The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446073 ครั้ง)

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ต่อมความอยากรู้มันทำงานหนัก คุณเบบี้จะมีคู่พายุไหม ลุ้นมาก ชอบพายุนอึนมึน แต่รู้ใจไฟที่สุด   :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นกำลังใจให้ไรท์  ประทับใจมาก:mew1: :mew1: :mew1:
เรื่องของคุณเบบี๋ เรื่องนี้หนักกกก
แต่ในความหนัก ก็สนุกกกก มาก ลุ้นตลอด
ต้องอ่านอย่างเก็บรายละเอียด
อ่านไป ก็เห็นภาพ สถานที่ในเรื่องได้ชัดเจน
อ่านแล้วรู้ถึงความยากของการเขียน
อ่านแล้วก็ โอ้โห.....ร้ายกาจ ไรท์ฉลาดมากๆ
เขียนได้ถึงขนาดนี้ สุดยอดดดด
ถ้าคนอ่านอารมณ์ไม่ใส ไม่นิ่ง รีบๆอ่าน
จะไม่ได้อารมณ์ บรรยากาศ ของเรื่อง
เพราะไม่ใช่เรื่องใสๆเลย
ชอบบบบ ไฟ ไม่ใช่แค่หัวหน้าๆ ธรรมดา
มันสมอง วิสัยทัศน์ สุดๆไปเลย
สามารถใช้อำนาจ พระเดช พระคุณ ได้ยอดเยี่ยม
สมุทร ระวังตัว รอบคอบ ปิดกั้นตัวเองมาก
จนบางที อยากให้มีเหตุอะไร มาทำให้เปิดใจกับไฟซักที
ยู ก็มีใจให้กานต์นะ
น่าเอาคืนไอ้กริด ไอ้กายจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ super hero

  • gen y(aoi)
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อ้า~ สนุกมาก ติดเรื่องนี้สุดๆ

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
เฮียกานต์...!!!..มาแย่งซีนล่ะ...

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
ยูอย่าเป็นอะไรเลยนะสงสารเฮียกานต์
ตอนหน้ามีบู้ จัดให้หนักเลยนะไฟ

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 เหนื่อยกับไฟจริงเลย นี่ขนาดจีบสมุทรอยู่นะ

คือมันต้องได้ปลดปล่อยใช่ไหม แถมยังไปข่มเค้าอีกกกก

สมุทรจะรอดอีกนานไหม

ตลกไฟแหย่เมฆ แล้วดูเรียกน้อง เรียกสว่างไสวแทนไม่ได้หรอ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
อยากอ่านต่อแล้วววววววววว   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
คิดถึงไฟกับสมุทร
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เค้ามารอมืดมน ฮ่าๆๆๆ  ชอบเวลาไฟอยู่กะมืดมน รู้สึกน่าร๊ากกกก

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เม้นก่อนนะฮะ เพิ่งอ่านไปตอนแรกตอนเดียว ติดใจเลย  :mew1:

ใครจะคู่กับไฟนะ สมุทรหรือเปล่านะ  :o8: หรือจะพายุน้องชาย  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ อาทิตย์ที่ 11 ธ.ค 59 ]  ตอนที่ 34 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1230



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 35
..ไฟ..




บรื้นนนน ~~

“ทางนั้น!” ไอ้เต้ตะโกน  มือชี้บอกไปทางทิศตะวันออก  มอเตอร์ไซค์ 4 สูบ 1300 ซีซี  เจ้าของคือคนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลัง  ผมเป็นคนบังคับที่จะขับเองเพราะไม่ไว้ใจในฝีมือ  ไม่ใช่ทุกคนที่มีรถคุณภาพจะสามารถใช้มันได้โดยเกินคุณค่าของประสิทธิภาพที่รถมี

รถมอเตอร์ไซค์เป้าหมายห่างจากเราไม่ไกลนัก  ตามที่สายตาสามารถคาดเดาได้ดูแล้วไม่น่าเกินแปดวินาทีให้หลัง  ถนนถูกกวาดตามองในวงกว้าง  ผมผ่อนแรงมือที่จับคันเร่งลงเรื่อย ๆ  เครื่องยนต์ต้องถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่านี้เพื่อที่จะตามได้ทัน  แต่ด้วยเพราะบนถนนที่มีสิ่งกีดขวางขวักไขว่ค่อนข้างเป็นอุปสรรค  ดังนั้น เพื่อเป็นการดีเราต้องตั้งหลักเสียก่อน  เสียงเร่งเครื่องยนต์ครางกระหึ่มขึ้นสองสามครั้งเตรียมพร้อมทำให้เจ้าของรถร้องแว่วอยู่ที่ด้านหลังข้าง ๆ หมวกกันน็อก “จะทำอะไรน่ะ!?”


บรื้น!  บรื้นนนนนน !!!  


เพี้ยววว!!!   .. รถยนต์  รถบรรทุกที่ขับผ่านด้วยความเร็วของสองฝั่งถนน  คันของเราแทรกผ่านมาด้วยความเร็วที่มากกว่านั้นอย่างไม่สนความเป็นความตายของผู้คน  ช่วงของความแคบที่เหลือเพียงช่องหลืบเล็กให้มอเตอร์ไซค์แทรกผ่านไปได้ในลักษณะเสี่ยงตาย  ด้วยความเร็วที่มากกว่าร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้วิ่งผ่านมาด้วยความปลอดภัย  เสียงบีบแตรดังระงมตามท้าย  คงด่าพ่อล่อแม่พวกเราอยู่เป็นแน่  ความวุ่นวายบนถนนสี่แยกที่สร้างความงุนงงปนตกใจ  เมื่อหลุดผ่านมาได้เกือบสิบกิโลเมตรให้หลังก็พบกับทางรกร้างสงบเงียบ  กลิ่นแม่น้ำ กลิ่นดินโชยเตะจมูก  เดาได้ไม่ยากว่าไม่ไกลกันนี้คงต้องมีท่าเรืออยู่เป็นแน่ 

“อย่า!”

“อย่า ๆ ๆ ๆ!!!” ไอ้เต้ตะโกนห้ามฟังไม่ได้ศัพท์  ทันทีนั้นล้อรถคันของเราก็ปะทะพุ่งชนเข้ากับล้อหลังของมอเตอร์ไซค์เป้าหมายอย่างไม่ลังเล  ต่างฝ่ายต่างเสียหลัก  เสียงล้อสีถูกวาดกับถนนไปเป็นทางยาว  เบรกกันหน้าทิ่มคว่ำหมดสภาพ


เอี๊ยดดดด ~

โครม !!!!

“ฟู่!” ลมหายใจที่ถูกพ่นออกจากปากทำให้รู้ตัวว่ายังมีสติครบถ้วน ปลอดภัย  โชคดีที่การกะวางให้รถล้มลงบนพื้นหญ้าเป็นไปด้วยดี  ลำตัวที่ล้มลงในท่านอนหงายพอดีทำให้เห็นท้องฟ้าที่มืดสนิท  มองไม่พบดาวสักดวง  น่าขำ..  เสียงร่างคนที่เพิ่งถูกชนอีกฝั่งหนึ่งคล้ายกับกำลังขยับ  ผมจึงลุกขึ้นนั่งและถอดหมวกกันน็อกออก 

“เป็นไรไหม” ผมถามไอ้เต้ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ข้าง ๆ  อีกฝ่ายลุกขึ้นด้วยสีหน้าเหยเก

“มึง..” มันเอ่ยตาถลึงขวางมองมา  โกรธห่าอะไรอีกละ

“สิบล้อเกือบเอาไปแดกแล้ว! ยังมีหน้ามาถามอีก!!” มันล่อซะดัง 

“ดูเหมือนจะสบายดี” ผมชมที่มันยังแรงดีไม่มีตก 

“แต่เดี๋ยวคงจะไม่สบายแล้วล่ะนะ” ผมอมยิ้มมุมปากถึงเหตุผลของการตามมา  ป่าหญ้ารกร้างจนเกือบถึงถนน  มองออกไปพบโกดังขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นโกดังร้าง  ความยาวทอดออกไปจนสุดบรรจบกับแม่น้ำ  มีแม่น้ำจริงตามที่คิดเอาไว้

“เสียงรถมึงครางหวานใช้ได้เลย น่าชื่นชมจริง ๆ” ผมแสยะยิ้มปนถอนหายใจถึงสภาพรถที่นอนอยู่จึงทำให้เจ้าของรถได้สติอีกครั้ง  ไอ้เต้ตาโตมองมอเตอร์ไซค์ของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก  ผมลุกขึ้นยืนถอดแจ็คเก็ตออก  ปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังโยนลงตรงหน้าคุณตำรวจ  มาลองดูแล้ว ไหน ๆ คุณเขาก็มาด้วย  ผมจึงอยากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่หลักของคุณตำรวจไปน่าจะส่งผลดีกับยูมากกว่า

“สวยใช่ไหมละ ?” ผมอมยิ้มถามถึงยี่ห้อปืน USP รุ่นงามต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมัน 

“เออ” มันยอมรับห้วน ๆ อย่างเสียไม่ได้ 

“ให้ยืม” ผมพูด  ดูท่าแล้วมันไม่ได้พกอาวุธเลย  เรียกว่าการไปร้าน Classic Move Bar & Restaurant ของยู  มันคงไปในกึ่งพลเมืองปกติแต่ก็อดที่จะละทิ้งหน้าที่ไม่ได้อะไรเทือกนั้น

“แต่กูขอจัดการส่วนของกูก่อน”

ขาก้าวตรงเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่ลังเล  มือปืนสองคนกับมอเตอร์ไซค์คันงามที่ต่างก็ล้มลงไม่เป็นท่าเหมือนพวกผม  หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนได้โดยปกติ  ที่สำคัญมือปืนเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่  คนขับรถยังคงนอนอยู่กับพื้น  รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่น้ำหนักมากทับตัวอยู่หมดสภาพ  ดูท่าคงลุกขึ้นไม่ได้ง่าย  เมื่อมันเห็นว่าผมเดินมามันก็กระเสือกกระสนที่จะขยับตัวเอง  ผมไม่สนหรอก ..หากในเมื่อมันไม่ได้ลงมือ

“ชอบวอนหาเรื่องงั้นเหรอ” ผู้หญิงตรงหน้าสวมหมวกกันน็อกมิดชิดเอ่ยพูด  ผมสำรวจมองอีกฝ่ายหัวจรดปลายเท้า  น้ำเสียงที่หนักแน่นกำลังยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ของเล่น

“แค่มีเรื่องจะถามน่ะ” ผมเอ่ย  เราต่างเงียบลง

“คุณยิงผิดคนรึเปล่า ?” 

