[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 97744 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


...

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2017 19:42:29 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ผิดที่ใคร [Right or Wrong]
เปิดเรื่อง 29-05-59

intro
ผมลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากรู้สึกมึนๆ หัวเล็กน้อย แต่แสงแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามาแยงตา ทำให้ผมต้องหรี่ตาพยายามปรับสายตาให้คุ้นเคย ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ผมต้องเจอกับอาการเมาค้างอีกเป็นแน่ แท้เมื่อคืนคงดื่มหนักเกินไปอีกแล้ว และพอสายตาผมเริ่มคุ้นเคยกับแสง มันทำให้ผมต้องประหลาดใจเล็กน้อย ว่านี่มันไม่ใช่ห้องผม แต่ผมก็พอจะคุ้นๆ กับสภาพห้องว่าต้องเป็นที่ที่ผมรู้จัก ผมพยายามจะขยับตัวแต่กลับกลายเป็นยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ว่า มีคนสวมกอดผมไว้จากด้านหลัง

“อืม”มีเสียงบิดขี้เกียจเบาๆ จากเจ้าของอ้อมกอด และดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่ตื่นเต็มตา สมองผมเริ่มประมวลข้อมูล แล้วก็ใจหายแว๊บ ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย ผมดีดตัวออกจากอ้อมกอดพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวไล่อาการมึนๆ ออกไปพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายที่เพิ่งรู้สึกตัว เราสองคนประสานสายตา แล้วแทบจะอ้าปากค้างพร้อมๆ กัน สภาพผมและอีกคน ไม่น่าจะต่างกันมาก คือเราต่างไม่ได้มีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายสักชิ้น ผมรีบดึงผ้าห่มคลุมท่อนล่างตามสัญชาตญาน

แต่การดึงผ้าห่มของผมกลับยิ่งเป็นการย้ำในสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น นั่นคือ ถุงยางอนามัย ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างแน่นอน กระเด็นออกจากผ้าห่มและร่วงสู่พื้นห้อง สายตาอีกฝ่ายแสดงอาการตกใจ ไม่ได้ต่างจากผม

ผมแทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆสักที  ทำไมผมปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วนี่ผมจะทำไงดีละทีนี้ ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้าสบตาตรงๆ กับคนข้างๆ นี้ ทั้งผมและอีกคนต่างฝ่ายต่างเงียบไปหลายนาที แล้วก็มีเสียงออกมาจากปากของอีกฝ่าย

“เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น”

คำถามที่ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ถ้าถามว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันเกิดอะไร จากสภาพเราสองคน ผมว่ามันแทบไม่ต้องถามก็เดาออก นอกเสียจากว่าไม่อยากจะยอมรับมัน เพราะยิ่งคิดภาพต่างๆ มันก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าผมทำอะไรกันไปบ้าง ผมไม่รู้จะโทษอะไรดีที่ทำให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น โทษความเมาที่ทำให้เราขาดสติ โทษตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล โทษความเหงาของผมที่ไม่มีใครมานาน

“เรากลับก่อนดีกว่าแล้วกันเนอะ”ผมเอ่ยออกไปเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ เขากำลังโกรธผม เกลียดผมไปแล้ว หรืออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ แต่อย่างน้อยๆ เค้าก็ไม่ได้ลุกมาต่อยผม ก็แสดงว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด ถ้าทั้งผมและเค้าแกล้งทำลืมๆ เรื่องนี้ไปซะ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว

“คิดเสียว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน เราสองคนไม่พูดเรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้”ผมย้ำในสิ่งที่คิดว่าเค้าอาจจะกำลังกังวลอยู่ แม้ผมจะเป็นฝ่ายถูกกระทำแต่สำหรับผมที่เป็นเกย์อยู่แล้ว มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร คิดเสียว่ามันคือ one night stand ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ก็เท่านั้น

“อย่าคิดมากเลย”เมื่อเห็นอีกคนยังเงียบอยู่ ทำให้ผมต้องหาอะไรพูดอีก ก็ไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้เค้ารู้สึกดีขึ้นรึเปล่า เอาจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ตัวผมเองรับบทเป็นผู้ถูกกระทำตลอด แต่ตอนนี้บทบาทนั้นก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลายเป็นผมต้องมาพูดปลอบใจ คนที่เป็นผู้กระทำนี่สิครับ

แต่ก็นั่นแหละครับ ผมเป็นเกย์มีอะไรกับผู้ชายมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อีกคนที่ไม่ใช่เกย์ แถมเพิ่งจับได้ว่าแฟนสาวสวมเขาให้ เรื่องนี้มันจะกลายเป็นว่าผมเข้ามาในจังหวะที่เค้าเสียศูนย์จนต้องมาเจอเรื่องนี้หรือเปล่า

“คงไม่ไปส่งนะ”หลังจากเงียบอยู่นานเค้าก็เปิดปากพูด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ในตอนนี้ของเค้านั้นอยู่ในโหมดไหนกันแน่ ตอนนี้ผมว่าทั้งเค้าและผมคงต้องให้เวลากับตัวเองในการปรับความความรู้สึก ให้มันกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือเดิม และลืมเรื่องนี้ไปซะ


************
สวัสดีคร๊าบบบ

มาแอบลงเรื่องใหม่หลังจากหายไปนาน (ซึ่งอาจไม่มีใครสน) 555

ก็ฝากติดตามติชม กันด้วยนะครับ

จะมาต่อเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แต่คงไม่ถี่เท่าเรื่องก่อนๆ นะครับ

เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนในวัยทำงาน ซึ่งต้องติดตามว่าจะซับซ้อนกันขนาดไหน

ส่วนถามว่าสไตล์ของคนแต่งเป็นยังไงก็ลองแวะไปเปิดดูผลงานกากๆ เรื่องก่อนๆ ดูได้นะครับว่าควรจะติดตามต่อรึเปล่า 5555

แอบฝากงานเก่าแบบเนียนๆ  :z3:

ใครว่างๆ กะลองอ่านดูได้นะครับ มีไม่กี่เรื่องครับ แหะๆ

- ระหว่างเราคือ??? เรื่องราวอิรุงตุงนังของคนที่เห็นแก่ตัวในความรักจนยากจะแก้ไข
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44196.0

-(ไม่)รักได้ไง เรื่องราวของเพื่อนเก่าที่ได้กลับมาเจอกัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44195.0

-45 วันพนัน(ไม่)รัก เรื่องของกลุ่มเพื่อนที่จับเพื่อนเกย์ 1 คน และเพื่อนที่เหมือนจะเกลียดเกย์ให้มาอยู่ด้วยกัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44636.0

ยังได้ติชมได้เต็มที่คร๊าบบบบ เขียนยังไม่ค่อยเก่ง แต่อยากเขียน  :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2016 19:56:28 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 1
จุดเริ่มต้น

“มึงจะเครียดทำไมว่ะตี้ หัวหน้ามึงเค้าก็ทำแบบนี้บ่อยไป มึงควรชินได้แล้ว คิดไรมาก”เสียงเพื่อนร่วมงานของผม พูดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันครับค

วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่จริงๆ ผมต้องสบายได้ที่จะได้หยุดพักในวันเสาร์อาทิตย์ แต่พอดีวันนี้เรื่องานผมมีปัญหานิดหน่อย จริงๆ จะว่านิดหน่อยมันก็นิดหน่อย แต่บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ปัญหาเดิมๆ ที่ก็รู้สาเหตุของปัญหา แต่ก็ไม่แก้สักทีมันก็น่าเบื่อนะครับ ก็ได้แต่ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ไอ้เรามันลูกน้องเค้านิครับ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่ เจอหัวหน้าดีกะดีไป แต่ใครมาเจอหัวหน้าอย่างผมกะคงเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ

หัวหน้าผมเป็นยังไงนะเหรอครับ ก็แค่เป็นคนไม่ทำอะไรเลย แต่หน้าใหญ่ใจโตรับงานทุกอย่างเพื่อเอาหน้า แล้วใครที่ต้องเป็นคนทำ ก็ผมนี่แหละครับ ทำงกๆ ให้เค้าได้หน้า นี่ถ้าไม่ติดว่าที่นี่ให้เงินดี ผมคงออกไปแล้ว แต่จะว่าไปแกกะมีข้อดีของแกแหละครับ อย่างเรื่องปรับเงินเดือนหรือโบนัส หรือเรื่องการให้ผมลางาน อะไรพวกนี้ แกไม่เคยว่าอะไรผม ขอแค่ทำงานให้แกเสร็จ แล้วแกเป็นคนที่ประเภทที่เจ้านายชอบและก็ถ้ามีปัญหามาก็ออกรับก่อนตลอดแม้บางทีจะให้ผมโดนด่าฟรีก่อนก็เถอะ  ถึงจะเบื่อๆ เซ็งๆ แกบ้างแต่นี่ก็อยู่กับแกมาจะ 4-5 ปีแล้วแหละครับ

เอ้า พอๆ นี่เลิกงานแล้ว หมดเวลางานครับ มัวแต่บ่นเรื่องงานเลยลืมแนะนำตัว ผมชื่อปาร์ตี้ ครับ เพื่อนๆ เรียกสั้นๆ ว่าตี้ เรื่องนิสัยไม่ต้องสืบครับ แค่เห็นชื่อก็คงพอจะเดาได้ว่าผมชอบการสังสรรค์เป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้เลยเป็นคนที่ค่อนข้างจะเข้ากับคนง่าย ปัจจุบันก็เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนี่แหละครับ ส่วนไอ้คนที่ผมมาด้วยวันนี้ ชื่อไอ้เหมาครับ

ผมกับไอ้เหมาแม้จะทำงานกันคนละส่วน แต่เราสนิทกันเพราะ เข้ามาเริ่มงานพร้อมๆ กัน ช่วงเป็นเด็กใหม่ยังไม่สนิทกับใครเลยต้องสนิทกันเอง แถมพอรู้จักกันก็กลายเป็นว่า ผมกับไอ้เหมาเนี่ย เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เพียงแต่คนละคณะ แต่ตอนเรียนเราไม่เคยเจอกันเลย เพิ่งมารู้จักกันเอาตอนทำงานนี่แหละครับ

“แล้วเมื่อไหร่เพื่อนมึงจะมาเนี่ยไอ้เหมา”ผมยกแก้วน้ำสีอำพันธ์ขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งพ่นควันบุหรี่อยู่

“น่าจะใกล้ถึงแล้วมั้ง”ไอ้เหมาตอบแบบไม่ได้ใส่ใจนัก วันนี้หลังจากเซ็งๆ เรื่องงานเลยชวนไอ้เหมามานั่งดื่มเป็นเพื่อน แต่มันดันบอกว่านัดเพื่อนไว้ก่อนแล้ว แต่เพื่อนที่มันนัดเนี่ยเป็นเพื่อนสนิทมันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งหมายความว่าก็จบจากสถาบันเดียวกับผม ผมก็เลยขอติดสอยห้อยตามมันมาด้วยนี่แหละครับ

“นั่นไง ตายยากจริงมันเดินมาโน่นแล้ว”ผมมองตามที่ไอ้เหมาชี้ให้ดูพร้อมกับที่ไอ้เหมาลุกจากฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างผม เพราะเพื่อนของไอ้เหมา มากับหญิงสาวอีกคน ซึ่งน่าจะเป็นแฟนเค้านั่นแหละครับ

“กว่าจะมาได้นะมึง”เสียงไอ้เหมาทักทายเพื่อน ส่วนผมก็ยิ้มทักทายตามมารยาท พร้อมรับไหว้หญิงสาวอีกคนที่ยกมือไหว้ผม จริงๆ ผมไม่ชอบให้ใครไหว้เท่าไหร่นะครับ มีคนไหว้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ยังไงไม่รู้

“นี่ไอ้ปาร์ตี้ เพื่อนที่ทำงานกู ส่วนนี่ไอ้ชาร์ปเพื่อนสนิทกูตอนเรียน แล้วก็น้องชะเอมสุดสวยแฟนของไอ้ชาร์ปมัน”หลังจากไอ้เหมาแนะนำให้เราได้รู้จักกัน เราทั้ง 3 ต่างกล่าวทักทายกันอีกรอบ แต่สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นในความคิดผมคือ ชาร์ปกับน้องชะเอมนี่ดูมีความต่างกันสูงมาก แล้วมาคบกันได้ยังไงเนี่ย เพราะชาร์ปดูเป็นผู้ชายเรียบๆ ออกจะดูเนิร์ดเสียด้วยซ้ำ ใส่แว่น แต่งตัวเรียบๆ แต่น้องชะเอมนี่ลุคสาวเปรี้ยวเลยครับ หน้าผมมาเต็ม เสื้อผ้าก็เข็ดฟันเลยแหละครับ

“เออไอ้ชาร์ป ตี้มันก็จบจากที่เดียวกับเรา มึงคุ้นหน้ามันบ้างไหม”ไอ้เหมาถามชาร์ปแต่ก็หันมามองผมเป็นเชิง ให้ตอบด้วยเช่นกัน แต่จะว่าไปผมก็คุ้นๆ หน้าชาร์ปอยู่เหมือนกัน แต่ก็นึกไม่ออกครับว่าเคยเจอกันรึเปล่า

“ปาร์ตี้ก็อยู่หอเดียวกับกูสมัยเรียนไง ตอนไปหอกูมึงไม่เคยเห็นเหรอ”หือผมอยู่หอเดียวกับเค้าเหรอ พอเค้าพูดแบบนี้ทำให้สมองน้อยๆ ของผมต้องประมวลผลอีกรอบ และในที่สุดผมก็นึกออกครับ แต่ตอนเรียนเราไม่เคยคุยกันเลยนะครับ ก็ไม่ได้รู้จักกันจะไปคุยอะไรกันละเนอะ

“เรียกตี้เฉยๆ ก็ได้นะ เราก็ว่าชาร์ปหน้าคุ้นๆ จริงๆ เราก็อยู่หอเดียวกัน 4 ปีเลยนี่เนอะ แต่ไม่เคยทักกันเลย”จริงๆ เค้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนเรียนเท่าไหร่ เพียงแต่ผมกับเค้าไม่เคยทักทายหรือทำความรู้จักกันมันก็เลยไม่ได้ใส่ใจแหละครับว่าใครเป็นใคร

พอได้พูดคุยสักพัก พวกเราก็เหมือนจะสนิทกันอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้สนิทยังไง ผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำถามนี้

“พี่ตี้เป็นเกย์หรือเปล่าคะ”คำถามจากน้องชะเอม แฟนของชาร์ป จริงๆ ผมก็ไม่ได้ถือสากับคำถามนี้นะครับ เพราะผมก็เป็นเกย์นั่นแหละ เพียงแต่ไม่คิดว่าคนเพิ่งรู้จักกันจะกล้าถามคำถามนี้

“เฮ้ยเอม เสียมารยาท ทำไมไปถามพี่เค้าแบบนั้นล่ะ”เป็นชาร์ปเองที่ติงแฟนสาวของเค้า จนน้องเอมออกจะไม่พอใจเหมือนกันที่โดนแฟนตัวเองดุ

“ไม่เป็นไร ถามได้ ว่าแต่นี่พี่ดูเกย์ชัดขนาดนั้นเลยเหรอครับน้องเอม”ผมเอ่ยออกไปสบายๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้ถือสาอะไรกับคำถามนั้นเท่าไหร่

“คือจริงๆ ตอนนี้มันก็ไม่ได้ดูชัดอะไรหรอกพี่ แต่เอมเคยเห็นพี่ตี้ไปเที่ยวกับผู้ชายในผับ อันนั้นนะเหมือนจะชัด แต่พี่อย่าเข้าใจหนูผิดนะ ที่ถามนี่คือ หนูเคยเห็นพี่ที่ไปเที่ยวบ่อยๆ เลยคิดว่าจะได้ขอไปด้วย พอดีพี่ชาร์ปไม่ค่อยชอบเที่ยวเท่าไหร่ แล้วถ้าไปกับพี่ตี้ พี่ชาร์ปจะได้สบายใจไง ไม่หาว่าหนูไปกับกิ๊กที่ไหนอีก”เดี๋ยวนะ ถ้าน้องเค้าเคยเจอกับผมในที่เที่ยวบ่อยๆ ทำไมผมไม่ยักกะเคยเจอ หรือผมไม่ได้ใส่ใจมองหว่า

“สรุปพี่ใช่...ใช่มั้ยคะ”ผมเพียงพยักหน้าตอบ น้องชะเอม แม้จะรู้สึกแปลกๆ นิดๆ แต่ก็ไม่อยากจะอะไรมากครับ

ก็อย่างที่ผมยอมรับไป ผมเป็นเกย์ที่ตอนนี้โสดครับ มันเหมือนเหนื่อยที่จะคบใครแล้ว แม้ผมจะยังเชื่อว่าสักวันจะได้เจอคนที่ผมรักเค้าและเค้าก็รักผมแล้วได้อยู่ดูแลกันและกัน เพียงแค่ตอนนี้มันยังไม่เจอเท่านั้นเองครับ ชีวิตโสดมันก็มีเหงาบ้างบางครั้ง เศร้าบ้างในบางที แต่ก็อยู่กับเพื่อนกับฝูงไป ทำงานเยอะๆ ไป ชวิตมันก็สนุกดีครับ

“ขอโทษแทนเอมอีกทีนะ”ผมค่อยๆ หันหน้าไปตามเสียง เพราะตอนนี้ผมเดินมาเข้าห้องน้ำ และกำลังยิงกระต่ายอยู่หน้าโถฉี่ แต่มีเสียงที่เหมือนจะพูดกับผมลอยมาจากโถฉี่ข้างๆ ผม

ซึ่งจากประโยคที่เค้าพูดจริงๆ ถึงผมไม่หันไปมองก็พอจะรู้แหละครับว่าคือคุณแว่นแฟนน้องชะเอม และสาบานได้ว่าผมแค่จะหันไปคุยกับเค้าเท่านั้น แต่ด้วยความที่ชาร์ปยืนเสียห่างโถขนาดนั้น สายตาผมมันเลยเหลือบเห็นบางอย่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ผมรีบเบือนหน้ากลับพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคงเฮือกใหญ่

“บะ...บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”ผมตอบโดยที่ไม่ได้หันไปทางเค้าอีก

“แล้วนี่ตี้เมายัง”ผมจำต้องหันไปหาเค้าอีกครั้งเพราะเหมือนชาร์ปจะยังไม่ยอมจบบทสนทนาง่ายๆ แต่อย่างที่บอกว่าเค้ายืนห่างโถฉี่เสียขนาดนั้น แม้ผมจะพยายามมองแค่หน้า แต่หางตาผมมันก็เห็นไอ้ที่เค้ากำลังสะบัดนั่นอยู่ดี

“นิดหน่อย ยังดื่มได้เรื่อยๆ แหละ”ผมตอบออกไปนิ่งๆ แม้ตอนนี้ใจจะเต้นแรงเพราะสิ่งที่ได้เห็นก็เหอะ เอาจริงๆ ปกติเวลาฉี่แบบนี้ผมก็เคยเห็นของเพื่อนผู้ชายบ้างแหละครับ แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกอะไร เพราะเพื่อนก็คือเพื่อน แต่นี่ทำไมครั้งนี้ ผมดันรู้สึกอะไรขึ้นมาได้เนี่ย ผมรีบทำธุระให้เสร็จ รูดซิปแล้วรีบเดินตรงไปที่อ่างล้างมือแทน

“ไม่เมาแล้วทำไมหน้าแดง หูแดงขนาดนี้ ไหวป่ะเนี่ย”ชาร์ปเดินตามมายืนล้างมือข้างๆ ผมพร้อมกับพูดยิ้มๆ ผมเงยหน้ามองเค้าในกระจกซึ่งเหมือนเค้าเองมองผมอยู่ก่อนแล้ว

“เราเลือดสูบฉีดดีไง ดื่มนิดเดียวก็แดงแล้ว”ผมแถข้างๆ คูๆ ก็ว่าได้ครับ เพราะตอนนี้หน้าในกระจกผมมันแดงจนจะล้ำหน้าลูกตำลึงไปไกลแล้ว มันแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ส่วนนึงครับ แต่อีกส่วนและคงเป็นส่วนมาก มันมาจากไอ้คนข้างๆ นี่แหละครับ สิ่งที่ผมเห็นเมื่อสักครู่มันยังติดตาผมอยู่ แถมชัดเสียเหลือเกินด้วย ผมเลยรีบตัดบทสนทนาด้วยการรีบเดินกลับโต๊ะโดยด่วน

หลังจากวันนั้นผมก็แลกไลน์แลกเบอร์กับทั้งชาร์ปและเอม จนทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนที่ได้พบปะสังสรรค์กันบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะนัดกันที่บ้านของไอ้เหมาบ้าง บ้านของชาร์ปบ้าง ส่วนผมกับน้องเอมก็ออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น คือผมก็มีกลุ่มเพื่อนที่เที่ยวกลางคืนอีกหลายกลุ่ม ซึ่งน้องเอมก็ไปกับผมโดยที่ชาร์ปก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างที่ผมคาดแหละครับว่าชาร์ปกับน้องเอมมีความต่างกันแทบจะสุดขั้วไปเลย

แม้จะมีบ้างที่เวลาไปเที่ยวแล้วมีผู้ชายมาสนใจน้องเอม แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามหรือกีดกันอะไรนะครับ เพราะรู้สึกว่าแค่คุยแล้วก็คงจบไปเพราะ หลังจากผับปิดผมก็เป็นคนไปส่งเอมถึงบ้านอยู่แล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น้องเค้าอยากบริหารเสน่ห์ก็ไม่น่าจะเป็นไรมั้ง

คือเอมกับชาร์ปแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้แต่งงานกันแต่ ก็อยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาแหละครับ จากที่เคยคุยคือชาร์ปอยากเก็บเงินอีกสักพักค่อยแต่ง ตอนนี้ก็มีทั้งรถ ทั้งบ้านแล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงได้แต่งแหละครับ นั่นคือความคิดของชาร์ปนะครับ แต่น้องเอมจากที่ได้เจอเวลาไม่ได้อยู่กับชาร์ปเหมือนน้องเอม ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย กับการแต่งงานเท่าไหร่ อาจจะด้วยอายุที่ยังไม่มาก และคงอยากเที่ยวอยากสนุก

เนื่องจากว่าถ้าแต่งงานชาร์ปอยากให้เอมออกมาเป็นแม่บ้าน พอมีลูกก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก ชาร์ปจะเป็นคนหาเลี้ยงเอง นั่นคือความฝันของชาร์ปครับ ที่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ดูๆ แล้วน้องเอมยังไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลย


“พี่ตี้วันนี้ เอมมีพี่มาด้วยคนนึงนะ”ชะเอมตะโกนบอกผมแข่งกับเสียงเพลงที่ดังสนั่นหวั่นไหว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมกับชะเอมออกมาเที่ยวด้วยกัน ซึ่งคำบอกเล่าของชะเอมก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจอะไร เพราะผมเคยเจอบรรดาเพื่อนๆ ของชะเอมหลายคนแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นสาวเปรี้ยวเหมือนๆ กับเอมนั่นแหละครับ

“เอมบอกเค้าว่าพี่ตี้เป็นเพื่อนของพี่ชายเอมนะ”แต่ประโยคต่อมาทำให้ผมงงๆ ว่าหมายความว่ายังไง ผมเป็นเพื่อนของพี่ชายเอม หมายถึงผมเป็นเพื่อนกับชาร์ป อันนี้เข้าใจได้ แต่ให้คนที่มาด้วยเข้าใจว่าชาร์ปคือพี่ชายของชะเอมงั้นเหรอ แต่ผมก็ทำเพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ

จนเมื่อมีผู้ชายอีกคนเข้ามาสบทบกับพวกเรา ผมก็พอจะมองออกแหละครับ ว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาของชะเอมเสียแล้ว เพราะดูหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม

“พี่อาร์ทเค้ามาจีบเอม พี่เค้ารวยมากเลยนะมีธุรกิจหลายอย่างมาก”ผมไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากถาม แต่เป็นชะเอมเองที่เปิดปากเล่าให้ผมฟัง ในจังหวะที่อาร์ท ผู้ชายที่มากับเอมในวันนี้ไปเข้าห้องน้ำ ผมทำเพียงพยักหน้า รับทราบในสิ่งที่เอมบอก ผมไม่รู้ว่าทำเอมถึงกล้าทำแบบนี้

การที่จะแอบมีกิ๊กหรือแอบมีทางเลือก ผมมองว่าทุกวันนี้มันมีเยอะ จนเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แม้มันจะไม่ปกติก็เหอะ ถ้าเอมเป็นเพื่อนผม เรื่องนี้ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องของเอม แต่มันติดตรงที่เอมเป็นแฟนของเพื่อนผม เอมเป็นแฟนชาร์ป แม้ผมจะเพิ่งรู้จักกับชาร์ปไม่นาน แต่การที่ผมมารู้เห็นเรื่องแบบนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

ผมจะไม่รู้สึกผิดเลยถ้านายอาร์ทนี่มาจีบเอมเฉยๆ แล้วเอมไม่ได้มีท่าทีสนใจ แต่นี่ดูเอมเองก็สนใจในตัวอาร์ทไม่น้อยเลยทีเดียว และอีกอย่างที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมเอมกล้าให้ผมมารับรู้เรื่องนี้ ถึงเอมจะมองว่าผมอาจไม่ได้สนิทกับชาร์ปมาก แต่เอมมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกชาร์ป หรือบุคลิกผม มันดูเป็นคนไม่จริงใจกับเพื่อนรึยังไงหว่า

“วันนี้พี่ตี้ไม่ต้องไปส่งเอมนะ เดี๋ยวเอมให้พี่อาร์ทเค้าไปส่ง”นั่นคือคำบอกลาก่อนที่ผมจะแยกกับเอม พอแยกผมก็ต้องมาคิดมากอีกว่าผมควรจะบอกเรื่องนี้กับชาร์ปดีไหม ถ้าบอกไปเกิดเอมปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แบบนั้นผมจะไม่กลายเป็นหมาหรือไง แต่ถ้าเอมสวมเขาให้ชาร์ปจริงๆ แล้วผมไม่บอก ผมก็คงรู้สึกผิดมากเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2016 10:56:26 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ lahlunla

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตื่นมาก็เจอกันบนเตียงซะแล้ว  :hao7:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 2
คิดไม่ตก

“มึงเป็นอะไรเนี่ยไอ้ตี้ กูเห็นมึงนั่งถอนหายใจ จนคาร์บอนไดออกไซด์จะเต็มห้องทำงานกูอยู่แล้วเนี่ย มีอะไรก็ว่ามา งานการก็ไม่รู้จักไปทำ มานั่งหายใจอยู่แบบนี้หัวหน้ามึงไม่ว่ารึไง”ไอ้เหมาเริ่มจะหมดความอดทนกับผม ที่มาขลุกอยู่ห้องทำงานมันตั้งแต่เช้า และรบกวนสมาธิการทำงานของมันด้วยการถอนหายใจ ประมาณ แสนแปดรอบแล้วครับ

เรื่องของน้องชะเอมที่ผมได้เจอมามันรบกวนจิตใจผมจนแทบจะบ้าอยู่แล้วครับ เพราะตอนนี้ Devil กับ Angel ในตัวผมกำลังตีกันอย่างดุเดือด ว่าผมควรทำยังไงต่อ ฝั่งหนึ่งบอกกับผมว่าไม่ควรไปยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่อีกฝั่งก็บอกว่าผมไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

ผมคิดมาทั้งคืนแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ตอนนี้ผมมีอยู่ 3 ทางเลือกในใจ ว่าจะเลือกทางไหน ทางแรกคือปล่อยไปครับ ไม่ใช่เรื่องของผม อย่าไปยุ่งเลยจะดีกว่า ทางที่สองเล่าเรื่องนี้ให้ชาร์ปฟัง ส่วนผลจะเป็นยังไงก็คงต้องรอดูอีกที และอีกทางเลือกคือผมควรเตือนชะเอมว่าสิ่งที่เธอคิดจะทำหรือทำไปแล้วนั้นมันไม่เหมาะ

“กูถามอะไรหน่อยดิ”จริงๆ ผมก็ยังมีอีกทางเลือกแหละครับนั่นคือเอาเรื่องนี้ให้ไอ้เหมาช่วยตัดสินใจ เพราะจริงๆ ไอ้เหมาเองก็สนิทกับชาร์ปมากกว่าผม

“ว่ามา กูรอจะฟังจนเหงือกแห้งแล้วเนี่ย รีบๆ ถามจะได้แยกย้ายไปทำงานสักที บริษัทจ้างมึงมาทำงานไม่ได้จ้างมาอู้แบบนี้”แหมดูเพื่อนผมจะรักบริษัทเสียเหลือเกินเนอะ ที่เห็นตั้งหน้าตั้งตาทำงานเนี่ย ไม่ใช่ว่าขยันเสียเมื่อไหร่ แค่ดองงานไว้ต้องรีบเคลียร์เหอะ

“สมมตินะ ว่ากูรู้ว่าแฟนมึงแอบมีกิ๊ก แต่กูไม่บอกมึงปล่อยให้มึงโดนสวมเขา มึงจะโกรธกูไหมวะ”ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะครับว่าทำไมผมไม่ถามออกไปตรงๆ

“นี่แพทไปแอบคบใคร มึงรู้อะไรบอกกูมาให้หมด”ไอ้เหมารีบพุ่งมาเขย่าตัวผม เพราะดันเข้าใจผิดในคำพูดผมเข้าให้เสียแล้ว

“เดี๋ยวๆ มึงหยุดก่อน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแพท”ผมรีบท้วงก่อนที่จะโดนไอ้เหมาบีบคอ ไอ้นี่ก็คิดไปได้ แพทแฟนมันออกจะแสนดีขนาดนั้น แถมรักมันจะตายไป ยังจะกล้าคิดว่าเค้าจะคิดมีคนอื่นอีกหรือไง

“แล้วทำไมต้องมาสมมติเรื่องของกูด้วย กูตกใจแทบแย่ นึกว่าแพทจะทิ้งกูซะแล้ว”

“โอ๋ ขวัญเอ้ยขวัญมานะครับเพื่อนเหมา”ผมแกล้งทำเสียงปลอบมันเหมือนปลอบเด็กๆ

“ไอ้เชี่ยคราวหลัง ถ้าเป็นเรื่องคนอื่นไม่ต้องมาสมมติเป็นกูนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องกูมึงก็บอกมาตรงๆ เลย ถ้ามึงไม่บอกปล่อยให้กูโดนสวมเขา กูเอามึงตายแน่”ไอ้เหมาพูดน้ำเสียงจริงจังพร้อมชี้หน้าคาดโทษผม

“แสดงว่ามึงจะโกรธ ถ้ากูไม่บอกถูกไหม”ทั้งๆ ที่มันพูดเองว่าถ้าผมไม่บอกมันจะเล่นผมถึงตาย แต่พอผมถามย้ำอีก มันกลับทำท่าคิดหนักเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ

“ขึ้นอยู่กับว่าทำไมมึงถึงไม่ยอมบอก”คำพูดของไอ้เหมาทำให้ผมต้องคิดทบทวนกับตัวเองอีกครั้งว่า อะไรที่จะเป็นสาเหตุให้ผมไม่ยอมบอก แต่จริงๆ ถ้าเป็นเรื่องของไอ้เหมาผมว่าผมไม่น่าจะตัดสินใจยาก ผมคงบอกไอ้เหมาไปทุกอย่างที่ผมรู้มา แต่กับเรื่องของชาร์ป ผมกลับตัดสินใจไม่ได้

“เหตุผลที่จะไม่บอก ก็คงกลัว มึงไม่เชื่อกูไง เกิดแฟนมึงปฏิเสธขึ้นมาหาว่ากูใส่ร้ายเค้า ถึงตอนนั้นมึงจะเชื่อใครล่ะ กูว่ามึงอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่กูบอกก็เป็นได้ ถ้าเป็นงั้นกูก็หมาเลยสิ”นี่สินะคือเหตุผลที่ผมไม่กล้าบอกชาร์ปไปตรงๆ เพราะผมกลัวเค้าจะไม่เชื่อผม ผมกับเค้าไม่ได้สนิทกันมากขนาด ที่เค้าจะเชื่อใจผมมากกว่าแฟนเค้า อีกอย่างเรื่องที่ผมรับรู้มา ผมก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมายืนยัน นอกจากสิ่งที่ผมบอกเล่าได้เท่านั้นเอง

“มึงยืนยันกับกูอีกที ให้กูมั่นใจหน่อยว่านี่ไม่ใช่เรื่องของกูกับแพท กูหวั่นๆ นะเนี่ย มึงเล่นพูดจริงจังเสียขนาดนี้”เห็นมันถามย้ำบ่อยๆ ตอนแรกกะจะแกล้งอำมันเหมือนกันนะครับ ว่ามันกำลังจะโดนสวมเขา แต่เห็นสีหน้าแล้วอำไม่ลงครับ ไอ้เหมากับแพทนี่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วครับ คบกันมาจะ 10 ปีแล้ว แถมเริ่มมีวางแผนเรื่องการแต่งงานไว้แล้วด้วย ถ้าเกิดเรื่องนี้เกิดกับมัน มันคงจะเสียใจไม่น้อย ผมเลยต้องรีบย้ำกับมันอีกครั้งว่า เรื่องที่ผมสมมติขึ้นมา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตรักของมันเลย

“มึงคิดว่าน้องชะเอมเป็นคนยังไง”ผมตัดสินใจหยั่งเชิง ลงไปกับเรื่องที่ผมรับรู้มา

“อย่าบอกนะว่านี่เอมมีกิ๊กอีกแล้ว”อีกแล้วงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกัน

“มึงเล่ามาเลยอย่าลีลาไอ้ตี้”พอไอ้เหมาเองก็น่าจะรู้อะไรบางอย่างเหมือนกัน ผมเลยเล่าเรื่องที่ผมรับรู้มาให้กับไอ้เหมาฟังอย่างละเอียด แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมเล่าไปไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรแก่ไอ้เหมาเลย

“สรุปควรทำยังไงต่อ”ผมถามย้ำไอ้เหมา เพราะเมื่อมันฟังผมจบ ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร หรือไม่ได้มีคำแนะนำใดๆ ต่อ ว่าควรจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ หรือควรจะบอกเรื่องนี้กับชาร์ปดี

“จริงๆ กูก็ไม่เชิงอยู่ในสถานการณ์เดียวกับมึงหรอก แต่มันเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น เหมือนเอมคบซ้อนกับอีกคนตั้งแต่เริ่มคบกับชาร์ป มันแรกๆ แล้วพอชาร์ปรู้เค้าก็ยังคบกันเหมือนเดิม แล้วเอมบอกกะกูว่าไอ้ชาร์ปเป็นคนขอร้องไม่ให้เอมเลิกกะไอ้ชาร์ป ซึ่งจริงๆ กูไม่ค่อยจะเชื่อ แต่ชาร์ปมันก็ยังคบกับเอมต่อ กูเลยไม่ได้อะไร เพราะมันก็เรื่องของเค้าสองคน ให้มันตัดสินใจกันเอง แต่ก็มีอีกครั้งที่กูกับแพท เคยเตือนเรื่องการบริหารเสน่ห์ของเอม เพราะหลังจากทั้งสองกลับมาคบกัน เอมเองก็ยังมีคนใหม่เข้ามาติดพันอีก แถมเอมยังหาว่ากูกับแพทเสือกเรื่องของเค้าอีกตะหาก แม้ไม่ได้ว่าแบบตรงๆ แต่ความหมายที่เอมสื่ออกมาก็คือกูอย่าไปเสือกเรื่องของเค้าเลย”พอได้ฟังแล้วผมรู้สึกว่าดีที่ผมมาคุยกับไอ้เหมาก่อน เพราะจากที่ฟัง ชาร์ปเองคงรักเอมมากถึงได้ยอมเอมขนาดนี้ อย่างว่าแหละครับ มันชีวิตเค้า เค้าอาจจะรับได้ ในสิ่งที่เรารู้สึกรับไม่ได้ก็เป็นไป

“มึงก็บอกเองว่า เค้าเพิ่งเหมือนจีบๆ กันเฉยๆ มันอาจจะยังไม่ได้มีอะไรก็ได้ อย่าคิดมากเลยมึง”นั่นสิเนอะ ที่ผมเก็บเอามาคิดนี่ ผมคิดแทนเค้าทั้งนั้นเลย ในเมื่อชาร์ปยอมปล่อยให้เอมออกมาเที่ยวได้ ก็แสดงว่าชาร์ปก็ต้องยอมรับได้ระดับนึงที่ปล่อยแฟนมาเที่ยวคนเดียว อีกอย่างเค้าอยู่บ้านเดียวกันขนาดนั้นเอมจะกล้าคบคนอื่นอีกเหรอ ถ้าคบคนอื่นอีกเอมจะปลีกเวลาออกมาจากชาร์ปได้ยังไงละเนอะ

“เอมโทรมาว่ะมึง”ผมหยิบโทรศัพท์หันไปโชว์หน้าจอให้ไอ้เหมาดู นี่เหมือนน้องชะเอมจะมีญาณทิพย์รึเปล่าเนี่ย แค่พูดถึงแค่นี้ถึงกับต้องโทรมาแบบนี้ ผมกดรับสายด้วยน้ำเสียงปกติ และเหตุผลที่เอมโทรมาหาผมในวันนี้เพื่อจะชวนไปทานข้าวเย็น ซึ่งไม่ใช่ที่บ้านของชาร์ป แต่เอมนัดสถานที่เป็นร้านๆ นึง ที่ก็ไม่เชิงร้านอาหารเสียทีเดียว เพราะคนที่ไปนั่งร้านนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะไปนั่งดื่ม ชิลๆ กันทั้งนั้น

“ไปกะใครบ้างเนี่ย”ผมถามกลับไปตามความเคยชิน เพราะปกติเวลาเอมโทรมาชวนแบบนี้ เอมมักจะมีเพื่อนติดไปด้วย เอมเองก็เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะพอสมควร ซึ่งผมเองก็ได้เจอเพื่อนของเอมหลายคนแล้วเหมือนกัน แต่บางครั้งคนที่เอมพามาก็ไม่ใช่คนเดิมที่ผมเคยรู้จัก

“เอมไปกับพี่อาร์ทสองคน พี่ตี้จำพี่อาร์ทได้ใช่ไหม”ชื่อบุคคลที่เอมกล่าวถึงทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย นี่ถ้าผมไปกับเอมมันจะยิ่งไม่ตอกย้ำเข้าไปอีกเหรอว่าผมรู้เห็นเป็นใจให้เอมแอบมีกิ๊ก ผมว่าที่เอมกล้าชวนผมเพราะหนึ่ง เรื่องวันก่อนที่ผมเจอนายอาร์ทอะไรนี่ แล้วผมไม่ได้พูดไปให้ถึงหูของชาร์ป และอีกอย่างการมีผมไปด้วย ย่อมทำให้ชาร์ปวางใจยอมเอมมาตามลำพัง

“พี่ขอเช็คงานก่อนได้ไหมว่าวันนี้งานจะเสร็จเร็วรึเปล่า ยังไงเดี๋ยวพี่บอกอีกที”ผมตอบออกไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะไม่อยากกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเกมนี้สักเท่าไหร่

“โหพี่ตี้อ่ะ มาเหอะ นะๆ เดี๋ยววันนี้เอมเลี้ยงเอง”ชัดเลยครับ นี่กะเอาผมไปเป็นตัวการันตีกะชาร์ป แถมจะปิดปากผมด้วยการให้กินฟรีด้วย ผมยังคงบ่ายเบี่ยงว่าจะให้คำตอบอีกที เพื่อเป็นการไม่ปฏิเสธ ตรงๆ มากเกินไป ผมกะว่าช่วงใกล้เวลาคงจะโทรไปปฏิเสธอีกที เดี๋ยวอ้างเรื่องงานไปก็คงดูไม่จงใจจนเกินไป

“กูไม่ควรไปกับเค้าถูกไหมวะ”ผมถามไอ้เหมาหลังจากเล่าให้มันฟังว่าผมต้องไปเป็นตัวประกันให้กับน้องชะเอม เริ่มรู้สึกว่าทำไมผมต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ด้วย

“แต่กูว่านะ มึงไปก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยฝั่งผู้ชายเค้าก็อาจจะยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะยังไงเค้าก็คิดว่ามึงเป็นเพื่อนของพี่ชายเอม เค้าต้องคิดบ้างแหละว่าพี่ชายเอม ส่งเพื่อนมาคุมไรงี้ และประเด็นสำคัญที่สุด มึงต้องไปจับตาดูเอม ว่าจะเดินเกมไปทางไหน”แม้จะไม่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมควรจะทำ แต่ว่าผมก็เริ่มคล้อยตามกับสิ่งที่ไอ้เหมาบอกมา

และท้ายที่สุดผมก็มานั่งอยู่ตรงหน้าชะเอมและอาร์ทผู้ซึ่งชัดเจนว่าจีบชะเอมแน่ๆ แล้ว  ตอนนี้ความคิดผมมันตีกันไปหมดว่านี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ทั้งๆ ที่พยายามคิดแล้วว่าอย่ากังวลอะไรให้มาก ยังไงก็แค่มาทานข้าว

“เอมขอรับโทรศัพท์พี่แปปนึงนะคะ”ชะเอมเอ่ยขึ้น เมื่อโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น แม้จะไม่ได้ตั้งใจมอง แต่ผมก็มองเห็นชื่อบนหน้าจอนั่นได้ เอมลุกออกไปคุยในจุดที่ไกลพอที่ทั้งผมและนายอาร์ทนี่จะไม่ได้ยินบทสนทนา สำหรับผม ผมทราบดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไรเอมถึงไม่คุยตรงนี้ แต่กับนายอาร์ทนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะคิดยังไง แต่จริงๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไร เพราะคงมองว่าเป็นการปลีกออกไปรับโทรศัพท์ธรรมดา

“พี่ตี้ครับ พี่ชายเอมนี่เค้าหวงน้องสาวมากเลยเหรอครับ”เสียงอีกคนที่ยังเหลืออยู่ในโต๊ะ เอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงสบายๆ แม้เราจะเพิ่งเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ดูเหมือนเค้าเองจะไม่ได้มีอาการเกร็งหรืออะไรที่จะพูดคุย กลับกลายเป็นผมเสียเองที่รู้สึกทำตัวไม่ถูก คงเพราะเอาจริงๆ ผู้ชายคนนี้ก็คงไม่ได่รู้เรื่องอะไร อาจจะเข้าใจว่าเอมเองยังโสดอยู่ก็เป็นได้

“ทำไมถึงคิดงั้น”ผมถามกลับไปยิ้มๆ แต่ถ้าให้เดาคงไม่พ้นตรงที่เอมหนีบผมมาด้วยนี่แหละ เอมอาจจะบอกว่าพี่ชายต้องให้มีผมมาด้วย ถึงจะยอมให้มา ซึ่งพอได้คุยกัน มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นายอาร์ทนี่บอกว่าเอมให้เหตุผลที่ต้องมีผมมาด้วยเพราะพี่ชายไม่ยอมให้ไปไหน มาไหนกับผู้ชาย สองต่อสองเวลากลางคืน โอ้โห ดูเป็นสาวน้อยไร้เดียงสามากๆ เลย อย่างที่ใครๆ ว่า มารยาหญิงนี่มันร้อยเล่มเกวียนจริงๆ ตอนนี้เลยไม่รู้จะสงสารใครดี ทั้งชาร์ป ทั้งอาร์ท เนี่ย ตอนนี้ความรู้สึกผมเริ่มติดลบกับเอมหน่อยๆ แล้วล่ะครับ แม้ผมจะไม่ใช่คนดีอะไร ไม่ได้เป็นคนมีศีลธรรมอะไรนักก็เหอะ แต่มันก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าเอมผิดที่ทำแบบนี้ แต่นี่มันก็แค่ในมุมของผม เพราะในมุมของเอม เอมอาจจะคิดว่าเธอก็คงต้องเลือกคนที่ดีที่สุดให้กับตัวเองอยู่แล้ว

จากการพูดคุยทำให้ผมรู้ว่าเอมรู้จักกับผู้ชายคนนี้เพราะมีเพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันอีกที วันนี้เราก็ทานข้าวไปดื่มไปนิดหน่อย เอมก็มีการถ่ายรูปคู่กับผมเป็นการไปยืนยันกับชาร์ปว่ามากับผมจริงๆ นี่ไม่รู้ว่าชาร์ปเริ่มระแวงจนต้องทำแบบนี้ หรือว่าเอมเองที่ร้อนตัวสร้างเกราะป้องกันไว้ก่อน และแน่นอนตอนแยกย้าย อาร์ทขอเป็นคนไปส่งเอม และผมก็ไม่ได้ขัดอะไร แถมตอนจ่ายตังค์ผมจะช่วยจ่าย ฝั่งอาร์ทเองก็ไม่ยอมให้ผมจ่าย มันเลยยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่าผมนี่แหละอาจเป็นคนที่ร้ายที่สุด เพราะตอนนี้ผมเหมือนรู้เรื่องราวทั้งหมด ว่ามันเป็นยังไง แต่ก็ยังปล่อยให้เอมเดินเกมนี้ต่อไป ถ้าในตอนสุดท้ายที่เกมจบลง แล้วใครสักคนที่เอมไม่ได้เลือก คนนั้นคงจะเคืองผมอยู่ไม่น้อย

ถ้าเรื่องนี้จบลงที่เอมเลือกกลับไปหาชาร์ป แค่มาบริหารเสน่ห์กับอาร์ท ผมคงไม่รู้สึกอะไรมากเพราะก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับอาร์ทอยู่แล้ว และผมคงปล่อยให้เหตุการณ์พวกนี้จางหายไป แต่ถ้าเกิดเอมตัดสินใจเลือกอาร์ท ชาร์ปเองจะยังยอมเป็นเพื่อนกับผมอยู่รึเปล่า

-------------
แวะมาต่อครับ

ช่วงแรกๆ คงยังไม่มีอะไรเท่าไหร่

เป็นช่วงเริ่มปูที่มาที่ไปของตัวละครครับ

ยังไงก็ฝากคิดตามด้วยนะครับ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามครับ


ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 3
ความรู้สึกที่แปลกไป


หลังจากวันที่ผมไปทานข้าวกับเอมและอาร์ทในวันนั้น ผมก็ยังเป็นผู้ที่ต้องเข้าไปเป็นสักขีพยานอีกหลายต่อหลายครั้ง จนเริ่มรู้สึกว่านี่ผมเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้หนักเข้าไปทุกที ผมทั้งไปเจอกลุ่มเพื่อนของอาร์ท จากการนัด Hang out บ่อยๆ แถมมันยังทำให้ผมได้รู้อีกว่า ในช่วงที่ชาร์ปไปทำงานต่างจังหวัด คืองานของชาร์ปจะมีต้องออกไปดูงานสาขาที่ต่างจังหวัดเป็นครั้งคราว อาจจะวัน สองวัน หรือบางทีก็เป็นสัปดาห์ แม้จะไม่ได้ไปบ่อยๆ เฉลี่ยก็แค่เดือนละครั้ง หรือ 2 ครั้ง แต่นั่นก็เป็นเวลาที่ทำให้เอมสามารถไปไหนมาไหน กับอาร์ทได้มากขึ้น แถมไม่ต้องหนีบผมไปด้วยอีกต่อไป จากการประเมินของผมในตอนนี้ เหมือนเอมจะเอนเอียงมาทางอาร์มเสียแล้ว

คงเพราะอาร์มมีหลายๆ สิ่งที่เอมคิดว่าชาร์ปขาด ที่เห็นได้ชัดคงเป็นเรื่องเวลา จุดนี้จริงๆ ผมก็คิดว่าชาร์ปเองก็คงมีส่วนผิด ผมเคยคุยกะชาร์ปว่าทำไมทุ่มเทกับงานมากขนาดนี้ คำตอบของชาร์ปคือเค้าบอกว่าอยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ถ้าแต่งงานมีลูกไปจะได้ไม่ลำบากเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ผมว่าการทุ่มเทให้กับงานแบบนี้ชาร์ปก็ต้องดูอีกคน ที่คิดจะร่วมใช้ชีวิตด้วยว่า เค้าแฮปปี้หรือเปล่า กับการที่ชาร์ปทุ่มเวลาให้กับงานขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเอมเองไม่ได้รู้สึกยินดีกับสิ่งที่ชาร์ปกำลังทำ เพราะหลายๆ ครั้งก็เป็นชาร์ปเองที่ละเลยชะเอม ที่บอกแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมเข้าข้างชะเอมนะครับ เพียงแต่บางเรื่องที่เห็น เราเองก็รู้สึกว่าชาร์ปเองก็ปรับได้ ถ้าเพียงแต่สังเกตชะเอมดูสักนิด

อีกประเด็นที่ผมว่าชัดเจนกับสิ่งที่ชาร์ปขาดและเอมต้องการ ก็คงไม่พ้นเรื่องการสังสรรค์นี่แหละครับ อย่างที่ผมรู้สึกตั้งแต่แรกว่าสองคนนี้มีความต่างกันมาก ชะเอมเป็นสาวเปรี้ยว สวยเฉี่ยว ชอบการเข้าสังคมยังคงสนุกกับการเที่ยวเตร่ แต่ชาร์ปกลับเป็นคนเรียบๆ ไม่ค่อยชอบเที่ยว แถมยังไม่ค่อยแต่งตัว หรือดูแลตัวเอง ทั้งที่จริงๆ ผมว่าชาร์ปเป็นคนหน้าตาดีคนนึง แต่อย่างนึงที่บดบังความหล่อของเค้าคือแว่นสายตาที่ชาร์ปใส่นั่นแหละครับ

“เหม่ออะไรเนี่ย”เสียงทักทายทำให้ผมหยุดความคิดทั้งหมดไว้ เพราะบุคคลที่เป็นตัวละครในความคิดผม คือคนที่เอ่ยทักทายขึ้น วันนี้ ผมนัดกับไอ้เหมามานั่งชิลๆ เหมือนเดิม แต่ไอ้เหมารอรับแพทอยู่ ผมเลยมารอที่ร้านก่อน แต่ไม่เห็นไอ้เหมาบอกว่าชาร์ปก็จะมาด้วย

“มาไงนิ”ผมไม่ได้ตอบคำทักทายที่เป็นคำถามกลายๆ ของเค้า แต่ผมเลือกที่จะย้อนคำถามกลับไปให้อีกฝ่าย แล้วยิ่งพยายามสอดส่ายสายตาดูแล้วว่า ชะเอม ไม่ได้มากับชาร์ปด้วย เพราะปกติถ้านัดเจอกันทุกครั้งที่ชาร์ปมา ชะเอมก็ต้องมาด้วยตลอด

“ขับรถมาไง เรามรถ เราขับรถเป็น”แหม ถ้าเป็นเพื่อนสนิทมากๆ แบบไอ้เหมาตอบแบบนี้ ผมคงชูนิ้วกลางใส่ไปแล้วครับ มุก 5 บาท 10 บาท ก็ยังจะเล่น แถมพอเล่นมุกแล้วยังมาทำหน้าระรื่นน่าหมั่นไส้ ใส่อีก อายุ 5 ขวบหรือไงพ่อคุณ

“ต้องขำไหม”แม้ในใจจะแอบอยากด่าไปแล้ว แต่อย่างที่บอก ตัวผมเองรู้สึกว่ายังไม่ได้สนิทกับเค้าขนาดที่จะเล่นหัวได้ทุกเรื่อง เลยทำเพียงตอบกลับ ยิ้มๆ แบบกวนๆ ส่งคืนไปเท่านั้น

“พอดีถูกเราถูกทิ้ง”ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงขอคำอธิบายเพิ่ม เพราะไม่มั่นใจว่านี่เค้าจะเล่นมุกอะไรอีกไหม หรือหมายความว่ายังไงกันแน่ จากหน้าระรื่นในตอนแรก ได้ถูกปรับโหมดเป็นหมาหง๋อยไปเรียบร้อยแล้วครับ

“ไม่ตกใจเลย เหรอ อุตส่าบอกว่าถูกทิ้งเลยนะเนี่ย ทำไมตี้ยังไม่เห็นสงสารเราเลย ไรว้า ไม่หนุกเลย”นั่นไงครับ บางทีไอ้บุคลิค เนิร์ดๆ ภายนอกนี่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนเนิร์ดไปเสียทุกอย่างนะครับ อย่างหนุ่มแว่นคนนี้ดูมีความพยายามจะเป็นเนิร์ดสายตลก แต่ผมว่าเป็นแว่นตลกมุกแป้กเสียมากกว่านะครับ

“สรุปไปยังไง มายังไง นัดกับไอ้เหมาไว้ หรือยังไง”ผมส่ายหน้า ขำๆ ให้กับเค้าก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟ ขอแก้วเครื่องดื่มให้เค้า เพราะดูแล้วชาร์ป ก็คงมาร่วมโต๊ะกับผม และไอ้เหมานี่แหละครับ

“ก็ถูกทิ้งไง เอมเค้ากลับบ้านที่เหนือ เราเลยโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว โทรหาไอ้เหมาเพื่อนเลิฝมันเลยว่าให้มาที่นี่แหละ”นี่แค่แฟนกลับบ้านต่างจังหวัด ถึงขั้นอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้เลยรึไงคุณแว่น

“อ๋อ”ผมรับคำสั้นๆ เพราะไม่รู้จะถามอะไรต่อ

“แล้วตกลงตอนเรามา ตี้เหม่ออะไรอ่ะ คิดถึงแฟนอยู่เหรอ”ดูหน้าตาคนถามนี่แลจะสนุกมากเลยนะครับ แถมสายตาเจ้าเล่ห์นั่นอีก บางทีก็นึกหมั่นไส้คุณแว่นนี่เหมือนกันนะครับ ดูเค้าเป็นคนมีความสุขตลอดเวลา แบบมีความสุขมากไปจนน่าหมั่นไส้ พอจะนึกภาพออกไหมครับ

“แฟนเฟินอะไรล่ะ ก็บอกแล้วว่าโสดมาตั้งนานแล้ว”ผมตอบออกไป แต่ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เพราะรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ กับสายตาของอีกฝ่าย

“นั่นแน่ บอกไม่มี แต่ หลบตา ดูมีพิรุธนะเนี่ย ตี้เองก็ออกจะดูดีขนาดนี้ หน้าตาจะมองว่าหล่อก็หล่อ ดูเป็นสไตล์พิมพ์นิยม รูปร่างก็ดูลีนๆ ไม่ได้ผอมบาง แต่ก็ไม่ได้ล่ำจนเกินไป ดูๆ แล้วตี้น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายลำดับต้นๆ ของวงการนี้นะ”เอ่อคุณแว่นครับ ถ้าวิเคราะห์ละเอียดอีกนิดนี่จะกลายเป็นกูรูด้านรูปร่างและรสนิยมของผมแล้วนะครับ

“พอๆ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว มาๆ ชนแก้วดีกว่า”ผมพยายามเปลี่ยนบทสนทนาเพราะรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมาคุยเรื่องนี้กับคุณแว่นนี่

“เนี่ย ไหนหันหน้ามาตรงๆ ดิ ออกจะดูดีขนาดนี้”ผมรีบเอนตัวออกพร้อมเบี่ยงหน้าหลบ เพราะเจ้าของคำพูดเอื่อมมือมาเชยปลายคางผมให้หันหน้าหาเค้า โดยที่ตัวเค้าเองเตรียมจ้องผมอยู่แล้ว ผมบอกปัดอีกครั้งว่าไม่คุยเรื่องนี้แล้ว และไม่กล้ามองหน้าเค้าตรงๆ เนื่องจากตอนนี้สัมผัสได้ว่าใบหน้าของตัวผมเองเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา และมันคงเริ่มเปลี่ยนสีแล้วไม่มากก็น้อย

“เป็นไรเนี่ย หน้าแดงเชียว เขินเหรอ”เขินงั้นเหรอ ผมเขินคุณแว่นเนี่ยนะ ผมแค่รู้สึกแปลกๆ กับสายตาที่จ้องนั่นต่างหาก ผมไม่ได้เขิน

“เลิกพูดเล่นได้แล้ว”ผมพูดย้ำเสียงเรียบก่อนจะยกแก้วเบียร์ดื่มรวดเดียวหมด หวังให้ความเย็นของเครื่องดื่ม ให้ช่วยดับความร้อนภายในของผมตอนนี้ แต่อีกฝ่ายดูจะยังสนุก และหัวเราะน้อยๆ กับการกระทำของผม

“บอกแล้วว่าปาร์ตี้เนี่ยดูดีจะตายไป ยิ่งตอนเขินแบบนี้ยิ่งน่ารัก ถ้าเราเป็นเกย์นะเราจีบปาร์ตี้ไปแล้ว”คำพูดพร้อมสายตายิ้มๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกว่า ผมต้องเว้นช่องว่างกับคุณแว่นนี้ให้มากขึ้น ผมรู้ว่านี่เค้าก็แค่แซวผมเล่นๆ แต่บางทีมันก็ต้องมีขอบเขต ขอบเขตที่จะไม่กระทบกับความรู้สึกของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นผมเองที่แหละอาจจะโดนแรงกระทบ เพราะงั้นผมเองนี่แหละที่ต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง โดยการเพิ่มระยะปลอดภัยระหว่างผมกับคุณแว่นนี่

โชคดีของผมที่ไอ้เหมาและแพทมาถึงพอดี ทำให้ผมไม่ต้องทนกับความรู้สึกลำบากใจเมื่อสักครู่นานจนเกินไป แต่ผมลืมคิดไปว่า เหตุการณ์ต่อจากนี้มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ต่างเดิมเท่าไหร่

“เอ้าไอ้เชี่ยชาร์ป ลุกสิว่ะ กูจะนั่งกะแพท มึงไปนั่งเป็นคู่เกย์กะไอ้ตี้โน่น”ถ้าปกติ ผมจะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนี้ แต่ครั้งนี้มันกลับรู้สึกต่างออกไป ผมกลับรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่ไอ้เหมาพูดออกมา

“เอ้า แล้วไมมึงไม่บอกตี้ให้เป็นฝ่ายย้ายมานั่งกะกูล่ะ ตี้มาๆ มาเป็นคู่เกย์กันฝั่งนี้ดีกว่า”ประโยคแรกที่คุณแว่นพูดกับไอ้เหมานี่ไม่เท่าไหร่นะครับ แต่ประโยคหลังที่เค้าหันมาพูดกับผมนี่สิครับ

“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เดี๋ยวแพทนั่งกับตี้เอง ตัวเองก็นั่งเป็นคู่เกยยยย์...กับชาร์ปไปละกัน”แพทหันไปสั่งไอ้เหมาพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม แต่จะดีกว่านี้มาก ถ้าไม่มาเน้นคำว่าเกย์เนี่ย วันนี้ดูทุกคนใช้คำนี้พร่ำเพรื่อกันเหลือเกิน จริงอยู่ที่ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์ หรือถูกเรียกว่าเกย์ แต่บางทีก็ไม่ค่อยอยากให้มาย้ำกันขนาดนี้

“ไม่เอาอ่ะ เค้าอยากนั่งกะตัวเอง”เพื่อนเหมาครับ เพื่อนคงคิดว่าสิ่งเพื่อนอ้อนแฟนนั้นมันดูน่ารักมุ้งมิ้งสินะ แต่เดี๋ยวผมคงต้องบอกมันแล้วละครับว่าไปมุ้งมิ้งกันที่บ้าน 2 คนจะดีกว่า เพราะผมเห็นมันทำแล้วแทบจะขนลุก ก็ผู้ชายตัวโตๆ หนวดเคราก็ไม่ค่อยจะโกน มันดูไม่เข้ากันเลยกับไอ้ที่มันทำตะกี้

“มึงส่ายหน้าทำไมไอ้ตี้ ลุกมาเลยให้ไวจะได้จบๆ”นั่นแหละครับ สรุปแล้วสุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนที่ต้องย้ายที่นั่งไปหาคุณแว่น

“หายเขินแล้วใช่ไหม”พอผมนั่งลง คุณแว่นก็เอียงตัวมาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบให้ผมได้ยินแค่คนเดียว ซึ่งสิ่งที่เค้าถามมันทำให้ผมต้องขยับตัวให้ห่างจากเค้าเพิ่มขึ้นอีก แต่สิ่งที่คุณแว่นทำ ก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของไอ้เหมา

“กระซิบอะไรกัน นี่แค่แฟนไม่อยู่มึงจะเล่นเพื่อนเลยเหรอไอ้ชาร์ป แค่มึงนั่งข้างกันเฉยๆ ก็เหมือนเป็นคู่เกย์แล้ว ไม่ต้องมากระซงกระซิบอะไรกันอีกหรอก”นี่ก็จะขยี้ไปถึงไหน เข้าใจนะครับว่าเพื่อนหยอกเล่นๆ แต่ทิ้งช่วงให้ผมปรับความรู้สึกนิดนึงจะได้ไหม

“เลิกเล่นกันได้แล้ว อ่ะเมนูจะกินอะไรก็สั่งมา จะได้เลิกพูดไร้สาระสักที”ผมยื่นเมนูให้ไอ้เหมาพร้อมกับมองคุณแว่นข้างๆ นี่ด้วยสายตาขวางๆ นิดๆ เป็นการปรามให้เค้าเลิกเล่นเช่นเดียวกัน แม้ตอนแรกจะยังมีรอยยิ้มกวนๆ อยู่บ้าง แต่พอไอ้เหมาเริ่มเปลี่ยนประเด็นในการพูดคุย บรรยากาศเลยกลับมาปกติอีกครั้ง เราทั้งสี่พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะคติกันเรื่องแล้วเรื่องเล่า โดยมีเสียงเพลงจากทางร้าน คลอๆ มาให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย สบายๆ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่ามีแจ้งเตือน facebook messenger จากหัวหน้าของผม จริงๆ ผมเป็นคนที่ปิดแจ้งเตือนโซเชี่ยลไว้แทบทุกอย่างนะครับ แต่ตัวนี้ปกติไม่ค่อยมีใครใช้สื่อสารกับผมเท่าไหร่ เลยไม่ได้ปิดไว้

คือเวลาอยู่กับเพื่อนแบบนี้ผมก็ไม่จับโทรศัพท์สักเท่าไหร่ เพราะทุกคนก็ไม่มีใครสนใจโทรศัพท์เช่นเดียวกัน คือทุกคนเห็นตรงกันว่าในเมื่อมาเจอกัน ก็ควรให้ความสำคัญกับคนตรงหน้ามากกว่าหน้าจอโทรศัพท์

“ตอบแชทพี่ชาญแปปนะ”ผมเอ่ยชื่อหัวหน้าเป็นการบอกทุกคนว่า ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าจอมากกว่าทุกคนตรงหน้านี้ แต่ผมมีเหตุผล ที่ทุกคนก็จะคุ้นชินกับเรื่องนี้ หัวหน้าผมมักจะชอบมาคุยเรื่องงานกับผมในเวลาที่เลิกงานแล้วแบบนี้ประจำ ซึ่งบางครั้งนี้ก็ไม่พ้นเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะเป็นเรื่อง เพราะพออ่านข้อความจบ ผมก็แทบจะมองบนแทบทันที

“อะไรอีกว่ะรอบนี้”ไอ้เหมาที่เห็นอาการหน่ายๆ ของผมเอ่ยถามขึ้น

“ขี้เกียจหาเมล ที่ออแกไนซ์ส่งมาให้อาทิตย์ก่อน แล้วเมลนี้กูก็ได้ไง เลยจะให้กูส่งให้เค้าใหม่ และจะเอาเดี๋ยวนี้”ผมบ่นไปแต่ มือก็กดดูอีเมลในมือถือไป คงต้องขอบคุณเทคโนโลยี ที่สมาร์ทโฟนสามารถทำให้ผมแก้ปัญหานี้ได้ ไม่งั้นผมคงต้องหงุดหงิด ที่ต้องวิ่งหาคอมพิวเตอร์ ส่งงานให้หัวหน้าสุดที่รัก ผมพยายามดับอารมณ์หงุดหงิดดด้วยการกดเข้าไปดูในแอพพลิเคชั่นยอดฮิตเพื่อดูความเคลื่อนไหว ของเพื่อนๆ ผมเลื่อนหน้าฟีดไปเรื่อยๆ แต่ต้องมาสะดุดกับภาพชุดนึง ที่เพิ่งอัพเดทไปเมื่อช่วงเย็นของวันนี้

“เป็นไร หาเมลไม่เจอเหรอ”คนที่นั่งข้างๆ หันมาถามผม ซึ่งผมตกใจจนต้องคว่ำหน้าจอมือถือลง

“ปะ ปะ เปล่า เจอแล้วกำลังจะส่งเนี่ย”ผมรีบกดหน้าจอออกจากแอพพลิเคชั่นดังกล่าว แล้วกดเข้าหน้าจออีเมลอีกครั้ง แม้นิ้วมือผมจะเลื่อนหน้าจออยู่ที่อีเมล แต่สมองผมกลับคิดถึงรูปที่เพิ่งผ่านตาเมื่อสักครู่


แวะมาต่อ ยังไงฝากติชมด้วยนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2016 20:11:48 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 4
ความจริงใกล้เปิดเผย

“เอาไงว่ะ”ผมเอ่ยถามกับไอ้เหมาหลังจากให้มันดูรูปที่ผมกดเซฟมาจาก facebook ของชะเอม สิ่งที่ชะเอมบอกกับทุกคนคือ เธอกลับบ้านต่างจังหวัดที่เหนือ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือภาพชะเอมอยู่บนเรือยอร์ชที่ภูเก็ต ที่ข้างๆ กาย มีอาร์ทซึ่งดูมีความสนิทสนมมากกว่าเพื่อนธรรมดาแน่นอน สิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจคือทำไมชะเอมกล้า ลงรูปนี้

แม้ชะเอมกับชาร์ปจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันบน facebook รวมถึงไอ้เหมากับแพท ที่โดนชะเอมลบออกจากลิสต์เพื่อนใน facebook ไปแล้วและเอมก็โพสต์ให้แค่คนเป็นเพื่อนเห็นก็เถอะ  แต่ผมก็ยังเป็นหนึ่งคนที่ได้เห็น แล้วชะเอมมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับชาร์ป หรือชะเอมมั่นใจแล้วว่าจะเลือกอาร์ท เลยไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรชาร์ปอีก

“กูว่าคงต้องบอกไอ้ชาร์ปมันแหละว่ะ”ไอ้เหมาเป็นคน ตัดสินใจ แต่จริงๆ ผมเองก็ตั้งใจจะให้เหมามันเป็นคนบอกชาร์ปแหละครับ เพราะถ้าให้ผมบอกเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงเหมือนกัน แต่อย่างไอ้เหมาที่สนิทกันมานาน อาจจะมีวิธีการที่ดีกว่าผมแน่นอน แต่แล้วบทสนทนาของผมกับไอ้เหมาก็สะดุดลง เพราะสายโทรเข้าจากชะเอม จากที่เห็นการเคลื่อนไหวในโซเชียล ทำให้ผมรู้ว่าชะเอมกลับมาจากภูเก็ตแล้ว

“ว่าไงเอม”ผมกรอกเสียงลงไป ให้ดูปกติโดยมีไอ้เหมาที่พยายามแนบหูมาฟังบทสนทนา จนผมต้องเปลี่ยนเป็นเปิดลำโพงให้มันได้ยินด้วย

“พี่ตี้อยู่ไหน เอมไปหาได้ไหม”ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ผมหันหน้ามองไอ้เหมาเพื่อขอความเห็น

“พี่อยู่บ้านไอ้เหมา เอมเป็นไรหรือเปล่า”ผมตอบออกไปตามความจริง

“งั้นเดี๋ยวเอมไปหานะพี่”พูดจบชะเอมก็วางสายไป และเพียงครู่เดียว ก็เป็นชาร์ป ที่โทรหาไอ้เหมา ทำให้ผมกับไอ้เหมาได้รู้ว่า ชะเอมกับชาร์ปทะเลาะกัน แล้วเรื่องที่ทะเลาะกันนี่ มันดูไม่น่าเป็นเรื่องที่จะเอามาทะเลาะกันได้เลย คือคู่ทั้งคู่ไปกินซีฟู้ดด้วยกัน แล้วชาร์ปไม่ยอมแกะกุ้งให้ชะเอม คือฟังๆ แล้วมันก็พอให้เป็นเรื่องงอนกันนิดๆ หน่อยได้นะครับ แต่ถึงขั้นทะเลาะกันแล้ว ชะเอมลุกออกจากร้าน เรียกแทกซี่ออกมาเลยนี่ มันก็ดูจะเป็นอะไรที่ผมเข้าไม่ถึงสักเท่าไหร่แหละครับ

“ไอ้ชาร์ปบอกว่าเดี๋ยว เอมอารมณ์เย็นลงแล้วจะมารับ ยังไม่อยากคุยตอนกำลังงี่เง่า เดี๋ยวจะยิ่งไปกันใหญ่”สิ่งที่ไอ้เหมาบอก ทำให้ผมรู้สึกว่านี่คงไม่บ่อยนักที่ชาร์ปกับชะเอมจะทะเลาะกัน เพราะตั้งแต่ผมรู้จักทั้งคู่มา ผมก็ไม่เคยเห็นคู่นี้ทะเลาะกันเลย อีกอย่างทุกทีก็เห็นชาร์ปยอมตามใจชะเอมตลอด

“กูเอารูปให้ไอ้ชาร์ปดูตอนนี้เลยไหมว่ะ”ไอ้เหมาหันมาขอความเห็นจากผม แต่ผมไม่ได้ออกความเห็นใดๆ อีก สรุปแล้วไอ้เหมาดันมาเกี่ยงให้ผมเป็นคนบอกชาร์ป โดยให้เหตุผลว่า ในเมื่อผมเป็นคนที่รับรู้ทุกอย่างมาทั้งหมด ผมก็ควรเป็นคนอธิบาย เรื่องราวเพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วน แต่ก็นั่นแหละครับ ท้ายที่สุดทั้งผมและไอ้เหมา ก็ไม่มีใครกล้าบอกชาร์ป

จริงๆ ผมเคยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยกับการที่จะบอกเรื่องนี้ แต่พอสถานการณ์มาถึงตอนนี้ กลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลย เพราะผลที่จะตามมา มันดูไม่มีทางไหนออกมาดีเลย ถ้าชาร์ป รับได้กับเรื่องนี้ เอมยอมตัดขาดจากอาร์ท แล้วทั้งคู่คบกันต่อ ไม่ว่าจะผมหรือไอ้เหมาที่เป็นคนบอกก็คงเข้าหน้าชะเอมไม่ติดแน่นอน หรือถ้าชาร์ปเลือกที่จะเลิกกับเอม แล้วระหว่างเอมกับอาร์ทไปกันไม่รอด ผมว่าผมคงโดนชะเอมอาฆาตเลยละมั้ง ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าผลออกมาแบบนั้น ถึงผมจะมองว่ามันก็เป็นผลจากสิ่งที่เอมสร้างมาเอง แต่ก็อดที่จะเห็นใจเอมไม่ได้ เพราะนี่ก็กิน เที่ยวด้วยกันมาพอสมควร เอมก็เหมือนเพื่อนผมคนนึงแหละครับ

ผมเสียอีกที่ไม่รู้จักเตือนเอม ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง แต่กลับปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้

“มาแล้วมั้ง มึงรับหน้าไปก่อนเดี๋ยวกูไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับ”พูดจบไอ้เหมาก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยผมนั่งอยู่ที่ศาลาหน้าบ้านมัน เพื่อรอต้อนรับ ชะเอม

ชะเอม เข้ามาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าระหว่างทางมานี่ช่วยให้เจ้าตัวอารมณ์เย็นลง หรือว่าจริงๆ แล้วชะเอมแค่หาเรื่องชวนทะเลาะ เพื่อเหตุผลอื่น ชะเอมเล่าว่าไม่ชอบใจที่ชาร์ปขึ้นเสียงใส่ พ่อแม่เอมเองยังไม่เคยตวาดเอมเลย ซึ่งผมฟังแล้วก็แค่เออ ออ ตามเพราะฟังแล้ว สำหรับผมก็ยังรู้สึกว่ามันคือ  เรื่องไม่เป็นเรื่องเอาเสียเลย

“ตกลงนี่โมโหแค่เรื่องนี้ หรือมีประเด็นอื่นอีกเนี่ย”ผมเลียบๆ เคียงๆ เพราะค่อนข้างปักใจไปแล้วว่าช่วงนี้เอมเอนเอียงไปทางอาร์ทมากแล้ว

“ไม่รู้เหมือนกันพี่ สงสัยประจำเดือนมาด้วย มันเลยหงุดหงิดอ่ะพี่”อ้าว สรุปแค่วันนั้นของเดือนหรอกเหรอ

“แล้วไปเที่ยวภูเก็ตมา เป็นไงบ้าง”ชะเอมดูชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมถาม

“ก็ดี ว่าแต่พี่ตี้เห็นรูปด้วยเหรอ”คราวนี้เป็นผมเองที่แปลกใจ ว่าทำไมเอมถึงคิดว่าผมจะไม่เห็นรูป หรือเอมแค่ถามออกมาแก้เก้อ

“พี่เหมาไม่รู้เรื่องที่เอมไปภูเก็ตใช่ไหม”คำถามต่อมาขอเอมทำให้ผม ต้องโกหกออกไป แล้วก็พยามให้ไม่มีพิรุธ บางทีผมก็เริ่มคิดนะ ว่าคนที่ไม่จริงใจที่สุด จริงๆ แล้วอาจจะคือผมเอง ผมเหมือนที่รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้องกับแต่ละฝ่าย แต่ผมก็ยังเฝ้ามองเรื่ิองนี้ให้ดำเนินไปโดยที่ไม่ได้ ทำให้มันถูกต้อง

“เป็นไง ใจเย็นลงยัง จะได้ให้ไอ้ชาร์ปมันมารับ”ไอ้เหมาที่เดินออกมาพร้อมเหยือกน้ำเอ่ยทักทายชะเอม

“เค้าโทรมาฟ้องพี่เหมาเหรอ”ชะเอมถามกลับด้วยน้ำเสียงเหมือนจะงอนๆ

“อย่าเรียกว่าฟ้องเลย ก็แค่โทรมาระบายแหละ ปกติชาร์ปมันก็ยอมเอมตลอดนิ นี่เอมไม่ได้งี่เง่าอะไรใส่มันก่อนใช่ไหม”แม้ไอ้เหมาจะถามด้วยน้ำเสียงที่เล่นทีจริง แต่ดูจากสีหน้าชะเอมดูจะไม่ชอบใจกับประโยคนี้สักเท่าไหร่

“พี่ก็เข้าข้างแต่เพื่อนพี่อ่ะ”และไม่ทันที่ไอ้เหมาจะได้ตอบโต้อะไรกับเอมอีก เพราะโทรศัพท์ของเอมดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ผมสังเกตเห็นเอมชะงักนิดนึงตอนที่เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา

“ขอไปรับโทรศัพท์เพื่อนก่อนนะคะ”ชะเอมบอกก่อนจะเดินเลี่ยงห่างออกไป ห่างมากพอที่ทั้งผมแบะไอ้เหมาจะไม่ได้ยินบทสนทนาของเธอ

“มึงว่าเพื่อนจริงๆ หรือไอ้ผู้ชายในรูปนั่นวะ”และทันทีที่กะว่าเอมจะไม่ได้ยินบทสนทนาของเรา ไอ้เหมาก็เปิดประเด็นมาอีกรอบ

“กูจะรู้ไหมล่ะ”ผมตอบออกไปผ่านๆ ทั้งที่ในใจก็คิดแหละครับว่าคงเป็นอาร์ทนั่นแหละ ที่โทรมา

“กูว่าใช่ เพราะถ้าเพื่อน เอมคงคุยต่อหน้าเราไปแล้ว แต่นี่เดินไปคุยห่างขนาดนี้ ชัดเจนแบบไม่ต้องสืบแล้ว”ทางไอ้เหมาคงมั่นใจไปแล้วละครับ

“เดี๋ยวเพื่อนเอมจะมารับ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะคะ”หลังจากคุยโทรศัพท์เรียบร้อย ชะเอมก็กลับมาบอกด้วยน้ำเสียงที่กึ่งๆ ออกไปทางประชดประชันหน่อยๆ

“แล้วจะให้พี่บอกเพื่อนพี่ว่าน้องชะเอมคนสวยไปไหนดีละครับ เพื่อให้เพื่อนที่ไม่เป็นห่วง”ดูเหมือนไอ้เหมาเองก็มีการประชดประชันกลับไปเช่นเดียวกันเลยละครับตอนนี้

“ถ้าเค้าโทรมาก็บอกไปละกันค่ะ ว่าเอมไปกะเพื่อน เดี๋ยวสบายใจเมื่อไหร่จะให้เพื่อนไปส่งเอง”พูดจบชะเอมก็ดึงแขนผมมาอีกทาง เพื่อกระซิบบางอย่าง บางอย่างที่ผมแทบไม่ต้องเดา เพราะคนที่จะมารับชะเอม ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอาร์ทนั่นเอง และที่เอมดึงผมแยกออกมาจากไอ้เหมา ก็เพราะจะกำชับไม่ให้ผมบอกไอ้เหมาว่า อาร์ทเป็นคนมารับ ซึ่งนี่คงเป็นครั้งแรกที่เอมกำชับผมแบบนี้ แสดงว่าตอนนี้เอมเองคงเริ่มตระหนักแล้วว่า อาจจะเชื่อใจผมไม่ได้อีกต่อไป ว่าผมจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เธอกำลังทำอยู่ให้ไปถึงหูของชาร์ปหรือคนรอบๆ ตัวชาร์ป

“ผู้ชายในรูปนั่นใช่ไหม”ไอ้เหมาเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ชะเอมขึ้นรถไปกับอาร์ม ผมเริ่มคิดว่าจริงๆ แล้วการทะเลาะกันของชะเอมกับชาร์ปในวันนี้ เป็นแค่ฉาก ฉากนึงที่เอมสร้างขึ้นมาเพื่อหาทางออกไปกับอาร์ทรึเปล่า ส่วนการที่แวะมาหาผมนี่ก็อาจเป็นไปได้ที่เอมวางหมากบางอย่างเอาไว้ บางอย่างที่ใช้บอกกับอาร์ท หรืออาจเป็นไปได้อีกอย่างที่จะมากำชับผม ไม่ให้พูดอะไรที่ผลกระทบอาจเกิดกับตัวเธอ

“เอาว่ะ กูคงต้องบอกไอ้แว่นมันจริงๆ แล้วว่ะ คือถ้ามันรู้แล้วจะยังไงต่อก็อยู่ที่การตัดสินใจของมันแล้วแหละ”พอได้ยินไอ้เหมาพูดแบบนี้แล้วผมก็โล่งใจ ที่จะไม่ต้องมาทนแบกรับเรื่องนี้ไว้อีกต่อไป

“มึงว่าชาร์ปจะโกรธกูไหม ที่รู้เรื่องนี้มาตั้งนานแต่ไม่ได้บอกเค้าเนี่ย”แม้จะโล่งใจที่จะไม่ต้องทนเก็บเรื่องนี้ไว้ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ก็เรื่องที่ไม่ได้บอกกับคุณแว่นนี่แหละครับ

“เอาน่า ยังไงซะ ก็ไม่ใช่มึงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้มานาน กูเองก็ใช่จะเพิ่งรู้ที่ไหนละ ถ้ามันจะโกรธก็คงไม่มากหรอกน่า”น้ำเสียงของไอ้เหมาเองก็ไม่ได้ดูมั่นใจสักเท่าไหร่หรอกครับ ว่างานนี้คุณแว่นจะไม่โกรธ




แวะมาต่ออีกนิดครับ

เจอจุดไหนผิดพลาด ฝากติชมด้วยนะครับ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตามอ่านอยู่นะคะ

แต่รู้สึกว่ามันไม่ได้ยรรยากาศนิยายวายเท่าไรเลย :mew2:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ทำไมเรารู้สึกว่าท่าทีของชาร์ปที่มีต่อตี้มันแปลกๆค่ะ
ไม่รู้สิเหมือนผีเห็นผีค่ะ   ชาร์ปใส่ใจกับตี้มากไป
จากบทนำเราคิดว่าหลังความจริงเปิดเผย ชาร์ปกับตี้เมาแล้วเลยเถิด  กลัวว่าคนจะมาว่าตี้ว่ารู้ทุกอย่างเรื่องเอมกับอาร์ทแล้วปิดไว้เพราะหวังในตัวชาร์ป   
เอมไปกับอาร์ทแบบนี้อาจจะดูว่าเข้ากัน  แต่ตามจริงอาณทเองก็ไม่รู้นี่ว่าเองมีผัวอยุ่แล้ว    ชอบผู้ชายแนวนี้ก็ต้องทำใจว่าคู่แข่งเยอะ

เชียร์ให้เหมาเล่มอยุ่นะเนี่ย   อยากให้เอมไปเสียที  เกรงแต่ว่าไปแล้ว หมดโปรก็จะคลานกลับมาหาชาร์ปอีกเท่านั้นแหละ

อ่านมาหลายตอนแล้วไม่ได้เมนท์สักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
รู้สึกตี้ยื้ดเยื้อเกินไป.. จริงๆควรบอกนานแล้วนะ

รอติดตามน๊าาาา..

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 5
ผู้หวังดี


“ทำไมดูอารมณ์บูดจังครับ คุณปาร์ตี้”น้ำเสียงกวนตีนจากไอ้เพื่อนเหมายิ่งมาเพิ่มความหงุดหงิดให้ผมอีกเป็นทวีคูณ

“ก็ไอ้เซลล์ของออแกไนซ์ที่จะมาจัดงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อม อะไรนั่นไง งานกูก็ไม่ใช่ หัวหน้ากูก็ไปรับมา แถมเซลล์ก็กวนตีนกูอีก หงุดหงิดโว้ยยย”ผมแทบจะตะโกนใส่หน้าไอ้เหมาแล้วครับตอนนี้

“เซลล์ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ”คำถามพร้อมสายตาวิบวับแบบนี้ ยิ่งทำให้อารมณ์ผมยิ่งเดือดครับ เพราะรู้ว่ามันกำลังจะกวนตีนผมอย่างแน่นอน แม้จริงๆ ผมจะเป็นคนมีเหตุผลและเก็บอารมณ์ได้ดี แต่กับไอ้เหมานี่บางทีก็ไม่ต้องมีมารยาทกับมันมากหรอกครับ เพราะมันเองก็ไม่ค่อยมีมารยาทกับผมสักเท่าไหร่

“ผู้ชาย นี่ขนาดกูยังไม่เคยเจอหน้า กูยังไม่ชอบแล้วเลยเนี่ย”ผมยังคงใส่อารมณ์ให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ในโหมดที่พร้อมจะเล่นกับมัน แต่ดูแล้วไอ้นี่จะยิ่งท้าทายอารมณ์ของผมเหลือเกิน

“มึงก็จีบเค้าเป็นแฟนไง จบๆ ไปจะได้ทำงานง่ายๆ”นั่นไงครับผมละแทบจะอยากบีบคอมัน กำลังจะลุกไปเตะมันสักทีแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งจะสังเกตเห็นอีกคนที่มากับไอ้เหมาด้วย เป็นคนที่ผมไม่คุ้นหน้าเลย พอไอ้เหมาเห็นสายตาผมมองผ่านมันไปถึงอีกคน มันเองก็คงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มาคนเดียว

“ลืมเลย กูพาน้องใหม่มาแนะนำ นี่น้องปลามาช่วยงานกู ส่วนนี่ก็ไอ้ปาร์ตี้ ไม่ต้องไหว้มัน”ทั้งผมและน้องปลาต่างชะงักไปทั้งคู่กับคำห้ามของไอ้เหมา น้องปลาถึงกับยกมือค้าง ผมเองก็แทบจะรับไหว้ค้างกันทีเดียว

“หวัดดีคะพี่ ฝากตัวด้วยนะคะ มีอะไรแนะนำหนูได้เลยนะคะ”แต่สุดท้ายน้องปลาก็ยกมือไหว้ผม โดยไม่ได้ฟังคำห้ามจากไอ้เหมา ส่วนไอ้เรื่องไม่ให้น้องไหว้ผมนี่ คงไม่ใช่เรื่องดีอีกแน่ๆ แหละครับ

“บอกว่าอย่าไปไหว้ มัน ไอ้นี่ไม่ได้น่าเคารพ ขนาดนั้น อีกอย่างแผนกเราไม่ค่อยต้องพึ่งพาอะไรแผนกมัน อย่าไปสนใจมันมาก”นี่ผมเป็นเพื่อนมันรึเปล่าเนี่ย ดูมันเถอะครับ บอกไปแบบนี้น้องจะเคารพผมไหมละเนี่ย

“น้องปลาอย่าไปสนใจอะไรมันมากนะ บางอย่างถ้ามันบอกอะไรแล้วรู้สึกแปลกๆ ก็มาถามพี่อีกทีได้ ไม่งั้นปลาโดนไอ้นี่แกล้งอำแน่นอน พี่เตือนไว้เลย”อย่าคิดว่ามึงจะให้ร้ายกูได้คนเดียวนะไอ้เหมา ว่าแต่น้องปลาจะรับมือไอ้เหมาไหวไหมละเนี่ย แถมมาเป็นลูกน้องของไอ้เหมาอีก คงเหนื่อยแน่ๆ น้องเอ้ย ยังไงพี่ก็เอาใจช่วยละกันเนอะ

“เออๆ พอเลย อย่ามาหวังใส่ร้ายกูเสียให้ยาก เพราะน้องปลาเนี่ยเป็นรุ่นน้องจากสาขากูเอง”โอ้โหถ้าบอกว่ามาจากสาขาเดียวกับไอ้เหมา ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ น้องปลาคงไม่ใช่แนวใสใสไม่สู้คนอย่างแน่นอน

“พี่ปาร์ตี้ไม่ต้องห่วงว่าหนูจะโดนไอ้พี่เหมานี่แกล้งหรอกค่ะ หนูเป็นหลานรหัสพี่ชาร์ป ถ้ามีอะไรหนูจะฟ้องพี่ชาร์ปให้จัดการ”นั่นไงแสดงว่าความกวนของน้องปลาก็คงไม่น้อยหน้าเหมากับคุณแว่น เสียละมั้ง

พอได้รู้ว่าน้องปลาเป็นรุ่นน้องจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ทำให้ความรู้สึกสนิทใจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จริงๆ บางครั้งการที่เรารับคนจบจากสถาบันเดียวกันเข้ามาทำงานด้วยจะถูกมองว่าเป็นการใช้เส้นสาย หรือกีดกันคนจากสถาบันอื่นที่มีความสามารถ ที่อาจจะดีกว่าอะไรแบบนั้น แต่บางทีเราเลือกคนที่จบจากที่เดียวกัน มันก็คุยกันง่ายกว่า ซึ่งบริษัทพวกผมเองก็ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะรับรุ่นพี่รุ่นน้องจากสถาบันเดียวกันอะไรนักหนาหรอกครับ ก็รับเหมือนทั่วๆ ไป มีการรับสมัคร สัมภาษณ์ปกติ ถ้ามาคุยแล้วโอเค ก็รับหมดแหละครับ ใครๆ ก็อยากร่วมงานกับคนที่มีความสามารถทั้งนั้น เพียงแต่บางทีการจะรับคนเพิ่ม คนภายในองค์กรเองก็จะรู้ก่อน ทำให้ใครที่รู้จักคนภายใน จะมีโอกาสได้เข้ามายื่นใบสมัครก่อน แค่นั้นเอง

น้องปลาที่บอกว่าเป็นหลานรหัสของชาร์ปก็คือ ปลากับชาร์ปอยู่ในสายรหัสนักศึกษาเดียวกัน ตอนปลาเข้าเรียนปี 1 พวกผมก็กำลังเรียนปี 3 การเรียกสายรหัสผมว่าแต่ละมหาวิทยาลัยก็คงเรียกคล้ายๆ กัน น้องปี 1 เรียกพี่ปี 2 ในสายรหัสว่า พี่รหัส ปี 3 ก็จะกลายเป็น ลุงหรือป้ารหัส ปี 4 ก็เป็นปู่กับย่ารหัสตามลำดับ ซึ่งกรณีนี้ ชาร์ปก็เป็นลุงรหัสของน้องปลานั่นเองครับ พอพูดถึงชาร์ปทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ไอ้เหมาบอกว่าจะเป็นคนไปคุยกับชาร์ป แต่จนถึงตอนนี้ผ่านมาจะเป็นอาทิตย์แล้ว ไอ้เหมาก็ยังไม่ได้บอกเลยครับ

“เหมา แล้วเรื่องชาร์ปตกลงมึงเอายังไงนิ”แม้จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ผมน่าจะถามตอนอยู่กับไอ้เหมาลำพัง แต่ผมคิดว่าแค่เราคุยกัน โดยไม่ได้ลงรายละเอียดแบบนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องอยู่แล้วก็คงไม่เข้าใจ และ คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“งั้นหนูขอตัวไปดูรายละเอียดงานที่ห้องรอแล้วกันนะพี่”เหมือนน้องปลาจะรู้ว่าผมกับไอ้เหมาจะคุยอะไรที่เป็นส่วนตัว เลยขอแยกตัวออกไปก่อน

“เย็นนี้แหละ เจอกันร้านประจำกูนัดไอ้แว่นไว้แล้ว มึงไปด้วยนะเว้ย”นั่นไงไหนตอนแรกว่าจะไปคนเดียว

“กูน่าจะเลิกช้านะวันนี้ ยังไงกูตามไปทีหลังแล้วกัน”ผมบอกไปตามตรงเพราะวันนี้มีคิวประชุมหลายเรื่องไปหมด อย่างที่เคยบอกว่าหัวหน้าผมมักจะไปรับงาน มาเต็มไปหมด งานอะไรที่เป็นของส่วนรวมไม่มีคนรับก็รับมา นี่คงคิดว่าผมเป็นยอดมนุษย์ ทำได้ทุกอย่าง มาแรกๆ ผมก็เครียดไม่น้อย เพราะแบกรับมาทำคนเดียว แต่ตอนนี้ผมรู้วิธีการจัดการกระจายงานออกไป แม้แผนกผมจะเป็นคนรับมา แต่มันก็ยังสามารถแบ่งออกไปให้คนอื่นช่วยทำได้ ซึ่งบางทีผมก็มัดมือชกนัดประชุม เอาผู้เกี่ยวข้องเข้ามาช่วย หรือบางทีก็บังคับให้แผนกอื่นๆ ส่งตัวแทนมาช่วย คงเพราะงานผมมันต้องติดต่อกับทุกแผนกในบริษัทอยู่แล้ว เลยไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะจัดการได้

หลังจากแยกกับไอ้เหมา ผมก็แทบไม่ได้พักเลย วันนี้ผมต้องประชุมจนแทบจะอ๊วกออกมาอยู่แล้ว แถมตอนนี้แม้ผมจะไม่มีประชุมต่อแล้ว เพราะเวลาล่วงเลยมาจนจะ 2 ทุ่มอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังมองนาฬิกาข้อมืออย่างเหนื่อยหน่าย เพราะยังเหลือภารกิจอีก 1 อย่างที่ผมต้องติดตาม นั่นคือเรื่องที่ทำผมหงุดหงิดเมื่อเช้า ในเรื่องการจัดซื้อ จัดจ้าง ออแกไนซ์ มาจัดกิจกรรมที่บริษัท จริงๆ งานก็เหลือเวลาอีกหลายเดือน แต่ทางผู้บริหารก็ต้องการความคืบหน้าว่าเตรียมงานไปถึงขั้นไหนแล้ว

จริงๆ งานนี้ผมโทรไปติดต่อเซลล์ 3-4 รอบแล้ว เพราะทางแผนกจัดซื้อเองก็ส่งเอกสารมาแจ้งผมตั้ง เกือบเดือนแล้วว่า เปิด PO หรือใบสั่งซื้อให้กับทางเซลล์ของออแกไนซ์ไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่ผมติดต่อไป ทางเซลล์ก็ยังบอกว่าไม่ได้รับเอกสาร ซึ่งทางจัดซื้อเองก็ส่งอีเมล์ให้ผมดูแล้วว่า จริงๆ ทางเซลล์ก็ตอบรับกลับมาแล้วตั้งแต่วันแรกแล้ว ดันมาบอกผมว่าไม่ได้เอกสาร แถมจะให้ผมส่งเอกสารต้นฉบับไปให้อีก ก็อีกนั่นแหละ ผมสามารถให้ทางแผนกจัดซื้อดำเนินการให้ได้ แต่ความหมั่นไส้ ไอ้เซลล์ไม่ใส่ใจนั่นเลยอยากแกล้งกลับบ้าง คอยดูเถอะงานนี้เจอผมป่วนแน่ๆ

“เสร็จแล้วเนี่ย เหลือไปเอาเอกสารที่จัดซื้อแปปเดียว”ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ที่ไอ้เหมาน่าจะโทรมาเป็นสายที่ 20 แล้ว แต่ผมไม่สามารถรับได้จริงๆ อย่างที่บอก ว่าวันนี้ผมยุ่งเหลือเกิน อีกอย่างผมก็บอกมันไปแล้วว่าวันนี้ผมเลิกค่ำ มันจะอะไรกับผมนักหนาเนี่ย

“กูโทรหาตั้งแต่บ่าย ไลน์ก็ไม่ตอบกูเลย มึงรีบมารับความผิดเลย”อย่าบอกนะว่านี่มันบอกเรื่องของชะเอมกับคุณแว่นไปแล้ว แต่ไหนตกลงว่าจะบอกพร้อมกันตอนไปถึงไง

“เออๆ เดี๋ยวกูรีบไปเลย”ผมกดวางสาย พร้อมกับเปิดดูข้อความต่างๆ โดยเลือกแชทไลน์จากไอ้เหมาเป็นคนแรก จากข้อความที่ไอ้เหมาส่งมาทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย เพราะข้อความแรกที่ส่งถึงผม ตั้งแต่ประมาณบ่าย 2 และสิ่งที่ไอ้เหมาบอกคือ

“ไอ้ชาร์ปรู้เรื่องเอมกับผู้ชายคนนั้นแล้วว่ะ เอาไงดี”

หลังจากนั้นก็เป็นการ เร่งเร้าให้ผมติดต่อมันกลับเสียมากกว่า ถึงตรงนี้ทำให้ผมเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าชาร์ปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ผมไม่ได้เป็นคนบอก ไอ้เหมาก็ไม่ใช่ แล้วชาร์ปรู้มาจากใครกัน แต่ที่แน่ๆ จากข้อความอื่นที่ตามมาของไอ้เหมา บอกได้ว่าตอนนี้คุณแว่นยังรู้อีกด้วยว่า ผมกับไอ้เหมารู้เรื่องชะเอมมาพักใหญ่แต่ไม่ได้บอกเค้า

ผมใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฝ่าฝันการจราจรอันคับคั่งมาถึงร้านที่ไอ้เหมากับคุณแว่นอยู่ แถมพอมาถึงผมก็ต้องหงุดหงิดกับการหาที่จอดรถอีกรีบก็รีบ ยังต้องมาเสียเวลาอีก  คงเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งคงเป็นวันสังสรรค์ของใครหลายๆ คน ตอนนี้ผมวนรถจนจะสุดลานจอดอยู่แล้วยังหาที่จอดไม่ได้เลย แล้วบรรดาเด็กโบกรถวันนี้ก็ไม่รู้หายไปไหนกันหมด มาช่วยโบกผมทีเหอะว่าควรไปต่อทางไหน

“เชี่ยเอ้ย”ผมสบถอย่างหัวเสียเพราะกำลังขับชะลอๆ เพื่อมองหาที่จอด และผมก็มองเห็นแล้ว อีกแค่สัก 10 กว่าเมตรผมจะถึง ผมจึงเปิดไฟกระพริบเป็นสัญญานว่าจะจอด แต่แค่ชั่วจังหวะที่ผมเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ เตรียมจะโทรบอกไอ้เหมาว่าถึงแล้วดันมีคนปาดหน้า ผมเข้าไปจอด

ผมหยุดรอดูหน้าคนที่บังอาจแย่งที่จอดผมไปหน้าด้านๆ แบบนี้ สมองผมรีบจดจำทะเบียนรถคันดังกล่าว ฝังลงไปในความจำ เจอที่ไหนจะขับปาดหน้าแม่ง นี่คือในความคิดนะครับ แต่คนดีๆ อย่างผมถึงเวลาผมก็ไม่ทำหรอกครับ เวลาอารมณ์มันปรี๊ด ความคิดมันก็แย่ตามไปทุกทีแบบนี้แหละครับ ผมรอ ไม่นานนักเจ้าของรถก็เดินลงมา และคงเห็นรถผมที่จอดนิ่ง เลยเดินตรงมาที่ผม

“ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะกระจกรถผมทำให้ผมต้องลดกระจกลงนิดนึง เพื่อดูว่าไอ้หมอนี่ต้องการอะไร

“โทษทีนะครับ ที่ตัดหน้า แต่ช่วยไม่ได้ที่คุณช้าเอง”ผมทำได้แค่อ้าปากค้างครับ ไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้ หน้าตาก็กวนสุดๆ แต่ดูนิสัยจะกวนกว่าหลายเท่า นี่โตมายังไงถึงยังมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ปากแบบนี้น่าจะโดนตื๊บทุกวันมั้งเนี่ย  คือถ้ามาขอโทษนี่ผมจะไม่อะไรเลย เพราะผมเองก็ช้าเองด้วยส่วนนึง แต่นี่อะไรของมัน มาเยาะเย้ยผมเสร็จก็ เดินไปเลย ไม่รอฟังคำด่าจากผมเลย นี่มันวันอะไรของผม ผมรีบขับเข้าไปในสุดของลานจอดรถ โชคดีที่ยังมีที่ว่างให้ผมจอดอยู่บ้าง ไม่งั้นคงเส้นเลือดในสมองแตกเพราะความหงุดหงิด

“เป็นไรมาอีกคนละมึง”ไอ้เหมาที่มายืนรอผม เอ่ยทักขึ้น

“ช่างเหอะ สถานการณ์เป็นไงบ้าง ความรุนแรงระดับไหน กูควรรู้อะไรก่อนบ้าง”ผมรีบไล่ความหงุดหงิดจากไอ้คนกวนทีนที่ลานจอดรถออกไป เพื่อเตรียมตั้งรับว่าตอนนี้คุณแว่นจะปล่อยพลังอะไรใส่ผมรึเปล่า นี่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนทำผิดตอนเด็กๆ แล้วโดนจับได้ไม่มีผิดเลยครับ

“มีผู้หวังดี ส่งอีเมลถึงไอ้ชาร์ป พร้อมแนบรูปที่มึงเคยให้กูดูอะแหละครบเซต เลยมึง ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงเป็นคนทำ หรือมึงเป็นคนส่ง”อ้าวไอ้นี่ เมลคุณแว่นผมยังไม่มีเลย จะส่งไปได้ไง ว่าแต่คำบอกเล่าของไอ้เหมาทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย ว่าสรุปคือใครกันแน่ที่เป็นคนส่งรูปพวกนั้นให้คุณแว่นดู

“กูจะเอาเวลาไหนไปส่ง วันนี้เวลาจะรับโทรศัพท์มึงกูยังไม่มีเลย”ถ้าผมไม่ได้เป็นคนส่ง เหมาไม่ได้ส่ง แล้วใครกันเป็นคนส่ง

“จะใครส่งก็ช่างก่อน เอาเป็นว่าตอนนี้มึงกับกู ต้องไปรับโทษมันที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่บอกมัน”นั่นสินะ ดูๆ ไปแล้ว ผมเองก็เหมือนเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิดกับชะเอมเลยแหละ ถึงตั้งใจจะบอกความจริงกับชาร์ป แต่ท้ายที่สุด เค้าก็รู้จากคนอื่นอยู่ดี

“ตกลงระดับความเดือดของอารมณ์ ชาร์ปนี่อยู่ระดับไหนแล้วว่ะ”ผมถามออกไปอย่างหวาดๆ ส่วนไอ้เหมาไม่ได้ตอบผม แต่ยกนิ้วขึ้นมาทำท่าปาดคอ ก่อนจะเดินนำผม เข้าร้านไป

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ

เนื้อเรื่องอาจจะยังเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า

 :bye2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
คนที่ขับปาดหน้าใช่คุณเซลล์ออกาไนซ์รึเปล่าาาาา

ยังไม่เบื่อค่ะเรื่องน่าติดตาม ๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ความจริงเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ อย่างนี้มันพูดยากนะ แต่ตามความคิดเราตี้ควรจะบอกชาร์ปตั้งแต่ตอนแรก ๆ แล้ว
เพราะ
1. ชะเอมจงใจเอาตี้มาเป็นกันชนชัด ๆ ทีนี้พอเกิดเรื่องอะไรตี้ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ (ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องของคนสองคน) แต่ในใจตี้ต้องรู้สึกผิดหรืออะไรบ้างล่ะ นี่เป็นจุดสำคัญนะ ที่เราคิดว่าตี้ไม่น่าตกปากรับคำให้ชะเอมไปเที่ยวด้วยเลย (แต่ตอนนั้นตี้ยังไม่รู้นิสัยนางนี่นะ)
2. การที่ชะเอมอ้างว่าไปเที่ยวกับตี้ ชาร์ปก็อาจจะไว้ใจในระดับหนึ่งว่ามีคนที่รู้จักไปด้วย พอเกิดเรื่องแบบนี้แล้วตี้ไม่ยอมบอกก็เหมือนหักหลังกันอยู่หน่อย ๆ ถ้าเราเป็นชาร์ปเราจะเสียความรู้สึกเอามาก ๆ เลย
ถ้าเราเป็นตี้ (ซึ่งเราไม่ใช่ตี้ ฉะนั้นก็ไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของตี้ขณะนั้นอย่างถ่องแท้ เลยจะขอแสดงความเห็นแบบคนวงนอกสุด ๆ) เราจะบอกชาร์ปว่า มีผู้ชายคนหนึ่งมาสนใจเอมนะ แล้วเราก็จะบอกเอมด้วยว่ารู้สึกไม่ดีที่เอมเอาเรามาบังหน้าเวลาไปเจอผู้ชายคนอื่น (ที่เอมดูจะเอนเอียงไปหา) แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าเราเป็นตี้จริง ๆ เราก็ไม่ไปกับเอมแต่แรกแน่ หรืออาจจะห่างออกมาหลังจากพบว่าเอมสนใจผู้ชายคนอื่น เพราะดูท่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาของผัวเมียจะไม่ให้อะไรนอกจากเสียกับเสีย
วิจารณ์เสียยาว พอดีอารมณ์มันให้ ฮา
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียน

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 6
ขอโทษ


“มานั่งฝั่งนี้สิ”น้ำเสียงเรียบๆ จากคุณแว่นเอ่ยกับผม ที่กำลังจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเค้า ตามไอ้เหมาที่นั่งไปแล้ว ท่าทีของเค้าตอนนี้ดูนิ่ง นิ่งจนยากจะคาดเดาว่าในใจตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกยังไง ผมหันหน้ามองไอ้เหมา เหมือนเป็นการขอความเห็นว่าการนั่งฝั่งเดียวกับคุณแว่น ผมจะยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ ซึ่งไอ้เหมาก็ทำเพียงพยักหน้าอย่างสบายๆ ให้ผมนั่งลงข้างๆ ชาร์ป

“ตี้ยังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่ไหม”เจ้าของเสียงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามเดิม โดยไม่ได้หันมามองหน้าผม กลิ่นบุหรี่ที่เค้าพ่นออกมา แม้จะปล่อยออกไปทางอื่น แต่ด้วยทิศทางลม ทำให้กลิ่นนั้นย้อนกลับมาหาผม แม้จะได้มีปัญหากับบุหรี่ แต่ผมก็เผลอบีบจมูกตัวเองขยี้เล็กน้อยให้ ชินกับกลิ่นของบุหรี่

“เราขอโทษ”ผมเอ่ยในสิ่งที่คิดว่าควรพูดออกไปมากที่สุดในตอนนี้

“เราถามว่ายังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่ไหม!!!”น้ำเสียงกระแทกจนผมต้องถอยห่างออกด้วยความตกใจ แม้จะไม่ใช่เสียงตะโกนที่รุนแรงนัก แต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามันแฝงไปด้วยความไม่พอใจ

“เฮ้...ใจเย็นสิวะ ไหนว่าอารมณ์เย็นลงแล้วไง”ได้ยินสิ่งที่ไอ้เหมาพูดออกมาแบบนี้ ผมว่าตอนไอ้เหมาบอกครั้งแรกว่าผมและไอ้เหมารู้เรื่องอยู่ก่อนแล้ว เนี่ย ไอ้เหมาอาจจะไม่ได้แค่โดนขึ้นเสียงใส่แบบผมอย่างแน่นอน

“กูไม่ได้โกรธนะ แค่เสียความรู้สึก เหมือนโดนเพื่อนหักหลัง”จุกครับ ยิ่งเค้าพูดแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองดูแย่ จริงอยู่ที่ผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนดีอะไรมากมาย แต่เรื่องคราวนี้ตัวผมก็ดูแย่จริงๆ

“เราขอโทษจริงๆ นะชาร์ป เราจะไม่ขอให้ชาร์ปยกโทษให้ อยากจะโกรธ จะเกลียดเรา ได้หมดเลย ถ้ามันจะช่วยให้ชาร์ปรู้สึกดีขึ้น หรือถ้ามีอะไรที่เราสามารถทำให้ได้แล้วชาร์ป จะรู้สึกดีขึ้น บอกเรามาเลยนะ เรายินดีทำให้”ผมบอกออกไปตามความรู้สึก ถ้าเพียงแต่ผมไม่ปล่อยให้เรื่ิองราวมันบานปลายมาถึงขนาดนี้ ก็คงจะดี

“แน่ใจเหรอว่าจะทำให้เราได้ทุกอย่าง”ชาร์ปหันมามองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้ไม่รู้ว่าเค้าจะให้ผมทำอะไร แต่ผมก็ตัดสินใจว่าจะทำหากเค้าจะรู้สึกดีขึ้น

“อือ”ผมรับคำพร้อมด้วยสายตาจริงจังจ้องมองไปในตาของอีกฝ่าย

“งั้นมาเป็นแฟนเราแทนเอมให้หน่อยได้ไหมล่ะ”

“ห๊ะ”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ช็อคกับประโยคนั้นเพราะว่า...

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เสียงหัวเราะของอีกสองคนดังขึ้นแข่งกัน พร้อมชี้มาที่หน้าเหวอๆ ของผมอย่างสนุกสนาน

“กูบอกมึงแล้วว่าแกล้งตี้เนี่ยสนุกที่สุดแล้ว”นี่คือน้ำเสียงของคนที่ตีหน้าเศร้าเมื่อสักครู่เหรอเนี่ย ตกลงว่านี่เค้าเสียใจจนเพี้ยนหรือว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แล้วดูสองเพื่อนซี้นี่จะยังคงสนุกกับการได้เห็นอาการไม่รู้เรื่องรู้ราวของผมเสียเหลือเกิน

“ตกลงคือ ยังไงเนี่ย งงไปหมดแล้ว”ผมถามพร้อมมองหน้าไอ้เหมากับชาร์ป สลับกันไปมา

สรุปว่าตอนชาร์ปรู้เรื่องนี้ ชาร์ปโทรหาไอ้เหมาเป็นคนแรก และไอ้เหมาเป็นคนไปรับชะเอมจากที่ทำงานเพื่อเผชิญหน้ากับชาร์ปที่บ้าน เมื่อจำนนต่อหลักฐาน ชะเอมก็ยังใช้น้ำตาเพื่ออ้อนวอนขอโอกาสในการปรับปรุงตัว แต่สิ่งที่ชาร์ปให้ชะเอมคือเวลาจนกว่าชาร์ปจะกลับเข้าบ้านในวันนี้ ข้าวของทุกอย่างของชะเอม และตัวของชะเอมเองจะต้องไม่อยู่ให้ชาร์ปเห็นอีกต่อไป

“ตอนเห็นรูปครั้งแรก มันเหมือนหน้าชา ตัวชาไปหมด เหมือนโลกทั้งโลกมันพังทลายลงมาจนหมด อนาคตที่เคยคิดว่าจะมี มันดับวูบไปจนไม่เหลือเลย”ชาร์ปพูดเสริมจากสิ่งที่ไอ้เหมาเล่า ว่าทำไมเค้าถึงได้ตัดสินใจไล่ชะเอมออกจากบ้าน นั่นเพราะเอมได้ทำลายความฝันทุกอย่างของเค้าไปหมดแล้ว ผมทำเพียงนั่งฟังนิ่งๆ พร้อมกับรอฟังว่าเรื่องนี้มันจะไปถึงจุดที่สองคนนร้อำผมได้ยังกัน

หลังจากเคลียร์เรื่องชะเอมจบสิ่งต่อมาที่ไอ้เหมาพยายามทำคือ ติดต่อผมเพื่อมาสารภาพกับชาร์ปว่ารู้เรื่องชะเอมมานานแล้ว และไม่ยอมบอกชาร์ป แต่เมื่อไม่สามารถติดต่อผมได้ ไอ้เหมาจึงเป็นคนที่สารภาพก่อนและก็เกือบจะโดนชาร์ปต่อยไปแล้วด้วย แถมโยนส่งมาที่ผมอีกว่าผมคือคนที่รู้รายละเอียดมากที่สุด เลยเป็นผมที่ต้องเล่ารายละเอียดในสิ่งที่ผมรับรู้เรื่องของชะเอม

“พอได้ยินแบบนี้แล้ว ความสงสารในตอนแรกที่เรายังพอมีเหลือ มันคงไม่มีอีกแล้ว”จากตอนแรกชาร์ปเองก็รู้สึกว่าทำรุนแรงไปที่ไล่ชะเอมออกจากบ้านกะทันหันแบบนี้ เพราะเอาจริงๆ ชาร์ปเองก็ยังหลงเหลือความรู้สึกดีๆ ให้กับชะเอมอยู่นั่นแหละครับ แต่พอรับรู้ในสิ่งที่ผมเล่าให้ฟัง ดูจะกลายเป็นว่าจะมีความโกรธแค้นเข้ามาแทนที่

ส่วนเรื่องความผิดของผมกับไอ้เหมา เรื่องที่ปิดบังชาร์ปนั้น ความโมโห ไม่พอใจทุกอย่าง ชาร์ปได้ลงไปที่ไอ้เหมาจนสบายใจแล้ว และนั่นเป็นที่มาของการแกล้งอำผม เพื่อให้ผมสำนึกผิดด้วย เพราะในส่วนของผมไอ้เหมาเองก็เหมือนจะได้แก้ตัวไปให้ในทุกกรณีแล้ว อีกอย่างความผิดหวังในตัวของชะเอม มันมากเสียจนกลบความผิดหวังในเพื่อนแย่ๆ อย่างพวกผมไปแล้ว ชาร์ปให้เหตุผลว่าเพื่อนแย่ๆ อย่างพวกผมที่พยายามจะบอกความจริงแต่ก็ไม่ได้บอกเนี่ย อย่างน้อยก็ยังเก็บไว้เป็นที่ระบายหรือที่ปรับทุกข์ได้

“ตกลงตี้จะมาดามใจคนถูกทิ้งอย่างเราป่ะเนี่ย”แม้จะเป็นคำพูดทีเล่นทีจริง พูดเล่นขำๆ แต่ผมว่าผมยังจับสังเกตแววตาของเค้าได้ว่าคงยังเสียใจอยู่ไม่น้อย แม้จะพยามทำให้ดูว่าไม่เป็นไร แต่คนคบกันมานานขนาดนี้ มันก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดาแหละครับ ยิ่งชาร์ปดูวางแผนอนาคตไว้หมดแล้ว พอมันพังไปหมดแบบนี้้ ก็คงเสียศูนย์ไม่น้อย

“อ้าวไอ้ตี้ ถ้ามึงจะมองมันซึ้งขนาดนี้ ตอบตกลงเป็นแฟนมันเลยไหมล่ะ”นั่นไง ไอ้นี่ก็ กูอุส่าห์ไม่คิดอะไรแล้วนะ ไอ้นี่ก็เล่นก็จัง พอกันทั้งคู่ครับเพื่อนคู่นี้ รู้แหละครับว่าอยากพยายามให้ไม่เครียดกันมาก แต่แหย่ผมบ่อยๆ นี่เกิดผมหวั่นไหวขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ

“ไปไหนอ่ะ”ทันทีที่ผมลุกขึ้น ข้อมือผมถูกฉุดไว้หลวมๆ จากคนข้างๆ จนผมต้องหันกลับไปมอง เห็นแล้วชักหมั่นไส้ขึ้นมาแล้วสิครับ ตอนแรกก็สงสารอยู่แหละที่ถูกทิ้งเนี่ย แต่ตอนนี้น่าหมั่นไส้มากกว่า แต่อย่างว่า ก่อนผมจะมาถึงสองคนนี้คงดื่มไปเยอะแล้วแหละครับ

“ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำคร๊าบบบบ”ผมจงใจลากเสียงด้วยความหมั่นไส้

“อย่าไปนานนะ เราคิดถึง”จร้าพ่อคุณ อยากเล่นอะไรอีก จัดมาให้หมด วันนี้ยกให้คนถูกทิ้งวันนึงละกัน

“สาธุ ขอให้ผีผลัก ขอให้มึงสองคนได้กันจริงๆ”ไอ้เหมายกมือขึ้นไหว้เหมือนขอพร ก่อนจะเป่าพ่นลมมาที่ผมและคุณแว่น ซึ่งคุณแว่นก็ดูหัวเราะชอบใจใหญ่เชียวครับ ผมส่ายหน้าหน่ายๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกมาเพื่อตรงไปยังห้องน้ำ

วันนี้ดูร้านนี้ค่อนข้างจะคึกคัก คงเพราะนี่เป็นคืนวันศุกร์ ใครๆ ก็คงต่างมาสังสรรค์ แต่วันนี้ก็ดูจะคนเยอะเป็นพิเศษจริงๆ เพราะขนาดห้องน้ำชาย ปกติผมแทบไม่เคยได้รอคิวในการใช้โถฉี่ เพราะผู้ชายก็ทำธุระแบบนี้ได้เร็วและง่ายกว่าผู้หญิงเยอะ แต่ผมเองก็ยังไม่ได้ปวดมากขนาดนั้น เลยไม่ได้รีบร้อนอะไร รอเพียงไม่นานนัก โถฉี่ก็ว่าง ผมเดินไปโถฉี่ในสุด ที่ว่างอยู่ ผมก็ทำธุระของผมปกติ จนรู้สึกได้ว่า เหมือนมีคนมองผมอยู่

ผมหันมองด้านข้างตามความรู้สึกที่สัมผัสได้ว่ามีคนแอบมอง แล้วผมก็ต้องรีบเบี่ยงตัวบังปาร์ตี้น้อยของผมเพราะไอ้คนที่ยืนฉี่ข้างๆ ผม คือไอ้คนไม่มีมารยาท ตัดหน้าแย่งที่จอดรถผม แถมตอนนี้ยังมาทำชำเลืองมองตี้น้อยผมอีก นี่เค้าสะกดคำว่ามารยาทไม่เป็นเลยรึไง

“วันนี้น้องสาวไม่มาด้วยเหรอครับ”ผมหันมองว่าตานี่คุยกับใคร แต่ตอนนี้เหมือนคนในห้องน้ำออกไปกันเกือบหมดแล้ว แล้วก็มีแค่ผมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับไอ้คนไม่มีมารยาทนี่ ผมรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วเดินมาล้างมือหน้ากระจก โดยไม่ได้ตอบคำถามใดๆ

“อ้าวคนเรา พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย แบบนี้มันเสียมารยาทนะครับคุณ”กล้าพูด กล้าพูดมากๆ ว่าคนอื่นเสียมารยาท ทีตัวเองปาดหน้าแย่งที่จอด แถมยังมีการตามมาเยาะเย้ยด้วยนี่ มีมารยาทมากเลยครับ ผมหันไปมองหน้า พร้อมกับชี้ที่ตัวเอง เพื่อเป็นการถามว่า นี่คุยกับผมเหรอ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าไอ้คนไม่มีมารยาทนี่คุยกับผม แต่แค่ไม่อยากเสวนาด้วยเท่านั้นแหละครับ

“เรารู้จักกัน เหรอครับ ผมว่าคุณน่าจะทักคนผิดแล้วล่ะ เพราะผมเองไม่เคยมีน้องสาว”ผมหันไปตอบก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่าย เพื่อหากระดาษเช็ดมือ และเตรียมเดินให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ เพราะรู้สึกไม่อยากทำความรู้จักไปมากกว่านี้

“ก็น้องชะเอมไง เห็นมาด้วยกันบ่อยๆ เค้าบอกว่าคุณเป็นพี่ชายเค้านิ”แล้วตานี่ไปรู้จักกับชะเอมตั้งแต่เมื่อไหร่ละเนี่ย แต่ช่างเหอะเพราะมันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผมสักเท่าไหร่

“เอมรู้จักกับคุณ ไม่ได้แปลว่าผมรู้จักคุณ งั้นขอตัวนะครับ ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้า”ผมตัดบทสนทนาเพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับหมอนี่สักเท่าไหร่ ยิ่งคุยเหมือนจะยิ่งหงุดหงิด

“งั้นไว้เจอกันคราวหน้าค่อยทำความรู้จักนะครับ วันนี้ดูคุณจะยังไม่พร้อมรู้จักผม เชิญครับ”หมอนี่พกความกวนตีนมาจากไหนมากมายครับเนี่ย แค่ท่าผายมือเชิญผมเดินออกจากห้องน้ำนี่ก็ยังมีความกวนตีนระดับ 12 แล้วอย่าคิดว่าเจอกันครั้งหน้าผมจะอย่กทำความรู้จักด้วยเลย แต่จริงๆ ต้องบอกว่าอย่าได้เจอกันอีกเลยน่าจะดีกว่าแหละครับ

“ไมช้านักว่ะมึง นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว”ไอ้เพื่อนนี่ก็จะเล่นอะไรดูหน้ากูก่อนไหม ดูอารมณ์กูนิดนึงเด้ หงุดหงิดโว้ย ทันทีที่นั่งลงผมยกแก้วเบียร์ ที่วางอยู่กระดกรวดเดียวหมดแก้ว เพื่อหวังให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่เจอจางลงไปบ้าง แล้วน้องเด็กเสิร์ฟก็ช่างรู้หน้าที่ หมดปุ๊บ เติมปั๊บ และผมก็ยกรวดเดียวอีกครั้ง

“อ้าวๆ ใจเย็น ตกลงใครอกหักกันแน่วะเนี่ย อย่าเมานะเว้ยไอ้ตี้เดียวไม่มีคนขับรถ กูก็จะกลับแล้วเนี่ย”อ้าว จะกลับแล้วหมายความว่ายังไง นี่เพิ่งจะหัวค่ำอยู่เลย และสีหน้าผมคงทำงานได้ดี โดยที่ยังไม่ต้องถาม คำอธิบายจากปากไอ้เหมาก็สาธยายจัดแจงบอกผมเสร็จสรรพ

ไอ้เหมาต้องรีบไปรับแพท และคงไม่ได้ย้อนกลับมาที่นี่อีก แล้วมันดันจอดรถไว้ที่บ้านชาร์ป แล้วมาร้านนี้พร้อมกับชาร์ป ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ชาร์ปยังไม่อยากเข้าบ้าน ผมเลยต้องเปลี่ยนรถกับไอ้เหมา แล้วตอนกลับก็ให้ผมไปกับชาร์ปแล้วค่อยเอารถมาเปลี่ยนกับไอ้เหมาอีกที

“ฝากด้วยนะมึง อยู่เป็นเพื่อนมันหน่อย แต่ถ้ามีอะไรก็โทรหากูได้ตลอด แล้วมึงอย่าคิดมาก คิดเสียว่าดีแล้วที่เราจะได้เปิดรับ คนใหม่ๆ ที่ดีกว่าเข้ามาในชีวิต”ไอ้เหมาพูดจบก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นว่าแพทรอมาพักใหญ่แล้ว จริงๆ ผมก็ไม่ติดอะไรนะครับที่จะนั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณแว่นเนี่ย แต่อย่าเมาแล้วมาโหมดดราม่าแล้วกัน ผมคงไม่ไหวแน่ๆ ไม่ถนัดจริงๆ เรื่องปลอบคนเมาดราม่าเนี่ย

“ขอบใจนะตี้ที่ไม่ทิ้งเราไปอีกคน”


ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

ตอนนี้ตัวละครหลักๆ น่าจะปล่อยออกมาครบแล้ว

แม้บางตัวจะยังมาไม่ชัดเจนก็เหอะ 555+++

ยังไงก็ติชมได้ครับ


ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
นี่สินะที่มาของฉากดเปิดตัว
พี่ชาร์ปอย่าเมินน้องตี้เลยน้าาาา

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ถ้าหากว่าคนที่ขับรถปาดหน้ารถตี้รู้จักชะเอมด้วยก็คงเป็นคนในแวดวงคนรู้จักของอาร์ท
เราคิดว่าอาร์ทอาจจะไม่จริงจังกับชะเอมเหมือนที่นางคิด  ท่าทางคนที่มาทักตี้ก็ยียวนกวนตีนประมาณแบดบอยเสียเหลือเกิน

เหมือนที่บอกไว้ชาร์ปเล่นกับตี้เหมือนแฝงนัยยะตลอดเลย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
 
บทที 7
ดื่มจนลืมตัว


“จอดรถ จอดรถ”ผมงงกับผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ที่อยู่ๆ ก็สั่งให้ผมบอกหยุดรถกะทันหัน แต่ผมยังไม่ทันได้ถามอะไรก็ได้คำตอบเมื่อเจ้าตัวเปิดประตูรถ วิ่งลงไปอาเจียนข้างถนน เห็นแล้วก็อดนึกถึงตัวเองไม่ได้ว่า เวลาเราเองเมามากๆ จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ผมหยิบขวดน้ำดื่มพร้อมกับเดินตามไปหาคนเมา

“เอ้า ล้างปากหน่อย”ผมยื่นขวดน้ำให้พร้อมกับยืนเป็นที่ยึดเกาะเพราะตอนนี้ชาร์ปแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

“มึนหัวมากเลย นี่เราถึงไหนกันแล้ว”เป็นคำถามที่เหมือนจะไม่ได้ต้องการคำตอบ ผมเลยตอบผ่านๆ ว่าใกล้ถึงแล้ว ทั้งที่จริงๆ เพิ่งออกมาจากร้านได้นิดเดียว พอช่วยพยุงชาร์ปขึ้นรถพร้อมกับหาถุงพลาสติกภายในรถให้เค้าถือไว้หนึ่งถุง เพื่อใช้เป็นที่รองรับสิ่งที่อาจจะออกมาจากระเพาะของเค้าอีก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาจอดรถบ่อยๆ และก็จริงๆ ที่ระหว่างทางชาร์ปอ๊วกใส่ถุงอีกหลายรอบ

“กุญแจบ้านอยู่ไหน”ผมสะกิดถามคนเมาที่ในมือถือถุงใส่อ๊วกตัวเองแล้วกำไว้เสียแน่น แถมหลับตาพริ้มแลดูมีความสุข สงสัยกำลังฝันดี แต่ผมคงปล่อยให้เค้าฝันต่อไม่ได้เพราะผมเองก็เริ่มจะมีอาการไม่ดีสักเท่าไหร่แล้ว

ด้วยความทุลักทุเล คนเมาน้อยและเมามากก็เข้าบ้านได้สำเร็จ แต่ผมก็ต้องมาคอยลูบหลังให้คนเมามากในห้องน้ำอีก สงสัยนี่กะจะเอาออกมาให้หมดเลยหรือไง เก็บไว้บ้างก็ได้ เสียดายนะเนี่ย

“ไหวป่ะเนี่ย”ผมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงจริงๆ เพราะในใจก็ยังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เพื่อนต้องเสียใจจนต้องมาดื่มเหล้าเมามายขนาดนี้ แม้ต่อหน้าผมกับไอ้เหมา ชาร์ปจะทำเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ผมว่าคนเราคบกันมาลึกๆแล้ว ยังไงมันก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดาแหละ

และไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวชาร์ปก็โผเข้ามาหาผมซบหน้าลงที่ไหล่ร้องไห้ออกมา จนผมตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แม้จะคิดว่าเค้าคงเสียใจไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะมาร้องไห้ต่อหน้าผมแบบนี้ ไอ้ผมก็ปลอบคนไม่เป็นเสียด้วยสิ

“เราไม่ดีตรงไหน ทำไมเค้าทำกับเราแบบนี้ เราทำทุกอย่างเพื่อเค้า แต่ทำไม ทำไมเค้าทำเหมือนความรักเราไม่มีค่าเลย”อีกหลายคำพูดพรั่งพรูออกจากปากของชาร์ป พร้อมกับหยดน้ำตาของลูกผู้ชาย ผมทำได้แค่เงียบ เพราะคิดว่าคำปลอบไหนมันก็ไม่ได้ทำให้เค้าดีขึ้นหรอก อีกอย่างผมว่าเค้าแค่อยากระบายเท่านั้นแหละ จริงๆ ถ้าคนที่มาส่งเค้าเป็นไอ้เหมาอาจจะช่วยปลอบเค้าได้ดีกว่าผม แต่ผมทำได้เพียงปล่อยให้เค้าร้องจนเค้าหยุดไปเอง

“ขอบใจนะ...เรานี่น่าอายจังเลย”ชาร์ปพูดพร้อมกับเอามือปาดคราบน้ำตา ผมทำเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ตัวเค้าเองก็คงรู้สึกเสียฟอร์มไม่น้อยที่ตอนแรกทำเป็นว่าทำใจได้แต่สุดท้ายดันมาร้องไห้ให้ผมเห็นซะงั้น

เค้าขอตัวไปล้างหน้าล้างตา ส่วนผมก็บอกไปว่าวันนี้คงต้องขอค้างที่นี่เพราะไม่มีกุญแจเข้าบ้าน เนื่องจากไอ้เหมาเอารถผมไปและกุญแจบ้านผมก็อยู่ในรถ  ชาร์ปก็โอเค บอกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จนผ่านไปสักพักชาร์ปกลับมาในอาการที่เหมือนจะเริ่มสร่างเมา พร้อมกับขวดแก้วใสที่มีน้ำภายในอยู่เต็มขวด ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“มาดื่มกันต่อเถอะ”

“ไหวเหรอ”ผมถามอีกคนที่เพิ่งจะคอพับค่ออ่อนไปเมื่อสักครู่ แต่ดันถือขวด Vodka มาอีกแบบนี้

“ไหวสิ ขอเต็มที่สักวัน พรุ่งนี้เราจะเป็นคนใหม่”แม้ตัวผมเองจะรู้สึกว่านี่มันก็ดึกมาก และเราก็ดื่มกันมาเยอะ แถมเพลียมากๆ แล้วก็เหอะ แต่คิดว่าผมไม่ควรขัดเค้าในตอนนี้ เพราะเค้าคงกำลังเสียใจอย่างหนัก ผมอาจจะรู้จักชาร์ปได้ไม่นานนัก แต่ก็พอรู้ว่าชาร์ปเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ คนนึง

เค้าเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน ซื้อบ้านซื้อรถ สร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อที่จะได้เป็นหัวหน้าครอบครับ เก็บเงินเพื่อจะแต่งงานกับเอม เค้าเก็บเงินเองทุกอย่างเอง โดยที่มีการวางแผนจะแต่งงานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่สิ่งที่ชาร์ปทุ่มเททำ ก็อย่างที่บอกว่ามันกลับกลายเป็นว่าชเอม มองชาร์ปเป็นคนไม่ใส่ใจดูแลมัวแต่ทุ่มเทเวลาให้งาน อีกอย่างก็เพราะมีอาร์ทเข้ามาเป็นตัวเปรียบเทียบให้เอมเพิ่มนั่นแหละครับ

“อย่าเสียใจไปเลยน่า คนดีๆ อย่างชาร์ปสักวันต้องได้เจอคนดีๆเหมือนกันบ้างแหละ”ผมพยายามปลอบออกไปอย่างจริงใจ แถมด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ ที่ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังมานานขนาดนี้

แล้ว Vodka ที่เค้าถือมาก็ถูกผมและเค้าผลัดกันดื่ม shot แล้ว shot เล่า เสียงเพลงเบาๆ ถูกเปิดคลอๆ ไปเรื่อยๆ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอออล์ทำให้เราเริ่มพูดคุยในเรื่องที่หลากหลายและเริ่มมีเรื่องใต้สะดือเข้ามาเกี่ยวข้อง

“แล้วเวลาผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกัน เค้าทำกันยังไง”ผมชะงักไปกับคำถามนี้ของเค้า เพราะแม้เค้าจะทราบดีว่าผมเป็นเกย์ แต่กับคำถามนี้ก็ออกจะแปลกๆ ออกสักหน่อยที่เค้าจะมาถามผม เพราะเวลาปกติ เราก็ไม่ได้คุยเรื่องทำนองนี้กันสักเท่าไหร่ เรียกว่าไม่เคยคุยเรื่องนี้กันเลยน่าจะถูกกว่า

“จะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย หรืออกหักจากผู้หญิงแล้วจะลองเปลี่ยนรสนิยม มาคบผู้ชายด้วยกัน”ผมเอ่ยถามออกไปอย่างติดตลก

“ก็น่าลองเหมือนกันนะ ตี้มาเป็นคู่ซ้อมให้เราหน่อยดิ”ผมไม่รู้ว่าคำพูดแบบนี้ และสายตาที่ท้าทายบวกกับแววที่บ่งบอกว่าเชิญชวนนี้ เป็นแค่การอำผมเล่น หรือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ที่ทำให้เค้าพูดแบบนี้ออกมา

“กล้าหรือเปล่าเหอะ อย่ามาทำเป็นพูดดี”คำท้าทายของผมถูกกล่าวออกไป เพราะค่อนข้างมั่นใจว่า เค้าแค่อำผมเล่นแน่นอน แต่ผมคงประเมินประสิทธิภาพของแอลกอฮอล์ต่ำเกินไป

ผมรับรู้ได้ถึงลิ้นอุ่นที่แทรกเข้ามาในปาก ก่อนสติสัมปชัญะของผมจะทันได้ทำงาน เพราะเหมือนร่างกายมันตอบสนองไปเองโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกผิดชอบ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อน มันเหมือนไม่เหลือแล้ว










ผมลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากรู้สึกมึนๆ หัวเล็กน้อย แต่แสงแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามาแยงตา ทำให้ผมต้องหรี่ตาพยายามปรับสายตาให้คุ้นเคย ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ผมต้องเจอกับอาการเมาค้างอีกเป็นแน่ แท้เมื่อคืนคงดื่มหนักเกินไปอีกแล้ว และพอสายตาผมเริ่มคุ้นเคยกับแสง มันทำให้ผมต้องประหลาดใจเล็กน้อย ว่านี่มันไม่ใช่ห้องผม แต่ผมก็พอจะคุ้นๆ กับสภาพห้องว่าต้องเป็นที่ที่ผมรู้จัก ผมพยายามจะขยับตัวแต่กลับกลายเป็นยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ว่า มีคนสวมกอดผมไว้จากด้านหลัง

“อืม”มีเสียงบิดขี้เกียจเบาๆ จากเจ้าของอ้อมกอด และดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่ตื่นเต็มตา สมองผมเริ่มประมวลข้อมูล แล้วก็ใจหายแว๊บ ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย ผมดีดตัวออกจากอ้อมกอดพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวไล่อาการมึนๆ ออกไปพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายที่เพิ่งรู้สึกตัว เราสองคนประสานสายตา แล้วแทบจะอ้าปากค้างพร้อมๆ กัน สภาพผมและอีกคน ไม่น่าจะต่างกันมาก คือเราต่างไม่ได้มีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายสักชิ้น ผมรีบดึงผ้าห่มคลุมท่อนล่างตามสัญชาตญาน

แต่การดึงผ้าห่มของผมกลับยิ่งเป็นการย้ำในสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น นั่นคือ ถุงยางอนามัย ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างแน่นอน กระเด็นออกจากผ้าห่มและร่วงสู่พื้นห้อง สายตาอีกฝ่ายแสดงอาการตกใจ ไม่ได้ต่างจากผม

ผมแทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆสักที  ทำไมผมปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วนี่ผมจะทำไงดีละทีนี้ ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้าสบตาตรงๆ กับคนข้างๆ นี้ ทั้งผมและอีกคนต่างฝ่ายต่างเงียบไปหลายนาที แล้วก็มีเสียงออกมาจากปากของอีกฝ่าย

“เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น”

คำถามที่ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ถ้าถามว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันเกิดอะไร จากสภาพเราสองคน ผมว่ามันแทบไม่ต้องถามก็เดาออก นอกเสียจากว่าไม่อยากจะรอบรับมัน เพราะยิ่งคิดภาพต่างๆ มันก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าผมทำอะไรกันไปบ้าง ผมไม่รู้จะโทษอะไรดีที่ทำให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น โทษความเมาที่ทำให้เราขาดสติ โทษตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล โทษความเหงาของผมที่ไม่มีใครมานาน

“เรากลับก่อนดีกว่าแล้วกันเนอะ”ผมเอ่ยออกไปเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ เขากำลังโกรธผม เกลียดผมไปแล้ว หรืออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ แต่อย่างน้อยๆ เค้าก็ไม่ได้ลุกมาต่อยผม ก็แสดงว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด ถ้าทั้งผมและเค้าแกล้งทำลืมๆ เรื่องนี้ไปซะ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว

“คิดเสียว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน เราสองคนไม่พูดเรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้”ผมย้ำในสิ่งที่คิดว่าเค้าอาจจะกำลังกังวลอยู่ แม้ผมจะเป็นฝ่ายถูกกระทำแต่สำหรับผมที่เป็นเกย์อยู่แล้ว มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร คิดเสียว่ามันคือ one night stand ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ก็เท่านั้น

“อย่าคิดมากเลย”เมื่อเห็นอีกคนยังเงียบอยู่ ทำให้ผมต้องหาอะไรพูดอีก ก็ไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้เค้ารู้สึกดีขึ้นรึเปล่า เอาจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ตัวผมเองรับบทเป็นผู้ถูกกระทำตลอด แต่ตอนนี้บทบาทนั้นก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลายเป็นผมต้องมาพูดปลอบใจ คนที่เป็นผู้กระทำนี่สิครับ

แต่ก็นั่นแหละครับ ผมเป็นเกย์มีอะไรกับผู้ชายมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อีกคนที่ไม่ใช่เกย์ แถมเพิ่งจับได้ว่าแฟนสาวสวมเขาให้ เรื่องนี้มันจะกลายเป็นว่าผมเข้ามาในจังหวะที่เค้าเสียศูนย์จนต้องมาเจอเรื่องนี้หรือเปล่า

“คงไม่ไปส่งนะ”หลังจากเงียบอยู่นานเค้าก็เปิดปากพูด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ในตอนนี้ของเค้านั้นอยู่ในโหมดไหนกันแน่ ตอนนี้ผมว่าทั้งเค้าและผมคงต้องให้เวลากับตัวเองในการปรับความความรู้สึก ให้มันกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือเดิม และลืมเรื่องนี้ไปซะ


แวะมาต่อครับ

แต่ตอนนี้ก็แค่ขยายจาก intro นิดหน่อย

 :z3:
ยังไงกะขอบคุณที่ติดตามนะครับ


ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ makemehappy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
กำลังลุ้นเลยว่าจะยังไง โดนตัดจบ ฮื่ออออ
ชาร์ปคงได้เริ่มต้นใหม่จริงละเนอะ
ถึงจะข้ามขั้นไปแล้วก็วกมาจีบตี้ใหม่แล้วกัน ฮ่าๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
 :serius2: น่าสงสารตี้

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 8
ค้างคาในใจ

“สรุปก็อย่างที่อธิบายไปนะครับ คือทางเจ้านายผมเค้าอยากให้ทางคุณส่งคนเข้ามานำเสนองานอีกรอบ จะสะดวกไหมครับ แต่ถ้าไม่สะดวกผมจะได้หาบริษัทใหม่”จริงๆ วันนี้ไม่อยากต่อปากต่อคำกับไอ้เซลล์นี่เท่าไหร่นะครับ เพราะสมองผมยังคิดบางอย่างอยู่ไม่พร้อมสู้รบปรบมือกับตานี่มาก แต่ก็ขอนิดนึงละกันครับ จริงๆ ทางนายผมก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพราะจริงๆ ทางออแกไนซ์ก็เคยมาพรีเซนต์แล้วรอบนึง เพียงแต่คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ดันลาออกไปแล้ว และผมที่มารับงานนี้ต่อ มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจดำเนินการทุกอย่างได้ เพียงแต่ต้องแจ้งให้ทางนายรับทราบ เผื่อมีอะไรไม่ถูกใจนาย

แต่สิ่งที่เจ้านายของพวกผมให้ความสนใจมากสุดก็คงไม่พ้นเรื่องงบประมาณ หลายๆ คนชอบบ่นว่านายเคี่ยว ขออนุมัติอะไรยาก แต่สำหรับผม ผมว่าเค้าก็แค่ต้องการเหตุผลและความจำเป็นหรือความคุ้มค่าของเงินที่ต้องจ่ายออกไป เวลาผมจะขออนุมัติเรื่องงบประมาณผมก็เลยเตรียมข้อมูลสนับสนุนทุกอย่าง แจกแจงทุกรายละเอียดไปให้มากที่สุด ว่าเงินที่จะนำมาใช้มันคุ้มค่าที่จะให้มา ผมเลยได้รับอนุมัติตามที่ขอแทบจะทุกครั้ง หลายๆ คนเลยมองว่าผมเป็นลูกรักนาย แต่จริงๆ เปล่าเลยครับ ลูกรักนายนั่นหัวหน้าผม รายนั้นนายว่าไง เออออ ไปกะนายทุกอย่าง ไม่เคยขัด

“คุณปาร์ตี้ สบายใจได้เลยครับ ยังไงทางผมก็ยินดีเข้าไปพรีเซนต์อีกรอบ ได้แน่นอนครับ ไม่มีปัญหา”ผมว่าผมคุ้นๆ เสียงเซลล์คนนี้อย่างบอกไม่ถูก ว่าเคยได้ยินที่ไหนสักที แต่ก็ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้น อีกอย่างวันนี้ตานี่ก็พูดดีกับผมมากกว่าทุกครั้งที่เคยคุยกันเลยก็ว่าได้

ผมกดวางสายก่อนจะลุกจากโต๊ะทำงานเพื่อไปยังห้องครัว เพราะตอนนี้ร่างกายผมกำลังต้องการคาเฟอีนอย่างรุนแรง รู้สึกสมองมันตื้อๆ อย่างบอกไม่ถูก แถมเรื่องราวเมื่อคืนวันศุกร์นั่นก็ยังคงรบกวนจิตใจผมอยู่ แม้นี่จะผ่านมาจนวันจันทร์แล้ว มันก็ยังเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ในความรู้สึก บางครั้งผมก็นั่งจ้องเบอร์โทรของอีกคน ว่าควรโทรไปเคลียร์เรื่องนี้กับเค้าไหม หรือข้อความที่ผมพิมพ์แล้วก็ลบ ลบแล้วก็พิมพ์ แต่สุดท้ายข้อความก็ไม่ได้ถูกส่งออกไป เบอร์นั่นก็ยังแน่นิ่งอยู่ในมือถือของผม

“เป็นไรวะมึง ทะเลาะกะเซลล์อีกแล้วเหรอ”เสียงทักจากไอ้เหมาทำให้ผมต้องหยุดความคิดทั้งหมดไว้ก่อน

“เปล่า แล้วทำไมมึงต้องคิดว่ากูทะเลาะกะเซลล์ด้วย”แม้จะไม่ได้ใส่ใจมากกับคำทักทายของมัน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ครับว่าทำไมมันถึงคิดว่าผมทะเลาะกับเซลล์ การทะเลาะกะเซลล์นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดประจำ จนสามารถเอามาคาดเดาได้เสียที่ไหน

“ก็ตะกี้เจอพี่ชาญ เลยถามหามึง หัวหน้าสุดที่ร๊ากกกของมึงเลยว่ามึงกำลังโทรเคลียร์งานกะเซลล์อยู่ พอมาเจอมึงทำหน้าหมดอาลัยตายอยากแบบนี้เลยคิดว่า คงทะเลาะกะเซลล์จนเกือบจะได้เค้าเป็นผัวแล้ว”นี่ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงด่ามันไปแล้วครับ แต่ตอนนี้อย่างที่บอกว่าไม่มีอารมณ์จะลับฝีปากกับใครครับ

ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรไอ้เหมาอีก ทำเพียงหมุนช้อนในถ้วยกาแฟ วนไปวนมา และนั่นคงทำให้ไอ้เหมาแปลกใจถึงกับต้องยื่นมือมาแตะหน้าผากผมก่อนจะพึมพำกับตัวเอง

“ตัวก็ไม่ร้อน ไม่สบายรึเปล่า ทำไมไม่เหมือนปาร์ตี้ที่กูรู้จัก มึงเป็นใคร ออกไปจากร่างเพื่อนกูเดี๋ยวนี้”จร้า มึงเอารางวัลนาฏราช ไปเลยไหมถ้าจะเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ขนาดนี้ นี่ก็เขย่าตัวผมจะวิญญานจะออกจากร่างแล้วมั้งเนี่ย

“กูมีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ”ไอ้เหมาทำท่าตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินผมบอกออกไปแบบนั้น

“เฮ้ย นี่มันปัญหาใหญ่แล้ว ปกติคอนเซปต์มึงต้องไม่แคร์ทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้นี่นา”มันไปเอาความคิดว่าผมเป็นแบบนั้นมาจากไหน ในเมื่อคุยกับมันไปก็ไม่น่าจะช่วยอะไรผมได้ ผมเลยเดินหนีมันเอาเสียดื้อๆ อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับชาร์ป ผมคงไม่สามารถเล่าให้มันฟังได้

แต่ผมเดินออกมาพ้นห้องครัวนิดเดียว ไอ้เหมาก็ตามหลังผมมาโดยไม่ได้มีทีท่าว่าจะกลับไปแผนกตัวเอง นี่คงกะอู้งานอีกแล้ว แล้วผมคงต้องทนฟังมันพูดอีกหลายนาทีเป็นแน่แท้ จริงๆ ผมกับไอ้เหมาเวลาทำงานเบื่อๆ ก็มักจะเดินไปห้องของอีกฝ่าย เพื่อเป็นการพักสมอง จริงๆ ก็คือการแอบอู้นั่นแหละครับ

“กูว่าเราต้องรีบหาแฟนใหม่ให้ไอ้แว่นแล้ววะ มันจะได้ดีขึ้น เมื่อวานกูแวะไปหามันที่บ้าน แมร่งดูไม่โอเคเลยวะ”ทั้งที่ผมกำลังพยายามจะไม่คิดเรื่องของคุณแว่น แต่ไอ้นี่กลับยิ่งมาสะกิดให้ผมยิ่งคิด ก็พอรู้ว่ามันเองก็คงห่วงเพื่อน ผมเองก็ห่วงเหมือนกัน แต่ขอเวลาให้ผมได้ปรับอารมณ์อีกสักนิดจะได้ไหม

“กูว่าให้เค้าหาเองไหม เราอย่าไปยุ่งเลย”ผมพยายามที่จะเลี่ยง ไม่ค่อยอยากจะยุ่งเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ไอ้เหมานี่คงไม่ละความพยายามแน่ๆ

“มึงมีเพื่อนโสดๆ นิสัยดีๆ แนะนำมันบ้างไหม”นี่มันฟังที่ผมพูดบ้างรึเปล่าเนี่ย

“พี่เหมา อยู่นี่เองนี่ลืมใช่ไหมว่ามีประชุม”ไอ้เหมาทำท่าตกใจกับสิ่งที่น้องปลาเข้ามาบอก คงเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องประชุม แต่มันก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมาย แถมยังบอกให้น้องปลาไปก่อนได้เลย ส่วนมันจะตามไปทีหลัง ทั้งๆ ที่น้องปลากก็ย้ำแล้วว่าคนอื่นๆ มารอสักพักแล้ว

“เย็นนี้ไปกินข้าวกัน กูนัดไอ้แว่นไว้ล่ะ ไม่อยากให้มันฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว”ทำไมผมรู้สึกว่ายังไม่ค่อยพร้อมเผชิญหน้าคุณแว่นสักเท่าไหร่ แล้วนี่ตัวเค้าเองรู้รึเปล่าว่าไอ้เหมามาชวนผมไปด้วย

“กูไม่ว่างว่ะ เย็นนี้มีธุระ”ผมรีบปฏิเสธ อย่างที่บอกว่ายังไม่พร้อมเจอเค้าสักเท่าไหร่

“ธุระอะไรของมึง สำคัญขนาดไหน ว่ามาสิ”แม้ผมจะบ่ายเบี่ยง และเร่งให้มันไปประชุม เพื่อให้รีบรับคำปฏิเสธจากผม แต่ไอ้เหมาก็ยังคาดคั้นที่จะเอาคำตอบจากผม ว่าไอ้ธุระของผมมันคืออะไร ด้วยความที่ผมเองก็ไม่ได้มีธุระอะไรจริงจัง พอถูกมันเร่งเอาคำตอบ สิ่งที่ผมคิดขึ้นกะทันหันจึงมีเพียงการจะเอารถไปล้าง ไอ้เหมาแทบจะตบกะโหลกผม ว่าเรื่องแค่นี้ถึงกับจะให้ความสำคัญมากกว่าเพื่อนเหรอ

“สรุปเลิกงาน แล้วออกไปกะกู ทิ้งรถไว้นี่ พรุ่งนี้มาทำงานก็เดี๋ยวกูไปรับ”และไม่รอให้ผมได้มีโอกาสปฏิเสธ ไอ้เหมารีบเดินไปโดยไม่ฟังคำปฏิเสธใดๆ ของผมอีก แล้วนี่ผมจะเอาไงดี หรือจะแอบหนีกลับก่อนดี เพราะยิ่งคิดว่าจะต้องไปเผชิญหน้ากับคุณแว่น ผมก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ใจนึงคือรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องคืนนั้นเกิดขึ้น แต่อีกใจผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคืนนั้นผมก็รู้สึกดีเช่นกัน

ผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั่นออกไป แล้วหันมาจดจ่อกับงาน เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องนี้อีก จนเวลาล่วงเลยถึงช่วงเลิกงาน ผมรีบเก็บกระเป๋า ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยแกล้งทำเหมือนว่าลืมเรื่องที่ไอ้เหมานัดไว้ ผมรีบเดินพร้อมมองซ้าย มองขวา อย่างระแวง กลัวเจอไอ้เหมาระหว่างทางไปถึงรถ พอถึงผมรีบขึ้นรถสตาร์ททันที พร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ออกรถ

“เอารถมึงไปก็ดีเหมือนกัน”ไอ้นี่มันตัวอะไร โผล่เข้ามาในรถผมได้ยังไง อยากจะบีบคอตัวเองว่าตะกี้ทำไม่ล็อครถ ไม่งั้นผมคงรอดแล้ว

“กูเห็นตั้งแต่ มึงทำตัวลุกลี้ลุกลนออกมาแล้ว นี่คิดจะเบี้ยวกูใช่ไหม”ไอ้คนที่เพิ่งถือวิสาสะเปิดประตูรถผมขึ้นมานั่งข้างคนขับเอ่ยขึ้น ผมเหมือนหมดทางจะปฏิเสธ เลยเปลี่ยนให้ไอ้เหมาเป็นคนขับแทน ผมปิดเปลือกตาลง พยายามไม่คิดอะไรอีก บางทีการเผชิญหน้ากับอีกคนอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิดก็เป็นได้



“ถึงนานยังวะมึง”เป็นไอ้เหมาที่เอ่ยทักทายชาร์ปที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนผมเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ ส่งไป ก่อนจะหลบสายตาที่เค้าจ้องมา ผมเลือกนั่งลงอีกฝั่งนึงข้างไอ้เหมา โชคดีที่วันนี้แพทไม่ได้มาด้วย เพราะถ้าแฟนไอ้เหมามาด้วย ก็คงเป็นผมที่ต้องนั่งข้างกับชาร์ป ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของเค้านั้น กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย แม้ไอ้เหมาจะพูดจ้อไม่หยุด แต่ชาร์ปก็ตอบรับสั้นๆ ไม่เหมือนปกติ ที่ทั้งสองจะพูดคุยอย่างออกรสออกชาด

รวมถึงผมเองที่แทบจะไม่พูดอะไรเลย ผมทำในสิ่งที่ปกติผมคิดว่าไม่ค่อยเหมาะที่มาเจอกันแบบนี้ แต่เอาเวลาไปจ้องมือถือ แม้จะไม่ได้มีอะไรสำคัญ แต่ผมก็เลื่อนไป เลื่อนมา เข้าออก แทบทุก application ที่มีอยู่ กดมันอยู่อย่างนั้น แม้มันจะไม่ได้มีอะไรใหม่ขึ้นมา

“ทำไรวะ ไมมัวแต่กดโทรศัพท์เนี่ย”อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่พฤติกรรมปกติของผม ทำให้ไอ้เหมาซึ่งก็คงสังเกตได้ถึงความผิดปกติของผม ผมโกหกออกไปโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ว่าผมกำลังโดนหัวหน้าตามงานอยู่ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจ เมื่อมีข้อความแชทส่งมาถึงผม

“เงยหน้าขึ้นมาคุยกันบ้างสิ”เป็นข้อความจากอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกะผม ผมเงยหน้ามองเจ้าของข้อความที่นั่งเยื้องไปนิดหน่อย เค้ากำลังวางโทรศัพท์ลงข้างตัว ก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นกระดก โดยไม่ได้หันมองมาทางผม ผมยอมรับว่าตอนนี้ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกันยังไง มันรู้สึกอึดอัดไม่สนิทใจเท่าไหร่

“ทำไมวันนี้พวกมึงสองคนดูเงียบๆ วะ”ในที่สุดไอ้เหมาก็ถามขึ้น เพราะคงสังเกตเห็นสักพักว่า บรรยากาศมันดูไม่ปกติสักเท่าไหร่ ทั้งผมและชาร์ปไม่ได้ตอบคำถามของไอ้เหมา แต่เราดันต่างคนต่างยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม

“ไอ้แว่นนี่กูพอเข้าใจได้นะ ว่าเพิ่งเลิกกะแฟน แต่มึงเนี่ยไอ้ตี้ เป็นไรเนี่ยวันนี้”กลับกลายเป็นผมคนเดียวที่โดนคาดคั้น แต่ผมก็ตอบกลับไปเพียงว่า วันนี้เพลียๆ เลยไม่ค่อยอยากคุยอะไรเท่าไหร่ แม้ไอ้เหมาจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดผม แต่มันก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรผมอีก จริงๆ ไอ้เหมาเป็นคนที่เซนส์บางอย่างดีเหลือเกิน คือถ้ามีอะไรสักเรื่อง ที่ปิดมันไว้ มันจะมีวิธีบีบอ้อมๆ ให้เราเล่าให้มันฟังเอง แต่คงไม่ใช่เรื่องนี้แน่ๆ

และแล้วช่วงเวลาที่ผมไม่อยากเจอก็มาถึง ไอ้เหมาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ทั้งผมและชาร์ปต่างเงียบ บรรยากาศชวนอึดอัดดีแท้ ผมพยายามคิดเรื่องที่จะคุยกับเค้า แต่ตอนนี้สมองผมดันคิดคำพูดอะไรไม่ออก แต่ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจที่จะพูด

“คือเรื่องคืนนั้น/คือเรื่องคืนนั้น”กลับกลายเป็นว่า เราต่างคนต่างจะเริ่มบทสนทนา แถมพูดออกมาพร้อมกัน รวมทั้งยังเป็นเรื่องที่ผมว่ามันก็ยังคงค้างคาในใจ ของเค้าเช่นเดียวกับผมนี่แหละ

“ชาร์ป พูดก่อน.../ ตี้ พูด...”เอาจริงๆ ตอนนี้พอมาจะแย่งกันพูดแบบนี้ มันทำให้ผมเองก็ เขินๆ เกร็งๆ ไม่รู้จะไปต่อยังไงเหมือนกันนะครับ

“คิดเหมือนกันใช่ไหมว่าเรามีอะไรที่ต้องเคลียร์กัน”ผมพยักหน้าตอบรับเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกคนพูด เพราะถ้าเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันอย่างสนิทใจเหมือนเดิมให้ได้ ก็คงต้องเปิดอกคุยกันนั่นแหละครับ

“แล้วมึงสองคนมีอะไรต้องเคลียร์กัน”

แวะมาต่ออีกตอนครับ

ขอบคุณที่ติดตามกันเหมือนเดิมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2016 16:22:59 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
#ทึมพี่เหมา เพราะอยากรู้ด้วยคนว่าเค้าจะเคลียร์กันยังไง o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ค้าง  :katai1:
ชาร์ป ตี้ ที่มีเหมาโผล่มา จะเคลียร์กันยังไง :ling1:
คนที่แย่งที่จอด แล้วไปคุยกับตี้ในห้องน้ำ
เป็นเซลล์แน่เลย ติดใจตี้แล้วมั้ง :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด