บทที่ 9 (9.1)
“ยู้วหู้ว เด็กๆ” เสียงทุ้มร่าเริงของใครบางดังขึ้นใกล้โต๊ะ เรียกความสนใจจากคนทั้งโต๊ะเป็นอย่างดี “นั่งด้วยสิ”
“พี่เอ็ด” อชิระทักทาย
เอ็ดมันไม่ได้มาคนเดียวพ่วงท้ายด้วยเพื่อนสนิทหน้านิ่งๆอย่างพี่นาฏยมาด้วย ใบหน้าคมดุฉายแววนิ่งเฉยเช่นทุกที ในมือใหญ่ถือแก้วกาแฟและถุงผ้าเจ้าประจำที่จันทร์เจ้าจำได้ขึ้นใจ
เอ็ดมันไม่รอให้ใครเชิญนั่งเจ้าตัวก็ขยับร่างกายใหญ่หาที่นั่งจนได้พร้อมๆด้วยเพื่อนสูงไล่เลี่ยกัน แต่นั่งยังไงไม่นั่ง ร่างสูงใหญ่ของนาฏยดันนั่งลงข้างๆเขาพอดี ไอ้อัชนั่งตรงข้าม พี่เอ็ดนั่งข้างไอ้อัช ส่วนพี่อาร์ทยืนหัวโต๊ะ
นัยน์ตากลมเหล่มองร่างสูงข้างๆที่วางถุงผ้าลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมอ่อนๆของอาฟเตอร์เชฟผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆ จนทำให้ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไร พี่นาฏยทำให้สมองเขารวนได้เสมอจนมันส่งผลต่อร่างกายทั้งหมด
“สวัสดีครับพี่เอ็ด พี่นาฏย” จันทร์เจ้าทักทาย
ฝ่ายอาร์ทที่ยังยืนอยู่จึงขอตัวด้วยการบอกรุ่นน้องว่า “งั้นเจอกันนะเจ้า เดี๋ยวพี่ไปหาหมอเป็นเพื่อน ขอไลน์ไว้หน่อยสิ” ควักโทรศัพท์ขึ้นมาส่งให้อีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็โดนขัดเสียก่อน
“เป็นอะไร?” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ นาฏยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าหมอ สายตาคมลอบมองคนที่นั่งข้างๆ เห็นความผิดปกติอย่างเดียวคือข้อมือขวาที่มีซัพพอร์ทรัดเอาไว้ “เป็นอะไร?”
“คือ…” คนโดนถามยังงงๆเหมือนตั้งตัวไม่ทัน “ผมล้มน่ะครับ”
“อ้าว ไปล้มยังไงละ” เอ็กมันที่นั่งตรงข้ามถาม หนุ่มลูกครึ่งดูจะสนใจไม่แพ้กัน
“พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อย ผมเลยจะรับผิดชอบเอง” เสียงของหนุ่มสถาปัตย์แทรกขึ้นมา แม้จะไม่รู้จักอีกสองคนที่มาใหม่แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะทำความรู้จักเท่าไร เรื่องที่เขาสนใจมีเพียงเรื่องหนุ่มรุ่นน้องที่มอเตอร์ไซด์เขาพุ่งชนมากกว่า
“อ่าครับ” จันทร์เจ้าพยักหน้า
นาฏยจ้องคนที่ยืนอยู่หัวโต๊ะแล้วกลับมามองที่เจ้ากระต่ายข้อมือเจ็บอีกหน
“เดี๋ยวผมพาไปหาหมอเอง” พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาคนทั้งโต๊ะเกิดอาการงง
“ห้ะ?”
“ผมพาไปเอง ไม่ลำบากคุณหรอก” นาฏยพูดเสียงเรียบแล้วก็ไม่ได้สนใจอาร์ทอีก เปิดถุงผ้าอุ่นๆขึ้นมาหยิบข้าวกล่องประจำตัวโดยไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งสิ้น ไม่สนว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไร
“แต่…” หนุ่มสถาปัตถ์เริ่มไม่ค่อยชอบใจอีกฝ่ายเท่าไร
อะไรวะ? หยิ่งชิบหาย! แต่เรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายพาเจ้าไปหมอ เขาทำ เขารับผิดชอบเองได้
“เอ่อ...พี่นาฏยครับผมไปเองได้” จันทร์เจ้าเอ่ยเบาๆ เขาไม่ใช่เด็กที่ต้องมีคนพาไปหาหมอ เขาไปเองได้
นาฏยไม่สนใจคนพูดกลับพูดทับขึ้นมา “อย่าดื้อ ผมไม่ชอบ!” แล้วจ้องอีกคนด้วยสายตาคมกริบ “คุณกลับไปเถอะ”
อาร์ทรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่โดนไล่กันโต้งๆ จันทร์เจ้าถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก เขารู้ว่าพี่นาฏยเป็คนตรงๆ ขนาดไม่ได้โดนเองยังเจื่อนขนาดนี้ ถ้าเขาเป็นพี่อาร์ทคงอายน่าดู
สุดท้ายหนุ่มสถาปัตย์ได้แต่สบถในใจก่อนจะขอตัวออกไป บรรยากาศกูกลับมาสบายๆเหมือนเดิม โดยร่างเล็กตักข้าวเข้าปากสลับกับเหล่คนข้างๆที่เปิดข้าวกล่องกินคำโตแล้วต้องลอบยิ้ม
ฝั่งอชิระเหล่มองเอ็ดมันที่อมยิ้มเหมือนดูละครหลังข่าวเรื่องสนุก สลับกับมองสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ท่าทางละครเรื่องดูจะสนุกไม่น้อย น่าลงสนามไปเป็นผู้กินกับ ถุย เอ้ย ผู้กำกับ
เขาเคยมองเรื่องของเพื่อนสนิทและพี่นาฏยด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยชัดเจน แต่รู้สึกวันนี้จะชัดเจนขึ้นมานิดหน่อย
...อย่างน้อยเขาก็รู้สึกเพื่อนเขาอาจจะไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้…
แต่ยังไงก็ต้องดูกันต่อไป!
“ไหน ไอ้นาฏย วันนี้คนส่งข้าวกล่องของมึงเอาอะไรมาให้” หนุ่มลูกครึ่งเมืองผู้ดีแต่นิสัยไม่เห็นผู้ดีสมชื่อ ฉกฝากล่องข้าวที่มีโพสอิสอยู่ขึ้นมาอ่าน
จันทร์เจ้าถึงกับสูดหายใจอย่างตกใจ ใจเต้นตึกๆ
“เสือก” เจริญพรเพื่อนสนิทรอบที่อินฟินิตี้ก็ไม่เห็นมันจะเคยจำ ยังคงทำสันดานเหมือนเดิม เรียกได้ว่าด่าไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ
แม่งไม่รู้ว่าคบมันเป็นเพื่อนได้ไง ถ้าย้อนเวลาได้จะไม่คบแม่งชีวิตจะเป็นสุขที่สุด แต่บ่นไปก็คงไม่ทันละ เจอปลิงควายเกาะแข้งเกาะขาตลอดปีตลอดชาติละมั้ง
“ไหน น้องเขียนอะไร วันนี้เป็นเมนูหมูผัดน้ำพริกเผานะ แล้วก็จะบอกว่าขอหยุดส่งข้างกล่องสักหนึ่งอาทิตย์ พอดีมีเรื่องจำเป็นนิดหน่อย กินให้อร่อยนะ… รักพี่นาฏยที่สุด จุ๊บสองที”
เฮ้ยยยยย ไอ้สองประโยคหลังเขาไม่เคยเขียนเถอะ พี่เอ็ดแม่งมั่วชัดๆ จันทร์เจ้าเดี๋ยวหน้าซีดสลับหน้าเห่อร้อน ในใจบ่นรุ่นพี่จอมทะเล้น ปากขมุบขมิบไปด้วย
“สัส เอาคืนมา” คนหน้านิ่งดึงฝาคืน
“แล้วน้องเขาเป็นอะไรวะ ถึงขอหยุดส่งข้าว”
เฮือก... ร่างเล็กๆถึงกับเริ่มเหงื่อตก แง ไม่น่ามานั่งตรงนี้เลย ไอ้อัชเพื่อนยากช่วยกูด้วยยยย นัยน์ตากลมโตเหลือบมองเพื่อนร่างสูงฝั่งตรงข้ามที่ก็ลอบมากลับมาเช่นกัน จันทร์เจ้ารู้สึกเหมือนเป็นวัวสันหลังวะอย่างไรไม่รู้
“ไม่รู้สิ” นาฏยตอบ นัยนฺตาคมดุดูเฉยชาไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
จันทร์เจ้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เห็นอีกฝ่ายไม่ได้ติดใจอะไร แอบตกอกปุๆ เกือบไปแล้วไหมละ
“ลองไปถามน้องเปไหม?” เอ็ดมันเสนอ
โอ้ ไม่ดีอย่างยิ่งเลยครับ ไม่ดีๆ
“ไม่ต้องหรอก เจ้าตัวเขาไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ
จันทร์เจ้าเผลอเหล่มองร่างสูงที่นั่งด้านข้าง แต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะพอมองขึ้นไป นัยน์ตาคมดุก็มองมาที่ตัวเขาอยู่แล้ว ตายแน่ๆ ทำไมพี่นาฏยต้องจ้องขนาดนั้น แถมยังลอบมองที่ข้อมือของเขาอีกต่างหาก จนต้องแอบเอามือไปซ่อนข้างๆหลังอย่างเนียนๆ เสตักข้าวในจานเพื่อเลี่ยงอีกฝ่าย
“เออ มึงนี่ดีวุ้ย เขาไม่อยากให้รู้ก็ไม่คิดจะตามหา” เอ็ดมันบ่นเพื่อน เห็นมันได้รับข้าวกล่องเจ้าประจำมาสักพักใหญ่ละ แต่ไม่มีวี่แววว่าคนส่งจะปรากฏตัว เลวร้ายกว่านั้นคือเพื่อนเขาไม่คิดที่จะออกตามหาเท่าไร
ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกเขาไปตรงๆ แต่เห็นมันก็ยังรับข้าวกล่องประจำไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรืออะไรทั้งสิ้น
“หึ...” นาฏยไม่ได้พูดอะไรต่อ กลับจัดการอาหารตรงหน้าให้หมด
“คุณจะไปเมื่อไร?” หลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่งย่อย รอขึ้นเรียนภาคบ่าย ด้านฝั่งสองหนุ่มคณะประมงก็ยังปักหลักอยู่โรงอาหารเช่นกันเพราะเอ็ดมันดันอยากกินกล้วยทอดเลยต้องรอหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังต่อแถวซื้อ
“ครับ?” กระต่ายนอกจากข้อมือเจ็บแล้วเหมือนหูจะตกด้วย ได้ยินไม่ค่อยชัดเลย
“ผมถามว่าจะไปหาหมอเมื่อไร?”
อ้อ...ไปหาหมอนี่เอง “จริงๆผมแค่จะให้หมอตรวจเฉยๆน่ะครับ”
“นั่นแหละ ไปเมื่อไรก็บอก เดี๋ยวพาไป”
ปฏิเสธไม่ได้เลยสินะ ดูหน้าพี่แกสิ ดุอยู่แล้วดูยิ่งดุเข้าไปใหญ่เลย จันทร์เจ้าสะบัดข้อมือเล่นไปมาอย่างลืมตัว เอาตามจริงมันดีขึ้นกว่าวันแรกๆเยอะ
“อย่าซน เดี๋ยวเจ็บตัวขึ้นมาอีก จะซ้ำให้” เสียงดุๆจนคนฟังย่นคอ หูย เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องดุกันเลย ทำไมต้องมาทำเป็นห่วงเขาด้วยเนี่ย มันทำให้เขายิ่งถลำลึกยิ่งขึ้น พอถึงตอนนั้นคนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ถ้ามันต้องทำให้อีกฝ่ายลำบากใจไปด้วย เขาไม่ควรจะอยู่ใกล้คนคนนี้อีก แต่...มันจะทำได้หรือ เมื่ออีกฝ่ายชอบหยิบยื่นน้ำใจและความช่วยเหลือมาตลอดแบบนี้
...พี่นาฏย…
...ทำแบบนี้เขาจะตัดใจลงได้ยังไง…
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยู้หู้ววววววว เรามาแล้วววว ไม่ได้มาคนเดียว กลับมาพร้อมกับเจ้าของไร่อ้อยรายใหญ่ พี่นาฏยนางกลับมาขายอ้อยแล้วนะค่า
แอบเห็นมีคนบอกว่ามีคนขายอ้อยรายใหม่จะแซงนำหห้าพี่นาฏย แต่พี่นาฏยนางมาบอกเลยว่า กิจการไร่อ้อยนางไม่มีวันเจ๊งแน่นอนจ้า พี่นาฏยนางมีรายร้อยไร่พร้อมขาย ฮ่าๆ

เพราะงั้นไม่ต้องใครจะมาทำยอดขายแซงหน้าพี่นาฏย อาจจะยากหน่อย

เห็นมีคนไล่พี่อาร์ทให้ไปขายอ้อยน้องอัช ฮ่าๆ อืม ความจริงการลงทุนอันนี้ก็น่าสนใจ ฮ่าๆๆๆ

แต่ของแบบนี้ต้องรอดูกันต่อไป
รักพี่นาฏยบวกเป็ด ปลื้มน้องเจ้าขาคอมเม้นโลดค่าาา อิๆ

ปล. วันนี้เอาเรื่อง วณิพกพเนจร มาลงเช่นกัน ใครติดตามอยู่ก็แวะไปอ่านได้ค่า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0ปล.สอง. แวะเวียนไปหากันได้ที่เพจเลยค่า มาคอมเม้น มาพูดคุยกันได้นะค่า (ยังอยากได้เมนูอาหารอยู่น้า ฮ่าๆ น้องเจ้าขาคิดเมนูไม่ออกแล้ว คนอ่านมาช่วยแนะนำได้เลย)
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=tsเยิฟฟฟฟฟฟฟ