“หึ..” อีกฝ่ายแสยะหัวเราะ 

“จะว่าผิดก็ผิดละนะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ หมอนั่นอยากสอดเข้ามายุ่งเอง”

“.........” ผมเงียบมองอย่างไม่คิดที่จะตอบโต้  หนึ่ง เพราะผมไม่ได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง  และพอจะคาดเดาบางอย่างได้หากให้มองจากมุมของนิสัยส่วนตัวของยู 

ปลายหางตาเห็นคนที่นอนถูกรถทัพอยู่พยายามขยับแขนของตน  ผมยังคงเลือกที่จะนิ่งเฉย  เสียงไอ้เต้เอ่ยห้ามแว่วมาจากทางด้านหลัง



ปัง !!!   

แกรก ~   .. ปืนของชายคนขับรถที่นอนอยู่ถูกยิงจนกระเด็นออกห่างจากเจ้าตัวไปอีกทาง  เสียงร้องโหยหวนดังระงมจากการถูกยิงเข้าที่ข้อมือ  เลือดสาดกระเด็น  ไอ้เต้ยิงสกัดจงใจให้อีกฝ่ายอยู่รอด  คนตรงหน้ายืนนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น 

“หึ มาฆ่าฉันงั้นเหรอ ?” เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“ไม่หรอกครับ แค่จะมาบอกว่า..ถ้าฝีมือคุณห่วยขนาดนี้ ผมแนะนำให้คุณเปลี่ยนอาชีพดีกว่าน่ะ” ผมยิ้มตอบ   

“ฮึ!” อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นจมูกหนักกว่าเดิม

“ชอบเสือกเรื่องคนอื่นสินะ” เธอพูดแทบสบถ  ดูเหมือนการยียวนจะเป็นผล  กระจกหมวกกันน็อกถูกเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาที่ซ่อนอยู่

“ก็ไม่เท่าไหร่” ผมตอบเรียบ ๆ

“เวลาว่างมีไม่มาก คิดว่าไม่น่าได้เสือกเท่าคุณ ฮี่ ๆ ๆ” ผมฉีกยิ้มกว้าง  หน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนอารมณ์ทันควันขนาดที่ว่าหมวกกันน็อกที่ปิดอยู่ครึ่งใบหน้าก็ยังซ่อนอารมณ์ของเธอไว้ไม่มิด  คนตรงหน้าจ้ำเท้าเข้าหาอย่างไม่กลัวสิ่งใด  ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ก็บุกเข้าประชิดกระโดดถีบมาที่ลำตัวผมได้อย่างจัง  น้ำหนักของการยืนทรงตัวตั้งรับแต่แรกทำให้ขาซ้ายผมขยับไปทางด้านหลังเพียงเล็กน้อย  แรงที่สามารถทำให้ผมขยับตัวได้ถือว่าใช้ได้สำหรับผู้หญิง  เธอที่ตวัดตัวออกห่างไม่ทันได้ไกลทำให้ผมเป็นผู้บุกถึงได้ง่ายดาย  ปลายเท้าถีบเข้าที่ท้องน้อยเต็มแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นตัวลอยไปไกลหลายเมตร  หลังกระแทกเข้ากับพื้นถนนดัง “อั๊ก!!!” ได้ยินดังชัดหูทีเดียว

ผมจ้ำเท้าเข้าหาอย่างไม่รอให้เสียโอกาส  ร่างกายที่หมุนตัวหลีกออกอย่างกระฉับกระเฉงในทันทีทำให้ผมผลิยิ้มมุมปากด้วยความถูกใจ  ไม่ได้เห็นแบบนี้ต่อตามานานแล้วนี่นะ  ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงทิ้งช่วงเพื่อให้อีกฝ่ายได้ลุกขึ้นสู้กันอย่างโดยดี  เราปะทะเข้าหากันอีกครั้ง  ศิลปะการต่อสู้ที่จับทางออกว่าเธอถนัดการต่อสู้แบบคาราเต้โดยพื้นฐาน  การเตะต่อยแม้จะชำนาญในฝีมือแต่กลับใช้แต่พละกำลังที่มีมากเกินไป  ถ้าน้องชายผมอยู่มันคงพูดเตือนเธอเนือย ๆ ว่า “แบบนี้มีแต่จะเหนื่อยเปล่า”


ผลัวะ!   .. เท้ากระทืบซ้ำยังท้องน้อยในจุดที่เธอเพิ่งโดนผมถีบมาก่อนหน้า  เจ้าของร่างกายขดตัวงอร้องครางระงมไม่ได้ศัพท์  ผมก้มตัวลงล็อกคอเสื้อเธอพร้อมถอดหมวกกันน็อกของเธอออกอย่างใจเย็น  ลิ้นถูกนำออกมากัดใกล้ปลายริมฝีปาก  สายตาคู่ตรงหน้าตวัดขึ้นมองขวางมาที่ผมในทันทีที่หมวกกันน็อกหลุดออกไป

“วู้ ~ สวยน่าดูนี่” ผมชมปนหัวเราะอย่างหยาดเยิ้ม   


หมับ !!!!   .. เสียงมือทั้งสองข้างตะปบจับเข้าที่ข้อเท้าของผมอย่างแรง  ผมแสยะยิ้มมองเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  ฟันของเธอดูเหมือนจะขบกัดหนักกว่าเดิมเมื่อผมเลิกคิ้วท้าทายให้เธอทำสิ่งที่ต้องการ  ขากางเกงยีนถูกดึงขึงตึงเป็นหลักก่อนที่เธอจะออกแรงดันตัวผมขึ้นจนผมเซถอยหลังล้มลงทำให้เธอพลิกตัวลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง  ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่พุ่งเข้าหาจงใจซ้ำขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่กับพื้น  เสียงฝีเท้าขูดกับถนนจนทิ้งร่องรอยยาวเป็นทาง  ผมเพียงแต่พลิกร่างกายหลบหลีกโดยไม่ลุกขึ้นยืนดี ๆ แต่การทำเช่นนั้นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดกว่าเดิม  ขาผมอ้าออกกว้างหลบปลายเท้าที่พุ่งเข้ามาเต็มแรง  พร้อมจับข้อเท้าของเธอล็อกไว้ได้ก่อนที่มันจะมาถึงส่วนสำคัญของร่างกาย 

“อึก!” เธอกัดฟันแน่น  ขืนตัวจะดึงขากลับแต่ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ  ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมฉีกยิ้มให้
 
“ของสำคัญชิ้นเดียวที่พ่อเหลือไว้ให้เลยนะ” ผมบอกตาปริบ ๆ  เธอไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ต่อแต่อย่างนั้นก็ไม่สามารถขืนสู้แรงผมได้ไหว 

“อวบกว่าข้าวหลามอีกนะ ..อยากไปลองกันดูหน่อยไหม ?” ผมแสยะยิ้ม

“สัส!” อีกฝ่ายสบถพร้อมตวัดขาอีกข้างถีบมาที่อกผมเต็มแรง 

“เช็ดแม่ง” ผมสบถอย่างรำคาญ  ลุกขึ้นถีบอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ยั้งแรงให้อย่างก่อนหน้าอีก  การเว้นช่วงให้เป็นไปเพื่อดูเหตุการณ์  เมื่อเธอลุกขึ้นทรงตัวได้ไหวหมัดจึงถูกปล่อยมาอีกครั้ง  แย่หน่อย ที่แรงมันถดถอยลงไปมาก


เพี้ยะ!  เพี้ยะ!!  ผลัวะ!!!

คนตรงหน้าล้มนอนแน่นิ่งลงเรื่อย ๆ จนแทบกลายเป็นเงียบสนิท  ผมนิ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง  ตั้งใจเลือกที่จะไม่ชกให้มากนักเพราะไม่ต้องการให้พูดกันไม่รู้ความ  เธอยังพอขยับตัวได้บ้าง  ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปป่านนี้คงสลบส่งตัวเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว  อีนี่มันอึดดีไม่หยอก  ผมนั่งยองลงกระชากผมของเธอขึ้นมาเพื่อให้คุยกันได้ถนัด ๆ 

“ถุย! หน้าตัวเมีย” น้ำลายถูกพ่นออกมาอย่างแค้นเคือง  แย่หน่อยที่มันย้อนลงพื้นแทนที่จะถูกตัวผม 

“มีคนทักถูกอยู่บ่อย ๆ” ผมยอมรับคำชม  อีกฝ่ายเงียบไปเสียเฉย ๆ  ตาดำพยายามเหลือบขึ้นมองดูท่าทีของผม  คำพูดที่ต้องการถามก่อนหน้านี้เพื่อให้ได้คำตอบที่แน่ชัดถูกกลืนเก็บเข้าไว้ที่เดิมเมื่อสำรวจดูแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรทราบออกจากปากเธอ 

“..ต้องการอะไร” อีกฝ่ายถาม

“เป็นผู้หญิง พูดให้มันเพราะกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง” ผมพูด

“กูถามว่ามึงต้องการอะไร!” เธอตะคอกกลับ  ผมมองเฉย

“ไปโรงพักกันครับ” ผมสรุปให้

“หึ ตลกจังนะ” เธอหัวเราะชอบใจ  ผมจึงยิ้มไปด้วย  ตากำลังสำรวจหาของเล่นตรงหน้า

“รู้อะไรบ้าง ?” ผมแทบกระซิบถามโดยเว้นชื่อของคนสำคัญเอาไว้เพื่อความปลอดภัย  เธอหยุดหัวเราะเปลี่ยนเป็นอมยิ้มมองผมอย่างเยาะเย้ย

“หน้าอกสวยน่าดูเลยนะ” ผมเอ่ยปากชมทำเอาอีกฝ่ายชะงัก  ควานมือล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอและลึกลงไปใต้ยกทรง  เนื้อหนังอวบอิ่มเต็มมือตามที่คาดไม่ผิด  เจ้าของร่างกายฮึดฮัดกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ 

“ของจริงซะด้วย หึ ๆ ๆ” ผมแสยะยิ้มพลางออกแรงขยำหนักขึ้น

“อ้ากกก! ไอ้สัส! ไอ้หน้าตัวเมีย! ไอ้เหี้ย!” อีกฝ่ายร้องคำรามพยายามสะบัดตัวขยับหนี  ผมกัดฟันแน่น  มือที่ถึงศีรษะเธออยู่ออกแรงจิกหนักขึ้นกว่าเดิมจนหน้าของเธอแหงนขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อยู่รอมร่อ  เธอยอมหยุดนิ่งเหมือนได้สติที่จะไม่คิดต่อสู้อีก 

“อีนรก” ผมกระซิบบอกเสียงเย็น  ตาเพ่งมองดวงตาตรงหน้าอย่างไม่ละเว้น  เสียงฝีเท้าเดินผ่านด้านหลังอย่างย่องเบา  ปืนที่ตกอยู่ห่างออกไปถูกไอ้เต้หยิบไป

“ถุย!” น้ำลายถูกถมผสมไปกับเลือดบนใบหน้าของคนตรงหน้าจนเจ้าตัวสะดุ้ง 

“กูจะบอกมึงให้..”

