「บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || E p i l o g u e (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || E p i l o g u e (จบ)  (อ่าน 78538 ครั้ง)

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



Contents
P r o l o g u e
1st Entry : ล่อเสือออกจากถ้ำ
2nd Entry : ปิดประตูตีแมว
3rd Entry : ได้ทีขี่แพะไล่
4th Entry : จุดไต้ตำตอ
5th Entry : เรื่องเก่าเล่าใหม่
6th Entry : หูทวนลม
7th Entry : กระชับมิตร
8th Entry : ร่วมชะตากรรม
9th Entry : รุกคืบ
10th Entry : แรมเดือน
11th Entry : อิ่มอุ่น
12th Entry : ขันอาสา
13th Entry : ทางเลือก
14th Entry : ผัดวันประกันพรุ่ง
15th Entry : ฝนตั้งเค้า
16th Entry : ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
17th Entry : หวานอมขมกลืน
18th Entry : พะวักพะวน
19th Entry : จนแต้ม
20th Entry : ดาบสองคม
21st Entry : จับได้ไล่ทัน
22nd Entry : ครึ้มอกครึ้มใจ
23rd Entry : มัดมือชก
24th Entry : ฟ้าหลังฝน
25th Entry : ยับยั้งชั่งใจ
26th Entry : เกินคาด
27th Entry : ขุ่นข้องหมองใจ
28th Entry : หน้าชื่นอกตรม
29th Entry : กลืนไม่เข้า คายไม่ออก
30th Entry : พายเรือในอ่าง
31st Entry : จุดหมายปลายทาง
32nd Entry : เก็บเล็กผสมน้อย
E p i l o g u e



นิยายเรื่องอื่นๆ
- It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ
- It's U, It's Me : รุก - ไล่ - รัก
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2017 21:14:24 โดย undersky »

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #1 เมื่อ21-11-2015 19:47:39 »





P r o l o g u e






เสียงเพลงอคูสติกเบาๆ คลอไปกับบรรยากาศหอมหวนด้วยกลิ่นอายอบอุ่น ไอกาแฟและกลิ่นหอมหวานของขนมคละเคล้าเข้ากันอย่างลงตัว จนรู้สึกว่าร่างกายที่หนักอึ้งผ่อนคลายลงอย่างน่าประหลาด อุณหภูมิกำลังดีไม่ร้อนอบอ้าวหรือหนาวเหน็บทำให้ทุกคนที่อยู่ภายใน ‘ห้องนั่งเล่น’ แห่งนี้ต่างมีรอยยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นคนที่มารวมกันเป็นกลุ่ม คนที่มาเป็นคู่ หรือแม้กระทั่งคนที่มาเพียงลำพังล้วนได้เสพความสุขแสนเบาสบาย ราวกับอยู่ในสถานที่พิเศษ

บรรยากาศดี เครื่องดื่มกลมกล่อม ของหวานถูกปาก

สิ่งเหล่านี้ทำให้ ‘ห้องนั่งเล่น’ เป็นร้านขนมหวานที่อยู่ในใจใครหลายๆ คนและมักจะย้อนกลับมาใช้บริการซ้ำเมื่อมีโอกาส เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกดีราวกับได้อยู่ในดินแดนที่ไร้ซึ่งความกังวลแล้ว การตกแต่งยังหลากหลายให้อยากลิ้มลองบรรยากาศแปลกใหม่ หากเป็นร้านขนมหวานอื่นๆ คงจะยึดรูปแบบการตกแต่งเพียงแค่อย่างเดียว ทว่าที่นี่ผิดจากที่อื่นนัก เพราะแต่ละมุมมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน

วินเทจ พาสเทล คลาสสิก โมเดิร์น แม้กระทั่งห้องญี่ปุ่น หรือบ้านตุ๊กตา

ร้านสองคูหา สองชั้น หน้าร้านชั้นล่างเป็นกระจกใส ตีกรอบด้วยไม้สีขาว และผนังปูนเปลือย กันสาดลายทางสลับสีขาวกับแดงอ่อน ชั้นบนมีระเบียงเล็กๆ ทำจากโลหะเคลือบสีดำ รอยผุกร่อนจากแดดลมฝนช่วยส่งให้มันมีเสน่ห์ จักรยานรุ่นเก่าบุโรทั่งพร้อมไฟหน้าดวงใหญ่ กับกระถางต้นไม้เล็กๆ ประดับบนนั้นยิ่งเสริมความคลาสสิกให้ร้านมากขึ้นไปอีก

ทุกอย่างที่ว่ามาผ่านการรังสรรค์จากจินตนาการของเจ้าของร้านหนุ่มวัยสามสิบทั้งสิ้น

ทิฆัมพรเปลี่ยนสีมาได้ราวสองชั่วโมงเศษ เข้าสู่ช่วงเวลาปิดร้าน ชายหนุ่มร่างสมส่วนผละจากเคาน์เตอร์ของร้านซึ่งทำจากไม้ชั้นดีลายสวยมายังประตูด้านหน้า พลิกป้ายที่แขวนเอาไว้จาก ‘OPEN’ เป็น ‘CLOSED’ อย่างเช่นทุกวันที่มีโอกาสมาเฝ้าร้านด้วยตัวเอง

“ปิดร้านแล้ว จุ๊บแจงกับหนึ่งเก็บกวาดร้านได้เลยนะ”

“ค่ะ/ครับ พี่ภัน”

ภันวัฒน์บอกลูกจ้างสาวอายุน้อยกว่าร่วมห้าปีก่อนกลับมายังเคาน์เตอร์อีกครั้ง เขาตรวจสอบรายการขนมและเครื่องดื่มที่ขายได้ทั้งหมดในวันนี้ และคำนวณรายได้ที่รับมาว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อมันถูกต้องตรงกัน ไม่มีส่วนเหลือส่วนขาดก็นำเงินเก็บเข้าเซฟซึ่งอยู่ด้านใต้เคาน์เตอร์สำหรับเป็นทุนต่อยอดในการทำธุรกิจต่อไป

จากนั้นหันกลับมายังตู้กระจกซึ่งมีสินค้าบางชนิดที่ยังขายไม่หมด ตามปกติแล้วขนมในตู้นี้จะเหลือจำนวนไม่มาก บางวันเขาก็ให้จุ๊บแจงและเป็นหนึ่ง ลูกจ้างประจำที่คอยช่วยงานในร้านเอากลับไปทาน หรือเอาไปฝากที่บ้าน หากวันไหนเด็กพาร์ทไทม์อยู่จนถึงปิดร้าน เขาก็เผื่อแผ่ให้ด้วย แต่ว่าในช่วงสองสามวันนี้ค่อนข้างแปลก

ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเข้าหากัน มองขนมที่เหลืออยู่เกือบเต็มถาด ก่อนจะย้อนกลับไปดูรายการสินค้าที่ขายได้ในวันนี้อีกครั้ง รวมทั้งยอดขายเมื่อวานนี้และวันก่อนหน้านี้ด้วย

“ช่วงนี้ยอดขายของ Sweet Butterfly ตกลงหรือเปล่า”

เสียงทุ้มเข้มเอื้อนออกมาจากริมฝีปากหยักหนาได้รูป ไม่ได้เอ่ยถามใครเป็นพิเศษ เพราะเวลานี้คนที่เหลืออยู่ในร้านชั้นล่างมีเพียงเจ้าตัวและจุ๊บแจงเท่านั้น เนื่องจากหน้าที่หลังปิดร้านของเป็นหนึ่งคือการเก็บกวาดที่ชั้นบน

“นั่นสิคะ จุ๊บแจงก็แปลกใจ ปกติขายได้เกือบหมด แต่ช่วงอาทิตย์นี้ดูขายไม่ค่อยได้เลยค่ะ”

เขาตงิดใจมาตั้งแต่วันก่อนแล้ว แต่คิดว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่นานๆ จะเกิดขึ้นทีจึงไม่ใส่ใจนัก ทว่าเมื่อตรึกตรองให้ดีแล้ว มันก็ผิดปกติจริงๆ

ขนมขายไม่ได้เพียงชนิดเดียว และยอดขายตกลงทุกวัน

“จุ๊บแจงได้แนะนำลูกค้าบ้างหรือเปล่า”

“แนะนำนะคะ เพราะเห็นว่าขายไม่ดี แต่ลูกค้าดูไม่ค่อยสนใจเลยค่ะ”

“แปลก”

ภันวัฒน์ครางเบาๆ อยู่ในลำคอ หัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันไม่คลายออก เพราะนอกจากต้องหาสาเหตุที่ Sweet Butterfly ขายไม่ดีแล้ว ยังต้องหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อให้มันขายได้ดีขึ้น ทว่าจะให้คิดหาวิธีรับมือได้ในทันทีทันใดนั้นคงเป็นเรื่องยาก

“พี่ภัน พี่ภัน!”

เสียงตึงตังพร้อมกับเสียงเรียกจากพนักงานหนุ่มดังนำมาก่อนเจ้าตัวจะวิ่งลงมาจากบันได พานให้คนที่ถูกเรียกและไม่ถูกเรียกหันไปมองอย่างสงสัย เพราะปกติแล้วเป็นหนึ่งไม่ใช่คนที่จะโหวกเหวกหากไม่มีเรื่องจำเป็น

“มีอะไร วิ่งหนีอะไรมาหรือไง”

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงเจ้าตัวก็มาหยุดลงตรงหน้าเจ้าของร้านด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มือขวายื่นสมาร์ทโฟนออกมาหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรของแกเนี่ย”

“เพลิน... เพลินส่งมาให้ดู”

เพลินคือชื่อแฟนสาวของเป็นหนึ่งที่ภันวัฒน์รู้จักดี เพราะเคยมาที่ร้านนี้อยู่หลายครั้ง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมอีกฝ่ายต้องตื่นตกใจขนาดนั้น ร่างสูงรับโทรศัพท์มาดู ขณะที่จุ๊บแจงเองก็ชะโงกหน้ามาดูด้วย แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเครื่องสีดำนั้นแล้ว จากที่ข้องใจก็แปรเปลี่ยน

คิ้วหนาขมวดฉับเข้าหากันมากกว่าครั้งไหน ดวงตาดำขลับจ้องเป้งไปยังตัวหนังสือเหล่านั้นพร้อมรูปถ่ายสีสันสวยงามของขนมหน้าตาน่ารับประทานซึ่งคุ้นตาเป็นอย่างดี รูปหน้าคมคายที่ดูดีแม้ในสายตาของผู้ชายด้วยกันดูดุดันขึ้นครามครัน จนจุ๊บแจงที่ยืนอยู่ข้างกันถึงกับต้องกระเถิบตัวให้ห่างเล็กน้อย เพราะเพิ่งเคยเห็นภันวัฒน์แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนและแผ่ออร่าที่ชวนให้ขนลุกเป็นครั้งแรก

และหลังจากนั้น...เสียงทุ้มแหบต่ำดังในลำคอ

“เจ้าของบล็อกนี่เป็นใคร”






---------------
เปิดเรื่องใหม่แล้วค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

Undel2Sky



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2015 21:28:24 โดย undersky »

ออฟไลน์ Janny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #2 เมื่อ21-11-2015 20:01:32 »

เปิดเรื่องมาแบบร้านขนมนี่ท้องเราประท้วงมากนะคะ แงงงงงงงงงงงง อยากกินนนนนนนนน เห็นภาพอนาคตเลยว่าต่อไปต้องอ่านอย่างทึรนทุรายแน่ๆเลยค่ะ คุณภัณใจเย็นๆนะคะ เจ้าของบล็อกแกอาจจะเข้าใจผิดนะคะ แต่พูดแล้วบล็อกนี้คงดังพอตัว ไม่งั้นคนคงไม่เชื่อกันแบบนี้แน่เลย ดีนะเค้าไม่ค่อยอ่านรีวิว อยากกินอะไรก็กินเลย เอาตัวเองเข้าเสี่ยง 5555555 แต่จะไปตามหาเจ้าของบล็อกนี่ันก็คงไม่ง่ายอ่ะเนอะ ยังไงก็ขอให้คุณภัณหาเจอเร็วๆนะคะ แล้วจับมาปรับทัศนคติซะ มากินให้เลิกพูดว่าไม่อร่อยเลย เรารอตอนต่อไปนะคะ  >_<

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #3 เมื่อ21-11-2015 21:01:39 »

จับเจ้าของบล็อคมาทำเมีย เอ้ย! ทำขนมให้ที่ร้านเลยค่ะ

เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลย อ่านตอนแรกก็เริ่มติดใจแล้ว
รู้สึกอยากพุ่งเข้าไปนั่งเล่นที่ร้านมากเลยค่ะ 5555

จะรออ่านตอนหน้าน้า  o13

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #4 เมื่อ21-11-2015 21:53:40 »

มีแววว่าชีวิตอาจจะถึงคราวซวยนะคะบล็อคเกอร์

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #5 เมื่อ22-11-2015 01:09:49 »

จขบ.กะลังจะซวย เอิ้กๆ

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #6 เมื่อ22-11-2015 11:09:35 »

 o22

เสร็จแน่ เจ้าของบล็อก อิอิ

รอตอนต่อไปนะคะ

 :L2:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #7 เมื่อ22-11-2015 21:58:14 »

จขบ.งานเข้าล่ะเว้ย ซวยแน่ๆ

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #8 เมื่อ22-11-2015 22:38:27 »

พออ่านถึงประโยคที่ว่า"ขนมเหลืออยู่เกือบเต็มถาด" น้ำลายก็เริ่มมาละ :hao6:
นี่เราไม่ได้ตะกละใช่มะ? :hao4:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #9 เมื่อ22-11-2015 23:57:35 »

หิวเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-11-2015 23:57:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: 「 บ ล็ อ ก เ ก้ อ」▶▷ || P r o l o g u e [21/11/58]
«ตอบ #10 เมื่อ23-11-2015 10:48:02 »

้เปิดเรื่องมาน่าติดตามมากกกก
แต่กลัวใจตรงที่คุณบล้อกเก้อจะเปลี่ยนเรื่องขนมหวานเป็นขนมขมหรือเปล่า 55555
ติดตามค่า

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
1st Entry : ล่อเสือออกจากถ้ำ






กลิ่น +3
ความหวาน +2
ความเค็ม +1
ความเปรี้ยว +1
ความมัน +3
ความกลมกล่อม +4
เนื้อสัมผัส +4
**อาจจะไม่เหมาะกับสาวๆ สักเท่าไร



รูปถ่ายขนมเค้กชิ้นเล็กขนาดเท่ากำมือ รูปทรงกระบอกเตี้ย ปาดหน้าบางๆ ด้วยเนยสด ราดทับด้วยซอสสตรอเบอร์รี่ และมีใบมินต์กับผลสตรอเบอร์รี่สดผ่าซีกเป็นรูปผีเสื้อประดับอยู่ด้านบนอย่างสวยงามถูกแปะหราประกอบกับข้อความเหล่านั้น เป็นสิ่งที่อยู่ในสายตาของภันวัฒน์ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมาตั้งแต่หลายวันก่อน หลังจากได้รู้จักบล็อก ‘Tea Party’ จากเป็นหนึ่ง

เขามั่นใจว่ามันคือสาเหตุที่ทำให้ขนมของเขาขายไม่ออก เพราะจำนวนผู้เข้าชมบล็อกหลักพันต่อสัปดาห์ และหลักหมื่นต่อเดือนนั้นเป็นตัวการันตีได้เป็นอย่างดี ว่ามันเป็นบล็อกยอดนิยมสำหรับผู้คนที่ชื่นชอบขนมหวานมากขนาดไหน

ไม่ใช่เพียงแค่ร้านของเขาเพียงร้านเดียวที่ถูก ‘วิจารณ์’ หรือภาษาสุภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลายว่า ‘รีวิว’ แต่ยังมีอีกหลายร้านที่อยู่ในบล็อกนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านขนมชื่อดัง ร้านเล็กร้านย่อย ก็ปรากฏอยู่ในบล็อกนี้ทั้งสิ้น และการรีวิวก็ช่างแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านชาวช่อง ทว่าอิทธิพลของมันกลับล้นเหลืออย่างคาดไม่ถึง หากไม่ประสบกับมันด้วยตัวเองคงไม่มีทางเชื่อ

ทุกครั้งที่หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูบล็อกนี้ เขาจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเสมอ เพราะนอกจากได้แต่เปิดดูมันให้หงุดหงิดแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เจ้าของบล็อกเป็นใครไม่รู้ รู้แต่ใช้ชื่อในการโพสต์ว่า ‘Sunset’ อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อเป็นการส่วนตัวได้ เพราะไม่ได้ลงรายละเอียดสำหรับติดต่อไว้ ไม่ว่าทางอีเมล เฟซบุ๊ก ไลน์ เบอร์โทรศัพท์ นอกจากประโยคที่บอกเอาไว้ในหน้า Home ว่า ‘หากต้องการติดต่อให้ส่งข้อความมาทางบล็อก’ เท่านั้น

