บทที่ 7 The Sea
[/b]
ตอนนี้ผมกำลังเดินวนไปวนมาหน้าร้านเหล้าร้านเดิมที่ผมมาร้องเพลงประจำ โดยมีไอ้ท่อนไม้เจ้าเก่ายืนประกอบฉาก ทำไมนะหรอก็น้องมีนผู้นี้กำลังเดี่ยวไมโครโฟนอย่างเป็นสุขระหว่างพักพ่อผมดันโทรมาเซอไพร์ว่าอยู่หน้าหอ จึงบอกไปตามตรงว่าอยู่ร้านเหล้ามาร้องเพลง ท่านเลยออกปากว่าจะมาหาที่ร้าน ไอ้เรื่องมารับจ๊อบไม่น่ากลัวเท่าไอ้เพื่อนๆ ทั้งสี่ห้าตัวที่โต๊ะ ไม่รู้มันจะแฉวีรกรรมอะไรผมบ้าง รถเบนซ์สีดำคุ้นตาชะลอก่อนจะจอดนิ่งตรงหน้า แล้วพ่อผมก็ลงมาก่อนที่คนขับรถจะนำไปจอดให้เป็นที่เป็นทาง
"บักหำน้อย..." นั่นไงครับ แค่เปิดตัวก็อลังการงานสร้าง ร้องเรียกผมเสียงดังซะคนแถวนั้นต้องหันมอง...และที่สำคัญ ผมไม่เล็กนะครับ
"ป๋าหวัดดี"
"คิดถึง มาๆ มาป๋ากอดหน่อย" และแล้วไอ้มีนผู้นี้ก็โดนพ่อจับกอดรัดฟัดเหวี่ยง แถมหอมแก้มซ้ายขวาไปอีกฟอดใหญ่...หมดกัน ภาพลักษณ์ดิบห่าม? ที่ไอ้มีนสร้างมา ผมละเพลีย
"พอแล้วป๋า แก้มมีนช้ำหมดแล้วเนี่ย" เบรกก่อน "นี่เร อยู่คณะเดียวกับมีน" ผมหันไปแนะนำ คนข้างตัว มันก็ยกมือไหว้พร้อมยิ้มเล็กน้อย
"หวัดดีไอ้หนุ่ม แหม...เพื่อนเอ็งนี่หน่วยก้านดีจังเลยนะ แบบนี้ค่อยวางใจหน่อย เวลาเอ็งไปอ้อนตีนใครจะได้มีคนช่วย" พ่อผมยิ้มร่าพร้อมตบบ่าไอ้เรอย่างเอ็นดู
"ไปข้างในเถอะป๋า พวกเจ๊ดารออยู่"
"ไปสิไป ไม่ได้เจอไอ้พวกทโมนนั้นนานแล้ว" ว่าแล้วท่านพ่อกระผมก็กอดคอลากเข้าด้านในราวกับรู้จักที่นี่ดี ไปถึงโต๊ะก็ยกมือรับไหว้บรรดาเพื่อนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สร้างบรรยากาศสบายๆ ตามสไตล์ลุงกำนัน
"ป๋า สวัสดีค่า นั่งค่ะนั่ง คนนี้ชื่อเรนนะค่ะคนน้อง ส่วนไอ้คนที่เดินมากับป๋าชื่อเรค่ะคนพี่ ส่วนสัมภเวสีที่เหลือป๋าคงรู้จักแล้วเนอะ" เจ๊ดาทำหน้าที่รับแขกคนสำคัญพร้อมขยับเก้าอี้ให้พ่อผมนั่ง ก่อนเรียกเด็กเอาเมนูมาให้ "ป๋าทานอะไรมายังค่ะ ที่นี่อาหารอร่อยนะค่ะ ลองสั่งทานได้เลย หนูรับประกัน" ที่มันดีแบบนี้ไม่ใช่อะไรนะครับ พ่อผมมามื้อนี้มีคนจ่ายชัวร์
"ยังเลย อิ่มยังละพวกเรา ไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้เลยนะ เหล้าเบียร์อยากกินอะไรก็สั่งนานๆ เจอกันทีป๋าเลี้ยงเอง" นั่นไงครับเดาผิดให้เตะเลย หน้าใหญ่ตลอด สรุปวันนี้ผมคงต้องขอพี่หนิงไม่รับค่าแรงแล้วละ ท่าจะยาว