“ว่าถ้าคน ๆ นั้นตาย มึงก็หยุดหายใจไปแล้ว” ผมขบฟันแน่นด้วยนึกหงุดหงิดขึ้นมา  ฝ่ายที่ถูกว่าก็คงแค้นจัดไม่แพ้กัน
 
“หวังว่าจมูกนี่คงไม่ใช่ซิลิโคนหรอกนะ ฮึ!” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงให้ทันที  เธอได้ยินถึงกับหน้าถอดสี  หัวลอยสูงเชิดกว่าเดิม  เสียงไอ้เต้ร้องปรามแทรกเข้ามายิ่งน่าหนวกหู  ไม่ทันห้ามได้  หน้าผากของเธอกระแทกลงสู่พื้นถนนอย่างแรง  หลายครั้งติด  สีแดงจาง ๆ จากหน้าผากปรากฏให้เห็นเรื่อย ๆ  ผมหัวเราะมอง

“พอได้แล้ว!” ไอ้เต้ตะคอกพร้อมพยายามผลักผมออก  ผมหยุดมือ  ช้อนตาขึ้นเหล่มองมันช้า ๆ ก่อนแสยะยิ้มมุมปากให้เท่านั้น  ไอ้เต้นิ่งไปและเหลือบมองร่างที่นอนอยู่ด้วย  ผมยอมปล่อยมือออกโดยง่ายตามที่มันต้องการ  อีกฝ่ายพึมพำบ่นอะไรสักอย่างได้ยินไม่ถนัดก่อนรีบเข้าตรวจดูร่างของผู้หญิงเพื่อให้เธอพลิกกลับนอนหงาย 

“ออกไปห่าง ๆ  อีบ้านี่มันไม่ตายง่าย ๆ หรอก” ผมเตือนส่ง ๆ ไปที  ไม่ได้ต้องการให้มันเชื่อคำเตือนเพราะมันไม่ใช่ลูกน้องผม  ไอ้เต้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรออก  ผมเหความสนใจไปที่ผู้ชายที่มาด้วยกันกับเธอ  มันได้สติครบถ้วนดีแม้จะขยับตัวไม่ได้  ดูเหมือนขาจะหัก  ผมนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้า

“สิ่งที่น่าอนาถที่สุดที่คนของกูจะไม่มีทางให้เกิดขึ้นคืออะไรรู้ไหม ?” ผมชวนคุยขณะที่มือเปิดกระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่อกมันออกอย่างใจเย็น 

“คือ..นอนให้มอเตอร์ไซค์ทับตายแบบนี้ คึ!!” ผมฉีกฟันพ่นหัวเราะในลำคอประกอบ  สายตาที่มองมาคล้ายขอร้องให้ช่วยก่อนจะเปลี่ยนเป็นจ้องเขม็ง  ผมหุบยิ้ม  เปลี่ยนมือล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้ออีกอันโดยไม่มองหน้ามัน

“ลุกเองไม่ได้ ก็ต้องยอมตายห่ามันทั้งอย่างนี้ ..ไม่คิดงั้นเหรอ” ผมบ่นไปพลาง  กระดาษโน้ตสีเขียวอ่อนแผ่นเล็กถูกนำออกมาจากกระเป๋า  บนแผ่นกระดาษมีเบอร์โทรศัพท์เขียนอยู่ 

“อย่า..” อีกฝ่ายร้องขอ

“ชู่~” ผมอมยิ้ม  นำนิ้วชี้ขึ้นปิดปากส่งสัญญาณประกอบก่อนเก็บกระดาษเข้ากระเป๋าตัวเองโดยที่ไอ้เต้ไม่ทันสังเกต  เจ้าของกระดาษมองด้วยสีหน้างงงวย

“อย่าทำสายตาแบบนั้น” ผมขยิบตาให้ยิ้ม ๆ 



บรื้น!   .. เราต่างหันไปมองที่ต้นเสียงตรงท่าน้ำใกล้โกดัง   

ผลัวะ!!!

“อ้ากกก!” เสียงคำรามดังมาจากฝั่งของไอ้เต้  ผมหันกลับไปมอง  อยู่ ๆ คนที่นอนแน่นิ่งคล้ายหมดสติไปแล้วก็ขึงขังลุกขึ้นได้  ผมนั่งมองเฉย  ไอ้เต้ถูกถีบจนกระเด็นหงายหลังไม่เป็นท่า  ปืนที่หลุดออกจากมือของมันก็ถูกผู้หญิงคนนั้นคว้าไปได้อีกด้วย  ไอ้เต้ลุกขึ้นสู้ในทันที  มองดูแล้วเป็นการสู้กลับเหมือนยั้งแรงเอาไว้ซะมากกว่า  เสียงการต่อสู้ที่ดูเหมือนฝ่ายชายกำลังจะเสียเปรียบ  หน้าตาที่ซื่อบื้อของมันแสดงออกถึงความงุนงงที่พบว่าผู้หญิงคนตรงหน้ามีแรงเยอะกว่าที่คิด   

“อึก” ไม่กี่นาทีไอ้เต้ก็นอนจุกอยู่กับพื้นถนน  เธอมองขวางมาทางผม  เราสบตากันครู่หนึ่ง  ปืนก็เหปากจ่อเล็งมาที่คนข้าง ๆ ที่นอนอยู่

“อย่า!!!” เสียงร้องห้ามจากทั้งไอ้เต้ดังลั่นประสานกับเสียงของชายเป้าหมายที่เอ่ยปากขอชีวิต  ทันทีนั้นปืนก็ถูกลั่นไกอย่างไม่มีการลังเล  สมองถูกเจาะเข้ากลางเป้าสวยงามอย่างกับจับวาง  เสียงเรือเร่งสัญญาณดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งคล้ายบอกเตือน  ปืนจ่อเหเป้าหมายมาที่ผมต่อ  หึ.. ผมยิ้มมอง  ดูเหมือนเธอก็ยิ้มพอใจอยู่เช่นกัน  ร่างกายยังไม่คิดที่จะเคลื่อนไหว  ส่วนเดียวที่ขยับออกมาจากใจนั้นคือปาก “อีเปตร”  คำพูดที่ทำให้คนตรงหน้าถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน



ปั้ง! 

ปั้ง!!!
   .. การยิงสู้กันถึงสองนัดติดไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว  นัดแรกจากปืนของผมที่ไอ้เต้ยิงสกัดไว้ได้ทันจนกระบอกปืนของคนตรงข้ามหลุดกระเด็น  ไอ้เต้ลุกขึ้นพุ่งเข้าหา  ขณะเดียวกันคนบนเรือก็ยิงสวนกลับขึ้นมา  เสียงตะโกนเรียกแว่ว ๆ ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อ  ผมหมอบลงกับพื้นราบเรียบปล่อยให้ไอ้เต้เป็นฝ่ายยิงสู้กลับ  มันพยายามอย่างที่สุดที่จะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไปเพื่อให้ได้ตัวมา  แต่แล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ  เธอวิ่งโซซัดโซเซเลือดไหลเป็นทางหนีขึ้นเรือไปได้  ผมลุกขึ้นนั่ง เท้าแขนพิงไปทางด้านหลังอย่างเหนื่อยหน่าย  ไอ้เต้ได้แต่ยืนมองเรือที่ขับออกไปไกลในความมืด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2016 12:15:45 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“หึ” ผมเบะปากล่างหัวเราะ  เหลือบมองร่างไร้วิญญาณที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า   

“แม่ง! อะไรวะเนี้ย!!” ไอ้เต้สบถ  ขาเตะฝุ่นกระจาย  ดูท่ามันยังงงไม่เลิก  อีกฝ่ายเดินกลับมาอย่างหัวเสีย  ผมแบมือเพื่อขอของของผมคืน  อย่างน้อยมันก็ดูแลของที่ไม่ใช่ของมันเป็นอย่างดี  อีกฝ่ายชะงัก  ถอนหายใจแรงวางปืนคืนให้

“เปลืองกระสุน” ผมพูด  ตาลอยมองไปที่แม่น้ำ  ปืนถูกตรวจสอบก่อนเหน็บกลับเข้าที่เก่า

“มึงพูดอะไร” ไอ้เต้ว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ตามที่พูด..” ผมยักไหล่ยิ้ม ๆ

“ดูท่าคงจะใจอ่อนเพราะผู้หญิงอยู่บ่อย ๆ” ผมแซวทำให้อีกฝ่ายตวัดหางตาแทบหลุด 

“มึงก็ไม่ได้คิดช่วย หุบปากไปเหอะ” มันโวย

“ไม่ใช่หน้าที่นี่ หึ” ผมเบิกตาโตตอบอย่างไม่สน  ไอ้เต้เงียบจ้องเขม็งเหมือนกำลังขู่การกระทำที่ผมมีต่อมัน  ผมจึงหุบยิ้มลง

“ปืนอยู่ที่มึง และเพราะมึงไม่ได้จงใจยิงให้ถูกอยู่แล้ว หลักฐานก็เลยลอยไปกับน้ำ..มึงควรโทษคนอื่นก่อนอย่างงั้นเหรอ” ผมถามเสียงเย็นลง  มันหน้าเปลี่ยนสีเถียงไม่ออก

“แต่นั่นมัน ผู้หญิง” มันว่า

“ฮึ” ผมพ่นลมหายใจออกจมูกด้วยเพราะขำเหตุผล

“อู้~ สุภาพบุรุษศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด” ผมเล่นเสียงแซว 

“ใช้คำ ๆ นั้นกับผู้หญิงที่ถีบมึงกระเด็นได้เมื่อกี้นี้น่ะนะ มึงแม่งฮาใช้ได้ว่ะ รอยส้นตีนยังอยู่บนอกมึงอยู่เลยเนี้ย” ผมนำหลังมือขวาปิดปากยิ้ม ๆ  มือซ้ายสะกิดไปที่อกของมันชี้บอกที่เกิดเหตุ  ไอ้เต้มองตามงง ๆ เหมือนเพิ่งได้สติ

“มึงหยุดกวนตีนกูสักทีได้ไหมวะ!” ผมขมวดคิ้ว  ปัดมือผมออกด้วยสีหน้าขัดเคือง

“โอเค” ผมยกมือผายออกกว้างทั้งสองข้างพลางเบะปากยิ้มรับ

“แย่จังนะ ทำงานแยกแยะเรื่องเพศแบบนี้” ผมแตะแก้มมันหยอก ๆ  เดินห่างออกมา ..น่าเบื่อ

“พี่ทัพกำลังมา” ไอ้เต้พูดบอกลอย ๆ ผมไม่ตอบ  เดินตรงกลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ยังคงนอนคว่ำอยู่  ผมยืนมองอย่างไม่คิดจะช่วยยกขึ้น  ให้เจ้าของมันจัดการเอาเอง  ให้หลังไม่ทันไรรถยนต์คุ้นตาก็ขับมาถึงพอดี  ผมมองหน้าพี่ทัพเซ็ง ๆ อย่างไม่คิดทักทายใด ๆ  พี่แกพยักหน้าทักทายผมก่อนตรงเข้าไปหาลูกน้องก่อนเป็นที่แรก  ผมก้มลงเก็บแจ็คเก็ตสะบัดขี้ดินออกลวก ๆ ก่อนนำขึ้นสวมตามเดิม



บึ้มมมมมมมมมมมมมมม!!!!

“อึก! ..”

แรงกระแทกทำให้รู้สึกอึดอัดในอกชั่วขณะ  กลิ่นควันไหม้คละคลุ้งเตะจมูกรุนแรงจนทำให้สำลักและไอออกมา  เมื่อเท้าแขนขึ้นทรงตัวเพื่อมองภาพตรงหน้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  รถยนต์ของพี่ทัพจมอยู่ในกองไฟ  เศษซากรถกระเด็นกระจายไปคนละทิศ  ผมกวาดตามองแสงลุกไหม้ที่ทำให้ตรงนี้สว่างจ้าไปโดยปริยาย  เสียงร้องตะโกนระงม  ไอ้เต้แหกปากวิ่งปรี่ผ่ากองควันเข้าหาร่างที่นอนอยู่ค่อนข้างไกลจากมัน  ทุกอย่างว่างเปล่า  ขาผมขยับวิ่งตรงไปที่จุดเดียวกันนั้นในทันที 

“สารวัตร!” ไอ้เต้ร้องเรียกเสียงหอบเหนื่อยพร้อมไอติดปลายเสียง

“พี่ทัพ..” ผมเรียก  มือแตะลงที่แก้มพี่เขาที่นอนหลับตาแน่นิ่งอย่างเบามือ  เสียงรถตำรวจดังแว่วมาไกล ๆ

“..พี่” ไอ้เต้เรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไอ้เหี้ยพี่ทัพ! ตื่นสิวะ!!” ผมตะคอก

“สัสเอ๊ย..หูกูดับแล้ว” คนที่นอนอยู่ขยับปากพึมพำบ่นออกมาพร้อมลืมตาขึ้นช้า ๆ  ผมสบถพร้อมถอนหายใจแรง

“มันกะเอาให้กูตายเลยใช่ไหม” พี่ทัพพูด  ขยับตัวมองไปที่รถยนต์ของตนเอง  ไอ้เต้เข้าไปช่วยพยุงตัวไว้  เราต่างอยู่ในความเงียบตามองไปที่กองเพลิง  ลมจากแม่น้ำที่พัดมาทำให้ถึงกับต้องหรี่ตาเล็กลง  ผิวหนังถูกกระทบจนรู้สึกร้อนไปหมด

“ไฟ..” พี่ทัพหันมามองด้วยสายตาวอนขอ  สำหรับคนอื่นอาจเห็นว่าวอนขอแต่สำหรับผมพี่เขากำลังกวนอารมณ์อยู่  ผมกลอกตาเซ็ง ๆ  ลุกขึ้นเดินหนีกลับไปยังจุด ๆ เดิมในทันที  รถตำรวจมาถึงในไม่ช้า  ไล่มาพร้อม ๆ กับรถดับเพลิง  ที่เกิดเหตุที่มีคนมากขึ้นเริ่มน่ารำคาญขึ้นเรื่อย ๆ  ผมปลีกตัวออกมายืนรอที่ข้างโกดังโดยยังไม่ได้โทรติดต่อพี่ธานเพราะต้องการเคลียร์ทางนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน 


ด้วยความมืดรอบตัวที่ยืนอยู่ทำให้มองจุดเกิดเหตุได้เต็มตาโดยภาพมุมกว้าง  ดูเหมือนไอ้สารวัตรบ้าบอนั่นกำลังมีปากเสียงกับตำรวจยศเท่ากัน  ใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก  พี่ผากับไอ้เต้เข้าไปห้ามปรามเพื่อหยุดทั้งคู่  ไม่นานนักสถานการณ์ก็กลับเป็นปกติ  พี่เขาเดินตรงมาหาผมด้วยท่าทางหัวเสีย  ไอ้เต้แอบมองตาม  ผมเบือนหน้าไปทางแม่น้ำ  ลมที่โชยมาส่งกลิ่นหอม ๆ ของน้ำและดินทำให้รู้สึกสบายสมอง

“อย่าอ่านปากกู” อีกฝ่ายสั่งเสียงห้วน  ผมอมยิ้มมุมปากไม่คิดปฏิเสธ

“........” ความเงียบระหว่างเราทำให้ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนตรงหน้าเป็นระยะ  เสียงพื้นรองเท้าของพี่ทัพขูดกับพื้นถนนไปมา  ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงรักษาความเงียบเอาไว้   

“คดีนี้กูเป็นคนสืบมาเกือบจะปีแล้วแท้ ๆ ด่ากู ทั้ง ๆ ที่กูถูกลอบวางระเบิดนี่นะ แม่ง” ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังบ่นให้ฟังด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจนัก  หรือบางทีอาจจะกำลังน้อยใจในชีวิตอยู่  พี่แกยืนหันข้างให้ผมพลางล้วงกระเป๋าและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า 

“ตายไปในรถซะก็ดี เสือกเดินเร็วไปหน่อย” พี่ทัพบ่นยิ้ม ๆ

“ตายง่ายไปมั้ง” ผมพูดขึ้นห้วน ๆ  อีกฝ่ายหันกลับมามอง  ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ ทำให้พี่เขาเปลี่ยนสีหน้าทิ้งความหนักใจออกไปได้  เรามองตากันอยู่ครู่หนึ่งและพี่เขาก็ก้มหน้าลงมองพื้น  ปลายเท้าขยับไปมาสองสามที  คอพับลงเกือบสี่สิบองศา 
 
“ถึงมึงไม่ช่วยกู ๆ ก็ไม่โกรธหรอก มึงก็รู้” อีกฝ่ายยิ้มพูด

“พี่มีสิทธิ์โกรธผมด้วยงั้นเหรอ ผมยังไม่หายเคืองเรื่องลูกน้องพี่เลย” ผมมองกลับตาใส

“ได้ข่าวว่าเด็กที่ส่งยาที่ตลาดมึงหายหัวไปแล้ว ?” พี่ทัพพูดเชิงถาม  ผมเหสายตาไปทางซ้ายเลี่ยงคำตอบ
 
“มึงปล่อยเด็กไปใช่ไหม ทำไมไม่ส่งเด็กมา”

“ไปตามเอาเองสิ หน้าที่ผมเมื่อไหร่”

“หึ..” พี่ทัพยิ้มกว้าง  ท่าจะสมองเพี้ยนไปครึ่งซีกแล้วละมัง

“รอแป๊บแล้วกัน เดี๋ยวไปด้วยกัน” อีกฝ่ายตัดบท  ผมพยักหน้ารับทราบ  ขณะเดียวกันพี่ธานก็โทรเข้ามา  ปลายสายส่งข่าวทำให้ผมทราบมาว่ายูอยู่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วและพ้นขีดอันตรายโดยมีเฮียกานต์เฝ้าอยู่ไม่ห่าง

ผมหยิบกระดาษแผ่นเมื่อครู่นี้ออกมา  แสงไฟจากจุดเกิดเหตุไกลพอที่จะมองเห็นตัวเลขตรงนี้ได้ชัด  เบอร์โทรศัพท์ถูกท่องจำไว้ในหัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กระดาษจะถูกฉีกออกเป็นเศษละเอียด  ทิ้งลงในแอ่งน้ำขังใกล้ ๆ  ผมเบี่ยงตัวเดินไปทางด้านหลังจากจุดเกิดเหตุ  รถกู้ภัยและรถตำรวจที่จอดเรียงรายหลายคัน  ความชุลมุนของการทำงานของเจ้าหน้าที่จึงไม่ทำให้ใครหันมาสังเกตผม  พี่ทัพกับไอ้เต้ปลีกตัวออกไปคุยกันในมุมสงบ  ผมจึงตามไปอยู่ท้ายรถอย่างเงียบ ๆ  จะว่าตั้งใจแอบฟังก็คงใช่  ผมเอนไหล่พิงท้ายรถมองพี่ทัพกับไอ้เต้ที่ถกกันถึงเรื่องงานโดยสายตายังคงจับจ้องศพของผู้ตายที่อยู่ไกลออกไป

“สารวัตรครับ เซ็นตรงนี้หน่อยครับ” ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งวิ่งมาพร้อมกับเอกสาร  พอพี่ทัพเซ็นเสร็จตำรวจนายนั้นก็วิ่งไป

“รถผมเพิ่งผ่อนมาได้แค่ห้างวดเอง มันชนซะยับเยินเลย สารวัตรต้องรับผิดชอบด้วย” ไอ้เต้บ่นทันที  น้ำเสียงเครือไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ทำให้พี่ทัพหัวเราะก่อนเออออห่อหมกตามมันไป

“ผมว่า..”

