พี่โหดครับ มารักกับผมไหม?
ตอนที่12 พบกันใหม่.....
'ถ้าใครทำดีกับเรา ให้จำ แต่ถ้าเราทำดีกับใคร ให้ลืม'
-เทียม โชควัฒนา-
ใครๆก็บอกว่าผมใจแข็งเป็นหิน ใจหินสัดๆ แต่ผมอยากจะบอก.........ว่าผมใจแข็งกับแค่คนที่เกลียดเท่านั้น ใครที่พูดที่ด่าอะไรผมไว้ ผมจะยิ่งเกลียด คนที่ไม่สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำก็เช่นกัน ผมยิ่งเกลียด.........
แต่ใครจะรู้ ว่าถ้าเป็นเรื่องของคนที่ผมแคร์ ผมจะกระตือรือร้นอย่างมาก จะยอมทุกอย่าง จะทำทุกสิ่ง ให้พวกเขาพอใจ ผมอยากเป็นที่รัก กับคนที่ผมรัก...........
สำหรับผม ศรัตรูสามารถเปลี่ยนเป็นมิตร
มิตรสามารถเปลี่ยนเป็นศรัตรู
แต่มิตรที่กลายเป็นศรัตรู จะไม่มีทางกลับมาเป็นมิตร............
คนรอบตัวผมรู้นิสัยข้อนี้ และผมสามารถตัดขาดจากพวกที่ทำให้ผมผิดหวังได้ทันที
แต่ที่ผมพูดนี่ ผมไม่ได้หมายถึงคนที่ผมกำลังเล็งดินสอใส่อยู่นี่หรอกนะ!!!
คนนี้ผมยอมถวายหัวครับ พ่อรูปปั้นเทวดาของผม!!!
"จะเล็งอีกนานไหม?"
พี่ซุสพูดเงยหน้าจากไอแพดมามองผม
"โห่ ผมไม่มีอารมณ์ว่ะ"
ผมวางดินสอแล้วนั่งแหมะกับพื้น
"หึ ท่าดีทีเหลว"
ผมหัวเราะแกนๆกับประโยคนั้น ก็ใครมันจะไปวาดลงวะ หัวข้อที่ให้วาดน่ะคืออะไรรู้ไหม?
'ความรู้สึก'
ผมรู้และเข้าใจทันทีว่างานที่อาจารย์สั่งนั้นหมายถึงอะไร
ความรู้สึกต่อการวาดรูป และความรู้สึกต่อสิ่งที่วาด
ผมไม่สามารถวาดรูปพี่ซุสได้ แม้จะเป็นแบบที่ผมตามหามานานแสนนาน และไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป แต่ความรู้สึกก็สั่งให้ผมปล่อยคดูพูลไว้ตามธรรมชาติ หากเด็ดมันลงมา ก็มีแต่แห้งเหี่ยว
"มันยากนะพี่ซุส"
ผมบ่น
"จบแล้วจะไปทำงานอะไร"
คำถามนั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถาม
"ทำสิ่งที่ผมรักไง"
"............."
"สิ่งที่ผมรักอะ ไม่ว่าจะทำตอนไหนผมก็มีความสุข ที่ผมนั่งจ้องพี่อยู่นี่ ผมก็มีความสุข"
พี่ซุสหันมามองหน้าผมนิ่งๆ ขายาวๆก้าวเข้ามาหาผม ก่อนจะจูบปากผมเบาๆ ช่วงนี้พี่ซุสจูบผมบ่อยมาก ผมก็ขัดขืนบ้าง ไม่ขัดขืนบ้าง
บางทีที่ขัดขืน ก็ไม่ใช่อะไรหรอก กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงที่ติดตัวพี่เขามา ทำผมน้อยใจ ถึงกลิ่นมันจะไม่ได้ชัดอะไรขนาดนั้น แต่ผมก็ยังได้กลิ่น เรียกว่าจับผิดไหม?
ไม่รู้สิ มันเป็นนิสัยไปแล้ว แค่อยากพิสูจน์ทุกครั้งที่เข้าใกล้ ว่าจะมีกลิ่นน้ำหอมไหม
พี่ซุสจะไปมีอะไรกับใครหรือเปล่า ซึ่งคำตอบหลายครั้งทำเอาผมน้อยใจ แต่อดทนไว้นะผ้า อดทนเอาไว้
ผมหลับตาเคลิ้มกับจูบที่พี่มันประเคนให้ ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องแพงที่วางอยู่บนโต๊ะจะดังขึ้น พี่ซุสหันไปมองแล้วเดินไปกดรับสาย
ผมหันไปมองผ้าใบที่อยู่บนขาตั้งวาดภาพแล้วถอนหายใจ ลุกขึ้นไปหยิบดินสอ ก่อนจะลากเส้นไปตามความคิดของผม
มือผมลากเส้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะปรากฎรูปพี่ซุสกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่
ผมวางดินสอลง มองภาพร่างบนผ้าใบผืนนี้ ที่เหลือก็แค่ลงสี ปรับแสง แล้วก็บลาๆๆ
ผมอธิบายไม่ถูกแม้จะหมกมุ่นเกี่ยวกับการวาดภาพมานาน =_=
พี่ซุสวางโทรศัพท์(คุยนานชิบหาย)แล้วเดินเข้าไปในห้อง ผมมองภาพร่างบนผ้าใบผืนใหญ่ ลูบมันเบาๆ ทำไมกูวาดเสร็จเร็วนักวะ ไอ้อารมณ์โหวงๆในอกมันคืออะไร?
ความรู้สึกที่จะตายห่าจากกันนี่ ไม่สมกับเป็นผมเลย
ผมไม่เคยต้องการตีจากใคร ถ้าหากได้รู้จักกันแล้ว แต่ในกรณีนี้ ผมว่ามันไม่ใช่ ใจหนึ่งผมอยากจะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ มองหน้าพี่เขาทุกวัน กินข้าวด้วยกัน ตามเขาไปห้างกับผู้หญิง
แต่ผมก็มีศักดิ์ศรีของผม เพราะด้วยอารมณ์ศิลปินของผมล่ะมั้ง ถึงได้เรื่องมาก การจะถูกใจใครมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องมองแล้วมองอีก และที่ผ่านมา ผมไม่เคยถูกใจใคร(เว้นเหี้ยเต้)
แต่กับพี่ซุส ผมมองเห็นออร่าออกมาจากรอบๆตัวเขา เรียกว่าถูกใจก็คงไม่ใช่ อาการแบบนี้ เรียกว่าหลงไหลขั้นโคม่า ไอ้ผ้าเอ๋ย น่าเห็นใจมึงที่เสือกไปหลงไปไหลผู้ชายต้องห้าม น่าสงสารปนสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย
"พี่ซุส คือ...........วันนี้ผมไม่ว่าง ไปกับพี่ไม่ได้นะ"
ผมบอกเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องนอน ด้วยกางเกงเดปสีดำ และเชิ้ตสีดำ ดาร์กโคตรๆ แต่ก็เทพบุตรของกูอยู่ดี =_=
"ธุระเยอะนะมึง"
สายตาคมมองมาที่ผมนิ่งๆ เพราะความนิ่งนี่หรือเปล่านะ ที่ทำให้ผมเจ็บปวดแบบนี้
เหลืออีกไม่กี่วันก็ครบกำหนดส่งงานแล้ว หมายถึง ใกล้จะหมดเวลาของผมและเขาเต็มที่ ผมเป็นคนเข้มแข็ง แต่กับบางเรื่องก็อ่อนไหวจนน่าหงุดหงิด
ดราม่าไหมครับ? ไม่นะ ปกติ
ผมเก็บของแล้วมองหน้าพี่ซุส ยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวตัวเอง
"แล้วเจอกันใหม่พี่"
ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมา มือผมค้างอยู่ที่ประตู ยืนหลับตาอยู่พักนึงให้หัวใจได้ตั้งสติ ทั้งๆที่ไม่อยากไป แต่ก็ต้องไป ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลย มันคืออะไรนะ..................ใช่รักหรือเปล่า
ผมไม่เคยมีความรัก เลยไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกก่ำกึ่งนี่คืออะไร มีความสุข แต่ก็เจ็บปวด แล้วทำไมผมไม่เลือกที่จะอยู่ข้างๆพี่ซุส?
