(อ่านต่อ 50% หลังค่ะ) ครึ่งแรก >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.msg3345161#msg3345161เที่ยง ๆ ไผ่มันก็กลับมาอาบน้ำอาบท่า บ่ายสองพ่อกับแม่ก็ก้าวลงจากแท็กซี่เข้าบ้าน
“คิดถึงจังเลยลูก”
“คุณพ่อดีใจจนเนื้อเต้น พอตาแซมวางสายปุ๊บก็รีบหาตั๋ว ทำเอาทุกคนหัวหมุนเลย”
“พ่ออยากอุ้มหลานเร็ว ๆ”
ผมกับไผ่มองหน้ากัน มาถึงตรงนี้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาจริง ๆ แต่พ่อกับแม่ไม่ทันสังเกต
“ว่าแต่ อยู่ไหน พามาด้วยหรือเปล่า”
พ่อผมดูท่าจะอยากเจอว่าที่ลูกสะใภ้จริง ๆ
“ยังครับ ผมต้องคุยกับคุณพ่อก่อน”
“ได้ ๆ งั้นขอพ่อกับแม่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
ผมกับไผ่นั่งรอกันอยู่ที่ห้องรับแขก เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ร่วมห้องกันโดยไม่มีใครลุกหนีไปก่อน
ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะฝนนั่นแหละ
พ่อกับแม่เดินอารมณ์ดีลงมา ผมนั่งเหงื่อชื้นไปทั่วทั้งมือ หัวใจเต้นแรง แต่พยายามข่มลงให้สงบที่สุด
“เอาละ ว่ามา เมื่อไหร่แกจะพาว่าที่ลูกสะใภ้พ่อมาให้เห็นสักที ขนาดแกขอให้พ่อไปสู่ขอ แปลว่าเลือกดีแล้ว ฟ้าหรือเปล่าลูก”
ผมมองหน้าไผ่
“ขอโทษครับพ่อ กับฟ้าผมพยายามแล้ว แต่ดูเหมือนเราสองคนจะไม่คลิกกันเท่าไหร่”
พ่อกับแม่ทำหน้าผิดหวัง ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“คนที่ผมอยากให้พ่อไปสู่ขอให้ ไม่ใช่ฟ้า แต่เป็นฝน น้องชายของฟ้า”
พ่อกับแม่พากันอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบ ๆ
“อะ อะไรนะ” พ่อถามกลับกุกกัก
“ผมบอกว่า คนที่ผมต้องการแต่งงานด้วยคือน้ำฝน ไม่ใช่ท้องฟ้า”
“ตะ แต่ฝนเขาเป็นผู้ชายนะลูก ก็ไหนแก…”
“ครับ ผมรู้ว่าผมไม่ชอบพวกไม้ป่าเดียวกัน แต่มีหลาย ๆ อย่างทำให้ผม…” ผมหันไปมองไผ่ “...รักฝน ผมหมั้นฝนไปแล้ว ที่เหลือคือมาคุยกับพ่อแม่นี่แหละ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” พ่อถามอึ้ง ๆ
“พ่อครับแม่ครับ” ไผ่มันตัดบททุกคนขึ้น “ผมในฐานะน้องชายพี่หมอและเพื่อนสนิทของฝน ผมขอสารภาพผิดอะไรบางอย่าง แล้วให้พ่อพิจารณาเอาละกันว่าควรจะทำยังไง พวกเรามีความผิดร่วมกัน ถ้าพ่อจะโกรธพี่หมอเรื่องมาชอบฝน ก็คงต้องโกรธผมด้วย เพราะเรื่องทั้งหมดทั้งมวล เกิดขึ้นเพราะผมเป็นเหตุ”