“อารมณ์ของไอ้ไฟมันเข้าขั้นไม่ปกตินะครับสารวัตร เราหาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวมันก็มีลู่ทางเอง” ไอ้เต้ขมวดคิ้วหน้าเครียด  ผมผลิยิ้มมุมปาก  ดูท่าแล้วไอ้เหี้ยนี่ท่าจะฮาได้กว่านี้อีก

“ลู่ทาง” พี่ทัพพึมพำก่อนเงียบลง  ระดับสายตายังคงจ้องไปที่ศพอย่างกับมีเรื่องให้ใช้ความคิด

“โค้งหักศอกของสนามแข่งที่อินโดนีเซีย กูเห็นกับตา..” พี่ทัพเอ่ยขึ้นคนละเรื่องแล้วก็เว้นทิ้งช่วง  ผมตั้งใจฟัง ก็หัวข้อดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับผมนี่นะ

“มันใช้ความเร็วเกือบสองร้อย มึงหาคนแบบมันมาแทนให้กูตอนนี้เลยได้ไหมละ ? กูหมายถึง ถ้าอีกฝ่ายยังมีชีวิตรอดมาอยู่ต่อรองให้ช่วยเราน่ะนะ” พี่ทัพมองหน้าไอ้เต้  น้ำเสียงเหมือนหมดอาลัยตายอยากมากกว่าจะชื่นชม

“แต่ตามัน นิ่งมากเลยนะครับ เหมือนกับ..” ไอ้เต้พึมพำเหมือนจะฟ้องโน้มน้าวให้เชื่อตนให้ได้  แต่แล้วอยู่ ๆ มันก็เงียบไป

“ตอนที่กูยังไม่รู้จักมัน..” พี่ทัพพูดพร้อมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“กูได้ยินไอ้คินเตือนเพื่อนในคณะมันด้วยสีหน้าจริงจังว่า ‘มันไม่โกรธมึงก็ดีแล้ว แค่อย่าไปยุ่งกับมันคือสิ่งที่มึงควรทำ กูหวังดีนะ’ กูก็เคยคิดว่าน้องชายกูนี่มันยังเป็นวัยรุ่นอยู่ละนะ คำพูดอย่างกับเด็กมัธยมปลายเตือนเวลาตีกัน” พี่แกยิ้มเล็กน้อย 

“มองเผิน ๆ ก็เหมือนเด็กมหาลัยคนนึง ที่มีรูปร่างเด่นผิดคนอื่น พอได้รู้จักมันเข้าจริง ๆ ไอ้เหี้ยนี่แม่งบ้าเข้าขั้นเลย แล้วกูก็เสือกถูกใจมันซะด้วย! มันเป็นคนอารมณ์ร้อนนะ แต่ไอ้คินเล่าว่า..ถ้าอยู่มหาลัยมันไม่เคยโกรธใครจริงจังเลยสักครั้ง”

“ถ้าให้ขยายความว่าเป็นคน ‘ไม่เห็นหัวใคร’ จริง ๆ แล้วก็มีนัยยะนี้ฝังอยู่ในตัวมันมากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์” พี่ทัพพูดต่อขำ ๆ  ผมสบถทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น  ส่วนตัวไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลยหรืออาจลืมไปแล้ว

“..ทำคดีนี้มึงอ้วกไปกี่ครั้งแล้ววะไอ้เต้ ?” พี่ทัพถาม  ไอ้เต้หลบตา  คำถามที่ไม่ได้คำตอบคล้ายกับไม่ปฏิเสธว่าตนเองเป็นอย่างนั้น

“ทุกวันนี้กูยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีพวกชั่วแบบนี้อยู่บนโลก ทั้งที่รู้ว่ามี แต่กูก็ไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่ากูต้องได้เจอกับตัวเอง” อีกฝ่ายล้วงกระเป๋า  ก้มหน้าลง  เอนหลังพิงกระจกรถด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

“ตามจริง.. กูจะหมดแรงแล้วละนะ”

“สารวัตร” ไอ้เต้หน้าเสีย  ทั้งคู่เงียบไปหนึ่งอึดใจ  ไอ้เต้ไม่พูดเลยสักคำ  หน้ามันที่ปกติมักเหวี่ยงโวยวายอยู่ตลอด  เวลานี้กลับหงอยเป็นลูกหมาเชื่อง ๆ ไปเสียแล้ว

“ชั่วก็ต้องเจอบ้า ไม่เหลืออะไรให้ลองแล้วนี่” พี่ทัพเงยหน้าขึ้นสบตามัน

“แต่ผมว่ามันเหมือนคนวิตถารมากกว่าครับ! มันบ้าไป!!” ไอ้เต้ขึ้นเสียงเถียงกลับทันควัน  สีหน้าที่บ่นด่ามากกว่าจะจูงไปในทางเครียดทำให้พี่ทัพยิ้มเล็กน้อย

“มันล้วงหน้าอกผู้หญิงด้วย หน้าสิ่วหน้าขวานแต่มันกลับขยำหน้าอกเธอหน้าตาเฉยเลยนะครับ ทั้ง ๆ ที่ที่เขาใหญ่วันนั้นมันเพิ่งเหยียบเป้าพี่ทิวแกไปแท้ ๆ” ไอ้เต้ฟ้องยกใหญ่  สีหน้ามันดูสับสนงงงวยในคำพูดตัวเองมากกว่าจะแค้นเคือง

“พรืด! จริงดิ! ก๊ากกก!!” พี่ทัพถลึงตา  หลุดหัวเราะโผงดังลั่นทำให้ตำรวจหลายนายที่อยู่แถว ๆ นั้นต่างหันมามอง

“ไอ้เวร พูดซะดัง” ผมบ่น  พลิกตัวหันกลับมาเอนหลังพิงท้ายรถเซ็ง ๆ 

“กูต้องการคนมือเบา วงการนี้ สะกิดโดนนิดเดียวมันจะกลายเป็นโดมิโน่ แล้วหน้าไหนมันจะอยากช่วยเรา”

“ลื้อไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ..” พี่ทัพเอ่ย  ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านหลัง

“ทำไมมันถึงขลุกไปกับวงการแบบนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยบากหน้าเข้าไปเป็นพันธมิตรกับใคร ตั้งแต่รุ่นปู่มันแล้ว เราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนอื่นที่จะช่วยเราได้ไม่มีคุณสมบัติตรงนี้ มันเป็นเรื่องของบารมีไอ้เต้ ลื้อก็รู้ ..ไปสืบมาหมดแล้วนี่ ?” พี่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย

“ผม..เปล่าสืบสักหน่อย!” ไอ้เต้งึมงำปฏิเสธ  พี่ทัพหัวเราะเว้นช่วงเงียบลงอีกครั้ง

“ในฐานะเพื่อน มันจะไม่มีทางหักหลังอั๊ว”   

“ลื้อสามารถใช้คำ ๆ นี้กับเพื่อนสนิทคนไหนของลื้อได้กี่คน ? ดังนั้น ..ลื้อต้องเชื่ออั๊ว” 

“พี่ทัพ” ไอ้เต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีกับสรรพนามการเรียกที่เปลี่ยนไป

“เดี๋ยวก็ชอบมันเองนั่นแหละ” พี่ทัพสรุป  เสียงตบบ่าสองสามทีดังให้ได้ยิน  ขณะเดียวกันพี่ผาก็เรียกพี่ทัพให้ไปหาด้วย

“เออ อีกอย่าง..”

“ไอ้ไฟมันแก่กว่าลื้อ คราวหน้าเรียกมันว่า ‘พี่’ ด้วย”

“ทำไมผมต้อง!” ไอ้เต้แทบตะคอก

“ลูกน้องมันรักเจ้านายมันอย่างกับหมาหวงเจ้าของ ลื้อคิดว่าพวกมันจะชอบขี้หน้าลื้อไหมละ ? ก็เหมือนกับลื้อนั่นแหละ เที่ยวกัดคนอื่นไปทั่ว กูแก่แล้ว..กูเหนื่อยเป็น ต้องให้บ่นไปมากกว่านี้รึไง” พี่ทัพสบถอย่างหัวเสียจากไป  ผมพลิกตัวหันไปมองไอ้เต้ที่ยืนหน้างอเป็นกระบวยอยู่ที่เดิม

“ผมไม่ใช่หมาสักหน่อย” มันพึมพำคนเดียว  ผมก้าวขาออกไปปรากฏตัวตรงหน้า  อีกฝ่ายถึงกับชะงักตาเบิกกว้างในทันที

“ไง ?” ผมแสยะยิ้มทักทาย

“ไหน..เรียก ‘พี่’ สิจ๊ะ” ผมยักคิ้วให้

“ไอ้..” ไอ้เต้อ้าปากพะงาบ ๆ ด้วยสีหน้าไปไม่เป็น  ผมยังคงปั้นหน้ายิ้มหน้าตาเฉยอยู่อย่างนั้น

“เวรเอ๊ย” มันว่า  จ้ำเท้าเดินหนีตามพี่ทัพไปเฉย

“หึ ๆ ๆ” ไอ้เหี้ยนี่แม่งหน้าตาตลกใช้ได้



- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2016 12:38:30 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

23:45 น. : The Prim (Safe house)