แน่นอนว่าเขาคิดจะติดต่อไปทางนั้น แต่หากเขาพิมพ์ด่า หรือเรียกตัวออกมา คงทำให้ไก่ตื่นและอาจจะหนีไป หรือไม่ก็เมินเฉยต่อข้อความของเขาก็เป็นได้ ครั้นจะโพสต์ในช่องคอมเมนต์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร้านของเขา ก็จะกลายเป็นการประจานถึงความด้อยปัญญาของตนเองเสียมากกว่า เพราะผลเสียย่อมมีมากกว่าผลดี ภันวัฒน์จึงได้แต่หาลู่ทางอื่น เพื่อกระชากตัวเจ้าของบล็อกนี้ออกมาให้ได้

มือหนาไล้วนที่ปากแก้วทรงเตี้ยซึ่งมีเครื่องดื่มสีอำพันบรรจุอยู่อีกหนึ่งรอบ ก่อนจะยกมันขึ้นกระดกให้ของเหลวไหลเข้าปาก ก่อนจะวางมันลงด้วยน้ำหนักมือที่มากกว่าปกติเล็กน้อย จากนั้นเรียกบาร์เทนเดอร์ที่เพิ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกสองเก้าอี้

“แบบเดิมอีกแก้วครับ”

สั่งแล้วก็หันกลับมาทิ้งสายตาไว้ที่หน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมืออีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์นัก ชั่วครู่หนึ่งเสียงของใครอีกคนก็ดังขึ้นใกล้ๆ

“โทษทีว่ะ ช้าไปหน่อย”

คนที่เพิ่งมาใหม่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างกัน ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มสำหรับตัวเองบ้าง โทรศัพท์ที่เคยเป็นเป้าสายตาจึงถูกเก็บเข้ากระเป๋าของคนที่มาก่อน ตามด้วยเสียงทุ้มต่ำถูกส่งไปให้คนมาสาย

“ครึ่งชั่วโมงนี่กูว่าไม่หน่อยนะ ถ้าให้กูรออีกสักสิบนาที มึงไปหากูที่คอนโดฯ ได้เลย ไอ้จอม”

“โธ่ๆ อย่าเอากฎร้านมาใช้กับกูสิวะ”

เกรียงไกรตอบด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วหันไปขอบคุณบาร์เทนเดอร์ที่วางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้า จิบแอลกอฮอลล์สีสวยลงลำคอดับกระหาย

ร้านที่ว่า คือ ห้องนั่งเล่น ร้านเบเกอรี่ของภันวัฒน์ซึ่งมีกฎอันแปลกประหลาดเหมือนร้านอินเตอร์เน็ต คิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง โดยค่าชั่วโมงนั้นจ่ายด้วยออเดอร์ขนมหรือเครื่องดื่ม

“ว่าแต่ เรียกมานี่มีเรื่องอะไรวะ”

ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องปรึกษาแล้วจะนัดกันไม่ได้ ปกติทั้งภันวัฒน์และเกรียงไกรต่างก็นัดสังสรรค์กันอยู่บ่อยๆ ด้วยเพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว

“มึงดูนี่”

ในเมื่อเพื่อนเปิดประเด็นมาอย่างฉับพลัน ภันวัฒน์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เปิดเบราเซอร์เพื่อให้ดูเว็บเพจที่ตนเองเปิดค้างไว้อยู่ ซึ่งเกรียงไกรก็รับไปก่อนจะมุ่นคิ้วอ่านอย่างฉงน ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก

“แล้ว?”

“ก็เพราะไอ้บล็อกนี่ เลยทำให้ขนมร้านกูขายไม่ออก”

“เฮ้ย เป็นไปได้เหรอวะ ก็แค่บล็อกรีวิวขนมบนเน็ต”

“เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปแล้ว มึงดูจำนวนคนเข้าชมดิ”

ถูกระบุตำแหน่งให้มอง คนได้ฟังก็เลื่อนสายตาไปยังจุดหมาย เมื่อเห็นตัวเลขนั้นแล้วก็อดอุทานออกมาไม่ได้

“เยอะนี่หว่า”

“ก็เออดิ ตอนนี้ยังจับตัวไม่ได้เลย”

“แล้วมึงไม่ลองติดต่อไปล่ะ”

“ไม่ทิ้งที่ติดต่อให้สักอย่าง นอกจากว่าให้ส่งข้อความไปทางบล็อก”

พูดแล้วภันวัฒน์ก็ชักสีหน้ายุ่งยากขึ้นมาประดับ มือหนากระชับแก้วขึ้นมาจรดขอบปากอีกครั้งและกรอกน้ำสีสวยเข้าปากเต็มอึกอย่างไม่สะท้านสะเทือน

“แล้วมึงไม่ลองส่งเข้าไปดูล่ะ อ้างว่าจ้างเขามารีวิวร้านมึงอะไรงี้”

หลังจากเสนอความคิดเห็นนั้นไป เกรียงไกรก็ถูกตวัดตามองอย่างขวางๆ เหมือนกับเผลอทำอะไรผิดหรือไม่ก็ไปเหยียบกับระเบิดเข้า เสียงที่ตอบกลับมาสะบัดห้วนกว่าเมื่อครู่นี้อีกเล็กน้อย

“เขารู้จักร้านกูแล้วไหม แล้วมึงคิดว่าถ้ากูจ้างไปเขาจะมารีวิวซ้ำอีกเหรอ”

“เออ จริงด้วย แล้วจะทำไง”

“กูถึงให้มึงมาช่วยกูคิดไง ว่าจะเอาไงดี”

“นี่มึงคงแค้นมากใช่ไหม”

“ไม่ได้แค้นเว้ย แต่กูไม่ค่อยพอใจเท่าไร กูทำมาค้าขายนะมึง ตั้งใจทำขนมให้ลูกค้ากิน แต่มีใครที่ไหนไม่รู้มาวิจารณ์ขนมกูแล้วก็ทำให้ลูกค้าไม่ซื้อ เป็นมึง มึงจะยังนั่งยิ้มแฉ่งได้อยู่หรือไง”

โดนถามย้อนกลับมา เกรียงไกรก็ยิ้มแหยตอบกลับ ตระหนักได้ว่าตนเองเพิ่งถามเรื่องโง่ๆ ออกไป ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเพื่อนรักที่ยังตีหน้ายักษ์อยู่ไม่หาย

“แล้วมึงรู้จักหน้าค่าตาเจ้าของบล็อกนี่หรือเปล่า”

“ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก เพราะมาร้านวันที่กูไม่ได้เข้าร้าน กูลองถามจุ๊บแจงกับหนึ่งแล้ว พวกนั้นก็จำไม่ได้ กูเลยไปเปิดเทปกล้องวงจรปิดดู”

“แล้วเจอปะ”

คนฟังมีสีหน้าลุ้นนิดหน่อย เพราะชักจะเริ่มอยากรู้เหมือนกัน

“เจอดิ กูนี่จ้องจนตาจะติดกับจออยู่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของบล็อกนั่นมากี่โมง”

“แล้วเป็นไง”

“เป็นผู้ชาย อายุน่าจะน้อยกว่ากูสักสองสามปีมั้ง เห็นนั่งจดอะไรลงในแท็บเล็ตแล้วก็ถ่ายรูปอยู่ น่าจะใช่คนนี้แหละ”

“เออ แต่จะว่าไป ถึงรู้จักหน้า แต่ไม่ทางติดต่อได้ ก็จบกัน”

สิ้นประโยคนั้น เสียงถอนลมหายใจก็ดังขึ้นแทรกเพลงแจ๊ซที่คลออยู่เบาๆ แสงไฟที่ถูกหรี่ลงให้สลัวในบาร์ของโรงแรมทำให้มองเห็นหน้ากันได้ไม่ชัดนัก ถึงกระนั้นเกรียงไกรก็รู้ได้ว่าสีหน้าของเพื่อนรักเป็นอย่างไรในเวลานี้ เขาหยิบแก้วใบเดิมขึ้นมาจิบอีกครั้ง พลางนึกหาหนทางช่วยเหลือคนที่ร่ำเรียนมาด้วยกันหลายปี และยังคบค้ากันอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะผ่านมานับสิบปีแล้ว ก่อนแสงไฟวูบหนึ่งจะสาดเข้ามาในสมองอย่างฉับพลัน

“เออนี่มึง”

ภันวัฒน์เหลือบตามองเพื่อนเล็กน้อย ปากยังจรดอยู่ที่ปากแก้วซึ่งเพิ่งหยิบขึ้นมา เงี่ยหูรอฟังคำพูดต่อมา

“ในเมื่อควานหาเหยื่อเองไม่ได้ ทำไมไม่ใช้กลยุทธ์หลอกล่อแทนล่ะวะ”

คิ้วหนาของคนฟังเลิกขึ้นนิดๆ พลางคิดตาม

“มึงลืมไปแล้วหรือไง ว่างานประจำของมึงคืออะไร เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ซะสิ”








ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังมาตามมารยาท ก่อนร่างเพรียวของหญิงสาวในชุดสูทจะย่างก้าวเข้ามา เธอตรงเข้ามายังโต๊ะขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้อง ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหลังจากอีกฝ่ายผายมือเป็นเชิงอนุญาต

“คุณภันมีอะไรจะให้ทำเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

ไม่บ่อยครั้งนักที่นนทิยาจะถูกเรียกให้เข้ามาพบในห้องของผู้เป็นเจ้านาย เป็นเธอเสียอีกที่ต้องคอยไล่ตามจิกให้เจ้านายมาทำงานเพราะเจ้าตัวชอบชิ่งหนีอยู่บ่อยๆ เหตุการณ์ที่มีกระดาษโน้ตข้อความว่า ‘มาถึงแล้วเข้ามาพบผมด้วย’ วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอจึงค่อนข้างน่าประหลาดใจ

“ผมจะจัดอีเวนท์พิเศษขึ้นมา อยากให้คุณช่วยร่างเอกสารให้หน่อย”

“จัดอีเวนท์ เจ้านายของนนนี่เนี่ยเหรอคะ จะขยันจัดอีเวนท์”

ยังไม่ทันไรก็โดนเลขานุการสุดแสบที่อายุมากกว่าห้าปีแขวะเข้าให้เสียแล้ว แต่ภันวัฒน์ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะตั้งแต่ทำงานมาก็เป็นแบบนี้ตลอด จะว่าเป็นเรื่องสนุกก็ว่าได้ เพราะทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อ ถึงบางครั้งจะน่ารำคาญกับความเข้มงวดของเธอก็ตาม

“คุณนนครับ”

“นนนี่ค่ะ”

“คุณนนว่าขนมของโรงแรมเราอร่อยไหมครับ”

“อร่อยสิคะ เป็นของขึ้นชื่อเลยทีเดียว”

เพราะไม่ว่ากี่ครั้งที่แก้ไขคำเรียกชื่อของตน ก็มักจะถูกเมินเฉยใส่ตลอด เธอจึงเลือกจะแก้แค่ครั้งเดียว แม้ว่าเจ้านายของเธอจะไม่เคยจำเลยก็ตาม ไม่รู้ว่าเพราะแกล้งหรือเพราะจงใจกันแน่ เธอเดาไม่ถูกนัก

“แต่ว่ายอดไม่ค่อยดีเท่าไรใช่ไหมล่ะครับ”

“ก็น่าจะอย่างนั้นนะคะ”

“เพราะแบบนั้น ผมก็เลยอยากจะจัดอีเวนท์บุฟเฟต์ขนมหวานของโรงแรมเราขึ้นมา ลดราคาพิเศษเพื่อโปรโมทให้ลูกค้าสนใจ ถึงขนมจะอร่อยและขึ้นชื่อขนาดไหน แต่ถ้าไม่ได้รับเผยแพร่เป็นวงกว้าง ยอดขายก็คงไม่กระเตื้อง จริงไหมครับ”

“ค่ะ”

ภันวัฒน์เหยียดยิ้มนิดๆ เมื่ออะไรๆ เริ่มเข้าทาง หลังจากได้รับคำแนะนำจากเกรียงไกร เขาก็คิดหาลู่ทางไปต่อ อาศัยหน้าที่การงานเพื่อหลอกล่อ ฉุดกระชากเสือออกมาจากถ้ำให้ได้ นับว่าเป็นแผนการที่มองเห็นแสงสว่างรำไรเลยทีเดียว

“ผมว่าจะให้มีอีเวนท์ช่วงต้นเดือนหน้า ตอนบ่ายๆ ของวันเสาร์อาทิตย์ สักสองสัปดาห์ก็น่าจะพอแล้ว ถ้านานไปจะลดความตื่นตัวและขาดความสดใหม่ ขนมของเรามีหลายสิบชนิด คงจะจัดเซตสักสี่เซตได้ เดี๋ยวผมจะให้รายละเอียดอีกทีว่าจะจัดเซตขนมอะไรบ้าง ส่วนคุณนนช่วยกำหนดเวลากับประเมินราคาที่เหมาะสมแล้วทำเอกสารส่งมาให้ผมดูหน่อย ผมจะได้เอาเข้าที่ประชุมกับผู้จัดการฝ่ายอื่นๆ สัปดาห์หน้า ก่อนส่งให้เบื้องบนพิจารณาอีกที”

“ได้ค่ะ”

หลังจากรับทราบสาระสำคัญของการเข้าพบผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรมแล้ว นนทิยาก็กลับออกไปจากห้องทำงาน ขณะที่ภันวัฒน์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้สูงจรดต้นคอ พลางระบายยิ้มอย่างสบายอารมณ์

แผนการของเขาในครั้งนี้เข้าท่าแน่นอน และมันก็มีโอกาสที่จะสำเร็จสูงมาก

คอยดูเถอะ เจ้าบล็อกเกอร์คนนั้น ฉันจะต้องจับตัวให้ได้







การดำเนินงานตามแผนงานบุฟเฟต์ขนมหวาน ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำขนมหวานของโรงแรมให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเพิ่มยอดขาย โดยมีจุดประสงค์อื่นแฝงเร้นนั้นเป็นไปได้ด้วยดี มีผู้คนสนใจและตอบรับอีเวนท์ครั้งนี้อย่างหนาตา

ช่วงเวลาน้ำชาตั้งแต่บ่ายสองโมงถึงบ่ายสี่โมงคือกำหนดเวลาของอีเวนท์นี้ ภันวัฒน์คอยจับตาดูลูกค้าอย่างทั่วถึงตลอดช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อไม่ให้เหยื่อของตนเองหลุดรอดไปได้ โดยอ้างว่ามาดูความเรียบร้อยของงาน และดูกระแสตอบรับ เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับการจัดอีเวนท์ครั้งต่อๆ ไป ทว่าเขาต้องผิดหวังในสัปดาห์แรก

เจ้าของบล็อกคนนั้นไม่มา

แม้กระนั้นก็ไม่ได้ทิ้งความหวังเสียทีเดียว ด้วยคิดว่าอีเวนท์นี้เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก ดังนั้นผู้ชายคนนั้นที่ดูจะชื่นชอบการ ‘วิจารณ์’ ขนมหวานเสียเหลือเกินไม่น่าจะพลาดโอกาสในครั้งนี้ ในวันเสาร์ของสัปดาห์ต่อมา ร่างสูงจึงออกมาสำรวจตรวจตราอีกครั้ง พยายามลอบมองเพื่อหาเป้าหมายอย่างไม่ให้เสียมารยาท พลางส่งยิ้มขอบคุณเหล่าบุคคลที่มาใช้บริการเป็นระยะ กระทั่ง...

สายตาสะดุดอยู่ที่บุคคลหนึ่งซึ่งเพิ่งย่างเท้าเข้ามาในอาณาเขตของตน

รูปร่างหน้าตาแบบนั้น... ไม่ผิดแน่

หัวใจของชายหนุ่มวัยสามสิบเต้นระรัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพบเป้าหมาย ต้องสะกดกลั้นห้ามตนเองเอาไว้ไม่ให้รุดตรงไปลากตัวชายคนนั้นออกมาจากห้องอาหารอย่างอุกอาจจนกลายเป็นเรื่องเอิกเกริก

หน่วยตาคมปลาบจับจ้องเหยื่อร่างสูงโปร่งที่ตรงไปหยิบขนมหลากหลายชิ้นลงจานและตรงไปยังโต๊ะว่าง ร่างนั้นหยิบแท็บเล็ตเครื่องเดิมขึ้นมาถ่ายรูปขนมทุกชนิดที่หยิบมา และค่อยๆ ละเลียดชิมอย่างพิถีพิถันราวกับกำลังสร้างผลงานศิลปะ จนคนมองอดรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้กับการเอาใส่ใจของกินถึงขนาดนี้ ทว่าครู่เดียวก็ต้องตั้งสติขึ้นมาใหม่ พลางบอกตนเอง

อย่าเพิ่งไปชมศัตรูสิฟะ

มือเรียวหยิบปากกาจากแท็บเล็ตจดบางอย่างลงไป คงเป็นการประเมินรสชาติของขนมแต่ละชนิดกระมัง ก่อนจะวนกลับมาชิมรสชาติของขนมชิ้นต่อไปโดยที่ยังกินชิ้นก่อนไม่หมดด้วยเกรงว่าจะอิ่มเสียก่อน? ภันวัฒน์คาดเดาอยู่ในใจก่อนจะต้องสะดุ้ง หลุดสายตาออกจากภาพที่จดจ้องอยู่เป็นนาน

“ประทานโทษนะครับ เมื่อสักครู่คุณลูกค้าว่าอะไรนะครับ”

เสียงทุ้มเอื้อนถามหญิงสาวที่มายืนอยู่ข้างกายตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้อย่างนุ่มนวล แจกรอยยิ้มการค้าไปพอประมาณ

“คือว่า... ไม่ทราบว่าห้องน้ำไปทางไหนคะ”

“ออกจากประตู เลี้ยวไปทางซ้าย นิดเดียวก็ถึงแล้วครับ”

เขาส่งยิ้มอ่อนโยนลงกว่าเดิมหลังจากฟังคำถามอีกรอบ พลางอธิบายเส้นทางให้ลูกค้าสาวรับฟัง เธอคนนั้นยิ้มกว้างตอบรับ พวงแก้มขึ้นสีอย่างฉับพลัน จ้องมองดวงตาเขาด้วยประกายบางอย่าง แต่ภันวัฒน์ยังคงยิ้มค้างไว้ตามมารยาท ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด จากที่ยิ้มแฝงนัยไปให้ สาวเจ้าจึงต้องค่อยๆ คลายยิ้มลงแล้วกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินจากไป เพราะหว่านเสน่ห์ใส่พนักงานหนุ่มภูมิฐานที่ดูท่าทางจะมีตำแหน่งสูงไม่สำเร็จ

เมื่อลูกค้าที่มารบกวนเวลาของตนจากไปแล้ว ชายหนุ่มก็เบี่ยงความสนใจกลับไปยังร่างเดิมอีกครั้ง มองคนที่ก้มหน้าก้มตาจดบางอย่างลงบนแท็บเล็ต เส้นผมสีน้ำตาลแดงที่เคยอยู่ทรงตกลงมาปรกหน้ามากกว่าเดิม ราวกับกำลังทำอะไรสักอย่างอย่างเป็นจริงเป็นจัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วตักขนมชิ้นต่อไป

เหตุการณ์วนลูปอยู่อย่างนั้นเกือบสองชั่วโมง

ขนมทุกอย่างที่ถูกจัดสรรมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะถูกนำมาวางบนโต๊ะของชายคนนั้นจนครบทุกชนิด ในตอนแรกภันวัฒน์คิดว่าอีกฝ่ายคงจะลุกจากเก้าอี้ไปหลังจากทำการชิมขนมเสร็จ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าตัวยังคงนั่งต่อ ค่อยๆ ละเลียดกินขนมทีละนิดๆ

แม้ว่าขนมแต่ละชิ้นจะมีขนาดเล็ก ตักไม่กี่คำก็สามารถรับประทานหมดได้ง่ายๆ แต่กับขนมยี่สิบชิ้นย่อมไม่ง่ายแน่ ถึงกระนั้น...มันก็หมด สร้างความประหลาดใจให้กับภันวัฒน์ค่อนข้างมาก เพราะในทีแรกเขาคิดว่าบล็อกเกอร์คนนั้นเพียงแค่ต้องการชิมเพื่อหาข้อมูลลงบล็อกเพิ่มชื่อเสียงแก่ตนเอง แต่ดูท่าว่าจะไม่ใช่เพียงเท่านั้น

หมอนั่นก็ชอบขนมเหมือนกัน... งั้นสิ?

จวบจนหมดเวลาของงานเลี้ยงขนมหวานแสนอร่อยที่เนรมิตไว้ เหยื่อที่จ้องเล็งมาตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาภายในห้องอาหารก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาก่อนจะก้าวออกจากห้อง

ภันวัฒน์เดินตามร่างโปร่งนั้นอย่างเงียบเชียบไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ทิ้งห่างเพียงแค่ห้าก้าวยาวๆ โดยประมาณ ติดตามไปกระทั่งพ้นจากทางเข้าห้องแล้วมือใหญ่ก็ฉวยข้อมืออีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย!”

เหยื่อที่โดนตะครุบอุทานออกมาด้วยความตกใจ เบือนหน้าหันมาทางด้านหลังอย่างฉับพลัน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกโพลงตกประหม่า แต่ไม่ทันได้เอ่ยเสียงต่อจากนั้นก็ถูกฉุดลากให้เดินไปด้วยกัน

คล้ายกับถูกถูลู่ถู่กังอย่างไรอย่างนั้น แต่เพราะเชี่ยวชาญในเส้นทางที่เดินมานับครั้งไม่ถ้วน ภันวัฒน์จึงสามารถหลีกหนีทางพลุกพล่านจนสามารถมาอยู่ที่บันไดฉุกเฉินได้โดยที่ไม่มีใครเห็น เขาผลักร่างที่ตนลากมาจนชนกำแพง แท็บเล็ตในมือชายหนุ่มร่างสูงเพรียวเกือบร่วงหล่นพื้น ดีกว่ารีบกระชับมือไว้ได้ทัน

“คุณเป็นใคร ลากผมมาทำไม”

“คุณคือเจ้าของบล็อก Tea Party ใช่ไหม”

เมื่ออีกฝ่ายเปิดประเด็นมา ผู้จัดการหนุ่มก็ไม่รอช้า รีบสวนเสียงกลับไปทันที

“ใช่ แล้วทำไม”

“คุณรู้ไหมว่าคุณทำให้ผมเดือดร้อน”

“เดือดร้อน?”

เสียงถามค่อนไปทางสงสัย ดวงหน้าได้รูปเชยขึ้นสบตาคนที่สูงกว่าตนประมาณห้าเซนติเมตรเห็นจะได้ ท่าทางขึงขังของอีกฝ่ายนั้นดูราวกับไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระโดยง่ายแน่ๆ

“ก็เพราะข้อความในบล็อกของคุณทำให้ขนมที่ผมทำขายไม่ออกน่ะสิ รู้ไหมว่าผมต้องขาดทุนเท่าไร ตอนนี้ผมต้องงดขายขนมชิ้นนั้นไปเลย เดือนหนึ่งแล้ว”

“อย่ามาปรักปรำผม ผมไม่ใช่ผู้ทรงอิทธิพลที่จะกะเกณฑ์ลูกค้าของคุณได้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงก็แสดงว่าขนมของคุณต่างหากที่มีจุดบกพร่อง ลูกค้าของคุณมีวิจารณญาณพอที่จะตัดสินใจเองว่าอันไหนเขาควรกิน อันไหนไม่ควร ไม่เกี่ยวกับการรีวิวของผมสักหน่อย”

ทั้งที่ให้เหตุผลไปแล้ว แต่อีกฝ่ายยังเถียงฉอดๆ ภันวัฒน์รู้สึกเหมือนความร้อนกำลังพุ่งขึ้นจากปลายเท้าแผ่ลามขึ้นมาถึงศีรษะ เขาจับแขนทั้งสองข้างของคนตรงหน้ารวบตรึงขึ้นติดผนัง จนฝ่ายนั้นต้องกำแท็บเล็ตในมือให้แน่นกว่าเดิมพลางพยายามดึงแขนของตนเองออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะถึงมีส่วนสูงไล่เลี่ยกัน ทว่าอีกฝ่ายก็ยังมีกล้ามเนื้อมากกว่า

มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของคนที่ตนกักขังเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง หยิบโทรศัพท์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในนั้นออกมากดโทรเข้าเบอร์ตนเอง ดีว่ามันไม่ได้ถูกล็อกด้วยรหัสเอาไว้ เขาถึงทำอะไรอย่างที่ใจต้องการได้

“เฮ้ยคุณ! ปล่อยผมนะ แล้วเอาโทรศัพท์ผมคืนมาด้วย”

ร่างโปร่งพยายามขัดขืนสุดกำลัง ถึงกระนั้นกลับไม่เป็นผล เมื่อดึงตัวออกมาจากการกักขังได้พอประมาณก็ถูกคนตรงหน้าดันตัวเข้ามาจนกระแทกกำแพงอีกระลอก

ใบหน้าคมคร้ามขึงเข้มอย่างเอาจริงเอาจัง ก่อนจะยัดโทรศัพท์คืนให้เจ้าของมัน จากนั้นย้ายตำแหน่งมือไปตะปบป้าบเข้าที่บั้นท้าย จนชายหนุ่มสะดุ้งโหยงนัยน์ตาเหลือกโปนด้วยความตกใจ ยิ่งออกแรงต่อต้านมากขึ้นไปใหญ่ แต่ก็ไม่ต่างจากเดิม

“อย่ามาดูกำลังของคนที่ต้องนวดแป้งขนมทุกวันนะคุณ”

เสียงทุ้มราวกับคำรามอยู่ข้างหู ใบหน้าเบียดชิดจนลมหายใจรดริน บล็อกเกอร์หนุ่มกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะต้องเปิดตาจนแทบถลนเมื่อรู้ตัวอีกทีว่ากระเป๋าเงินของตนถูกฉกไปแล้ว มิหนำซ้ำมือที่เคยพันธนาการไว้ยังถูกปล่อยออกและแทนที่ด้วยร่างใหญ่โตทาบชิดเข้ามา

แผ่นหลังกว้างเบียดทับอกของตนจนร่างเกือบบี้แบนติดผนัง ร่างโปร่งพยายามดันตัวออกจากกำแพง หวังให้อีกฝ่ายกระเด็นหรือถอยห่างออกไปบ้าง แต่กลับมีแต่จะทำให้ตนเองเจ็บตัวมากกว่าเดิม เพราะทุกครั้งที่ดันร่างใหญ่ออกก็จะถูกดันกลับมาด้วยกำลังที่มากกว่า จึงได้แต่พยายามชะเง้อมองว่าเจ้าของร้านขนมกำลังจะทำอะไรกันแน่ ขณะมือข้างเดียวที่ว่างอยู่เอื้อมคว้าทรัพย์สินของตน แต่ด้วยส่วนสูงที่ห่างกันไม่มากก็ทำให้ร่างที่เล็กกว่าไม่ว่าจะแนวดิ่งหรือแนวราบคล้ายกับเกยคางอยู่บนบ่าคนด้านหน้าอย่างไรอย่างนั้น

ภันวัฒน์ยังมีสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่รับรู้ถึงความพยายามของคนที่ตนหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ และใช้สองมือหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยสองใบออกจากในนั้น ก่อนจะพลิกตัวกลับมา พานให้คนที่พยายามดันตัวอย่างสุดกำลังเกือบล้มหน้าคะมำที่อยู่ๆ หลักค้ำที่แข็งแกร่งก็ถอยห่าง

แบงก์สีม่วงถูกยัดลงไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของร่างโปร่ง ตำแหน่งเดียวกับที่หยิบกระเป๋าเงินออกมา จากนั้นปาติซิเย่หนุ่มก็จับกระเป๋าใบที่ว่าใส่ลงในกระเป๋ากางเกงของตนเองแทน ต่อด้วยกล่าวประโยคที่ราวกับยื่นคำขาด พลางทิ้งตัวถอยห่างออกมาจากร่างผอมบางกว่ามากกว่าเดิม และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าอยากได้คืนก็ไปที่ห้องนั่งเล่น วันเสาร์หน้า”






ไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าหงุดหงิดระดับไหนดี มันยิ่งกว่าเลเวลแม็กซ์เสียอีกเมื่อย้อนคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ใบหน้าได้รูปของชายหนุ่มย่นยู่หลังจากเปิดแท็บเล็ตดูบล็อกของตนเองที่เคยลงรีวิวขนมของร้าน ‘ห้องนั่งเล่น’ เอาไว้

ขนมรสชาติดี แต่ก็อย่างที่หมายเหตุไว้ เขาไม่ได้บิดเบือนความจริงตรงไหน

แล้วทำไมหมอนั่นถึงต้องมาโมโหกันด้วยวะ?!

ที่น่าเจ็บใจยิ่งนั้นคือ ตนเองไม่สามารถสู้กำลังอีกคนได้ทั้งที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แม้อีกฝ่ายจะดูตัวใหญ่กว่าไม่ว่าจะแนวราบหรือแนวดิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ถึงขนาดผอมแห้งขี้ก้าง และยังสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรปลายๆ ไม่คิดว่าเมื่อเทียบกันแล้ว เขากลับไร้กำลังขนาดนี้ แล้วยังโดยยึดกระเป๋าเงินไปเสียเฉยๆ ซะอีก ถ้าแค่บัตรประชาชนยังพอว่า หากเป็นแบบนั้นเขาคงปล่อยทิ้ง ยินดียอมทำบัตรใหม่

คิดแล้วก็ทิ้งศีรษะลงบนโต๊ะทำงานอย่างเซ็งๆ หมดอารมณ์จะทำอะไร แค่นึกถึงวันพรุ่งนี้ว่าต้องไปพบหน้าก็พานทำให้ยิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่สงบ แต่จะตัดใจไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะไหนจะของสำคัญ ไหนจะศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย สุดท้ายก็ได้แต่พ่นลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น

“เฮ้อ”

“เป็นอะไรของมึงวะ ไปเร็ว เลิกงานแล้วๆ ไปหาอะไรกินกัน”

เพื่อนสาวที่นั่งอยู่โต๊ะติดกันเดินมาหยุดด้านหลัง พลางเอ่ยเสียงถามอย่างสงสัย ชายหนุ่มจึงต้องเงยหน้าขึ้นมาเก็บข้าวของบนโต๊ะให้เป็นที่เป็นทางกว่าเดิมสักหน่อย ก่อนปิดคอมพิวเตอร์ หยิบแท็บเล็ตคู่กายมากระชับไว้ไม่ห่างมือแล้วลุกขึ้นมาเคียงเพื่อน

เธอเป็นหญิงสาวที่จะว่าหน้าตาสะสวยก็คงไม่ผิด แต่เพราะคบหากันมาตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ อีกทั้งอายุเท่ากันและเข้างานมาในช่วงไล่เลี่ยกันจึงสนิทกันได้เร็ว ทำให้ความสวยที่มีถูกลดทอนลงไปในสายตา

ทั้งคู่เดินลงไปชั้นล่าง เพราะบริษัทที่ทำงานอยู่นั้นไม่ใหญ่โตนัก เป็นอาคารห้าชั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีลิฟต์ จากนั้นตรงไปยังร้านข้าวหน้าปากซอยที่เริ่มมีผู้คนพลุกพล่าน เพราะได้เวลาเลิกงานของเหล่าพนักงานบริษัทมาสักพักแล้ว ท้องฟ้าย้ายเข้าสู่โทนสีมืด แสงสว่างจากร้านรวงอาคารจึงสว่างประปราย

ชายหนุ่มกับหญิงสาวนั่งตรงข้ามกัน โดยปกติพวกเขามักจะเลิกงานพร้อมๆ กันและมารับประทานอาหารด้วยกันเช่นนี้ โดยเฉพาะวันศุกร์ที่หนุ่มบล็อกเกอร์จะมีสีหน้าแจ่มใส เพราะวันต่อไปเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ อีกทั้งยังเป็นวันที่ได้ทำงานอดิเรกอย่างที่ใจชอบ ทว่าวันนี้สีหน้ากลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

หญิงสาวกำลังจะเอ่ยถามว่า ‘เป็นอะไรของมึง’ อีกสักรอบ เพราะเห็นทีท่าไม่คุ้นตาเช่นนั้น ทว่าเสียงโทรศัพท์จากฝ่ายนั้นก็ดังขึ้นเสียก่อน เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงพลางมองเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอ พันคิ้วให้มุ่นเข้าหากันสักครู่ด้วยความสงสัยเพราะไม่ได้บันทึกเบอร์ที่ติดต่อเข้ามาไว้ ก่อนกดรับอย่างงุนงง เพราะเดิมทีเขาไม่ใช่คนที่จะแจกจ่ายเบอร์ไปทั่ว และก็ไม่ได้มีลูกค้านอกอย่างหนึ่งฤทัย เพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย

“สวัสดีครับ”

[สวัสดีครับ]

เสียงทุ้มต่ำแต่มีพลังดังอยู่ข้างหู รู้สึกคุ้นเคยอยู่เหมือนเคยได้ยินที่ไหน แต่ในเวลาเดียวกันก็เหมือนกับไม่เคยได้ยิน พานให้ยิ่งเคลือบแคลงหนักเข้าไปใหญ่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทว่าดูเหมือนฝ่ายนั้นจะรู้ถึงข้อนี้จึงเปิดเผยตัว

[ผมเอง เจ้าของร้านห้องนั่งเล่น]

โจรขโมยกระเป๋าตังค์!

