[แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

สำรวจความต้องการให้มีการพิมพ์รวมเล่มนิยาย >>>>ข้ามพิภพ<<<< หรือไม่

ต้องการ
27 (67.5%)
ไม่ต้องการ
0 (0%)
ไม่แน่ใจ
13 (32.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]  (อ่าน 285548 ครั้ง)

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


“แต่มาตะ...” มาลีกระพุ่มมือคัดค้าน

“พระมารดา”

ภัทรพจน์จดจำน้ำเสียงนั้นได้ก็รีบหันมอง เจ้ามาตะยืนเกาะขอบพระทวารด้วยสีหน้าตัดพ้อ เจ้าหนุ่มก้าวเข้ามา ลักษณะอาการเป็นปรกติดีทุกประการเช่นนั้นจึงทำให้พจน์คลายใจ ส่งรอยยิ้มให้หมายผุดลุก พระราชเทวีเสด็จพระดำเนินตระกองกอดพระราชบุตรบุญธรรมชิงตัดหน้าเสียก่อน เจ้าภัทระจึงยอบตัวลงดังเดิม

“ไฉนเลยเจ้าจึ่งไม่พักผ่อนกายา เรี่ยวแรงกำลังวังชาฟื้นคืนดังเดิมแล้ว ฤา จึ่งเร่งมาเข้าเฝ้าแม่ฉะนี้ กระไรหมอหลวงจึ่งปล่อยให้บุตรเราลุกเหินดำเนินมิเหมาะ สมควรลงโทษานุโทษอันละกิจพึงกระทำ นางโขลนทวารบาลจงไปกุมตัวแพทย์หลวงผู้นั้นมา เราจักลงอาญาบัดเดี๋ยวนี้”

“มิควรก่อนพระเจ้าค่ะ” มาตะพนมมือกราบทูล เจ้าหนุ่มทอดสายตาอาวรณ์คนรักสุดสวาท อยากโผเข้าประคองกอดให้หายคนึงหา หากอยู่สองต่อสองรโหฐานคงมิพักรอช้า แต่ต่อหน้าธารกำนัลเป็นอุปสรรคขัดใจจึ่งทอดอาลัยผ่านสายตา

กล่าวถึงมาตะครั้นฟื้นคืนสติได้มิเห็นโฉมหน้ายอดดวงใจก็เร่งซักเอาความจากสหายตัว คือ โกสินทร์แลเวฬุ ห่วงแสนห่วงเจ้าภัทระยอดชีวา พอเจ้าสองเกลอเล่าความโดยสิ้นนับแต่ตนต้องมนตราสังหารกระทั่งภัทรพจน์นำอนันตวัชรมรกตมาเรียกวิญญาณกลับคืนได้แล้วก็ถลันสู่พระตำหนักพระอัครราชเทวีบัดเดี๋ยวนั้น แม้นเสียงห้ามปรามใดก็มิอาจรั้งไว้ได้ เกรงคนรักจักไม่สบายกายแลใจด้วยไร้ผู้รู้จักนอกจากตน

“ร่างกายกระหม่อมหายเป็นปรกติดีแล้วพระเจ้าค่ะ” มาตะคุกเข่ากระพุ่มมือกราบทูลสตรีสูงศักดิ์ผู้ทรงชุบเลี้ยงตนดั่งบุตรในอุทร “แต่คราวเมื่อเกล้ากระหม่อมยืนอยู่นอกพระทวารบังเกิดยินคำพระองค์กล่าวผลักไสให้ภัทรพจน์จากไปแลมิต้องหวนกลับมาอีก กายฟื้นคืนเป็นปรกตินั้นถูกซัดป่นปี้ด้วยพระดำรัสยิ่งกว่าต้องมนตราสังหารของปีศาจเป็นไฉน คือ เจ็บทั้งกายทั้งใจสุดจะกล่าว ครั้นคราวข่มเหงเหยียบย่ำหัวใจเจ้าภัทรพจน์ด้วยวาจาว่า ทรงหมายมั่นจักได้น้องนางกฤษณาเป็นคู่ครองมาตะแน่แท้กระนั้น กระหม่อมมิอาจฝืนยืนเป็นคนได้ต่อไปแล้ว จึ่งจำต้องนำตัวเสี่ยงอาชญาเข้าขัดความคำทั้งนั้น เพราะพระประสงค์ทรงให้ผู้ใดเจ็บคงไม่พ้นข้าพระองค์มากกว่าใครอื่น”

พระราชเทวีได้ฟังคำราชบุตรบุญธรรมตัดพ้อท้วงความอันตนกล่าวเป็นข้อฉกรรจ์เช่นนั้น ก็มิอาจกลั้นพระอัสสุชลไว้ได้ ทอดพระเนตรมาตะสลับกับภัทรพจน์มหาบุรุษด้วยพระหทัยทรมาน
 
“เจ้าทั้งสองสมัครสมานต่อกันแน่ล่ะหรือ” พระราชเทวีถอยห่างจากมาตะ

“มาตะเอย ชายจะมีเมีย ตามคัมภีร์ศาสตร์บัญญัติว่า ควรเลือกผู้ซึ่งไม่มีตำหนิ ๑ มีกายอ่อนนุ่ม ๒ มีนามไพเราะ ๓ มีฟันแลผมพอดีทั้งขนาดแลปริมาณ ๔ เดินงามดั่งคชสารวัยหนุ่มสาว ๕ ปัญจะลักษณาการนี้มารดาพิจารณามหาบุรุษแล้วเห็นว่ามิได้ขาดตกข้อใดเป็นทรลักษณ์ แต่เราสดับยินว่า ภัทรพจน์ผู้บรรลุฌานยังเผื่อแผ่ไมตรีผ่านพระอุปราชผู้เชษฐาของเจ้าอีกหนึ่ง ฤา มิใช่ ไยเจ้าจึ่งแน่ใจได้ว่า การลุ่มหลงคือรักแท้ ก็แม่เห็นว่าผิดแผกประพฤติมนุษย์พึงกระทำคือ หญิง ฤา คนรักของบุรุษใด มิควรปันใจให้ชายไหนมากกว่าหนึ่งเฉกนางเวศยา ดั่งนี้”

“พระมารดา!” มาตะได้ยินดำรัสกล่าวหาคนรักว่าแพศยาฉะนั้นก็ร้องครางเจ็บทรวงใน
 
“ก็แหละภัทรพจน์ปฏิบัติมิถูกทำนองคลองธรรม ขาดตกศีล ข้อ ๑ ใน ๔ แห่งความเสมอกันว่าด้วยการเลือกคู่ เป็นรอยหมอง ซ้ำยังครองฐานะชายชาติบุรุษ มิควรเลยที่มาตะราชบุตรจักฝักใฝ่ใคร่รักให้เสียเพลา”

“การครองเพศใดมิอาจหักห้ามใจที่ผูกพันในรักได้ แลข้อกังขาเรื่องความเสมอกันคือ ศีล นั้น แท้จริงเป็นแต่คำกราบทูลใส่ร้าย จิตใจภัทรพจน์ซื่อบริสุทธิ์ตรงต่อมาตะเพียงไหนกระหม่อมย่อมรับรู้แก่ใจทั้งสิ้น พระมารดาทรงทราบดีว่า ขนบโบราณราชประเพณีของชาวเรามิเห็นว่าชายครองชายเป็นเรื่องประหลาดดั่งพระราชพงศาวดารจดจารบรรพกษัตริย์หลายพระองค์ทรงกระทำเป็นแบบอย่าง ฉะนั้นเมื่อมาตะมุ่งหมายในเส้นทางนี้ซึ่งมิได้ผิดประหลาดจนกระทั่งไร้คนเคยปฏิบัติ ไยพระมารดาจึ่งว่ากล่าว ดั่งประพฤติของกระหม่อมเหมือนหนึ่งเรื่องเลวทรามจนจำต้องขับไสคนรักของกระหม่อมให้จากไป เหมือนฉีกใจมาตะให้แยกออกมิอาจครองเป็นคนได้กระนี้เล่าพระเจ้าค่ะ”

พระราชเทวีสดับคำน้อยเนื้อต่ำใจของราชบุตรแล้วก็พลันสะเทือนพระอารมณ์เป็นล้นพ้น ด้วยเหตุแลผลเป็นความซื่อสุจริตแลจริงแท้ยากจักคัดค้านได้ แต่พระหทัยเจ็บร้าวคราวเห็นร่างแน่นิ่งของบุตรทั้งสองต้องมามีอันเป็นไปติดตามิมีวันเลือนหายยากจะโน้มเอียงตามคำได้ คือ หากเห็นชอบก็เหมือนหยิบยื่นปลายดาบแทงโอรส ก็แหละภัทรพจน์ผู้นี้ไม่เพียงนำภัยมาสู่คนใกล้ชิด ซ้ำยังชักนำอำนาจมืดให้เพ่งเล็งมายังมหาอาณาจักร มาตรว่าไม่จัดการให้ต้นเหตุทั้งปวงนี้จบสิ้นในฐานะแม่เมืองแล้ว คราวบรรทมหลับคงหลับมิเต็มตา ดำริดังนั้นก็ขุดโทสะแต่หนแรกขึ้นมากวนอารมณ์ซ้ำอีก พร้อมกรรแสงเป็นภาพเวทนา

“เรานี้คงกระทำกรรมอย่างหนักไว้เมื่ออดีตชาติ ผลกรรมทั้งนั้นจึ่งย้อนกลับมาสนองในคราวอับจน คำเคยสั่งสอนตักเตือนราชบุตรตัวแต่คราวก่อนนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าวาจาของมหาเทวรูป ว่ากล่าวกระไรแต่ก่อนบุตรก็รับคำให้ชื่นใจเสมอ มาบัดนี้คำเดิมแต่ต่างกรรมต่างวาระมิอาจคงความเชื่อถือได้อีกแล้ว ซ้ำจักตักเตือนมากกว่านี้ก็กริ่งเกรงจักกวนให้บุตรบังเกิดชังตนผู้ถือว่าเป็นแม่มิใช่เมีย ครั้นจักนิ่งเงียบสงบคำเมื่อมองเห็นภัยอันตรายมากล้ำกรายเลือดในอกก็มิอาจอยู่เฉยได้ฉะนี้ มาตะเอย ในฐานะบุตรแห่งเรา เจ้าจงช่วยมารดากลัดหนองความคับข้องใจนี้ออกให้คลายความอัดอั้นสักคำหนึ่งเถิดว่า จักทำประการใด”

มาตะลอบมองภัทรพจน์แน่วแน่อยู่ ตรองดูแล้วก็ยิ้มให้คนรัก พลางว่า

“อภัยเถิดน้องท่าน วานยื่นพู่ห้อยพระแสงทวนนั้นนำมอบแก่มาตะเถิดเจ้า” พจน์ก้มมองพู่หางจามรีเปื้อนโลหิตในมือตนแล้วส่งมอบให้มาตะ ระหว่างนั้นนิ้วมือของเจ้าหนุ่มทั้งคู่เสียดสีสัมผัสกันจนพจน์รับรู้กระแสแห่งรักถ่ายทอดผ่านรวดเร็ว มีคำถามมากมายที่อยากบอกเล่าเจ้ามาตะ ความในใจทั้งสิ้นทั้งปวงอัดอั้นอยู่ภายในแทบทะลักล้น ไม่นึกคิดมาก่อนว่าตนจะโหยหารสสัมผัสจากบุคคลคนนี้มากมายเหลือจะกล่าว สายตาเข้มนั้นสื่อสารสะท้อนวาวกลับมายังนัยนาสีน้ำตาลระริกร้อนเต้นสั่นไหว มาตะข่มใจมิให้กระทำโผจุมพิตริมฝีปากบางยากยิ่งกว่าห้ามกระทำสิ่งอื่นใด

“คราวพระมหาอุปราชยืนกรานหนักแน่นว่าจักอาสาเป็นธุระในการสืบข่าวราชการ ณ เทวาลัยร้าง ทรงตัดสินพระทัยแน่วแน่แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวแลเสนาบดี ฤา กระทั่งพระมารดามิอาจคัดค้านเจตจำนงนั้นได้ ด้วยเพราะพระหทัยกล้าประจำองค์เองหนึ่ง แลทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์มาก่อนความสุขส่วนองค์สอง จึ่งปลอมแปลงดั่งสามัญชนเพื่อธุระการบ้านเมืองมิสนต่อความยากลำบาก ฤา ภยันอันตรายใดมาแผ้วพานแม้แต่น้อย เหล่านี้เป็นสิ่งซึ่งมาตะเห็นแลรับรู้ กระทั่งกฤษณะนายกอง แลหรือสหายกระหม่อม พร้อมทั้งราชองครักษ์ ล้วนประจักษ์แจ้งแก่ใจคนทุกผู้ กระทั่งทรงเผื่อแผ่น้ำพระทัยเมตตาต่อคนแปลกหน้าคือ ภัทรพจน์ ให้ร่วมคณะเดินทางมิได้ขัดขวาง อีกทั้งสละอาวุธเป็นเกราะคุ้มกัน จิตใจเมตตานั้นมิได้อยู่ๆก็บังเกิด แต่เป็นเพราะคำประสิทธิ์ประสาทอบรมของพระมารดาอย่างไรเล่าที่ทรงเฝ้าถ่ายทอดอุปนิสัยทั้งนั้นแก่พระมหาอุปราช ก็แหละในเมื่อคำของพระมารดาศักดิ์สิทธิ์ทรงอานุภาพเฉกนั้น กระไรจึ่งทรงตรัสว่าบัดนี้ไร้ความสำคัญ มาตะเห็นว่ามิใช่ความจริงทั้งสิ้น”

พระราชเทวีได้ฟังลำดับเนื้อความก็พลันสะอื้น โทสะถูกระงับด้วยความจริงแท้มิอาจปฏิเสธนั้น แต่พระหทัยแน่วแน่แต่เดิมยังคงหยั่งรากลึกก็กลั้นพระอัสสุชลไว้

“พู่ห้อยพระแสงทวนจึ่งเปรียบเสมือนคำพร่ำสอนของพระมารดา คราวใดมาตะเห็นขนสีขาวกระจ่างใต้คมทวนขององค์พระเชษฐาก็หวนรำลึกถึงคำสอนแต่ในทางดีงามของพระแม่เจ้าโดยสิ้นทันควัน ก็แหละมาตะนั้นมิใช่บุตรในอุทรเพียงแค่แลเห็นพู่ทวนก็ระลึกถึงคำในบัดดลดั่งนั้นแล้ว พระมหาอุปราชคือพระราชบุตรแท้จริง ไฉนเลยจักมิยกคำพระมารดาทูลเหนือเกล้ายิ่งกว่ากระหม่อมเล่า คำสอนแลหรือจักทอนความศักดิ์สิทธิ์ซ้ำทรงอานุภาพยิ่งขึ้นตามลำดับ หากมิได้อาภรณ์คล้องพระแสงทวนบาดแผลของสุริยะพี่ท่านเห็นควรจักฉกรรจ์ยิ่งกว่า เนื่องด้วยหว่างการสัประยุทธ์นั้นพู่พระราชทานซ้อนรองรับคมทวนไว้จึ่งซับพระโลหิตแดงฉานดั่งนี้ พระคุณพระมารดาแลคำสอนนั่นเองประดุจช่วยพี่ท่านในคราวต้องคมทวน”

ครั้นพระราชเทวีสดับลำดับเหตุการณ์แต่เบื้องเทวาลัยร้างกระจ่างแจ้งดั่งนั้น พระหทัยกล้าแข็งก็มีอันพังทลายลงต่อหน้าต่อตา พระอัสสุชลหลั่งลงอาบพระปรางสีซีดซ้ำอีก
 
“แลคนสืบข่าวผู้ทูลพระมารดาเห็นจักมิได้แจกแจงโดยละเอียด หากมิได้อำนาจเพชรมณีเยียวยาบาดแผลนั้นอีกต่อหนึ่ง พระอุปราชพี่ท่านเห็นจะมิพ้นอันตรายเป็นแน่ ความโดยแท้จริงเป็นมาดั่งนี้ คำผลักไสจากพระมารดาให้ภัทรพจน์ยอดชีวาของกระหม่อมหนีละจากไปจึ่งเป็นเหมือนดาบสองคม คือ หนึ่งทำลายหัวใจมาตะ สองทำลายอาณาจักรของชาวเราโดยสิ้นเป็นแน่แท้”

พระราชเทวีทรุดพระองค์ลงนั่งบนพระยี่ภู่ มาตะคลานเข่ากราบขมากอดพระบาทไว้ให้คลายโศก

“กระหม่อมไม่อาจมีใจไว้รักใครผู้ใดได้อีกพระเจ้าค่ะ”

“ราชกุมาร”

“ภัทรพจน์คือคนที่กระหม่อมรักแลผูกพันล้ำลึกเกินจากพรากห่าง ฤา จักเป็นด้วยเมื่อปางก่อนเราต่างทำกุศลกรรมสาบานร่วมกันไว้ ชาตินี้มาตะจึ่งมิอาจปันใจไปรักใครได้อีกแล้วนอกกว่าคนผู้นี้ หากพระมารดามิเห็นชอบเช่นใจกระหม่อม มาตะก็จักขอยกยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานมาคืนแก่ใต้เบื้องพระบาท หาใช่อกตัญญู มิรู้สำนึกบุญบาปแต่ประการใด แต่จักขอแทนคุณแผ่นดินเป็นทหารเลวสู้มหาศึกในคราวนี้ไม่หลบหนี คำสั่งสอนใดๆจะมิเลือนหายจากใจกระหม่อมจวบกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต”

วิสัยพระอัครราชเทวีแต่เดิมเปี่ยมด้วยน้ำพระทัยเมตตายุติธรรมเป็นหลักนำปกครองราชสำนักฝ่ายในเป็นที่สรรเสริญ ครั้นประสบเหตุไม่คาดคิดอุปนิสัยอ่อนโยนถูกความกล้าเข้าครอบครองชั่วขณะ จึ่งหลงลืมว่าโดยเนื้อแท้นั้นพระนางหาเคยปฏิเสธราชบุตรทั้งสองได้ ยามทำผิดก็ได้แต่มอบให้นางโขลนเป็นผู้ลงมือแต่เบาๆให้หลาบจำ ฤา คราวลักลอบออกจากวังหลวงในยามวิกาลผิดกฎมนเทียรบาลก็ทรงให้กักตัวไว้ในห้องพระบรรทมเพียงครึ่งวันก็พระทัยอ่อน มิอาจทนเสียงวอนแว่วมาจากราชบุตรทั้งสอง ซ้ำคราวนี้ต้องสายตาแลน้ำคำซื่อสุจริตของมาตะราชกุมารรองทบทวีอีก หทัยกล้าแข็งก็ทลายลง โน้มองค์ผวากอดราชบุตรบุญธรรมลูบผมลูบหลังพัลวัน

“คำว่าจักละทิ้งแม่ไว้เหลือแต่อุปราชพี่เจ้านั้นจงอย่ากล่าวเป็นคำเสียดแทงใจอีก เราจักครองตัวเป็นคนได้เยี่ยงไรหากบุตรที่ตัวรักต้องมีอันผละหนี ถึงแม้มิได้ให้กำเนิดแต่ก็ชุบเลี้ยงจนสนิทเสน่หาผูกพันฉันมารดา คำละยศถาจึ่งทำดวงตาเรามืดบอดอับจน มิอาจดำรงตนทนอยู่ได้เป็นแน่ หากมิอัดอั้นตันอกตายก็คงวอดวายด้วยน้ำตา”

พระราชเทวีก็กรรแสงซ้ำพร่ำตรัสรำพันความอาลัย มาตะราชบุตรบุญธรรมก็ขอพระราชทานอภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพสองแม่ลูกปลอบโยนกันแลกันกลั่นให้น้ำตาของมาลีหยดเป็นสาย เจ้าภัทรพจน์ยกยิ้มบางเบา ผิดต่างจากกฤษณา นางขึงตาจ้องพิจารณา มินึกว่าเหตุการณ์กลับกลายเป็นดั่งนี้ ก่อนหน้าเสมือนตัวเป็นต่อมีพระราชเทวีอยู่เคียงข้าง จนอาจยกฐานะเทียบพระราชชายาครองคู่มาตะ ประเดี๋ยวหนึ่งเหมือนถูกผละละทิ้งไว้ในความฝันลมๆแล้งๆ เมื่อความจริงอันพระราชเทวีตรัสกับมาตะแจ้งชัดว่า ทรงเห็นดีเห็นงามยินยอมน้อมรับในตัวเจ้าภัทรพจน์ นางตวัดสายตามองมหาบุรุษ

พจน์เบนสายตาจากภาพความยินดี แล้วจึ่งเห็นดวงตาของกฤษณาแฝงถ้อยคำทวงสัญญา เด็กหนุ่มยกยิ้มให้เด็กสาว พยักหน้ายืนยันความตั้งใจเดิมกลับไปให้ หญิงผู้นั้นจึงทอนเพลิงแค้นร้อนแรง ก้มหน้ามองพื้นสืบต่อไป


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป



_________________________________

ทรลักษณ์ : ลักษณะที่ไม่ดี
เวศยา : หญิงผู้หาเงินในทางร่วมประเวณี, ผู้มักมากในกามคุณ
ความเสมอกัน ๔ ด้านของการเลือกคู่ ได้แก่ ศรัทธา ศีล จาคะ  และปัญญา

_________________________________

ช่วงพูดคุยตอบคำถาม

เนื่องจากแจ้งไว้ในแฟนเพจว่า ผู้เขียนป่วยอาจจะลงนิยายตอนถัดไปล่าช้า แต่ด้วยเพราะกำลังใจจากผู้อ่านรวมถึงยาจากหมอจึงช่วยเยียวยารักษาอาการกลับคืนเกือบเป็นปรกติ อีกทั้งพะวงว่า ผู้อ่านจะรอคอยนิยายตอนถัดไปล่าช้าเกินกว่าสมควรเป็นการสร้างกรรมให้ทุกข์ ฮ่าๆ เช่นนั้น ผู้เขียนจึ่งเร่งตรวจทานในขั้นตอนสุดท้าย จึงแล้วเสร็จรวดเร็วกว่าที่คิดไว้ ดังนั้นถ้าหากมีคำแนะนำติชมใดๆ กรุณาเม้นต์ตอบเป็นกำลังใจด้วยนะครับ

คราบผม  จะทำเป็นหนังสือไหมเอ่ย  ต้องการนะ  อยากเก็บไว้นะ เพราะเป็นแนวที่ชอบและหาอ่านยากแล้วทุกวันนี้  ส่วนเนื้อเรื่อง ตอนนี้ยังไม่กล้าไว้ใจใครเลย มันกลัวไปหมด  กลัวเจอเซอร์ไพส์อะดิ  ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ยังรักฝังใจมาตะไม่เปลี่ยนจนนารีพิฆาตยังคงตนอยู่  ยิ่งใกล้จะจบยิ่วกลัวอ่ะ  กลัวไม่หวัง  รอต่อไปครับ
สำหรับเรื่องรวมเล่มเป็นหนังสือ คือ ผมเคยแจ้งไว้ว่า เคยมีสำนักพิมพ์หนึ่งติดต่อมาทาบทามจะตีพิมพ์มาหลายเดือนแล้ว น่าจะราวๆ เดือนมิถุนายน ซึ่งตอนนั้นเรื่องราวในนิยายเพิ่งได้ครึ่งทาง จึงรู้สึกยินดีและบอกข้อจำกัด โครงเรื่อง และข้อดีข้อเสียของนิยายเรื่องนี้ไปว่า อาจไม่ได้รับการตอบรับจากนักอ่านที่ชอบแนวใสๆ วัยรุ่นๆ เท่าไหร่ แต่สำนักพิมพ์ก็ยังยืนยันว่า ยินดีจะร่วมงาน แต่ ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆกลับมา ผมจึงคิดเดาว่า ทาง สนพ.อาจไม่สนใจแล้ว หรือ อาจรอให้นิยายจบก่อนจึงติดต่อมาอีกครั้ง ดังนั้น เอาไว้รอผมเขียนจบแล้ว ถ้ามีความคืบหน้าใดๆจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ ส่วนเรื่องราวก็งวดเข้มข้นใกล้จบเข้ามาทุกที ถ้าผมทำให้คุณกลัวจนไม่กล้าคาดเดาเนื้อเรื่องใดๆ ผมก็กลัวยิ่งกว่าคุณอีกว่า อาจจะคลายปมที่สร้างไว้ไม่หมด แต่จะพยายามไม่ให้ตกหล่นเด็ดขาด ฝ่ายกฤษณาเป็นตัวละครที่สามารถเห็นได้ในละครหลังข่าวที่เมื่อรักแล้วก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รักมาครอบครอง แต่ผมสร้างเหตุผลมารองรับให้เด่นชัด เพราะจริงๆแล้ว ไม่มีใครดีหรือเลว ในคนๆเดียว ถึงได้มีฉากวอนขอความรักจากพจน์ สะท้อนเบื้องลึกจิตใจที่อ่อนไหวภายใต้ความชิงชัง เมื่ออับจนปัญญาจะนำรักกลับคืน รอติดตามต่อไปนะครับ ใกล้จะจบแล้ว

สงสารพจน์มาก คืออยากให้สมหวังในความรักมากเลยนะ แต่ดูมีอุปสรรคมาขวางไว้ตลอดเลย พอกำลังจะสุขก็มีเรื่องวุ่นๆเข้ามาตลอด  กฤษณาก็นะ...เข้าใจว่าเพราะรักเลยทำได้ทุกอย่าง หวังว่าในซักวันเธอจะปล่อยวางทุกอย่างได้ซะที
ผมก็คิดเหมือนคุณครับ ว่าสักวัน กฤษณาคงปล่อยวางทุกอย่างได้เสียที เอาใจช่วยนางด้วย รวมถึงพจน์และมาตะ อุปสรรคมักพิสูจน์รักแท้ ครับ

กฤษณานี่ยังไง มาตีหน้าเศร้าขอความรักจากคนอื่น ไม่ละอายบ้างเหรอ นายอย่าไปยอมนะพจน์ กลัวใจนายจริงๆ
ถ้าผมเขียนให้คุณเกลียดกฤษณาได้ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ รอติดตามนะๆ

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

รออยู่นะคะ
ตอนใหม่มาแล้วครับ เม้นเยอะๆ ติเยอะๆ ชมกันเยอะๆนะครับ อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 09:08:04 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ Minzero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

อ่านตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันคืออยากบอกมากว่า เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราอ่านแล้วเราชอบนะ คือปกติอ่านจำพวกกลอนบางเรื่องแล้วงง แต่เรื่องนี้เราไม่งง(?)555 ยิ่งอ่านยิ่งติด ยิ่งอ่านยิ่งชอบ อีกทั้งฉากจึกๆ :hao7: ก็ชวนฟินจิกหมอน ยิ่งฉากเขาหยอกกันอิชั้นก็แทบเอาหัวโขกกำแพงห้อง :z3: บอกได้คำเดียว ฟิน!!!!!

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
คราบผม  จะรอฟังข่าวนะครับ  ฉากนี้เป็นฉากเสถือนใจที่สุดในเรื่องนะเท่าที่อ่านมา  ถ้าคิดในแง่ลบๆ  ซึ้งผมก็คิดอยู่  ว่าพจน์ยังไงก็เป็นตัวซวย มันก็มีคนมายืนหยันจริงๆซะด้วย แถมดีที่พจน์ไม่คิดกับคำพูดพวกนั้นแล้ว  แล้วอีกอย่างพจน์ไปรับปากอะไรผู้หญิงคนนั้นไว้นะ  มันจะเป็นการสร้างกรรมต่อกันเพิ่มรึเปล่า  แล้วส่วนอุปราชอีกล่ะ  ทำให้พจน์การเป็นคนเวศยาอีก  เอาเข้าไป  ถ้าพจน์ไม่ได้ครอบครองเพชรนั้นนี้คงไม่ดีมีอะ แต่ก็ชั่งมัน ผมก็ตั้งตารอตอนจบอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นแบบไหน  เพราะคิดไว้หลายแบบอยู่  ก็ค่อยลุ้นว่าจะเป็นจบแบบไหน  ใครจะเป็นใครจะตาย  ใครจะมีจุดจบ  จะมีความสุข  หรือจะทิ้งความเจ็บปวด  หรือทิ้งความคาใจไว้ให้  สู้ๆคราบ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
หายป่วยเร็วๆนะครับผม

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
อ่านตั้งแต่ต้นจนถึงตอนปัจจุบัน ยอมรับว่าไม่ค่อยได้อ่านนิยายภาษาแบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่สนุกมาก
พจน์ดูเหมือนคนโลเล หลายรักจริงๆ เหมือนแยกไม่ออกระหว่าง ความรักฉันเพื่อน หรือว่า รักแบบคู่รัก เหมือนชะตากรรมจากอดีตผูกพจน์กับมาตะไว้ด้วยกันทั้งๆที่พจน์ก็ไม่รู้ว่า รักหรือไม่รัก..... ไม่รู้ว่าตัวเองมีใจให้ใครกันแน่...

ออฟไลน์ Delta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สู้ๆนะคะ หายป่วยไวๆ  :pig4: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๔๐



จากลาลาลิ่วล้ำลอยจาก
   


ตำหนักนิวาสสถานของมาตะในเขตพระราชฐานฝ่ายในแห่งราชสำนักนพรัตนบุรีโอ่โถงปิดทองเรืองรองอร่าม ผิดต่างจากเรือนพักหัวหน้ามหาดเล็กฝ่ายองครักษ์วังหน้า หรือหมู่เรือนบิดามารดรเดิมแต่กำเนิด ทั้งเครื่องใช้พัดโบกล้วนประดิษฐ์จากสุวรรณทองแท้ ยากจะหยุดพิจารณาความมั่งคั่งแห่งราชอาณาจักรสมนามนี้ไม่ได้

“หากน้องท่านประสงค์ชื่นชมให้สมปอง ขอจงออกปากให้แน่ถนัดเถิดหนาว่ายินยอมเสกสมรสกับมาตะ แลสิ่งของเครื่องใช้พรั่งพร้อมด้วยลวดลายวิจิตรปิดทอง จักเป็นสิ่งเชื้อเชิญให้น้องท่านเพลิดเพลินนับแต่ลืมตาตื่นจวบกระทั่งล้มตัวนอน” เจ้ามาตะขับทั้งหมอหลวงนางกำนัลรับใช้ แม้กระทั่งสหายคือ โกสินทร์แลเวฬุให้ออกไปก่อน อ้างว่าปวดเศียรจำต้องพักผ่อน ครั้นอยู่สองต่อสองจริงกลับเจรจาจ้อไม่หยุด ประดุจห้วงเวลาดวงวิญญาณพลัดหลุดจากร่างสะกดปากไว้จนสุดกลั้นดั่งนั้น ภัทรพจน์ก็ยกยิ้มในท่าทีธรรมดา

“กระไรเจ้าจึ่งมีอาการแย้มสรวลขันข้ากระนี้เล่า ยอดรักของมาตะ ฤา เห็นคำข้ามิสมจริงจึ่งหวัวเห็นเป็นเรื่องสนุกพรรณนาแล้วแต่ลมปากจักพาไป ก็น้องท่านแลข้า แม้นกระทั่งมาลีผู้พี่ล้วนสดับยินโดยถ้วนทั่วฝ่ายในว่า พระราชเทวีมารดาผู้ทรงชุบเลี้ยงออกโอษฐ์เป็นสัญญามั่นเหมาะ หากน้องท่านจำเพาะร่วมวงศ์ไพบูลย์แล้วไซร้ก็จักมิขัดขวาง ฉะนี้มาตะกรุยทางด้วยปากฝากตัวสู่พระมารดาโดยชอบแล้ว น้องท่านยังแลเห็นอุปสรรคใดกีดขวางอยู่อีกหรือ คำว่า ยอม อภิเษกด้วยมาตะจึ่งมิเอื้อนเอ่ยให้ชื่นอุราเล่าเจ้า”

“ที่เราขำไม่ใช่ไม่เชื่อคำพูดนาย แต่มานึกได้ว่า ช่วงนายต้องพลังมนตราสังหาร คำหนึ่งก็ไม่ได้กล่าวลาฝากกันไว้ คงสิ้นวาสนาต่อกันแน่แล้วจึงทำใจ แต่พอมาได้ยินเสียงนายอีกครั้งไม่คาดคิดก็อดพิจารณาถี่ถ้วนไม่ได้ จริงๆแล้วนายเป็นคนช่างพูด ช่างเจรจาน้ำไหลไฟดับพอตัวอยู่เหมือนกัน” หลอกด่าเสร็จรีบหัวเราะกลบเกลื่อน  มาตะพิจารณาคำคนรัก หัวคิ้วขมวดชน

“กระไรคือความหมายของน้ำไหลไฟดับ ฤา เจ้า”

“คนพูดมากไงเล่า ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ย” เฉลยเสร็จโจนกระเถิบถอยห่างเจ้าคนล่ำสัน มาตะรวบรัดขว้าเอวไว้ได้ทัน แล้วยกยิ้มพึงใจว่า

“ชีวิตข้าเหมือนหนึ่งอยู่ในกำมือท่านแล้ว ภัทรพจน์เอย ทั้งเป็นคนรัก ทั้งเป็นเจ้าชีวิตมาตะหาใดเปรียบ หากมิได้น้องท่านนำอนันตวัชรมรกตมาเพรียกวิญญาณกลับคืน มาตะคงมิได้เห็นสิริโฉมงดงามประจำหน้านี้อีก” ว่าพลางจุมพิตซับหลังมือพลางวนซ้ำจนสิ้นคะนึงหา พิจารณาสร้อยทองคล้องมณีมรกตอยู่รอบคอพจน์ อดใจลวนลามฉกกลิ่นหอมรอบผิวเนื้อมิได้ก็จรดปากร้อนประทับรอยไว้

“นายจะทำอะไร ขยับออกก่อน ฟื้นคืนกำลังกายดีแล้วหรือไง ไอ้คนหื่น” ผลักอกนูนแล้วแสร้งตัดพ้อหน้าขึงขัง

“พละเรี่ยวแรงนั้นนับว่าถดถอยจริงดังคำน้องท่านท้วง แต่อย่าห่วงว่ากำลังอันเกี่ยวกับการชิดชมน้องท่านจักลดทอน มีแต่จะยิ่งพอกพูนทุกขณะจิตยามใกล้ชิดภัทรพจน์ท่าน เพียงสูดกลิ่นหอมประจำกายกระนี้ยังชื่นฤดีถึงขนาด มาตรว่าน้องท่านยอมให้มาตะโอบวาดแขนแนบเนื้อ ไหนเลยจะมิคืนกำลังเสมอปรกติเล่า ก็แหละการฟื้นคืนกำลังมีหนทางลำดับดังข้าว่ามากระนี้ น้องท่านมีน้ำใจอันประเสริฐอยู่กลางใจจะมิยอมให้มาตะได้คืนกำลังดอกหรือ”

เจ้าภัทระก็ยกยิ้มรู้ทันแต่ทำเป็นหูทวนลมเกริ่นกล่าวชักเรื่องอื่นขัดกลางลำว่า

“เมื่อกี้นี้ก่อนมาถึงห้องนาย เราแวะเยือนหามารุต เห็นอาการมิได้ทรุดแต่อ่อนแรงจึงสลบหลับใหล แต่ดวงตาต้องพิษนาคาแม้นหมอหลวงก็ไม่อาจสรรหาวิธีรักษา เป็นเวรกรรมหรืออย่างไร ทำไมถึงต้องเกิดกับเจ้าพราหมณ์ผู้ติดตามนำอนันตวัชรมรกตเพื่อช่วยเรียกวิญญาณนายกลับมา แท้จริงผู้ที่มีคุณต่อนายไม่ใช่เราหรอก แต่เป็นมารุตพราหมณ์ต่างหาก”

มาตะสดับเห็นน้ำคำแลหม่นหมองก็ประชิดตัวปลอบประโลมตามวิสัย พลางว่า

“คุณอันประเสริฐของพราหมณ์น้อยผู้นั้นไหนเลยมาตะจักมิคิดคะนึงถึง ทั้งเสี่ยงภัยเสี่ยงชีวิตอาสาเพื่อคุ้มครองน้องท่านแลร่วมนำอนันตวัชรมรกตชุบชีพมาตะกลับได้ดั่งนี้ ตราบชีวิตข้าจนสิ้นลมหายใจจักไม่มีวันลืม ขอให้สัตย์สาบานด้วยศักดิ์ศรีชาติบุรุษว่า ไอ้มาตะคนซื่อจักขอชุบเลี้ยงดูแลสารทุกข์สุกดิบของมารุตเจ้าพราหมณ์ประหนึ่งบุตรดูแลบิดามารดร มิให้ได้ยากลำบากกายเป็นเด็ดขาด คำสัตย์สาบานนี้ยังจักทอนความทุกข์ในอกน้องท่านลงสักมากน้อยประการใดจงแจ้งเถิด ก็แหละมาตะเป็นคนที่มิเคยลืมคุณคนเฉกนี้แล้ว ความเป็นอยู่ของเจ้าพราหมณ์แม้นดวงตามืดบอดก็จะมิลำบากเสมือนมีดวงตาครบสมบูรณ์แน่แท้ ข้าให้สัจจะวาจา”

พจน์พยักหน้าเห็นชอบ ไม่มีวิธีไหนจะตอบแทนมารุตได้นอกจากคำมั่นของมาตะอีกก็คลายห่วง แต่ยังมีบ่วงพะวงใจอยู่หลายสิ่งจึงเลือกปลดความทั้งนั้นเปลื้องสู่เจ้ามาตะสืบต่อว่า

“แต่อุปราช...”

“อุปราชพระเชษฐาธิราชบัดนี้อาการฟื้นตามลำดับส่วน จงคลายห่วงเถิด ข้าสืบธุระจากคณะหมอหลวงคะเนว่าคงคืนพระสติกำลังในมิช้า ข้อขัดข้องหมองใจระหว่างสุริยะพี่ท่านแลยอดรักของมาตะจงมลายลงเถิดหนา ทั้งพระองค์มีคุณรับคมทวนแทนข้าในครานั้นเป็นสัจธรรมประจำฐานะพี่ น้ำใจอันประเสริฐแฝงอยู่ใต้พระพักตร์บึ้งตึงโกรธา น้องท่านคงเห็นแจ้งแต่โดยดีแล้วว่า องค์ยุพราชทรงครองทศพิธราชธรรมสมฐานะ ควรที่เราสองจักภักดีโดยสิ้นความกินแหนงแคลงใจใดๆ หากน้องท่านตกปากรับคำให้ชื่นใจได้ว่า จักละเพลิงขุ่นหมองในประพฤติวาจาสุริยะพี่ท่าน มาตะคงทุเลาทุกข์พ้นอกได้เสมอกัน”

“อืม เรารู้ว่าพี่นายคิดยังไง และน้ำใสใจจริงโดยเนื้อแท้คือพี่ที่มีความเสียสละแค่ไหน ต่อแต่นี้จะไม่คิดเคืองแค้นใดๆอีก วางใจเถอะ มาตะ” เจ้าหนุ่มพจน์ให้คำสัญญา

“ฉะนั้นเมื่อน้องท่านสิ้นห่วงแล้วจงทอดกายลุกนั่งให้ปรกติสุข นับแต่รูปการณ์ถูกบุหลันนายกองขโมยจุมพิต” พอได้ยินมาตะเท้าความพัวพันถึงคู่แข่ง คือนายกองมีชื่อซ้ำก็เหล่มองคนรูปงาม “กรุณาอย่าพิพากษาลงทัณฑ์ข้าเถิดเจ้า เหตุเพราะจำต้องลำดับความนับแต่เป็นต้นสายปลายมูลจนมาตะมิเคยคุ้นสุขสงบใจอีกขึ้นมาเล่าทวน ก็เพื่อให้น้องท่านนึกหวนได้ว่า ทุกข์จากการเห็นความเมินเฉยถูกปฏิบัติสู่มาตะนับแต่การนั้นเป็นความเจ็บยิ่งกว่าต้องมนตราสังหารเสียซ้ำ คือ ใคร่ใกล้ชิดมิอาจชม ใคร่เสพสมมิอาจสมปอง ใคร่ประคองถูกผลักไส ใคร่ปลอบใจมิอาจไขว่คว้า ใคร่แนบกายาถูกสายตาแค้น ใคร่หวงแหนก็คิดได้ว่าคือความผิดตน จนไม่อาจครองเป็นคนได้ หากมองในมุมแต่ในทางดีแล้วเหตุการณ์ ณ เทวาลัยร้างเสมือนหนึ่งมีคุณต่อมาตะอย่างสูงยิ่ง”

“อยากตายมากสินะ ถึงคิดว่าการต้องมนตราสังหารคือประโยชน์”

“หาได้ไม่ ก็แหละหากข้ามิต้องพลังอิทธิฤทธิ์มนตร์ดำเข้าทำร้าย มีหรือเกราะความโกรธประจำตัวน้องท่านจักทลายลง เหตุมาตะยกบูชาคราวเสี่ยงตายประหนึ่งมีคุณูปการเป็นไปด้วยประการฉะนี้ดอก”

“เราไม่เคยโกรธนายได้สำเร็จเลย มาตะ” เจ้าภัทระพร่ำฟ้องความในใจ “แม้นจะโกรธแสนโกรธที่นายยืนเฉยให้บุหลันจูบ หรือท่าทีดึงรั้งไว้เหมือนเป็นห่วงเป็นใยนั้นโกรธจริงแล้ว ทว่าสร้างโทสะมากขึ้นในตัวเท่าใดแต่ยามเห็นสีหน้าอมทุกข์ของนายเสี้ยวหนึ่ง ความมุมานะก็มีอันพังทลายสิ้น เราไม่เคยโกรธนาย แม้จิตสำนึกจะโกรธเท่าใดก็ตาม เพราะอย่างนั้นตอนที่นายต้องมนตราทศมาร ถึงรู้ว่าสิ่งใดควรตัดสินใจทำก็จงทำก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป คำอภัยที่นายสมควรได้รับมาเนิ่นนานจึงจุกอกแน่นจนเราหายใจไม่ออก เมื่อคิดได้ว่านายจากไปโดยไม่ได้ยินคำนั้น ก็เหมือนตัวตายตามไปด้วย แล้วนายยังมาพูดว่าเหตุการณ์เสี่ยงชีวิตเป็นประโยชน์แก่ตัวอีก เราถึงโกรธแบบนี้ไงเล่า ไอ้คนพูดมาก”

พจน์สะบัดตัวลุกหนีไปยังช่องพระแกล แสงอาทิตย์อาบไล้ปราสาทราชมนเทียรแลสรรพชีวิตเจิดกระจ่าง เขียวขจีดูสงบต้องลมเย็นสบาย กายพจน์ก็ผ่อนคลายจากโทสะ แรงพระพายล้างอารมณ์ร้อนให้แห้งเหือด ไม่น่าเชื่อว่ามหาพิภพนี้จะดำรงอยู่ใต้ท้องมหาสมุทรแปซิฟิก ทุกสิ่งอย่างเสมือนจริงดุจพิภพคู่ขนาน อำนาจที่ยิ่งกว่าคงบันดาลเช่นเดียวกับวันวานก่อนล่มจมสู่พื้นโลก

มาตะหน้าสลดโอบลำแขนคล้องเอวพจน์ไว้พอหลวม เกยคางเหนือบ่าคาดผ้าคล้องไหล่ น้ำเสียงละห้อยหาว่า

“น้องท่านพูดชอบแล้ว มาตะยอมรับผิดทุกข้อกระทง จงอย่าหันเบือนหน้าหนีเถิดหนาเจ้า ความจริงในใจน้องท่านเป็นเช่นไร บัดนี้ไอ้มาตะผู้โง่งมแจ้งโดยสิ้น แลจักมิรื้อค้นความใดมาขัดข้อมุ่งมั่นของน้องท่านอีก จริงแล้วที่ว่า คนผู้รักกันควรไว้เนื้อแลเชื่อใจซึ่งกันแลกันอันคนพร่ำลือคือความเที่ยงแท้โดยสิ้น ไม่เคยประจักษ์ในรักก็ได้รับรู้เห็นในวันนี้สมคำทั้งนั้น คำว่าน้องท่านไม่เคยเคืองโกรธมาตะได้เต็มขนาดจึ่งเป็นหลักฐานยันคำสัตย์จริงยิ่งกว่าสิ่งใด ใจมาตะจึ่งพองโตคับอกเหลือจักกล่าว ขอใช้ภาษากายร้อนผ่าวถ่ายทอดคำอภัยสู่น้องท่านเถิดหนา” ว่าพลางก็แนบตัวชิดพลางดั่งคำ

พจน์เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจความนัยอกถ่องแท้ก็มิได้ขัดขืน เหตุการณ์ทุกอย่างล้วนพิสูจน์ข้อกังขา คือ เขารักมาตะแน่แท้โดยไม่เกี่ยวข้องกับความผูกพันใดๆในอดีตชาติ นี่สินะ คือความรู้สึกที่ใครหลายคนอยากพบเจอ ผละสายตาพึงพิศมาตะให้ชัดถนัด

ไม่เคยนึกว่าเขาเองจะรักคนคนนี้ได้ ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน
 
ไม่เคยนึกว่าอำนาจลึกลับจะเลือกฝังสถิตอยู่ในกายจนนำพาข้ามพิภพ
 
ไม่เคยนึกว่าจะผ่านความทุกข์โศกทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาจวบกระทั่งบัดนี้

ไม่เคยนึกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้อยู่ไกลแสนไกลที่พจน์เคยฝันหา

ทุกสิ่งอย่างกลายเป็นจริงและยากจะปฏิเสธ ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นนับแต่อดีตชาติทุกภพ คือ รัก ไม่ใช่ใดอื่นที่นำพาพวกเขาทั้งสองมาเจอกัน ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกอย่าง อุปสรรคขวากหนามใดๆคือเครื่องพิสูจน์ความเที่ยงแท้ พจน์เข้าใจแล้วว่าทำไมวินาทีที่ตนสงสัยว่า บนโลกนี้จะยังมีคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนบ้างหรือเปล่า อำนาจเพชรมณีจึงมาพจน์ข้ามพิภพมาหามาตะ

เจ้าภัทระยอบตัวลงนั่งบนตั่งทองแล้วท่องคำกลอนโต้ตอบกับมาตะว่า


มีต่อด้านล่าง

______________________________

พระแกล : หน้าต่างตำหนัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2018 15:51:18 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ

เมื่อสิ้นคำต่อกลอน เจ้าภัทรพจน์ยินยอมผ่อนกายให้มาตะตักตวงกลิ่นรสสุคนธ์หอมหวนลีลาวดี ลมหายใจร้อนเสียดสีผิวพจน์ครั้งใดก็รุ่มร้อนผิดต่างจากหนแรก ขยับแทรกลำตัวหนาเข้าแยกส่วนขาให้กว้างออก เจ้าตาสีสมันก็สำลักเป็นคำครวญตามจุดรัดเฟ้นปรนเปรอ มาตะเห็นยอดรักมิได้ปิดกลั้นฝืนอารมณ์ก็ชักชมตามราคะไฟ ทั้งยอดอกชมพูหวาน ทั้งกลีบปากเชี่ยวชาญระริกร้อน ทั้งเรียวขาขาวเว้าวอน ทั้งกล้ามท้องสะท้อนทรวง เจ้ามาตะจูบทะลวงไม่พ้นรอยปาก

“ข้าเคยกลัวจะมิได้เชยชมสมรักร่วมน้องท่านอีกแล้ว เพียงคิดก็ทรมานห้วงหทัยเหลือจะกล่าว แต่ครั้นคราวบัดนี้เหมือนหนึ่งต้นกล้าได้หยาดฝนพร่างพรมชุ่มชื่นเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เช่นใจมาตะอย่างเดียวกัน หากมิเกินกำลังแล้วน้องท่านวานเมตตาหลั่งน้ำฝนเป็นคุณต่อชีวิตมาตะด้วยเถิด” กระซิบกระเส่าเว้าวอนหน้าร้อนทรมาน

“เรายอมทอดกายจนนายโถมทับตัวจากเบื้องบนขนาดนี้ยังมีแก่ใจมาขออีกงั้นหรือ ถ้าปฏิเสธห้ามปรามจะหยุดจริงหรือเปล่าล่ะ” พจน์พยายามครองสติโต้คำ เจ้ามาตะก็หัวเราะขันขำคนรักแล้วว่า