"คร้าบบบบ / ค่ะ" หึ เกรงใจนะ รู้จักไหมพวกมึง แล้วสารพัดสิ่งมึนเมาและกับแกล้มก็ถูกสั่งมาวางบนโต๊ะ
"หนูมีน เป็นไงมั่งที่คณะ มันก่อเรื่องอะไรหรือเปล่า" พ่อเปิดประเด็น เรียกสายตาลุกวาวจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะไอ้กรที่ดูคันปากอยากจะแฉเหลือเกิน
"ก็มีเยอะครับป๋า เกรียนตามประสามันแหละครับ แต่มีเรื่องเด็ดอยู่เรื่อง ป๋าจำพะแพงได้ไหม ผู้หญิงตัวเล็กๆ ขาวๆ ที่ไอ้มีนพาไปกินข้าวกับป๋าตอน ม.หก "
"อ้อ ว่าที่ลูกสะใภ้นะหรอ"
"ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วป๋า เพราะเขาทิ้งมันไปแล้ว" ควับ!...ป๋าหันมามองผมทันควัน
"อ่อนจริงลูกป๋า แล้วยังไงต่อ" แง...อย่าซ้ำเติม
"ประเด็นคือ พะแพงไม่ได้บอกเลิกมันไง แต่ชิ่งไปเลย แฟนใหม่พะแพงเลยคาใจ มากระทืบไอ้มีน" ไอ้เชี่ยกร!!!!! ผมกรีดร้องในใจแทบจะมุดโต๊ะหนีสายตาคาดคั้นจากบุพการี
"จริงหรือ"
เฮือก!!!...เสียงเข้มมาเชียว ผมจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ "มันเป็นใคร บังอาจมาก ป๋าจะไปจัดการมัน"
"ม่ายยยย ป๋า เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกอย่างพวกมันก็โดนไปเยอะแล้ว" ผมรีบเบรก เดี๋ยวเกิดพ่อผมส่งเด็กไปกระทืบมันจะทำยังไง บานปลายไปกันใหญ่ "คือ...ไอ้เรมันช่วยกระทืบส่งพวกมันนอนโรงพยาบาลให้แล้ว จริงไหมเร" ผมสะกิดมันยิกๆ ตอบดิวะ
"ครับ!" แค่นี้!? ยืนยันให้มันหนักแน่นกว่านี้สิ
"ใช่ครับคุณพ่อ พี่ผมเป็นคนเข้าไปช่วยมีน แล้วพามีไปหาหมอด้วยครับ" ไอ้เรนช่วยขยายความแทนพี่มัน
"เฮ้อเอาเถอะ ว่าแต่หนูมีนไม่เฮิทหรอลูก โดนหักอก" พ่อหันมาถามพร้อมลูบหัวผมไปพลาง เง้อ ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเล็กๆ ไปได้
"โอ๊ย! ป๋า จะเอาอะไรมาเฮิทละค่ะ ตอนนี้มันมีคนดามใจแล้ว" เจ๊ดารีบแย่งพร้อมยิ้มกริ่ม
"หืม!? ใครละ"
"คนคนนั้นก็คือ ระ...อื้อ!!!!" ผมรับเอามือปิดปากอีเจ๊ก่อนที่มันจะพูดออกมา คือยังไม่ตกลงซักหน่อยแค่ดูๆ ก่อน แล้วพ่อแม่ที่ไหนจะรับได้วะ ที่ลูกชายตัวเองโดนผู้ชายจีบ
"ถ้าบอกขอให้เจ๊ขึ้นคาน" ผมแช่งมันเสียงแข็ง เหลือบตาไปมองไอ้คนโดนพาดพิง เรกลับยิ้มกริ่มพร้อมยักคิ้วให้อย่างท้าทายผม หล่อ ร้าย ชวนให้ใจสั่น...
ไม่ใช่แล้ว! สติ...สติจงกลับมา
"ฮ่าๆๆ หน้าแดงใหญ่แล้วไอ้หนู ถ้าจะเขินขนาดนี้ ไว้พร้อม เอ็งค่อยบอกก็ได้ ป๋าเข้าใจ" ปากอะเข้าใจแต่สายตาล้อเลียนนี่มันอะไรครับป๋า แล้วทั้งโต๊ะก็หัวเราะกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ท่อนไม้ ที่หัวเราะ หึๆ อยู่ข้างตัว...แว๊กกกกก แล้วมึงจะดึงมือกูไปจับทำไม...เง้อเขิน
"แล้วป๋ามาหามีนมีอะไร" ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนรุมยำไปมากกว่านี้
"คิดถึงลูก มาหาไม่ได้หรอ"
"แหมป๋าก็ เอาแบบจริงจังสิป๋า"
"ป๋าจะไปธุระที่สิงคโปร อีกสองวัน ต้องมาขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ เลยแวะมาดูว่าบักหำน้อยของป๋า มันตายยัง แล้วนี่เลยถือโอกาสมาชวนเอ็งไปด้วยเลย เผื่ออยากไปเที่ยว ลาได้ไหมล่ะ ให้ป๋าเซ็นลากิจให้ก็ได้นะ" พ่อผมทำหลายอย่างครับ เป็นกำนันและยังทำธุรกิจซื้อขายอะไหล่รายใหญ่ในอีสานทำให้ต้องเดินทางไปสัมมนาในต่างประเทศ บางครั้งก็ชวนผมไปด้วยเพื่อถือโอกาสเที่ยวไปในตัว
"ผมคงไปไม่ได้หรอกป๋า อาทิตย์หน้าต้องไปรับน้องนอกสถานที่"
"ที่ไหน" คือ ผมกำลังลังเลว่าจะบอกดีไหม ผมกลัวว่าพ่อจะไม่ให้ผมไปอย่างที่แล้วๆ มา
"ทะ...ทะเลครับ"
"ไม่ได้!!!!" ถูกค้านตามที่คาด "เอ็งจะไปไหนก็ได้บนโลกนี้ ที่ไม่ใช่ทะเล ป๋าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ผมเข้าใจ แต่..."
"ป๋าไม่อยากให้ไป ทะเลเอาแม่เอ็งไปจากป๋า ก็แค่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก" พ่อบอกเสียงแผ่ว ใช่ผมรู้ดี สถานการณ์ชวนอึดอัดเสียจนคนอื่นๆ ต่างเงียบเพื่อเปิดโอกาสให้เราคุยกัน
"ผมรู้ แต่ถ้าไม่ไปผมก็ไม่ผ่านกิจกรรม แล้วผมก็อาจไม่จบปีหนึ่งนะป๋า" พยายามที่จะงัดเหตุผมมาพูด "ป๋าไม่ต้องกลัวมีนจมน้ำหรอก มีนโตแล้วมีว่ายน้ำก็เก่ง ดูแลตัวเองได้นะ...ให้มีนไปนะ"
"ไม่ได้ งั้นเอ็งก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ที่ๆ ไม่ต้องรับน้อง" เสียงทุ้มยื่นคำขาด มันทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคือง ทำไมพ่อถึงต้องจมกับอดีตขนาดนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่และผมก็ไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำไม่เคยเห็นแม้แต่ภาพถ่าย ได้ยินแต่พ่อบอกซ้ำๆ ว่าผมเหมือนท่าน