“ไผ่” ผมปราบ เพราะไม่คิดจะให้มันมาพูดเรื่องพวกนี้ให้มันเสีย
“ถึงเวลาแล้วว่ะ กูอึดอัด”
คุณพ่อกับอาทับทิมพากันหน้าเหวอ ไผ่มันหันไปมองพ่อกับแม่ที่นั่งช็อกอยู่ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ครอบครัวเราดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย ผมกับพี่หมอเกลียดกันมาก เรียกได้ว่าเกลียดกันตั้งแต่แรกพบ เกลียดกันสุด ๆ จนแทบมองหน้ากันไม่ติด แต่เพราะผมรักแม่และพี่หมอก็รักพ่อ เราเลยญาติดีกันเฉพาะต่อหน้าพ่อกับแม่ แต่เวลาอื่นเราก็คือศัตรูกันดี ๆ นี่เอง ตอนพ่อไม่อยู่ พี่หมอก็ไปอยู่คอนโดเป็นหลัก แต่ก็ไม่มากเพราะพ่อชอบโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้เราต้องอยู่กันแบบเขม่นกัน”
“ผมเกลียดพี่หมอ ผมเลยทำทุกวีถีทางเพื่อกวนประสาทพี่มัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง กลั่นแกล้งพี่หมอสารพัดเพื่อให้พี่หมอออกจากบ้านไป แต่พี่หมอก็อดทนเพราะอยากให้พ่อกับแม่มีความสุข อยู่กันเป็นครอบครัว”
มาถึงตอนนี้ พ่อกับแม่พากันบีบมือกันแน่น
“ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ชอบหน้าพี่หมอ ส่วนสาเหตุอย่าถาม ชาติที่แล้วเราคงเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาก่อน ฝนรู้เห็นทุกอย่าง และรู้ว่าผมแกล้งพี่หมอมาตลอด จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมขอให้ฝนมาช่วยเล่นละครเป็นคู่ขากันเพื่อให้พี่หมอเห็น แต่แค่ไซ้ซอกคอเท่านั้น เพื่อให้พี่หมอเห็น รังเกียจและออกจากบ้านไป ผมเห็นสีหน้าพี่หมอตอนนั้นแล้วบอกตามตรงว่าสะใจมาก หลังจากนั้นผมก็ย่ามใจ ฝนให้ความร่วมมือแค่รอบเดียว เพราะมันไม่อยากเดือดร้อน ที่เหลือ ผมก็แกล้งชวนฝนมาบ้าน แล้วกอดฝนบ้าง ทำเหมือนเราเป็นแฟนกันบ้าง แกล้งมีอะไรกันบ้าง เพื่อให้พี่หมอเดือด ให้พี่หมอทนไม่ไหว”
อาทับทิมตาคลอ ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละ งั้นที่ฝนพูดก็เป็นความจริงทั้งหมดน่ะสิ
“และครั้งที่หนักที่สุด ที่ทำให้พี่หมอตัดสินใจทำบางเรื่องไม่สมควรไป เพราะผมเรียกฝนมานอนค้างที่บ้าน ให้ฝนใส่ชุดเซ็กซี่ แล้ววางยานอนหลับฝนอ่อน ๆ ฝนไม่ได้สติ ผมรู้เวลากลับพี่หมอ ผมเลยแกล้งทำเป็นว่าผมกำลังจะมีอะไรกับฝนที่ห้องรับแขก”
“แล้วหลังจากนั้น...”