“คุณไฟจะรับอะไรครับ” พี่ธานถาม

“ไวน์” ผมตอบ  วางผ้าขนหนูที่เพิ่งใช้เช็ดผมจนแห้งทิ้งบนโซฟา  ผมกับพี่ทัพเดินทางมาที่ Safe house ของพี่แก  ส่วนพี่ธานเพิ่งตามมาถึงก่อนหน้าที่ผมจะเข้าไปอาบน้ำไม่นานนี้เอง

“มึงไม่คิดจะใส่กางเกงหน่อยรึไง” พี่ทัพที่กำลังจัดเตรียมอาหาร  ชะงักเท้าเอวมองมาที่ผมด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

“ใส่เสื้อกับกางเกงใน ไอ้เหี้ย..มีแต่เขาใส่กางเกงไม่ใส่เสื้อ” อีกฝ่ายส่ายหัว  ผมกับพี่ธานยิ้มให้กันน้อย ๆ  ผมคว้ารีโมทกดเปลี่ยนช่องแล้วนั่งลง  รายการถูกเลื่อนไปเรื่อย ๆ จนถึงช่องฉายภาพยนตร์โรแมนติกที่นาน ๆ ทีจะได้มีโอกาสดู  พี่ธานกับพี่ทัพสลับกันเดินนำอาหารและเครื่องดื่มมาจัดเรียงวางบนโต๊ะ 

“ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงดูหนังแนวนี้ด้วย” พี่ทัพยิ้ม  วางจานอาหารลงแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารกลางห้อง  ผมเพียงเงียบมองฉากพระเอกกับนางเอกที่จวนจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน  พอนึกอะไรขึ้นได้มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกอย่างไม่รีรอให้ระบบเหตุผลสั่งการ

พี่ธานนำแก้วไวน์แดงยื่นมาให้  โทรศัพท์ถูกแนบอยู่ที่หู  ผมรับแก้วมา  กลอกตาไปมาพลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย  พี่ธานยิ้มกว้าง  ไวน์ถูกนำขึ้นดมก่อนจิบ  หลังเทเอนลงบนเบาะจนกลายเป็นกึ่ง ๆ นั่งจนเกือบนอน  ฐานแก้วไวน์วางลงบนเบาะ  ขาอ้าออกเล็กน้อยเพื่อความสบายตัว  ปลายสายที่ยังไม่รับเสียทีกลับทำให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ไวน์จึงถูกยกกรอกเข้าปากอีกทีจนเกือบหมด  ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกที่ผมโทรหาเขานอกเหนือจากเรื่องงานเลยละมัง 

ใช่แล้ว.. ครั้งแรกนี่หว่า ไอ้ฉิบหาย!

“ฮัลโหล ครับ” สมุทรพูด  น้ำเสียงนุ่มทุ้มไม่ได้งัวเงียทำให้ใจชื้นขึ้นนิดหน่อยที่คาดว่าเขายังไม่ได้เข้านอน

“.........” ผมเงียบอย่างกับมีใครมากดปิดสวิตซ์  ปกติเขาต้องพูดอะไรก่อน  สมองกำลังประมวลถึงเหตุการณ์ย้อนหลังที่เคยโทรหาคนอื่นก่อน  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการชวนออกไปหลับนอนทั้งสิ้น ..บัดซบ

“คุณไฟ” สมุทรเรียก

“ได้ยินไหมครับ..”

“ได้ยิน” ผมตอบ  น้ำเสียงทุ้มอยู่ในลำคอ  หลังจากที่ปลายสายรู้ว่าผมได้ยินเขาก็เงียบไปเสียเฉย ๆ  เราต่างทิ้งช่วงเว้นอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที  ผมยกไวน์ที่เหลือดื่มอีกครั้งจนหมดแก้ว  พี่ธานที่เพิ่งวางจานอาหารเหลือบมาเห็นแก้วที่ว่างเปล่าของผมพี่เขาก็รีบรินเติมให้อีกครั้ง 

“ดื่มอยู่เหรอครับ ?” อีกฝ่ายทัก

“ไหงงั้น” ผมพูดเสียงห้วนแกมหยอก

“ก็เสียงคุณดูเป็นอย่างนั้นน่ะครับ” สมุทรตอบ  ผมเพียงอมยิ้มมุมปากรับฟังเท่านั้น

“มีธุระรึเปล่าครับ” อีกฝ่ายถามเข้าประเด็น
 
“ไม่มี” ผมตอบตรง ๆ  พี่ทัพวางกล่องกระดาษทิชชู่ใกล้มือผม  คงเพราะรู้ว่าผมมักจะใช้กระดาษทิชชู่บ่อย  พี่แกเหลือบมองมาที่ร่างกายผมก่อนถอนหายใจหันไปส่ายหัวให้กับพี่ธาน  พี่ธานฉีกยิ้มแต่ยังนิ่งสงบเช่นทุกที

“นี่กูต้องนั่งแดกไปพร้อม ๆ กับดูเป้ามันทั้งคืนรึไงวะ” อีกฝ่ายบ่นทำเอาพี่ธานหลุดหัวเราะ 

เสียงโทรทัศน์ถูกหรี่จนเงียบเหลือเพียงภาพที่ดำเนินไปไม่รู้จบ  เจ้าของห้องเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงแนว R&B แบบที่ไม่ค่อยเข้ากับหน้าเคล้าคลอไปด้วย  ผมลุกขึ้นปลีกตัวออกมาอีกฝั่งหนึ่งของห้องนั่งเล่น  ความเงียบที่ตรงนี้จึงทำให้ได้ยินเสียงของปลายสายได้ชัดขึ้น  กระจกห้องเปิดกว้างเห็นตึกรามบ้านช่อง  ท้องฟ้าที่ถูกแสงสีของเมืองกระทบทำให้จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเมืองนี้มันน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย  ริมฝีปากที่เพิ่งดื่มเครื่องดื่มมาหยก ๆ กลับรู้สึกแห้งขึ้นมาทันทีอย่างนั้น

เรื่องเมื่อเย็นนี้หวนมาให้นึกถึง  ผมกำลังรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองถูกสมุทรและพลอยทำให้เป็นคนนอก  เพิ่งจะมารู้สึกเดี๋ยวนี้  ก่อนหน้านั้นไม่คิดว่าทั้งคู่ติดต่อกันอยู่ด้วยคำพูดสนิทสนมเช่นนั้น  ถ้าทั้งคู่จะสนิทกันจริงจังและให้บอกว่าผมไม่รู้สึกใด ๆ คงจะต้องปฏิเสธ  ไม่ว่าจะฝั่งพลอยหรือฝั่งสมุทรมันก็คือคนที่พบปะกันมากกว่าหลายครั้ง  ในความสัมพันธ์รูปแบบไม่เชิงปกติ  ความจริงแล้วตอนนี้ผมเองก็เหมือนคนที่กำลังลงเล่นเกม  เล่นเกมกับพลอยแบบที่อีกฝ่ายไม่ทราบอะไร  หากพลอยกำลังทอยลูกเต๋าอยู่เงียบ ๆ ผมเองก็จะทำเหมือนกัน

“ฉัน...” ผมก้มหน้าลง  คำพูดที่อยู่ในใจทำให้รู้สึกปากหนักขึ้นมาและเริ่มขนลุกที่ต้นคอ

“แค่อยากได้ยินเสียงน่ะ” ผมพูด  น้ำลายถูกกลืนลงคอจนรู้สึกว่ามันชัดเจนเกินไป  เสียงใจที่กระหน่ำแรงจนฟังดูน่ารำคาญ  แน่นอนว่าปลายสายคงจะไม่ตอบอะไรอยู่แล้ว  แล้วกูแม่งพูดเหี้ยอะไรออกไปวะเนี้ย  มึงเป็นเด็กมัธยมปลายรึไง!

“ไม่ได้เมานะ” ผมดักทางไว้ก่อนเลย

“ครับ คนเมาเขาก็ชอบพูดประโยคนี้กันทั้งนั้น” อีกฝ่ายตอบ  น้ำเสียงยังคงนิ่งตามเคย

“คนเขินก็มักชอบย้อนแบบนายเหมือนกัน” ผมย้อนกวน  ทำเอาปลายสายเงียบไปแล้ว

“ฉันก็แค่คิดว่านายคงอยากได้ยินฉันพูดแบบนี้ ก็เลย..พูดดู” ผมขยายความห้วน ๆ  เหล่ตามองไปที่รูปภาพที่ติดอยู่บนฝาผนังอย่างอ้อนวอนหาเพื่อนร่วมชะตากรรม

“แล้วนาย ก็คง ยิ้ม..อะไรแบบนั้น” ผมเว้นจังหวะงง ๆ

“เมาก็ไปนอนซะครับ” อีกฝ่ายตอบ  ผมกลั้นหัวเราะ

“น้ำเสียงคนเรามันบอกได้นะว่ายิ้มอยู่รึเปล่า” ผมแสยะยิ้ม  แซวด้วยน้ำเสียงทุ้มเบาลง

“..........” สมุทรเงียบ 

“ถ้านายบอกฝันดีฉันละก็นะ จะวางให้ก็ได้” ผมตัดบท  เกือบจะหลุดถามในสิ่งที่ต้องการรู้และคงจะเป็นประโยคที่ละศักดิ์ศรีอย่างน่าอับอายว่า “คุยกับใครอยู่รึเปล่า..?”  คำตอบจากอีกฝ่ายถ้าจะโกหกเพื่อรักษาน้ำใจหรือไม่โกหกกลับมาก็คงไม่น่าฟังทั้งนั้นละมัง

“ไม่ครับ” สมุทรตอบเรียบ ๆ

“ไม่เป็นไร ฝันดีก็ฟังดูเห่ยไปนิดหน่อย ก็ไม่ใช่เด็กสิบเจ็ดกันแล้วนี่นะ” ผมเบ้ปาก

“เอาเป็นว่า คืนนี้อย่าคิดมากจนเอาฉันไปฝันก็แล้วกัน เดี๋ยวมันจะแย่กันหมด” ผมยิ้มบอก  สุดท้ายกูก็อดวกกลับมากวนไม่ได้อยู่ดี

“หึ ผมคิดว่าน่าจะมีคนแย่กว่าผมนะครับ” สมุทรตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนชิงตัดสายไปในทันที

“ฮึ!” ผมกระแทกเสียงหัวเราะ  ตามองหน้าจอโทรศัพท์ยิ้ม ๆ ลิ้นเกลี่ยริมฝีปากจนเปียกแฉะ   
 
“อย่าให้กูได้นะ ชิ~” เสียงคำรามบ่นรอดออกมาตามไรฟันที่ขบกัด
   
“จีบใครวะ” พี่ทัพปากมากทันทีที่ผมกลับมาถึงโซฟา 

“หึ..เพิ่งเห็นมึงจีบคนอื่น” พี่ทัพบ่นยิ้ม ๆ  ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่กลับดูเหมือนไม่สนใจว่าจะได้รับคำตอบหรือไม่  ผมนั่งลงที่เดิม  ยกแก้วขึ้นดื่มหมดแก้วอีกครั้งก่อนพ่นลมออกจากปากอย่างแรง  “อ้า!”

“พี่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครสักคนไหม ประมาณว่า..” ผมจ้องมองโทรทัศน์  สังเกตถึงอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้และที่ผ่านมา

“กูได้กลิ่นของเซ็กส์ ทุกครั้ง..ที่อยู่ใกล้คน ๆ นี้ ท่าทีกับคำพูดบางอย่าง ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่กูกลับมีอารมณ์ กูว่า..มันคือการเกิดมาเพื่อตกกระทบกัน” ผมตาลอยมองหน้าพี่แก

“เฮ้อ ฟังแล้วกูเหนื่อย” อีกฝ่ายทำหน้าหนักใจ

“แล้ว ..ผู้หญิงผู้ชาย ?”

“ผู้ชาย” ผมยิ้มกริ่มพร้อมหยิบสับปะรดเข้าปาก

“งั้นที่ไอ้คินเล่าให้กูฟังก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอยน่ะสิ” พี่ทัพแซว

“แถมหัวนมสวยสุด ๆ” ผมยักคิ้ว  ขยายความบอกสรรพคุณไปปากก็เคี้ยวสับปะรดไปยิ้ม ๆ  ตามองโทรทัศน์แต่ในหัวกลับนึกถึงแต่เรื่องพิเรนทร์ ๆ

“แบบว่า..” ผมหันหน้ากลับมาจ้องหน้าพี่ทัพ  มือซ้ายชูขึ้นทำท่าประกอบ  อีกฝ่ายขมวดคิ้วมองตามมือผมงง ๆ  ลิ้นถูกดุนไว้ในกระพุ้งแก้มและทิ้งจังหวะใช้ความคิดเพื่อประมวลคำพูดตัวเอง

“รูปหน้าอกกับหัวนมโค้งได้รูป แข็งกำลังดีเลย” ผมตาวาวบรรยาย  ขยับรูปมือประกอบ  ผู้ชายเพศสภาพปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ตรงหน้ากำลังอ้าปากเหวอด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับไปเสียแล้ว

“ระยำเอ๊ย!” พี่ทัพด่าตาขวาง  ผมกับพี่ธานพร้อมใจกันหัวเราะลั่นจนแทบหงายท้อง

“นี่กูอยู่โลกไหนวะเนี้ย” อีกฝ่ายตาลอยด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“มันก็เหมือนที่พี่ชอบดูดจุกผู้หญิงแหละน่า ทำเป็นรับไม่ได้ไปได้” ผมย้อน

“พี่จะลองดูหน่อยไหมละ เผื่อติดใจ มันมีเทคนิคที่ถึงพี่ให้ผู้หญิงลองดูดให้ดูมันก็ไม่เหมือนกันหรอกนะ บางทีพี่อาจจะมีพรสวรรค์ทางด้านนั้นแฝงอยู่ก็ได้” ผมเสนอด้วยใบหน้าสนใจขึ้นมา

“คว-ย!” พี่ทัพด่าเสียงแข็ง  สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้าหัวเราะอีกครั้ง

“มึงนี่เล่นไปเรื่อย” อีกฝ่ายเอื้อมมือเข้ามาจะตีปราม  ผมหลบตัวยิ้ม ๆ

“ลูกน้องกูคิดว่ามึงเป็นโรคจิตจริง ๆ แล้ว ไอ้เหี้ย” พี่ทัพด่าไม่หยุด

“แต่ก็นะ เพราะกูต้องการไอ้ตรงนี้ของมึงที่คนของกูไม่มีนี่แหละ เฮ้อ กูละเบื่อจริง ๆ” อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกับเป็นหัวข้อที่ไม่อยากยอมรับแต่ต้องยอมจำนน

“ผมก็เบื่อพี่เหมือนกัน” ผมบอก

“ใครจะพูดยังไง แต่ไอ้ความจริงที่ว่าผมชอบหน้าอกแบบพี่ธานมากกว่าของผู้หญิงก็ยังไม่เปลี่ยนอยู่ดีอะนะ” ผมยักไหล่ส่ง ๆ  ยักคิ้วไปทางพี่ธานที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัว  ใส่เพียงกางเกงขายาว  เปลือยท่อนบนไว้เผยให้เห็นสัดส่วนกล้ามเนื้อชัดเจน 

“มึงเติบโตมายังไงถึงทำให้มึงเป็นคนแบบนี้” พี่ทัพถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง  พี่ธานที่นั่งอยู่ถึงกับก้มหน้ากลั้นหัวเราะจนหูแดงก่ำไปหมด

“ไม่น่าเลยกู..” ผมส่ายหัวไว้อาลัยตัวเอง  หยิบส้อมเสียบเนื้อปลาตักเข้าปาก 

“ขอกระดาษผมหน่อย” ผมกวักมือ  พี่ทัพหันไปเปิดลิ้นชักตั้งโต๊ะข้างโซฟา  หยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กกับปากกามาให้  ผมรับมาและเขียนเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในหัวลงไป 

“ให้” ผมบอก   

“อะไร” พี่ทัพถาม  หยิบกระดาษไปดู

“ไม่รู้ รู้แต่ว่าได้มาจาก ‘คุณศพ’ วันนี้” ผมตอบ  พี่ทัพมองมาด้วยสีหน้าตกใจ

“อุตส่าห์แอบเอามาให้เลยนะเนี้ย” ผมปั้นหน้ากวน  เราสามคนต่างเงียบลง  เสียงเพลงที่คลออยู่ไม่ดังนัก  พี่ทัพจ้องแน่นิ่งอยู่ที่กระดาษทีท่าสลดผิดปกติ

“เหมือนตอนนี้กูไม่เหลือใคร..” พี่เขาพูดปนหัวเราะ

“ที่จริงกูไม่อยากพูดคำนี้เลยว่ะ คงได้เฉพาะต่อหน้าพวกมึง”
 
“คดีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“ฟอกเงิน ค้ายา มนุษย์ อวัยวะข้ามชาติ..แก๊งใหญ่” พี่ทัพตอบ  ผมหันไปมอง

“เอาซะกูกระเดือกปลาไม่ลง” ผมหยิบไวน์ขึ้นกระดก

“หึ..ไอ้เต้เห็นศพค้าอวัยวะ แม่งอ้วกไปเป็นสิบโลละมั้ง” พี่ทัพหัวเราะ

“กูรู้สึกว่ากูไปแตะโดนคนใหญ่คนโต ใครสักคนที่กูมองไม่เห็น การที่กูกำลังจะกระเด็นออกจากทีม ทำให้กูรู้สึกว่าหน้าที่ที่กูรักษามาอย่างดีสิบกว่าปีแทบไม่เหลือเกียรติห่าอะไรเลย”

“เกียรติมันก็ยังอยู่ที่พี่อะนะ” ผมแซว  ทำเอาพี่แกชะงัก

“ไม่มีใครทำลายเกียรติกูได้นอกจากตัวกูเอง ผมคิดแบบนี้มาตลอด ผมนี่มัน..เท่โคตรเลยใช่ไหมละ” ผมปั้นหน้าทะเล้น  เงยหน้ามองเพดานด้วยท่าทางภูมิใจ 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พี่ทัพนั่งขำ  ดูท่าจะชอบใจไม่เบา

“พี่กำลังจะบอกว่า มีคนใหญ่คนโตในบ้านเราอยู่เบื้องหลังงั้นเหรอครับ” พี่ธานถาม

“คิดว่างั้นนะ” พี่ทัพผงกหัว

“ก็..บอสก็โดนเบื้องบนว่ามาเหมือนกัน บอกว่าอั๊วบุ่มบ่ามเกินไป บุกเข้าจับกุมกี่ครั้งพลาดจนโดนด่าไม่รู้จะเอาหูไปไว้ตรงไหนแล้ว ที่สำคัญ..สายที่อั๊วส่งเข้าไปสืบลับสองคนก็หายเข้ากลีบเงียบไปซะเฉย ไม่รู้ตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง”

“แล้วพี่จะให้ผมช่วยยังไง ?” ผมถาม

“ตกลงมึงจะช่วยกูใช่ไหม” พี่ทัพยิ้มด้วยท่าทางดีใจ

“กูแค่ถามก่อนเฉย ๆ เว้ย” ผมดักคอมองปรามแต่อีกฝ่ายกลับยิ้มไม่หุบ

“จิ..เฮ้อ!” ผมถอนหายใจทิ้ง  ขมวดคิ้วเป็นปม

“กูไม่ได้ต้องการให้มึงช่วยเต็มตัวหรอก กูแค่อยากได้ข้อมูลบางอย่าง บางอย่างที่สายของกูเข้าไม่ถึง ได้จากมึงน่าจะเร็วกว่า” พี่ทัพบอก  เราเงียบกันอีกครั้ง   

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้กริดแล้วก็ไอ้กายด้วย” ผมถามถึงคนที่ไม่อยากแตะต้องมากที่สุด  มันน่าเบื่อ

“ไอ้กริดทำงานให้ไอ้กาย เรารู้อยู่แล้วว่าพวกมันค้ายา แต่แค่จับคาหนังคาเขาไม่ได้ มันสองคนเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนี้ กูตามสืบเรื่องไอ้กายมานานแล้ว เหมือนกับว่าไอ้กายตั้งใจใช้ไอ้กริดเป็นเครื่องมือ” พี่ทัพตอบ 

“ก็คงงั้น ไอ้กริดไม่น่าฉลาดทำงานใหญ่ขนาดนั้น” ผมหัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้

“ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา มันเพิ่งมาทำท่าจะขอซื้อที่ดินของผมที่ภูเก็ต” ผมเล่า  เท้าแขนไว้บนหน้าตัก  แขนขวาหยิบส้อมจิ้มแครอทเข้าปาก

“เสี่ยปรีดาน่ะ..” พี่ทัพเอ่ยเสียงเบา  ผมกับพี่ธานจ้องเขม็งมองหน้าพี่แกในทันทีที่ได้ยินชื่อนี้

“น่าจะอยู่ในขบวนการนี้ด้วย” พี่เขาขยายความ  ผมไม่คิดตอบหรือพูดให้ข้อมูลในส่วนของผมที่พอมีอยู่  พี่ทัพหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากลิ้นชักยื่นมาให้  ผมรับมาเปิดดู  ในนั้นเต็มไปด้วยรูปภาพของศพที่ถูกคว้านเอาอวัยวะไปทั้งหมด  สภาพไม่ชวนมองสักนิด  ไม่เลย..สักนิดเดียว
 
“เจ้านายของพวมกัน ใครสักคนที่เหี้ยมเหี้ย ๆ  แถมเส้นหนายิ่งกว่าอุด้ง” พี่ทัพบ่นแกมประชด  ผมกับพี่ธานขำให้กับไอ้มุขอุด้งที่อยู่ ๆ ก็โผล่มา  รูปภาพถูกสอดกลับเข้าซองอย่างเดิมแล้วยื่นต่อให้พี่ธาน  พี่แกรับไปเปิดดูเช่นกัน 

“คุณสืบประวัติไอ้กายแล้วเหรอครับ” พี่ธานถาม 

“พ่อแม่ถูกฆ่าตาย เติมโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีคนอุปการะให้ไปเรียนต่อสายอาชีพที่ประเทศอเมริกา ประเด็นคือ..คนอุปการะไม่ได้แจ้งชื่อ” พี่ทัพตอบ  ผมนั่งเฉย รักษาความเงียบเอาไว้

“ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ตอนนี้กูสรุปเจาะจงอะไรไม่ได้มาก ถ้ารู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังไอ้กาย..งานคงง่ายกว่านี้”

“อยากลาออกฉิบหาย” พี่ทัพถอนหายใจเหนื่อย ๆ

“ทำงานลืมตาย ขนาดเมียยังทิ้ง” อีกฝ่ายไม่หยุดบ่นความในใจ

“หึ..” ผมอมยิ้ม  อ้าแขนออกพาดโซฟา  นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินผู้ชายคนนี้พูดแบบนี้กับงานที่รักด้วยใจ  บ้านพี่ทัพมีฐานะดีมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นตาโน่นแล้ว  กับการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเรียบ ๆ ของพี่แกถ้าไม่ต้องทำมาหากินก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ  ถึงจะใจรักมากแค่ไหน คนเรามันก็คงต้องมีเรื่องสุดทนกันบ้างละนะ

“มีข้อมูลแค่นี้เหรอ” ผมถามห้วน ๆ แกมประชด

“มีอีกเยอะเลย ถ้าลื้อยอมรับปากตรงนี้ว่าผมจะช่วยพี่เองอะนะ คุยกันยาวได้ทั้งคืน!” พี่ทัพกวนกลับตาเบิกโต  ผมสบถพร้อมกลอกตาหนีไอ้บ้านี่ 

“ผมบอกไว้ก่อนนะ ..แค่บางเรื่อง” 





...............(ไฟ)..............


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2016 14:11:40 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
มาเม้นไว้ก่อน มีธุระ เดี๋ยวกลับมาอ่าน   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
อ๊ากกกกกก...มันสนุกมากๆ ไฟโรคจิตได้โดนใจจริงๆ ตื่นเต้นลุ้นกันทุกตอน  เต้มีความมุ้งมิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ไฟมีแอบหวานกับสมุทรเล็กๆด้วย รอตอนต่อไปค่ะ^^

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ทัพเจองานหินเข้าเส้นเลยทีเดียว พี่ไฟนี่แหละที่จะช่วยได้ แม่งจะจิตไปไหน ปากคอร้ายมากกกก ไอ้เต้นี่อ่อนไปเลย5555
†***********†***********
"แค่อยากได้ยินเสียงน่ะ”  :mew2:
“ไม่ได้เมานะ” ผมดักทางไว้ก่อนเลย

 พี่ไฟขา~~~ เขินมากกก ยอมใจพี่จริงๆ สมุทรต้องแอบหวั่นไหวมากขึ้นแน่ๆ  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไม่เจอหน้าพี่สินสมุทรสุดสวาทเลยอะ สงสัยค่าตัวแพง แต่เฮียก็ยังอยากได้ยินเสียง  :-[ เฮียหยอดได้น่ารักมาก
เนื้อเรื่องเข้มข้น พัวพันเยอะแยะไปหมด น่ากลัวอะ สนุกดี แต่สยองเฮียมาก  :mew5:  รักษาเนื้อรักษาตัวหน่อย
เดะสามี เอะหรือภรรยา เป็นห่วงเอาน๊า อิอิ

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
เห็นด้วยกับเต้นะว่าไฟนี่เหมือนมันจะโรคจิต5555หน้าสิ่วหน้าขวาน

ยังไปจับนเค้าอีก...

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ถ้าไม่ติดว่าเรื่องนี้ ไฟ-สมุทร นะ คงจิ้น ไฟ-เต้ อ่ะ ทะเลาะกันปานลูกจะดก 5555

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เรื่องราวโหดขึ้นทุกที
ไฟ ท่าทางจะจุดไฟลุกล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อุ๋ยยยยยยยย ตอนนี้สนุก เจ้มจ้นมากกกก ยังกะดูหนังแอ๊คชั่นเลยอ่ะ มือปืนเป็นชะนีด้วย นางมั่นเนอะ #ฮาอีไฟบีบนมนาง #ยิ่งกว่าจิตก็อิไฟนี่แหละ ต้องภูมิใจในความจิตแบบ limited edition ของไฟมันนะ เพราะมันเป็นแบบนี้ พี่ทัพถึงต้องตื้ออยู่แบบนี้ #อยากเห็นเต้โดนไฟลวนลามสักที คงจะหายซ่าส์ไปเยอะ 555555

หน้าสิ่วหน้าขวาน ไฟมันก็ยังเตาะสมุทรได้เนอะ 555555 #น่ารักง่ะ สมุทรอย่าเพิ่งใจอ่อนง่ายๆนะ แกล้งไฟมัน มันชอบแกล้งคนอื่นดีนัก หึหึ

ดูท่าไฟจะเข้าไปช่วยพี่ทัพแน่ สนุกแน่ๆ ไฟกับสมุทรจะไปเจอสถานะการณ์สะเทือนใจซ้ำกับตอนพ่อของไฟกับพ่อของสมุทรออกภาคสนามด้วยกันหรือเปล่านะ? อย่าขนาดนั้นเลยนะ งืออออออ  :hao5:

ตอนนี้อ่านง่ายโดนใจเรามากเลย ขอบคุณนะเบบี้  :mew1:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
บี้มาอัพแล้ว เย้ ๆ
ตอนนี้สมุทรโผล่มาจี้ดเดียว พระเอกเราค่าตัวแพ้งแพง
ว่าแต่เต้ที่พยศๆนี่คอยดูเถอะ  ....
ถ้ารู้จักคุณไฟให้มากกว่านี้จะรู้ว่าคุณไฟมันจิตกว่านี้ได้อีกแหละแกรเอ๊ยย 5555555
จริงๆถ้าเอ็งไม่ไปกวนตีนเฮียเค้าก่อนอ่านะ คุณไฟเค้าคงไม่จัดเอ็งหนักขนาดนี้
ชอบเวลาพี่ทัพพูดถึงไฟมากเลย มันคือมุมมองที่สามจากคนที่รู้จักไฟจริงๆ   
มุมที่ไม่ค่อยมีใครได้สัมผัส  มุมที่ไม่ได้ตัดสินกันจากภายนอก
ว่าแต่คุณไฟเข้ามาเอี่ยวช่วยคดีแบบนี้จากที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่แล้ว
คงยิ่งเสี่ยงเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เป็นห่วงจัง ดูแลตัวเองดีๆน้าาา 
 o13 o13 o13


ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
พี่ทัพยังระแวง เต้คงหลอนก่อนจะชิน มีพี่ธาน คนเดียวมั้งที่เข้าใจ ที่ไฟอารมณ์ประมาณนี้  :m20: :m20:


ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
เห็นด้วยนะไฟมันจิต ๆ แต่เราชอบบบบ.. :laugh:

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
อ่านหนึ่งรอบให้หายคิดถึง แล้วก็กลับไปอ่านทุกตัวอย่างละเอียด จะอินกับไฟมากกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
โอยยยย ตอนนี้สนุกอ่า เหมือนอ่านหนังสือสายลับหรือพวกจารชนเลย แต่ต่างกันตรงที่ส่วนมากไม่ได้บ้าอะ XD

พี่ทัพงานนี้ตรงเป๊ะมาก ชั่วเจอบ้า 555555

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
สนุกอ่ะ อ่านแบบลืมหายใจเลย ถ้าเป็นหนังคงจะมันน่าดู  o13 o13
แล้วช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานไฟก็ยังทำให้อมยิ้มได้นะ  o3


ปล. มีสมุทรโพล่งมามุ้งมิ่งช่วงท้ายด้วย ตอนหน้าขอสมุทรด้วยเยอะๆ แม่ยกคิดถึง :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นุ้งเต้แลดูมุ้งมิ้งกับคุณไฟ จะมาเป็นตัวจุดชนวนให้สมุทรชอบคุณไฟบ้างรึเปล่าหนออ

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
เหมือนนั่งดูหนังแอ๊คชั่น สืบสวนสอบสวน 55555

พี่ไฟเรานี่โรคจิตดีๆจริงๆ ถึงจะเกิดเรื่องขนาดไหน แต่ก็ยังหวานๆให้ได้เห็น

ลุ้นสมุทรจนเหนื่อยละเนี่ย  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด