Chapter : 71 รักเท่าโอ่งมังกร & คุยกับผู้ใหญ่
[พี่หมอ...♥]
“คุณหมอ หมายความว่ายังไงคะ บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ทำไมคนส่งส่วยคุณหมอถึงกลายเป็นน้องน้ำฝนไปแล้ว แล้ว…แล้ว…”
ผมหัวเราะ มองพี่ณีย์นางพยาบาลคนสนิท คนฉลาดและมองคนเก่งอย่างเธอคงเดาออกว่าผมกับฝนคงไม่ได้อยู่ในฐานะญาติคนไข้และคุณหมอกันธรรมดา
“พี่ณีย์เห็นว่าไง”
“คะ คุณหมอเป็น..” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ผมส่ายหัวไปมา
“ไม่ได้เป็นครับ แต่น้ำฝนเป็นคนพิเศษสำหรับผม”
“โอ๊ย พี่จะเป็นลม” เธอทำท่าจะเป็นลมจริง ๆ “แล้วคุณฟ้าของพี่ล่ะ คุณหมอเอาไปไว้ไหน”
“อยู่ที่เดิมครับ ผมใช้เวลาจีบคุณฟ้าอยู่นาน แต่คุณฟ้าเธอไม่รับรักผมสักที เลยมาสอยคนน้องแทน”
พี่ณีย์ตีแขนผมเบา ๆ ที
“นี่ พี่ถามจริง ๆ คบกันจริง ๆ หรือเปล่าคะ”
ผมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้
“ครับ กำลังจะปรึกษาอยู่พอดีว่าไปสู่ขอคนนี่เขาต้องทำกันยังไงบ้าง ไม่เคยสู่ขอใครสักที”
พี่ณีย์เบิกตากว้างทำท่าจะเป็นลมอีกรอบ พอได้สติเธอก็แนะนำผมหลายอย่าง
เมื่อผมตัดสินใจแล้วยังไงก็ต้องทำ
ผมโทรทางไกลไปคุยกับคุณพ่อตั้งแต่เมื่อวานหลังจากซื้อแหวนให้ฝนว่าผมเจอคนถูกใจที่พร้อมจะเอามาเป็นคู่ชีวิต พ่อดีใจใหญ่ แอบต่อว่านิดหน่อยเพราะผมไม่ยอมเอามาเปิดตัว ผมได้แต่หัวเราะ รอให้พวกท่านพร้อมแล้วจะพาไปแนะนำให้รู้จัก และแน่นอน เพราะพ่อต้องไปสู่ขอฝนให้กับผม ผิดไปบ้างที่ฝนเป็นผู้ชาย แต่พ่อผมทำกับอาทับทิมแบบไหน ผมก็อยากจะทำกับฝนแบบเดียวกันบ้าง
ผิดกันก็ตรงที่ผมทำร้ายฝนมาก่อน
ตอนแรกพ่อแพลนจะกลับไทยเดือนหน้า แต่พอผมเล่าให้ฟังท่านก็บอกว่าจะรีบหาตั๋วกลับให้เร็วที่สุดเพื่อกลับไทยมาดูว่าที่ลูกสะใภ้ ผมบอกไม่ต้องรีบร้อน ได้ความคืบหน้ายังไง พ่อจะโทรมาแจ้งอีกที
ฝนไลน์มาบอกว่าวันนี้พวกเพื่อน ๆ จะเลี้ยงฉลองกันที่บ้าน ผมเดาได้เลยว่าพวกนั้นต้องใช้ข้ออ้างว่าฉลองสละโสดให้กับฝนทั้งที่จริง ๆ ก็อยากกินกันเอง หมอนนท์มันไลน์มาบอกว่ามันก็อยู่ดื่มด้วย
แล้วผมจะพลาดได้ยังไงกัน ในฐานะเจ้าภาพ (หรือเปล่า)
ผมเข้าเวรจนถึงสามทุ่ม มองนาฬิกา ดึกขนาดนี้เด็กร่านผมต้องเมาหัวทิ่มแล้วแน่ ๆ แต่พอไปถึง ผิดคาดครับ เพราะฝนมันนั่งหน้ามุ่ยอยู่ในอ้อมแขนไผ่ รายนั้นเมาแล้ว ในขณะที่เพื่อนผมนั่งแทรกอยู่ระหว่างหินและตัน กลมกลืนไปเนียน ๆ
“คิดว่าเมาหัวทิ่มไปแล้วซะอีก”
“หึ แอบดีใจล่ะสิ ว่าฝนจะถวายตัวให้กินอีก” ไผ่มันกัด ผมยกยิ้ม
“ไม่จำเป็น เพราะไงฝนก็เป็นของฉันทั้งตัวและหัวใจ”
พวกนั้นพากันโห่ฮิ้ว ฟ้าหยิบแก้วเปล่ามาให้ยื่นให้ ตันทำหน้าที่ชงให้ผมเหมือนเดิม ฝนมันจะออกจากอ้อมแขนไผ่ แต่รายนั้นไม่ยอม
“ตัวจริงเขามาแล้วคุณ ปล่อยน้ำฝนเถอะ” เพื่อนผมบอกไผ่
“ไม่ นี่เด็กกู” ไผ่มันค้าน กอดน้ำฝนแน่นกว่าเดิม ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงหึงตาลุก แต่ก็รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอะไรกัน
พวกนั้นตีเกราะเคาะกีตาร์ (เอามาเคาะจริง ๆ ครับ ไม่มีใครดีดสักคน) ด้วยความสนุกสนาน พ่อแม่มันยังไม่กลับเลยเฮฮากันได้เต็มที่
“สรุปคุณหมอเอาเงินสองแสนไปซื้อแหวนให้ฝนจริง ๆ เหรอคะ”
“ตามสัญญา” ผมพยักหน้าไปทางไผ่ ไผ่มันหัวเราะหึ ๆ
“รู้งี้กูน่าจะเรียกเงินค่าไถ่สักล้าน”
“เยอะขนาดนั้น กูว่าพี่หมอคงไม่ยอมซื้อไอ้ฝนหรอก สองแสนนี่กูว่าพี่หมอก็คงคิดแล้วคิดอีกใช่ไหมพี่หมอ คิดไงเอาเงินสองแสนมาแลกกับหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง”
ตันมันถาม ฝนที่ไม่ได้ดื่มวันนี้ถีบมันเบา ๆ ที
“ไม่ได้คิดนะ เงินแค่นี้เอง”
“หูยครับ มึงนี่หนูตกถังข้าวสารนะฝน พี่หมอทั้งหล่อทั้งรวย มึงทำผู้หญิงหลายคนร้องไห้นะ”
“โอ๊ย พวกมึง กูจะลงแดงตายอยู่แล้ว พวกมึงนั่งกินกันมาตั้งหลายชั่วโมง ในขณะที่กูได้กินแค่น้ำอัดลม กูจะลงแดงแล้ว เอามานี่เลย”
เด็กร่านผมไม่สนใจคำแซวจากเพื่อน ตบะแตก กระโดดขึ้นคร่อมไผ่ คว้าเอาแก้วเหล้าที่ไผ่กินอยู่มาถือไว้ กรอกเข้าปากตัวเองอึก ๆ
ผมมองอึ้ง ๆ ฟ้าหัวเราะร่วน
ตอนแรกผมไม่คิดอะไรนะ แต่มาตอนนี้ต่อมหึงผมกระตุกนิด ๆ เพราะไผ่มันยังไม่ได้ลุก นอนงอขานิด ๆ โดยมีฝนนั่งคร่อมอยู่แถว ๆ เป้ากางเกง มือหนึ่งฝนจับมือเพื่อนมันไว้กั้นไม่ให้ขัดขืน อีกมือพยายามไขว่คว้าแก้วเหล้าคืน (ไผ่แย่งกลับ)
“มึงห้ามแดกเลยฝน”
“กูจะกิน มึง กูไม่ได้กิน กูต้องตายแน่ ๆ เอามา”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง ฝนมันแย่งแก้วมาได้อีกรอบ รีบเอากรอกปาก ดื่มอึก ๆ จนหมดแก้ว มันทำเสียงอ๊าด้วยความชื่นใจ รั้งเอาเสื้อขึ้นมาเช็ดปากจนพุงขาว ๆ โผล่
“กูว่าชงให้มันสักแก้วเหอะสงสารมัน”
หินมันว่า หันไปชงให้ ฝนหันขวับไปมอง ฉีกยิ้มหวานหยดให้ ถลาไปนั่งข้าง ๆ หินทันที ผมคิ้วกระตุก หินยื่นแก้วเหล้าให้มัน มันรับไปกรอกปาก
“เอ้าพี่หมอ ดื่ม ๆ อย่าเอาแต่มองเมียครับ มันไม่ทำให้พี่หมอเมาได้เท่ากับไอ้นี่หรอก”
ตันมันกระตุ้น ผมยกจิบตามคำแนะ ฟ้าขอตัวขึ้นนอนเพราะดึกมากแล้ว ผมนั่งกินเงียบ ๆ หมอนนท์ลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ พิงไหล่กับไหล่ผม
“อย่าหึงน่า เด็กเขาไม่มีไรในก่อไผ่หรอก มีแต่แกนี่แหละ”
มันกระซิบบอกผมอย่างรู้ใจ แล้วไผ่ก็ดึงฝนกลับไปนั่งข้าง ๆ กอดเอวเล็กไว้หลวม ๆ ซึ่งฝนมันก็ไม่คัดค้าน พอได้เหล้าแล้วมันก็เปลี่ยนจากหน้ามุ่ยเป็นหน้าชื่นมื่นทันที เฮฮาร่าเริงของมันไป
เหล้าขวดแล้วขวดเล่ายุบลง พอ ๆ กับสติของแต่ละคน เพื่อนผมก็แทบจะพยุงตัวไม่ไหว สงสัยคืนนี้ต้องฝากร่างไว้ที่นี่แน่ ๆ
ฝนที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนไผ่เริ่มไม่อยู่สุข เคลื่อนที่จากไผ่มาทางผม ผมมองมันอึ้ง ๆ เพราะคิดว่ามันจะไม่สนใจผมตลอดการฉลองครั้งนี้ซะอีก
“ปีศาจพี่หมอ”
“เอาละเว้ย เด็กแกเมาเต็มขั้นแล้ว” นนท์มันว่า
ผมก็พอจะเดาออกว่าถ้าฝนเรียกผมปีศาจเมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณว่าสติดั้งเดิมของฝนไม่มีเหลือแล้ว ทำอะไรพูดอะไรไปตอนนี้ตื่นขึ้นมาเด็กนี่ก็จำไม่ได้หรอก ที่เข้าหาผมนี่จิตใต้สำนึกล้วน ๆ
แต่ผมก็ดีใจนะที่มันคลานมาหาผมถูก เพราะในนี้มีผู้ชายอยู่ตั้งหลายคน มันขยับขึ้นมานั่งบนตักผม โอบรอบลำคอผมไว้ ซุกหน้ากับอกผม ผมโอบมันกลับหลวม ๆ กันไม่ให้คนเมาเสียหลักหล่นจากตักเท่านั้น
“หมาฝน กินทีหลังแต่เมากว่าคนอื่น”
“เล่นกรอกเอา ๆ ไม่เมาก็ให้มันรู้ไป”
“เมาแล้วยั่ว”
หินมันว่ามาเมา ๆ ผมหัวเราะหึ ๆ กระชับกอดเอวฝนแน่นขึ้น ไผ่มองมาตาขวาง สภาพไม่ต่างกับหมาที่กำลังนั่งมองเจ้าของกำลังถูกทำร้าย
“หมามันดุแฮะ” หมอนนท์กระซิบบอก
“แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”
ผมตอกกลับ ผมไม่ได้ดื่มเยอะเหมือนคนอื่น ๆ เพราะยังห่วงสุขภาพร่างกาย
“พี่หมอ” ฝนกระซิบเรียก
แก้วผมพร่อง ตันรับไปชง ยังไม่ทันได้ยื่นมือออกไปรับก็ต้องชะงักเพราะฝนมันยื่นหน้าขึ้นมาจูบผมต่อหน้าเพื่อนมันเองเลย
ผมรู้ว่ามันเมา และเวลามันเมา มันจะต้องการผมมากเป็นพิเศษ
“พี่หมอ…” มันกระซิบเรียก บดเบียดปากหนักขึ้น พอผมไม่ตอบสนองเพราะเห็นว่าเพื่อน ๆ มันเยอะ มันก็ละปากออกมาไซ้ซอกคอผมเอง ผมเหลือบมองเพื่อนมันแต่ละคนที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่เห็น ผมยกยิ้ม ตันยังถือแก้วค้างไว้กลางอากาศ
“เอ่อ… ผมว่าพี่คงไม่ต้องการเหล้าแก้วนี้แล้วมั้ง”
“พี่ก็ว่างั้น งั้นพี่ขอตัวก่อน”
ผมบอกแค่นั้น และไม่มีใครคิดจะค้านแม้แต่ไผ่ มันทำได้แค่นั่งกำแก้วเหล้าแน่น สายตาแทบจะยิงแสงเลเซอร์ใส่ผม แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นคนเข้าหาฝน แต่ทั้งหมด อนุสติของฝนเป็นฝ่ายเรียกร้องเอง
ผมช้อนอุ้มฝนไว้ในอ้อมแขน ลุกขึ้น เดินออกจากกลุ่มขึ้นชั้นสองไป ได้ยินเสียงโห่ฮิ้วคล้ายคนจะส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ ผมหัวเราะ เดินเข้าห้องฝนไป ผมวางเด็กน้อยของผมลงบนเตียง ดวงตามันฉ่ำหวาน มองผมยั่ว ๆ
“พี่หมอ…” มันส่งเสียงเรียกร้อง ทำเอาร่างกายผมร้อนผ่าว
“ฝน บอกฉันมาสิ นายรู้สึกยังไงกับฉัน” ผมถาม ผมรู้ว่าถามตอนมีสติจะดีกว่า แต่อนุสติของมันก็น่าฟังไม่น้อย
“พี่หมอหล่อ”
มันเกลี่ยมือกับแก้มผม ดวงตามันชื่นชมจากใจจริง
“นอกนั้นล่ะ”
ผมชักจะทนไม่ไหวซะเองกับเด็กยั่วข้างล่าง
“พี่หมอเท่”
“นายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่”
ผมถามตรงจุดเพราะดูท่าคนเมาจะยังประมวลผลไม่ถูก
“รู้สึก…ดี”
ผมพ่นลมหายใจแรง หรี่ตามองคนเมา
“นายรักฉันหรือเปล่าน้ำฝน”
ผมถามตรงจุดฉุน ๆ หรือว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้รักผมอย่างที่ผมคิด มันฉีกยิ้มหวานหยาดเยิ้ม
“รักสิ”
ผมยิ้มออกมาทันทีกับคำมัน
“รักแค่ไหน”
เขาบอกคนเรามักไม่รู้จักพอ ผมว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ
“รักมากกกกก” มันกางมือออกกว้าง ผมหัวเราะ “รักเท่าโอ่งมังกรเลย” ผมขำออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม
“จะยอมเป็นของฉันคนเดียวใช่ไหม”
มันทำหน้ายุ่งยากคล้ายกับคำถามผมคงยากไปสำหรับคนเมา หรือยังประมวลผลไม่เสร็จ แล้วส่ายหัวไปมา ผมขมวดคิ้วไม่พอใจ หรือว่ามันจะเป็นเด็กร่านอย่างที่ผมคิดไว้แต่แรก
“ไม่ได้ ๆ” มันบอกอ้อแอ้ “ผมเป็นของพี่หมอ” มันยกนิ้วขึ้นมานับ “ของพ่อ ของแม่ ของพี่ฟ้า ของตา ของยาย ของป้า พี่ฮัท พี่แฮ็ค ของไผ่ ของเพื่อน ๆ” มันนับจนนิ้วไม่พอ ผมที่กำลังฉุนอยู่หายฉุนทันที
“ฉันเป็นอะไรของนาย”
มันมองหน้าผม ขยับนิดหนึ่งคล้ายจะอึดอัด
“เป็นปีศาจ”
“นอกจากปีศาจแล้วคืออะไร”
“เป็นหมอ”
“แล้วนอกจากหมอล่ะ” ผมไล่ต้อนคนเมา
มันทำท่านึก
“เป็นอะไร” ผมกระซิบกระตุ้น มันเอียงคอ ก่อนยิ้มออกมา
“เป็นสามี ปีศาจพี่หมอเป็นสามีผม”
ผมหัวเราะหึ ๆ ด้วยความพอใจ
“ดีมาก แล้วอยากให้ปีศาจพี่หมอคนนี้ทำอะไรให้ครับ”
ผมเกลี่ยมือไปมาบนพวงแก้มขาวนั้นเบา ๆ
“กอดผม”
ผมคลี่ยิ้มด้วยความพอใจ ก้มหน้าลงไปหาคนเมา
“ได้เลย”
แล้วผมก็จัดการตีตรามันไปรอบหนึ่ง แค่รอบเดียวก็พอครับเป็นห่วงมัน เพราะเมื่อคืนก็โดนหนักแล้ว โดนคืนนี้หนักอีกมีหวังลุกไม่ขึ้นแน่ ๆ
พ่อโทรมาปลุกผมตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นบอกว่าได้ตั๋ววันนี้ น่าจะบินมาถึงบ่าย ๆ ผมแอบตื่นเต้นนิดหนึ่ง เพราะไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าพ่อกับอาทับทิมจะรับได้แค่ไหนกับเรื่องของผมกับฝน พ่อรู้มาตลอดว่าผมชอบผู้หญิง และรู้ลึกว่าผมไม่ชอบคนประเภทนี้ด้วย แต่อยู่ ๆ ก็หาสะใภ้ผู้ชายไปให้ พ่อจะช็อกขนาดไหน
ผมขยับตัวลุก ฝนยังหลับไม่ได้สติ และผมก็ไม่คิดจะปลุก อยากให้ฝนหลับให้เต็มที่ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง เห็นฟ้าตื่นแล้ว ฟ้ามองผมมาด้วยสายตาแซว ๆ
“ฝนยังไม่ตื่นเหรอคะ”
“สาย ๆ ก็ตื่นครับ”
“ฟ้าทำข้าวต้มไว้ เชิญก่อนได้เลยค่ะ”
ผมรับคำ นั่งลงบนโต๊ะตักกิน
“เห็นพวกนั้นบอกว่าคุณหมอคิดจะมาสู่ขอฝนจริง ๆ นี่พูดจริงหรือแค่เรื่องเล่าในวงเหล้า”
ฟ้าถาม ผมยิ้มอ่อนโยนไปให้
“ผมโทรบอกคุณพ่อ วันนี้ท่านเลยเดินทางด่วนเพื่อกลับมาคุยกับผมเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย ท่านคาดหวังกับผมไว้มาก ลูกชายคนเดียว อยากเห็นหน้าหลานแทบตาย”
“มีตั้งหลายวิธีให้ได้ลูก หรือรับเด็กสักคนมาเลี้ยงก็ได้ ถือเป็นการช่วยเหลือสังคม คุณลุงคุณป้าน่ารัก ฟ้าว่าถ้าคุยดี ๆ น่าจะรับฟังได้ไม่ยาก ฟ้าว่าถ้าจะกลุ้มเรื่องพ่อแม่คุณหมอ กลุ้มเรื่องพ่อแม่ฟ้าดีกว่าค่ะ เพราะน่าจะหัวโบราณมากกว่าทางคุณหมอเยอะ”
ผมนิ่งคิด
ก็ใช่
“คงต้องใช้เวลา”
“ฟ้าช็อกน่าดูตอนสงสัยแรก ๆ ฟ้าคิดว่าคุณหมอไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิด ฟ้าไม่ขออะไรมาก แค่อยากฝากฝนไว้ให้คุณหมอดูแล”
“ผมรับปาก”
ฟ้ายิ้ม
“งั้นเชิญคุณหมอตามสบายนะคะ ฟ้าติดนัด”
ผมพยักหน้ารับปาก ฟ้ามองนาฬิกา เดินออกจากบ้านไป พอกินอิ่ม ผมก็ยกชามไปล้าง หันไปมองคนอื่น ๆ ที่ยังเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น ผมเดินตรงไปยังไผ่ที่นอนไม่ได้สติ ก้มลงเขย่าปลุกเบา ๆ ไผ่มันสะลึมสะลือลืมตามอง พอเห็นหน้าผมก็คิ้วขมวดทันที
ไม่รู้ว่าจะจงเกลียดจงชังผมไปถึงไหน
“มีอะไร”
มันถามเสียงแหบ สภาพยังแฮ้งค์หนัก
“พ่อกับแม่จะบินมาถึงบ้านตอนบ่ายโมง” มันพยักหน้ารับรู้เกาพุงแกรก ๆ “ฉันจะคุยกับพ่อแม่เรื่องฝนวันนี้”
มันหยุดเกาพุงลงกึก หันมามองหน้าผมทันทีอึ้ง ๆ
“มึงเอาจริง”
“ช่วยเรียกพี่สักคำจะได้ไหม”
ผมขอกลับเสียงขุ่น มันทำหน้าหงุดหงิด
“ต่อหน้าพ่อแม่ละกัน กูยังไม่พร้อมจะญาติดีกับมึง”
ผมไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับมันอีก
“ว่าแต่มึงเอาจริง”
มันถามย้ำอีกรอบ ผมพยักหน้า
“จริง ๆ พ่อจะกลับเดือนหน้า แต่เลื่อนมาเร็วขึ้นเพราะอยากเห็นว่าที่ลูกสะใภ้เร็ว ๆ บอกตามตรงว่าฉันยังไม่รู้เลยว่าจะออกหัวหรือออกก้อย”
มันจ้องหน้าผมเขม็ง
“แล้วมึงอยากให้มันออกหัวหรือออกก้อยล่ะ”
“หัว ฉันอยากได้ฝนมาเป็นคนในครอบครัว”
มันมองผมอึ้ง ๆ หลุกหลิกสายตาไปมา ก่อนขยี้หัวที่ไม่มีเส้นผมของตัวเองแรง
“เอ้อ ๆ เดี๋ยวกูช่วย แต่จำไว้นะว่ากูไม่ได้ช่วยมึง แต่กูช่วยเพื่อนกู เพราะถ้าพ่อกับแม่ไม่ยอม ฝนมันก็ต้องอกหัก”
ผมมองมันนิ่งค้าง บอกตามตรงที่ผมพูดนี่ไม่ใช่ว่าจะให้มันช่วย แต่แค่อยากบอกเฉย ๆ
ก็ดี ถ้าได้มันมาช่วยก็น่าจะง่ายขึ้น
“จะกลับพร้อมกันเลยหรือเปล่า”
มันส่ายหัวไปมา
“กูเอารถมา ขอหลับอีกสักงีบ เที่ยง ๆ จะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวรอ”
ผมพยักหน้ารับไม่เซ้าซี้อะไรมันอีก ลุกเดินไปปลุกเพื่อน
หมอนนท์ลุกขึ้นมานั่งเกาหัว ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างมัน
“ตื่นแต่เช้าเชียว”
“พ่อโทรมาปลุก”
“ไม”
“บอกพ่อไปเรื่องว่าที่เจ้าสาว พ่อตื่นเต้นรีบกลับมาเร็ว วันนี้ว่าจะลองคุยกับท่านดู”
มันตาโต
“เอาจริงเหรอ”
ผมพยักหน้า มันขมวดคิ้วคิด
“ไงก็ขอให้โชคดีละกัน”
“ไผ่บอกว่าจะช่วย”
มันทำหน้าเหมือนหมาถูกบี้ไข่
“แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าไปพูดให้แกกับฝนเลิกกันเร็ว ๆ นะ”
ผมส่ายหัว
“ถ้าแค่ฉันคนเดียว มันคงฆ่าไม่เลี้ยง แต่มันรักฝนยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก รับรองว่ามันไม่ทำแน่ ๆ”
หมอนนท์ขมวดคิ้วคิด
“ถามจริง แกรักฉันขนาดยอมทำทุกอย่างเพื่อฉันหรือเปล่า”
ผมมองหน้าเพื่อน ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ แกไม่น่าปกป้องขนาดนั้น”
“นั่นน่ะสิ ฉันก็ไม่ แต่ทำไมไผ่มันถึงได้รักและปกป้องฝนขนาดนั้น จะว่ามันแอบรักฝนข้างเดียวก็ไม่ใช่ เหมือนเป็นความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนมากกว่า”
“ฉันบอกไม่ได้นะนนท์ ฉันกลับไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนดีกว่า”
มันโบกมือให้ ทิ้งตัวลงไปนอนต่อ ผมส่ายหัวไปมา เดินขึ้นไปเอากุญแจรถ ฝนพลิกตัวนอนหงาย แผงอกขาวนวลเชิญชวนสายตาไม่น้อย
“อย่ายั่วให้มากน้ำฝน”
ผมว่าใส่คนหลับ น้ำฝนครางอื้อ ผมยกยิ้ม เดินออกจากห้องลงไปข้างล่าง ผ่านผู้คนที่ยังนอนเกลื่อนกลาด ขึ้นรถขับตรงกลับบ้าน
บอกตามตรงว่าตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมาก
(อ่านต่อ 50% หลัง ) >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.msg3346104#msg3346104