ไม่เอาหรอก ถ้าทำแบบนั้น ความเจ็บปวดมันจะมีมากกว่าความสุข ผมไม่ได้งี่เง่าเรื่องมากอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่ขอเอาชีวิตไปเสี่ยง หรือไปขวางทางพี่เขาหรอก
.......................................
.......................................
และแล้วก็รู้ว่าคนที่จบกันไป.........
ด้วยคำที่บอกว่าเราจะมาพบกันใหม่
มักจะไม่พบกันอีก.....
จากกันคราวนี้ ไม่อยากให้ดูโหดร้าย.........รู้ดี
อย่าห่วงไม่เคยจะทำให้เธอต้องลำบาก และอยากจะให้รู้เอาไว้.............
หากเธอรักใครมากสักหนึ่งคน และผลคือเขาจะไป
เพราะรักนั้นเธอจะไม่ยอมแม้แต่ปล่อยให้ เขากังวลแม้แต่น้อย
เจ็บเท่าไรยินดีให้เขานั้นเดินไป
อย่างที่ฉันกำลังที่จะทำ........
เจ็บช้ำด้วยความเต็มใจ ขอแค่สักครั้งที่อย่างน้อยเธอสุขใจแม้
ทำได้เพียงตอนสุดท้าย ก่อนจะลาไม่ว่าเธอจะพูดอะไร คำไหนก็ยอมโดยดี......
(พบกันใหม่ - Polycat)
"ผ้า มึงวาดรูปเสร็จแล้วหรอวะ"
ไอ้เต้มองหน้าผม ผมหัวเราะหึหึ
"ระดับกูแล้ว"
"ถุย!!! ระดับมึง เหอะ แล้วเป็นไง ส่งอาจารย์ยัง"
ผมพยักหน้า
"แล้วอาจารย์ว่าไงวะ"
"ก็บอกว่าดี สื่ออารมณ์ออกมาชัดเจน คือแบบมันดีมากเลยหรอวะกูก็งง จารย์เขาจะเอารูปกูไปโชว์ในงานแสดงรูปภาพด้วย"
ผมพูดแล้วยักไหล่ งานแสดงรูปภาพจะมีปีละครั้งเท่านั้นครับ แล้วรูปที่จะแสดงก็คัดกันปีต่อปีด้วย
"แหม กูชักอยากจะเห็นรูปของมึงแล้วสิ อะไรจะโดนใจอาจารย์เขาขนาดนั้น นี่นายแบบดี หรือฝีมือมึงดีว่ะ หึหึ"
ผมหัวเราะกับคำพูดไอ้เต้
"ก็ต้องฝีมือกูดิว่ะ โห กูอะทุ่มเต็มที่!!!"
"หราาาาาา"
ผมไม่สนใจคำประชดประชันของไอ้เต้หรอก นั่งวาดรูปเล่นไปเงียบๆ
วาดรูปทีไร.............ก็มีแต่หน้าพี่ซุสลอยไปลอยมา เป็นกระสือหรอแม่ง =_=
หลังจากที่ผมได้บอกพี่ซุสไปว่า 'แล้วเจอกันใหม่พี่' เราก็เจอกันจริงๆ ผมยังคงเข้าไปทำหน้าที่ขี้ข้าได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
จนครบเดือน สัญญาทาสระหว่างเราจึงหมดลง ผ่านเดือนนั้นมา นี่ก็อาทิตย์นึงได้ที่ผมไม่ไปตามตูดพี่ซุสเหมือนเมื่อก่อน
"ผ้า มึงไม่ได้คุยกับพี่เทพเลยหรอวะ"
ไอ้หนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามา พุ่งมาหาผมราวกับว่ารองเท้ามึงติดไนตัส
"เออ ทำไมอะ"
ผมตอบชิลล์ๆ ก็บอกแล้ว ไม่กี่วันผมก็เลิกเศร้า
"กูต้องถามมึง ว่าทำไม"
ไอ้หนุ่มมันจับไหล่ผม สีหน้ามันก็เป็นห่วงผมอยู่ แต่ผมก็ยิ้ม
"ไอ้สรัด มึงจะให้กูไปวุ่นวายกับเขาทำไม งานกูก็เสร็จแล้ว สัญญาทาสก็หมดแล้ว"
พอเข้าเรื่องสัญญาทาส ไอ้หนุ่มก็ยิ้มแหยๆมาให้ เออ! เพราะมึงนั่นแหละไม่ต้องมายิ้ม
"ถึงงานจะเสร็จแล้วก็ยังคุยกันได้ไม่ใช่หรือไงวะ"
ไอ้เต้ที่นั่งฟังอยู่พูดขึ้นบ้าง ผมเลิกคิ้วส่ายหัว
"เหี้ย กูไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายที่มีพลังอำนาจแบบพี่ซุสอีกแล้วว่ะ กูกลัว"
ผมพูดขำๆ แต่เพื่อนผมไม่ขำด้วย แม่ง สงสัยไม่ช็อต เรานั่งจ้องตากันอยู่สักพัก อีเจ๊เอมโหดหื่นก็เดินหน้าบานเข้ามา
"อารมณ์ดีเกินหน้าเกินตานะอีเจ๊ มีเรื่องอะไรดีๆมาล่ะ ให้กูทาย คงเป็นเรื่องผู้ชาย"
ไอ้หนุ่มพูดอย่างรู้ทัน แต่อีเจ๊มันสนไม่ ยืนโพสท่าเป็นนางงามอย่างน่าหมันไส้
"ยอมรับคะ ว่าเคยริษยาผ้าใบที่ได้ใกล้ชิดกับเทพบุตรสุดหล่ออย่างพี่ซุส"
"=___________=" ใบหน้าของพวกผมสามคน
"มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี้ยอีเจ๊"
ไอ้เต้ถามขึ้นมา
"ก็กูอารมณ์ดีที่ได้คบกับมาร์ก"
"ห๊ะ!!!!!! ไอ้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กที่เป็นเจ้าของเฟซบุ้คปะ?"
ผมพูด พลางทำตาโตแอ็คติ้งดีเด่นยอดเยี่ยมบลาๆ อีเจ๊ทำหน้าเมื่อย กลอกตาขึ้นบน ก่อนจะเดินอาดๆมาตบหัวผมดังผลั๊ว!!
เจ็บเหี้ยๆ มือคนหรือตีนหมี
"ไอ้มาร์กรองเดือนมหาลัยปีสามไงโว้ย!!"
อีเจ๊พูดอย่างเหลืออด ผมหัวเราะลั่นเลย
"แล้วมึงไปทำอีท่าไหนวะถึงได้มันเป็นแฟนอะ"
ไอ้หนุ่มทำหน้าแบบ กูไม่เชื่อมึงหรอก อีขี้โม้
"เอาตรงๆคือกูสวย จบปะ"
"มึงระวังเหอะอีเจ๊ มึงก็รู้ว่ามันเหี้ย เจ้าชู้ ตอแหล กะล่อน"
"พอๆไอ้เต้ มึงพูดซะแฟนหมาดๆของกูดูเหี้ยเหมือนไม่ใช่คนแล้ว"
"ก็มันเหี้ยจริงๆ ใช่ไหมไอ้ผ้า"
"ตามนั้นเพื่อนเต้"
ผมชี้หน้าไอ้เต้
"เออ แล้วมึงรู้ปะ เนี้ยกูไปสืบมา ไม่อยากจะเม้า แต่กูเห็นหน้าพวกมึงแล้วคันปาก"
พออีเจ๊เกริ่น พวกเราก็เอาหัวมาสุมกันทันที
เสือก? ไม่นะ เขาเรียกอัปเดตข่าวสาร(แถ?)
"มึงรู้จักพี่ทัชไหม"
อีเจ๊มันเข้าเรื่อง พวกผมพยักหน้า
พี่ทัชเดือนมหาลัยปี3 กูไม่รู้จักก็แจ้แล้ว มันไม่ได้เป็นคนดีห่าหอกอะไรเลย พ่อมันใหญ่ เงินหนัก ยัดให้อาจารย์กรรมการก็ได้เป็นเดือนแล้ว จัดให้มันอยู่ในกลุ่มคนหล่อประเภท 'หล่อเหี้ยๆ!!' เน้นคำว่าเหี้ย
เพราะมันมีดีแค่หล่อ การเรียนก็กาก กิจกรรมก็ด๋อย พฤติกรรมนี่ยิ่งไม่ต้องพูด ก็บอกแล้ว ว่ามันหล่อ 'เหี้ยๆ!' พี่ซุสของกูดีกว่ามาก500เท่า นี่ไม่ได้ลำเอียงนะ
"เออนั่นแหละ มันชอบหาเรื่องพี่ซุสของอีผ้า กูได้ข่าวมานะ ว่ามันวางแผนรุมกระทืบพี่เทพซุสสุดหล่อตั้งหลายครั้ง แต่ว่าว เพราะพี่ซุสหล่อและฉลาดมาก"
อือ ตามนั้นครับ พี่ซุสหล่อและฉลาดมาก ย้ำชัดๆอีกครั้ง 'พี่ซุสของอีผ้า' หึหึ
"หุ๊ มันก็เหี้ยแบบนี้แหละไอ้ทัชอะ ตำแหน่งเดือนก็ได้ไปแล้ว มันจะไปอะไรกับพี่ซุสอีกวะ"
ไอ้เต้มันบ่น ผมพยักหน้าเห็นด้วย
"ได้แค่ตำแหน่ง แต่ไม่ได้ใจไง ทุกคนโหวตให้พี่ซุสเป็นเดือนเกือบทั้งมหาลัย ไอ้พี่ทัชมันเลยขึ้นจ้า เดินกร่าง พาแบ็กไปข่มพี่ซุสถึงตึกคณะ จนถึงทุกวันนี้แม่งยังไม่เลิกหาเรื่องพี่ซุสเลอ"
"จริงหรอวะ.........เอ่อ แล้วเขาเป็นไงบ้างอะ"
ผมถามด้วยใบหน้าที่(พยายามทำให้)ปกติที่สุด
พวกมันหรี่ตามองหน้าผม ผมก็ตีหน้าโง่ อะไรเหรอออ?
"อ้าว กูถามถึงพี่เขาไม่ได้เลย? กูถามด้วยความเป็นห่วง ไหนๆก็เคยเป็นนายแบบให้กู"
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ พี่เขาโอเค อย่างไอ้โง่พี่ทัชน่ะหรอจะไปทำอะไรท่านเทพได้"
อีเจ๊เอมเบะปากพูด
"ว่าแต่มึงเถอะผ้า ไม่ไปตามตูดพี่ซุสแล้วหรอ"
กลับเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้ว ผมถอนหายใจ ยิ้มทะเล้น
"ทำไมวะ............กูงานเยอะเหอะ ไม่มีเวลาไปไร้สาระแล้ว"
ผมยักคิ้ว นี่จะสอบมิดเทอมอยู่แล้ว มันก็ต้องใช้เวลากับหนังสือบ้างซิ(หรา)
"เออ นั่นดิ นี่แค่ปีสองนะ กูจะอ้วกออกมาเป็นอักขระอยู่แล้ว"
อีเจ๊เอมพูด แล้วทำท่าวิงเวียนศรีษะ
ไอ้เต้กับไอ้หนุ่มมองหน้ากัน แล้วหันมามองผม
"มึงยิ้มบ่อยกว่าเมื่อก่อนนะผ้า....."ไอ้เต้มันพูด ผมก็ยิ้มบางๆให้มัน รู้ว่ามันหมายถึงอะไร ถ้ามันพูดตรงๆ รูปประโยคก็จะเป็น
'มึงจะฝืนยิ้มทำเหี้ยอะไรไอ้ผ้า'.......................................
.......................................
"เฮียเป้ หวัดดีครับ พี่พลับหวัดดีพี่"
ไอ้เต้มันยกมือไหว้พี่ๆ ที่นั่งกันเป็นดูโอ้อยู่ที่โต๊ะเหล้า ที่เดิม
วันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉลองเฮียเป้มีแฟน ซึ่งจริงๆคือไม่เกี่ยวหรอก อยากจะแดกกันเองก็เอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาอ้าง ฮั่ดช่า!!
"พี่ๆ หวัดดี"
ผมยกมือไหว้ลอยๆ ต่างจากไอ้เต้ลิบลับ ถึงจะลุยงานดึกด้วยกัน แต่อาการผมหนักกว่ามันมาก บีคอสสส
...............คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แง่มๆ
"โอ้โหเต้ มึงดูแลน้องกูประสาห่าอะไรวะนั้น ซูบโทรมอย่างกับหมาขี้เรื้อนข้างถนน"
ผมหัวเราะแกนๆกับคำของพี่พลับ
"โหพี่พลับ เรื่องแบบนี้ใครจะไปดูแลกันได้ ใครทำก็มาดูแลสิ"
มึงไม่ต้องทำสายตามีความหมายเลยไอ้เต้
"ทำไม ทะเลาะกับแม่อีกแล้ว?"
เฮียเป้ถามอย่างพาซื่อ ผมนี่กลอกตาไปมาเลย
"ไม่เกี่ยว เขายังไม่ได้โทรมา"
อือ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่โทรมา เขาฉลาดในการเว้นระยะที่จะโทรมาเกลี่ยกล่อมผม ซึ่งผมไม่มีวันยอม
"งั้นให้กูเดาเล่นๆ โดนอาจารย์ด่าเรื่องรูป ใช่ปะ?"
พี่พลับมันพูดอย่างมั่นใจ แต่ผมส่ายหัว
"โห งั้นเป็นอะไรวะ บอกมาดิ พวกกูเดาไม่ออก"
ผมยิ้มในขณะที่พี่ๆทำหน้าเครียด บนหน้าผากมีคำว่า 'อยากเผือก' ตัวโตๆ เห็นแล้วก็ขำ
"ฮ่าๆ โอเคครับ ผมจะบอกก็ได้อะ"
แล้วผมก็เงียบ มองขึ้นไปบนเวที
"วันนี้นักร้องไม่มาหรอพี่ ทำไมไม่มีคนขึ้นไปร้องเพลง"
ผมยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว
"ไอ้สัดบ้า!!! มึงกวนตีนพวกกูหรอ ไหนว่าจะบอกไง"
เฮียเป้ปาถั่วใส่หน้าผม แม่งโหดร้ายสัดๆอะ ไอ้เฮียโหด ถ้ากูตายเพราะถั่วกระแทกหัวนะ จะหลอกไอ้เฮียเป็นคนแรก
"ทำไมวะ มึงจะไปร้องเองรึไง"
ไอ้เต้ถาม ผมเลยพยักหน้า จริงๆผมเคยเป็นนักร้องร้านนี้นะ ร้องเพลงเพื่อชีวิตอะ สมัยยังไว้หนวดไว้เครา
"ไปดิ กูอยากฟังเพลงพอดี"
ไอ้เต้มันพูดยิ้มๆ คือมันคงจะชินกับนิสัยผมแล้ว เวลาผมมีเรื่องหนักใจ ไม่สบายใจจนไม่อยากเล่า ผมก็จะวาดรูป ไม่ก็ร้องเพลง ให้พวกมันไปตีความกันเอาเองว่าผมเครียดเรื่องอะไร โคตรติสท์เหี้ยๆ
ผมเดินขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้บนเวที หลังจากที่คุยกับพี่เจ้าของร้าน ซึ่งเขาเป็นพี่ชายแท้ๆของไอ้หนุ่มมันด้วย เราเลยชอบมานั่งแดกเหล้าร้านนี้ไง เผลอๆแดกฟรี
"อา สวัสดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านนะครับ หลังจากที่ผมได้ไปโกนหนวดโกนเคราแล้วพี่คุณชายก็ไล่ผมออกทันที"
คำพูดอารมณ์ดีของผมทำเอาแขกหัวเราะลั่น บางคนชี้ไม้ชี้มือมาทางผม ประมาณว่า 'ก็ไอ้ห่านั่นไง มึงจำมันไม่ได้?'
"ครับ ผมผ้าใบคนเดิมที่หายไปนานแสนนาน เพราะช่วงนั้นผมกำลังตามพี่คนหนึ่งอยู่ ถ้าผมบอกชื่อไป ทุกคนต้องรู้จักเขาแน่ๆ ผมเลยไม่บอก หึหึ แต่ตอนนี้ผ้าใบคนเดิมกลับมาแล้ว แม้จะชั่วคราวเพราะงานที่คณะมันช่างเยอะซะเหลือเกิน"
"อะแฮ่ม วันนี้ผมจะมาร้องเพลงนะครับ ถ้าอยากฟังเพลงอะไรก็ขอกันขึ้นมาได้เน้อ แต่ไม่ร้องให้ ล้อเล่นครับ อะ ไปฟังเพลงกันเลยดีกว่าเนอะ....."
เริ่มร้องเพลงช้าๆ มันก็เป็นเพลงทั่วไปตามที่ร้านเหล้ามันร้องกันนั่นแหละครับ ร้องไปหลายเพลงเหมือนกัน
"อ่า เพลงนี้ก็ให้เป็นเพลงสุดท้ายของวันนี้แล้วกันนะครับ เพราะผมเริ่มหิวเหล้าแล้ว ชื่อเพลงว่า อย่าฝากชีวิตไว้ที่ฉัน ของวงSDFนะครับ"
ต่อให้รักกันเท่าไหร่ ต่อให้ใจเราสองใจ
มีคำว่ารักข้างในมากมาย
แต่แค่รักมันไม่พอ อยากจะขอให้เข้าใจ
ในสิ่งที่ฉันต้องทำลงไป
ไม่ใช่ฉันไม่ปวดใจ ไม่ใช่ฉันไม่รู้สึก
ไม่ใช่ส่วนลึก ฉันไม่ร้องไห้
แต่ว่าฉันนั้นรู้ดี ต่อจากนี้เป็นเช่นไร
ถ้าเราจะหนีและตามกันไป
ผมร้องเพลงไปเรื่อยๆ แต่สายตาดันไปเห็นพี่ซุสนั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมมืด แม้จะมืด แสงจะน้อย ผมก็จำได้ว่าเป็นเขา พี่ซุสจ้องกลับมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมเชื่อ ว่าพี่เขารู้ ในสิ่งที่ผมกำลังสื่อ
ยกโทษให้ฉันเถอะที่รัก ยกโทษให้เรื่องในวันนี้
ฉันไม่ต้องการให้ใครมองเธอ เป็นคนไม่ดี
ขอให้ทุกเรื่องในวันนั้น เป็นความทรงจำแค่เราที่มี
แต่ในวันนี้
พี่ซุสบีบแก้วเหล้าในมือ จ้องผมเขม็ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหาผม
อย่าเอาชีวิตเธอฝากไว้ที่ฉัน
พี่ซุสเดินเข้ามาเรื่อยๆ
อย่าเอาความฝันเธอมากอง อยู่ตรงนี้
เขาหยุดเมื่อเดินเข้ามาใกล้ผมพอควร
อย่าให้ชีวิตเธอพัง เพราะรักคำเดียวที่มี
เขาจ้องหน้าผมนิ่งๆ
สองเราวันนี้ ยังรักกันไม่ได้........
ผมร้องจบแล้วยิ้มให้พี่ซุส
"โอ้โห วันนี้มีรุ่นพี่ที่ผมปลื้มมาฟังเพลงที่ผมร้องซะด้วย สวัสดีครับพี่ซุส วันนี้มาคนเดียวหรอครับ โอ้ สาวของพี่ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ ฮ่าๆ"
ท่าทางจะไม่ฮา พี่ซุสยังคงจ้องตาผมนิ่ง ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ คือคนอื่นๆเขาหันไปมองพี่ซุสหมดแล้วแหละ
"วันนี้หมดหน้าที่ของผมแล้ว ยังไงก็ขอ............"
"ถ้ามึงยังลูกผู้ชายพอ มึงก็จะนึกได้เอง ว่าสัญญาอะไรกับกูไว้"
พี่ซุสพูดด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบสุดๆ เรียบกว่าทุกๆวันที่เป็นอยู่ แล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผู้หญิงคนนั้นวิ่งตามออกไป
ปล่อยให้ผมมองตามไปจนลับสายตา แล้วหันกลับมาฉีกยิ้มกว้างให้กับคนในร้าน
"ขอบคุณที่รับฟังนะครับ ถ้ามีโอกาส ผมจะขึ้นมาร้องใหม่เนอะ"
แล้วผมก็เดินลงมาจากเวที มองไปที่ประตูร้าน แล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ท่ามกลางความเงียบงันของพวกพี่ๆและไอ้เต้
"อะไรครับพี่ๆ? ผมร้องเพลงเพราะจนอึ้งแดกกันหมดเลยหรอ?"Click for Episode 13*********************************************************************************
โอ้โห นี่นอนหรือซ้อมตายยะ พึ่งตื่นนะเนี้ย ไม่คิดว่าจะตื่นเอาป่านนี้ โห รู้สึกผิดเลยค่ะ 