นั่นคือความคิดแรกที่แวบเข้ามา

[ผมจะโทรมาบอกว่า อย่าลืมที่นัดกันไว้พรุ่งนี้]

ไม่ได้นัดเว้ย โดยมัดมือชกต่างหาก

เขาอยากจะเถียงไปแบบนั้น แต่สิ่งที่ลอดออกไปจากปากกลับเป็นสิ่งอื่น

“ผมไม่ได้นัดกับคุณเอาไว้สักหน่อย”

[คุณไม่อยากได้กระเป๋าเงินคืนเหรอครับ]

ยังมีหน้าเอาตัวประกันมาขู่อีก

[ผมจะรอเจอคุณนะครับ คุณอาทิตย์อัสดง]

สิ้นประโยคที่ราวกับประโยคแสนหวาน แต่แฝงด้วยนัย โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไป

‘คุณอาทิตย์อัสดง’ ละโทรศัพท์ออกมาจากหู ผ่อนลมหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด รู้สึกว่าแค่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็เหมือนถูกกระตุ้นให้กอไฟในร่างโหมกระพือขึ้นมา

อาหารเย็นถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ แต่คนที่สั่งมันไว้กลับไม่มีทีท่าว่าอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าตี๋ๆ แต่ไม่ถึงกับตาตี่เป็นขีดเดียวมุ่ยอย่างเห็นได้ชัด จนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอดถามประโยคเดิมซ้ำไม่ได้

“เป็นอะไรของมึงเนี่ย ไอ้ฟรี เดี๋ยวก็ฮึดอัด เดี๋ยวก็ทำหน้าเหมือนกินหนอนเข้าไป”

“ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยว่ะ”

“เฮ้ย เป็นไปไม่ได้”

หนึ่งฤทัยร้องอย่างตกตะลึง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาห้าปี เธอไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทไม่อยากให้ถึงวันเสาร์เลยสักครั้ง ปกติแล้วถ้าถึงวันสุดสัปดาห์เมื่อไรจะหน้าบานเสียด้วยซ้ำ

“กูไม่อยากให้ถึงจริงๆ”

เสียงเซ็งๆ ถูกส่งออกมาอีกครั้งโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม พร้อมกับมือเรียวจับช้อนขึ้นมาตักข้าวเข้าปากอย่างไม่สบอารมณ์






--------------------
มาต่อตอนที่ 1 แล้วค่ะ
อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง บอกกล่าวเล่าแถลงได้นะคะ  :mew1:
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

Undel2Sky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2017 21:30:57 โดย undersky »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาอ่านอีก

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
มัดมือชกสุด ๆ 555

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook

อา...คุณภัณนี่ร้ายนะคะ เด็ดขาดดีแท้
เอาซี่ ถ้ายังจะไม่มาเจอหน้า ก็อย่าหวังว่าเงินในกระเป๋าและบัตรเครดิตจะปลอดภัย
(เฮ่ย! นี่พระเอกนิยายเว่ยไม่ใช่มิจฉาชีพ!!!)

รออ่านตอนต่อไป อยากรู้เหลือเกินว่าบลอกเกอร์กับเจ้าของร้านกาแฟจะลงเอยกันยังไง
ขอบคุณมากค่ะ  :L2:


ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พระเอกเหรอ? อาชีพเสริมพี่คือโจรปะนี่ คล่องซะ :hao3:

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
ึคนนวดแป้งนี่เค้าต้องมือไวด้วยป่ะคะ?
ทั้งฉุด ทั้งดึง ทั้งเอาเงินออกมาจากกระเป๋าเค้าด้วยเนี่ย
โถๆๆๆ น่าสงสารคุณบล็อกเกอร์คนนั้นจริงๆ

 :hao7:

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
2nd Entry : ปิดประตูตีแมว






ขณะที่คนหนึ่งสิ้นแรง อีกคนกลับหน้าระรื่น ภันวัฒน์วางโทรศัพท์มือถือของตนเองลงบนโต๊ะ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ ดวงตาจับจ้องบัตรประชาชนของใครบางคนที่ตนเป็นคนยึดไว้ซึ่งอยู่ในมือ กวาดตามองใบหน้าในรูปถ่ายก่อนย้ายไปที่ชื่อ-นามสกุลซึ่งปรากฏอยู่ เข้าใจแล้วชื่อที่ใช้ในบล็อกมาจากไหน จากนั้นก็โยนมันลงบนโต๊ะทำงานซึ่งมีกระเป๋าเงินสีเทาอ่อนวางอยู่

พรุ่งนี้เขาจะได้เคลียร์ปัญหาคาราคารังที่ทำให้เขาหนักอกมาเกือบเดือนสักที

เขาจะต้องทำให้อาทิตย์อัสดงยอมแก้ไขข้อมูลในบล็อกนั่นให้ได้ แล้วก็ต้องลงข้อความขอโทษด้วย นอกจากนั้นก็ต้องเรียกค่าเสียหายเพื่อชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะความมักง่ายของเจ้าตัว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ประตูหน้าห้องเปิดออกมาหลังจากเสียงนั้นดังอยู่ชั่วครู่ ร่างที่ก้าวเข้ามาเป็นหญิงสาวคนเดิม เธอมาพร้อมกับแฟ้มในมือ และยื่นส่งให้กับผู้เป็นเจ้านาย

“รายงานสรุปเรื่องอีเวนท์บุฟเฟต์ขนมหวานของสองสัปดาห์ที่ผ่านมาค่ะ”

“ขอบคุณครับ คุณนน”

“นนนี่ค่ะ”

แม้จะถูกค้านเรื่องชื่อ แต่ผู้จัดการหนุ่มกลับทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เขาเปิดดูเอกสารในแฟ้มพร้อมกับฮัมเพลงในลำคอไปด้วย พานให้เลขานุการสาวประหลาดใจ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะแม้เจ้านายของเธอจะเป็นคนสบายๆ แต่วันนี้ก็ดูผิดปกติอยู่ดี

“วันนี้คุณภันดูอารมณ์จังเลยนะคะ”

“ดูออกด้วยเหรอ”

ไม่ได้ตอบโดยตรง แต่แสร้งยื้อบทสนทนาแบบคลุมเครือ

“ดูออกสิคะ นนนี่ไม่ได้ตาบอดหูหนวกนะคะ”

“พรุ่งนี้ผมมีเดทน่ะ”

นนทิยามุ่นคิ้วเข้ามาหากันแทนที่ตำแหน่งเดิม เจ้านายของเธอเป็นชายหนุ่มภูมิฐาน หน้าตาจะเรียกว่าหล่อเหลาก็คงไม่กระดาก เพราะคมเข้มมีเสน่ห์ จึงไม่แปลกหากจะมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เข้ามาในชีวิตบ้าง แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเรื่องแบบนี้ ไม่รู้แน่ว่าเพราะไม่เคยพูดถึง หรือไม่เคยเอามาเป็นสาระด้วยสับรางไม่หวาดไม่ไหว

“จะอวดเหรอคะ”

“ผมเห็นคุณสงสัย ก็เลยบอกเฉยๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณค่ะ”

สิ้นเสียงของเธอ ปลายปากกาในมือชายหนุ่มก็ตวัดลายเซ็นบนเอกสารเสร็จพอดี เขาปิดแฟ้มส่งมันคืนให้เธอก่อนเตือนย้ำ

“พรุ่งนี้ผมหยุดนะ อย่าโทรมารบกวนผมล่ะ”

“นนนี่จะโทรเฉพาะแค่เวลาเจ้านายหนีงานเท่านั้นแหละค่ะ”

เธอรับแฟ้มมาถือไว้ และแถมด้วยการแขวะกันอีกฝ่ายอีกเช่นเคย แต่คนโดนลูกน้องปีนเกลียวใส่กลับยักไหล่ไม่ใส่ใจ

“ผมว่าผมมีความรับผิดชอบพอดูนะ”

“ก็แค่พอดูน่ะค่ะ” ตอบเหมือนไม่ใส่ใจแล้วเธอก็เอ่ยขอตัว ก่อนจะก้าวถอยหลังสองสามก้าว และหมุนตัวเดินออกจากห้องไปตามมารยาทที่ดี

ประตูห้องทำงานปิดลง มือหนาเลื่อนออกมาจับบัตรประชาชนที่วางแผ่อยู่บนโต๊ะอีกรอบ ภันวัฒน์เดาะลิ้นเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ จากนั้นจับมันใส่ลงในกระเป๋าเงินที่วางอยู่ข้างกัน

อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ ซะแล้ว






ท้องนภาเปื้อนด้วยสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เสียงระฆังประตูดังเบาๆ ขณะที่พื้นที่ภายในร้านซึ่งอุ่นอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานถูกเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร่างสูงที่นั่งชะเง้อมองประตูมาตลอดทั้งวันยกตัวลงจากเก้าอี้ตรงเคาน์เตอร์เมื่อเห็นว่าคู่นัดหมายเพิ่งผ่านประตูเข้ามา

“มาซะดึกเลยนะครับ”

“คุณไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมจะต้องมากี่โมง มันก็ต้องแล้วแต่ผมสะดวกไม่ใช่เหรอครับ”

ขาเรียวก้าวเข้ามาพร้อมตอบคำทักทายที่เหมือนจะสุภาพอยู่ในที แต่ได้ยินเมื่อไรก็รู้ว่าเจตนาของคนพูดไม่ได้ต้องการสุภาพถึงขนาดนั้น

“นั่งก่อนสิครับ”

“ไม่จำเป็นหรอก ผมแค่มาเอากระเป๋าตังค์ของผมคืน”

แทนที่จะตอบอะไรกลับมาบ้าง ชายร่างสูงผิวสีเข้มกว่าที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์กลับรินน้ำลงแก้วอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เหมือนกับจะยั่วโมโหกัน ก่อนจะเดินถือมันมาวางบนโต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นบริเวณที่ตกแต่งแนวโมเดิร์น พื้นโต๊ะเป็นกระจกใสแต่งสีเป็นลวดลายสดงาม จากนั้นก็หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ราวกับจะระบุว่าให้แขกที่มาเยือนนั่งฝั่งที่มีแก้วน้ำตั้งอยู่อย่างไรอย่างนั้น

อาทิตย์อัสดงยืนมองกิริยาของภันวัฒน์อย่างไม่สบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ แต่เพราะอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นอกเหนือจากนั้น ดั่งรอให้ตนลงไปนั่งประจันหน้ากัน จึงยอมสืบเท้าเข้าไปใกล้และทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในตำแหน่งที่เว้นไว้ให้อย่างช่วยไม่ได้

“คืนกระเป๋าตังค์ผมได้หรือยังครับ”

“ทำไมใจร้อนจังเลยล่ะครับ ทีตอนสร้างความเดือดร้อนให้ผม ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร”

คิ้วเรียวดำของบล็อกเกอร์หนุ่มขมวดฉับทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ เริ่มรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ารับมือยากขึ้นมาทันใด

“คุณต้องการอะไร”

“ง่ายๆ” เสียงทุ้มเอื้อนออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นใจ แต่สร้างความกดดันให้คนมองเห็นได้ไม่น้อย “ลบเอนทรี่ที่คุณอัพเกี่ยวกับ Sweet Butterfly ซะ แล้วก็ต้องอัพบล็อกขอโทษร้านของผมด้วย”

“ผมว่าคงไม่จำเป็นมั้งครับ”

ไม่ต้องคิดตรึกตรองให้เสียเวลา อาทิตย์อัสดงสวนคำตอบกลับมาฉับพลัน มองสบตาร่างสูงโดยไม่หลีกเลี่ยง ให้รู้กันไปเลยว่าเขาไม่อ่อนข้อให้แน่นอน

ในเมื่อเขาไม่ผิด

"ถ้าอย่างนั้นผมคงคืนของให้คุณไม่ได้”

สิ่งที่ตอบกลับมาไม่ไกลจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อครู่ อาทิตย์อัสดงลอบสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับความไม่พอใจเอาไว้ ปกติเขาเป็นคนค่อนข้างใจเย็น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายคนนี้แล้วกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตนกลายเป็นภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุเมื่อไรก็ได้

“ก็ได้ ถ้าอยากได้คุณเอาไปเลย ผมทำบัตรใหม่ทั้งหมดก็ได้ ไม่มีปัญหา”

นั่นคือหนทางเดียวที่จะรับมืออีกฝ่ายได้

“ดูท่าคุณไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไรเลยนะ”

นัยน์ตาสีดำสนิทกวาดมองดวงหน้าขาวสะอ้าน จับจ้องที่ดวงตาสีน้ำตาลเรียวที่เสริมให้รู้ว่าร่างโปร่งมีเชื้อสายจีนมากเป็นพิเศษ เพื่อจับสังเกตเหยื่อไม่ให้หลุดลอดไปได้ แต่ฝ่ายนั้นกลับใจเย็นเกินคาด

“ถ้าหมดธุระแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

กายโปร่งได้สัดส่วนลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้ขยับเขยื้อนออกห่างจากโต๊ะก็ถูกรั้งเอาไว้ มือหยาบผลักจนล้มจ้ำลงไปกระแทกกับเก้าอี้อีกหน ก่อนดวงตาเรียวคมดั่งเหยี่ยวจะโฉบไปสะดุดเข้ากับลำคอขาว บริเวณนั้นมีแสงสว่างส่องประกาย พานให้มือใหญ่เอื้อมคว้าครามครัน

“เฮ้ย”

คอเสื้อที่ถูกแหวกด้วยมือหนาพร้อมกับน้ำหนักที่ทิ้งลงมาแหวกว่ายตรงนั้นพลันทำให้ทั้งร่างสะดุ้ง อาทิตย์อัสดงร้องอุทานอย่างไม่ทันตั้งตัว และยิ่งเบิกตากว้างมากขึ้นเมื่อร่างที่ใหญ่กว่าลุกขึ้นชะโงกตัวข้ามโต๊ะมาทางตนเอง ใบหน้าใกล้กันเสียจนขนลุกซู่ มือเรียวคว้าขวับที่ข้อแขนของอีกฝ่าย หวังจะดึงออก

“นี่มันคุกคามทางเพศแล้วนะ ผมแจ้งตำรวจได้”

“คุณคิดว่าเราอยู่ประเทศไหน ตำรวจเขาไม่สนใจปัญหาหยุมหยิมแบบนี้หรอก”

คำตอบที่ได้รับกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่แสดงถึงความสะทกสะท้านทำให้อาทิตย์อัสดงนิ่งอึ้งไป ทว่าไม่เพียงเท่านั้น ประโยคต่อไปยังดังตามมาให้ยิ่งตะลึงงันมากขึ้นไปอีก

“ไม่ต้องห่วง คุณไม่ใช่สเปกผม”

ทั้งที่พูดออกมาแบบนั้นแต่ว่ามือยังคงลูบคลำแถวหน้าอกอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะละมือออกพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ติดมือไปด้วย

“สร้อยผม!”