"ใจร้ายเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่มีนพยายามแทบตายเพื่อสอบเข้าที่นี่ แต่ป๋ากลับบอกมีนย้ายเพียงเพราะไม่อยากให้ไปทะเล" ผมบอกเสียงขุ่น พ่อไม่เคยนึกถึงความรู้สึกผมเลย เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เรพยายามจะดึงมือผมไว้เพราะทำท่าจะลุกขึ้น "บางทีมีนก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทะเลมันเลวร้ายอะไรนักหนา มีนก็แค่อยากเห็นทะเลจริงๆ ที่ไม่ใช่ในทีวี ว่ามันสวยแค่ไหน ใครๆ เขาก็เคยไปทั้งนั้น แต่ป๋าดูมีนสิ จนจะสิบแปดอยู่แล้วยังไม่เคยไปเหยียบเลยซักครั้ง เพียงเพราะความฝังใจในอดีตของป๋า" ผมบอกเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์
"ไม่ได้ยังไงก็ไม่ได้ เอ็งไม่เข้าใจ"
"งั้นก็อธิบายเหตุผลมาสิ เหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องของแม่" ผมถาม...เชื่อว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นแต่ท่านไม่บอกผมและยังคงนิ่งเงียบ "หึ...อธิบายไม่ได้!? งั้นมีนก็ไม่มีอะไรจะคุยกับป๋าแล้ว" ผมเนรคุณหรือเปล่าที่คิดว่าพ่อเห็นแก่ตัว ผมหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น มันคงเป็นอารมณ์ดื้อรั้นแบบเด็กๆ ที่เมื่ออยากทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ หากถูกห้ามก็ต้องมีเหตุผลที่ดีพอแต่เผอิญตอนนี้มันไม่มี และผมก็ไม่ได้ยินดีรับฟังกับเหตุผลเดิมๆ ของพ่ออีกด้วย
ผมเดินออกมาจากร้านไม่ไกลมาก ผมไม่อยากกลับหอเพราะมันใจพ่อผมต้องไปรอเจอที่หอแน่ๆท่านไม่เคยยอมให้ผมหลบหน้าท่านได้นานหรอก แล้วจะไปไหนละ!?...เดินคิดไปเรื่อย เริ่มจะเหนื่อยจึงนั่งพักหน้าเซเว่นเล่นกับหมาไปพลางๆ แล้วใครคนหนึ่งก็นั่งลงข้างๆ พร้อมยื่นชาเขียวเย็นให้ จะเป็นใครได้นอกจากไอ้ท่อนไม้เจ้าเดิม มองข้ามถนนไปก็เจอเอสตราโดคันสวยจอดนิ่งอยู่ ไม่รู้ว่ามันตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรับน้ำขวดนั่นขึ้นมาเปิดดื่ม ตั้งใจจะเดินเข้าไปซื้ออยู่แล้วแต่นั่งบิ้วอารมณ์เพลินไปนิด
"กูไม่อยากกลับหอ ยังไม่อยากเจอป๋าตอนนี้ กูไปนอนคอนโดมึงได้ไหม" ผมหันมองคนข้างๆ ซึ่งมันก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
"แต่ตอนนี้กูหิว พาไปหาอะไรกินหน่อยสิ" เรลุกขึ้นจูงมือผมไปที่รถ มันขับรถพาไปกินโจ๊กหม้อดินแถวมหาลัย โจ๊กอร่อยะดีแต่นั่งกินไม่ค่อยเป็นสุข ทำไมนะหรอ!? ก็ไอ้คนนั่งตรงข้ามมันกินไปจ้องหน้าผมไปบางทีมันก็ยิ้มให้ จนเริ่มสงสัยว่าไอ้เรมันสติดีเปล่าวะ แต่มันก็ช่วยให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะ เริ่มสงสัยแล้วสิว่ามันชอบอะไรในตัวผมกันนะ แค่ไอ้เด็กแว่นเกรียนๆ ไม่ได้หล่อเหลาน่าเอาจนเก้งกวางต้องเหลียวหลังซักหน่อย
ผมมานอนห้องมันบ่อยเกินไปหรือเปล่า!? ไอ้เจ้าของห้องมันก็บริการดี๊ดี กลับมาถึงเตรียมน้ำอุ่นให้อาบ มันรู้ว่าผมชอบนอนแช่น้ำในอ่าง จะว่าไปมันก็ดูใส่ใจผมดีเหมือนกันนะ เพราะเคยมีแฟนมาก็ต้องเป็นฝ่ายดูแลเอาใจเขามากกว่า มันรู้สึกดีนะที่ถูกให้ความสำคัญ ทุกอย่างก็ดูเข้าท่าดีหรอกเว้นแต่ตอนนอนผมโดนมัน แกล้งบ้าง กวนบ้าง ลวนลามบ้าง พอเป็นพิธีแต่เอาเถอะน้องมีนหยวนให้ในฐานะที่มันทำตัวดี
กว่าผมจะตื่นก็เกือบเที่ยงไอ้เรตื่นก่อนนานแล้ว จำได้ลางๆ ตอนสิบโมงมันบอกจะไปรับใครไม่รู้ ว่าแล้วชักหิวล้างหน้าแปรงฟันเลยเดินมึนออกมาหาอะไรกัน แต่ทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องนอนเจอไอ้แฝดนรกกำลังนั่งเล่น PS4 กันอย่างเมามัน แต่แขกอีกคนที่นั่งอยู่ทำเอาผมถึงกับชะงัก ป๋า!...มาได้ไงวะ หันรีหันขวางไม่รู้จะทำยังไง แถมยังไม่อยากคุยตั้งใจว่าจะลี้ภัยกลับเข้าห้องแต่ไอ้เรดันคว้าผมได้ทันก่อนบังคับให้ผมนั่งลงตรงข้ามกับพ่อผม โดยมีมันล๊อคเอวไว้ส่วนอีกฝั่งเป็นไอ้เรน บรรยากาศอึดอัดเริ่มปกคลุมก่อนที่พ่อจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเสียเอง
“ป๋าขอโทษ” พ่อมองหน้าผมจริงจัง “ขอโทษที่ยึดติดมากเกินไปห่วงมากเกินไป จนลืมนึกถึงความต้องการของเอ็ง มันก็จริงอย่างที่เรนมันว่า ไม่มีใครหนีความจริงพ้นเราควรยอมรับมันให้ได้”
“มีนรู้ว่าป๋าห่วง แล้วก็ ขอโทษที่เสียงดังใส่นะครับ” ผมบอกเสียงแผ่ว แต่ก็เอะใจในสิ่งที่ท่านพูด “ว่าแต่...ความจริงอะไรหรอครับ”
“เอ่อ...ให้อธิบายคงยาก เอาเป็นว่าเกี่ยวกับเรื่องแม่ของลูก เมื่อถึงเวลาลูกจะรู้เอง” กรรม...ทำไมต้องทำตัวมีลับลมคมนัยน์อะไรกับผมด้วยเนี่ย
“เฮ้อ!!!...บอกตรงๆ ไม่ได้หรอป๋า” ผมทำหน้ายู่ใส่ พ่อผมนะ ถ้าไม่อยากบอกอยากเล่าบังคับให้ตายท่านก็ไม่คลายออกมาหรอก
“แล้วก็อีกเรื่อง...ไอ้หนุ่ม ชื่อเรใช่ไหมเรา” พ่อเอ่ยเสียงเข้มขึ้นพร้อมหันไปจ้องไอ้คนข้างตัวทำเอาผมสะดุ้ง “จริงหรอที่เอ็งชอบลูกข้า” เชี่ย...ป๋ารู้ได้ไงวะ
“ครับ” มันตอบทันทีแบบไม่ลังเล งือ...แอบดีใจ...มั้ง ผมเริ่มใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อพ่อนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แอบลุ้นว่าท่านจะตอบว่าอะไร หรือพ่อจะรับไม่ได้ ผมจะโดนว่าไหมแล้วไอ้เรจะโดนป๋ากระทืบหรือเปล่า
“ไม่เห็นต้องทำหน้ายุ่งนาดนั้นเลยนิ” ป๋าบอกพร้อมเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ “ถึงมันไม่ใช่เรื่องปกติแต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ป๋าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ถ้าลูกป๋าอยู่กับใครแล้วสบายใจ ก็ยินดี ส่วนเอ็ง ได้ลูกข้าแล้วห้ามทิ้ง ทิ้งเอ็งตาย”
“
ป๋า!!!! ผมยัง...” มันชักจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วมั้ง ผมยังซิงเว้ยยย
“ยังอะไรสภาพขนาดนี้ แล้วเสื้อที่ใส่ไม่ใช่ของไอเรเรอะ” มันก็ใช่ “แล้วไอ้รอยแดงๆ ที่คอจะบอกว่ายุงกัดหรือไง” มันก็แค่จูบกับนัวนิดหน่อย ยังไม่ได้ทำไรเลย ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะเถียงอะไร ถ้ามองจากหลักฐานมันก็ชวนให้เข้าใจตามนั้น...เง้อ
“แล้วสรุปป๋ายอมให้ผมไปทะเลแล้วใช่ไหม” เปลี่ยนเรื่องดีกว่าก่อนจะโดนสอบปากคำไปมากกว่านี้
“ใช่ แต่ถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นไอ้หนูมีนต้องโทรบอกป๋าทันที เข้าใจไหมไอ้ลูกเขย”
“ครับผม” ไอ้ท่อนไม้ตอบรับแข็งขัน เฮ้ย! ป๋า ทำไมยอมรับมันเป็นเขยง่ายจังวะ ถึงน้องมีนจะเป็นผู้ชายก็ช่วยหวงกันหน่อย
ผมใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายทำหน้าที่ลูกที่ดี พาพ่อเที่ยวแถวๆ มหาลัยเพราะพรุ่งนี้ท่านต้องขึ้นเครื่องแต่เช้า เอาใจนิดหนึ่งเผื่อได้ตังค่าขนมไปเที่ยวเยอะๆ อ้อนไปอ้อนมาจากที่จะซื้อเวฟคันใหม่ป๋ารับปากจะถอยรถยนต์ให้เลย แกบอกปลอดภัยกว่าเนื้อหุ้มเหล็ก เห็นไหมผมมันลูกกตัญญูรักบุพการีจะตายไป
ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะต้องไปรับน้องนอกสถานที่ อดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะเห็นทะเลครั้งแรกถึงขนาดแพคกระเป๋าล่วงหน้าสองวันคืน ก่อนไปก็ไปสิงที่ห้องไอ้เรกลัวไม่มีคนปลุกแต่เปล่าเลย กลายเป็นผมนี่แหละคึกจัดตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสี่แถมลากไอ้คุณเรออกจากที่นอนตั้งแต่เช้ามืดโหวกเหวกโวยวายจนไอ้เรนต้องเปิดประตูห้องมาด่าเพราะรบกวนเวลานอนมัน ใครๆ อาจจะหาว่าผมเวอร์ก็คนมันไม่เคยไปอะเข้าใจกันหน่อยสิ
เป้าหมายทริปนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลเพราะเราไปรับน้องกันที่หัวหินในหาดส่วนตัวของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตีกลองแหกปากร้องเพลงกันไปตลอดทาง แบบนี้สิค่อยสนุก ปีนี้ดีเพราะรุ่นพี่ปฏิวัติกันแล้วไม่ใช่เอะอะก็ว๊ากถึงจะมีบ้างแต่ก็ไม่ได้เครียดตลอด มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับกดดันรุ่นน้องแบบแต่ก่อน ซ่าได้ไม่นานก็โดนไอ้เรกลับมานั่งประจำที่ เพลงกำลังโดนน้องมีนอยากเต้นอะ
"เชี่ย! เร มึงเป็นพ่อกูหรอ คนกำลังสนุก" ผมดิ้นพลาดๆ "ปล่อยดิ อารมณ์ร่วมนะรู้จักไหม แทนที่จะนั่งบื้อเป็นท่อนไม้ แดนซ์โว้ย ดะ ...อื้ออออ" ด่ามันยังไม่ทันครบชุดก็โดนมันปิดปากด้วยปากเรียบร้อย...เล่นเอาทั้งรถหันมามองเราเป็นตาเดียวตามมาด้วยเสียงแซวเซงแซ่ ผมรีบมุดเข้าไปนั่งริมหน้าต่าง พร้อมดึงเสื้อแขนยาวคลุมทั้งหัวไปลี้ภัยหนีอายกับพระอินทร์ในทันที ไอ้หน้าด้าน บอกผมเงียบดีๆ ก็ได้มั้ง
เมื่อไปถึงเราก็แยกย้ายเอาของไปเก็บในบ้านพักขนาดสี่ห้องนอนซึ่งแบ่งเป็นหลังๆ แยกหลังละเอกตามชั้นปีแยกชายหญิงอย่างละหลัง ห้องผมนอนกันห้าคนซึ่งก็แก๊งผมทั้งหมดและครับ กิจกรรมวันนี้คือเข้าฐานต่างๆ ที่รุ่นพี่จัดเตรียมไว้ ร้องรำทำเพลงสร้างความสัมพันธ์และการทำงานเป็นกลุ่ม ก่อนจะถูกปล่อยแยกย้ายตามอัธยาศัยในตอนเย็นจึงมีเวลามาร่ำสุรากันหน้าบ้านพักซึมซับบรรยากาศของทะเลอย่างเต็มที่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหมว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ร่างกายมันรู้สึกดี ผ่อนคลายอย่างประหลาด เพราะแบบนี้สินะใครๆ จึงชอบมาพักร้อนที่ทะเล นั่งคุยเล่นกันเพลินๆ พวกผู้ชายก็ถูกบรรดารุ่นพี่ในเอกเรียกออกมาที่ชายหาด เพิ่งรู้นะว่าพี่โยก็อยู่เอกเดียวกับผม
"ตามมาๆ กูมีภารกิจลูกผู้ชายให้มึงทำ" พี่ตั้มประกาศก่อนเดินนำพวกเราเลียบหาดมาเรื่อยๆ จนถึงสะพานส่งปลาทำจากไม้เก่าๆ ซึ่งยื่นลงไปในทะเล บวกกับพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้าให้บรรยากาศหนังสยองขวัญ ถ้ามีผู้หญิงผมยาวๆ นั่งตรงสุดสะพานนี่ใช่เลย
"เอิ่ม ภารกิจอะไรหรอพี่" ไอ้กรถามเสียงสั่น มันเป็นพวกกลัวผีขึ้นสมองครับ
"พวกมึงเห็นธงแดงตรงปลายสะพานนั่นไหม" พี่ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ยืนข้างพี่โยว่าพร้อมส่องไฟฉายไปตรงจุดนั้น "ไปเอามันกลับมา แล้วพวกกูจะรับมึงเป็นน้อง ง่ายใช่ไหมละ" ง่ายอะง่าย ถ้าสะพานที่ว่าไม่ใช่ไม้ผุๆ ที่ดูผ่านร้อนผ่านหนามาหลายสิบปี
"แล้วใครจะเป็นคนไปละ" ไอ้ก้องถาม ทำท่าพร้อมถีบผมออกหน้าแล้วครับ
"ก็จับฉลากเอา" พี่ตั้มบอกพร้อม ชูโหลแก้วเล็กๆ ที่มีกระดาษหลายใบม้วนอยู่ "ไอ้มีนมานี่ ในฐานะที่มึงเป็นที่รักของพี่ๆ ทุกคน กูให้มึงเป็นคนจับ" !
เฮือกกก!! คือ ผมมันพวกซวยบรรลัยเกิดจับได้ตัวเองทำไงวะ "ไวๆ เลยมึงรีบทำ จะได้กลับไปเมาต่อ" ผมหยิบส่งๆ ก่อนจะยื่นให้พี่ตั้มไป
"คะ...ใครหรอพี่" ไอ้กรถาม มันเกาะไอ้ภูผาแน่นจนแทบจะขี่คอ...ถ้ามึงจะกลัวขนาดนั้นนะ
"ไอ้มีน!!!"
เชี่ย!!! จับเองได้เอง ไอ้สะพานมืดๆ ไม่กลัวหรอกครับ ประเด็นคือมันจะพังลงไปตอนไหนเถอะ รีบไปเอามาแล้วรีบกลับ ยังไม่ทันจะก้าวออกไปไอ้เรดันคว้ามือผมไว้ สายตามันดูกังวลเอามากๆ "น่า แค่เดินไปเอาธง ไม่เป็นไรหรอก"
"มั่นใจ?"
"อืม...มึงช่วยกูทันอยู่แล้ว" ผมบีบมือมันเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้าลงบนสะพานนั่นช้าๆ และมั่นคง แค่รู้ว่ามันมองตามก็รู้สึกปลอดภัยแล้ว เป็นเอามากนะผมเนี่ย
"ทำเชี่ยอะไรของมึงไอ้มีน" เพื่อนๆ ร้องลั่นเมื่อผมลองกระโดดๆ บนสะพานหลังจากเดินมาได้สิบกว่าก้าว แหมก็ต้องทดสอบความแข็งแรงกันหน่อย ถ้ามันจะพังให้มันพังซะตอนนี้ยังพอวิ่งกลับทัน แต่ทุกอย่างนิ่งสงบมีแต่เพียงคลื่นน้ำเบื้องล่างที่ดูจะเชี่ยวกราดกว่าตอนกลางวัน สะพานนี้ยาวเกือบร้อยเมตรจากการประมาณด้วยสายตาเดาว่าตรงส่วนปลายสุดที่มีธงแดงอยู่น้ำคงลึกน่าดู
ยิ่งก้าวห่างออกมายิ่งเมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ผืนน้ำที่ทอประกายของแสงจันทร์เพ็ญกลิ่นน้ำทะเลกับสายลมอ่อนๆ เหมือนดึงดูดให้เข้าหา เหมือนหูจะแว่วเพราะท่ามกลางเสียงคลื่นและลมเหมือนได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ จากรอบๆ ตัว มันไม่ได้น่ากลัวแต่กลับอบอุ่นใจอย่างประหลาด พลันเสียงนั้นกก็หยุดลง
'ระวัง ถอยกลับไป' เสียงใครบางคนกระซิบเตือนทำเอาผมหยุดชะงัก อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงธงแดงแล้วแค่หยิบมัน 'ถอยกลับไป...เร็ว!!!' เสียงนั่นดูร้อนรนขึ้น ผมหันรีหันขวางมองหาที่มาของเสียงนั่น แล้วทุกอย่างก็กระจ่างชัดเกี่ยวกับคำเตือนนั่น เมื่อพื้นสะพานที่ผมยืนอยู่เริ่มโยกคลอน
เปรี๊ยะ!! ตูม สะพานไม้เริ่มผุพังบางส่วนหัก บางส่วนหลุดร่วงลงไปสู้ผืนน้ำเบื้องล่าง ชิบหายแล้วกู ทำไงดี วิ่งกลับยังทันไหม ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมเอื้อมไปคว้าธงเป็นจังหวะเดียวกับที่พื้นใต้เท้าหักลงพาร่างทั้งร่างร่วงสู่ผิวน้ำ
"มีน!!!!" เสียงเพื่อนๆ บนฝั่งตะโกนก้อง น้ำเค็มทะลักเข้าตาเข้าปากจนแสบไปหมดผมพยายามตระกายขึ้นสู่ผิวน้ำแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง สงสัยจะโดยตะคริวกิน เมื่อดวงตาชินกับน้ำเค็มทำให้เห็นพระจันทร์จางๆ เหนือน้ำที่ลอยห่างไปเรื่อยๆ ผมพยายามกลั้นใจไม่ให้สำลักน้ำทะเล แต่เหมือนจะเกินลิมิตของตัวเองแล้ว อึดอัด ทรมาน เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ นี่ผมจะต้องมาจมน้ำตายแบบนี้จริงๆ หรอ ไม่นะ ไม่ !!! ได้แต่กรีดร้องในใจ เมื่อภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง ในสมองทุกสิ่งเริ่มหยุดนิ่งเพราะขาดอากาศหายใจ
ภาพสุดท้ายที่เห็นราวกับภาพฝันเมื่อร่างบอบบางขาวกระจ่างเคลื่อนผ่าน ผมยาวๆ ที่สยายออกตามแรงว่ายระแผ่วผ่านผิวกาย ก่อนที่ลำแขนเล็กๆ นั่นจะโอบกอดร่างทั้งร่างไว้เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน...นางฟ้าหรอ นางฟ้าอะไรจะอยู่ในทะเล หรือว่าผมตายแล้วเขามารับวิญญาณกันนะ
'ไม่เป็นไรนะ' เสียงหวานกระซิบบอก 'ทะเลไม่มีวันทำร้ายเรา'TALK TALK
[/b]
-มาอัพแล้วจ้า น้องมีนของเราแท้จริงแล้วเป็นใคร เดี๋ยวเจอกันบทหน้าจ้า
-ขอบคุณท่านผู็อ่านทุกคนที่ติดตาม สำหรับเรื่องเดิม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0 ตามลิ้งนี้ไปเลยจ้า อ่านเพลินๆ ติชมกันได้