“มาตะเป็นคนซื่อคนตรง คราวจักทำล่วงเกินใครทั้งทางโลก ฤา กามารมณ์มีสักครั้งหรือไม่ที่จักไม่ขออนุญาตเจ้าตัวก่อน ก็ตามมรรยาทแล้วควรสมยอมด้วยกันทั้งสองฝ่ายกระนี้ เมื่อน้องท่านซักมาตะจึ่งอดหวัวมิได้”

“เดี๋ยวนะ คราวล่วงเกินใคร แปลว่านายก็คงประพฤติแบบนี้มาก่อนจนชินเป็นนิสัยแล้วล่ะสิ” ตะขิดตะขวงใจในสาระคำเร่งทักท้วง ยื้อยักปัดมือสาละวนปลดผ้าพันกายผืนล่างออก ขึงตาจ้องยับยั้ง

“ฮ่าๆ คำมาตะหมายรวมทั้งวาจาหรือการกระทำต่อเพื่อนตายสหายรักผู้หลักผู้ใหญ่ในทางราชการดอก หาเกี่ยวโยงในทางโลกีย์ไม่ ก็แหละในทางกามานั้นมาตะสงวนไว้ละเมิดแต่น้องท่านเพียงผู้เดียวหาเคยปฏิบัติดังข้อครหา แจ้งแล้วน้องท่านวานตอบเถิดว่าจะอนุญาตเช่นคำวอน ฤา ไม่เล่า”

“ถ้าตอบ ไม่”

“มาตะก็จักขอทอดตัวโน้มทับท่านอยู่อย่างนี้จนกว่าน้องท่านจักยินยอม”

“เห็นไหมล่ะ นายก็ดื้อตื้อเอาจนได้นั่นแหละ แล้วจะขอทำไม” ด่าพลางหันเสหลบสายตาเจ้าชู้ประตูดิน

“ภัทรพจน์เอย ห้วงเพลาเราอยู่สองต่อสองนั้นยากยิ่งกว่ายื้อห้ามราชรถพระอาทิตย์ดั่งนี้แล้ว หากมิเกรงข้าต้องทรมานดับดิ้นแล้วก็จงอายแสงพระอาทิตย์เถิด ประเดี๋ยวชักช้ายื้อยักอยู่กระนี้บังเกิดท่านเฉลียวใจลอบเห็นเราสองมิต้องมีอันเขินขวยกระนั้นหรือ วานมือน้องท่านปลดอาภรณ์มาตะแต่โดยพลันเถิดหนา ท่านสุริยาจักมิได้เฉลียวเห็นการทั้งปวงของสองเรา”

พอเจ้ามาตะท้วงปนเร่งร้อนกระนั้นพจน์ก็อดขวยใจมิได้ ทั้งเป็นกลางวันแสกๆ แต่หนึ่งหนุ่มหนึ่งชายต่างโอ้โลมไม่อายแสงพระอาทิตย์ คิดแล้วจึงออกแรงดันอกแน่นให้คืนถอย แต่ฉุกคิดได้ว่าจักเสียการเป็นพิรุธตามตนตั้งใจวางแผนก็ผ่อนพละลง แล้วว่า

“หากนายพูดขออนุญาตซ้ำอีกหน แม้แต่โคนต้นขาก็จะไม่มีวันได้เห็นอีก” พจน์ยื่นคำขาด เพียงมาตะได้ยินเท่านั้นเหมือนหนึ่งเป็นคำสัญญายินยอม พิถีพิถันจูบทะนุถนอม น้อมยกเจ้าภัทระมาวางบนพระแท่นบรรทม ยามผิวเปลือยสัมผัสพระยี่ภู่ลาดสีขาวอ่อนนุ่ม แต่ถูกกลุ้มรุมด้วยสัมผัสแผดเผา เรือนกายบิดเร่ายกสูงตามปากมาตะ เจ้าภัทระก็ครวญคำมิได้ยั้งเสียง หลงลืมว่าภายนอกห้องนั้นมีข้าทาสบริวารนั่งก้มหน้าแดงชิดพื้นด้วยใจระส่ำมิต่างกัน


พระราชบุตรบุญธรรมเอนกายซบแนบอกภัทรพจน์ หอบสะท้านดุจไฟสุม เรี่ยวแรงกำลังเพิ่งฟื้นจากถูกมนตราสังหารกระชากจิตก็มีอันเสื่อมฤทธิ์ลงในยามร่วมสังวาส มิใช่หนสองหนจึงมืดมนสุขสมเสมอเทียบเยียบสวรรค์ชั้นฟ้า ลอบยิ้มปรือตาเหลือบเห็นวงหน้าแดงปนหยาดเหงื่อระเรื่อสวย เสริมด้วยดวงตาสีสมันเย้ายวนชวนมองมิอาจฝืนกลั้นก็บุกบั่นปรนนิบัติตามแต่อารมณ์ตน มิสนว่าพลังหาได้คืนกลับเต็มเสมอปรกติ พลิกตะแคงฟุบแนบลงกับแขนมหาบุรุษ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอสู่ห้วงนิทรารมณ์

เจ้าภัทระพินิจมวงหน้าไร้เดียงสา คิ้วหนาเปลือกตาปิดสนิท พรมพร่างหยดน้ำกลั่นจากรูขุมขน ลมหายใจร้อนรนกระทบซอกคอเป็นห้วงผ่อนคลาย ริมฝีปากคลี่คลายประหนึ่งอมยิ้มอยู่ในที เส้นชีพจรลำคอมีเต้นกระชั้น มัดกล้ามแขนเกร็งแน่นสุขสมบูรณ์ เนื้อตัวขาวอกนูนเปลือยจรดปลายเท้า มีเพียงผ้าขาวเลื่อนปิดวับแวม สัดส่วนร่างกายอันชายทุกผู้ต่างปรารถนาเคยเป็น นอนเช่นเด็กน้อยยามเหน็ดเหนื่อยจากการละเล่น พจน์ซับหยดเหงื่อเหนือหน้าผากด้วยกลีบปาก คลี่ภูษาปิดบังส่วนล่างของมาตะมิดชิด มิให้ต้องทนหนาวยามสายลมพัดพาอากาศเย็นพาดผ่าน พยายามจดจำทุกสัดส่วนอันประกอบขึ้นเป็นบุคคลคนนี้ให้ขึ้นใจ นับแต่วันแรกพบจวบกระทั่งวินาทีนี้ ไม่มีสักวันที่พจน์ไม่เคยคิดถึงมาตะ หัวคิ้วขมวดเกร็งเริ่มผ่อนคลายคราวหลับสนิท เจ้ามาตะคงความรูปงาม ทั้งรูปกาย อุปนิสัยใจคอ ปรากฏเป็นที่ต้องตาต้องใจแก่สตรีแลบุรุษทุกผู้ ไม่แปลกทั้งกฤษณาหรือบุหลันจะก่อเกิดความรักขึ้นในใจ แม้กระทั่งพจน์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความดีในตัวมาตะเช่นกัน

มาตะเป็นผู้ที่มีแต่คนรักใคร่ฉะนี้ก็คลายกังวลได้ส่วนหนึ่ง มั่นใจว่าทั้งกฤษณาหรือบุหลัน คงดูแลมาตะได้ไม่มากก็น้อยแม้ไม่ได้ออกปากฝากคำไว้ ตรองถึงตรงนี้ก็เสียดแปลบในอกจนต้องรีบยกมือขึ้นกุม ยอดถันแดงระเรื่อเพราะริมฝีปากมาตะฝากไว้ด้วยรอยรักนั้นมิได้เจ็บแม้แต่น้อย แต่เป็นความคิดก่อขึ้นในใจต่างหาก แม้นเขาไม่เร่งอาศัยห้วงจังหวะหลับนอนทำการสมคิด คงไม่อาจดำรงคงแผนเดิม ขยับผ่อนลำแขนเคลื่อนหมอนเข้าแทนให้มาตะหนุนแผ่วเบาอย่างที่สุด
 
นับแต่สัมผัสรู้ความเป็นไปของโลกก่อเกิดในปัญญา ทำให้พจน์ค้นพบสัจธรรมอย่างหนึ่งที่แน่แท้ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ คือ มีพบต้องมีจาก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น หากรีบตัดไฟแต่ต้นลม ไม่สานสัมพันธ์ให้ผูกพันยาวนานเท่าใด ยามลาจาก...คงจะไม่เจ็บมากเท่านั้น

ทุกคนปรารถนาอยากพบเจอเนื้อคู่ของตัว และพจน์พบเจอแล้ว ได้ร่วมรัก ร่วมทุกข์ ร่วมสุข หนทางข้างหน้ามีแต่อันตรายรอคอยอยู่ หากวันนั้นมาถึง วันที่พจน์ต้องต่อกรกับจอมมาร เขาจะได้สิ้นห่วง สิ่งสำคัญมาตะจะปลอดภัยเมื่อไร้พจน์เคียงคู่ จอมมารจะไม่รู้ว่าพจน์ฝากใจไว้กับใคร ถึงมันจะทำลายกายพจน์ได้ แต่ใจพจน์จะคงอยู่กับมาตะชั่วนิรันดร์

เจ้าภัทระลุกยืนพันกายด้วยภูษาผืนเดิมพิจารณามาตะตั้งมั่น สรรพเสียงเงียบงันเคล้ากระดิ่งทองติดชายหลังคาขับกล่อม ไม่นึกว่าต้องลาจากกันอีกครั้งโดยไร้คำฝากลาแบบนี้ เคยคิดว่าการนำอนันตวัชรมรกตมาช่วยมาตะคือการลบล้างคำลาให้สูญสลาย แต่เปล่าเลย ถ้าไม่จากกันวันนี้ก็คงเป็นความตายที่พรากเราจากกันอีก สู้ตัดใจอำลาในยามที่รู้สึกดีๆต่อกันจะไม่ดีกว่าหรือ

‘พลังความรักส่งให้ท่านเข้มแข็งขึ้น แต่มาตะจักอ่อนแอลงตามลำดับ’

‘หากการดำรงอยู่ของเจ้าเป็นดั่งหอกข้างแคร่เฉกนี้ ก็จงไปเสีย แลอย่าได้หวนกลับมาอีก’

‘คืนให้ข้าเถิด ความรักเที่ยงแท้อันท่านประจักษ์นั้น โปรดคืนให้กฤษณา’


เมื่อคำถามถูกกระตุ้นด้วยคำวอนของกฤษณา ซ้ำพระดำรัสของพระราชเทวีหนุนเนื่องเติมรอยเดิม เสริมให้พจน์ตัดสินใจได้ในที่สุด เอื้อมปลดสร้อยทองคล้องอนันตวัชรมรกตและแหวนสุวรรณนาคราชวางคืนในกำมือมาตะ โน้มตัวก้มประทับจุมพิตเหนือหน้าผาก กระซิบฝากสัจจะคำกลอนข้างหูคู่ครองทุกชาติภพว่า

“จำจากลาลาลิ่วล้ำลอยจาก  ทางข้ามภพวิบากจงสลาย  ขอจดจำห้วงรักสมัครกาย”   ด้วยอิทธิฤทธิ์ความผูกพันแห่งรักของทั้งสองบุรุษ ฉุดให้สติมาตะเคลิ้มฝันพลันสะดุ้งลืมตา เพื่อจะได้เห็นยอดชีวาถูกอำนาจฤทธาเพชรมณี พาข้ามพิภพเป็นหนท้าย “ยามตัวตายรักเดียว‘มาตะ’วัน”

เมฆหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมรอบตัวพจน์ มาตะตกใจแทบสิ้นสติถลาตัวจะไขว่คว้าเจ้าภัทระไว้

“น้องท่าน”

“ขอโทษ...”
   
แต่เพียงสิ้นบทกลอน มหาบุรุษผู้ครอบครองวิเชียรมณี อีกทั้งครอบครองหัวใจมาตะจึงถูกผลักคืนสู่พิภพเดิม
 
รอบกายคือห้องนอน ณ เรือนไทยเทพวิมานอันเคยคุ้น แสงสีสุริยนฉายลอดบานหน้าต่างบอกเวลาสาย แต่หัวใจพจน์แหลกสลายไม่มีชิ้นดี ข่มฟันทรุดนั่งเหนือเตียงบรรจถรณ์ ศาสตราจารย์วิชัยถอดกลอนประตูพรวดเข้ามาเมื่อรับรู้การเคลื่อนไหวภายใน

“ตาพจน์”

“จะไม่มีอีกแล้วครับ คุณปู่” เด็กหนุ่มเผยความอัดอั้นตันใจ “นับจากนี้จะไม่มีการข้ามพิภพอีก ไม่มีอีกแล้ว”

“แกหมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้น”

“ผม...สละอำนาจนั้น และจะไม่มีวันหวนกลับไปอีก” ร้าวระทมกล้ำกลืนสุดฝืน

ศาสตราจารย์วิชัยบังเกิดความเวทนาในภาพที่เห็น เจ้าหลานชายกอดเข่าซุกหน้าแนบกับขา ตัวสั่นโยกไร้เสียงสะอื้นไร้หยดน้ำตา จนแม้แต่ชายชราผู้ได้ชื่อว่าเข้มแข็งประดุจหินผามิอาจทนมอง น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งนองอาบตามร่องแก้มเซ่นความเจ็บทรมานของหลายชายคนเดียว หลานชายผู้ครอบครองอำนาจ...และใจของเจ้าหนุ่มทั้งสองพิภพ


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
________________________________

ช่วงพูดคุยตอบคำถาม


อ่านตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันคืออยากบอกมากว่า เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราอ่านแล้วเราชอบนะ คือปกติอ่านจำพวกกลอนบางเรื่องแล้วงง แต่เรื่องนี้เราไม่งง(?)555 ยิ่งอ่านยิ่งติด ยิ่งอ่านยิ่งชอบ อีกทั้งฉากจึกๆ :hao7: ก็ชวนฟินจิกหมอน ยิ่งฉากเขาหยอกกันอิชั้นก็แทบเอาหัวโขกกำแพงห้อง :z3: บอกได้คำเดียว ฟิน!!!!!
ดีใจที่คุณชอบครับ สมัยเรียนพออ่านกลอนครั้งแรกก็งงเหมือนคุณนี่แหละครับ แต่อ่านไปอ่านมา เปิดพจนานุกรมหาคำศัพท์คำยากๆกลายเป็นเพลิดเพลินสนุกซะงั้น ฮ่าๆ เลยชอบมาแต่นั้น ถ้าคุณชอบฉากจึกๆดังว่า ตอนล่าสุดคงสนองความชอบของคุณได้ไม่มากก็น้อยนะ อิอิ อ่านเสร็จแล้วเป็นยังไงคอมเม้นต์บอกได้นะครับ ว่าจะฟินหรือเปล่า

คราบผม  จะรอฟังข่าวนะครับ  ฉากนี้เป็นฉากเสถือนใจที่สุดในเรื่องนะเท่าที่อ่านมา  ถ้าคิดในแง่ลบๆ  ซึ้งผมก็คิดอยู่  ว่าพจน์ยังไงก็เป็นตัวซวย มันก็มีคนมายืนหยันจริงๆซะด้วย แถมดีที่พจน์ไม่คิดกับคำพูดพวกนั้นแล้ว  แล้วอีกอย่างพจน์ไปรับปากอะไรผู้หญิงคนนั้นไว้นะ  มันจะเป็นการสร้างกรรมต่อกันเพิ่มรึเปล่า  แล้วส่วนอุปราชอีกล่ะ  ทำให้พจน์การเป็นคนเวศยาอีก  เอาเข้าไป  ถ้าพจน์ไม่ได้ครอบครองเพชรนั้นนี้คงไม่ดีมีอะ แต่ก็ชั่งมัน ผมก็ตั้งตารอตอนจบอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นแบบไหน  เพราะคิดไว้หลายแบบอยู่  ก็ค่อยลุ้นว่าจะเป็นจบแบบไหน  ใครจะเป็นใครจะตาย  ใครจะมีจุดจบ  จะมีความสุข  หรือจะทิ้งความเจ็บปวด  หรือทิ้งความคาใจไว้ให้  สู้ๆคราบ
ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกเป็นความผูกพันที่เราทุกคนต่างเคยสัมผัสกันมาแทบจะทุกคนก็ว่าได้ ยามท่านดุด่าสั่งสอน หรือเมตตาเอ็นดู เงินทุกบาท ข้าวทุกจาน ล้วนผ่านมือผู้มีคุณหาใดเปรียบคือพ่อแม่มาทั้งสิ้น ไม่แปลกถ้าคุณจะรู้สึกสะเทือนใจสำหรับตอนที่ผ่านมา หัวอกพระราชเทวีคือหัวอกแม่ที่เผื่อแผ่เมตตาลูก เฝ้าถนอมกล่อมเลี้ยงเพื่อหวังให้ลูกได้พบสิ่งดีงาม แต่ครั้นมาเกิดเหตุอันตรายดังนั้นวิสัยแม่จึงบังเกิดเป็นฉากสะเทือนอารมณ์ต่อทุกฝ่าย ไม่สามารถรับปากได้ว่าเมื่อจุดจบมาถึง จะมีใครตายอีกหรือเปล่า หรือว่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งไหม รอพบฉากสุดท้ายได้เร็วๆนี้ครับ สำหรับความปรารถนาดีเรื่องอาการป่วยนั้นขอบคุณมากๆครับ

อ่านตั้งแต่ต้นจนถึงตอนปัจจุบัน ยอมรับว่าไม่ค่อยได้อ่านนิยายภาษาแบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่สนุกมาก
พจน์ดูเหมือนคนโลเล หลายรักจริงๆ เหมือนแยกไม่ออกระหว่าง ความรักฉันเพื่อน หรือว่า รักแบบคู่รัก เหมือนชะตากรรมจากอดีตผูกพจน์กับมาตะไว้ด้วยกันทั้งๆที่พจน์ก็ไม่รู้ว่า รักหรือไม่รัก..... ไม่รู้ว่าตัวเองมีใจให้ใครกันแน่...
ดีใจที่คุณชอบครับนิยายเรื่องนี้ครับ ที่บอกว่าพจน์เหมือนเป็นคนโลเล แยกไม่ออกระหว่างรักแบบเพื่อน หรือคู่รัก ไม่รู้แม้กระทั่งรักหรือไม่รักนั้น ถือว่าเป็นความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งที่สะท้อนมาจากผู้อ่าน ถ้าผมบังเอิญเขียนไปให้คุณรู้สึกว่า พจน์ไม่ได้รักมาตะจริงๆ ก็ด้วยเป็นความผิดของผู้เขียนเอง ขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว ผมไม่รู้ว่า นิยามความรักของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ถ้าพจน์ไม่แสดงออกว่ารักมาตะไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำให้ชัดเจนจนคุณอ่านแล้วรู้สึกดังนั้นก็เป็นความผิดของผู้เขียนอีกนั่นแหละ ถ้าจะให้กลับไปแก้ตรงจุดไหนหรือไม่อย่างไร ผมตรวจทานดูแล้ว คงไม่อาจแก้ได้ พจน์จะรักมาตะจริงแท้หรือเปล่า คำตอบอยู่ในใจผู้อ่านอยู่แล้วไม่อยากไปชี้นำ ดังนั้น การที่คุณท้วงมาดังนั้นนับว่าเป็นกระจกสะท้อนงานเขียนอีกแสงหนึ่งขอน้อมรับไว้ ถึงจะรู้ว่าอดีตชาติเคยรัก ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พจน์รักมาตะ แต่เป็นผลและการกระทำในภพนี้ต่างหากที่ทำให้คนทั้งสองผูกพันกัน ขอบคุณนะครับสำหรับคำติชมดีๆ แล้วมาเม้นต์อีกนะครับ


สู้ๆนะคะ หายป่วยไวๆ  :pig4: :L1: :pig4:
ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ พอเห็นข้อความนี้ปุ๊บอาการป่วยแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เป็นกำลังแรงใจได้ดีมากๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2016 15:09:01 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
อ้าว รู้ตัวว่ารักมากแต่กลับไปหามาตะไม่ได้อีกแล้ว ทีนี้พจน์จะทำยังไง ทั้งเรื่องการปราบจอมมารด้วย ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องแนวนี้ให้อ่าน สนุกมาก มีปริศนาให้คิดต่อเรื่อยๆ เราชอบกลอนที่คุณแต่งนะคะ

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บอกตรงๆเห็นชื่อตอนแล้วไม่อยากกดอ่านเลย ทำใจนานมากถึงยอมกด กลัวตอนเศร้าๆ แล้วก็เศร้าจริง  :katai1:ไม่คิดว่าจะลาจากกันขนาดนี้ ถ้าตอนนี้ยาวกว่านี้อีกหน่อยคงมีน้ำตาซึมแค่นี้ก็แย่ละ ไม่อยากให้พจน์ทำแบบนี้เลย บอกตรงๆเริ่มกลัวใจพจน์ละตัดสินใจรวดเร็วมาก :o12: ตอนต่อไปไม่เอาเศร้าแล้วได้ไหมอ่ะ พลีสสส~

ออฟไลน์ pnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :o12: :o12: แล้วจะเป็นต่อไปสงสารทั้งคู่เลยย

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ไม่มีใครใจร้าย  ถ้าจะโทษก็คงโทษโชคชะตาที่กำหนดมาแบบนี้   เมื่อตัดสิ้นใจแล้วก็ต้องยอมรับความจริง  ความเจ็บปวดที่เกิด  รอตอนต่อไปครับ ว่าจะจบแบบไหนอะนะ  คึคึ

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เพิ่งอ่านได้ 12 บท ขอเข้ามาดันให้ก่อนนะคะ ชอบมากๆ ช่วงแรกอ่านยากซักหน่อย เกือบจะขอผ่านไปละ แต่พอตั้งใจกลับมาอ่านอีกที รู้สึกสนุกดี ชอบภาษา ทั้งกลอนและสำนวนการพูดต่างๆมาก

มีตินิดเดียวคือ บางคำพูดของตัวละคร แม้ว่าจะเป็นภาคปัจจุบัน แต่กลับใช้ภาษาเขียน มันเลยสะดุดอยู่บ้าง และมีเขียนผิดเล็กๆน้อยๆประปรายค่ะ เช่น กระเส่า มักเขียนผิดเป็น กระเซ่า , ขลุก เขียนเป็น คลุก อะไรทำนองนี้ ผู้เขียนอาจจะมึนเบลอเนื่องจากมีศัพท์แสงภาษาไทยมากมายในคลังสมอง เลยรีบเขียนไปหน่อย เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :mew1:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๔๑


หนังสือปกแดง
   


๙  วันแล้วนับแต่ปัจฉิมข้ามพิภพ ไม่มีหมอกควันขาวโอบอุ้มพจน์สู่มหาพิภพอีก ยืนยันแน่ชัดถึงอำนาจแห่งการเดินทางมลายสิ้นดั่งสัจจะคำกลอน เขาแอบคะเนว่าทุกสิ่งอย่างคงไม่ได้ทลายลงจริง ทุกครั้งเมื่อหวนคิดถึงมาตะ พจน์ได้แต่เฝ้าวอนให้พลังโชคชะตานำพายังคงอยู่มิได้สูญสลาย แต่เป็นเวลา ๙ วันแล้วที่ไม่เกิดความมหัศจรรย์ใดๆดังเก่า
 
เป็น ๙ วัน....ที่ทรมานที่สุดในชีวิต

สถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกลับคืนภาวะปกติ ภัทรพจน์ใช้บาดแผลเจ็บเสียดสุมเป็นขุมกำลังในการฝึกซ้อมฟุตบอลนัดชิงชัยในไตรกีฬาสามัคคีที่จะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ยามว่างหรือจิตใจหวนคำนึงถึงมาตะครั้งใด ก็อาศัยเจ้าลูกกลมๆเป็นเพื่อนคลายเศร้า จนกระทั่งโค้ชทั้งเพื่อนร่วมทีมต่างออกปากทักท้วง บ้างห้ามไม่ให้หักโหม จนอาจเกิดอาการบาดเจ็บก่อนเกมการแข่งขันจะมาถึง พจน์ได้แต่พยักหน้าตามคำแนะ แต่ใจเรียกร้องให้ฝึกหนักขึ้นๆ ความเหน็ดเหนื่อยทำให้พจน์ข่มตานอนหลับในทุกคืนได้โดยที่ไม่ต้องผวาตื่นกลางดึกเพื่อที่จะพบกับราตรีว่างเปล่า ไร้เจ้ามาตะข้างกาย
   