เข้าใจในตอนนี้เองว่าที่ร่างสูงล้วงเข้ามาในอกเสื้อเขาก็เพื่อการไหน บล็อกเกอร์หนุ่มลูบจับตำแหน่งที่เคยมีสร้อยสีทองอยู่ราวกับจะยืนยันให้แน่ใจ ว่ามันหายไปจากคอของตนเองจริงๆ ซึ่งมันก็ว่างเปล่าอย่างที่เห็น

“เอาสร้อยผมคืนมา สร้อยนั่นแม่ให้ผมมานะ”

“ผมขอสร้อยเส้นนี้เป็นตัวประกันแล้วกัน จนกว่าคุณจะลบรีวิวนั่นออกแล้วก็ขอโทษ ผมถึงจะคืนให้”

ภันวัฒน์พูดอย่างวางมาด ก่อนจะเอาสร้อยคอทองคำน้ำหนักประมาณสองบาทที่ห้อยพระอยู่หนึ่งองค์ยัดเข้าใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง และตามด้วยโยนกระเป๋าเงินที่เคยยึดมาก่อนหน้านี้คืนให้

อาทิตย์อัสดงรู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจ จ้องมองร่างใหญ่กว่าด้วยดวงตาอาฆาต ไม่แน่ใจว่าตนเองคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่มาที่นี่ในวันนี้ บางทีการที่เขาตัดใจจากกระเป๋าเงินของตัวเองอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วก็ได้ เพราะข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายมันมากเกินกว่าเขาจะยินยอมทำให้ได้ เขาไม่อยากทำลายศักดิ์ศรีตัวเองด้วยการอัพอะไรที่ไม่จริง

“ผมขอยื่นข้อเสนออื่น”

ร่างโปร่งพยายามคิดหาหนทางอย่างเต็มกำลัง อย่างน้อยก็เจอกันครึ่งทาง และหวังว่าผู้ชายตรงหน้าคงไม่ไร้เหตุผล

“ข้อเสนออะไรครับ”

“คุณปรับปรุงขนมของคุณมาให้ผมชิม ถ้าผมยอมรับได้ ผมถึงจะแก้ไขข้อมูลให้ ส่วนเรื่องที่ทำให้คุณเดือดร้อน ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะส่งผลกระทบกับร้านของคุณ ผมต้องขอโทษด้วย”

“คุณว่ามันไม่ง่ายไปเหรอ”

“แต่เราก็ควรจะเดินมาเจอกันครึ่งทาง ผมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ขนมของคุณแบบเสียๆ หายๆ เลย ขนมชิ้นอื่นๆ ผมก็ให้คะแนนคุณดีไม่ใช่เหรอ ก็แค่มีหนึ่งชิ้นที่มันยังมีจุดบกพร่องอยู่ ถ้าคุณแก้ไขมันได้ ก็เป็นผลดีกับคุณเอง ไม่ใช่ผม”

ประโยคแรกๆ ภันวัฒน์เกือบทำเป็นหูทวนลมได้ แต่ประโยคท้ายกลับทำให้เขาต้องครุ่นคิดตาม ซึ่งมันก็เปิดโอกาสให้อาทิตย์อัสดงรู้สึกหายใจได้สะดวกขึ้น กระหยิ่มยิ้มกับไหวพริบและทัศนคติของตนเอง พลางเอ่ยอธิบายต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา

จะโจมตีศัตรูให้ล่าถอยและพ่ายแพ้ไป ก็ต้องโจมตีด้วยคอมโบ

“ลองพิจารณาดูนะครับ ถ้าคุณสามารถปรับปรุงขนมชิ้นนั้นให้ออกมาสมบูรณ์ได้ และผมรีวิวแก้ไขให้คุณ นอกจากจะเรียกลูกค้าเพิ่มให้คุณแล้ว ลูกค้าจะยังรู้สึกชื่นชมเสียอีกที่คุณพัฒนาสินค้าของตัวเอง เพราะมันแสดงว่าคุณมีความรับผิดชอบ และใส่ใจในตัวลูกค้า”

เกิดความเงียบหลังจากสิ้นเสียงนั้น ภันวัฒน์รวบรวมคำกล่าวอ้างนั้นแล้วพิจารณาไปที่ละประโยค และก็ต้องรู้สึกเห็นด้วยอยู่ในใจ เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผลเสียทีเดียว

“ก็ได้”

ได้ยินเสียงทุ้มต่ำในลำคอดังขึ้นมาอย่างยอมรับในเหตุผลของตน อาทิตย์อัสดงก็ผลิยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ร้อง ‘เยส’ อยู่ในใจดังๆ ที่แผนสำเร็จจนได้ ก่อนจะยื่นมือออกมา

“งั้นก็ขอสร้อยผมคืนด้วยครับ”

ฉับพลันนั้นริมฝีปากที่ยิ้มอยู่ก็กลายเป็นรอยยิ้มค้าง

“ผมยังคืนให้ไม่ได้หรอก”

“อ้าว ทำไมล่ะ ก็ตกลงกันได้แล้ว”

“คุณบอกเองว่าครึ่งทาง”

หนุ่มตี๋รู้สึกเหมือนว่าจะเกิดอาการช็อกขึ้นสมองเฉียบพลัน อ้าปากพะงาบนึกคำพูดไม่ออก เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบสวนกลับมาแบบนี้

“ผมจะปรับปรุงขนมแล้วเอาให้คุณชิมตามที่คุณบอก ส่วนผมเก็บสร้อยพระของคุณไว้ จนกว่าคุณจะยอมรับขนมของผม แบบนี้สิถึงจะถูกต้อง ไม่ใช่เหรอครับ”

“.....”

“ถ้าผมไม่พยายามทำขนมให้ออกมาดี ร้านของผมก็ต้องเสียชื่ออยู่อย่างนี้ ส่วนคุณก็ไม่ได้สร้อยคืน แต่ถ้าผมทำขนมออกมาดี คุณยอมรับได้ คุณก็ได้สร้อยคืน”

“.....”

“ถ้าได้ผลประโยชน์ก็ได้ทั้งคู่ แต่ถ้าเสียผลประโยชน์ก็เสียทั้งคู่ ก็แฟร์ดีนี่ครับ”

ร่างโปร่งอึ้งกว่าเก่าเสียอีกเมื่ออีกฝ่ายคิดคำนวณไปไกลมากกว่าที่ตนคิดไว้ จะเรียกว่าเป็นคนมองการณ์ไกล วิสัยทัศน์ดี หรือจะบอกว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์จอมวางแผนดี เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

“ว่าอย่างไรครับ”

ภันวัฒน์ถามความเห็นราวกับจะย้ำเพื่อให้ตัดสินใจเสียที ร่างสูงยอบกายลง ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้งด้วยท่วงท่าสบายๆ ทิ้งเวลาให้คู่เจรจาคิดนิดหน่อย ทั้งที่สุดท้ายคำตอบที่อาทิตย์อัสดงเลือกได้มีเพียงคำตอบเดียว

“ตกลงตามนั้นก็ได้ครับ” ตอบกลับอย่างจนหนทางแล้วก็ยื่นมือไปหยิบกระเป๋าเงินกลับคืนมา จากนั้นลุกขึ้นจากตำแหน่งที่นั่ง “งั้นผมขอตัวกลับก่อน”

ทว่าก้าวขาออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงทุ้มจากคนด้านหลังก็ดังให้ต้องเหลียวหน้ากลับไป

“จ่ายค่าน้ำด้วยสิครับ คุณอาทิตย์อัสดง”

จะเรียกว่า เงิบ ก็คงได้

“หา คุณเป็นคนเรียกผมมาเองนะ แล้วน้ำนี่ผมก็ไม่ได้สั่งด้วย”

“นี่มันของซื้อของขายนะคุณ”

เจ้าตัวตอบด้วยรอยยิ้มที่พานให้คนมองรู้สึกว่ามันช่างยียวนกวนประสาทเสียเหลือเกิน

คนโดนทวงค่าน้ำเปล่าที่ไม่ได้ดื่มแม้แต่หยดเดียวยอมเดินกลับไป ควักเหรียญบาทสองเหรียญในกระเป๋ากางเกงออกมาวางบนโต๊ะด้วยน้ำหนักที่มากกว่าธรรมดาสักหน่อยพลางบอก

“หวังว่าแค่นี้คงพอนะ”

เสร็จกิจสุดท้ายที่คงท้ายสุดแล้ว ก็ได้เดินออกมาจากร้านจริงๆ เสียที ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองเบาๆ โดยไม่หันกลับไปมองใครอีกคนที่อยู่ในร้านนั้น

อะไรของแม่งวะ ไอ้ปลาตีนสิแย่นั่น






Rrrrrr Rrrrrrr

เสียงรบกวนดังซ้ำอยู่หลายระลอก เดี๋ยวดับเดี๋ยวหยุดจนน่าเวียนหัว มือเรียวควานสะเปะสะปะหาต้นกำเนิดเสียงที่คิดว่าน่าจะอยู่ใกล้ๆ หัวเตียงก่อนจะค่อยๆ ปรือเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้น พร้อมกับคว้าสิ่งนั้นเอาไว้ได้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีชาเหลือบมองดูแสงสว่างบนจอสี่เหลี่ยม ใช้สติอันเลือนรางของตนประมวลผลตัวเลขซึ่งปรากฏอยู่และลงความเห็นได้อย่างฉับพลัน

เบอร์ใครวะ

ตั้งคำถามกับตนเองเสร็จแล้วก็เลื่อนสายตาไปยังแถบสเตตัสด้านบน ก่อนจะเบิกตาโพลง เพราะว่ามันกำลังบอกเวลาว่าคือตีสอง พานให้นึกก่นด่าอยู่ในใจว่าใครอุตริโทรมายามวิกาลแบบนี้ แล้วจึงกดตัดสายทิ้งไป ทว่าเพียงชั่วประเดี๋ยว สัญญาณว่ามีโทรศัพท์โทรเข้ามาอีกสายก็ดังขึ้น เป็นเบอร์เดียวกับเมื่อครู่เด๊ะ

“อะไรวะเนี่ย”

เสียงแหบพร่าเพราะจำต้องตื่นนอนมาอย่างไม่เต็มใจระบายออกมาเบาๆ จากนั้นมือเรียวกดตัดสายอีกครั้ง ตามด้วยจัดการบล็อกเบอร์ที่โทรเข้ามาก่อกวนยามดึกเสียเลย คิดว่าคราวนี้แหละจะได้นอนอย่างสงบเสียที จึงผละออกจากสิ่งรบกวนเมื่อครู่แล้วเลื้อยตัวลงบนที่นอนด้วยท่าที่สบายที่สุด

ทว่า...

Rrrrrr Rrrrrrr

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งราวกับกำลังจะทดสอบความอดทนกัน อาทิตย์อัสดงพลิกตัวขึ้นนั่งอย่างไม่สบอารมณ์แล้วคว้ากล่องสื่อสารนั้นมาอีกรอบ ตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นไม่ใช่ตัวเลขเดิม แน่นอนล่ะ เพราะว่าเขาบล็อกมันไปแล้ว แต่ที่น่าประหลาดใจ ก็คือมันมีความคล้ายคลึงกัน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างฉับพลัน ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมรับสายที่ดังมาครู่หนึ่งแล้วอยู่ดี

ปุ่มรูปหูโทรศัพท์สีแดงถูกกดอย่างง่ายดาย ก่อนจะตามด้วยการเข้ารายการบล็อกเบอร์โทร ทว่าทำดังนั้นแล้วแทนที่จะสบายใจจบสิ้นกันเสียทีกลับกลายเป็นการก่อสงครามขนาดย่อมแทน เพราะเหตุการณ์วนลูปกลับมายังที่เดิมอีกครั้ง

โทรเข้า ถูกบล็อก โทรเข้า ถูกบล็อก อยู่เช่นนั้นราวๆ ยี่สิบสาย จนความอดทนของคนที่ถูกทำลายการนอนแสนสงบหมดลงเรื่อยๆ

“ไอ้บ้านั่นมันมีกี่เบอร์กันวะ”

สุดท้ายก็ยอมกดรับสายในที่สุด พลางนึกหงุดหงิดในใจที่ตนเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมท้อถอยและค่อนข้างหัวรั้น เพราะหากเป็นคนอื่น คงปิดเครื่องหนีเพื่อความสงบสุขของตนเองไปแล้ว ไม่ต่อสู้เพื่อเอาชนะอยู่อย่างนี้

“ไม่ทราบว่าจะโทรมาทำไมนักหนาครับ”

ประโยคแรกที่ทักทายคู่ต่อสู้ที่มีความอดทนพอๆ กันเต็มไปด้วยความไม่พอใจในน้ำเสียง แต่สิ่งที่ตอบกลับมาจากอีกฝ่ายนั้นกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

[ก็คุณไม่รับสักที ผมก็ต้องโทรต่อไปสิ]

นอกจากน้ำเสียงยังไม่มีเค้าของความง่วงงุนแล้ว เสียงที่ระบุได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ทำให้อาทิตย์อัสดงรู้สึกหัวร้อนฉ่าขึ้นมาทันที

“ผมบล็อกเบอร์คุณไปขนาดนี้แล้ว คุณก็น่าจะรู้ตัวว่าผมไม่ต้องการรับสาย คุณก็ควรจะหยุดโทรได้แล้ว คุณมีกี่เบอร์กันแน่ ผมบล็อกเบอร์คุณจนนิ้วจะหงิกอยู่แล้ว”

[ผมใช้เบอร์ที่ทำงานโทรน่ะ มีเป็นร้อยสาย ถ้าคุณบล็อกไหวก็เชิญตามสะดวก]

รู้สึกเหมือนความร้อนแล่นเข้ามาในหัวอีกระลอก คงให้ความจำกัดความถึงความรู้สึกของร่างบนเตียงได้เพียงเท่านั้น มือเรียววางบนหน้าผากของตนเองเพื่อพิสูจน์ว่าตอนนี้ตนกำลังตัวร้อนขึ้นจริงๆ หรือว่าเป็นการอุปาทานไปเองกันแน่

“แล้วใครบอกให้คุณโทรมาตอนนี้กันล่ะครับ รู้ไหมว่ากี่โมงแล้ว”

[ตีสอง สิบสามนาที ทำไมล่ะครับ]

“คุณคิดว่ามันใช่เวลาที่จะมาโทรหาคนอื่นไหมครับ”

[ก็ผมเพิ่งทำงานเสร็จนี่ครับ แล้วเมื่อคืนผมทำขนมไว้ อยากให้คุณมาช่วยชิมหน่อย]

คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ร่างโปร่งตะลึงงันได้เล็กน้อย ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายบอกว่าเพิ่งเสร็จงาน แต่เป็นเพราะประโยคที่ว่า ‘อยากให้ช่วยชิมหน่อย’ ต่างหาก

“คุณจะให้ผมขับรถออกไปตอนนี้เนี่ยนะ”

[ถ้าคุณไม่สะดวก ผมไปหาคุณก็ได้ คุณอยู่ที่อยู่ตามบัตรประชาชนหรือเปล่า]

เป็นอีกครั้งที่คนฟังต้องตกตะลึง เบิกตาขึ้นกับความคิดพิลึกพิลั่นของปลายสาย

นี่มันจะบุกบ้านกันเลยเหรอ

“นี่คุณครับ จะไม่มีมารยาทก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย”

สิ้นประโยคนั้น ปุ่มวางสายก็ถูกกดอีกครั้ง และตามด้วยปุ่มเปิดเครื่องอย่างเร็วพลันเพื่อไม่เปิดโอกาสให้คนก่อกวนยามวิกาลอาศัยจังหวะโทรเข้ามาอีก พลางงึมงำกับตนเองอย่างอดไม่ได้

หมอนั่นต้องบ้าไปแล้ว





ตรู๊ด... ตรู๊ด... ตรู๊ดๆๆ ตรู๊ดๆๆๆ

เสียงสัญญาณเดิมดังซ้ำกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แม้ว่าจะไม่ย่อท้อและติดต่ออีกฝ่ายได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าคราวนี้กลับต้องยอมถอดใจ เพราะดูเหมือนปลายสายจะปิดเครื่องหนีไปแล้วจริงๆ ภันวัฒน์เดาะลิ้นเบาๆ อย่างขัดอารมณ์ ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะล้มเลิกความตั้งใจของตนเอง

เขาเปิดแกลเลอรี่รูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือ หารูปบัตรประชาชนของร่างโปร่งที่ถ่ายเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โชคดีที่เขาถ่ายมันเก็บไว้ เผื่อว่าจะมีกรณีฉุกเฉิน เช่น อีกฝ่ายหนีหน้า ติดต่อไม่ได้ เป็นต้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกนำมาใช้รวดเร็วเช่นนี้

หน่วยตาคมกวาดมองตัวอักษรระบุที่อยู่ ดูไม่ไกลมากเท่าไรนัก ก่อนจะเบือนสายตาลงต่ำเพื่อสังเกตวันออกบัตร เพิ่งจะออกบัตรใหม่ปีนี้ แสดงว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ที่อยู่ก็น่าจะเป็นที่อยู่ปัจจุบันด้วย รับรู้ถึงความจริงข้อนี้ มุมปากได้รูปก็กระตุกเบาๆ

มือหนาเอื้อมหยิบกุญแจรถยนต์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินออกจากห้องและมุ่งหน้าไปยังรถยนต์ของตนเอง นึกขอบคุณเทคโนโลยีก้าวหน้าในยุคนี้ขึ้นมาอย่างซาบซึ้ง เพราะมีทั้งเนวิเกเตอร์ในรถ และกูเกิลแมปที่ทำให้การค้นหาสถานที่หนึ่งง่ายดายกว่าที่คิด

ไม่นานก็มาถึงสถานที่เป้าหมาย ถึงจะขับรถเลยหน้าบ้านที่ว่านั้นไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ลำบากอะไรที่ต้องถอยกลับมา ร่างสูงกำยำก้าวลงจากรถหลังจากดับเครื่อง สังเกตตัวบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดิร์นสีขาวเทาขนาดเล็กที่น่าจะเหมาะกับการอยู่กันไม่เกินสี่คน มีสวนด้านข้างขนาดหย่อมให้พอร่มรื่น และรถยนต์สีขาวจอดอยู่หนึ่งคัน ก่อนจะบ่นอุบเบาๆ

“ลืมไปเลยแฮะ ถ้าในบ้านมีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะ?”

เป็นเรื่องที่ลืมคิดไปเสียสนิท ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะถอดใจแล้วขับรถกลับบ้านตนเองไป ภันวัฒน์สาวเท้าเข้าไปใกล้อาณาเขตบ้านมากขึ้น ส่องสายตาสำรวจดูว่ามีอะไรที่พอจะบอกได้บ้างว่าบ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่กี่คน ประจวบกับสายตาเล็งเห็นชั้นวางรองเท้าพอดี เป็นชั้นวางแบบเรียบง่ายที่มีรองเท้าอยู่สี่คู่ รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง รองเท้าแตะ และรองเท้าแตะแบบหุ้มส้น

เห็นแบบนั้นแล้วเหมือนกำลังใจเพิ่มขึ้นมาอีกโข เพราะระบุได้ว่า...เป้าหมายอยู่ลำพังคนเดียว

ชายหนุ่มย้ายร่างของตนเองมายังเสาประตู และยื่นมือไปกดกริ่งหลายครั้ง ในคราวแรกบ้านยังเงียบสนิท แต่สักพักไฟจากชั้นบนก็เริ่มเปิด ตามด้วยชั้นล่าง และสุดท้ายก็หน้าบ้าน ก่อนที่จะเจ้าบ้านจะเดินหน้ามุ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ

“นี่มันจะตีสามแล้วนะคุณ”

ได้รับการต้อนรับอย่างยินดีจากเจ้าของบ้านเลยทีเดียว ทว่าภันวัฒน์ก็ยังทำเป็นหูทวนลม

“ก็ให้ผมเข้าไปสิครับ”

“ผมไม่มีอารมณ์มีชิมขนมให้คุณหรอกนะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว ผมต้องตื่นเช้าด้วย”

“ถ้าคุณคิดว่าผมมารบกวน คุณก็น่าจะรีบทำให้มันจบๆ ไปนะ ยิ่งคุณค้านก็ยิ่งเสียเวลา ไม่อยากรีบนอนเร็วๆ เหรอครับ”

ถูกถามมาแบบนี้ คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์อยากกระโดดขึ้นเตียงเต็มแก่ แต่กลับต้องพยายามเบิ่งตาให้มากที่สุดจึงไร้ข้อโต้เถียงที่พอจะคิดได้ทัน ร่างโปร่งจำยอมเปิดประตูรั้วของบ้านออกและเชื้อเชิญแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาในบ้าน

อาทิตย์อัสดงเดินนำเข้ามาในบ้านโดยมีร่างสูงเจ้าของร้านขนมเดินตามมาติดๆ กัน ก่อนจะเปิดไฟที่ห้องอาหารควบห้องครัวซึ่งมีขนาดใหญ่พอประมาณ เปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาเทใส่แก้วเพื่อดื่มเอง ไม่ได้ส่งให้แขกตามมารยาทอย่างที่ควรเป็น แล้วเดินไปหยิบช้อนกาแฟติดมือมาด้วยหนึ่งคัน จากนั้นหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าว วางแก้วที่ถือค้างไว้ลงบนโต๊ะ

มองร่างโปร่งเคลื่อนไหวจนหยุดนิ่งแล้ว ภันวัฒน์ก็ยอบตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเคียงกัน ตามด้วยวางกล่องพลาสติกที่ใส่ขนมเอาไว้ลงบนโต๊ะแล้วจึงเลื่อนให้ไปอยู่ตรงหน้าคนที่ตนมาหา มือเรียวเปิดกล่องสีขาวขุ่นนั้นอย่างช้าๆ พิจารณาขนมเจ้าปัญหาที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด

เหมือนสมองมึนเบลอ ภาพเริ่มพร่าลงกว่าปกติ หน่วยตาที่ฝืนเปิดขึ้นเพราะโดนรบกวนปรือลงทีละน้อย ถึงกระนั้นบล็อกเกอร์หนุ่มก็ยังจ้วงช้อนคันเล็กลงไปบนชิ้นสีครีม ตักมันเข้าปากแล้วเริ่มเคี้ยวอย่างเชื่องช้าพร้อมกับตาที่ปิดต่ำลงมากกว่าเดิมทุกทีๆ ราวกับว่ายิ่งขยับปากเคี้ยวก็ยิ่งกล่อมให้ผล็อยหลับ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

อาทิตย์อัสดงกลืนขนมเข้าไปหมดคำ พร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลงสนิท

คนที่ยังตาสว่างอยู่เพราะนอนดึกเป็นประจำเนื่องด้วยต้องดูแลรับผิดชอบงานให้เรียบร้อยเอียงคอมองอย่างสงสัย รอคอยคำตอบจากหนุ่มข้างกายว่าเป็นอย่างไรอยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตอบมา จนต้องชะเง้อคอมองไปด้านหน้าอีกเล็กน้อยเพื่อสังเกตหน้าฝ่ายนั้นชัดๆ แล้วก็ถึงกับเบิกตากับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่าจะมีคนประเภทที่หลับระหว่างกินอยู่ได้ด้วย

“เฮ้ย หลับจริงอะ”

เพราะไม่แน่ใจมือหนาจึงโบกไปมาตรงหน้าหนุ่มหน้าตี๋ ทว่าก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบรับ เสียงทุ้มเรียก ‘คุณ คุณ คุณอาทิตย์อัสดง’ อยู่หลายหน แต่ก็เหมือนว่าคนที่ถูกเรียกจะหูหนวกไปแล้วในตอนนี้ ภันวัฒน์จึงกำมือจนเหลือแต่นิ้วชี้แล้วจิ้มไปที่ช้อนในมือเรียว

ปึก

ช้อนร่วงลงบนโต๊ะอย่างง่ายดาย...

“เป็นไปได้ไงเนี่ย คุณตื่นก่อน ตอบผมมาก่อน”

มือหนาแตะแขนพลางเขย่าร่างที่กำลังหลับตา แต่รายนั้นส่งเสียงหึ่งๆ เหมือนคนกำลังรำคาญก่อนจะยกมือขึ้นปัดไปมา จากนั้นก็...

กดศีรษะลงเรื่อยๆ จนมันจรดกับโต๊ะ

ชัทดาวน์ตัวเองอย่างถาวรเป็นที่เรียบร้อย

ถึงกระนั้นร่างสูงก็ยังไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆ เขย่าตัวอีกฝ่ายพลางบอกอีกที

“ถ้าไม่ได้คำตอบจากคุณ ผมจะไม่กลับนะ นี่คุณ”

แต่ก็ไร้ประโยชน์เหมือนเดิม

เสียงถอนหายใจยาวๆ ทอดออกมาจากปลายจมูกโด่งสันอย่างสุดเซ็ง เพราะเขาอุตส่าห์ถ่อมาถึงบ้านอาทิตย์อัสดง แต่เจ้าตัวกลับหลับต่อหน้าเขาได้อย่างหน้าตาเฉย ถ้าตอบคำถามของเขาแล้วหลับ เขาจะเชิญให้หลับตามสบายด้วยความเต็มใจเลย เพราะตารางงานของเขาใช่ว่าจะว่างมากเสียเมื่อไร

ภันวัฒน์เหม่อตามองร่างที่หลับสนิทอย่างไม่ทุกข์ร้อนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาอีกครั้ง ตีสามแล้ว และความพยายามของเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าถ้าอีกฝ่ายตื่นจะยังจำรสชาติขนมของเขาได้หรือไม่ คิดดังนั้นก็ผ่อนลมหายใจต่ออีกรอบ จากนั้นจึงฉุดตัวขึ้นจากเก้าอี้

“กลับบ้านก็เสียเวลา”

รำพันกับตนเองเบาๆ แล้วจึงกวาดตามองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ เหลือบไปเห็นว่ามีบันไดเล็กๆ นำสู่ชั้นบนอยู่ไม่ไกล จึงสาวเท้าไปยังตำแหน่งนั้น ก้าวขึ้นไปบนความต่างระดับทีละขั้นๆ จนปรากฏประตูห้องสองบาน

ห้องด้านหน้าเขาคิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของอาทิตย์อัสดง ส่วนอีกห้อง... เท้าใหญ่สืบเข้าหามัน หมุนลูกบิดประตูเบาๆ ก่อนจะปรากฏความว่างเปล่า ไม่ใช่ทั้งห้องเก็บของ ห้องพระ หรืออะไรอื่นๆ ที่อาจจะจินตนการตามได้ แต่เป็นห้องว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรสักอย่าง

เห็นดังนั้นก็ปิดประตูลงโดยไม่ต้องคิดให้มากความ ก่อนจะเดินไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับเตียงขนาดกลางกว้างห้าฟุต มีผ้านวมคลุมอยู่อย่างไม่เรียบร้อย ดูก็รู้ว่าเจ้าของเตียงเพิ่งลุกไปได้ไม่นาน ส่วนโต๊ะทำงานมีของวางกระจัดกระจายอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขนาดรก ตู้เสื้อผ้าเรียบๆ อยู่ริมผนัง

ภายในห้องตกแต่งด้วยสีขาวเสียเป็นส่วนใหญ่ ดูสะอาดสะอ้านตาเหมาะกับหน้าตี๋ๆ ผิวขาวของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย เห็นบรรยากาศนี้แล้วก็ชวนให้รู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างฉับพลัน ยิ่งอุณหภูมิในห้องกำลังดี เพราะเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานอยู่

“ขอเป็นค่าชดเชยที่ทำให้มาเสียเที่ยวแล้วกัน”

ภันวัฒน์ตรงไปยังเตียงหลังนั้น ทิ้งร่างลงไปและดึงผ้านวมมาคลุมตัวเองไว้ ก่อนจะปิดเปลือกตาลง

อ่า... สบาย




--------------------
อัพตอนใหม่แล้วค่ะ


ปล. คุณภันก็ยังคงทำตัวเป็นโจรต่อไปค่ะ :hao3:

Undel2Sky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2016 20:30:07 โดย undersky »

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมาก
เนื้อเนื้องเกี่ยวกับขนมหวานชอบเลย เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก

มาต่อไวๆ นะ อย่าหายนาน อิอิ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พระเอกเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ
ควรเอาเวลาไปปรับปรุงขนมตัวเองถึงจะถูก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
นี่ผู้บริหารหรือโจรห้าร้อย55555

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


พระเอกของป้า... อีกนิดนี่ก็มิจฉาชีพแล้วลูก
ตบกระเป๋าตังค์ ข่มขู่ ค้ากำไรเกินควร... พ่อเป็นทุกสิ่งครบครันในภัณเดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เป็นกำลังใจให้ &  Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ ^^  :L1:


ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
3rd Entry : ได้ทีขี่แพะไล่






เปลือกตาเปิดขึ้นก่อนจะรับรู้ได้ถึงสติที่กลับคืนมาอีกครั้ง แล้วก็นึกแปลกใจกับท่าทางของตนเองในเวลานี้ อาทิตย์อัสดงยกใบหน้าขึ้นจากโต๊ะพลางยืดแขนเหยียดยาวออกมาเพื่อผ่อนคลายความปวดเมื่อยที่ต้องนั่งฟุบหลับตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา พลางถามตัวเองว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

แต่ครั้นสายตาไปสบเข้ากับกล่องพลาสติกที่มีขนมอยู่ภายใน และชิ้นขนมนั้นแหว่งไปเนื่องจากการถูกตัก อีกทั้งมีช้อนกาแฟวางอยู่บนโต๊ะก็เริ่มประกอบความทรงจำขึ้นมาได้

“เพราะไอ้หมอนั่นเลย”

อดจะค่อนขอดคนที่มารบกวนเวลานอนไม่ได้ ก่อนจะลุกขึ้นบิดร่างเพื่อยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เหลือบตามองนาฬิกาติดผนังไปด้วยว่าเวลาเท่าไรแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าปลายเข็มสั้นชี้ที่เลขหกอยู่จึงเบาใจว่าไม่ได้ตื่นสาย

เขาเทขนมที่เหลือนั้นลงถังขยะ เพราะคิดว่ามันน่าจะเสียแล้วเนื่องจากถูกตักกินและวางทิ้งไว้นอกตู้เย็นหลายชั่วโมง จากนั้นล้างกล่อง ช้อนกาแฟ และแก้วน้ำนำมาผึ่งให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปสำรวจห้องรับแขกควบห้องนั่งเล่น และประตูบ้านก็พบว่าไม่ได้ล็อก

“หมอนั่นกลับไปแทนที่จะปลุกกันสักหน่อย เกิดมีโจรขึ้นบ้าน จะทำยังไงวะ ไม่ขนไปหมดบ้านเหรอ”

จากนั้นก็เดินกลับมาขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของตนเอง มือเรียวเปิดประตูออกพร้อมกับเท้าที่ก้าวเข้าไปในพื้นที่ ทว่าเมื่อเข้าไปภายในแล้วกลับต้องผงะไปชั่วครู่เพราะเห็นอะไรกระดิกได้อยู่บนเตียง เล่นเอาหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ

ร่างโปร่งตั้งสติอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกใจคอไม่ดีชอบกล คิดว่าคงไม่ใช่ผี เพราะถ้ามีเขาคงเจอไปนานแล้ว แต่ก็หวังอีกด้วยเช่นกันว่าจะไม่ใช่โจร

ขายาวสืบก้าวเข้าไปอย่างระวัง แผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อไม่ให้เกิดเสียง และไม่ให้สิ่งมีชีวิตปริศนาใต้ผ้าห่มผืนนั้นรู้ตัว ย่องเข้าไป ย่องเข้า ก่อนจะไปหยุดหน้าเตียง และทันใดนั้น...

ลมหายใจถูกถอนออกมาจนเกือบหมดปอดภายในวินาทีเดียว

“กลับไปโดยไม่บอกยังพอว่า แต่ไอ้ที่มานอนบนเตียงชาวบ้านโดยที่ยังไม่ได้ขอเจ้าของนี่มัน...”

ความรู้สึกร้อนพวยพุ่งขึ้นมาบนหัว ขณะเดียวกันก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายดี

อาทิตย์อัสดงก้าวขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะจัดการสั่งสอนคนที่รุกรานอาณาเขตของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยการยันเท้าใส่ร่างใหญ่ๆ นั่นอย่างรุนแรง จนร่างสีเกือบแทนกระเด้งกระดอนหล่นตุบลงไปข้างเตียง จากนั้นก็รีบอำพรางร่างของตน แสร้งทำเป็นว่าอีกฝ่ายกลิ้งตกลงไปเองด้วยการไปนอนแบ็บแปะพื้นอยู่อีกฟากของเตียง

“โอ๊ย”

เสียงโอดครวญดังขึ้นมาตามหลังเสียงวัตถุขนาดใหญ่กระแทกพื้นดังตุบ ภันวัฒน์ฝืนเปิดเปลือกตามอง แล้วก็พบว่าตัวเองลงมานอนกองอยู่บนพื้น

เจ้าตัวยันกายขึ้นนั่ง หันมองไปรอบๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น งุนงงว่าตกเตียงมาได้อย่างไร พลางจับศีรษะไปด้วยเพราะเมื่อครู่มันกระแทกพื้นพอดี แต่สิ่งที่มองเห็นกลับมีเพียงห้องที่เงียบเชียบว่างเปล่า ไร้เงาคนอื่นใดนอกจากตัวเอง แล้วก็เพิ่งระลึกได้ว่าเมื่อคืนเขามานอนที่บ้านของอาทิตย์อัสดง

ฉับพลันนั้นราวกับมีเสียงเคาะเบาๆ จากระฆังแก้วเสียงใส หน่วยตาคมหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังวิเคราะห์อะไรบางอย่าง ก่อนจะชันร่างขึ้น

ภันวัฒน์ก้าวขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินข้ามจากฟากหนึ่งของเตียงไปยังอีกฟาก แล้วมองลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด ร่างคุ้นตานอนหน้าคว่ำอยู่ตรงนั้น เห็นแล้วไม่รู้ว่าจะขำที่อีกฝ่ายมาทำตัวเป็นจิ้งจกโดนเหยียบบี้อยู่อย่างนี้ หรือโมโหที่ถีบเขาลงจากเตียงดี ก่อนที่จะ...