มันตัวสั่น ตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่ามันเองก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้ามันกล้ายอมรับ ผมก็พร้อมที่จะร่วมรับผิดกับมันด้วยเหมือนกัน ผมวางมือไว้บนหน้าขามัน บีบเบา ๆ เบรกให้หยุดพูด เพราะน้ำตามันจะไหลอยู่รอมร่อแล้ว
“จากเหตุการณ์วันนั้น…” ผมเล่าต่อ “ผมก็คิดมาตลอดว่าไผ่เป็นเกย์ ฝนด้วย คืนนั้นผมดื่มไวน์ที่เพื่อนเอามาฝากจากนอก เห็นฝนลงมาจากห้องไผ่เพื่อลงมาดื่มน้ำ ผมนั่งอยู่ในห้องรับแขก ฝนตกใจที่เห็นผมเลยทำแก้วน้ำที่กำลังดื่มตกแตกจนมือบาดเจ็บ ผมอาสาทำแผลให้ ในระหว่างนั้น ผมไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือว่าเพราะอะไรกันแน่ ผมถึงได้จับฝนข่มขืน”
แม่เอามือทาบอก ไผ่กำมือแน่น สีหน้ามันเหมือนพยายามระงับความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งผิดหวังและรู้สึกเสียใจไว้ ผมกลืนน้ำลาย จำใจต้องเล่าต่อ
“ผมเข้าใจว่าฝนมีอะไรกับไผ่แล้ว ผมเลยรุนแรงกับฝนมาก กระทั่งเช้า ผมรีบพาฝนไปโรงพยาบาลเพราะฝนเสียเลือดมาก เลือดที่ผมเห็น ผมเข้าใจครั้งแรกว่าเกิดจากบาดแผลที่ข้อมือทั้งหมด แต่ผมมารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ บางส่วนจากข้อมือ อีกส่วนเป็นเพราะผม…” ผมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อนึกมาถึงจุดนี้ “ฝนไม่เคยนอนกับใครเลย คนแรกของฝนคือผม ผมที่เมาและทำอะไรไปไม่รู้ตัว”
พ่อหลับตาลง คงกำลังผิดหวังจากลูกชายคนนี้อยู่
“หลังจากนั้น ผมก็ใช้ฝนเป็นสื่อกลางในการแก้แค้นไผ่ ทำให้ไผ่เต้น ทำให้ไผ่ร้อนรนตั้งแต่ฝนหายออกจากบ้านไป ฝนล้มป่วยบ่อย ๆ สาเหตุหลักก็มาจากผมนี่แหละ เพราะผมทำให้ฝนเครียด ลอบไปข่มขืนบ่อย ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งในบ้านที่มีพ่อแม่อยู่ บ้านฝนเอง ยิ่งผมแค้นไผ่มากเท่าไหร่ ผมก็เอาไปลงที่ฝนมากเท่านั้น ฝนบาดเจ็บ ฝนหวาดกลัว ทุกอย่างทำให้ผมสะใจคล้ายโรคจิตที่ได้ควบคุมคน”
พ่อตาคลอ คงนึกสงสารฝนไม่แพ้อาทับทิม
“ผมเรียกฝนมานอนด้วย ในสถานการณ์ที่ฝนต้องลำบากใจ ต้องทรมาน ไม่ว่าจะวันที่ฝนมาทำรายงานกับเพื่อน ๆ ที่ห้องไผ่” ผมมองหน้าไผ่ มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ มันคงพอจำได้บ้าง “หรือเรียกมาจากโรงเรียน ผมทำร้ายฝนบ่อยมาก แถมยังถ่ายรูปแบล็คเมล์ฝนอีกต่างหาก ฝนกลัวฟ้าไม่สบายใจเลยปิดเงียบ ฝนกลัวผมกับไผ่ฆ่ากันตาย เลยปิดบังไผ่ว่าถูกผมบังคับมีอะไรด้วย”
“ไผ่รู้ความจริงว่าฝนถูกใครสักคนรังแก แต่ไม่รู้ว่าเป็นผม จนความจริงเรื่องทุกอย่างเปิดเผยช่วงหลัง ๆ แต่เป็นช่วงที่ผมรู้ตัวว่าผมชอบฝนแล้ว ผมหึงไผ่ หึงทุกคนที่เข้าใกล้ฝน จนในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าผมรักฝนจริง ๆ แต่ผมก็ยังเข้าใจว่าฝนกับไผ่เป็นแฟนกัน ผมเลยบังคับให้คนทั้งคู่เลิกกันโดยเอาฟ้ามาเป็นข้ออ้าง”
“พอผมกับเพื่อน ๆ รู้ว่าฝนเองก็รักพี่หมอ” ไผ่แทรก “และพี่หมอก็รักฝน ตอนที่รู้ พวกเราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฝนตัดใจและแยกสองคนนี้ให้หลุดจากกัน ผมเลยบอกพี่หมอไปว่า ฝนเป็นแฟนผมเพื่อให้พี่หมอเลิกตอแย แต่พี่หมอไม่ยอมแพ้ บังคับให้ฝนเลิกกับผมจนได้”
“ผมมารู้ความจริงทีหลังว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด ไผ่ไม่ได้เป็นอะไรกับฝน”
“ผมรู้ว่าพี่หมอชอบฝน แต่ไม่ยอมบอกฝนสักที และอีกใจ พวกเราอยากรู้ว่าพี่หมอคิดยังไงกับฝนจริง ๆ กันแน่ บวกความแค้นที่พี่หมอเคยทำกับฝน พวกเราเลยวางแผนจับฝนเรียกค่าไถ่ ฝนมันไม่ให้ความร่วมมือหรอกเพราะกลัวพี่หมอแจ้งความจริงแล้วจับพวกเราเข้าคุก แต่ผมมั่นใจว่าพี่หมอไม่ทำแน่ ๆ เพราะความห่วงฝน เราเรียกร้องให้พี่หมอเอาเงินมาให้สองแสน แลกกับอิสระฝน เราจับฝนมัด นัดเจอกันที่โกดังร้างของครอบครัวน้ำหวาน พวกเราไม่คิดว่าพี่หมอจะมา แต่ก็มา มาพร้อมเงินสองแสน”
“เราบังคับให้พี่หมอพูดบอกความรู้สึก จนพี่หมอยอมรับ พวกเราถึงได้ปล่อยตัวไป และเฉลยทุกอย่างหลังจากนั้น พี่หมอไม่รับเงินคืนและบอกว่าขอเอาเงินก้อนนั้นให้พวกผมเพื่อสู่ขอฝนมาเป็นของตัวเอง ผมเลยบอกไปว่าถ้าจะสู่ขอให้ไปขอพ่อกับแม่ฝนไม่ใช่ผม”
“วันนั้นผมเลยตัดสินใจทำตามสัญญา พาฝนไปซื้อแหวนหมั้น และโทรติดต่อพ่อจนมาถึงวันนี้แหละ” ผมสรุป พ่อกับแม่พากันมองหน้าพวกเราแทบตาไม่กะพริบ คุณอาทับทิมน้ำตาร่วงเป็นทาง
“โธ่ ตาน้ำฝน”
“ทำไมแกกล้าทำน้องแบบนั้น”
พ่อพูดเสียงเครือ สีหน้าทั้งเจ็บปวด ผิดหวังและคงสงสารไปถึงน้ำฝน
“ขอโทษครับ ผมจะไม่แก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะผมผิดเอง ผมถึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ นั่นเป็นอีกเหตุผล อีกเหตุผลคือผมรักฝนเขาจริง ๆ”
“และฝนก็รักพี่หมอมากด้วย ผมยังไม่ได้ญาติดีกับพี่หมอนะพ่อกับแม่ แต่ที่ผมมานั่งข้างพี่มันได้วันนี้เพราะผมรักฝน แต่รักในฐานะเพื่อนสนิท ผมเคยสัญญาว่าจะรักและปกป้องมัน แต่ผมกลับกลายเป็นคนทำร้ายมัน อะไรที่ทำให้มันมีความสุขได้หลังจากนี้ ผมจะทำ เราแค่มาร่วมกันรับผิดชอบในสิ่งที่ทำผิดพลาดไปแล้วเท่านั้น”
“งั้นความผิดครั้งนี้ก็เป็นเพราะพ่อกับแม่ด้วย ที่ไม่เคยเอะใจว่าลูก ๆ ไม่ถูกกัน เราเข้าใจมาได้ไงร่วมห้าหกปีว่าเราเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุด”
แม่น้ำตาร่วงหนัก ผมรู้สึกผิดจริง ๆ
“ผมขอโทษ”
ผมบอกคนทั้งคู่จากใจจริง
“ผมด้วย ผมขอโทษ”
แล้วไผ่มันก็ก้มลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น กราบแทบเท้าพ่อกับแม่ ผมก้มลงทำตามบ้าง เคียงข้างกัน
“พ่อดีใจนะที่ลูก ๆ กล้ามาสารภาพตามตรง” พ่อผมน้ำตาร่วง ปาดเช็ดด้วยหลังมือ “เอาละ ในเมื่อลูกมั่นใจว่ารักและพร้อมจะรับผิดชอบจริง พ่อจะไปสู่ขอน้ำฝนให้”
“พ่อแม่ทางนู้นรู้เรื่องรึยัง” พ่อถามต่อ
“ยังครับ” ผมตอบ
“ไม่ต้องไปเล่าให้เขาฟังนะลูก ให้รับรู้แค่ว่าครอบครัวเรายินดีต้อนรับฝนมาอยู่ด้วยในฐานะลูกชายอีกคน เรื่องนั้นพ่อจะจัดการให้ ไม่อยากให้ทางนั้นเสียความรู้สึก เพราะเป็นความผิดของครอบครัวเราเต็ม ๆ เดี๋ยวพาลไม่ยกน้ำฝนให้เปล่า ๆ”
“ครับ” ผมรับปาก
“ทำไมถึงได้เกลียดพี่เขาขนาดนั้นเล่าไผ่” แม่ถาม
“ผมบอกไม่ได้แม่ ถ้าภายนอกพี่มันก็เนี๊ยบ เกลียดพวกเกย์ หยิ่ง แต่ผมเห็นคนที่ว่ามาคนอื่นผมก็ยังไม่เกลียด มันเป็นความรู้สึกเห็นปุ๊บ เกลียดปั๊บ เกลียดแบบแรกพบเลย แล้วความรู้สึกนี้มันก็มีมาตลอด ซึ่งฝนรู้เรื่องดี”
“แล้วฝนเขาว่าไง”
“ฝนมันไม่อยากให้พี่หมอรับผิดชอบหรอก แต่มันก็รักพี่หมอมาก”
“ผมบังคับให้เขาตอบตกลงเอง” ผมสารภาพ
“ไปบังคับน้องเขาทำไมลูก” พ่อปราม
“เพราะผมรักฝน และผมก็รู้ว่าฝนเองก็รักผมเหมือนกัน”
“พ่อไม่อยากบังคับน้ำฝนเขานะลูก วันไหนว่าง เรียกน้องมาคุยกันหน่อย ถามน้องให้แน่ใจว่าเต็มใจไหม เราทำร้ายน้องเขามาเยอะแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับกันอีก นี่คือตลอดชีวิตเขานะลูก”
พ่อให้เหตุผล ผมพยักหน้าเข้าใจ
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็พากันไต่สวน ผมก็ตอบเท่าที่จะตอบได้ไม่ต่างกับไผ่ ทำให้ผมรู้อะไรที่ผมไม่รู้มากขึ้น และไผ่มันก็คงจะรู้อะไรมากขึ้นจากผมเหมือนกัน
หลังจากแยกทางกับพ่อแม่ ผมออกไปเดินเล่นหลังบ้าน รู้สึกสบายใจไปอีกเปาะที่พ่อกับแม่ยอมรับ ผมบอกตามตรงว่าถ้าวันนี้ไผ่ไม่มาช่วยพูด พ่ออาจไม่ให้อภัยผม พ่ออาจโกรธมาก และไม่ยอมรับผม รวมถึงไม่ยอมให้ผมคบกับน้ำฝนต่อด้วย
“มาทำมิวสิกอะไรแถวนี้ให้รกตา”
เสียงแขวะดังมาจากด้านหลัง ปกติถ้าพ่อแม่อยู่ ไม่มีทางที่มันจะมาเจอผมแบบนี้หรอก คงอดที่จะกระทบกระทั่งกันไม่ได้ แต่หลังจากเปิดเผยความจริงทุกอย่าง เราก็แสดงตัวตนของตัวเองออกมามากขึ้น
“คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา”
“เรื่องชั่ว ๆ ที่ตัวเองก่อล่ะสิ”
“ใช่” ผมยอมรับตรง ๆ
“งั้นกูเองก็ชั่วเหมือนกัน เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากกู”
“ฉันขอโทษ”
ผมออกปากหลังจากเงียบกันอยู่นาน นึกถึงคำพูดของฝนที่บอกว่าให้ลดทิฐิลงบ้าง
“วางไว้ตรงนั้นแหละ กูไม่รับ กูจะรอดูต่อไปว่ามึงจะดูแลฝนได้ดีแค่ไหน”
“ฉันจะย้ายออกจากบ้านตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับนาย”
“ไม่ต้องเสือกออกไปอยู่ที่ไหนเลย”
ผมหันไปมองหน้ามันงง ๆ
“สัญญาครั้งนั้นถือเป็นโมฆะ กูแค่อยากพิสูจน์ว่ามึงรักฝนมากแค่ไหน อีกอย่างถ้ามึงไปอยู่ที่อื่น มันไกลหูไกลตากู มึงอยู่นี่ ฝนก็อยู่นี่ กูอาจเกลียดขี้หน้ามึง แต่เทียบกับให้ฝนอยู่ด้วย กูขอเลือกอย่างหลังดีกว่า มีอะไร กูจะได้ช่วยฝนได้ทัน ถ้ามึงคิดจะออกไปอยู่คนเดียว มึงก็เลิกหวังเรื่องฝนได้เลย อีกอย่างพ่อแม่ก็คงอยากให้เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตามากกว่า เพิ่มฝนมาอีกคนน่าดีกว่าหายไปกันถึงสองคน”
“ขอบใจ” ผมบอกเสียงแผ่ว
“วางไว้ตรงนั้น”
ผมหัวเราะหึ ๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนผมถึงชอบมายวนไผ่นัก
“ฉันรักฝนนะไผ่”
มันนิ่งไปนาน
“กูก็รักมัน อาจรักมากกว่ามึงด้วย รักมาก่อนมึงอีกต่างหาก”
ผมขมวดคิ้ว
“นี่ ถามจริงเถอะ นายรักฝนแบบไหน ไม่ใช่ว่าแอบชอบฝนอยู่หรอกนะ”
ผมถามอย่างไม่ไว้ใจ มันมองหน้าผมคิ้วขมวด ทำหน้าประหนึ่งมันเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าผมอีก
“ความรักมันมีหลายแบบนะ กูรักมันแบบเพื่อน มันอธิบายความรักแบบนี้ยาก เอาเป็นว่า มึงรักมันมาก แล้วก็มีอารมณ์กับมัน แต่ของกูมันไม่ใช่ ยกเว้นตอนมันยั่วมาก ๆ”
ผมขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม
“เวลาปกติ ก็เฉย ๆ ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้อยากเมคเลิฟกับมัน”
ผมจ้องหน้ามันเขม็ง
“ฝนไปยั่วนายตอนไหน”
“ไม่ต้องมาหึง เวลามันเมาหรือไม่ก็ทำอะไรแบบไม่รู้ตัว มันก็เอ็กซ์เซ็กส์แตกของมันเป็นเรื่องปกติ ตบะแก่กล้าขนาดไหน เจอมันยั่วมากก็เกินจะทานทน แต่แค่ตื่นไม่ได้คิดหื่นจะฟัดมันเหมือนที่มึงทำหรอก มันก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายวัยรุ่นทั่วไป พอ ๆ กับได้ดูหนังเอ็กซ์นั่นแหละ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะฝนมันยั่วได้ใจจริง ๆ
“เด็กนั่นชอบยั่วจริง ๆ”
ผมนึกไปถึงใบหน้าตอนยั่วของฝน
“กูขอต่อยมึงทีหนึ่งได้ไหม” อยู่ ๆ ไผ่มันก็ร้องขอขึ้น
“เพื่อ?”
“เอาคืนที่มึงข่มขืนเพื่อนกู”
“งั้นฉันขอต่อยนายกลับหนึ่งที”
“เพื่อ?”
“ใช้ฝนเป็นเหยื่อ”
“ได้” มันรับปากง่าย ๆ
“งั้นฉันก็ได้”
ผมก็รับปากมันง่าย ๆ เหมือนกัน
เรายืนประจันหน้ากัน แล้วมันก็ต่อยผมมาสุดแรงเกิด ไม่มียั้งเลยครับ ผมเซไปตามแรงต่อยนั้น มึนไปเลย ผมกุมแก้มตัวเองตรงจุดที่โดนต่อย มันเองก็กุมมือตัวเองแน่นเหมือนกัน
“เชี่ย!! หน้าคนหรือกำแพงปูนวะ เจ็บชิบหาย” มันแยกเขี้ยวบ่นมา
“เอาละ ตาฉันบ้าง”
มันขยับมายืนตระหง่านรอดี ๆ ผมกำหมัดขยับเข้าไปซัดมันสุดแรงเกิดเหมือนกัน ตัวมันเซแถก ๆ ไปไม่ต่างกับสภาพผมเมื่อกี้ ผมสลัดมือตัวเองไปมา เบ้หน้าเจ็บ อย่าว่าแต่หน้าผมเลยที่แข็ง ผมว่าหน้ามันเองก็ไม่ต่าง มันกุมแก้มตัวเองข้างนั้นไว้ สลัดหัวเบา ๆ คล้ายกับคนมึน ดีไม่น็อกคู่
พอตั้งสติได้เรามองตากัน ก่อนจะต่างคนต่างพากันหัวเราะหึ ๆ
“กูง่วงล่ะ เห็นหน้ามึงมาก ๆ กลัวจะนอนไม่หลับ”
มันหันหลังเดินจากไป ผมมองตามกระทั่งมันลับสายตา ล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาน้ำฝน
“พี่หมอ”
มันเรียกทันทีที่กดรับ
“ฉันโดนไผ่ต่อย” ผมบอกมันอย่างไม่มีที่มาที่ไป
“อะไรนะ!” ฝนถามเสียงตื่น
“ฉันโดนไผ่ต่อย พรุ่งนี้มาทำแผลให้ที่บ้านหน่อยนะ”
“ทำไม”
“แค่นี้แหละ นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์”
ผมไม่รอให้มันตอบรับหรือปฏิเสธ กดปิดมือถือ ยัดสิ่งนั้นใส่กระเป๋ากางเกง ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสลัวรางด้านบน เห็นดาวแค่ดวงสองดวงเท่านั้น
ตอนนี้ผมยืนดูคนเดียวไปก่อน แต่อีกไม่นาน ผมจะมีใครอีกคนมายืนเคียงดูด้วยกันแล้ว
To Be con..
เป็นอีกตอนที่ชอบมาก ๆ ตั้งแต่ตอนที่น้ำฝนเมาแล้วบอกรักพี่หมอ 'รักมาก รักเท่าโอ่งมังกรเลย' ชอบตอนพี่หมอกับไผ่ช่วยกันคุยกับพ่อแม่ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ ที่คนเกลียดกันมาก ๆ จะมาร่วมมือกันได้
ต่อจากนี้ก็รอลุ้นว่าพ่อแม่พี่หมอจะไปเจรจากับพ่อแม่น้ำฝนได้สำเร็จหรือเปล่า มาลุ้นกันต่อไปค่ะ
#เม้นท์นะคะคนดี -,.-
#ถ้าการเจรจาสู่ขอครั้งนี้ผ่าน เตรียมตัดชุดไทยไปร่วมแห่ขบวนขันหมากได้เลย = ., =
ปล. กระซิบถามผู้รู้ คือคนเขียนรวมเล่มนิยายเรื่องนี้แล้ว(ในเด็กดี) แต่ยังไม่ได้ประกาศให้คนในเล้ารู้อย่างเป็นทางการเพราะต้องทำตามกฏคือเมลไปแจ้งเลขที่บัญชีกับบัตรประชาชนให้ทางเล้าตรวจสอบก่อน ปกติเขาใช้เวลาตรวจสอบกันนานแค่ไหน คนเขียนส่งไปจะเป็นเดือนละ ยังไม่เห็นมีอะไรตอบกลับ หรือต้องรอนานกว่านั้น? (คือมันนานจนจะปิดจองอยู่รอมร่อแล้วไม่ใช่อะไรหรอก = =)