เช่นเดียวกับการประชันกลอนสดที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ โดยโรงเรียนพจน์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เขาพยายามถอนตัวจากทีมประชันและประธานชมรม แต่อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมไม่อนุญาต นอกจากพจน์จะหาเหตุผลเหมาะสมเพียงพอในการลาออก เพราะครั้งใดพจน์นึกถึงโคลงกลอน ในหัวจะมีภาพเจ้ามาตะโผล่เข้ามาเสมอ ทั้งตอนร่วมด้วยช่วยไขปริศนามนตราลีลาทมิฬจนสำเร็จ หรือแม้แต่การโต้ตอบกลอนสดแสดงความห่วงหาอาทรต่อกันและกันเป็นภาพแสลงใจ ดังนั้นการหลบหลีกจากสิ่งกระตุ้นเตือนคือหนทางออกเหมาะควรที่สุด แต่ภาระหน้าที่ต้องมาก่อน พจน์จึงจำยอมร่วมแข่งขันเป็นครั้งสุดท้าย นับจากนี้ตนจะไม่แตะต้องร้อยกรองใดๆตลอดชีวิต
   
หลังจากศาสตราจารย์วิชัยพบพจน์ในห้องนอนวันนั้น จึงรู้ว่าท่านทราบมาตลอด ว่าหลานชายเดินทางข้ามพิภพได้ พจน์ไม่ได้ซักไซ้รายละเอียด แต่ท่านคงอาศัยสังเกตอาการหมดสติในครั้งละยาวนานเป็นข้อสันนิษฐาน ประกอบกับบุคคลชุดขาว ณ วัดไชยวัฒนารามคงแจ้งเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย หลังข่มใจอำลาอาลัยมาตะสำเร็จ จดจำสถานที่ครั้งสุดท้ายก่อนข้ามพิภพได้คือ วัดไชยวัฒนารามไม่ใช่เรือนไทยเทพวิมาน ศาสตราจารย์วิชัยผู้ปู่ลังเลสองจิตสองใจแล้วว่า หลังเผชิญหน้าอัครมหาเสนาบดีปีศาจสหภูบาล ไอ้กันในรูปลักษณ์อย่างเดียวกับปีศาจปรากฏกายตามติด ระหว่างช่วงเป็นตายประชิด พจน์ถูกฤทธิ์อำนาจเพชรมณีดึงหนีให้ละเร้น เหตุการณ์หลังจากนั้นถูกถ่ายทอดด้วยถ้อยคำขมขื่นใจ

“พวกเรารอดตายมาได้ก็เพราะเจ้าหนุ่มนั่น” ดวงตาหลังแว่นทรงกลมสั่นไหว “เพื่อนของแกที่ชื่อ กัน ทรยศจอมปีศาจเป็นหนสองเพื่อปกป้องคุ้มครองพวกเรา เขาร่ายพระเวทสังหารเสนาบดีปีศาจและภูติวิญญาณก่อนที่มันจะทำอันตรายเรา เด็ดเดี่ยวกล้าหาญนัก ปู่ไม่เคยพบใครที่มีหัวใจเข้มแข็งขนาดนั้น กระทั่งตอนแกเดินทางข้ามพิภพไปแล้ว เจ้าหนุ่มกันโจนถลาคว้าตัวกอด พร่ำคำที่ทำให้หัวใจของเพื่อนทุกคนต้องหลั่งน้ำตา
 
‘สัญญาลูกผู้ชาย คือ สัญญาที่ไม่เคยจางหาย กูทำตามคำที่ให้ไว้เป็นสัจจะคำมั่นเสมอ ไอ้พจน์ กูน่ะหรือจะกล้าทรยศมึง ไม่มีวัน หัวใจกูเป็นของมึงนับแต่วันที่กูได้พบมึงแล้ว คำพูดของมึงก่อนนี้จึงเหมือนดาบเฉือนหัวใจกู กูไม่อาจฝืนทำตามแผนการของมหาเทพได้อีก ไม่อาจแสร้งเป็นสมุนจอมปีศาจได้อีกต่อไป เพราะแววตาผิดหวังทลายเกราะหัวใจกูพังพินาศ จอมมารจะไม่เชื่อใจกูอีก กูยอมแล้ว ยอมรับแล้วว่ากูรักมึงอย่างที่สุด ได้โปรดเถิดมหาเทพ จงทำตามสัตย์สัญญา รักษาปกป้องครอบครัวเทพวิมานด้วย เพราะนับจากนี้จอมมารจะไม่มีวันละข้าไว้ให้มีลมหายใจเด็ดขาด’

 
ทุกคน ณ ขณะนั้นทรมานไม่ต่างกับใจเจ้าปีศาจหนุ่ม หลังจุมพิตหน้าผากแล้วจึงหายตัวลับทั้งน้ำตา จากนั้นทุกคนยกเว้นปู่จึงถูกหมอกมนตราลบความทรงจำระหว่างเหตุปะทะ ณ วัดไชยวัฒนารามออกจากใจ ทุกคน...ยกเว้นปู่ จะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นการที่แกบอกว่าจะไม่มีการข้ามพิภพอีกนั้นจึงทำให้ปู่วิตกกังวล หลานสละอำนาจส่วนนั้นแต่อำนาจแห่งเพชรมณียังคงอยู่มิได้ละทิ้ง ปู่ไม่อยากจะพูดคำนี้เลย แต่จำต้องทำ ตาพจน์ แกต้องเลือกว่าจะให้พิภพไหนดำรงอยู่ต่อไป บอกมา แล้วนั่นจะทำให้ปู่ตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะต้องทำยังไง”

“นี่ใช่ไหมครับที่ทำให้คุณปู่ละทิ้งไม่สานต่อคำประกาศเตือนภัยน้ำท่วมโลก ก็เพราะว่าคุณปู่รู้ว่า ไม่ว่าจะพิภพไหนต้องมีแห่งหนึ่งแห่งใดพังพินาศลง”

ศาสตราจารย์วิชัยก็พยักหน้ารับว่าจริง

“ผมเลือกไม่ได้ครับ ผมทำไม่ได้ ถ้าผมโหดร้ายได้สักเสี้ยวหนึ่งของใจจอมปีศาจ ผมคงให้คำตอบคุณปู่ได้ แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ”

“แต่แกต้องตัดสินใจ เวลางวดใกล้เข้ามาทุกขณ...” เพียงศาสตราจารย์เห็นอาการสั่นหน้าของหลานชายผู้ครอบครองอำนาจเหนือคนทั้งโลกก็พลันไร้คำพูด


ทำไม่ได้ เลือกไม่ได้ พจน์ไม่มีอำนาจตัดสินใจให้ใครอยู่หรือใครต้องตาย ไม่ แม้แต่อำนาจเพชรมณีก็ไม่สามารถบังคับเขาให้เลือกเส้นทางโหดร้ายทั้งสองได้ สุดท้ายพจน์จึงไม่ทำสิ่งใดเลย ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นแล้วใช้ชีวิตเหมือนปกติชนดังเดิม ก่อนที่จะข้ามพิภพ ก่อนที่จะเจอมาตะ

แม้นภาพที่คุณปู่เห็นคือหลานชายคนเดิม แต่ลึกๆแล้วท่านรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิมอีก ท่านไม่เพียงไม่คาดคั้นเอาคำตอบ หรือเซ้าซี้ให้พจน์เลือกวิถีทางช่วยโลกนี้หรือโลกของมาตะ แต่ท่านยังคงยึดมั่นเจตนาเดิมก่อนหน้าคือ เลิกล้มการประกาศเตือน
 
‘ถ้ามนุษย์บนพิภพนี้เชื่อว่าน้ำท่วมโลก มหาพิภพจะล่มสลาย ถ้าสามารถรวบรวมมหามณีสามสิ่งได้ มหาพิภพจะล่มสลาย’

ท่านรู้ว่าสิ่งที่จะล่มสลายไปด้วยคงไม่พ้นหัวใจของหลายชายคนเดียว จึงไม่ได้ทำตามคำมหาเทพแนะ ณ วัดไชยวัฒนาราม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแต่บุญกรรม หรือเพียงแค่คำตัดสินใจของภัทรพจน์ ทุกอย่างจะผลิกชะตาของพิภพใดพิภพหนึ่งทันที แต่เวลาไม่เคยรอท่า และชะตาของพิภพโลกาก็ใกล้ถึงจุดผลิกผันในไม่ช้า ท่านรู้ดีแก่ใจ

“มึงโอเคนะ ไอ้พจน์”

ภัทรพจน์เหลียวมองหน้าไอ้น้ำตาลอยก่อนจะยักคิ้วให้เจ้าตัวเล็ก มันลืมเหตุการณ์เผชิญปีศาจ ณ วัดไชยวัฒนารามไม่หลงเหลือเช่นเดียวกับคนอื่นๆ พจน์ภาวนาให้ตนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะคนที่จำได้เจ็บยิ่งกว่าคนที่ลืมได้

“อืม”

“มึงเอาความคิดจะลาออกจากชมรมคนเจ้าบทเจ้ากลอนมาจากไหนวะ” ไอ้เตี้ยน้ำโวยวายหน้าสีเครียด “กูโดนอาจารย์ที่ปรึกษาเฉ่งมาเต็มหัวเลย แล้วอีกอย่างถ้ามึงออกกูนี่แหละต้องเป็นคนแทนที่มึง กูไม่เอาด้วยหรอก ขอลาออกตามมึงแน่ๆ”

“กูยังไม่ออกหรอก อาจจะอยู่จนสิ้นเทอม”

แล้วชลนธีก็บ่นน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงต่อไป ไอ้ต่อกระแทกจานข้าวลงตรงหน้าพจน์ พวกมันอาสาซื้อข้าวปลาให้เด็กหนุ่มหน้าสวยแบบจานพิเศษอีกต่างห่าง เนื่องจากว่าพักหลังเห็นพจน์ดูเศร้าหมองตรอมใจ จนร่างกายผ่ายผอมลงผิดหูผิดตา ทั้งกินอาหารเหมือนแมวดมเลยบังคับแกมข่มขู่ให้ทานอาหารเหมือนชาวบ้านคนปกติกิน โดยนั่งกำกับนับจำนวนคำกินข้าว หรือปริมาณกับต้องพอดีไม่ใช่เขี่ยทิ้งเสียดายของ ไอ้ปาล์มใช้ช้อนส้อมแงะก้างปลาตะเพียนทอดน้ำปลาให้พจน์ระหว่างเห็นเด็กหนุ่มตาสีน้ำตาลเอาแต่จดจ้อง

“อะ มึงจะได้กินสะดวกๆ ไม่มีอะไรกระแทกติดคอ ยิ่งช่วงนี้เหม่อๆลอยๆกูกลัวก้างจะเสียบคอตายไปซะก่อน” ไอ้นี่ก็อีกคนที่ลืมทุกอย่าง ณ วัดไชยวัฒนาราม มันน่าจะลืมไปด้วยว่า มันเคยพูดว่า รักพจน์ เพราะทุกอย่างถูกกระทำเหมือนปกติโดยสิ้นเชิง แล้วหลังจากกลับมาจากอยุธยามันก็บอกเลิกน้องแพรวทันที ทำเอาสาวเจ้าตามวอแวไอ้ตี๋หล่ออยู่หลายวันหวังจะง้อคืนดี แต่คุณชายเปรมณัฐใจแข็งหักดิบไม่สนใจหญิงสาว สุดท้ายน้องแพรวฟูมฟายทำเรื่องขอย้ายโรงเรียนออกไปในวันรุ่งขึ้น

“มึงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ กู...” สีหน้ามุ่งมั่นแงะก้างปลาออกทำให้พจน์หวนนึกถึงใครบางคน

“แดกๆไปเหอะว่ะ มันอาสาทำให้มึงก็อย่าบ่นให้เรื่องมาก ตอนบ่ายมีแข่งประชันกลอนสดไม่ใช่หรือไง หาอะไรบำรุงสมองบ้าง ถึงหน้าตามึงจะดีแต่ถ้าไม่ทานอะไรปัญญาก็ง่อยได้นะครับ” ไอ้กีลูกครึ่งอังกฤษว่าเข้าให้ ยักคิ้วกวนส้นเท้า

“กูๆ แกะให้กูด้วยดิพวกมึง กูก็ลงแข่งเหมือนกันนะ” ไอ้น้ำชูแขนสั้นป้อมโวยหาคนอาสาแกะก้างปลาบ้าง

“ให้มันน้อยๆหน่อย น้องน้ำ ไอ้พจน์เป็นใคร แล้วมึงเป็นใคร มึงต้องบำรุงหัวหน้าทีมโว้ยถึงจะรอด อย่ามาทำปากคว่ำ ช่วยไอ้ปาล์มแกะก้างปลาให้ไอ้พจน์เลย” ไอ้โบทโบกเกรียนน้องน้ำ ไอ้เตี้ยเหมือนสำนึกได้ฉีกยิ้มแย่งปาล์มแงะเนื้อปลาส่งให้พจน์พัลวัน ระหว่างนั้นคุณชายเปรมจึงปล่อยหน้าที่ปรนนิบัติคืนให้เจ้าตัวเล็กชะโงกหน้าจับจ้องมองพจน์

“มึงโอเคนะ ตั้งแต่กลับจากอยุธยาดูเหมือนซึมๆ อีกอย่างกูก็บอกเลิก...”

“กูโอเค ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ”
 
ภัทรพจน์เบือนหน้าหนีจากแววตาสงสัยของเพื่อนๆ ซอยเท้าเดินพ้นโรงอาหารอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ชายหญิงทักทายเก้อ เมื่อเด็กหนุ่มหน้าสวยไม่มีท่าทีตอบรับ จิตใจพจน์ตอนนี้ต้องการสถานที่สงบ เขาต้องการสมาธิ แต่หัวใจว้าวุ่นเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนหรือที่ใด ทุกการกระทำหรือคำพูดคนรอบข้าง ต่างชักนำคนคนหนึ่งที่พจน์ทิ้งไว้ในดินแดนห่างไกลใต้มหาสมุทรแปซิฟิกเข้ามาแทนทดในห้วงความคิดเสมอ ทำยังไงดี เขาต้องอดทน ในเมื่อนี่คือหนทางที่พจน์เลือกว่าดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะทรมานแค่ไหนเขาจะต้องอยู่กับสิ่งที่ตนเลือกให้ได้

ผลักประตูห้องสมุดเดินดุ่มๆเข้าด้านในสุดของชั้นหนังสือหมวดวรรณกรรม ระหว่างพักเที่ยงแทบไม่พบนักเรียนชั้นอี่นเอื้ออำนวยต่อการทำสมาธิอย่างยิ่ง ซัดหมัดใส่กำแพงปลดปล่อยความผิดกัดกินใจผ่านความเจ็บลึกแล่นริ้วซึมหลังมือสะท้อนถึงห้วงใจ

‘พวกเรารอดตายมาได้ก็เพราะเจ้าหนุ่มนั่น’

“กูเป็นต้นเหตุให้ทุกคนเจ็บ แม้แต่มึงไอ้กัน ขอโทษสักพันครั้งยังทดแทนบุญคุณของมึงไม่หมดสิ้น อย่างน้อยได้โปรดส่งสัญญาณบางอย่างบอกว่ามึงยังอยู่ใกล้ๆกู แม้ไม่อาจปรากฏตัวให้เห็นได้ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”

กระหน่ำชกผนังตามจำนวนครั้งคำขอโทษ จนผิวเนื้อนวลใสแดงก่ำช้ำเลือด พลิกตัวกระแทกแผ่นหลังลงบนผนังตรงข้ามชั้นหนังสือหอบตัวโยน หากในหัวยังคงมีมาตะ กัน วนเวียนอยู่แบบนี้ ช่วงการแข่งขันกลอนสดตอนบ่ายพจน์คงทำล่มไม่เป็นท่าแน่ คว้าสันหนังสือปกแดงเข้าเล่มแบบเย็บกี่ ตรงหน้าพลิกอ่านผ่านๆ เพื่อใช้ดึงสติให้จดจ่อแน่วแน่กับตัวหนังสือในเล่ม

อ้างถึง
หนังสือเล่มนี้เป็นความพยายามอย่างมากของดิฉัน คราวต้องเดินทางนับเป็นเวลานานหลายสิบปีเพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของมหาทวีปลึกลับซึ่งซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก จุดเริ่มแรกที่ทำให้ดิฉันสนใจเรื่องราวเหล่านี้ คือ เมื่อตอนมีโอกาสได้ท่องเที่ยวประเทศแถบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทวีปอเมริกาใต้ บังเอิญดิฉันประสงค์สืบหาความรู้ในพิพิธภัณฑ์เก็บสะสมของเก่าที่นั่น และโชคดีได้อ่านคำบันทึกโบราณ ถอดความได้ว่า มีคนในยุคสมัยนั้นพบเห็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์อยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก คนที่นั่นคิดว่าเป็นความเชื่อบางอย่างของชนเผ่าโบราณ แต่ดิฉันไม่คิดเช่นนั้น ดิฉันพยายามสืบเสาะหาข้อมูลของเรื่องราวนี้จึงจำต้องออกเดินทางทั่วโลก บางประเทศพบข้อมูลแต่ถูกปิดเงียบไว้โดยรัฐบาลท้องถิ่น ดิฉันจำต้องสอบถามชาวบ้านผู้มีความเชื่อในเรื่องดินแดนลึกลับ ถึงได้ข้อมูลที่ต้องการ

ตลอดระยะเวลาครึ่งชีวิตของดิฉันได้รวบรวมสิ่งที่ค้นคว้ามากมายหลายอย่าง เช่น หลักฐานภาพถ่าย คำบันทึกเสียงสัมภาษณ์ จารึกโบราณ เป็นต้น จึงทำให้ดิฉันรู้ว่าคำให้การของบุคคลเหล่านั้น มีสิ่งหนึ่งตรงกัน คือมีมหาทวีปลึกลับซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกจริง

เรื่องราวนี้ดูจะมีมากมายจนดิฉันเริ่มสงสัย เหตุใดหรือประเทศทั้งหลายเหล่านั้นถึงปกปิดไว้ไม่ยอมแพร่งพราย  แต่ดิฉันก็ยังมิได้รับคำตอบจวบกระทั่งปัจจุบัน ดิฉันยังสืบค้นข้อมูลย้อนหลังกลับไปเมื่อเกือบร้อยปีที่ผ่านมา จึงได้พบเรื่องราวเพิ่มเติมขึ้นจากคำพูดของนักดำน้ำ และผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจมน้ำในอาณาเขตของมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วรอดชีวิต ทุกคนให้การเหมือนกันหมดว่า ได้พูดคุยกับเสียงเสียงหนึ่ง เสียงนั้นได้เตือนพวกเขา เรื่องดินแดนใต้มหาสมุทรจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา และหายนะภัยน้ำท่วมโลกจะบังเกิดขึ้น เหตุการณ์มหาภัยพิบัติสอดคล้องตรงกันในวันที่ดาวเคราะห์แห่งระบบสุริยจักรวาลเคลื่อนเรียงเป็นแนวเดียว
 
ดิฉันเชื่อสนิทใจว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นแต่คงไม่มีวันได้เห็น เพราะดิฉันกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้าย ดิฉันก็สืบเสาะเรื่องราวของมหาทวีปลึกลับไว้มากพอสมควร มากพอที่จะรวบรวมจัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทุกคนได้รับรู้อันตรายครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง โปรดเตรียมตัวให้ดี และเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่งซึ่งรอดพ้นมาจากความตายในมหาสมุทรแปซิฟิก ออกมาพูดเตือนเรื่องน้ำกำลังจะท่วมโลก ท่านผู้นี้คงจะได้เห็นดินแดนนั้น  และดิฉันเชื่อสนิทใจว่าต้องมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับมหาทวีปลึกลับแน่นอน ดิฉันจึงดีใจมากเพราะอย่างน้อยก็ได้มีใครสักคนออกมาส่งสัญญาณ ต้องขอบใจสามีที่คอยให้กำลังใจอยู่เสมอมา ขอขอบคุณทางสำนักพิมพ์ที่ให้โอกาสสำหรับดิฉันหลังจากอ้อนวอนขอร้องอยู่นาน นี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ดิฉันจะกระทำตอบแทนโลกใบนี้

                                                   
ผู้รวบรวม
   

พจน์รีบพลิกอ่านชื่อหนังสือบนหน้าปกอาบสีแดง เหนือแผนที่มหาสมุทรแปซิฟิกมีตัวอักษรพิมพ์นูนว่า มหาทวีปลึกลับ บางอย่างในกายพจน์สั่นไหวกระเทือนถึงมือ คำคำหนึ่งผุดวาบในห้วงคิด หรือว่านี่จะเป็น…


มีต่อด้านล่าง

_______________________________

เข้าเล่มแบบเย็บกี่ : เป็นการเข้าเล่มหนังสือที่มีความแข็งแรง เหมาะสำหรับหนังสือที่มีความหนามากๆ โดยเอากระดาษทั้งเล่มมาแยกออกเป็นส่วนย่อย แล้วเย็บแยกแต่ละส่วนเป็นเล่มเหมือนเย็บมุงหลังคา แต่ใช้ด้ายเย็บ จากนั้นนำเล่มย่อยๆมาร้อยรวมกันเป็นเล่มใหญ่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2018 15:54:40 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]



หลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่จะยืนยันคำประกาศเตือนหายนะภัยน้ำท่วมโลกของศาสตราจารย์วิชัย”

เสียงชายวัยกลางคนอธิบายความคิดพจน์  ใบหน้าวัยห้าสิบกว่าสวมแว่นตา ผิวขาว ริ้วรอยปรากฏตรงร่องแก้มและหางตามิได้ลบเลือนลักษณะใจดีรวมถึงความรูปงามเมื่อสมัยวัยหนุ่ม สวมเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีเทาสามส่วน ริมฝีปากบางเรียบตึงเผยอรอยยิ้มบางเบา
 
“เอ่อ ที่อาจารย์พูดเมื่อกี้” พจน์ยกมือไหว้ครูบรรณารักษ์ประจำห้องสมุดโรงเรียน ทุกครั้งพจน์จะเห็นท่านทำงานอยู่เบื้องหลังหนังสือกองโตในห้องพักแต่ไม่เคยพูดคุยตัวต่อตัวแบบนี้

“ครูบอกว่า หนังสือในมือที่นักเรียนถืออยู่เป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวสำหรับยืนยันหายนะภัยน้ำท่วมโลก และช่วยอธิบายลำแสงปริศนาที่พุ่งจากใต้พื้นมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งโด่งดังอยู่ในตอนนี้” ครูบรรณารักษ์เดินเข้ามาตามตรอกซอกชั้นแล้วยกคิ้วเหมือนขออนุญาตพจน์เพื่อจับหนังสือปกแดงหนากว่าพันหน้าเพื่อพิจารณา

“ถ้าเป็นแบบนั้น หลักฐานที่คุณปู่ของผมตามหาอยู่...”

“คือหนังสือเล่มนี้”

“จริงหรือครับ” ความดีใจผุดซ้อนแทรกสอดด้วยความสงสัย เงยหน้าขอคำอธิบายจากครูบรรณารักษ์ชาย “แต่ทำไมถึงมีเพียงเล่มเดียวล่ะครับ”

“เมื่อสิบปีก่อน หนังสือทั้งหมดถูกกวาดล้างกำจัดทิ้งโดยผู้มีอำนาจในบ้านเมือง พวกเขาเล็งเห็นว่ามันจะเป็นภัยต่อสังคม กระตุ้นเตือนให้ประเทศชาติหวาดหวั่นวุ่นวาย แต่เล่มนี้ถูกส่งตรงมาหาครูและเหลือรอดอยู่เพียงหนึ่งเดียว”

ภัทรพจน์ขออนุญาตพลิกดูเนื้อหาภายในด้วยใจระทึก มีจารึกหินทรายในสมัยศตวรรษที่ ๑๗ กล่าวถึงคำบันทึกตัวอักษรเก่าแก่ เมื่อถอดแปลความหมายแล้วพบว่ามีมหาทวีปลึกลับซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกจริง ตามคำจารึกของชนเผ่ามายาที่สืบทอดความเชื่อนี้โดยตลอด แต่ ณ ปัจจุบันแทบไม่มีใครยอมรับ และเห็นว่างมงายไร้สาระ
 
พจน์เปิดอ่านผ่านหน้าแล้วหน้าเล่า มีภาพถ่ายขาวดำคำจารึกบนศิลา และกระดาษเปื่อยยุ่ยจำนวนมากมายหลากหลายประเทศ บทที่สองเป็นเรื่องคำให้การของผู้พบเห็นมหาทวีปลึกลับและเสียงประหลาดนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พวกเขาทุกคนให้การเป็นเสียงเดียวกันว่ามีสถานที่แห่งนั้นอยู่จริง

“อาจารย์รู้จักคุณปู่...หรือครับ” ดวงตาหลังแว่นระริกรื้นชั่วครู่

“ครูรอในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ วันนี้ครูพบคำตอบนั้นแล้ว”

“ผมต้องนำไปให้ท่าน ผมขอยืมครับ”

“ได้สิ ทำเรื่องยืมคืนตามปกติ และ...ฝากบอกศาสตราจารย์วิชัยด้วยว่า คำสัญญาที่จะช่วยเหลือทุกครั้งในยามอีกฝ่ายได้รับความเดือดร้อนนั้น ครูได้ทำตามแล้ว สัญญาระหว่างพี่น้อง มิตรภาพที่ไม่เคยลบเลือน วิศรุตได้ปฏิบัติแล้ว และไม่ต้องการคำขอบคุณหรือสิ่งตอบแทนใดคืนกลับ”

“ถ้าอาจารย์รู้ว่ามันเป็นหลักฐานแล้วทำไมถึงเก็บไว้ล่ะครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่าจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมขนาดนี้ หากล่วงรู้เร็วกว่านี้ ก่อนที่” ความเจ็บซึมแทรกกลางคำ ก่อนที่ตนจะข้ามพิภพ นิ้วมือกดสันหนังสือเล่มหนา ครั้นหวนคิดได้ว่าหากเขานำหลักฐานไปให้ท่านก็หมายความว่า พจน์ต้องการให้มหาพิภพล่มสลายสินะ

“เหตุผลเดียวกับที่เธอคิดอยู่ตอนนี้ ภัทรพจน์ บางเรื่องเป็นการยากที่จะเลือกตัดสินใจในทางใด บางทีอาจต้องใช้เวลาเป็นปี สิบปี สามสิบปี หรือตลอดชีวิต แต่อย่าให้การตัดสินใจครั้งนี้ของเธอยาวนานเหมือนครู มนุษย์เกิดมาเพื่อต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หนทางที่เจ็บน้อยที่สุด ได้ประโยชน์มากที่สุด วันนี้ครูตัดสินใจได้แล้ว และอนุญาตให้เธอนำหนังสือเล่มนั้นส่งมอบให้ผู้สมควรได้รับมากที่สุดเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ แต่อย่านิ่งเฉยไม่ทำสิ่งใด เพราะความสูญเสียแม้ต้องเกิดขึ้นก็ขอให้น้อยที่สุด ครูบอกได้เท่านี้ เอาไปให้ศาสตราจารย์วิชัยเถอะ ชายคนนั้นต้องการมันอย่างที่สุด ครูหมดภาระและได้คำตอบแล้ว”

“คำตอบอะไรหรือครับ”

มิตรภาพยาวนานกว่าความรัก ภัทรพจน์ เธอต้องเลือกระหว่างมิตรภาพและความรัก อย่าเสียเวลาซ้ำรอยเนิ่นนานเกือบสี่สิบปีแบบครู มันไร้ประโยชน์ ทั้งที่ครูรู้ว่าเธอเป็นหลานชายของคนผู้ประกาศเตือนหายนะภัยน้ำท่วมโลก แม้รู้ว่าเกี่ยวข้องกับมหาทวีปลึกลับ มหาพิภพ แต่ครูกลับนิ่งเฉยเพื่อรอความหวังบางอย่างแต่มันไร้ประโยชน์ไม่คุ้มเสีย ชีวิตคนเป็นพันล้านจะพินาศหากครูยังตัดสินใจไม่ได้ เธอเองก็เช่นเดียวกัน คืนหนังสือปกแดงให้ปู่ของเธอ ไม่ใช่เพื่อบรรลุจุดประสงค์ของครู แต่เพื่อทุกชีวิตมีค่าบนโลกได้ดำรงอยู่สืบต่อไป” ครูวิศรุตแตะบ่าพจน์เบามือ “เมื่อเราโตขึ้นสิ่งที่ยากไม่ใช่การลืม แต่เป็นการจำมากกว่า”
 
*******************************

“หัวข้อประชันกลอนสี่สุภาพรอบตัดสินระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้แก่ จากพราก” ภาพภพ ประธานนักเรียนผู้ทำหน้าที่พิธีกรประกาศผ่านไมโครโฟนดังชัดเจนทั่วโถงห้องประชุม มีกลุ่มนักเรียนหญิงชายชั้น ม.ต้น และ ม.ปลาย ยืนส่งเสียงให้กำลังใจรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบปลื้มอยู่หนาแน่น ทันทีเมื่อได้ยินหัวข้อสุดท้าย ภัทรพจน์รีบหลับตาสะกดห้วงใจไม่ให้สั่นไหว ไอ้น้ำขะมักเขม้นจับปากกา รีดกระดาษเอสี่เรียบตึง ส่วนรุ่นน้องหญิง ม.๔ สมาชิกคนที่สามในทีมยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดพร้อมจดเช่นกัน เสียงกระดิ่งบอกจับเวลาเริ่มขึ้น พวกเขามีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นสำหรับกลอนสี่บท ส่วนทีมผู้ท้าชิงกลุ้มรุมขบคิดทันทีไม่แพ้กัน

“ไอ้พจน์ กูว่าน่าจะเริ่มจาก...” ชลนธีหน้าซีดเหงื่อแตก

“จากพราก ในทางวรรณคดีนิยมเรียกคู่ของนก คือ เป็ดพม่า ยามต้องพรากจากกันจะครวญถึงกันในเวลากลางคืน”

“มึงจะแต่งเกี่ยวกับเป็ดพม่าหรอ”

“หนูว่าพี่พจน์น่าจะหมายถึงคนรัก ไม่ใช่เฉพาะเป็ดนะคะ” รุ่นน้องหญิงชะเง้อชะแง้เสนอร่วมคิด

“ถูกแล้วครับ” อยู่ๆพจน์ก็นึกถึงห้วงเวลาก่อนตัวเองจะพรากจากมาตะ ความรู้สึก ณ ขณะนั้นล้นปรี่จนกระทั่งกลั่นเป็นร้อยกรองในทันใด

“จากเอยจากมิจากจำต้องจาก
จำพลัดพรากจำจากจำพลัดหลง
ใจสองดวงเคยรักแจ้งจำนง
ถึงคราวคงพรากจากจดจำใจ

ก่อนเคยรักสมัครรักพันผูก
ทุกข์สุขถูกผิดพลั้งร่วมแก้ไข
น้ำคำรักหวานซึ้งตรึงตราใน
ผนึกไว้กลางทรวงล่วงผ่านกาล

เมื่อมีพบต้องมีวันพรากจาก
หนึ่งคำฝาก รัก รัก รักผสาน
ครวญใคร่คิดคะนึงถึงซึ่งวันวาน
เราร่วมราญร่วมคู่ร่วมวิญญาณ์

พรากเอยพรากมิพรากจำต้องพราก
จำพลัดจากจำพรากถวิลหา
แววเว้าวอนแววรักแววนัยน์ตา
ชั่วดินฟ้าแม้นพรากจากเพียงกาย”

“หนูขนลุกไปหมดเลยพี่พจน์ ทำไมพี่ถึง...” เพียงเด็กสาวจับจ้องดวงตาสีน้ำตาลก็พลันตื้นตันอก อยู่ๆน้ำตาของเด็กสาวหนึ่งเดียวในทีมก็ไหลเลาะอาบแก้ม
 
“กูว่ามันดีมากไอ้พจน์ มีการเล่นคำ ว่า พราก ว่า จาก ดีเยี่ยม” ชลนธีจดคำกลอนทั้งสิ้นลงบนแผ่นกระดาษมือระวิง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตาสีน้ำตาล “กูตรวจทานดูแล้ว ไม่น่ามีแก้ไขนะ น้องว่าไง”

เมื่อไอ้น้ำเลื่อนขอความเห็นจากสมาชิกจึงพบความรันทดผ่านน้ำตารุ่นน้องสาว ทั้งที่ใบหน้าเพื่อนพจน์ว่างเปล่าแต่ดูเหมือนความในใจถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเด็กสาวทั้งสิ้น ไอ้น้ำหักใจไม่สำแดงด้านอ่อนแอ แสร้งออกปากให้เด็กสาวลอกบทกลอนทั้งนั้นลงกระดานไวท์บอร์ด

“เกิดอะไรขึ้นวะ ไอ้พจน์ ที่อยุธยา มันเกิดอะไรขึ้นสักอย่างแน่ๆ เหมือนกูจะหลงลืมอะไรไป เหมือนมีบางอย่างขาดหาย ใครทำอะไรมึงหรือเปล่า หรือเพราะเรื่องปู่ของมึงกับน้ำท่วมโลก หรือว่าเรื่องไอ้ปาล์ม”

“ไม่ว่ะ ไม่มีอะไร” ปฏิเสธทั้งที่ใจอยากระบายให้ไอ้น้ำได้ล่วงรู้ ไม่ใช่ที่อยุธยา แต่เป็นมหาพิภพแห่งนั้นที่ทำให้พจน์กลั่นความนัยเป็นกลอนสี่สุภาพ ขอปากกาลงชื่อตนถัดจากชลนธี ในช่องนามแฝงจรดหมึกลงว่า พชระตะ

เวลาประชันแข่งขันใกล้หมดลง เช่นเดียวกับเวลาของความเสียใจ หากมาตะประพฤติด้านร้ายๆใส่พจน์ เขาคงจะลืมมาตะได้ แต่เจ้านั่นสักเสี้ยวหนึ่งก็ไม่เคยตั้งใจให้พจน์ต้องระทม หากมาตะชื่นชมยินดียอมให้บุหลันขโมยจูบ หว่านเสน่ห์จนกฤษณาหรือใครต่อใครรักใคร่สมัครรัก มันคงง่ายที่พจน์จะลืมมาตะ แต่เจ้านั่นไม่เพียงซื่อตรงต่อพจน์ แต่ยังเทิดทูนเขาเสมอดวงใจ ก็มันเป็นแบบนี้ แล้วเขาจะลืมได้ยังไง
 
หนังสือปกแดงยังคงหนักอึ้งอยู่ภายในกระเป๋านักเรียน เคียงข้างหนังสือ อัญมณี : ประวัติความเป็นมาและมูลค่าทางเศรษฐกิจ พจน์ตัดสินใจได้แล้วว่าต้องทำอย่างไร หนังสือทั้งสองเล่มจะต้องส่งมอบต่อให้คุณปู่ แม้สถานที่ที่หัวใจพจน์ดำรงอยู่จะพินาศล่มสลายลง เขาเชื่อว่าถ้าหากถามมาตะ เจ้านั่นก็คงทำในสิ่งที่พจน์ตัดสินใจ มันมักเสียสละความสุขส่วนตัวเสมอเพื่อให้คนอื่นสุข นี่คือการตัดสินใจของพจน์ อีกไม่นานเมื่อทุกอย่างจบสิ้นเขาจะตามไปอยู่กับมาตะเป็นครั้งสุดท้าย ชาติภพสุดท้าย

“หมดเวลาครับ” เสียงไอ้ภามบ่งบอกสิ้นสุด มันส่งสายตาเป็นคำถามมาให้พจน์เมื่อเห็นทุกข์ทรมานบนสีหน้า

เสียงกระดิ่งดังบอกสัญญาณ กรรมการทั้งห้าเข้าตรวจบทกลอนคร่ำเคร่งเป็นเวลานานพอดู ก่อนจะประกาศผู้ชนะผ่านไมโครโฟนว่า ทีมโรงเรียนของพจน์เป็นผู้ชนะขาดลอย เสียงโห่ร้องยินดีจากรุ่นน้องผู้มาคอยเชียร์ดังสนั่นลั่นห้อง ไอ้น้ำกระโดดโลดเต้นดั่งว่าถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่ง ส่วนรุ่นน้องหญิงทำเพียงอมยิ้มเช็ดน้ำตาป้อยๆเท่านั้น
 
หลังเลิกเรียนพจน์ชวนคุณประธานนักเรียน และทุกคนในกลุ่มเทวดาเดินดินไปที่บ้านเทพวิมาน ไม่ใช่เพื่อฉลองในชัยชนะการประกวดกลอนสด แต่เป็นคำฝากชวนของภพดนัยผู้บิดา เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบคล้ายวันเกิดของศาสตราจารย์วิชัยอายุครบหกสิบปี โดยภพดนัยยืนกรานว่าจะต้องจัดเลี้ยงฉลองแม้นคุณปู่จะปฏิเสธไม่ต้องการก็ตาม

ระหว่างเจ้าพวกเพื่อนๆต่างอาสาภพดนัยเป็นธุระตกแต่งสถานที่ประดับประดากระดาษสีแวววาม รวมถึงเครื่องเสียงลำโพงสำหรับร้องเพลงคาราโอเกะ ส่วนหนึ่งลงไปช่วยป้าแจ่ม ลุงชม พี่ส้ม และดาวที่โรงครัว เป็นต้นว่าไอ้น้ำ ไอ้ปาล์ม ไอ้เอก ไอ้รัก พจน์จึงอาศัยจังหวะนั้นกลับคืนห้อง รื้อค้นหลักฐานสำคัญออกจากกระเป๋าอันหนักอึ้ง ประหนึ่งความหวังของมวลมนุษยชาติทับถมลงในหนังสือปกแดง เขาได้ตัดสินใจเลือกแล้วตามคำชี้แนะของอาจารย์วิศรุต บรรณารักษ์ห้องสมุด เพื่อนของคุณปู่

ฉับพลันบานหน้าต่างห้องนอนทรงไทยก็เปิดอ้าออก ลมปริศนาซัดสาดใส่ นกประหลาดตัวหนึ่งซึ่งพจน์เคยลอบสังเกตเห็นหลายครั้งหลายหน ว่ามันมักอาศัยอยู่บนต้นไทรริมน้ำหลังเรือนเทพวิมาน ขนประกายส้มเหลือบเหลืองสลับแดง ดวงตาดำขลับขยับโยกพินิจพจน์เอียงคอไปมา มันไซร้จะงอยปากตามขน แล้วหมอกควันขาวจึงระเบิดปกคลุมนกยักษ์กลับกลายเป็นเงาของบุรุษผู้หนึ่ง สัดส่วนล่ำสันสูงกว่าพจน์พอประมาณ เมื่อเงาหมอกจากหายจึ่งเห็นชัดว่า ชายคนนั้นไม่เพียงแต่งกายลักษณะคล้ายผู้คนบนมหาพิภพ คล้องผ้าขาว พาดไหล่ซ้ายขวาด้วยสุวรรณสังวาล แลเครื่องประดับทองนานาประการ กึ่งกลางหน้าผากคือจินดาหยดน้ำสีใส แววตายิ้มเฉกเดียวกับริมฝีปาก ปลายคิ้วและหนวดวาดโค้งกระหนกอย่างเดียวกับเทวดาในรูปจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์

“ภัทรพจน์ มหาบุรุษ โปรดรับการคารวะนอบน้อมด้วยเถิด”

ว่าพลางก็ทรุดกระทำก้มกราบเบญจางคประดิษฐ์แนบพื้นกระดานเรือน

“ท่านเป็นใคร” พิจารณาบุรุษผู้เคยครองร่างนกยักษ์ก็พลันฉงนสุดประมาณ

“ข้าคือ ปักษาวายุภักษ์ พระเจ้าข้า”

*******************************

ขณะภพดนัยกำลังจัดเตรียมย้ายโต๊ะเก้าอี้เสริมรอบหอนั่ง ส้มสาวใช้กระซิบรายงานว่า มีแขกมาขอพบ ชายหนุ่มพยักหน้าซับเหงื่อเหนือขมับ ฝากคุณชาญณรงค์ช่วยกำกับดูแลเพื่อนๆของพจน์เพื่อจัดข้าวของให้เรียบร้อย ผู้ช่วยบิดายกยิ้มรับทราบ แล้วจึงถลาลงจากเรือนใหญ่เพื่อต้อนรับแขกแปลกหน้าผู้ไม่ได้นัดหมาย ณ ศาลาทรงไทย กลางสนามหญ้าหน้าเรือน

“ธนชัย นาย...”

“นี่เป็นของขวัญครบรอบวันเกิดของคุณลุง รับไว้สิ” นักข่าวหนุ่มอดีตเพื่อนรักแจ้งเจตนา ครั้นเห็นอีกฝ่ายอ้ำอึ้งก็จับห่อของขวัญใส่มือเจ้าบ้านเจ้าเรือน “เรารู้สิว่าวันนี้คือวันเกิดท่าน จำได้ไม่เคยลืม”

“เอ่อ งั้น อยู่ปาร์ตี้ด้วยกันก่อน กำลังวุ่นอยู่พอดี”

“ไม่ล่ะ แค่จะแวะมาทักทายเท่านั้น แต่ท่านคงเก็บตัวไม่เห็นชอบกับการจัดงานแน่ๆ ใช่ไหม” กิริยาอาการยกยิ้มของธนชัยเป็นสิ่งที่ภพดนัยแทบจะลืมเลือน บ่งสำแดงว่าเพื่อนสนิทคนนี้ให้อภัยเขาแล้วไม่ผิดแน่

“นายไม่โกรธเราแล้วใช่ไหม เรากลับมาเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม” ความดีใจวาบขึ้นไม่คาดคิด

“ขอโทษนะ เหตุการณ์ที่อยุธยาทำให้เราคิดได้ว่า สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อโกรธนายมันเทียบไม่ได้เลยกับวินาทีเป็นตายตอนอุบัติเหตุโขลงช้างรุมทำร้าย ไม่ว่าภัทรพจน์จะเป็น...”

“พจน์เป็นลูกของเรา ลูกของฉัน ถ้านายยังคิดว่ามันคือคำโกหกอีก เราก็ไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยันได้นอกจากความสัตย์จริง”

“เจ้าเด็กนั่นเหมือนนายไม่มีผิด ทั้งท่าทีอวดเก่ง ดื้อดึง สายตารั้นถอดลักษณะนายมาแบบนั้น เราจะคิดเป็นอื่นได้ยังไงว่าเป็นลูกใคร แต่ที่เราโกรธก็เพราะว่านายไม่เคยบอก ไม่เคยพูดเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจู่ๆก็มาหลบหน้าหนีหายไปเกือบปี ทำใครท้องแล้วแทนที่จะบอกให้เพื่อนอย่างเราช่วย กลับหนีหน้า เป็นใครใครก็โกรธดิ นะ เราคืนดีกันนะ ดนัย”

คำพูดที่ภพดนัยรอคอยมาตลอดเกือบสิบเจ็ดปีเป็นจริงอย่างไม่คาดฝัน ความหนักอกในหลายๆเรื่องผ่อนคลายลงด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อน ธนชัยโผดึงตัวภพดนัยเข้ากกกอดแนบแน่น แต่หัวใจของชายหนุ่มบนเรือนเทพวิมานบีบรัดเสมือนหยุดนิ่ง ชาญณรงค์หลบตาระงับโทสะผละหนีจากภาพบาดใจ


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป


___________________________________

ช่วงพูดคุยตอบคำถาม

ฝากลงคะแนนโหวตโพลล์ด้วยนะครับ ผมต้องการทราบว่าผู้อ่านมีแนวโน้มอยากให้มีการรวมพิมพ์เล่มหรือเปล่า ถ้าไม่เป็นการเร่งรัดจนเกินไปอาจรอจนนิยายจบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ครับ ตอนนี้ก็มีผู้โหวตเข้ามาอยู่ประมาณหนึ่ง (หลักหน่วย) เหอะๆ คิดไปคิดมาบางที นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องตีพิมพ์รวมเล่มก็เป็นไปได้ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง อันดับแรกอาจจะเป็นเนื้อหา ภาษาที่อ่านยาก รวมถึงเรื่องราวมิได้ถูกขนบนิยายวายทั่วไป ไม่เป็นไรครับ ถ้าถึงตอนจบแล้วยังมีผู้โหวตไม่มากเท่าไหร่ก็อาจจะไม่มีการดำเนินการตีพิมพ์ใดๆ แต่รับรองว่าไม่ลบนิยายในเว็บบอร์ดทิ้งแน่นอน


อ้าว รู้ตัวว่ารักมากแต่กลับไปหามาตะไม่ได้อีกแล้ว ทีนี้พจน์จะทำยังไง ทั้งเรื่องการปราบจอมมารด้วย ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องแนวนี้ให้อ่าน สนุกมาก มีปริศนาให้คิดต่อเรื่อยๆ เราชอบกลอนที่คุณแต่งนะคะ
เหลืออีกห้าบทสุดท้ายแล้วครับ มาลุ้นกันว่า พจน์จะกลับไปหามาตะได้อีกหรือเปล่า แล้วจอมมารจะยังลอยนวลอยู่ไม่ รอติดตามบทสรุป ขอบคุณที่คุณชอบกลอนครับ มีกำลังใจในการแต่งเพิ่มขึ้นเยอะเลย


:o12: :o12: :o12:
ม่ายน้าาาา
เป็นอีกตอนหนึ่งที่ตัดสินใจเขียนได้ยากลำบากมาก สงสารทั้งพจน์ทั้งมาตะ ตามคำพูดที่พจน์ว่าไว้ "ถ้าไม่จากกันวันนี้ ความตายก็คงพรากเราจากกัน" รอติดตามบทสรุปในเร็วๆนี้ครับ

บอกตรงๆเห็นชื่อตอนแล้วไม่อยากกดอ่านเลย ทำใจนานมากถึงยอมกด กลัวตอนเศร้าๆ แล้วก็เศร้าจริง  :katai1:ไม่คิดว่าจะลาจากกันขนาดนี้ ถ้าตอนนี้ยาวกว่านี้อีกหน่อยคงมีน้ำตาซึมแค่นี้ก็แย่ละ ไม่อยากให้พจน์ทำแบบนี้เลย บอกตรงๆเริ่มกลัวใจพจน์ละตัดสินใจรวดเร็วมาก :o12: ตอนต่อไปไม่เอาเศร้าแล้วได้ไหมอ่ะ พลีสสส~
คอมเม้นต์คุณทำให้ผมรู้ว่า ชื่อตอนก็มีผลต่อการเข้ามาอ่านเหมือนกันนะ อิอิ เอาล่ะ ถึงจะเศร้า ก็เศร้าให้สุดกันไปเลย แล้วมาดูว่าพจน์จะจบเรื่องราวทั้งหมดยังไง เสียใจอยู่อย่างที่ไม่สามารถเขียนจนเรียกน้ำตาคุณให้ไหลพรากได้ แค่ซึมๆก็โอเคสำหรับผมแล้วล่ะ อิอิ ส่วนตอนล่าสุดนี้จะเศร้าอีกหรือเปล่า ลองเขียนบอกได้ครับ

:o12:  :o12: :o12: ม่ายยยยยยยย ใจร้ายอ่ะ พจน์ :sad4:
ครับ พจน์อาจจะใจร้าย แต่ถ้าให้เลือกระหว่างคนที่เรารักต้องเจ็บ สู้ให้ตัวเราเองเจ็บแทนมิดีกว่าหรือ ทั้งเบื้องหน้าหากต้องเผชิญจอมมารพจน์จะได้ไม่กังวล ตามที่พจน์คิดไว้ "ถึงตัวจะตาย แต่ใจจะยังคงอยู่กับมาตะชั่วนิรันดร์"

ไม่มีใครใจร้าย  ถ้าจะโทษก็คงโทษโชคชะตาที่กำหนดมาแบบนี้   เมื่อตัดสิ้นใจแล้วก็ต้องยอมรับความจริง  ความเจ็บปวดที่เกิด  รอตอนต่อไปครับ ว่าจะจบแบบไหนอะนะ  คึคึ
ขอบคุณที่เห็นใจพจน์กับการตัดสินใจยากลำบากครั้งนี้ เหลือแค่ห้าบทเท่านั้นครับ รอชมบทสรุปได้ไม่นานเกินรอ

เพิ่งอ่านได้ 12 บท ขอเข้ามาดันให้ก่อนนะคะ ชอบมากๆ ช่วงแรกอ่านยากซักหน่อย เกือบจะขอผ่านไปละ แต่พอตั้งใจกลับมาอ่านอีกที รู้สึกสนุกดี ชอบภาษา ทั้งกลอนและสำนวนการพูดต่างๆมาก

มีตินิดเดียวคือ บางคำพูดของตัวละคร แม้ว่าจะเป็นภาคปัจจุบัน แต่กลับใช้ภาษาเขียน มันเลยสะดุดอยู่บ้าง และมีเขียนผิดเล็กๆน้อยๆประปรายค่ะ เช่น กระเส่า มักเขียนผิดเป็น กระเซ่า , ขลุก เขียนเป็น คลุก อะไรทำนองนี้ ผู้เขียนอาจจะมึนเบลอเนื่องจากมีศัพท์แสงภาษาไทยมากมายในคลังสมอง เลยรีบเขียนไปหน่อย เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :mew1:
ขอบคุณที่เข้ามาช่วยดันครับ แต่ต้องไม่ดันเปล่า นิยายเรื่องนี้คุณต้องชอบจริงๆถึงคอมเม้นต์ได้ละเอียดถี่ถ้วนดีงามขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับคำผิด ถึงผมจะอ่านทวนหลายรอบแค่ไหนในแต่ละบท ก็ยังคงมีหลุดรอดให้เห็นประปรายอย่างคุณได้เห็น ต้องขอน้อมรับไว้เป็นความผิดของผู้เขียนเองทั้งสิ้นทั้งปวง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำติชมทั้งหลายจะรีบกลับไปแก้ดังคุณว่ามา ส่วนบางคำพูดปัจจุบัน แต่ใช้ภาษาเขียนไม่ใช่คำพูด คงติดเป็นนิสัยของผู้เขียนเสียแล้ว หากตรงไหนอ่านไม่เข้าปากคุณ หรือคนปัจจุบันเขาพูดกันก็ต้องอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หากจะกลับไปแก้ก็คงเยอะทีเดียว ขอน้อมรับไว้ละกันครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2016 15:53:19 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่าเสียใจนะคะคนเขียนตอนก่อนมันหวานซะเกือบทั้งหมด มาเศร้าเอาตอนท้ายๆ เลยเป็นช่วงบิ้วอารมณ์ตัวเองอยู่น้ำตามันเลยยังไม่ทันไหล
 ส่วนตอนนี้ชอบกลอนจากพรากมาก แต่ก็เกลียดเหมือนกันจะจากจะพรากกันไปไหนต้องได้กลับมาเจอกันดิ คนเขียนแต่งดีนะชอบกลอนมากเลยอ่านแล้วได้อารมณ์ดี ชอบทุกกลอนทุกบทของเรื่องนี้มากเลย หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยพจน์คิดหาคำตอบที่ต้องการได้บ้างก็ยังดี

ปล.อยากได้รวมเล่มนะแต่ตอนนี้ไม่สะดวกซื้ออย่างแรง พอดีว่าไม่ได้อยู่ไทยอ่ะเลยไม่สามารถซื้อได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2016 12:18:58 โดย DESZCZ »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6

‘ถ้ามนุษย์บนพิภพนี้เชื่อว่าน้ำท่วมโลก มหาพิภพจะล่มสลาย ถ้าสามารถรวบรวมมหามณีสามสิ่งได้ มหาพิภพจะล่มสลาย’
เหมือนจะ งง ถ้ามนุษย์เชื่อว่า น้ำท่วมโลก มหาพิภพจะล่มสลาย >>>> แล้วทำไมปู่ของพจน์ต้องประกาศเตือน???
ถ้ารวบรวมมหามณีได้ มหาพิภพจะล่มสลาย?? >>> งั้นพจน์ก็ไม่น่าจะต้องทำอะไร มหาพิภพจะได้ไม่ล่มสลาย
ปล. งง จริงๆค่ะ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ game6969

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
“จากเอยจากมิจากจำต้องจาก
จำพลัดพรากจำจากจำพลัดหลง
ใจสองดวงเคยรักแจ้งจำนง
ถึงคราวคงพรากจากจดจำใจ

ก่อนเคยรักสมัครรักพันผูก
ทุกข์สุขถูกผิดพลั้งร่วมแก้ไข
น้ำคำรักหวานซึ้งตรึงตราใน
ผนึกไว้กลางทรวงล่วงผ่านกาล

เมื่อมีพบต้องมีวันพรากจาก
หนึ่งคำฝาก รัก รัก รักผสาน
ครวญใคร่คิดคะนึงถึงซึ่งวันวาน
เราร่วมราญร่วมคู่ร่วมวิญญาณ์

พรากเอยพรากมิพรากจำต้องพราก
จำพลัดจากจำพรากถวิลหา
แววเว้าวอนแววรักแววนัยน์ตา
ชั่วดินฟ้าแม้นพรากจากเพียงกาย”

ตรงบทนี้อ่ะน้ำตาพรากเลย

ออฟไลน์ pnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ก่อนเค้าจะรักกันได้ ต้องเสียน้ำตาอีกเท่าไหร่ ปวดใจอีกแค่ไหนหรือคะ คนเขียน ใจร้ายอ่ะ แล้วกลอนจากพรากก็ทำน้ำตาไหลเลย เพราะมาก ยิ่งใกล้จบก็กลัวไม่สมหวังยังไงไม่รู้ รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
 อ่าวมีตัวละครมาเพิ่ม  วายุภัทรมาเพื่ออะไรนะ อยากรู้จัง  รอต่อไปครับผม หนังสือนั้นได้รู้แค่ส่วนเดียวเอง  ยังไม่รู้เลยว่ามันจะมีวิธีอะไร  พอจะช่วยให้รอดพ้นกับวิกฤตนี้รึเปล่า

ออฟไลน์ Delta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านทันแล้วค่ะ ขอบคุณผู้เขียนที่ยังคงลงเรื่องให้อ่านไม่ขาดตอนนะคะ เพราะว่าเป็นงานเขียนที่ต้องใช้เวลากลั่นออกมา แต่ก็ยังคงเขียนต่อเนื่อง ไม่ท้อใจไปเสียก่อน  ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นนิยายวายที่อ่านยากที่สุดตั้งแต่อ่านมา แต่ก็ยังคงอ่านต่อ แม้จะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับความหมายของศัพท์ไทยมากกว่านิยายปกติมากซักหน่อย  (ปกติไม่ค่อยอ่านวรรณคดีไทยมากนัก สมัยเรียนก็อ่านเท่าที่มีในบทเรียนและต้องสอบเท่านั้นเอง) แต่ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งรู้สึกอยากติดตาม อยากรู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร สำหรับบทร้อยกรองในเรื่องนั้น ชื่นชอบมากค่ะ ชอบอ่านและชื่นชมกับการเลือกใช้คำมาก ตัวเราเองแต่งกลอนไม่เป็นเลย ไม่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงในเรื่องนี้

สำหรับคอมเม้นท์ของบทท้ายๆ ขอพูดถึงเรื่องของพระราชเทวีซักนิด ตอนแรกพบกับพจน์ ที่บอกว่าพจน์เป็นถึงมหาบุรุษ มิใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนเช่นตน แต่มีสี่เศียร สี่พักตร์ สี่กร...แป๊บเดียวเท่านั้น หม่อมแม่ก็อารมณ์ผันผวน ชี้หน้าด่าทอและขับไล่ไสส่งซะงั้น ปรับอารมณ์ตามแทบมิทัน เข้าใจว่าอยู่ในช่วงฮอร์โมนส์ปรวนแปร หรืออาจห่วงกังวลเกรงว่าพี่ชาย น้องชายจะผิดใจกันเพราะชายคนเดียว จึงจำต้องตัดปัญหานี้ทิ้งไป จนทำให้พจน์ที่รักของดิฉันต้องช้ำใจ จำพรากจากยอดรัก กลับมาสู่ภพปัจจุบัน เศร้าจัง..สงสารมาตะ
.
.
.
อ้อ..มีฉากนึงที่ติดอยู่ยังมิเคลียร์ ใครคือคนที่แอบดูสองหนุ่มเริงรักกันในน้ำเมื่อคราโน้นนน..คะ พระมหาอุปราชาหรือเปล่าเอ่ย มาแต่ดวงตา..ยังไม่เฉลย เลยข้องใจ แหะๆ

จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผู้แต่งค่ะ หายป่วยไวๆนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2016 14:46:17 โดย nuna »

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๔๒



ปักษาวายุภักษ์



วงหน้าปักษาวายุภักษ์แลมองภัทรพจน์จากเบื้องล่างนั้น พอพิจารณาโดยละเอียดถี่ถ้วน จึงเห็นเขี้ยวขาวผุดชี้สองมุมปาก คิ้วเป็นหยักกนกดูน่ายำเกรง แต่มิได้ลดทอนแววตาอ่อนโยนซ่อนเร้น กลับเสริมให้ดูองอาจ ครั้นเจ้าวายุภักษ์ลุกนั่งในท่าชันเข่าจึงเผยรอยแดงคล้ายขนนกอย่างเดียวกับกินนรคราวย้อนอดีตชาติรพีกานต์ สักลามถึงเหนือโคนขา สวมชฎาเกล็ดทองยอดแหลม ยามเห็นมหาบุรุษอ้ำอึ้งพิเคราะห์ตนแน่นิ่งอยู่ก็เป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อน

“คำอภัยนั่นแล้วจึ่งเป็นสิ่งสมควรค่ายิ่ง ยามข้าพระองค์เผยตนแก่ท่าน” เจ้าปักษาขยับปากอย่างมนุษย์สนทนา “มหาบุรุษท่านอย่าเพ่อตระหนกในรูปกายยามพินิจ หากเครื่องหน้าข้าคลับคล้ายอย่างอสูรมารยักษาก็ด้วยเพราะเป็นหน่อเนื้อเชื้อแถวสืบต่อแนวมาแต่ครั้งปางบรรพ์ มิอาจปลดจากกายได้ฉันใด ความบริสุทธิ์ซื่อตรงต่อพิภพโลกาคือหลักประจำใจฉันนั้น อย่าพะวงว่าข้าคือสมุนจอมปีศาจ ก็แหละอำนาจชั่วร้ายเป็นอาวุธที่ข้าต่อกรจนจวบสิ้นชีพวายฉะนี้จงคลายใจเถิด ข้าปักษาวายุภักษ์เป็นผู้รับใช้มหาเทพ นามชื่อลือชานั้นหรือ คือ รณพานุรักษ์

“ลุกขึ้นก่อนเถอะ รณพานุรักษ์” พจน์ไม่ได้ตื่นตะลึงเท่าใดนักกับการที่อยู่ๆก็มีชาวมหาพิภพปรากฏ ทุกสิ่งอย่างผ่านเข้ามานับแต่ตนข้ามพิภพได้สั่งสมให้เขาระลึกรู้ถึงความมีตัวตนนอกเหนือมนุษย์ รณพานุรักษ์อิดเอื้อนมิประสงค์ทำตาม พจน์เห็นท่าทีลังเลเป็นกังวลก็โผเข้าดึงไหล่นูนให้ลุกยืน แต่อีกฝ่ายขืนตัวหมายใจชันเข่าท่าเดิม พจน์ก็ละเจตนา เห็นความมุ่งมั่นแล้วลอบถอนหายใจ คำถามมากมายหลั่งไหลจนแทบไม่อาจยั้งปากไว้ได้

“ที่บอกว่า ท่านรับใช้มหาเทพ แปลว่าท่านเองก็เป็นคนดีสินะ”

“คนจะดีหรือเลวเพียงด้านเดียวโดยเนื้อแท้นั้นมีอยู่จริงหรือ มหาบุรุษ” เจ้ารณพานุรักษ์สดับยินแล้วยอกย้อนสะท้อนถาม พลางยิ้มให้ประหนึ่งลุแก่โทษ “อภัยเถิดมิได้เจตนาตำหนิติเตียนท่าน ก็แหละท่านมิใช่หรือคือผู้ที่ชาวมหาพิภพเรารอคอยมาเนิ่นนาน พระเจ้าข้า คำถามอันท่านซักจึ่งก่อเป็นข้อเสียดแทงใจทุกสรรพสิ่ง ทว่าแม้แต่ท่านมิอาจรู้ ไฉนเลยข้าซึ่งเป็นแต่เพียงเดรัจฉานยังมิอาจบรรลุฌานจักอรรถาธิบายได้ ขอขมาเถิดอย่าได้ถือสาหาความ”

“อย่าได้กล่าวคำว่า ผมบรรลุฌานเลยครับ เพราะครั้งไหนมีใครทัก ภาพที่แลกมากับความรู้แจ้ง คือ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข ทำให้หัวใจผมเจ็บทุกครั้ง”

“นั่นเป็นแต่ปฐมฌานดอก ยังเหลือขั้นทุติยฌาน ตติยฌาน...”

“ผมไม่รู้หรอกครับว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ผมเรียนรู้ ณ เสี้ยววินาทีนั้นคืออะไร แต่ผมรู้ว่าการจะเอาชนะความชั่วร้ายไม่ใช่มีแค่ความดีเพียงประการเดียว”

 “ท่านอย่าด่วนปลงใจท้อถอย เมื่อครั้นมีปฐมย่อมมีลำดับขั้นถัดไปอย่าเป็นกังวล เหตุเผยกายของข้าพระองค์ครานี้มิได้เพื่อสนทนาธรรม เพราะกิเลสในใจหยาบช้านักยากจักเข้าถึง ความรู้ละกิเลสมีเพียงแค่ห่างอึ่งมิอาจชี้แนะท่านได้ แต่จักขอไขข้อสงสัยแลสอบความจริงในใจท่านให้กระจ่างแจ้งสักเพลาหนึ่งก่อนการตัดสินจักนำตำราสีชาดพลิกชะตาพิภพส่งมอบให้ผู้รับสนองพระบัญชาคือศาสตราจารย์วิชัยผู้ถูกเลือก”

ในกำมือพจน์ยังคงถือหนังสือมหาทวีปลึกลับซ้อนด้วยตำราอัญมณี

“ผมตัดสินใจแล้วครับ เวลากระชั้นชิดเหลือเกิน ก่อนจะถึงวันที่ ๑๕ เมษายน ก่อนดวงดาวในสุริยจักวาลจะเรียงเป็นเส้นตรง เหลือเวลาไม่มากแล้ว”
 
“ในใจท่านสงสัยสิ่งใดเป็นข้อกังวลยังจักมีหลงเหลือบ้าง ฤา ไม่”
 
“ทำไมถึงเป็นผม ทำไมต้องเป็นมาตะ ทำไมมหาพิภพถึงจมอยู่ใต้มหาสมุทร ทำไม...”

“ช้าก่อน มหาบุรุษ คำถามแห่งท่านจักได้รับคำตอบแน่แท้ไม่หลงเหลือความกังขา ด้วยพระบัญชาแห่งองค์พระมหาเทพตรัสแนะข้าให้มาเพื่อการนั้น เพื่อขจัดความไม่รู้แห่งท่านจนสิ้นสงสัย”

“ทำไมก่อนนี้มหาเทพผู้นั้นถึงไม่ดำริคิดให้เร็ว มาอธิบายตอนนี้มันจะเกิดประโยชน์อะไร” พจน์พยายามไม่ให้น้ำเสียงดังเกินกว่าเล็ดลอดออกนอกห้อง แต่ความคับข้องอัดอั้นมาเนิ่นนานก็ระเบิดใส่ข้ารับใช้ของเทพผู้ยิ่งใหญ่

คำถามของมหาบุรุษประดุจก้อนศิลาปิดปากปักษาวายุภักษ์มิอาจเอื้อนขยับ เพราะความจริงลี้ลับถูกปิดบังไว้เนิ่นนานไม่มีสาระประโยชน์ใดจริงดังว่า มีแต่จะกระแทกรอยแผลเพิ่งสมานปิดสนิทให้ปริแยก เจ้ารณพารับรู้ดี จึ่งระงับความทุกข์ในใจให้ทอนลง หลบสีตาเนื้อสมันนั้นแล้วแจกแจงด้วยเสียงว่างเปล่าว่า

“ข้าเป็นเทพารักษ์พิทักษ์ท่าน ภัทรพจน์มหาบุรุษ” ดวงตาล้อมด้วยขนตาหนาพยายามสื่อสารกับพจน์ผ่านถ้อยคำท่วงที “ข้าถูกส่งตัวมานับแต่ท่านถือกำเนิดเพื่อทำการคุ้มครอง ยามพระมหาเทพวอนขอ เหตุอันเป็นข้อให้พระองค์ทรงเลือกสรรข้าเพื่อกระทำกิจธุระสำคัญมิอาจล่วงรู้หยั่งถึง แต่ครั้นมีพระบัญชาต่อทหารในใต้ฝ่าละอองธุลีแห่งองค์มหาธรรมนับว่าเป็นเกียรติยศแก่พงศ์เผ่าวงศ์ตระกูลเป็นล้นพ้นหาที่เปรียบมิได้ พระดำรัสหนึ่งเดียวให้ข้ารักษาสัตย์ยิ่งชีพตน คือ ปกป้องมหาบุรุษแลญาติมิตรจากภัยพาล พระบรมราชโองการเพียงเท่านั้น แต่กิจธุระสำคัญยาวนานแลยากเข็ญสุดพรรณนาเป็นคำเจรจาได้”
 
“บัดนี้ท่านถามว่าทำไมถึงเป็นท่านผู้ทรงเลือกให้ครอบครองวิเชียรมณี” รณพานุรักษ์กำหมัดแน่น แล้วผ่อนคลายด้วยรอยยิ้มบางเบา “วงศ์ตระกูลของท่านสืบเชื้อสายมาแต่ครั้งมหาพิภพล่มลงใต้สมุทร องค์มหาธรรมคัดสรรเผ่าพันธุ์ที่พระองค์เมตตาที่สุดจากมหาพิภพให้ถือกำเนิดขึ้น ณ พิภพใหม่ เหล่ามนุษย์เติบโตตามกาลเวลา เพลาวันหนึ่งรากเหง้าสายโลหิตแห่งท่านในยุคมืดและเก่าแก่กว่านี้ล่วงล้ำเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ องค์บรมเทพรับรู้ชะตาลิขิตก่อเกิดขึ้นในหทัยดังคำโคลงพยากรณ์ บัดนี้มาถึงพร้อมแล้ว จึงดำรัสตรัสแก่ต้นตระกูลท่านให้รับสัตย์สาบานว่าจักดำรงเชื้อสายเผ่าพงศ์เพื่อเป็นหน่อเนื้อเลือดกายให้มณีเพชรสุริยฉายประทับสถิตเมื่อถึงคราวเหมาะสม ห้วงวัฏจักรพ้นผ่านจวบกระทั่งถึงกาลสมควร อำนาจอันทรงล่มมหาพิภพใกล้เสื่อมคลาย และวันแห่งการหวนสู่เบื้องบนใกล้เข้ามา พระองค์จึ่งประทานเพชรมณีแก่เลือดเนื้อเชื้อไขบุรุษคนสุดท้ายแห่งวงศ์ตระกูลเทพวิมาน คือ ท่าน”

พจน์พยักหน้ารับไม่มีข้อโต้แย้ง

“ส่วนมหาพิภพเมื่อถูกล่มลงใต้พิภพประดุจฉุดกาลเวลาให้หยุดนิ่งมาแต่นั้น ทุกสิ่งอย่างชะงักงันดั่งรูปปั้น ไร้การเคลื่อนไหว ไร้การกำเนิด ไร้การจำเริญเติบโต แต่ไม่ไร้ลมหายใจ อำนาจแห่งพระมหาเทพบันดาลสะกดทุกสรรพสิ่งให้เป็นดั่งนั้นจวบกระทั่งท่านเดินทางข้ามพิภพ ผลอำนาจเพชรมณีผนวกกับความผูกพันแต่อดีตชาตินำท่านสู่มหาพิภพและคนที่ท่านรักมาทุกภพทุกชาติ จึงคลายมนตราสะกดให้สรรพชีวิตหลุดพ้นจากการหลับใหลอันยาวนาน ท่านถามว่าทำไมถึงเป็นมาตะราชบุตรยามต้องข้ามพิภพ คำตอบอยู่ในใจท่านแล้ว ตลอดเวลานับแต่หนแรกแลท้ายสุด”

หัวใจพจน์บีบรัดสูบฉีด พักความคิดด้านร้ายชั่วแล่นแล้วสะกดอารมณ์ ตัดสินใจถามกลับว่า

“ผมไม่อยากรู้แล้วครับ ขอบคุณน้ำใจ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนผมคงจะขอบคุณได้เต็มปาก แต่ ณ วินาทีนี้คำของคุณเหมือนทำร้ายผมมากกว่าเป็นผลดี กรุณาหยุดเถอะครับ ไม่ว่าสิ่งใดปกปิดไว้ขอให้คุณอย่าได้แพร่งพรายให้ผมรู้เสียดีกว่า ผมจะก้มหน้ารับหน้าที่ซึ่งนายของคุณ คือ มหาเทพ มอบให้จวบลมหายใจสุดท้าย กลับไปบอกเขาด้วย”

รณพานุรักษ์ลอบสังเกตอารมณ์รู้สึกผ่านเครื่องหน้าเลิศสิริโฉม จึงจำยอมย่นย่อรวบรัดความทั้งสิ้นให้ฟัง

“องค์มหาเทพมิได้เจตนาประสงค์ให้ท่านต้องเจ็บช้ำแม้แต่น้อย พระองค์ตรัส...”

“เขาคือคนที่คุณปู่พบที่วัดไชยวัฒนารามใช่หรือเปล่าครับ”

“พระเจ้าข้า” เจ้าปักษาก็รับว่าจริง แล้วว่า “การสนทนาด้วยศาสตราจารย์วิชัยเพื่อแจ้งบัญชาภารกิจเตือนสรรพชีวิตถึงหายนะภัยคือเจตนาสำคัญมิอาจละทิ้ง ตลอดมาพระองค์ฝากคำเตือนแก่มนุษย์ทุกช่วงเวลา เพื่อให้ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญแก่ศาสตราจารย์วิชัยใช้ในการเตือนครั้งสุดท้าย โปรดเชื่อเถิดว่า ยังมิสายเกินควร ภารกิจนี้จักต้องสำเร็จลุล่วง”
 
“งั้นผมต้องไปหาคุณปู่เดี๋ยวนี้” ภัทรพจน์ผุดลุกยืน หักใจจากเรื่องราวปริศนาที่คลี่คลาย

“ตำราสีชาดเป็นข้าที่ลักพานำลอบให้บรรณารักษ์ผู้นั้นเก็บรักษา” รณพานุรักษ์จดจ้องหลักฐานหนึ่งเดียว “ก่อนการกวาดล้างจะเกิดขึ้น เป็นข้าที่นำโคลงพยากรณ์บทต้นมอบให้ครูท่าน เป็นข้าที่ผลักคัมภีร์วรรคทองวรรณปราชญ์หล่นใส่จนค้นพบบทกลอนไขถอนมนตราลีลาทมิฬ เป็นข้าผู้สกัดพลังจุมพิตสีเลือดมิให้ทำอันตรายสหายของท่านจนเกือบถึงแก่ความตาย”

ไอ้น้ำ

“แต่ข้าก็พลาดท่าเสียทีหลงลืมว่า จอมมารให้ทาสรับใช้กระจายอาวุธชั่วไปยังบุรุษตระกูลเทพวิมานโดยพร้อมกัน ธนพลผู้อาท่านจึ่งต้องมนตรานั้น มหาเทพ พระองค์พิโรธอย่างที่สุด ยามหน้าที่อันข้าได้รับมอบหมายผิดพลาดยากจะให้อภัย โชคดีระหว่างนั้น...ท่าน จะด้วยความตั้งใจ ฤา ไม่ก็ตาม ท่านทำให้สมุนจอมปีศาจตนหนึ่งต้องสั่นคลอนในความภักดี และจดจำความหลังอันยาวนานได้อีกครั้ง เขาทรยศจอมมารเพื่อเตือนภัยร้ายและช่วยเหลือข้า ปกป้องคุ้มครองท่าน

“กัน...” พจน์ครางชื่อคนคนนั้นผ่านริมฝีปากซีด “ทำไมครับ ทำไมไอ้กันถึงยอม...”

“บัดนี้ท่านยังมิล่วงรู้คำตอบอีกกระนั้น ฤา มหาบุรุษ” เจ้าภัทระส่ายหน้าแทบไม่อยากฟังแต่จำต้องรู้ให้ได้

“เอาเถิด ในอีกไม่ช้าท่านจักได้รู้ แต่เป็นเพราะเจ้าหนุ่มปีศาจตนนั้น ข้าจึงรู้แผนการของจอมมารบนพิภพนี้ทั้งหมด ว่ามันต้องการทำสิ่งใด มันรู้หรือไม่ว่าใครคือผู้ครอบครองเพชรมณี ยัง ตอนนั้นจอมมารยังไม่รู้ มันจึงสุ่มฆ่าเพื่อช่วงชิงดวงวิญญาณผู้ครอบครอง เหตุการณ์ต้องมนตราลีลาทมิฬทำให้มันดับสูญ แต่จอมมารเป็นผู้เข้าใกล้วิถีอมตะมากกว่าใครอื่น มันจึงฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง ทวนอัศวาราตรีกาลทำลายมันได้ มันจึงระวังตัวยิ่งกว่าเดิม เคียดแค้นผู้ทรยศเหลือคณานับ แต่จะไม่เกิดประโยชน์เลยหากข้าไม่รู้ให้ได้ว่า แผนการสืบต่อไปของจอมมารคือสิ่งใด จึงบังคับขู่เข็ญให้ปีศาจผู้แปรพักตร์หวนกลับสวามิภักดิ์จอมมารอีกครั้ง เจ้าปีศาจหนุ่มมีอำนาจสร้างเกราะกำบังใจตนกล้าแข็งยิ่ง ครั้งแรกจอมมารหมายสังหารผู้ทรยศแต่เมื่อเขายอมเปิดเผยว่า คราวทรยศก็เพื่อเข้าสืบหาตัวผู้ครอบครองสุดยอดอัญมณีตัวจริง จอมมารจึงสิ้นสงสัย ท่านรู้คำตอบอยู่แล้ว นามอันปีศาจหลงกลว่าคือผู้ครอบครองตัวปลอมคือผู้ใด”

“คุณพ่อ”

“ภพดนัยเป็นรายชื่อที่เหมาะควร ในเมื่อเจ้าตัวยินยอมพร้อมใจสละชีพเพื่อรักษาชีวิตบุตรชาย และยืดเวลาเผยความจริงให้ยาวนานออกไป มหาเทพติดต่อกับบิดาท่านโดยตรงและเขายินยอม ดั่งนั้นยามสหภูบาลปีศาจชี้นิ้วกลางหมู่มวลมนุษย์จึงเป็นบิดาของท่านตามกลลวง แต่ดูเหมือนแผนการคงสำเร็จตามองค์มหาเทพเฝ้าวางแผน ถ้าหากไม่...” พจน์สังเกตเห็นปักษาวายุภักษ์มีหยาดน้ำปริ่มเอ่อคลอ

“หากเจ้าปีศาจหนุ่ม นักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญการพยากรณ์หนึ่งเดียวในพิภพโลกา ผู้ยอมทรยศปีศาจเพื่อคนคนหนึ่ง แสร้งยินยอมปลอมแปลงกลับเข้าฝ่ายจอมมารอีกครั้งเพื่อล่อหลอกให้หลงทาง ต้องมาได้ยินคำตัดพ้อของท่าน สายตาผิดหวังแม้แต่ข้าเองซึ่งลอบระวังภัย ณ บริเวณวัดไชยวัฒนารามนั้นต้องมีอันสั่นสะเทือน มนตราเกราะกำแพงใจเพื่อใช้ปิดบังความจริงซ่อนเร้นปริแตกพังทลายไม่มีชิ้นดี เพียงแค่สายตาและคำพูดท่าน มหาบุรุษ นักปราชญ์ปีศาจ สินะกาวี จำต้องลงมือสังหารเสนาบดีสหภูบาลรวดเร็วก่อนจอมมารจักมองเห็นความจริงในใจ เขาทรยศเพื่อท่าน ทรยศเพื่อรัก รัก...ที่ท่านจักไม่มีวันมอบให้คนผู้นั้นเป็นเด็ดขาดในชาติภพนี้ หรือทุกชาติภพล่วงผ่าน”

คำรณพานุรักษ์ประดุจหมัดซัดเข้าโหนกแก้มพจน์จนรู้สึกชาวาบตั้งแต่สมองจรดห้วงหัวใจ

“คุณ...ทำไม อะ...ไอ้...กัน”

เด็กหนุ่มผ่อนกายทรุดลงกับเตียงอีกครั้ง เสียงเคาะประตูห้องเตือนให้ใจพจน์กระตุกวูบ

“ตาพจน์” ศาสตราจารย์วิชัยเรียกหา
 
“ครับ คุณปู่” โชคดีที่ขัดลั่นดาลประตูไว้ รณพานุรักษ์กลืนหายลับกับหมอกขาวและสายลมทันที ศาสตราจารย์ก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามา เหลือบเห็นพวกไอ้เอก ไอ้ต่อ ไอ้กี ชะเง้อชะแง้มองตามหลังคุณปู่ เมื่อปิดประตูแล้วท่านยืนกวาดตามองรอบห้องนอนพจน์ก่อนจะหยุดยังหลานชาย

“หายนะภัยใกล้เข้ามา และถ้าวันนั้นมาถึงปู่ไม่อยากให้ทุกอย่างจบสิ้นโดยที่แกยังไม่รู้สาเหตุความเป็นไปทั้งหมดของวงศ์ตระกูลเรา หน้าที่สำคัญที่สุด”

“ผมรู้แล้วครับ” พจน์ตอบท่าน ความจริงจากปากปักษาวายุภักษ์อธิบายทุกอย่าง “ผมตัดสินใจได้แล้ว”

ความประหลาดใจปรากฏในแววตาหลังกรอบแว่น เมื่อพิจารณาหนังสือปกแดงในมือของหลานชายยื่นเหยียดมาสู่ท่าน มือสั่นเทากระตุกเตือนก่อนจะเอื้อมจับ มหาทวีปลึกลับ ไว้

“ผมขอโทษที่เจอมันล่าช้า แต่คงมีเวลาพอจะประกาศเตือนให้ทุกคนเชื่อเรื่องน้ำกำลังจะท่วมโลก”

“นี่มัน...” ศาสตราจารย์เฒ่าใช้มือสั่นเทาค่อยๆพลิกอ่านรายละเอียดผ่านแว่นเลนส์กลม

“หลักฐานสำคัญหนึ่งเดียว อาจารย์วิศรุต” ทันทีเมื่อพจน์เอ่ยชื่อผู้เก็บรักษาหนังสือปกแดงไว้ มือของท่านก็หยุดสั่น ความรู้สึกเจ็บแล่นพล่านทั่วกาย ผ่อนคลายความประหลาดใจในทันที เปลี่ยนจากเนื้อหาในหนังสือย้ายจดจ้องหลานชายผู้ครอบครองวิเชียรมณี

“วิศรุต”

“ครับ เพื่อนของคุณปู่ ท่านบอกให้ผมนำมามอบให้คุณปู่ บอกว่า คุณครูทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้วว่าจะยอมช่วยเหลือในยามเดือนร้อน มิตรภาพระหว่างเพื่อนยั่งยืนเสมอ คุณครูได้คำตอบแล้ว และไม่ต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน” พจน์เห็นความเจ็บปวดพุ่งผ่านสายตาคุณปู่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนับแต่ท่านต้องสูญเสียคุณย่าไปในอุบัติเหตุเครื่องบินตก แล้วจู่ๆก็คลี่คลายรอยยิ้ม “เขาพูดอะไรกับแกอีกบ้าง”

“ไม่มีแล้วครับ นอกจากแนะนำให้นำหนังสือมอบให้คุณปู่แล้ว อ้อ แล้วยังบอกให้ผมรีบตัดสินใจ และ เอ่อ...” ลังเลชั่วครู่ “คุณครูบอกว่า เมื่อเราโตขึ้นสิ่งที่ยากไม่ใช่การลืม แต่เป็นการจำมากกว่า”

ณ วินาทีนั้นพจน์เห็นเพียงชายชรา ดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงยืนอยู่เบื้องหน้า ราวกับพลังกายท่านถดถอยฉับพลันทันด่วน เพียงเสี้ยวหนึ่งวินาทีก่อนจะปรับให้ดูปรกติดังเดิม

“ปู่ต้อง...ใช้เวลาเพื่อศึกษา” ท่านพลิกหนังสือปกแดงอีกครั้งแล้วหุนหันกลับคืนห้องพักของตนรวดเร็ว

“ความลังเลสงสัยเป็นอุปสรรคขัดขวางความสำเร็จ บัดนี้ มหาบุรุษท่าน ผ่านบททดสอบครั้งสำคัญแล้ว พระเจ้าข้า” รณพานุรักษ์หวนกลับมาในห้อง ชันเข่าก้มหน้าอยู่ในท่าเดิม


มีต่อด้านล่าง

______________________________

วายุภักษ์ : ชื่อนกในวรรณคดี รูปร่างเป็นนกอินทรี ตัวและหน้าเป็นยักษ์ มีปีก หาง และตีนเหมือนครุฑ แต่หางมีแววเหมือนนกยูง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2018 16:04:33 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]



“ก่อนที่คุณปู่จะเข้ามา คุณบอกว่ากันทำทุกอย่างเพื่อผม เพื่อรัก...ที่ผมจะไม่มีวันมอบให้มันอย่างนั้นใช่ไหม” หันเหลียวมองสิ่งมีชีวิตจากต่างพิภพประสงค์ปลดเปลื้องข้อสงสัยในใจ

“พระเจ้าข้า”

“ทำไมไอ้เจ้านั่นถึงดื้อดึงแบบนี้ ผมเคยพูดความในใจกับมันแล้ว ผมไม่อาจรักใครได้อีก นอกจาก...”

“ท่านผูกใจภักดิ์รักมาตะราชบุตรจริงล่ะหรือ ก็บุรุษผู้นั้นทำสิ่งใดเสมอสินะกาวีปราชญ์พยากรณ์เล่า ทั้งปกปักระวังภัย มิเคยเรียกร้องให้เหลียวมอง ยอมหักหลังจอมปีศาจเพื่อท่าน แล้วมาตะราชบุตรทำสิ่งใดเป็นข้อคุณูปการบ้าง นอกจากต้องการตัวท่านไว้ข้างกาย ท่านสินะกาวีต่างหากสมควรเป็นชายผู้ท่านมอบดวงใจให้ ยิ่งกว่าใครในพิภพเสียซ้ำ”

“ผมไม่อาจรักใครได้อีก”

“ท่านรักได้ แม้มิเคยร่วมชาติผูกพันมาแต่ปางก่อน เพียงเศษเสี้ยวความรักแบ่งจากมาตะราชบุตรปันให้สินะกาวีท่านน้อยหนึ่งนั้นจะมิได้เจียวหรือ” ไม่น่าเชื่อว่า แม้แต่ปักษาวายุภักษ์ผู้พิทักษ์ปกปักคุ้มครองพจน์ยังออกปากให้ตนเผื่อแผ่ไมตรีจิตแก่นิธิตอบแทนคุณความดีที่มันอุตส่าห์ทำเพื่อเขา หากพจน์มีใจสองดวงก็คงจะทำได้ หากพจน์ไม่รู้สำนึกถูกผิดก็คงจะทำได้ และหากพจน์ไม่ได้รักมาตะไปแล้วก็คงจะทำตามคำแนะนำนั้นได้

“ผมอยากเจอเจ้านั่น”

ดูเหมือนคำร้องขอของพจน์เป็นสิ่งที่ปักษาวายุภักษ์รอสดับยินมาเนิ่น ความเปรมปรีดาผุดวาบทั้งหน้าและนัยน์ตาเด่นชัด
 
“น้ำใจอันประเสริฐประจำกายท่านมินึกว่าจักได้เห็นกับตาสัมผัสกับตัวก็วันนี้ มหาบุรุษเอย ท่านสมแล้วจักเป็นผู้ที่ชาวเรารอคอยมาเนิ่นนานเพื่อขจัดมารร้าย ประสงค์แห่งท่านเพื่อพานพบคนผู้ท่านมิเคยเหลียวแล แต่บัดนี้แจ้งแก่ใจกังขาของข้าจนปรุโปร่ง ข้าคุ้มครองมนุษย์ผู้สมควรได้รับการคุ้มครองจริงดังคำพระมหาเทพ เช่นนั้น ท่านจงให้สัตย์แก่ข้าอย่างหนึ่งเถิด” รณพานุรักษ์โผเอื้อมกุมมือพจน์ประหนึ่งเป็นกิริยาร่วมสาบาน เขาก็รับคำ “จงช่วยท่านสินะกาวีด้วยเถิด บัดนี้จอมมารจับตัวคนผู้นั้นไว้ ณ สถานที่หนึ่ง จำข้าต้องฝืนพระบัญชาแห่งองค์มหาธรรมเพื่อแจ้งท่าน มิอาจปิดบังไว้ จักให้เจ้าปีศาจหนุ่มตายไปโดยที่ไม่ได้รับน้ำใจแห่งท่าน ข้าทนทำมิได้ ข้าจักเป็นผู้นำทางบัดเดี๋ยวนี้”

เพียงได้ยินว่านิธิโดนจับกุมตัวโดยจอมมาร เด็กหนุ่มผู้ครอบครองเพชรมณีก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ กายภายในร้อนรนจนแทบสิ้นสติ แต่สะกดอารมณ์ไว้แน่วแน่ก็ออกปากตกลงตามคำปักษาวายุภักษ์

เจ้าปักษาปริ่มน้ำตาจะไหลก็ผุดลุกยืนทันควัน พนมมือทบทวนพระเวทชักนำตนแลมหาบุรุษรุดเดินทางสู่จุดหมายด้วยอิทธิฤทธิ์มนตรา ฝากระดานห้องนอนพจน์ถูกกระชากเลาะลัด ภูมิทัศน์ถนนศิลาทอดยาว มีเสานางเรียง ขนาบข้างจรดสะพานนาคราช ต่อด้วยบันไดสูงสู่เนินสิงขรไฟของปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ เบื้องทิศประจิมแสงสนธยาอาบไล้กิ่งไม้ใบหญ้าเป็นเฉดส้มเดียวกันทั้งหมดทั้งสิ้น สายลมพัดผ่านแผ่วเบา ละแวกอาณาเขตร้างไร้ผู้คนหรือสรรพสิ่งใด ณ ฐานสะพานชั้นแรกมีเงาดำร่างหนึ่งประทับยืนอยู่ แวดล้อมด้วยบริวารห้าตน บ้างหมอบคลาน บ้างนิ่งก้มหน้า ถัดจากร่างเงาผ้าคลุมดำ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกรัดไว้ด้วยเชือกมนตราทมิฬลอยอยู่เหนือลายเส้นรูปดอกบัวบานแปดกลีบกึ่งกลางลานสะพานนาคราช ผิวขาวซีดดุจแป้งขาว แต่งกายด้วยสีสันอาภรณ์เฉกเดียวกับปีศาจ ดวงตาคมดุดุจเหยี่ยวจับจ้องร่างใต้ผ้าคลุม ก่อนจะย้ายมายังจุดที่ภัทรพจน์และปักษาวายุภักษ์ยืนอยู่ห่างประมาณ ๒๐ เมตร

“ไอ้พจน์”

สิ่งมีชีวิตใต้ผ้าคลุมดำหันส่วนเสี้ยวหน้าเหลียวตามทิศทางออกชื่อ นัยน์เนตรสีชาดสว่างวาวโรจน์เปล่งประกาย มันขยับมือซีดขาวไว้เล็บยาวสีดำโบกปัดม่านหมอกกำบังออกจากตัว ยาตราแหวกผ่านทาสรับใช้ผู้มีลักษณะอย่างกินรีแต่สีผิวซีดพัตราภรณ์ดำดุจราตรีสองตน อีกตนเป็นอิสตรีสาวแต่งกายคล้ายหญิงสูงศักดิ์เบื้องมหาพิภพด้วยผ้าดำผิวบริสุทธิ์อย่างเดียวกัน นอกกว่านั้นเป็นยักษากายาดำแลขาวสูงใหญ่กว่าสามเมตรอีกสองตน พวกมันหันดวงตามีจุดดำล้อมสว่างมายังพจน์

“ในที่สุด...” เสียงทุ้มต่ำแผดดังจากร่างใต้ผ้าคลุม ดวงตาสีเพลิงจับจ้องพจน์ แล้วมันก็กรีดเสียงโกญจนาททั่วโบราณสถานอายุพันปี “เราก็ได้พบกันเสียที ชายเอยชายหยั่งรู้ แก้วนพ เจ้าเอย ชายหนึ่งในพิภพ ดั่งข้าม ชายโฉมงามยามสบ ตาตื่น ฤาเจ้า ชายหนึ่งเดียวหยุดห้าม ต่อสู้ ศึกสอง วันนี้เราจักได้รู้ว่าโคลงพยากรณ์หมายถึงผู้ใด”

จอมมารหยุดฝ่าเท้าเปลือยเปล่าสีเผือดลง แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ในระยะอันตราย แต่พจน์สัมผัสภัยร้ายแรงกล้าประหนึ่งมีมือล่องหนวนเวียนโอบล้อม ฉับพลันลูกไฟสีแดงเผาไหม้ก็สาดวาบจากหัตถ์จอมปีศาจ รณพานุรักษ์ร่ายเวทคาถาสกัดได้ทันท่วงที ดวงตาสีชาดขยับไหวกลั่นถ้อยหัวเราะต่ำ

“ผู้พิทักษ์”
 
“จอมมาร”

“เพลานี้มิเห็นจำต้องอาศัยผู้พิทักษ์รักษาแล้วกระมัง อำนาจเหนืออำนาจสถิตอยู่ในกายเจ้าหนุ่มมนุษย์ทรงพลังยิ่งกว่ามนตราคาถาอ่อนด้อยของเจ้าเสียซ้ำ จงอย่าริอ่านใช้พระเวทชั้นต่ำต่อกรกับพลังของข้า” ประโยคท้ายแผดตวาดพิโรธโกรธา เมื่อการเผชิญหน้ามาถึงปักษาวายุภักษ์อดประหวั่นมิได้ เพียงลอบสังเกตเห็นจอมปีศาจก็สัมผัสรู้ถึงพลังเวทย์ไหลเวียนอยู่ในเงามืดแน่นขนัด ทรงพลังยิ่งกว่าตน แต่มิได้เผยกิริยาหวั่นเกรงให้ศัตรูล่วงรู้  ท่วงทีองอาจกล้าหาญสะท้อนส่งให้จอมปีศาจเยาะยิ้มตบหัตถ์ชื่นชมยินดี

“ความกล้ามิใช่ใครผู้ใดก็จักมีได้ นอกจากผู้ซึ่งกล้าหาญโดยแท้จริงจากใจ เฉกเจ้าทั้งสองนับว่า ข้ามิได้เห็นกับตาตนเองมาเนิ่นนานครัน”
 
“ปล่อยเพื่อนของผมเดี๋ยวนี้” พจน์ไม่รอช้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานตะโกนแจ้งเจตนา

“กลับไปไอ้พจน์ กลับไปเดี๋ยวนี้ เจ้ารณพาไฉนเลยจึงมิฟังคำมหาเทพ ไม่ควรชักนำมหาบุรุษมาเสี่ยงอันตรายเฉกนี้” ไอ้กันตะโกนขับไล่พจน์ ตัดพ้อข้อความต่อผู้พิทักษ์ปักษา

“กูต้องการมาช่วยมึงเอง ไม่มีใครบังคับ” พจน์สาวเท้าสู่เบื้องหน้าสองสามก้าว มิได้หวั่นลูกไฟมนตราใดๆ “กูมาช่วยมึง เพราะว่ามึงเคยช่วยกู ตลอดเวลาเราได้รู้จักกัน มีสักครั้งไหมที่มึงไม่ห่วงใย ไม่ปกป้อง ไม่รัก...กู”

“มึง...ไม่ต้องทำแบบนี้ กูไม่ต้องการ กลับไป กูบอกให้กลับไปไงเล่า”

“หุบปาก!” จอมมารตวาดขัดด้วยเสียงอันดังสะท้านพงไพร

“สังหารข้าบัดเดี๋ยวนี้ นี่มิใช่วิสัยปรกติของเจ้า จอมปีศาจ เจ้าจะไม่มีวันปล่อยให้เหยื่อพูดพร่ำทำเพลงอยู่ฉะนี้” ฝ่ามือล่องหนฟาดกระทบแก้มซ้ายของไอ้กันจนเลือดหยดซึมมุมปาก

“เจ้าพูดชอบแล้ว ข้าจักไม่มีวันให้ไอ้คนเนรคุณพูดพล่ามอยู่กระนี้ มันสมควรตายนับแต่ข้าแลสมุนจับพันธนาการได้ด้วยซ้ำ แต่...แต่ข้ามีแผนการเดิมพันเหนือชั้นกว่านั้น ยามสุดที่รักของเจ้าล่วงรู้ มันจักทำประการใด ไอ้ปีศาจจอมทรยศผู้คอยช่วยเหลือคุ้มครองมันต้องมามีอันเสี่ยงภัยอันตรายฉะนี้ มีหรือคนดีๆเยี่ยงมันจะรอประวิงนิ่งเฉย ไม่ มันจะกระหืดกระหอบตามหาข้า แหละนี่ผิดจากข้าคะเนกระนั้น ฤา เสียดายนัก เสียดายเชาวน์ปัญญาแลทักษะฝีมือประจำตัวเจ้า ประการเดียวที่ข้ายังเก็บเจ้าไว้ก็เพราะปรารถนาคำพยากรณ์ที่ดีกว่าครานั้น”

“โคลงพยากรณ์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จงเลิกฝันลมๆแล้งๆ”

“ถูกต้อง ข้าควรจะระแคะระคายเฉลียวใจ ว่ามันจักไม่มีโคลงพยากรณ์อื่นใดอีกนอกจากสิ่งที่เจ้าได้เปิดเผย ฉะนั้นบุรพกรรมสองเราคงสิ้นสูญ เจ้าไร้ประโยชน์เนรคุณ ทั้งโทษทัณฑ์ข้อขุนไม่ขึ้น มิอาจละไว้ให้มีชีวิตสุขสำราญ ข้าบริบาลชุบเลี้ยงเจ้าประดุจหนึ่งบุตรในสายโลหิตมาเนิ่นนาน นี่ล่ะหรือคือการสนองคุณตอบแทนความกตัญญู”

“คำลวง คำโกหก คือยาพิษที่แกป้อนไส้ไคล้เพื่อให้ข้ามีความหวังเพื่อจะได้พบ... แต่มันเป็นคำอำพราง เจ้านั่นแหละวางกลทรยศข้าก่อน จอมปีศาจ เพราะหลักฐานแจ้งเพทุบายก็คือ ภัทรพจน์มหาบุรุษ เขาครอบครองเพชรมณีโดยชอบธรรม เขามิได้ช่วงชิงแก่งแย่ง จงสำนึกละอายใจเถิด เจ้าสัญญาสาบานกับข้าว่าจะนำพระเจ้าวัชรโกมลกลับฟื้นจากพญามัจจุราช แต่เปล่าเลย เจ้ารู้อยู่แน่แก่ใจข้อไร้อำนาจราชศักดิ์คาถานั้น  ปลิ้นปล้อนหลอกลวงสุดแต่จะปด การทุรยศหนนี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เจ้าทำกับข้า”

จอมมารพุ่งทะยานบีบรัดมือรอบลำคอของไอ้กันรวดเร็ว เชือกมนตราพันธนาการหลุดรุ่ย เหล่าทาสปีศาจทั้งหมดยังคงยืนนิ่งมิได้เข้าช่วยเหลือนายของตนแต่อย่างใด