“โอ๊ย”

เสียงเดียวกันกับเมื่อครู่ร้องลั่น แต่ต้นกำเนิดเสียงมาจากคนละคน เจ้าของเสียงหันขวับกลับมาด้านบนอย่างรวดเร็ว ร้องแร่แห่กระเชอ

“เอาเท้าคุณออกไปเลย”

“อ้าว คุณมานอนทำอะไรตรงนี้ ผมไม่ทันเห็น ขอโทษทีๆ”

ร่างสูงใหญ่ตีหน้าเหลอหลา แสร้งพูดด้วยความตกใจที่ดูอย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อได้เด็ดขาดว่ารู้สึกอย่างนั้น ก่อนจะยกเท้าที่เหยียบหลังอีกฝ่ายไว้ ขณะที่อาทิตย์อัสดงรีบยกตัวขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างรวดเร็ว เผชิญหน้ากันในระดับสายตาที่ต่างออกไป

“ผมรู้ว่าคุณจงใจ ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อหรอก”

“คุณเองก็จงใจถีบผมลงจากเตียงไม่ใช่เหรอครับ”

“แล้วใครใช้ให้คุณไม่มีมารยาท มานอนบ้านคนอื่น เตียงคนอื่นหน้าตาเฉยแบบนี้ล่ะครับ”

ใบหน้าขาวขึงตึงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อยดูเอาเรื่อง เพราะอีกฝ่ายก่อความวุ่นวายให้เขามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ภันวัฒน์ก็ใช่จะปล่อยให้ร่างโปร่งต่อว่าต่อขานกันฝ่ายเดียว

“โธ่คุณ ก็มันดึกแล้ว ผมก็เหนื่อยก็ง่วงเป็นเหมือนกันนะ คุณต่างหากที่ต้องพึงสำนึกด้วยว่าคุณทำให้ผมเดือดร้อน ทำให้ร้านของผมเสียชื่อ”

วกเข้าเรื่องเดิมอีกครั้ง ซึ่งมันก็ไม่ค่อยเข้าหูคนฟังนัก

“ผมไม่เห็นว่าร้านอื่นเขาจะเดือดร้อนกันตรงไหนเลย”

“ก็ช่างร้านอื่นสิ นี่ร้านผม”

เหมือนจะจนแต้มกลายๆ อาทิตย์อัสดงเริ่มไม่รู้จะตอบโต้อีกฝ่ายอย่างไรดี สุดท้ายก็บ่ายเบี่ยงประเด็น

“ผมว่าคุณกลับบ้านคุณไปได้แล้วล่ะ หมดธุระกับผมแล้ว”

“คุณยังไม่ได้ตอบเรื่องขนมของผมเลยนะ”

ถึงจะรู้ว่าโดนไล่ แต่ร่างสูงก็ยังลอยหน้าลอยตาอ้างเหตุผลที่ฟังขึ้นออกมา พานให้คนฟังต้องลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างอิดหนาระอาใจ

“คุณเอามาให้ผมชิมตอนตีสาม คุณคิดว่าผมยังมีสติครบถ้วนพอจะตอบคำถามคุณได้อยู่อีกเหรอครับ”

“ก็ได้ ถือว่าผมพลาดเอง แต่ว่าตอนนี้ผมยังง่วงอยู่ ผมขอนอนต่ออีกหน่อยแล้วกัน เพราะกว่าจะเข้าออฟฟิศก็คงสายๆ”

ไม่เพียงแค่ตอบออกมาเป็นคำพูด ภันวัฒน์ยังประกาศเจตนารมณ์ของตนเองโดยการทรุดตัวลงนอนบนเตียงพร้อมดึงผ้านวมมาคลุมจนถึงอกเสียอีก เป็นภาพที่อาทิตย์อัสดงไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเสียด้วยซ้ำว่าจะเกิดขึ้น เขาอ้าปากค้างอยู่ชั่วครู่ พะงาบปากอยู่สองสามที ก่อนจะเค้นลมออกมาจากคอได้

“คุณจะไปทำงานกี่โมงก็เรื่องของคุณ แต่ผมต้องเข้าออฟฟิศตอนเช้า แล้วคุณจะมานอนต่อได้ยังไง”

“ทิ้งกุญแจไว้สิครับ”

รู้สึกเหมือนโดนของแข็งๆ ทุบที่ท้ายทอยอย่างไรอย่างนั้น ร่างโปร่งถึงกับพูดไม่ออก ต้องคลำหาเสียงของตนเองอยู่อีกสักพัก ก่อนจะย้อนประโยคกลับไปได้

“เราเป็นเพื่อนกันเหรอ”

“เปล่า”

ร่างที่นอนตอบหน้าตาเฉยพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาขยับตัวพลิกตะแคงข้างเพื่อหาตำแหน่งที่สบายตัวที่สุดโดยไม่สนใจสีหน้าเจ้าของเตียงสักนิดว่ากำลังตะลึงงันขนาดไหน

“แล้วคุณจะให้ผมทิ้งกุญแจไว้ให้คุณเนี่ยนะ คุณเห็นผมเป็นคนบ้าหรือไง”

“ทิ้งกุญแจสำรองไว้นั่นแหละ พอผมออกไปเดี๋ยวผมเอากุญแจคุณไปทำลายทิ้งเอง ไม่ต้องห่วง”

สิ้นเสียง ดวงตาที่เปิดอยู่ก็ปิดลงทันที ปิดการรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้ร่างโปร่งมองค้างด้วยหัวสมองที่มึนตื้อ คิดอะไรไม่ออก

ไม่เคยเจอใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อนเลย ให้ตายสิ!






หลังจากรู้สึกเหมือนหัวสมองเออเรอร์ไปชั่วขณะเพราะโดนไวรัสที่เรียกว่าภันวัฒน์อินเฟกต์เข้ามา อาทิตย์อัสดงก็ถอดใจชั่วครู่เนื่องจากว่าเจ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว ขืนเขายังต่อล้อต่อเถียงกับคนหน้าด้านต่อ คงจะต้องไปทำงานสายแน่ จึงตัดสินใจว่าจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลากร่างใหญ่นั้นลงจากเตียง ทว่า...

เมื่อสวมเสื้อผ้าในชุดทำงานแบบสบายๆ แค่เสื้อโปโลกับกางเกงยีนเรียบร้อยและกลับมายังเตียงนอนอีกครั้ง ก็ต้องรู้สึกหนักใจขึ้นมา เพราะร่างที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนนั้นดูจะสบายเกินกว่าเหตุ นอกจากนอนหลับหน้ายิ้มจนดูน่าหมั่นไส้แล้ว ยังส่งเสียงกรนอย่างสบายอารมณ์

“คุณ คุณ!”

“.....”

“ลุกขึ้นมาได้แล้ว ผมต้องออกไปทำงานแล้ว”

เรียกก็แล้ว ดึงแขนก็แล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจะยอมตื่นเลย ไม่รู้ว่าจงใจกวนประสาทหรือว่าหลับลึกกันแน่ ถึงกระนั้นอาทิตย์อัสดงก็ลงความเห็นว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า หากทบทวนจากประสบการณ์ที่มีร่วมกับผู้ชายคนนี้

“หรือจะให้ผมกระทืบคุณก่อนดีครับ”

ไม่พูดเปล่า แต่ยังขึ้นเตียงมายืนเคียงร่างที่จมอยู่บนที่นอนเสียด้วย หน่วยตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบลงมองอีกฝ่ายที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก่อนจะยกขาขึ้นจนทำมุมฉาก

“ผมจะนับแล้วนะ”

“.....”

“หนึ่ง”

“.....”

“สอง”

“.....”

“สะ...เฮ้ย!!”

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เงียบมาตลอดแท้ๆ แต่พอนับสามพร้อมกับยกขาให้สูงขึ้นเตรียมกระทืบไปที่ท้องของร่างสูงให้สุดแรง มือที่สอดอยู่ใต้ผ้านวมอยู่ๆ ก็คว้าเข้าที่ขาของบล็อกเกอร์หนุ่มพร้อมกับกระชากจนร่างเหวี่ยงลงไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว

หน้าของสองคนประจันกัน

หน่วยตาคมเปิดขึ้นราวกับกำลังหรี่มอง

เสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาจากปากที่ขยับเพียงนิดเดียว

“ถ้าคุณยังกวนผมนอนอยู่อีกละก็ ผมจะปล้ำคุณซะตรงนี้ โอเคไหมครับ”

ขนลุกซู่ขึ้นมาครามครัน ทั้งร่างของอาทิตย์อัสดงชะงักแข็งค้าง ไม่ค่อยอยากเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายนักหรอก แต่แววตาที่จับจ้องมาราวกับกำลังจ้องตะครุบเหยื่อนั่นก็ทำให้รู้สึกใจสั่นแปลกๆ

นี่เรากำลังกลัวอยู่เหรอวะ?!

“คุณไม่กล้าทำหรอก”

เหมือนกับจะไม่ยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ จึงโพล่งตอบกลับไปเช่นนั้น ซึ่งแววตาที่ดูยังตื่นไม่เต็มตาดีก็วาวด้วยสีเข้มขึ้นราวกับมีประกายบางอย่างสาดแสงออกมา และพริบตาเดียวร่างที่นอนติดพื้นผ้าสีขาวก็ลุกขึ้นคร่อม ทาบเงาทับลงมา ไม่ปล่อยให้คนตกใจได้ร้อง ใบหน้าคมสันก็ฉกลงมาอย่างรวดเร็ว

ปุบ

คงต้องขอบคุณปฏิกิริยาตอบรับที่ฉับไวของตนเอง เพราะมือของอาทิตย์อัสดงตะปบปากของร่างที่คร่อมอยู่ด้านบนได้อย่างฉิวเฉียดชนิดว่าเส้นยาแดงผ่าแปดก่อนกลีบเนื้อนิ่มๆ สีเข้มนั้นจะประกบลงมาพอดิบพอดี

ทั้งที่เพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ แต่บล็อกเกอร์หนุ่มกลับรู้สึกว่าหลังเปียกๆ ชอบกล และทั้งที่ในห้องก็เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกร้อนแปลกๆ อีกทั้งยังรู้สึกแฉะๆ ที่หน้า เหมือนเหงื่อกำลังแตกซ่กอย่างไรอย่างนั้น

หัวใจเต้นตุบๆ อยู่ในอกราวกับอยากจะทะลุออกมาเต้นแซมบ้าข้างนอก จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้งพร้อมกับออกแรงดันปากที่ตนใช้มือปิดเอาไว้ให้ห่างออกไป แต่ก็เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร เพราะคนที่มีกำลังมากกว่าพยายามจะต้านกลับมา

“โอเค เข้าใจแล้วๆ”

สุดท้ายหนทางที่เลือกได้ในช่วงคับขันแบบนี้ก็มีเพียงประโยคเดียว ร่างโปร่งร้องเสียงดังเร็วรัว และดูมันจะรื่นหูคนฟังไม่น้อย ร่างที่พยายามเทน้ำหนักลงมาถึงได้ล่าถอยไป พลิกกายลงยังที่นอนอีกครั้งแล้วกลับไปยังดินแดนแห่งความฝันราวกับเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นสักอย่าง ขณะที่อีกฝ่ายยันตัวขึ้นนั่ง เอามือกุมหน้าอกข้างซ้ายหายใจหอบ พลางสบถพึมพำอยู่ในลำคอ และเหลือบตาไปมองร่างกำยำที่นอนอยู่ข้างๆ

“แม่ง หัวใจเกือบวายแล้วไง”

อาทิตย์อัสดงสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกหนึ่งครั้งก่อนจะผ่อนออกมายาวๆ ทางปาก ปรับสภาพร่างกายให้เป็นปกติ แล้วลุกขึ้นจากเตียงมา แต่ก็ไม่วายหันไปมองคนบุกรุกไร้มารยาทที่นอนอืดอยู่อีกรอบเป็นครั้งสุดท้าย จึงค่อยจากมา

ประตูห้องนอนถูกปิด ขาเรียวยาวก้าวลงบันไดช้าๆ ในสมองขบคิดค้นหาทางออกสักอย่าง กระทั่งลงมาถึงชั้นล่าง หยิบกระเป๋าเงิน กุญแจรถ กุญแจบ้านออกมาจากตู้ของชั้นวางโทรทัศน์ และผุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมันก็...

ดูชั่วร้ายไม่เบา





สมองมึนเบลออยู่ชั่วครู่ แต่หลังจากลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจยาวๆ สักที ระบบความคิดก็เริ่มทำงานอีกครั้ง ภันวัฒน์มองรอบห้องสีขาวประหนึ่งจะสำรวจอีกสักรอบ และมันก็ต่างจากความทรงจำสุดท้าย เงียบสงบ ว่างเปล่า ไร้เงาคน ก่อนจะประมวลผลได้ว่าเจ้าของบ้านที่โต้เถียงกับเขาอยู่เมื่อครู่ คงจะออกไปทำงานแล้ว

หน่วยตาคมจับจ้องนาฬิกาบนผนัง เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งสิบโมงแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะเคลื่อนย้ายร่างของตนเองเสียที คิดได้ดังนั้นก็ตรงไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน ล้างหน้า และบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่อยู่บนชั้นในห้องน้ำอย่างถือวิสาสะ จากนั้นจึงตรงออกมาจากห้อง ย่างกรายเข้าสู่พื้นที่ชั้นล่าง

ทว่า...เมื่อเดินไปถึงประตูบ้านแล้วกลับต้องตาเหลือก

“เฮ้ย ทำไมเปิดไม่ได้วะ”

มือหนาพยายามพยักประตูไม้ออก แต่ไม่มีวี่แววว่ามันจะขยับแม้แต่น้อย เมื่อลองมองบนมองล่างเพื่อสำรวจดูว่าลงกลอนอยู่หรือไม่ ก็เห็นกระจ่างแจ้งเต็มสองตาว่าไม่ได้ถูกล็อกเอาไว้ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นทำไมถึงเปิดไม่ได้ ตาคมกลิ้งกลอกอยู่ในกระบอกตาเพื่อหาคำตอบ และทันใดนั้นก็เหมือนจะได้คำตอบสะท้อนกลับเข้ามาก้องในหัว

“อย่าบอกว่าหมอนั่น...!”

ลองเขย่าประตูดูอีกครั้ง แต่ก็เหมือนว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดจริงๆ เหมือนว่าจะติดล็อกบางอย่างจากด้านนอก เสียงคำรามจึงดังในคอแกร่งอย่างไม่สบอารมณ์ ข้อมือใหญ่ถูกยกขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเวลาดูอีกที แต่ก็ต้องเกือบสะดุ้งเพราะโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นมาเสียก่อน

ชื่อที่เป็นสายเรียกเข้าทำให้ภันวัฒน์รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาชอบกล เขากดรับสายพลางกระแอม ราวกับจะเคลียร์ลำคอให้โล่งๆ เข้าไว้ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับคุณนน”

[นนนี่ค่ะ คุณภันทราบไหมคะว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว]

น้ำเสียงที่ตอบกลับมาโหดใช้ได้ จนชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับยิ้มเจื่อนไปด้วย ตามด้วยโต้ตอบกลับไปด้วยเสียงเบากว่าปกติเล็กน้อย พลางยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง

“ก็...สิบโมง...สิบ...สามนาทีไงครับ”

[คุณภันลืมหรือไงคะว่าวันนี้คุณต้องเข้าประชุมตอนสิบเอ็ดโมง]

“หูย เรื่องสำคัญแบบนั้นผมไม่ลืมหรอกครับ”

[แล้วทำไมคุณเจ้านายของนนนี่ยังไม่โผล่หัวมาสักทีล่ะคะ]

ผู้หญิงที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้ได้คงมีแค่นนทิยาคนเดียวเท่านั้นแหละ เพราะนอกจากเธอจะอายุมากกว่าเขาสี่ปี เธอยังทำงานในตำแหน่งเลขานุการให้ผู้จัดการคนก่อนก่อนเขาจะเข้ามารับช่วงต่อและยังอ่อนประสบการณ์ เรียกได้ว่าเพราะได้เธอช่วยไว้หลายๆ ครั้ง เขาถึงเอาตัวรอดมาได้อยู่เสมอก็ว่าได้

“กำลังจะไปนั่นแหละครับ พอดีมีแอคซิเดนท์นิดหน่อย แต่รับรองว่าไปถึงก่อนเวลาแน่นอน”

[ขอให้มันจริงแล้วกันนะคะ ไม่อย่างนั้นละก็...คงไม่ต้องบอกนะคะว่านนนี่จะตอบคุณไพฑูรย์ว่ายังไง]

คำขู่ของหญิงสาวทำให้เขาต้องลอบกลืนน้ำหลายอีกครั้ง เพราะคนที่เธอกล่าวอ้างถึงก็คือลุงของเขาซึ่งเป็นประธานบอร์ดบริหารนั่นเอง

เขาถูกลุงชุบเลี้ยงมาตั้งแต่ยังไม่สิบขวบ เพราะพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต มีเขาเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ ท่านส่งเสียเขาให้ร่ำเรียนจนจบปริญญาโทที่ต่างประเทศ อีกทั้งยังออกทุนเปิดร้านตามความฝันให้เขาด้วย โดยแลกกับการที่เขาต้องมารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงของโรงแรมแห่งนี้

“ครับ จะรีบไปให้เร็วที่สุดเลยครับ”

เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจแล้ว นนทิยาก็ตัดสายโทรศัพท์ไป ภันวัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง ไม่มีเวลาให้เขาต้องมาพร่ำรำพันหรือโอดครวญใดๆ แล้ว ร่างสูงหันซ้ายแลขวาเพื่อหาทางออก ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ด้านหลังบ้าน ด้วยหวังว่าบ้านหลังนี้จะมีประตูหลังให้ออกไปได้ แต่ว่ามันก็เปล่าประโยชน์ ในห้องครัวถูกปิดกำแพงทึบทั้งหมด จนอดบ่นไม่ได้

“สร้างบ้านยังไงเนี่ย ไม่มีประตูหลังอย่างนี้ เกิดไฟไหม้ขึ้นมาได้ตายกันยกครัวหรอก”

แม้จะกระปอดกระแปดไปเช่นนั้น แต่ขายาวๆ ก็ยังสาวไปทางนั้นทีทางนี้ที ออกไปยังส่วนหน้าซึ่งเป็นห้องรับแขกกึ่งห้องนั่งเล่น มองไปยังหน้าต่างแล้วก็พุ่งตรงเข้าไปหามัน

มุ้งลวดถูกปิดไว้อย่างเรียบร้อย มีฝุ่นเกาะเพียงเล็กน้อย แสดงถึงความเอาใจใส่พอสมควร อีกฟากของมุ้งลวดนั้นมีเหล็กดัดสีขาวถูกติดเอาไว้อย่างแน่หนา พอสืบเท้าไปอีกด้านของห้องก็พบกับสิ่งเดียวกัน

“เฮ้ย ติดเหล็กดัดไว้แบบนี้แล้วจะออกไปยังไงวะ”

เมื่อไม่เห็นทางออกความกระวนกระวายก็ยิ่งลุกลามในใจพร้อมกับเวลาที่เดินผ่านไปมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนรนรุกคืบแผดเผา เพราะถ้าเขาไปเข้าประชุมไม่ทัน นอกจากโดนลุงตำหนิแล้ว ยังมีพวกกรรมการกับผู้จัดการฝ่ายอื่นๆ อีก คิดแล้วก็อยากจะทึ้งหัวขึ้นมา

“คิดสิๆๆๆๆ คิดสิโว้ย”

นอกจากจะเกิดความรู้สึกเหมือนเริ่มจะเป็นบ้า ก็อดเข่นเขี้ยวถึงตัวการไม่ได้

“เล่นกันเจ็บแสบนักนะ คุณอาทิตย์อัสดง!”

เดินเป็นหนูติดจั่นได้สักพัก ก็ยกนาฬิกาข้อมือมาดูอีกรอบ ตอนนี้เวลาสิบโมงยี่สิบสี่นาทีแล้ว เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงนิดๆ ให้เขาบึ่งรถไป ถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้ต้องไม่ทันแน่

“ช่วยไม่ได้นะ คุณบังคับให้ผมทำเอง”





เสียงก๊อกแก๊กดังตามจังหวะนิ้วมือ ขณะที่หน่วยตาจดจ้องที่จอสี่เหลี่ยมอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่วันนี้มีบางอย่างแปลกไป กระทั่งหญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะเคียงข้างกันยังอดที่จะเอ่ยทักไม่ได้ พลางคิดไปว่าช่วงนี้เพื่อนของเธออาจจะสติไม่ดีไปแล้ว

“เป็นอะไรของมึงวะ อยู่ดีๆ ก็นั่งยิ้ม บ้าปะเนี่ย”

“กูนั่งยิ้มเหรอ”

“เออ หรือว่าแพ็คเกจที่ทำอยู่นี่มีอะไร”

หนึ่งฤทัยเอื้อมตัวมามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของอาทิตย์อัสดงเผื่อว่าจะพบคำตอบ แต่ก็เห็นเพียงอาร์ตเวิร์กของซองพลาสติกรูปมะเขือเทศเท่านั้น

“ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรแล้วนั่งยิ้มทำไมวะ”

“กูนึกอะไรได้แล้วก็ขำขึ้นมาเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก”

ชายหนุ่มตอบพลางนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมาทันที อดคิดไม่ได้ว่าป่านนี้ฝ่ายนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อาจจะติดแหง็กอยู่ในบ้านเพราะโดนเขาขังเอาไว้ คิดแล้วก็ขำขึ้นมาอีกทั้งที่ตนเองก็ไม่ใช่พวกเส้นตื้นกับตลกมุกง่ายๆ

“ประหลาดเว้ย พักนี่สงสัยจะอากาศร้อนไปเนอะ อาทิตย์ก่อนนั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์ มาอาทิตย์นี้นั่งขำ เพื่อนกูบ้าไปแล้ว”

“มึงทำเป็นไม่เห็นก็จบๆ เรื่องไปแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

เธอตอบกลับด้วยอารมณ์ไม่ใส่ใจก็ได้พร้อมส่งเสียง ‘ชิ’ ปิดท้ายอีกหนึ่งที แล้วไถลเก้าอี้กลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะกับการทำงานของเธอต่อ แต่สักพักก็หันมาหาชายหนุ่มข้างๆ อีก

“บ่ายสามกว่าละ ไปหาอะไรกินเล่นหน่อยไหม เดี๋ยวกูต้องไปเอาปรู๊ฟที่ชั้นล่างด้วย โรงพิมพ์โทรมาเมื่อกี้ว่าเอามาส่งแล้ว”

เนื่องจากบริษัทที่ทำงานอยู่เป็นบริษัทออกแบบบรรจุภัณฑ์ซึ่งจะรับงานมาตามออร์เดอร์ลูกค้า ดังนั้นการทำงานจึงค่อนข้างอิสระ กฎระเบียบไม่ค่อยเคร่งครัดนัก เพราะต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ถึงจะสามารถออกแบบได้ ถึงกระนั้นก็มีกฎเหล็กคือต้องทำงานส่งตรงตามกำหนดของลูกค้า บางครั้งจึงทำงานกันแบบสบายๆ แต่บางคราวก็คร่ำเคร่งคล้ายกับติดอยู่ในคุกก็ไม่ปาน ทั้งอึดอัดทั้งเครียด โดยเฉพาะช่วงที่บรีฟงานใหม่ๆ และตอนลูกค้าไม่พอใจแบบที่ทำไปเสนอ

“ก็ได้ แต่วันนี้กูว่าจะกลับเร็วหน่อยนะ”

หนึ่งฤทัยเหลือบตามองเพื่อนนิดหน่อยอย่างประหลาดใจ เพราะปกติแล้วอาทิตย์อัสดงจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเวลานัก ส่วนมากเขาจะอยู่รอจนเธอกลับแล้วแวะกินอาหารเย็นด้วยกันเสียมากกว่า เพราะเธอและเขาต่างก็ไม่มีคนรักที่คบหากันอยู่ในช่วงเวลานี้ จะให้กินข้าวคนเดียวก็โหวงๆ เหวงๆ จึงตัดสินใจกินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน

สองหนุ่มสาวเดินลงบันไดไปชั้นล่าง พวกเขาทำงานที่ชั้นสามจึงไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟต์ แต่เอาเข้าจริงบริษัทที่พวกเขาทำงานก็ไม่มีลิฟต์หรอก เพราะเป็นอาคารห้าชั้นมันจึงไม่จำเป็น ทว่าลงบันไดไปถึงชั้นหนึ่ง ก็ต้องชะงักเท้าทั้งคู่ และคำทักทายบุคคลที่สามก็ดังจากหญิงสาวเป็นคนแรก

“ก็ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงร้อนขึ้น ที่แท้อยู่ๆ พระอาทิตย์สองดวงมาเจอกันนี่เอง”

ใบหน้าสวยแต้มยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายที่ได้พบหน้า ก่อนเสียงจากฝ่ายนั้นจะดังขึ้น มือใหญ่ดันศีรษะของหนึ่งฤทัยเบาๆ

“มุกนี้ไม่ค่อยผ่านนะขวัญ ไปคิดมุกใหญ่ไป๊”

“โหย พี่เต็มอะ ผลักหัวน้องได้ลงคอ หมดสวยกันพอดี”

เต็ม หรือตะวัน พระอาทิตย์อีกดวงหนึ่งที่โคจรมาพบกับอาทิตย์อัสดงส่ายศีรษะเบาๆ ที่โดนประท้วง ถึงจะเห็นด้วยในคำว่า ‘สวย’ ของหญิงสาว แต่จะให้ยอมรับตรงๆ ก็เป็นเรื่องยาก เพราะในความคิดของเขา เธอออกจะห้าวหาญเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘สวยเสียของ’

“ว่าแต่หนุ่มเซลล์มาเดินดักกันแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”

เพราะพอลงจากบันไดมา แทนที่จะได้เดินตรงออกไปหาร้านขนมหรือผลไม้ใกล้ๆ นี้มา กลับโดนรุ่นพี่อีกแผนกมาขวางทางเสียก่อน เธอจึงอดถามไม่ได้

“ก็จะคุยกับเรานั่นแหละ พอดีเพื่อนลูกค้าที่พี่ติดต่อด้วยเขากำลังหาคนออกแบบโบรชัวร์สวนสนุกสำหรับเด็กน่ะ เลยฝากมาถามว่ามีใครที่พี่พอจะแนะนำได้ไหม เราชอบรับงานนอกไม่ใช่เหรอ พี่เลยลองมาถามดู”

คนที่ถูกถามคือหนึ่งฤทัย เพราะเธอรับงานนอกเป็นปกติอยู่แล้ว ผิดกับอาทิตย์อัสดงที่ไม่สนใจรับงานนอก เพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับวันหยุดไว้ให้งานอดิเรกที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ

“ก็น่าสนใจดีนะพี่เต็ม ว่าแต่สวนสนุกสำหรับเด็กนี่ยังไงอะ”

“จริงๆ จะเรียกว่าสวนสนุกก็ไม่ค่อยถูกเท่าไรนะ เห็นเขาบอกว่าเป็นแนวซิทูเอชั่นนะ จำลองบทบาทอาชีพ คล้ายๆ คิดส์ซาเนียนั่นแหละ เขาจะเอาไปโปรโมทตามโรงเรียน”

หลังจากได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเธอก็เป็นประกายทันที

“อ๋อ งั้นก็น่าลองดูนะพี่ ดูน่าสนุกดีด้วย ว่าแต่ให้ขวัญติดต่อเองได้เลยหรือว่าต้องติดต่อผ่านพี่ล่ะ”

“ขวัญติดต่อเองเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ไลน์รายละเอียดให้”

“ฮิฮิ ขอบคุณค่า”

“ได้เงินแล้วเลี้ยงด้วยนะ”

กล่าวขอบคุณไม่ทันไรก็โดนทวงบุญคุณเสียแล้ว ใบหน้าของหญิงสาวที่ระบายยิ้มอยู่หุบฉับในทันใด พลางโต้กลับไป ‘ที่แท้หางานให้เพราะหวังกินฟรีนี่เอง’ เรียกเสียงหัวเราะจากสองหนุ่มได้ทันที

จากนั้นรุ่นพี่รุ่นน้องต่างแผนกก็ล่ำลากัน ก่อนสองเพื่อนซี้จะไปหาซื้ออาหารว่างและขนมมารับประทานกันตามจุดประสงค์แต่แรกเริ่ม แล้วจึงค่อยกลับมาทำงานอีกครั้ง

ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อาทิตย์อัสดงก็ขอลากลับก่อน เขาแวะซื้อข้าวเย็นของตนเอง เพราะอาศัยอยู่ลำพังจึงไม่ชอบทำอาหารเท่าไรนัก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นวันหยุด เพราะรู้สึกขี้เกียจและเสียเวลา อีกทั้งยังต้องกินคนเดียว สู้ซื้อมากินเองยังง่ายเสียกว่า

ต่อให้อาหารอร่อยแค่ไหน แต่ถ้ากินคนเดียวก็รสชาติเปลี่ยนเป็นไม่อร่อยได้

ร่างโปร่งกลับมาบ้านก็นึกแปลกใจ เพราะรถที่จอดอยู่หน้าบ้านอันตรธานหายไปแล้ว เมื่อเช้านี้รถคันสีเทาดำยังจอดขวางประตูหน้าบ้านจนเขาไม่สามารถเอารถของตนเองออกจากบ้านได้ แล้วต้องอาศัยรถโดยสารเพื่อไปทำงานเลย

เห็นดังนั้นก็รีบไขกุญแจบ้าน เปิดประตูเข้าไปอย่างเร็วพลัน และเมื่อเข้าไปภายในบ้านแล้วก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะภายในบ้านเงียบสงัด ไม่มีแสงไฟเปิดสักดวง ครั้นขึ้นไปชั้นบนที่น่าจะมีห้องใครบางคนนอนอยู่เช่นเดียวกับเมื่อเช้า ก็พบความว่างเปล่า มีเพียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ ไร้ร่างใครคนนั้น

ออกไปได้อย่างไร ออกไปตอนไหน

คำถามนั้นผุดขึ้นมาในหัว ก่อนอาทิตย์อัสดงจะวิ่งลงไปข้างล่างอีกครั้ง ตอนเข้ามาเขาจำได้ว่าต้องไขกุญแจที่ล็อกไว้เมื่อเช้าเพื่อเข้ามาด้านใน ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะหนีพ้นจากบ้านปิดตายนี้ได้

แล้วทำไม

คำถามเกิดขึ้นอีกครั้งในใจ บล็อกเกอร์หนุ่มวิ่งวนไปนอกบ้านยังสนามหญ้าขนาดย่อมเพียงแค่พอให้ใช้ผ่อนคลายอารมณ์ได้ซึ่งอยู่ขนาบกับตัวบ้าน แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลง เพราะหลักฐานที่ทำให้อีกฝ่ายหนีไปได้นั้นวางอยู่คาตา

เสียงร้องหลุดออกมาจากลำคออย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ไอ้บ้านั่น!!”




------------------------
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ใครที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนก็มาอ่านกันนะคะ

คุณภันเพิ่มเลเวลการเป็นโจรให้สูงขึ้นอีก


Undel2Sky

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2016 20:32:40 โดย undersky »

ออฟไลน์ Makamza00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่รู้ว่าควรจะเม้นว่ายังไงดีเลยค่ะ - -
ควรจะบอกว่า ให้ลงไปนอนด้วยกับเลยหรือว่า หน้าด้านดีคะ ???
อารมณ์ของนายเอกเราคงจะประมาณนี้  :z6:
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หนังหน้าภันทนทานมากอ่ะ555555

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


อ่านไปอ่านมาก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้สนุกมาก ๆ เลย
คือ คิดไม่ออกเหมือนกันว่าคนสองคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยจะกลับมาเจอกันจนผูกพันกัน หรือก่อร่างสร้างรักกันยังไง
แต่สุดท้าย... ก็ได้คำตอบจากการกัดไม่ปล่อยของตาภัณนี่เอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ตาภัณนี่สุดยอดเลยแฮะ ที่ป้าเชียร์หนูเพราะความหน้ามึนของหนูโดยเฉพาะเลยนะลูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการนะคะ ^^  :กอด1:



ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ตอนนี้สอนให้รู้ว่าอย่าขังคนบ้าในบ้านตัวเอง 5555

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกมากครับ เรื่องเกี่ยวกับขนมหวานกับโจร 555
พล๊อตเรื่องให้ความรู้สึกร่วมสมัยดีจัง

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ทันกันซินะ แต่พ่อขนมหวานของเราร้ายกว่า
น้องอาทิตย์ก็อย่ากวนพี่แกกลับแรงซิคะ
พี่เขาลูกบ้าเยอะเอาคืนแรงกว่าเดิมตลอดนะ 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด