ตอนสอง : ไอ้โรคจิต
“เป็นเหี้ยไร หน้างอเป็นตะขอเลย” เสียงของไอ้สินหนึ่งในแก๊งค์ สอ พ่อทุกสถาบันของพวกผมเอ่ยทัก
“โดนโรคจิตตาม” ผมเอ่ยอย่างรำคาญ หลังจากวันนั้นที่โดนแอบถ่ายผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่อย่าคิดว่ามันจะหายไปนะครับ
“แม่งตามกูมาสองอาทิตย์แล้ว” เอ่ยก่อนจะนอนฟุบหน้าบนโต๊ะไม้หน้าตึกเรียน
“เชี้ยยย” ไอ้ห่าสืบลูกสารวัตรใหญ่อุทานออกมาอย่างไพเราะเสนาะหูพวกผมเหลือเกิน
“ใครวะ” ไอ้เส็งลูกเจ้าของร้านทองชื่อดังย่านเยาวราชพูดด้วยใบหน้ากลั้นหัวเราะ
“ไม่รู้เหมือนกันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” อย่าถามว่าทำไมไม่ไล่มันไปปล่อยให้ตามตั้งหลายวัน ผมจะพาพวกคุณย้อนไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมา
.
.
.
.
.
.
.
“แชะ แชะ” เสียงถ่ายรูปหลอนหูผมมากหลังโดนแอบถ่าย แต่เดี๋ยวก่อนนี่ผมโดนแอบถ่ายอีกแล้วหรอ
‘ขวับ’ หันคอกลับหลังแบบทันที กะแล้วว่าลางสังหรณ์กูต้องไม่ผิด
“มึงคิดว่ายืนแอบหลังเสาไฟแล้วมิดหรือไง ตัวอย่างกะยักษ์”ไอ้โรคจิตคนเดิมที่ยืนแอบหลังเสาไฟฟ้าข้างถนนฝั่งตรงข้ามกับจุดที่ผมยืนอยู่
“……..” ไร้เสียงตอบกลับเช่นเคย
“เลิกถ่ายได้ แล้วไม่ต้องตามกูมาอีกนะ” นั่นคือเหตุการณ์แรกหลังตึกที่คณะเรียนของผม
.
.
.
.
.
.
“แชะ”
“มึงอีกแล้วหรอ” มันแอบถ่ายผมกำลังยืนต่อแถวซื้อน้ำเก็กฮวยอยู่หลังต้นชมพูพันธุ์ทิพย์
“……..” ใบหน้าที่เรียบเฉยเริ่มแดงเหมือนเขินที่ถูกจับได้
“กูบอกว่าอย่าถ่าย ทำไมไม่ฟังวะหรือหูหนวกอีก” ผมเดินตรงเข้าไปหามันที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
“ไม่ได้หนวกแค่เป็นใบ้” คราวนี้มันไม่ใช้มือถือแต่เป็นสมุดเล่มเล็กกับปากกาแทน
“เฮ้อออออ กูจะทำอย่างไงกับมึงดีวะ”
“……”
.
.
.
.
.
หนังสือมากมายกองเป็นตั้งบนโต๊ะในห้องสมุดถูกใช้เป็นเกาะกำบังหลบสายตาคนให้กับผม ตอนแรกเข้ามาหาหนังสือทำรายงานแต่อ่านมากไปตาลายเลยของีบสักหน่อย
‘ครืดด’ เสียงเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามหน้าเด็กหนุ่มที่นอนฟุบหลับบนโต๊ะดังขึ้น
เด็กหนุ่มร่างสูงที่คอยตามถ่ายรูปนั่งลงจ้องหน้าคนที่แอบหลับอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา ก่อนจะหยิบมือถือไอโฟนล่าสุดขึ้นมาปิดเสียงแล้วกดปุ่มถ่ายรูปคนตัวเล็กเอาไว้ ถึงค่อยลุกออกจากโต๊ะไปปล่อยให้อีกฝ่ายหลับอย่างสงบ
“หาววว ทำไมรู้สึกเหมือนโดนแอบถ่ายวะ” แต่หมอนั่นก็ไม่เห็นอยู่แถวนี้นี่หว่า สงสัยจะระแวงมากไป
คุณอย่าคิดว่าเหตุการณ์มันจะหมดแค่นี้นะเพราะผมกลับเจอมันเกือบทุกที่ในมหาลัย ทุกคนคงไม่คิดว่าเป็น
‘พรหมลิขิต’ หรอกใช่ไหมแม้จะเป็นตอนนี้ ‘กูก็ไม่เชื่อโว้ย’
“นี่มึงจะตามไปถ่ายกูในส้วมด้วยหรอวะ” หลังจากเล่าให้ไอ้พวกสอ พ่อทุกสถาบันจบ ก็แยกตัวมาเข้าห้องน้ำก่อนไปเรียนกับไอ้สักที่เดินเข้าไปก่อนแต่ผมดันเหลือบเห็นไอ้ยักษ์ตัวเดิมชะโงกหน้าจากหลังเสาของตึก
“……”มันยืนส่ายหน้าก่อนจะแวบหายเข้าหลังเสา
“ยืนพูดห่าไรเสียงดัง ไม่ฉี่หรอวะ” ไอ้สักเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำหน้าตาสงสัยว่าผมพูดอยู่กับใคร
“ก็ไอ้โรคจิตที่แอบถ่ายกูอ่ะ แม่งหลบอยู่หลังเสานั่น” ผมชี้นิ้วไปเสาต้นที่มีคนแอบยืนหลบ
“กูขอดูหน้าหน่อยดิ”สักเดินไปที่เสาที่เพื่อนตัวเล็กของเขาชี้มา
“…….”
“มึงเองหรอวะ
ไอ้ไท” คนที่ยืนหลบเดินออกมาไหว้สัก
“มึงรู้จักมันด้วย” ผมถามอย่างแปลกใจ
“เออดิ นี่รุ่นน้องในชมรมกูเองมันชื่อ ‘ไททัน’ เรียนอยู่บริหารปีหนึ่งแถมเป็นลูกเจ้าของมหาลัยอีกนะไอ้สมอล” ไอ้ประธานชมรมถ่ายรูปเอ่ยแนะนำตัวรุ่นน้องของมันอย่างภูมิใจแต่คนฟังกลับตกใจจนนิ่งไปพักใหญ่
“อ้าวไอ้สัดเงียบ ช็อกดิมึง โรคจิตที่มึงว่าเนี่ยโปรไฟล์ดีงามชิบหาย รูปหล่อ พ่อรวย ดีกรีเหนือเดือนด้วยนะเว้ย” เออกูช็อกอยู่ขอตั้งสติก่อน
“…….” ไททันยืนมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าเหวอหลังรู้จักตัวเขา
“ไอ้ท่าน นี่เพื่อนพี่มันชื่อ ‘สมอ’ แต่พวกพี่เรียก ‘สมอล’ แล้วมึงแอบถ่ายเพื่อนพี่ไมวะครับ” สักแนะนำเพื่อนเสร็จจึงหันไปถามรุ่นน้องที่ยืนหน้านิ่ง
“…..”
“เออกูลืมไป มึงค่อยเขียนมาเล่าให้กูฟังละกัน”
“……” พยักหน้าเป็นอันรู้กัน
“มึงเลิกหน้านิ่งสักทีกูกลัว ถึงมึงจะหน้านิ่งแล้วหล่อโคตรก็เถอะ” สักหันมาบ่นรุ่นน้องก่อนจะลากมือเพื่อนตัวเล็กที่ยืนนิ่งไปเข้าเรียน
“เพื่อน ๆ ครับ กูรู้แล้วว่าใครคือโรคจิตของไอ้สมอล” สักเอ่ยขึ้นกลางวงหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องเรียนไป
“แถลงครับมึง” ไอ้พวกสามสอที่เหลือพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดแนะกันก่อน
“มึงจำไอ้ท่าน รุ่นน้องกูที่ชมรมได้ปะ”
“ลูกเจ้าของมหาลัยอ่ะนะ” เส็งนึกออกก่อนคนแรก
“ไอ้คนที่หน้านิ่งเหมือนกล้ามเนื้อบนใบหน้าตายใช่มะ” ไอ้สินมึงโม้แล้ววันนั้นกูยังเห็นมันยิ้มอยู่เลย
“คนที่ถ่ายรูปสวยกว่ามึงอ่ะหรอ” กูขอจับมือหน่อยไอ้สืบพูดแทงใจดำไอ้สักได้
“เออ นั่นแหละ” สักมันทำหน้างอนครับเพราะมันชอบหมั่นหน้ามั่นโหนกว่าถ่ายรูปสวยสุดในชมรมบ่อย ๆ
“แล้วมันมาตามถ่ายรูปไอ้สมอลไมวะ”
“เดะกูรอมันพิมพ์มาเล่าก่อนแล้วจะมาไขให้ฟังคราวหน้า แต่ตอนนี้หาไรแดกก่อน” จบประโยคพวกผมค่อยยก
พลพรรคไปโรงอาหารวิศวะ ถิ่นที่สาว ๆ คณะอื่นมาเยี่ยมเยียนพวกเราชาวฟันเฟืองถึงถิ่น
“ไอ้ท่านทางนี้” สักโบกไม้โบกมือเรียกลูกเจ้าของมหาลัยที่หาที่นั่งกินข้าวไม่ได้
“แล้วมาแดกไรที่นี่ว่ะ คณะบริหารแม่งก็มี” สมอบ่นเสร็จแล้วก้มหน้าก้มตากินไม่มองผู้ที่มาใหม่
“เออหวัดดี นั่งกับพวกกูนี่แหละ” สินบอกทันทีที่ไททันยกมือไหว้ทุกคนก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็กของกลุ่ม
“……” มันหันมามองหน้าผมก่อนจะก้มกินข้าวในจาน
“เห้ยพวกมึงดูหูไอ้ท่านดิ
โคตรแดงเลยว่ะ”
“เชี้ยสักหุบปากแดกข้าวไปเลย”ผมเงยหน้าไปด่ามันก่อนจะมองไอ้คนข้างตัว
“จะเขินทำไม รีบกิน ๆ แล้วรีบไปซะ”
“ไอ้สมอล มึงจะไล่น้องมันทำไม”
“ไอ้สินลืมไปแล้วหรือไง ไอ้ห่าเนี่ยมันตามแอบถ่ายกูนะ น้อยใจนะพวกมึงไม่ห่วงกูเลย”
“พวกกูก็ไม่เห็นว่ามันจะโรคจิตตรงไหนเลย มึงคิดมาก”
“ไอ้เส็งมึงก็อีกคน เข้าข้างไอ้ยักษ์นี่หมดเลย” ผมขยับตัวจะลุกหนีพวกมันไปเก็บจานแต่คนข้าง ๆ ผมดึงแขนไว้แล้วลุกออกไปแทน
“ไอ้ห่าสมอ น้องมันน้อยใจเดินหนีไปแล้ว”
“พูดห่าไรถนอมน้ำใจน้องมันหน่อยดิวะ”
“เดี๋ยวพวกมึง นี่กูผิดหรอ” ผมเป็นฝ่ายโดนกระทำนะเว้ย พวกมึงเข้าใจผิดหรือเปล่า
“เออ” ประสานเสียงตอบเชียวนะพวกมึง
“ไปง้อน้องมันด้วย” สักอย่ามาสั่งสมอ มึงเป็นใครมากล้าสั่ง สมอ พ่อทุกสถาบันวะ
“แล้วกูจะไปหามันเจอได้ไง” นี่กูพูดอะไรออกไปวะ
“พรุ่งนี้พักเที่ยงไปห้องชมรมถ่ายรูปพร้อมกูละกัน” จบข่าว