“ด้วยโง่เขลาเบาปัญญา หาใช่ความผิดข้า สติเลิศล้ำของผู้พยากรณ์ต้องมีอันวิบัติหม่นมัวก็เพราะพิษรักชั่วมั่วกำหนัดเป็นเหตุ หากเจ้าไม่พลั้งเผลอปล่อยรักครอบงำ มีรึจะไม่หยั่งรู้ ไม่มีใครตายแลฟื้นคืนได้ แต่อีกไม่กี่เพลาเบื้องหน้า ข้าจักกระทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครผู้ใดทำสำเร็จ คือ ชุบชีพจากเศษเสี้ยววิญญาณของสหายแลทาสผู้ภักดี สหภูบาล ฟื้นตื่นจากความตายซึ่งเจ้ามอบให้”

จอมมารเหยียดแขนกระชากปราชญ์พยากรณ์มาอยู่ข้างกาย แล้วจับจ้องภัทรพจน์  เจ้าหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเห็นเหตุการณ์ลุกลามใกล้อันตรายต่อนิธิกระนั้นก็เร่งระงับสติ สะกดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกภูเตศวรเทพผนึกกำลังโดนด่วน

“อย่าแม้แต่จะคิด เจ้าเด็กยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนม” ดวงตาสีชาดล่วงรู้ท่าทีของพจน์ก็ตวาดเตือน “หาไม่ ข้าจักสังหารไอ้คนทรยศนี่โดยพลัน”

พจน์ลดมือลง ละกิริยากำหนดลมหายใจ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากปักษาวายุภักษ์
 
“ท่านต้องผนึกระดมกำลังกับวิเชียรมณี มหาบุรุษ นั่นคือหนทางเดียว จำต้องรวดเร็วฉับพลันก่อนที่จอมมารจักทำการสำเร็จ ระหว่างนั้นข้าจักเข้าสกัดให้มันห่วงพะวง”

“แต่พวกมันมีเยอะเหลือเกิน คุณจะทำได้หรือ อีกอย่างผมไม่แน่ใจว่าจะผนึกกำลังสำเร็จหรือเปล่า”

ฝ่ายจอมปีศาจเห็นภัทรพจน์ผู้ครอบครองสิ่งล้ำค่าสูงสุดหมายใจกำหนดลมหายใจแน่วแน่แล้วก็ผลักปีศาจพยากรณ์ถลันเสียทีสู่เบื้องหน้า เจ้าสินะกาวีปลดผลึกดำกลางหน้าผากขว้างเข้าหาภัทรพจน์ ถ้อยคำมนตราสังหารแผดก้องพร้อมลูกไฟมหึมากระแทกใส่กลางหลังกัน ดวงตาจุดดำขยับไหวไล่หาพจน์ชั่วขณะแล้วนิ่งงันตลอดกาล ก่อเกิดเป็นเงาจางๆดั่งหมอกควันเป็นรูปร่างเจ้าปีศาจหนุ่มยืนนิ่งแทนอยู่ ส่วนกายหยาบขาดแล่งแหลกสิ้น
 
ครั้นภัทรพจน์เห็นการกระทำของมารร้ายจอมเจ้าเล่ห์รวดเร็วปานนั้นสติประจำตัวก็แตกกระเจิง ถลันจะก้าวเข้าช่วยนิธิแต่ถูกปักษาวายุภักษ์ดึงรั้งไว้ จอมมารใช้กรงเล็บกุมศีรษะเงาขาวของสินะกาวี ดวงเนตรสีชาดจับจ้องอาการทุรนทุรายของภัทรพจน์ พลางว่า

“เจ้าจงดีใจเถิดที่ข้าลงมือฆ่ามัน ชายผู้นี้ไม่มีค่าใดๆให้เจ้าต้องสละการผนึกร่างกับพชรเทพไม่คุ้มเสีย อีกสองครั้งเท่านั้นอีกสองครา แหละนี่คือปัจฉิมวาจาสุดท้ายของแก ผู้ทรยศ จงกล่าวออกมา”

“กูรักมึง ไอ้พจน์ ...ตลอดไป”

แรงบีบจากกรงเล็บปีศาจบดเงาร่างละอองขาวแตกละเอียดนับแต่ศีรษะไล่ลามถึงใบหน้า ดวงตา ปาก แขน ลำตัว จรดปลายเท้า สลายเป็นฝุ่นไอเจือใสกับอากาศตราบสิ้นนิรันดร์กาล


100%...TBC

_________________________________

เสานางเรียง : เสามียอดคล้ายดอกบัวตูม

_________________________________

ช่วงพูดคุยตอบคำถาม

อย่าเสียใจนะคะคนเขียนตอนก่อนมันหวานซะเกือบทั้งหมด มาเศร้าเอาตอนท้ายๆ เลยเป็นช่วงบิ้วอารมณ์ตัวเองอยู่น้ำตามันเลยยังไม่ทันไหล
 ส่วนตอนนี้ชอบกลอนจากพรากมาก แต่ก็เกลียดเหมือนกันจะจากจะพรากกันไปไหนต้องได้กลับมาเจอกันดิ คนเขียนแต่งดีนะชอบกลอนมากเลยอ่านแล้วได้อารมณ์ดี ชอบทุกกลอนทุกบทของเรื่องนี้มากเลย หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยพจน์คิดหาคำตอบที่ต้องการได้บ้างก็ยังดี

ปล.อยากได้รวมเล่มนะแต่ตอนนี้ไม่สะดวกซื้ออย่างแรง พอดีว่าไม่ได้อยู่ไทยอ่ะเลยไม่สามารถซื้อได้
ฮ่าๆ จะมีโอกาสทำให้คุณเสียน้ำตาอีกหรือเปล่าเนี่ย ยิ่งใกล้จบแล้วด้วย เหลืออีก ๔ ตอนเอง ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามมาจนขนาดนี้นะครับ ยิ่งคุณชอบกลอน ผมก็แทบจะน้ำตาไหลเพราะความยินดีเสียเอง ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจสำหรับนักเขียนมือใหม่ผลงานเรื่องแรกได้อย่างดียิ่ง หากไม่ได้นักอ่านเช่นคุณๆ ผมก็คงไม่อาจเขียนมาจนใกล้จบแบบนี้ได้ การพราก การจาก เป็นวิถีชีวิตของมนุษย์เราครับ แตกต่างตรงที่ว่า ใครจะเจอเร็วหรือช้า เท่านั้น พจน์ จะพรากจากมาตะตลอดกาลหรือไม่ รอติดตามบทสรุปเร็วๆนี้ ส่วนหนังสือปกแดง คงใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้แน่ๆ สุดแท้แต่ว่า พจน์หรือ ศ.วิชัย จะทำสำเร็จทันหรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามอีกเช่นกัน


‘ถ้ามนุษย์บนพิภพนี้เชื่อว่าน้ำท่วมโลก มหาพิภพจะล่มสลาย ถ้าสามารถรวบรวมมหามณีสามสิ่งได้ มหาพิภพจะล่มสลาย’
เหมือนจะ งง ถ้ามนุษย์เชื่อว่า น้ำท่วมโลก มหาพิภพจะล่มสลาย >>>> แล้วทำไมปู่ของพจน์ต้องประกาศเตือน???
ถ้ารวบรวมมหามณีได้ มหาพิภพจะล่มสลาย?? >>> งั้นพจน์ก็ไม่น่าจะต้องทำอะไร มหาพิภพจะได้ไม่ล่มสลาย
ปล. งง จริงๆค่ะ
อ๋อ ถ้าคุณจะงงก็คงไม่แปลกหรอกครับ เพราะข้อความที่คุณสงสัย มันตัดตอนมาจากบทที่ ๓๔ มัจจุราชยาตรา เป็นคำพูดของบุคคลชุดขาวที่ศาสตราจารย์วิชัยมาพบ ที่ว่า "หนทางช่วยทุกสรรพชีวิตบนพิภพนี้ คือ ศรัทธาความเชื่อจากมวลมนุษย์ทุกผู้ หากมนุษย์ทุกคนเชื่อว่าน้ำกำลังจะท่วมโลก พิภพนี้ก็จะปลอดภัย แต่...มีอีกหนทางหนึ่งซึ่งยากลำบากยิ่งกว่า คือ รวบรวมมหามณีล้ำค่าสามสิ่งให้ครบถ้วนก่อนวันโลกาวินาศมาถึง แลพิภพนี้จะยังคงอยู่ ทว่า...มหาพิภพจักย่อยยับพินาศล่มสลายทันที เพลาใกล้สิ้นสุดแล้ว มนุษย์ จงปฏิบัติตามหน้าที่อันวงศ์ตระกูลนี้ได้รับมอบหมายมาแต่ดั้งเดิม จงเลือกหนทางที่ถูกควร และ...เด็กนั่นช่วยเจ้าได้"

ถ้ามนุษย์เชื่อว่า น้ำท่วมโลก มหาพิภพจะล่มสลาย >>>> แล้วทำไมปู่ของพจน์ต้องประกาศเตือน??? แต่ถ้าคุณปู่ของพจน์ไม่ประกาศเตือน = พิภพปัจจุบัน คือ โลกของพจน์ จะล่มสลายแทน

ถ้ารวบรวมมหามณีได้ มหาพิภพจะล่มสลาย?? >>> งั้นพจน์ก็ไม่น่าจะต้องทำอะไร มหาพิภพจะได้ไม่ล่มสลาย ถ้าพจน์ไม่ทำอะไร หรือ ไม่รวบรวมมหามณีทั้งสาม = ถูกแล้วครับที่มหาพิภพ(ที่มาตะอยู่)จะไม่ล่มสลาย เช่นเดียวกับข้อสงสัยข้างต้น แต่พิภพปัจจุบัน คือ โลกที่พจน์ถือกำเนิด/โลกปัจจุบันทั้ง 7 ทวีป ที่ผู้เขียนและผู้อ่านอาศัยอยู่นี่ล่ะครับ จะล่มสลาย โดยถูกมหาพิภพดันตัวขึ้น เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหว น้ำท่วมโลกแทน

หวังจะช่วยคลี่คลายความกังขาของคุณได้นะครับ

:hao4:
o18

“จากเอยจากมิจากจำต้องจาก
จำพลัดพรากจำจากจำพลัดหลง
ใจสองดวงเคยรักแจ้งจำนง
ถึงคราวคงพรากจากจดจำใจ

ก่อนเคยรักสมัครรักพันผูก
ทุกข์สุขถูกผิดพลั้งร่วมแก้ไข
น้ำคำรักหวานซึ้งตรึงตราใน
ผนึกไว้กลางทรวงล่วงผ่านกาล

เมื่อมีพบต้องมีวันพรากจาก
หนึ่งคำฝาก รัก รัก รักผสาน
ครวญใคร่คิดคะนึงถึงซึ่งวันวาน
เราร่วมราญร่วมคู่ร่วมวิญญาณ์

พรากเอยพรากมิพรากจำต้องพราก
จำพลัดจากจำพรากถวิลหา
แววเว้าวอนแววรักแววนัยน์ตา
ชั่วดินฟ้าแม้นพรากจากเพียงกาย”

ตรงบทนี้อ่ะน้ำตาพรากเลย
เย้ ดีใจที่ทำคุณน้ำตาพรากได้ ฮ่าๆๆ

ก่อนเค้าจะรักกันได้ ต้องเสียน้ำตาอีกเท่าไหร่ ปวดใจอีกแค่ไหนหรือคะ คนเขียน ใจร้ายอ่ะ แล้วกลอนจากพรากก็ทำน้ำตาไหลเลย เพราะมาก ยิ่งใกล้จบก็กลัวไม่สมหวังยังไงไม่รู้ รอตอนต่อไปจ้า
ขอโทษน้า อย่าว่าผมใจร้ายเลยครับ อิอิ ดีใจที่คุณชอบกลอน จากพราก นะครับ ลองเดาเล่นๆนะครับว่า ตอนจบจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หรือ แบดเอน

อ่าวมีตัวละครมาเพิ่ม  วายุภัทรมาเพื่ออะไรนะ อยากรู้จัง  รอต่อไปครับผม หนังสือนั้นได้รู้แค่ส่วนเดียวเอง  ยังไม่รู้เลยว่ามันจะมีวิธีอะไร  พอจะช่วยให้รอดพ้นกับวิกฤตนี้รึเปล่า
คุณคงได้คำตอบของการปรากฏตัวของปักษาวายุภักษ์แล้วนะครับ ส่วนหนังสือปกแดง ก็ที่แน่ๆ ใช้เป็นหลักฐานยืนยันหายนะภัยน้ำท่วมโลกได้แน่ชัด อยู่แค่ว่า ศาสตราจารย์วิชัยจะนำไปใช้หรือไม่เท่านั้น ก็ในเมื่อต้องเลือกให้พิภพปัจจุบันหรือ มหาพิภพใต้มหาสมุทรแปซิฟิกอยู่รอด อย่างไหนควรอยู่ อย่างไหนควรรอด ตัดสินใจยากลำบากเหมือนกันนะครับ

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: รอตอนต่อไปค่ะ
มาแล้วครับ เชิญเสพได้ มีข้อสงสัยติชมได้นะครับ

อ่านทันแล้วค่ะ ขอบคุณผู้เขียนที่ยังคงลงเรื่องให้อ่านไม่ขาดตอนนะคะ เพราะว่าเป็นงานเขียนที่ต้องใช้เวลากลั่นออกมา แต่ก็ยังคงเขียนต่อเนื่อง ไม่ท้อใจไปเสียก่อน  ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นนิยายวายที่อ่านยากที่สุดตั้งแต่อ่านมา แต่ก็ยังคงอ่านต่อ แม้จะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับความหมายของศัพท์ไทยมากกว่านิยายปกติมากซักหน่อย  (ปกติไม่ค่อยอ่านวรรณคดีไทยมากนัก สมัยเรียนก็อ่านเท่าที่มีในบทเรียนและต้องสอบเท่านั้นเอง) แต่ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งรู้สึกอยากติดตาม อยากรู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร สำหรับบทร้อยกรองในเรื่องนั้น ชื่นชอบมากค่ะ ชอบอ่านและชื่นชมกับการเลือกใช้คำมาก ตัวเราเองแต่งกลอนไม่เป็นเลย ไม่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงในเรื่องนี้

สำหรับคอมเม้นท์ของบทท้ายๆ ขอพูดถึงเรื่องของพระราชเทวีซักนิด ตอนแรกพบกับพจน์ ที่บอกว่าพจน์เป็นถึงมหาบุรุษ มิใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนเช่นตน แต่มีสี่เศียร สี่พักตร์ สี่กร...แป๊บเดียวเท่านั้น หม่อมแม่ก็อารมณ์ผันผวน ชี้หน้าด่าทอและขับไล่ไสส่งซะงั้น ปรับอารมณ์ตามแทบมิทัน เข้าใจว่าอยู่ในช่วงฮอร์โมนส์ปรวนแปร หรืออาจห่วงกังวลเกรงว่าพี่ชาย น้องชายจะผิดใจกันเพราะชายคนเดียว จึงจำต้องตัดปัญหานี้ทิ้งไป จนทำให้พจน์ที่รักของดิฉันต้องช้ำใจ จำพรากจากยอดรัก กลับมาสู่ภพปัจจุบัน เศร้าจัง..สงสารมาตะ
.
.
.
อ้อ..มีฉากนึงที่ติดอยู่ยังมิเคลียร์ ใครคือคนที่แอบดูสองหนุ่มเริงรักกันในน้ำเมื่อคราโน้นนน..คะ พระมหาอุปราชาหรือเปล่าเอ่ย มาแต่ดวงตา..ยังไม่เฉลย เลยข้องใจ แหะๆ

จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผู้แต่งค่ะ หายป่วยไวๆนะคะ ^^
เป็นนิยายที่ใช้เวลาแต่งแล้วเสร็จแต่ละตอนยาวนานอย่างคุณว่าจริงๆครับ ทั้งขั้นตอนสืบค้นข้อมูล ทั้งขั้นตอนสำคัญที่สุดคือลงมือเขียน ทั้งขั้นตอนขัดเกลาภาษาหลังเขียนเสร็จ เป็นงานเขียนนิยายที่เหนื่อยพอตัวอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยเหตุว่าเป็นงานเขียนที่รักและชอบ อีกทั้งมีกำลังใจจากผู้อ่านส่วนหนึ่งอย่างคุณ แม้จะไม่มากมาย แต่ก็ช่วยเป็นแรงทั้งผลักทั้งดัน และแรงใจให้งานเขียนนิยายวายเรื่องนี้ดำเนินมาใกล้ถึงบทสรุปจนได้ ความดีความชอบทั้งหลายส่วนสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็ต้องยกให้ผู้อ่านทุกท่านนี่แหละครับ

จริงครับที่ในการอ่านนิยานวายเรื่องนี้ต้องพิถีพิถันในการอ่านพอสมควร แนะนำว่าไม่ควรอ่านข้าม ไม่อ่านแบบรีบๆร้อนๆ เพราะอาจบกพร่องทั้งด้านเนื้อเรื่อง แลอรรถรสทางภาษาไปโดยปริยาย ฉะนั้นวิธีการอ่านนิยายเรื่องนี้จึงต่างจากนิยายวายทั่วไปมากพอสมควร นอกจากจะไม่ค่อยมีฉากให้ฟินเท่าไหร่แล้วต้องมาขบคิดปริศนาอันซุกซ่อนไว้มากมายอีก แค่อ่านก็เหนื่อยแล้วนี่ยังทรมานผู้อ่านให้หลงไปทางทิศโน่นนี่ คาดเดาไม่จบไม่สิ้น แต่เมื่อเห็นว่ามีใครเม้นต์ว่า อ่านยาก ทีไร ผมก็อดปลื้มใจยินดีเสียอีก ฮ่าๆ

ผิดต่างจากผมครับ ตอนเรียนมัธยมนี่ชอบมากๆเลย เรื่อง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เนี่ย มีประกวดที่ไหน ส่งไปชิงรางวัล กวาดเรียบมาหมด ทั้งเคยประชันกลอนสดก็ผ่านมาแล้ว ถือว่าประสบการณ์โชกโชนเลยก็ว่าได้ ในเมื่อเป็นสิ่งที่ถนัดและชอบก็เลยใช้ความชอบนี้มาผูกเรื่องราวเสริมผสานเข้ากับนิยายดู ก็เห็นว่า มิได้ประดักประเดิดแต่อย่างใด แต่กลับช่วยให้เรื่องราวดูมีความเป็นไทย อ่อนช้อย เหมาะแก่แนวเขียนเสียอีก ก็เลยผนวกเอามาไว้ ดังนั้น ถ้าคุณชอบ ผมก็อดปลื้มใจยินดีเสียอีกนั่นแหละครับ

สำหรับข้อติดใจเรื่องพระราชเทวีนั้น คุณหรือผู้อ่านหลายท่านอาจปรับอารมณ์ตามไม่ทัน ที่ตอนแรกพระนางก็ต้อนรับขับสู้พจน์เป็นอันดี (?) หรือเปล่า แล้วจู่ก็อารมณ์แปรปรวนจนถึงขั้นตวาดขับไสไล่ส่งในตอนท้าย ถ้าหากลองพิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้ว ชั้นตั้นพระราชเทวีคงมิได้มีแก่ใจจะต้อนรับพจน์ของเราเท่าไหร่ แต่ขันติความอดทนประจำศักดิ์มีสูงในตอนแรกก็พอสะกดอารมณ์ร้อนในใจไว้ได้ ครั้นถูกจี้ด้วยเรื่องบุตรทั้งสองต้องมีอันขัดใจกัน ด้วยพจน์เป็นเหตุ ทั้งเป็นต้นตอชักนำภัยมาสู่บ้านเมือง กิริยาเย็นแต่แรกก็พังทลายสิ้นดั่งที่เห็น หวังว่าคุณจะคลายข้อสงสัยในฉากนี้นะครับ

สำหรับฉากที่ว่าใครแอบดูสองหนุ่มเริงร่ากันในน้ำนั้น ผมคงไม่เฉลยละกันครับ เอาไว้ให้ผู้อ่านลองเดากันเล่นๆ เพราะไม่ได้มีความสำคัญใดๆต่อเรื่องราวโดยรวมเท่าไหร่ แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ บุคคลที่น่าสงสัยที่สุดก็คงเป็น... นั่นแหละครับ อิอิ
สุดท้ายขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ แล้วไว้คุยกันใหม่นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2016 16:38:44 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ขอบคุณที่เข้ามาแถลงค่ะ ...... น่าติดตามต่อจริงๆว่า พจน์จะทำยังไงต่อไป

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารกัน  :monkeysad: ได้แต่รักเค้าข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง แล้วยังต้องสละชีวิตตนเองเพื่อคนที่รักอีก คนแต่งใจร้ายยย    :hao5:

ออฟไลน์ flowerloveyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อ่านเรื่องนี้แล้วขอบอกเลยว่าภาษาเก่งมากก ถึงแม้เราจะต้องอ่านไปแปลคำไปด้วยก็ตาม

สารภาพตามตรงว่าอ่านแรกๆแล้วกดปิดเลย เพราะไม่ชอบแนวฮาเร็ม หรือต้องคอยให้ลุ้นว่าใครพระเอก (รสนิยมส่วนตัวล้วนๆ)แต่หลงรักการบรรยายเลยกัดฟันอ่านต่อ

ก่อนอื่นขอติตัวพจน์ สำหรับเราแล้ว ไม่ค่อยเข้าใจในตัวพจน์เท่าไรว่าทำไมถึงรักมาตะ แต่ยังให้ความหวังคนอื่นและตัวเอง และตอนที่มาตะโดนบุหลันจูบทำไมถึงต้องร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสำหรับเราเท่าไร และพจน์ก็ไม่น่าไปโกรธมาตะ เพราะตัวพจน์นี่ทั้งมีปาล์มอยู่ลึกๆในใจ ทั้งให้ความหวังกัน ให้กันและปาล์มทั้งกอดปลอบ ให้จูบ(ไม่แน่ใจ) จับมือถือแขน อะไรอีกก็ไม่รู้ และยังมีตัวละครอื่นๆอีก แต่นั่นแหละเรื่องนี้ออกแนวฮาเร็ม เรื้องมันจะเป็นแบบนี้ก็ปกติ เราแค่ติ่งมาตะเฉยๆเลยไม่ชอบการกระทำของพจน์ แหะๆ

ส่วนตัวมาตะ เราว่าเค้าไม่ค่อยสมกับบทของพระเอกเท่าไร อาจเป็นเพราะเราติดกับบทพระเอกจากนิยายเรื่องอื่นๆ ที่พระเอกจะมีบทบาทสำคัญๆ เป็นช้างเท้าหน้า มีความเก่งกาจที่จะต้องปกป้องคนที่รักอย่างสุดกำลังโดยไม่สนอะไร ซึ่งสำหรับเราตัวมาตะไม่ได้เป็นแบบนี้ บทนี้กันได้รับมากกว่าเลยเหมือนว่ากันเป็นพระเอกไป แต่ไม่นับชาติก่อนๆนะ อันนั้นเราว่าเหมะกับบทพระเอกอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าตัวมาตะน่าจะมีบางอย่างที่ไม่ใช่มีแค่xxกับพจน์แล้วทำให้พจน์เพิ่มพลัง มันต้องมีมากกว่านี้สิ :ling1:(คอยบอกตัวเอง) สรุปเราก็ติ่งมาตะอีกตามเคย 5555

ส่วนตัวกัน ไม่มีอะไรมาก สั้นๆเลย เป็นพระเอกเถอะ 5555 (แต่ก็ไม่อยากให้เป็น ยังคงเป็นติ่งมาตะอยู่)

ตัวอื่นๆและเนื้อเรื่องไม่ออกความคิดเห็นแล้วกัน เดี๋ยวจะยาวกว่านี้ 

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น ซึ่งบางครั้งมันก็ออกแนวอคติกับตัวละครมากไป ไรท์อย่าคิดมากนะคะ เพราะเรายังคงอ่านเรื่องนี้จนจบนั่นแหละและถ้ามีรวมเล่มคงจะต้องขอเก็บไว้ซักเล่มสองเล่มเหมือนกัน หลงรักการเขียนด้วยภาษายากๆนี้ไปแล้ว สู้ๆนะคะยังคงรอตอนต่อไปเสมอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด