต่อไป

ความหนาวเหน็บโอบล้อมอยู่รอบตัวเมื่อกองไฟมอดลงเหลือแต่กองเถ้า แต่ข้าและมันก็ไม่ปล่อยให้ไออุ่นได้จากไปเมื่อ

เรากอดก่ายซึ่งกันตลอดทั้งราตรี
               






               “ข้าจะไปล่าอาหาร”


               เสือดำบอกกล่าวในยามรุ่งเมื่อแสงแห่งเทพอัคนีจับอยู่บนท้องฟ้า มันดึงข้าไปกอดรัดแม้ว่าจะผ่านความสุขสม

มาตลอดทั้งค่ำคืนแล้ว


               “ข้าจะไปช่วยสู”


               “อย่าเลย”


               เสือดำเอ่ยปากขัดขวาง


               “สูต้องหลบกายอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ข้าเกรงว่าใครจะมาพบสูเข้า”


               เสือดำวิ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ข้าทอดถอนหายใจด้วยความกังวลที่กลายเป็นต้นเหตุทำให้ผู้คนในเผ่า

ของข้าต้องทลายลงแต่อย่างน้อยไอ้กระทิงใหญ่ก็สิ้นอำนาจลงได้ ข้าปัดเป่าความคิดนั้นออกไปพลางสำรวจทั่วท้องถ้ำ

เมื่อแสงจากภายนอกพอจะส่องให้มองเห็นได้บ้าง มองเห็นแอ่งน้ำเล็กที่ผุดออกจากพื้นดินอยู่ลึกเข้าไปไม่ไกลนัก ข้ารีบ

เดินเข้าไปวักมันเข้าปากอย่างกระหายก่อนจะล้างเนื้อตัวเหนียวด้วยคราบเหงื่อและน้ำคาวออกจากตัว


               เสียงสวบสาบดังขึ้นจากทางเข้า ข้ายิ้มกับตนเองเมื่อเสือดำกลับมา เพิ่งรู้ว่าการรอคอยเพื่อเห็นหน้าใครบาง

คนมันเป็นสุขใจและอิ่มเอิบเมื่อคนที่รอกลับมาหา ข้าหยัดยืนขึ้นหันร่างเปลือยไปหามัน


               เทพอัคนีช่วยข้าด้วย!


               ร่างสูงใหญ่ยืนบังแสงจากภายนอกทำให้ข้ารู้ว่าหาใช่เสือดำ แต่หากเป็นคนที่ข้าไม่อาจลืมเลือนตลอดชีวิต


               “ไอ้กระทิงใหญ่!”


               มันแสยะยิ้มน่าเกลียดเมื่อเห็นข้า ข้ากลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอเมื่อบัดนี้จ้องมองร่างข้าที่ไร้หนังสัตว์ห่อหุ้ม


               “เทพอัคนีช่างประทานโชค ดูสิว่าข้าได้พบกับใคร ม้าขาวหลานรักของข้านั่นเอง”


               “อย่าเข้ามานะ”


               ข้าขู่พร้อมกับยืนจังก้าตั้งท่าอย่างระแวดระวังเมื่อกระทิงใหญ่ย่างก้าวเข้ามา ข้าต้องเดินถอยกลับไปช้าๆจน

กระทั่งเสียหลักตกลงไปในแอ่งน้ำเบื้องหลัง


               “ปล่อยข้า”


               มันกระโจนเข้าใส่เมื่อเห็นข้าหงายหลัง ข้าชกมันด้วยหมัดจนสุดแรง ไอ้กระทิงใหญ่แค่สะบัดหน้าขับไล่ความ

มึนงงแต่มันก็ยังคงยืนอยู่ได้และยกมือตบลงมาบนใบหน้าของข้า


               เผียะ!


               แสงสว่างแทบจะดับวูบ ในหูมีแต่เสียงอื้ออึงจากฝ่ามือใหญ่หนาของมันรู้สึกถึงรสปร่าของเลือดที่ไหลรินจาก

มุมปาก กระทิงใหญ่คำรามลั่นเมื่อมันผลักให้ข้าหงายหลังลงไปในแอ่งน้ำ


               “รู้บ้างไหมว่าข้ารอวันนี้มานานแล้วม้าขาว วันที่ข้าจะได้ครอบครองสูผู้ที่งดงามที่สุด”


               น้ำเสียงหื่นกระหายดังอยู่เบื้องหน้าเมื่อไอ้กระทิงใหญ่คุกเข่าคร่อมทับร่างของข้าอยู่ในน้ำตื้น ข้าดิ้นรนขัดขืน

ชกมันไปหลายคราแต่หาได้สะเทือนความรู้สึกของมันสักนิด


               “เลวระยำ”


               ข้าด่ามันด้วยความเกลียดชัง


               “สูฆ่าพ่อข้าช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าและยังเอาม้าลายน้องชายข้าไปสมสู่อยู่ช้านาน ยังเลวไม่พออีกหรือ”


               “ยังน้อยไปม้าขาว ข้าจะเลวจนได้ครอบครองสูนั่นแหละ”


               มันตะคอกใส่ข้า มือใหญ่กร้านกดไหล่จนจมไปใต้น้ำก่อนจะชกลงมาใต้ยอดอก ข้าสะดุ้งสุดตัวเมื่อมันทั้งจุก

ทั้งเสียดจนตัวงอ


               “จงกลายเป็นของข้าเสียเถิดม้าขาว สูไม่มีทางหนีพ้น”


               มันกระชากเส้นผมข้าจนหนังหัวแทบหลุด ร่างใหญ่ของมันก้มมาฝังเขี้ยวไว้กับคอของข้า ร่างข้าหนาวเหน็บ

ไปหมดทั้งตัวเมื่อหมดแรงต่อสู้ ไอ้กระทิงใหญ่จับขาทั้งสองของข้าแยกออกจากกัน ท่อนเนื้อของมันชี้หน้ารออยู่แล้ว


               เสือดำ ช่วยข้าด้วย


               น้ำตาข้าไหลปะปนกับความเปียกชื้นเมื่อรู้ว่าข้าคงจะไม่มีวันได้อยู่เคียงคู่กับเสือดำอีกแล้ว


               “ข้าจะสมสู่กับเจ้าบูชาเทพอัคนี”


               กระทิงใหญ่ขู่คำรามดังเสียดแทงหัวใจ ท่อนเนื้อของมันจ่ออยู่หน้าร่องลึก อีกเพียงชั่วข้อนิ้วชีวิตของข้าคงจะ

จบสิ้นลง


               พลัก!


               “อ๊ากกกหหห”


               ไอ้กระทิงใหญ่ร้องลั่น และก่อนที่มันจะตั้งสติได้มันก็ถูกทำร้ายด้วยท่อนไม้ใหญ่อีกครั้ง มันหลุดร่วงลงไปจาก

ตัวข้า ข้ารีบตะลีตะลานหนีและเมื่อเห็นคนตัวผู้ที่เข้ามาใหม่ข้าก็อยากจะโห่ร้องด้วยความยินดี


               “เสือดำ”


               เสือดำยืนจังก้า มันพุ่งความสนใจไปที่ไอ้กระทิงใหญ่ที่กำลังลุกขึ้นมาอย่างลำบาก หัวของมันมีเลือดอาบด้วย

ท่อนไม้จากมือของเสือดำ


               “สูเป็นใคร”


               กระทิงใหญ่ชี้หน้าด้วยความเกรี้ยวกราด แต่เสือดำแสยะยิ้มอย่างไม่นึกหวาดหวั่น


               “ใครก็ช่าง แต่ข้าจะไม่ยอมให้สูทำร้ายม้าขาวอีกแล้ว”


               เสือดำไม่รอให้กระทิงใหญ่ตั้งหลัก มันกระโจนเข้าใส่และชกหน้าจนกระทิงใหญ่หน้าหงาย มันทั้งสองต่อสู้กัน

อย่างไม่มีใครรามือ แต่ด้วยพลังของเสือดำที่มีมากกว่าคนตัวผู้ที่เริ่มถดถอ ยอย่างกระทิงใหญ่ทำให้มันเริ่มอ่อนล้าและ

เสียเชิงในที่สุด

               ก้อนหินในแอ่งน้ำถูกเสือดำคว้าไว้และใช้เป็นอาวุธทุบลงที่หน้าผากของกระทิงใหญ่ มันเบิกตาค้างสติ

เลื่อนลอยเสือดำถือจังหวะนี้แยกขาของกระทิงใหญ่และแทงท่อนเนื้อของมันเข้าไปทีเดียวอย่างไม่ปรานี


                “อ๊ากกกหหห”


               เสียงโหยหวนดังลั่นเมื่อมันผู้ไม่เคยพ่ายต้องกลายมาเป็นฝ่ายเสียเชิง กระทิงใหญ่ดิ้นรนขัดขืนเสือดำจึงฟาด

ก้อนหินลงไปอีกครั้ง

               กลิ่นคาวคละคลุ้งนองอยู่ในแอ่งน้ำ กระทิงใหญ่หมดแรงต่อสู้จนต้องปล่อยให้เสือดำเด้าเอวเข้าใส่ ดวงตาของ

กระทิงใหญ่เลื่อนลอยเคว้งคว้างเมื่อเสือดำกำลังทำให้ร่างกายของมันตอบสนอง


               “อึก อึก”


               เสียงกู่ครางดังจากปากของกระทิงใหญ่เมื่อมันติดกับแห่งการสมสู่ เสือดำหันขวับมาหาข้าทั้งที่ยังไม่ลดแรงที่

เอวของมัน


               “ม้าขาว มาตรงนี้”


               ข้าผวาเข้าหา เสือดำดึงมีดเหล็กอันเล็กแต่คมกริบออกมาจากขอบหนังสัตว์ของมันให้ข้า


               “ชีวิตของมันเป็นของสู”


               “อย่า ได้โปรด”


               เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินกระทิงใหญ่ร้องขอ มันยกมือเปะปะทั้งที่ยังส่ายเอวเข้าหาเสือดำ ใบหน้าพ่อแม่และ

น้องชายลอยคว้างอยู่กลางลานสายตา และข้าจะไม่ปล่อยให้มันได้สุขสมเพื่อไปหาเทพอัคนี

               กระทิงใหญ่บิดกายเร่าด้วยความทรมาน เสือดำใช้มือดันไหล่หนาของมันให้อยู่นิ่ง เสียงครวญอุบาทดังลั่นเมื่อ

กล้ามเนื้อของมันใกล้จะขาดผึง


               แคว่กกกก


               โลหิตแดงฉานพุ่งออกจากลำคอของกระทิงใหญ่ราวกับน้ำพุ มันขาดใจตายทั้งที่ร่างกายยังไม่ปลดปล่อย ข้า

โยนมีดเหล็กทิ้งก่อนจะหมดแรงคุกเข่าลงไปข้างซากศพของมัน


               แด่ความตายของครอบครัวข้า


               น้ำตาข้าไหลเป็นทางอย่างไม่อับอาย เสือดำดึงท่อนเนื้อออกจากร่องลึกอย่างยากลำบากเพราะมันเองก็ยัง

แข็งขืน แต่เสือดำก็เข้ามาประคองโอบกอดข้าไว้ ข้าพิงกายไปกับอกของมันพลางเอื้อมมือกอบกุมแก่นกายและช่วยโยก

รั้งเพื่อให้เสือดำหายอึดอัด มันหอบหายใจแรงขึ้นเมื่อน้ำคาวของมันไหลเปรอะมือของข้า

               เราทั้งสองมองตา ดูดปากและโอบรัดกันเนิ่นนาน จากนั้นมันก็พาข้าออกไปจากถ้ำเล็กทิ้งไว้เพียงร่างกายที่

ปราศจากวิญญาณของกระทิงใหญ่







               “สูจะพาข้าไปที่ใดอีก”


               ข้าเอ่ยถามเสือดำเมื่อเราเดินทางอยู่ในป่าดิบชื้นเกินครึ่งวัน เนื้อกวางที่ล่ามาทำให้ข้ามีกำลังกลับมาอีกครั้ง

และบัดนี้ข้าพร้อมจะไปที่ไหนก็ได้ที่มีเสือดำอยู่ด้วย


               “พาสูหลบไปที่ไหนก็ได้ที่คนเผ่าข้าจะหาสูไม่พบ อย่างน้อยก็ให้พ้นวันครีษมายัน”


               “วันใด”


               ข้าเอ่ยถามมันเพราะในเผ่าของข้าไม่มีพิธีกรรมนี้


               “อีกสามวันข้างหน้า”


               มันบอกข้าเมื่อเราหยุดพักกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพลาดวงตะวันเลยครึ่งหัว อีกไม่นานความมืดมิดก็จะมาเยือนอีก

ครั้งแม้วว่าช่วงนี้กลางวันจะยาวนานก็ตาม


               เสือดำมองข้าแล้วถอนหายใจ


               “เจ็บไหม”


               ปลายนิ้วของมันสัมผัสไปที่รอยแผลจากฝีมือของกระทิงใหญ่ ข้ายิ้มให้เสือดำและกุมมือมันไว้


               “แค่มีสู ความเจ็บปวดก็หายไปหมดแล้ว”


               เสือดำส่ายหน้าพลางหัวเราะขำขัน


               “คำเอ่ยของสูหวานยิ่งกว่าน้ำหวานจากดอกไม้เสียอีก พักเสียเถอะเราต้องเดินกันอีก”


               มันเอื้อมมือดันให้ข้าเอนมาพิงที่ไหล่ของมัน เสือดำซบหัวลงมาบนหัวของข้า เราต่างหลับตาเพื่อเก็บแรงเอา

ไว้ ความกังวลนานาหายไปเมื่อข้าอยู่ใกล้เสือดำ


               เสียงพื้นดินสะเทือนทำให้ข้าตื่น ข้าเงยหน้าขึ้นมองเสือดำก็เห็นว่ามันลืมตามองข้าอยู่แล้ว มันกุมมือให้ข้าลุก

และออกวิ่งอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเมื่อคนตัวผู้กลุ่มใหญ่ตีวงล้อมพวกเราในที่สุด




                                                   TBC



วันครีษมายัน คือวันที่มีกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปีค่ะ

เรื่องนี้แต่งยากจริงน้า คนแต่งกลัวใจตัวเองจุงเบย จะรอดไหมเนี่ย :katai1: :katai1:


ฝากนิยาย บัลลังก์รักใต้เงาแค้น http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47755.0
เรื่องนี้ก็แต่งยากเพราะใช้ราชาศัพท์เยอะมากๆ ก่อนแต่งก็ต้องหาข้อมูลแน่นๆ ตอนนี้แต่งได้ 8 บทแล้วจ้า

อยากให้ช่วยอ่านและเป็นกำลังใจคอมเม้นท์ให้บ้างนะคะ เห็นยอดเม้นท์แล้วใจหาย :sad4: :sad4:



ส่วนนี้เป็นเรื่องสั้้น ฟิคพี่กรน้องเก๋อจากหนังจีน Like Love เรื่อง Who are you ไม่ว่านายเป็นใครฉันก็จะรัก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49488.0



อ่านกันแบบเล่นๆ เนื้อหาไม่มีมากมายเพราะเรื่องนี้สายกาม ไม่ใช่ติ่งก็อ่านกันได้นะ  คริคริ       
    :z10: :z10: :z10:                    
               

               
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2015 21:20:55 โดย Belove »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้ม
แทบักกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2015 21:04:26 โดย boboman »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ผจญภัยดุเดือดดีแท้. เป็นความรักดิบๆที่เกิดขึ้นท่ามกลางความป่าเถื่อนจริงๆ
เอาใจช่วยคนเขียนนะคะ.  :mew1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
 :jul1: :jul1: เปิดฉากมาด้วยความเร่าร้อนของเสือดำและม้าขาวเลือดจิหมดตัว แต่ปิดบทด้วยความค้างคา เฮ้ยๆๆม้าขาวกับเสือดำจะเป็นไรมั้ยอะ ตอนนี้จบแฮปปี้ใช่มั้ยๆ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เหตุการณ์เริ่มดุเดือดอีกแง้ว
ลุ้นทุกตอนนน

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สมน้ำห้าไอ้กระทิงใหญ่

ม้าขาว-เสือดำจะเจอพวกไหนกัน  หวังบ่าจะรอดปลอดภัยกันนะ    :mew2:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
นึกว่าจะหนีรอดซะแล้ว รอลุ้นๆๆๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
จะหนีรอดได้ไหม

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เกิดอะไรขึ้น!?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ๊ะ โดนจับได้แล้วแน่ๆเลย  :katai1:

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ไม่เอาโดนบูชายัญนะ มันโหดร้าย ไหนๆก็เอ็กซ์ทั้งเรื่องแล้วพลีสสสส :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                        เอาชีวิต

                                                        บทที่ 5               


               “เสือดำ สูกำลังทำอะไร”


               หนึ่งในคนตัวผู้ที่ยืนล้อมข้ากับม้าขาวตะคอกใส่ข้าพร้อมกับยื่นหอกของมันจ่ออยู่ใกล้ม้าขาว พวกมันทั้งหมด

คือคนในเผ่าที่ข้ายังไม่อยากเจอะเจอในตอนนี้ แต่ข้าก็หนีมันไม่พ้น ข้าดึงแขนของม้าขาวให้ก้าวกลับมายืนอยู่ใกล้ข้าด้วย

ความเป็นห่วงในความปลอดภัยของมัน


               “ปล่อยข้าไป ลิงลม”


               ข้ายื่นมีดเหล็กเล่มเล็กอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่มีไปตรงหน้าพลางจ้องตาของมันไม่ยอมหลบ ลิงลมเหลือบตาม

องม้าขาวแล้วมันก็ถึงกับแลบลิ้นเลียไปรอบปากด้วยความกระหาย


               “สูได้เชลยชิ้นงามไปแล้วคิดจะพามันหนีงั้นรึ สูจะหวงไว้เพื่อเหตุใด ใยไม่แบ่งให้พวกเราได้พามันไปเยี่ยม

พระอัคนีก่อนจะปาดคอมันเล่า”


               เสียงหัวร่อน่ารังเกียจดังขึ้นรอบตัวจากคนตัวผู้ที่ยืนล้อมอยู่ ดวงตาของพวกมันล้วมีแต่ความใคร่เมื่อยามมอง

ม้าขาวที่ใบหน้าเผือดสีลงเรื่อยๆ


               “ไม่ได้!”


               ข้าส่งเสียงขู่คำรามพลางค้อมตัวตั้งหลัก สายตาจ้องมองพวกมันไม่ละลดแม้ว่าพวกมันจะร่วมอยู่ในเผ่า

เดียวกัน แต่หากตอนนี้ชีวิตของข้ามีม้าขาวที่ต้องรักษามันไว้


               “ข้าจะมิให้มันตัวใดแตะต้องคนของข้าแม้แต่ปลายนิ้ว”


               พวกมันทั้งหลายกู่ร้องส่งเสียงขู่ข้า ข้าหันไปสบตากับม้าขาวและโดยไม่ต้องพูดอันใดข้ากับม้าขาวก็เป็นฝ่าย

กระโจนเข้าใส่พวกคนตัวผู้ ข้าต่อสู้กับมันโดยไม่นึกหวาดหวั่น จะเป็นห่วงก็แต่ม้าขาวที่ต่อสู้จนสุดแรงเกิด


               “อ้ากกก”


               “ม้าขาว!”


               ลิงลมฟาดด้ามหอกลงกับแผ่นหลังของม้าขาวจนมันหน้าคว่ำลงไปกับพื้น จากนั้นก็ใช้คมหอกจ่อลงไปที่

คอหอยเพื่อหยุดม้าขาวให้หมดทางต่อสู้ ข้าเบิกตามองอย่างตกใจจนกระทั่งสูญเสียความระวังตัวและในที่สุดพวกมันก็รุม

ข้าจนกระทั่งพวกมันใช้เถาวัลย์มัดร่างของข้าไว้ได้ในที่สุด






               ข้าถูกผลักให้ล้มลงกลางลานดินของเผ่าต่อหน้าสิงโตเฒ่าผู้เป็นหัวหน้าเผ่า มันเป็นคนตัวผู้ใบหน้าน่าเกรงขาม

เนื้อตัวมีแต่รอยแผลเก่าจากการต่อสู้เป็นการประกาศศักดาถึงความแข็งแกร่ง สิงโตเฒ่าจ้องมองมายังข้าด้วยสายตาที่

เต็มไปด้วยคำถาม


               “สูหายไปไหนมาเสือดำ”


               ยังไม่ทันตอบคำถามลิงลมก็ชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน


               “มันหนีไปพร้อมกับเชลย”


               ข้าเงยหน้ามองลิงลมอย่างชิงชัง


               “ข้าเป็นผู้จับมันได้ ข้าย่อมได้รับการเป็นเจ้าของมัน”


               สิงโตเฒ่าเพ่งมองข้าด้วยความกังขา


               “ก็แค่เชลย หากสูอยากได้มันไปครอบครองก็แค่บอกข้า เหตุใดต้องพามันหนีด้วยเล่า”


               “เพราะเชลยที่มันต้องการเป็นคนตัวผู้ที่งดงามที่สุดในเผ่าที่เราไปบุกมาเช่นไรเล่า”


               “ไอ้ลิงลม!”


               ข้าจ้องมองมันอย่างเคืองแค้นแม้ว่ามันจะเป็นสหายผู้หนึ่ง มันยิ้มเยาะพลางเดินไปดึงม้าขาวที่ถูกจับมัดให้ก้าว

เข้ามากลางลานดิน มันผลักให้ม้าขาวล้มลงเคียงข้างข้า ผู้คนในเผ่าที่ยืนล้อมมองเหตุการณ์ต่างพากันมองม้าขาวเป็นตา

เดียว

               เรือนร่างสมส่วนไม่ดำไม่ขาวจนเกินไปแต่งแต้มด้วยลายงดงามจากยางไม้สีสดแปลกตาทำให้ม้าขาวเป็น

เชลยที่งดงามที่สุด คนตัวเมียพากันหัวร่อคิกคักชะม้ายสายตามองในขณะที่คนตัวผู้ก็มองม้าขาวด้วยความหื่นกระหาย นั่น

เป็นสิ่งที่ข้าไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ม้าขาวเหลียวมองรอบตัวอย่างตื่นตกใจจนข้าแสนสงสาร ข้าหันไปมองสิงโตเฒ่าด้วย

สายตาเว้าวอน


               “ได้โปรดเถิดท่านพ่อเฒ่า ข้าต้องการใช้ชีวิตเคียงคู่กับมันผู้นี้ ท่านผู้เฒ่าได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”


               สิงโตเฒ่าย่างเท้าก้าวเข้าไปหาพลางใช้มือบีบคางม้าขาวให้เงยหน้าขึ้น ม้าขาวมองโต้ตอบอย่างกล้าหาญ

แม้ว่ามันกำลังสั่นด้วยความหวาดกลัว รอยยิ้มแสยะเกิดขึ้นบนปากซีดแตกระแหงของสิงโตเฒ่าพร้อมกับสายตาโลมเลีย

ม้าขาวไปเสียทั้งตัว


               “งดงามปานนี้ไงเล่า เจ้าเสือดำจึงอยากครอบครองเช่นนี้”


               “พ่อเฒ่าข้าของร้อง”


               ข้าอ้อนวอนอย่างไม่เคยทำมาก่อนแต่สิงโตเฒ่ากลับไม่ปรานีแม้แต่นิดเมื่อมันยืดตัวขึ้นประกาศก้องกลางลาน

ดิน


               “คนตัวผู้อันงดงามผู้นี้จะได้รับพรอันสูงสุดจากเทพอัคนี มันจะได้เป็นกายบูชายัญแด่องค์เทพในอีกสองดวง

อาทิตย์ขึ้น คนตัวผู้ทุกตัวในเผ่าของเราจะได้สมสู่กับมันถ้วนหน้าและหลังจากนั้นเสือดำจะได้รับพรให้เป็นผู้สมสู่เป็นคน

สุดท้ายก่อนปาดคอมันเพื่อบูชาเทพอัคนี”


               “ไม่!”


               ข้าตะโกนก้อง ม้าขาวหน้าซีดเผือดเมื่อมันหันมามองข้าอย่างรวดร้าว ข้าขยับกายเข้าหาแต่กับถูกไม้เท้าของ

สิงโตเฒ่าฟาดใส่ใบหน้าจนหงายหลัง


               “ระหว่างนี้แยกมันสองตัวออกจากกัน อย่าให้เสือดำเข้าใกล้กายบูชายัญได้”


               “เสือดำ!”


               “ม้าขาว!”


               ข้ายื้อยึดสุดแรงเกิดเมื่อม้าขาวถูกลากให้ไกลออกไปเรื่อยๆ ความเจ็บช้ำมาเยือนจนกล้าผยองใส่สิงโตเฒ่า


               “ข้าเคยนึกว่าสูเป็นผู้นำที่ดีจนเพลานี้จึงได้รู้ว่าข้าคิดผิด”


               “ข้าทำอะไรผิดหรือเสือดำข้าทำทุกอย่างเพื่อเผ่าของเรา สูต้องยอมเสียสละบ้าง ข้ารู้ว่าสูหวงแหนมันผู้นั้นแต่

เพื่อเทพอัคนีที่ดูแลพวกเราสูก็ต้องยอม”


               “ทั้งที่มันผู้นั้นคือคนที่ข้าต้องการใช้ชีวิตกับมันงั้นหรือ”


               “ใช่แล้วเสือดำ ข้าขอเตือนสูอย่าได้คิดจะลองดีกับข้า”


               มันเค้นเสียงจากปากซีดของมัน ดวงตาโปนถลนอย่างน่าหวาดกลัวก่อนจะหันกลับย่างเท้าเข้าไปในกระโจม

ใบไม้ เสียงหัวร่อเย้ยหยันจากคนตัวผู้รอบลานดินดังสะเทือนจนหน้าอกข้ากระเพื่อมจากความชิงชังพวกมัน





               พวกมันมิได้พันธนาการข้าแต่ข้าก็ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ม้าขาวที่ถูกจับขังไว้ในกรงไม้ คนตัวผู้ในเผ่าผลัดกัน

เฝ้าม้าขาวไว้จนกระทั่งถึงวันครีษมายันในที่สุด

                ดวงตะวันใกล้จะตรงหัว กองไฟถูกจุดจนเปลวไฟแดงฉานปล่อยควันให้ลอยละล่องไปบนฟากฟ้า ม้าขาวถูก

จับให้นั่งอยู่บนเสลี่ยงแบกหามมันไปยังเนินดินสูงที่มีแท่นหินใหญ่หน้าตัดเรียบตั้งอยู่ ใบหน้าของม้าขาวเต็มไปด้วยความ

หวาดหวั่นเมื่อร่างเปลือยเปล่าที่ข้าเฝ้าคิดถึงถูกจับจากเสลี่ยงให้ไปนอนอยู่กลางแท่นหิน

               พ่อหมอของเผ่าส่งเสียงกู่ร้องโหยหวนขนลุกพลางเต้นไปรอบกองไฟและแท่นหิน คนในเผ่าพากันส่งเสียง

ตามด้วยความคะนองฮืกเหิม ข้ายืนอยู่แถวหลังสุดเพ่งมองสิ่งเหล่านั้นอยากเกลียดชัง

                สิงโตเฒ่าหัวหน้าเผ่าก้าวเดินขึ้นเนินมาเป็นคนแรก มันชูแขนสองข้างขึ้นฟ้าพลางกู่ตะโกนลั่นป่าก่อนจะหัน

กลับไปมองม้าขาวด้วยดวงตาหื่นกระหาย เสียงร้องตะโกนดังพร้อมตอบรับจากคนในเผ่า ทุกคนต้องการสมสู่กับม้าขาว

แม้แต่คนตัวเมีย ม้าขาวขยับชันกายถอยหลังกรูดอยู่บนแท่นหินอย่างไร้ทางต่อสู้ ข้ากลั้นหายใจเมื่อเห็นสิงโตเฒ่าก้าวขึ้น

ไปคร่อมกายลงกับม้าขาว


               “แด่เทพอัคนี”


               สิงโตเฒ่าประกาศ มันจับขาของม้าขาวแยกออกจากกัน


               พรึ่บ!


               “อ๊ากกกก”


               เสียงดังอื้ออึงพร้อมความโกลาหลเมื่อลูกดอกพุ่งแหวกอากาศเข้าไปปักที่หัวไหล่ของสิงโตเฒ่า มันร้องลั่น

อย่างเจ็บปวดกับพิษจากยางไม้ที่ข้าเคลือบไว้ที่ปลายลูกดอก ม้าขาวยกเท้าถีบมันจนร่วงไปจากแท่นหินส่วนข้ารีบคว้า

ท่อนเหล็กคมกริบที่ลอบไปตีมันขึ้นมาในถ้ำในช่วงสองวันที่ผ่านมาโดยที่ไม่มีใครสนใจ

                ข้าบุกทะลวงเข้าไปใกล้แท่นหินพลางพุ่งหอกคมอีกอันหนึ่งให้ม้าขาวคว้าไว้และร่วมต่อสู้กับข้า มีดเหล็กอัน

ใหญ่ในมือล้มชีวิตคนตัวผู้ในเผ่าได้หลายคนจนกระทั่งข้าเข้าไกล้ม้าขาวและพยักหน้าให้มันออกวิ่งติดตามข้าที่ใช้มีด

เหล็กฟาดฟันเปิดทางนำข้าและม้าขาวหนีไปจากที่นี่


               “ตามมันไป”


               เสียงสิงโตเฒ่าบาดเจ็บลุกขึ้นมาออกคำสั่ง พวกมันที่เหลือวิ่งตามข้ากับม้าขาวมาจนกระทั่งเราต้องหยุดเท้า

ลงเมื่อเบื้องหน้าเป็นหน้าผาสูงชันและมีน้ำตกสาดน้ำซัดเสียงดังสนั่น ข้าหันกลับไปยกมีดเหล็กขู่พวกมันไว้


               “สูทำผิดกฎของเผ่า ทำลายพิธีบูชายัญเพื่อเชลยเพียงคนเดียว ข้าผิดหวังเหลือเกินเสือดำทั้งที่สูเป็นคนตัวผู้

ที่ฝีมือดีที่สุดและเป็นความหวังที่ข้าตั้งไว้เพื่อสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่า”


               “ข้าไม่อาจยินยอมให้ม้าขาวกลายเป็นกายบูชายัญ มันคือคนของข้า”


               “เปลี่ยนใจยังทันเสือดำ”


               สิงโตเฒ่าเกลี้ยกล่อม


               “หากสูยังดึงดัน ข้าจะขับสูออกจากเผ่าแล้วกำจัดสูให้สิ้นลม”


               ข้าหันไปกระชับมือกับม้าขาวและสบตากับมัน


               ไม่มีมันก็ไม่มีข้า เราต่างมองตาและหัวใจ


               และยังไม่มีใครทันคาดคิด ข้ากับม้าขาวก็หันหลังกระโจนแหวกอากาศร่วงลงสู่น้ำตกที่สาดซัดลงไปยังเบื้อง

ล่างโดยไม่หวาดกลัวความตาย
               



             ร่างของข้าซบอยู่กับผืนดินที่ยังมีลำน้ำซัดเข้าหาเป็นระยะ ข้าเงยหน้าสูดลมหายใจและสำลักเมื่อน้ำในร่าง

ทะลักออกมาจากปาก ใช้มือยันกายขึ้นพลางมองหาจนกระทั่งเจอม้าขาวนอนแผ่อยู่ไม่ไกลจากข้านัก


               “จับยึดมือข้าไว้ม้าขาว”


                 ตะโกนบอกมันก่อนกระโดดลงมาจากภูผาสูงร่วงหล่นลงน้ำดังตูม สายน้ำลึกหมุนวนและไหลเชี่ยวพัดพาเรา

ไกลออกมาโดยที่มือของเรายังจับกันไว้มั่น ข้าลอยตัวปล่อยให้สายน้ำเชี่ยวพัดพาเราทั้งสองมาจนกระทั่งมันพาเรามา

นอนเกยอยู่บนฝั่ง

                  ข้าคลานสี่ตีนเข้าไปหายกมือตบหน้าม้าขาวเบาๆ ไม่นานนักมันก็ลืมตาขึ้นมา เปลือกตาของมันปิดและเปิด

อีกไม่กี่ครั้งมันก็หันมาสบตากับข้า ม้าขาวผลักตัวเองขึ้นนั่งก่อนที่เราจะโผเข้ากอดและดูดปากกัน


                “ขอบใจเหลือเกินเสือดำที่ช่วยข้า”


                 มันเอ่ยเมื่อเราผละปากออกจากกันแล้ว ข้ายกมือลูบหน้ามันเบาๆ


                 “ข้าทนไม่ได้หากสูจะต้องถูกคนอื่นย่ำยี”


                  “แม้ว่าสูจะถูกขับออกจากเผ่างั้นรึ สูเสียสละเหลือเกิน”


                  มันมองข้าด้วยสายตาหวานราวกับน้ำผึ้ง ข้าดึงมันเข้ามากอด


                “ไม่อยากให้ข้าอยู่ในเผ่าข้าก็ไม่อยู่ ข้าอยู่ที่ใดก็ได้ที่มีสูอยู่”


               “เสือดำ”


               “อยู่เคียงข้าตลอดไปได้ไหมม้าขาว”


               ข้ากระซิบกับหูและม้าขาวให้คำตอบด้วยการดึงหน้าข้าไปดูดปาก ข้าผลักมันให้กลับล้มไปนอนอยู่บนดินชื้นที่

ยังมีสายน้ำพัดเข้าหา ไล่ลิ้นไปตามลายยางไม้สวยสดจนถึงแอ่งสะดือ ม้าขาวสะดุ้งเฮือกเมื่อข้าจับคว้าท่อนเนื้อของมัน

เข้าไปในปาก


               “ดูดเบาๆเถิดเสือดำ ข้าจะขาดใจเสียก่อน”


               ม้าขาวต่อว่าเสียงกระเส่า มันยกขาตั้งชันเปิดทางให้ข้าได้ดันกายเข้าหา ม้าขาวขยับเอวรับเมื่อข้าสอดดัน

เข้าไปทีละน้อยข้ากอดมันไว้ด้วยความคิดถึง ม้าขาวสอดมือลึกเข้ามาในเส้นผมของข้าและขยุ้มไว้เมื่อเข้าเด้าเอวเข้าใส่

กลีบปากแสนนุ่มของมันห่อเล็กและครางออกมาอย่างน่าดู


               “เสียวเหลือเกิน ร่องลึกของเจ้าช่างรับข้าได้ทุกสัดส่วน”


               ข้าเงยหน้ากัดฟันเมื่อความคับแน่นกำลังจู่โจมจนหน้าท้องเกร็งไปทุกส่วน ข้าชันขาลุกขึ้นยืนพลางสอดมือไป

ที่ใต้เข่าของม้าขาวยกมันจนลอยสูงเหลือเพียงสะบักที่ยังติดพื้น ความต้องการทะยานจนต้องเร่งเอวไม่หยุดยั้ง ม้าขาวส่ง

เสียงดังลั่นมันคว้าแก่นกายตัวเองรูดรั้งจนกระทั่งพากันหน้ามืดเมื่อเราล่วงล้ำไปถึงสวรรค์บนดิน





    มีต่ออีกนิด...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 11:13:49 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้จ้า...



                ในยามราตรีนั้นข้าพิงกายกับโขดหินริมลำธารเมื่อเราต่างอิ่มจากปลาที่เอามาเผากับกองไฟแล้วผลัดกันป้อน

เข้าปาก มีเพียงเราสองคนกับป่ากว้างและท้องฟ้ามึดมิด ข้ายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นกับม้าขาว ขอแค่มีมันข้าไม่นึก

อยากมีผู้ใดอีกแล้ว ม้าขาวเหลียวมองข้ามันซุกกายอยู่กับอกข้า


               “สูคือชีวิตของข้า”


               มันเอื้อนเอ่ยออกมาข้าจึงกอดมันเป็นรางวัล มันสะกิดข้ายิกๆ


               “ทำไมรึม้าขาว”


               มันดึงมือข้าไปจับอยู่บนท่อนเนื้อหยุ่นของมันให้ข้านวดเฟ้นมันขึ้นมา


               “ข้าอยากได้สู”


               “ตามใจสูสิ”


               “ข้าหมดแรง”


               ข้าโคลงหัวใส่ม้าขาว แต่ก็ยอมดูดปากและเลื่อนตัวลงมากลืนกินปลุกเร้าจนกระทั่งท่อนเนื้ออวดตัวล้อ

แสงจันทร์ข้าจึงขยับขึ้นไปนั่งทับให้มันถูไถกับช่องทางแหวกเร้น สัมผัสอบอุ่นทำให้ข้าเองก็ต้องการม้าขาวไม่ยิ่งหย่อน

ไปกว่ากัน ข้าจับให้มันเสียดแทงเข้าไปในร่องลึกของข้าทีละนิดในขณะที่ข้าสวมกอดและดูดปากแลกลิ้นจนเสียงดังลั่น


               “อา ลึกมาก ลึกกว่าที่เคย”


               ด้วยท่วงท่าแปลกประหลาดมันสร้างความรัญจวนเหลือเกิน ท่อนเนื้อของม้าขาวสอดเสียดสัมผัสภายในร่อง

ลึกจนข้าหนาวสะท้าน ข้าหมุนเอวเข้าใส่และกระแทกมันลงไป


               “อุ๊ก เสียวเกินไปแล้วเจ้าคนเก่ง”


               ม้าขาวร้องลั่นพลางสวนเอวกลับ ข้าถึงกับสูดปากลั่นเบียดตัวเข้าหามัน ม้าขาวดูดนมข้าจนแดงก่ำ มันยึดเอว

ข้าไว้แล้วชันเข่าเข้าช่วยเมื่อมันดันเอวขึ้นมากระทุ้งจนหัวข้าสั่นคลอน


               “ม้าขาว”


               “เสือดำ”


               ส่งเสียงกู่ร้องเมื่อเทพอัคนีมาเยือนอยู่ตรงหน้า ข้าซบหน้าลงไปบนหัวของมันแล้วพากันหอบหนักพักใหญ่




               “เราทั้งสองอยู่ที่นี่กันก็ดีนะในเมื่อเทพอัคนี้ชี้ทางเรามาที่นี่”


               ม้าขาวเอ่ยขึ้นพลางมองไปโดยรอบ


               “ใกล้ลำธาร มีที่ราบตั้งกระโจมใบไม้ มันสงบและน่าอยู่จนข้าไม่อยากไปที่อื่น”


               “ตามใจสูสิ”


               “เอ่ยคำอื่นบ้างก็ได้เสือดำ สูจะดีกับข้าเกินไปแล้ว”


               ม้าขาวหน้าแดงอยู่ในความมืด มันงดงามจนข้าต้องโลมเลียใบหน้าของมันไม่ว่างเว้น


               “เพราะสูเองก็เอาชีวิตข้าไปแล้ว ตอนนี้ชีวิตข้าเป็นของสู”


               เราต่างจ้องตากันและกัน ข้าดีใจเป็นล้นพ้นที่ไม่ได้ปาดคอม้าขาวตั้งแต่คราวแรกที่ได้เจอ เพื่อที่วันนี้มันจะได้

ชีวิตและจิตใจของข้าไปครอบครอง


               “เช่นนั้น ข้าขอใช้ความเป็นเจ้าของชีวิตสูด้วยการทำให้สูมีความสุขอีกสักครั้งนะเสือดำ”


               เสียงของม้าขาวนุ่มนวลเหลือเกิน ข้าดันกายให้มันล้มลงไปบนพื้นดินแล้วยิ้มให้มันอีกครา


               “ตามใจสูสิม้าขาว”



                                               -----------------------จบแล้ว ย้ากกกก------------------------



เรื่องต่อไปจะแต่งแนวอบอุ่น ใสๆวิ้งๆนะคะ

 :hao3: :hao3: :hao3:



ปอลิง... ทำโพลด้านบนให้บ้างเด้อ    :L2: :L2: :L2:
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                               
               
               
               

               
               

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มก่อน
ชอบให้เสือดำเป็นเมะอ่ะ
รอเรื่องหน้าน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 12:24:45 โดย boboman »

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เป็นตอนจบที่อ่านแล้วลุ้นทุกตัวอักษร ไม่ใช่อะไรกลัวจบแบบดราม่ามากๆ แต่คนแต่งไม่ใจร้ายกับเราจบแบบครองคู่กันอย่างมีความสุข แฮปปี้มากๆชอบๆ กอดคนแต่งทีนึง  :กอด1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว~รอเรื่องต่อไป

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ลุ้นเสียใจหายใจคว่ำหมดเลยค่ะ
ครองรักกันดีๆนะ ของให้ทั้งสองคนปลอดภัย
รอเรื่องต่อไปค่ะ   :mew1: 

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สมหวังๆ ดีจังเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
นึกว่าม้าขาวจะโดนย่ำยีซะแล้ว ดีนะเสือดำมาช่วยแล้วจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
รอเปิดเรื่องใหม่จ้า สู้ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ตอนนี้ทำให้รู้ว่าเมื่อสามพันปีก่อน มีการออนท็อปเกิดขึ้น  :m25: :z1: :pighaun: :haun4: :jul1: :oo1:
10/10 เลยเรื่องนี้ อิอิ
แต่จะให้ดีเสือดำน่าจะยิงให้โดนหัวไอ้สิงโตเฒ่าเลยนะไม่ใช่หัวไหล่  :m16:

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :impress2: สุดท้ายก็ได้อยู่คู่กันสมใจหมาย

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรารอจบแล้วค่อยมาอ่าน55555
แอบอ่านยากนิดนึง ต้องค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ลุ้น
แต่ภาษาหนุกมาก ชอบๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ลุ้นแทบแย่  สุดท้ายไรท์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับเรานัก   :กอด1:

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
หวายยยย ผลัดกันตลอด55555555555555555555

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
นึกว่าจะเป็นอะไรไปซะแล้ว แฮปปี้จ้า ขออย่าให้มีใครตามมารังควานอีกเลย

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :m25: หว๊ายยยยยย พลิกสุดๆไปเลยพี่เสือดำ ยอมให้พี่ม้าขาวด้วย   :ling1:

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
รอเรื่องต่อไปฮะ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                       ลูกเลี้ยง

                                                                        บทที่ 1               


               ภาติยะเงยหน้าทอดสายตามองควันดำกลุ่มใหญ่ที่กำลังลอยสูงไปบนท้องฟ้ากว้างราวกับกำลังส่งให้มันได้

โลดแล่นไปสู่อิสระอย่างที่ต้นเหตุของมันเคยต้องการหนักหนา เขายืนอยู่นานจนกระทั่งหันกลับไปมองใครคนหนึ่งที่ยืน

สงบนิ่งอยู่ภายใต้ผืนผ้าสีกรัก ใบหน้าสงบนิ่งนั้นยังคงมีร่องรอยความเศร้าหมองฉาบอยู่ขณะจ้องไปยังเปลวไฟที่เผาไหม้

ร่างไร้ชีวิตอยู่บนเมรุตรงหน้า

               ใบหน้าของเด็กวัยรุ่นอายุแค่สิบเจ็ดปีช่างคล้ายคลึงกับรูปถ่ายของผู้หญิงที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางเดินลงจากเมรุ

เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้นมีเชื้อสายของชาวตะวันตกที่ไม่สามารถระบุสัญชาติได้ผสมอยู่ มันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับ

เครื่องหน้าคมเข้มของลูกครึ่งรวมทั้งความสูงกว่าคนที่อยู่วัยเดียวกัน


               “ธาม”


               ภาติยะเดินตรงไปหยุดยืนเบื้องหลังแล้วเอ่ยชื่อเด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มที่เป็น “ลูกเลี้ยง” ของเขา

               ใช่ ธามเป็นลูกเลี้ยงของภาติยะ ทั้งที่เขาเพิ่งจะมีอายุผ่านหลักสามมาได้แค่ปีเดียวและผู้หญิงในรูปที่กำลัง

กลายเป็นควันอยู่บนท้องฟ้านั่นคือธารีภรรยาของเขาและเป็นแม่ของธาม

                ภาติยะพบเจอกับธารีตอนที่เขาเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีด้านดนตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เมื่อเขาไปรับงาน

เล่นเปียโนแทนเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บในคลับหรูแห่งหนึ่งของโรงแรมกลางเมืองหลวง วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาได้พบกับนัก

ร้องสาวเสียงดีที่กล่อมให้ผู้ฟังเคลิ้มตามด้วยเสียงดุจระฆังแก้ว ภาติยะตกหลุมรักธารีทันทีแม้ว่าฝ่ายหญิงจะมีอายุมากกว่า

เขาถึงห้าปีก็ตามแต่ภาติยะไม่ได้สนใจตรงนั้น หากแต่เสน่ห์ในการร้องเพลงต่างหากที่ดึงดูดให้เขาไม่อาจละสายตาจาก

ใบหน้าคมกริบอย่างสาวใต้ของธารี

               ช่วงเวลาที่ยังว่างจากการเสาะหางานทำให้ภาติยะมีเวลามากพอที่จะมานั่งเฝ้าธารีได้ และในที่สุดเพราะความ

อ่อนโยนช่างเอาใจใส่และฝีมือในการเล่นเปียโนของภาติยะก็ทำให้สาวรุ่นพี่เปิดใจให้เขา และครั้งแรกที่ภาติยะได้เรียนรู้

ชีวิตของธารีเขาก็ถึงกับอึ้งเมื่อธารีแนะนำให้ภาติยะได้รู้จักกับเด็กลูกครึ่งวัยสิบขวบที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างๆธารี


               “นี่คือธาม เขาเป็นลูกของธาร”


               คำแนะนำง่ายๆดังขึ้นเมื่อผู้ชายสองวัยนั่งมองหน้ากัน ผู้หญิงเพียงคนเดียวเปิดใจให้ภาติยะฟังอย่างไม่อาย


               “ธารเป็นเด็กกำพร้าต้องต่อสู้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่ยังเด็ก พอเริ่มสาวก็รู้ตัวว่าเป็นคนรักเสียงเพลงเลยมาเป็นนัก

ร้อง ตอนอายุสิบแปดธารมีความสัมพันธ์กับมือกีตาร์ของวงร็อคที่เป็นฝรั่ง อย่าถามนะว่าเป็นใครเพราะชื่อก็ยังไม่รู้จักเลย

เราไปเที่ยวกันมีเซ็กส์กันไม่กี่ครั้งเขาก็กลับไปบ้านเกิด ธารเพิ่งรู้ว่าธารพลาดธารตั้งท้องแต่ธารก็ไม่ต้องการทำลายลูก

ธารให้เขาเกิดมาและพยายามเลี้ยงธามให้ดีที่สุดเท่าที่แม่นิสัยไม่ดีคนหนึ่งจะทำได้”


               ธารียิ้มให้เขาอย่างเข้าใจที่สุด


                “คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ อนาคตของภีมยังอีกไกล อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นที่เหมาะกับภีมมากกว่าธาร แม่ม่ายลูก

ติดที่ชีวิตเคยเหลวแหลกมาก่อน”


               ภาติยะรักธารีมากเกินกว่าจะตัดใจ

               และในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ธารีเป็นภรรยาที่ดีทั้งเรื่องการบ้านและเรื่องบนเตียงกับชายหนุ่มที่

ไม่เป็นประสาอย่างเขา แม้แต่ตอนที่แม่ของภาติยะป่วยธารีก็ช่วยดูแลจนกระทั่งเอาชนะใจแม่ของเขาที่ไม่ชอบหน้าธารีได้

และเมื่อแม่ของภาติยะเสียชีวิตลงเขาก็ไม่เหลือญาติคนอื่นอีก ธารีและธามเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านชั้นเดียวหลัง

เล็กที่เป็นมรดกของเขา ภาติยะได้งานเป็นครูสอนเปียโนในโรงเรียนสอนดนตรีและรับงานพิเศษในคลับเฮาส์เฉพาะวัน

ศุกร์เสาร์ ส่วนธารีก็ยังคงร้องเพลงที่เธอรัก ชีวิตคู่เรียบง่ายดำเนินมาจนผ่านไปเจ็ดปีก็เกิดเหตุร้ายเมื่อร่างกายของธารี

ผอมลงเรื่อยๆและยังมีอาการเหนื่อยง่ายอีกด้วย


               “ธารไม่อยากไปหาหมอ เดี๋ยวก็ตรวจโน่นตรวจนี่ค่ารักษาแพงจะตาย ธารไม่เป็นอะไรหรอกน่า เก็บเงินไว้ให้

ธามเรียนดีกว่า”


               ตอบอย่างดื้อดึงทุกครั้งที่ภาติยะให้ไปหาหมอจนเขาได้แต่อ่อนใจ และในที่สุดนาทีวิกฤติก็มาเยือนเมื่ออยู่ร่าง

ผอมของธารีก็ร่วงลงไปกองกับพื้นทั้งที่อยู่บนเวที ภาติยะรีบพาธารีไปพบแพทย์ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาติยะถึงกับช็อก


               “คุณธารีเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย”


               ดูเหมือนเจ้าตัวจะรับสภาพได้เร็วกว่าสามีเสียอีก ใบหน้าสวยคมทำเพียงถอนหายใจเบาๆในขณะที่เขาละล่ำ

ละลักถามหมอ


               “ยังไงก็รักษาได้ใช่ไหมครับหมอ มะเร็งเม็ดเลือดให้คีโมได้นี่ครับ”


               คำตอบจากนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญราวกับเครื่องประหารชีวิตเมื่อภาติยะได้ยิน


               “คีโมให้ได้เมื่อเป็นช่วงแรกถึงจะได้ผลดีที่สุด แต่ในระยะที่คุณธารีเป็นหมอคิดว่ามันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น”


               เขาทรุดนั่งอย่างหมดแรง คนที่ปลุกปลอบกลับเป็นธารีที่เข้มแข็งเหลือเกิน


               “ชีวิตนี้ยังไงก็ต้องตายสักวันหนึ่งแค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่ชีวิตที่ผ่านมาของธารคุ้มค่าแล้วที่ได้มีสามีอย่าง

ภีมและมีลูกอย่างธาม ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก็ขอแค่ให้ธารได้มีความสุขกับครอบครัวธารก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”


               ธารีใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายเข้าๆออกๆโรงพยาบาลอีกเพียงสามเดือนลมหายใจรวยรินก็หยุดลงอย่างสงบ ภาติยะ

นึกเสียดายที่เขาไม่มีลูกกับธารี สิ่งที่เหลือเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เขารักจึงมีเพียงลูกเลี้ยงวัยสิบเจ็ดปีที่บวชเณรหน้าไฟ

ให้มารดาเป็นครั้งสุดท้าย


               “เย็นมากแล้ว ไปลากับท่านเจ้าอาวาสแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้านกันเถอะ”


               ลูกเลี้ยงหันมามองเขาด้วยนัยน์ตาเรียบเฉย ดวงตาที่ถอดแบบมาจากธารีทำให้ภาติยะสะท้อนใจ อายุเพียงสิบ

เจ็ดปีแต่ธามสูงพ้นหัวของเขาไปแล้ว ใบหน้าที่ปราศจากเส้นผมยังคงหล่อเหลาไม่ต่างจากตอนที่เจ้าตัวปล่อยผมให้ยาว

ระต้นคอแล้วใช้เจลแต่งผมให้มันยุ่งๆตามความนิยมของวัยรุ่นยุคนี้

               นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ภาติยะกลุ้มใจ

               ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกก็ดูเหมือนธามจะไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ ลูกเลี้ยงของเขาเป็นเด็กเงียบขรึม ยิ้มยาก

หากไม่คลุกคลีอยู่กับธารีก็จะอยู่เพียงลำพังกับกีตาร์ตัวเก่งที่เจ้าตัวเก็บเงินซื้อมา ธามพูดกับพ่อเลี้ยงอย่างภาติยะนับครั้ง

ได้เด็กหนุ่มมักจะก้มหน้าลงและเหลือบมองภาติยะมันกลายเป็นบุคลิกที่เขาคุ้นชิน และที่สำคัญธามไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อ


                “คุณภีมไม่เหมาะจะเป็นพ่อของผมหรอก”


               แทบจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุด แต่มันก็ทำให้ภาติยะเคืองได้มากที่สุดเช่นกัน


               ภาติยะอยากจะรู้นักว่าเขาต้องทำดีกับธามแค่ไหน ลูกเลี้ยงแสนหยิ่งจึงจะยอมรับเขาเสียที


               ก้าวกลับเข้ามาในบ้านหลังเล็กที่มีเพียงสองห้องนอนเท่านั้น ห้องหนึ่งเป็นของภาติยะกับธารีและห้องหนึ่งเป็น

ของธาม ผู้ชายต่างวัยหยุดยืนอยู่ในความเงียบงัน ดวงตาของภาติยะร้อนผ่าวเมื่อวันนี้เป็นวันแรกในรอบเจ็ดปีที่เขาจะต้อง

นอนเพียงลำพังในห้องโดยปราศจากธารี


               “แม่ตายไปแล้ว คุณภีมควรจะทำใจให้ได้”


               คำพูดของลูกเลี้ยงทำให้ภาติยะหมดความอดทน เขาหันไปสบตาธามอย่างตัดพ้อต่อว่า


               “ฉันทำใจไม่ได้ง่ายๆอย่างที่นายทำหรอกนะธาม นายก็รู้ว่าฉันรักธารแค่ไหน น่าแปลกใจนะที่ลูกชายคนเดียว

อย่างนายกลับทำใจได้ง่ายเหลือเกิน”


           ปัง!!                 

        ภาติยะสะดุ้งเฮือกเมื่อกำปั้นของธามลอยผ่านหูเสียงดังวืดไปกระแทกเข้ากับผนังปูนด้านหลัง เมื่อเขาตั้งสติและ

ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหัวใจของเขาก็ต้องเต้นรัวด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างสูงของธามยืนค้ำหัวและก้มหน้าจ้องมองเขาด้วย

สายตาดุดันในระยะใกล้ชิดเหลือเกิน



                “อย่าพูดเหมือนคุณรู้ใจผมนักเลยคุณภีม เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดอะไรกันแน่”



                ภาติยะรีบหลบตาเมื่อธามกระชากแขนกลับ เขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อธามย่ำเท้าเดินกลับเข้าไปในห้องทิ้งให้

เขาหมดแรงจนต้องพิงหลังไปกับผนังของบ้าน ภาติยะถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มกับความสัมพันธ์อันไม่มั่นคง

ระหว่างเขากับธาม โซ่ที่เหลือเพียงเส้นเดียวของเขากับธารี



                ภาติยะนอนคุดคู้อยู่เพียงคนเดียวบนเตียงกว้าง เขาหลับลงไปอย่างไม่สนิทนักเมื่อหมดแรงไปกับการร้องไห้

ในขณะที่อยู่คนเดียว มันอ้างว้างจนไม่กล้าจะปิดประตูให้สนิท เขาหลับไปอย่างอ่อนเพลียจนไม่รู้ว่าภายนอกห้องมีใคร

บางคนนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกเพื่อมองมายังเขาผ่านช่องแคบของประตูด้วยสายตาห่วงใย
               






                ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปเมื่อเสร็จจากงานศพของธารีแล้วภาติยะก็ต้องไปทำงานเช่นเดิม และวันนี้เป็นวันศุกร์

ที่เขาต้องกลับบ้านดึกกว่าปกติเพราะเพิ่งเลิกจากงานเล่นเปียโนในโรงแรม ภาติยะกลับเข้ามาในบ้านพลันก็ต้องแปลกใจ

เมื่อเห็นรองเท้าอีกคู่ที่ไม่คุ้นตา


                เสียงเพลงวัยรุ่นดังลอดมาจากห้องของธาม ภาติยะก้าวเข้าไปหยุดยืนหน้าประตูห้องหวังจะบอกให้ลูกเลี้ยง

เบาเสียงดนตรีลง มือเรียวของนักเปียโนจับค้างที่ลูกบิดและผลักเข้าไปช้าๆ แต่เมื่อเขาเงยหน้ามองภาพที่เห็นทำให้เสียง

ของเขาหายไปไหนลำคอทันที



                “ฮึก โอย เบาๆไอ้เหี้ยธาม รูกูแหกหมดแล้ว”



                “หึ มึงก็รู้ว่ากูยั้งแรงไม่อยู่”



                เสียงขรึมเป็นนิจตอบโต้กลับทั้งที่ยังคร่อมกายอยู่เหนือร่างที่นอนหงายยกขาให้ธามได้กระแทกกระทั้นใส่

ใบหน้าคนใต้ร่างบิดเบี้ยวเหยเกด้วยแรงอารมณ์ ธามขยับชันเข่าแล้วช้อนมือยกสะโพอีกฝ่ายจนลอยเหนือพื้นเตียงแล้ว

สาวเอวใส่ไม่ยั้ง เสียงร้องลั่นครวญคร่ำดังแข่งกับเพลงร็อคที่เปิดไว้ลั่นห้อง



                “โอ๊ย ซี้ด ไอ้ธาม มึงแม่งเจ๋งสุดๆ รู้งี้กูเอากับมึงนานแล้ว”



                ธามไม่ตอบโต้อะไรอีก เขากดยิ้มที่มุมปากเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่จ้องมองอย่าง

ตกตะลึง ธามกัดฟันซอยเอวไม่ยั้ง เพื่อนของเขาที่ชื่อกบบิดกายพล่านจนหลังไม่ติดเตียง กล้ามเนื้อรอบแท่งเอ็นร้อนระอุ

ตอดรัดจนเขาเองก็ต้องถึงกับเงยหน้ากัดฟันสูดปากพลางสาวเอวจนพริ้วไหว



                “อ๊ากก ไอ้ธามตรงนั้นเสียวชิบหาย มึงเด้าแรงๆมาเลย”



                “แล้วมึงจะได้รู้ว่าสวรรค์มันเป็นยังไง”



                ธามรู้ ร่างกายใต้ล่างใกล้จะถึงฝั่งฝัน เขาช่วยเพื่อนด้วยการกอบกุมแท่งเนื้อที่ชูชันอยู่แล้วสาวรูดสนุกมือ

พร้อมกับเอวที่กระแทกไม่ยอมหยุด กบร้องลั่นพลางยกตัวเบียดกายเข้าหาให้เขาจัดการอย่างถึงใจ ธามมองเพื่อนที่

ตะกายขึ้นฟ้าดวงตาลอยคว้างก่อนจะหันขวับไปยังคนที่แอบมองจนสะดุ้งตัวโยน


                ธามถอนกายออกจากร่างกายที่ยังบิดเกร็งด้วยความสุขสมแล้วก้าวลงจากเตียงหันไปอวดกายเปล่าเปลือยที่

ท่อนเนื้อยังเปียกชื้น เขาดึงถุงยางอนามัยออกและโยนทิ้งถังขยะก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มท้าทายไปยังหน้าประตูห้อง



                “แอบมองทำไมครับ หรือว่าอยากจะมาร่วมวงด้วยล่ะ คุณพ่อเลี้ยง”



                ภาติยะหน้าแดงก่ำเมื่อยืนมองบทรักอันเร่าร้อน เขารู้ว่าลูกเลี้ยงโตเป็นหนุ่มแล้วก็ต้องมีเรื่องเซ็กส์บ้างแต่ไม่

นึกว่าธามจะมีเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกัน เมื่อได้ยินคำพูดท้าทายภาติยะก็ถึงกับเดือดจนต้องก้าวเข้ามาในห้องจนคน

ที่นอนบนเตียงถึงกับตกใจ



                “เหวอ ไอ้ธาม นี่พ่อเลี้ยงมึงนี่หว่า”



                ภาติยะกำหมัดแน่นมองธามและเพื่อนสลับกัน



                “ทำไมทำตัวอย่างนี้ธาม เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติแต่ไอ้ที่ทำอยู่มันผิดธรรมชาติไม่รู้หรือไง”



                ธามยักไหล่แล้วเท้าเอวมองอย่างไม่สนใจคำพูดของภาติยะ ทำให้ภาติยะยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม



                “เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเสียที รู้ไหมว่าถ้าแม่นายรู้จะเสียใจแค่ไหน”



                ดวงตากร้าวหันขวับมาจนภาติยะหน้าเสีย ใบหน้าธามยามโกรธน่ากลัวเหลือเกิน



                “อย่าพูดถึงแม่แบบนั้น แม่จะเสียใจที่ผมทำอะไรโดยไม่มีความสุขต่างหาก”



                ธามชี้มือไปที่ประตู



                “กลับออกไปซะ ผมยังไม่อยากทะเลาะกับคุณภีมตอนนี้”



                ภาติยะกัดฟันข่มอารมณ์ทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่เกิดขึ้นจนแยกไม่ออก เขาสะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากห้อง

ธามมองตามและก็ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นร่างเพรียวของพ่อเลี้ยงเดินลับตากลับไปยังห้องของตัวเองแล้ว



                “เฮ้ยธาม มันจะดีหรือวะ”



                กบที่เพิ่งจะลุกจากเตียงเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังแล้วพูดอย่างเป็นห่วง



                “กูรู้สึกไม่ดีเลยว่ะที่มึงต้องมาทะเลาะกับพ่อเลี้ยงของมึงเพราะว่ามึงแค่มาช่วยให้กูหายเงี่ยน กูว่ามึงควรจะไป

พูดกับเขาให้เข้าใจนะ”



                ธามยกมือห้ามเพื่อน



                “ช่างเขาเถอะ สักวันเขาจะเข้าใจเองว่ากูคิดยังไงกับเขาอยู่”



                ธามจ้องประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขาราวกับจะมองให้ทะลุถึงคนที่อยู่ภายในนั้นก่อนคลี่ยิ้มออกมา
 


                                                             TBC
 


ตอนใหม่ใสปิ๊งๆ หลังจากอินดี้มาหลายเรื่อง


ขอแต่งแนวโรมานซ์ เคะสูงวัยกับเมะวัยอ่อนบ้างนะคะ
 
:-[ :-[ :o8: :o8:
               
               
อ่านแล้วอย่าลืมกดโพลด้วยเด้อ


มีผลต่อตอนรวมเล่มนะจ๊ะ
 
     
o18 o18
                     
                                                               
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2015 21:37:02 โดย Belove »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด