- เหงา - 4 -
ทันทีที่กลับถึงห้อง เสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่ก็ดังขึ้น
เหตุผลที่จะทำเป็นไม่สนใจข้อความของบอส ดูเหมือนจะหายไปแล้ว ผมเปิดอ่านแทบจะทันที
-พี่ชอบกินปลาหรือกุ้งมากกว่ากันครับ
-ปลา
-พรุ่งนี้สายๆผมซื้อขึ้นไปให้ ไม่ต้องลงมานะครับ
-อะไร ลำบากเปล่าๆไม่ต้องหรอก
-รีบกินยารีบนอนสิครับ ไม่สบายอยู่นะ
-นี่
-ไว้หายผมจะมาเถียงด้วยใหม่นะครับ
-ฝันดีครับ
แล้วเจ้าตัวก็อ๊อฟไลหายไปเลย ไม่อยู่ต่อล้อต่อเถียงกับผมอีก
เห้อ นอนก็ได้วะ
ผมไม่เคยรู้เลย ว่าการกินยาจะทำให้คนไม่สบายอย่างผมผ่อนคลายและนอนหลับสบายจนถึงเช้า
…………………………………….
……………………
“ไง หายเป็นซอมบี้แล้วนี่ ได้ยาดีที่ไหนมา ตอบบบบ”
“เปล่า”
“กลับไปคุยกับน้องมันแล้วใช่มะ”
“ก็... เออ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อวันศุกร์ ที่มึงกลับบ้านแล้วกูไม่สบาย”
“ห้า น้องมาพยาบาลถึงห้อง”
“เปล่า กูลงไปซื้อยาแล้วบังเอิญเจอต่างหาก” ที่บอสมันมานั่งเล่นที่ห้องทั้งวันเสาร์อาทิตย์ผมไม่เพราะตอนนั้นผมหายแล้วมันไม่ได้มีผลกับอาการป่วยของผมเลย ไม่มี
“จิ๊” จะจ้งจะจิ๊อะไรล่ะ! “มึงเงียบหายไปตั้งครึ่งเดือนน้องไม่น้อยใจแย่เหรอ”
“ไม่เห็นว่าอะไรนี่”
“อ้อ น้องเฉยๆ แต่เพื่อนกูจะตายแล้วค่ะ อาการหนักเฟร้ออออ”
“คนเขาก็มีไม่สบายกันบ้างก็ปกติป่าววะ มึงก็รู้กูแพ้อากาศเวลาอากาศเปลี่ยน กูไม่ใช่หุ่นยนต์ทำงานด้วยไฟฟ้านะเว้ย”
“จ๊ะๆๆ แก้ตัวซะยาวเชียวนะ แล้วเจอหน้ากันน้องทำไง?”
“มันก็มีถาม ว่ากูหลบหน้ามันรึเปล่า”
“เปล่า ไม่ได้หลบหน้า”
“?”
“ตอบงี้ไปใช่มะ” เบบี้ทำตัวเป็นนักพยากรณ์ทำนายคำตอบผม แถมยังเดาได้ถูกซะด้วย
“เออ แล้วจะให้บอกไปตรงๆว่า ใช่! กูหลบหน้ามึง งี้เหรอ?”
“เบื่ออ่ะ พวกมึงนี่น่าเบื่อมาก เวลาอย่างนี้ยังจะเกรงใจเก็บความรู้สึกหวั่นไหวไว้ในใจ แล้วจะคืบหน้าไหม นี่มึงคุยกับน้องมาห้าเดือนแล้วนะเว้ย ตั้งห้าเดือน! ยังไปไม่ถึงไหนกันเลย”
“จะให้คืบไปไหนอีกล่ะ กูไม่ได้ต้องการให้มีอะไรคืบเลย”
“โอ้ยยย มึงนี้ เอางี้ๆ วันนี้กูไปห้องมึง” เบบี้พูดอย่างเด็ดเดี่ยวและจริงจัง
“จะมาทำไม ห้องตัวเองก็มี”
“สร้างความร้าวฉาน คืองานของกู”
“ห่ะ?”
“มึงไม่อยากรู้เหรอ ถ้าเขาเห็นผู้หญิงอยู่ในห้อง กับมึง! เขาจะรู้สึกยังไง? หื๋อ?”
.
.
.
ครับ
คืนนั้น เบบี้มาจริงๆ อย่าเรียกว่ามา เรียกว่ามันไม่ยอมกลับห้องตัวเองแต่ตรงมาห้องผมเลยดีกว่า แถมจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งแกล้งเดินออกไปกดกริ่งหน้าห้องทำเป็นว่าเพิ่งมาถึง(ทั้งที่มันก็อยู่ในห้องผมตั้งแต่แรกแล้ว) เดินเข้ามาทักบอสในวีดีโอคอล ทำเป็นลากผมออกไปไกลๆ กล้อง (แต่พยายามให้อยู่ในมุมกล้อง) แล้วทำเป็นคุยจิ๊จ๊ะกัน
ผลที่ได้กลับมาคือนิ่งสนิท บอสไม่มีท่าทีอะไรผิดปกติ หรือแปลกไปเลย กลับกันเขารออย่างมีมารยาท แถมยังชมเบบี้ว่าน่ารักดีอีกต่างหาก ทำเอาผมได้แต่หัวเราะแห้งๆให้ไป
บอสน่ะไม่แปลกแต่ผมนี่สิที่งงตัวเอง คือทำไมผมต้องตามใจเพื่อนด้วยการทำอะไรปัญญาอ่อนๆแบบนี้ด้วยนะ ไร้สาระสิ้นดี
แน่นอน มันไม่เป็นที่น่าพอใจของเบบี้ หลังจากนั้นสามสี่วันมันก็ส่งซาฟาแฟนมัน มาป่วนที่ห้องผมตอนที่กำลังวีดีโอคอลคุยกับบอสอีกครั้ง
ทีนี้ล่ะครับ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่อง
ตอนที่ผมเดินมาหน้ากล้องบอกเขาว่าขอเวลาแป็ปนะขอคุยกับเพื่อนแป็ปนึงเป็นรอบที่สาม (เพื่อไล่ซาฟากลับไป เลิกปัญญาอ่อนตามเบบี้มันซะที) บอสพยักหน้าเข้าใจแต่พอหันหลังให้บอสก็กดวางสาย ออฟไลน์หายไปเลย
ผมงงๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร บอสบอกอยู่ก่อนแล้วว่าต้องรีบนอนเพราะวันรุ่งขึ้นมีงานสำคัญ
เบบี้เนี่ยสิ ดีใจอย่างกับถูกหวย
“เห็นไหม! กูว่าแล้ว ชัดเลยมึง เขาหึงผู้ชายกับมึง เนี่ย มันอยู่ในแผนกูหมดเลย”
ยังจะพูดได้อีกนะมึง ไอ้บี้!
“แต่ว่านะมึง หน้าน้องอ่ะ ดีกว่าปกติไปมากเลย กูว่าซาฟาของกูนี่แรย์แล้วนะ น้องบอสซึของมึงนี่แจ่มจาแด่มแจ่มว้าวมากอ่ะ ขนาดใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ กล้ามยังแทบทะลุกล้องมาทิ่มตากู”
“เวอร์ ซาฟาของมึงนี่ระดับเทรนเนอร์ฟิตเนสแล้วนะ มึงยังต้องการกล้ามอีกเหรอชีวิตนี้ แล้วบอสซึนี่คืออะไร”
“เกาหลีไงแก เอ้ะ หรือบอสซัง จี้ปุ่นๆ”
ผมเริ่มสงสัยตัวเอง คนหน้าตาเซงโลกอย่างผมไปคบเพื่อนไฮเปอร์แบบยัยเบบี้ได้ไงกันนะ ดูดิเห็นหน้าแว็บเดี๋ยวมันตั้งชื่อเล่นเกาหลีให้น้องซะละ
“แต่พูดถึงฟิสเนสแล้วเซง” เบบี้เปลี่ยนโหมด เข้าโหมดบ่นผัวเรียบร้อยแล้วครับ แต่ผมก็ดีใจที่มันเปลี่ยนเรื่องคุยได้สักที
“อะไร ไหนลองเล่าดิ้”
“ช่วงนี้อ่ะดิซาฟานางฟิตเนสแทบทุกวัน กล้ามนี่น่ากัดอย่าบอกใคร กูตามหึงไม่หวาดไม่ไหว ไม่ใช่หึงชะนีนะ”
“หึงเทรนเนอร์ฟิตเนสใช่มะ?”
“เออ ปวดหัวสุด”
“ไม่ดีรึไง” แฟนหล่อหุ่นดีน่าอวด อันนี้เบบี้เคยพูดไว้เอง เป็นความภาคภูมิใจของมันก็ว่าได้ ที่สาววายอย่างมันได้แฟนเหมือนเกย์ที่สุด
“ไม่ดี! เพราะมันเอาแรงไปลงกับฟิสเนสหมด ปล่อยกูอดอยากปากแห้งไม่มีอะไรตกถึงท้องกูเลย อ้างเหนื่อยๆ ดีตรงไหน”
“ฮ่าๆๆๆ น่าสงสาร”
“ใช่กูสงสารตัวเองมาก เห้อ แต่อิน้องบอสของมึงเนี่ย น่าจะฟิสปั๋งอยู่นะ เด็กๆ แม่งชอบคึก บ้าพลัง เท่าไหร่ก็ไม่พอ แค่คิดก็ ฮึ้ย ดี๋ดี”
“อะไรของมึง วกเข้าเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย”
“โอ้ย ปูนนี้แล้วจะมาเขียมกันให้เสียเวลาทำไม เอาจริงๆนะ กูเชียร์สุด น้องมันมีใจ ไม่งั้นไม่โทรหามึงทุกวันๆๆๆ แบบนี้หรอก” เบบี้มีสีหน้ามั่นอกมั่นใจสุดๆ แล้วยังพูดต่อ “กูว่าคนนี้แหละที่จะเป็นคนละลายน้ำแข็งที่หน้ามึง”
“...”
“เมิงงงงง มึงดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยตั้งแต่เริ่มคุยกับน้องเนี่ย กูนะ เป็นห่วงมึงมาตั้งนานแล้ว ว่าจะนอนเหี่ยวตายอยู่บนหอคอยน้ำแข็งแสนเหน็บหนาว และเปล่าเปลือยเปลี่ยวเหงา”
“เยอะไปแล้วนะมึงนี่”
“ฮ่าๆๆๆๆ เอาน่า เห็นชัดๆว่าแทนที่จะหึงชะนีอย่างกูน้องมันหึงซาฟา แล้วเมื่อคืนได้คุยกันต่อมั้ย ตั้งแต่ซาฟากลับออกมา”
“ไม่ว่ะ”
“อ้าว มึงไม่โทรไปเหรอ?”
“ไม่ได้โทร”
“เอ้า เล่นตัวไปทำไมอีกเนี่ย”
“ไม่ได้เล่นตัว แต่มันดึกแล้วนี่หว่า ปกติก็ได้เวลานอนแล้วมั้ย อีกอย่างวันนี้มันมีงานทั้งวันด้วย”
“แคร์ คน อื่น ป่วย! มึงป่วยแน่ๆ”
เป็นที่รู้กันทั้งอ๊อฟฟิส ว่าผมเข้มงวดและไร้อารมณ์ร่วมกับเรื่องสนุกสนานไดๆ ไม่ชอบปาร์ตี้ ไม่สร้างสังคม และไม่แคร์ใคร
ดังนั้นเบบี้จึงพูดว่าบอสพิเศษสำหรับผมอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะพื้นที่ส่วนตัวที่ผมเคยหวงยิ่งกว่าอะไร มันมีเขาค่อยๆคืบคลานแทรกแซงเข้ามาอย่างแยบยล
.................................
ผมคิดว่าเมื่อคืนเขาคงหลับไปเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่
จนผ่านไป 24 ชั่วโมงเต็มแล้ว ยังไม่มีการตอบกลับไดๆ จากเขา ทั้งแชท ไลน์ หรือโทรกลับมา
เอาล่ะสิ ผมเริ่มตื่นเต้นแล้วนะ ปกติถ้าเขาไม่ว่างรับโทรศัพท์ผม ไม่นานเกินรอเขาจะโทรกลับมา หรืออย่างน้อยก็แชทมาบอกว่าทำนั่นทำนี่อยู่
แต่นี่เขาเงียบมาก เงียบไป เงียบได้อีก
หรือผมควรออกตัวแก้ตัวกับเขาก่อน แต่คือ ใช่เหรอ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตีความเรื่องเมื่อคืนว่ายังไง สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกอะไรมั้ย ผมก็ไม่รู้ เขาอาจจะไม่ได้เป็นอะไร หรือคิดมากอะไรเลยก็ได้ แถมบางทีเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับผมจนต้องน้อยอกน้อยใจอะไรอยู่แล้วด้วย เนอะ
เห้อ...
ถ้าผมโทรหาเขาซ้ำเป็นรอบที่สอง มันจะดูแปลกมั้ยล่ะเนี่ย
ผมโทรหาเขาเมื่อประมาณชั่วโมงก่อน เขาคงไม่ว่างรับ ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่ง ผมจะลองโทรซ้ำอีกครั้ง
กะว่าจะโทรอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่แค่นั้นก็มากพอให้ผมงงและอึ้ง ที่สำคัญ มันทำให้ผมรู้สึกแย่เอามากๆ
บอสตัดสายผม…
มันไม่เคยเกิดขึ้น ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้ งง ผมงงมากๆ ความไม่เข้าใจ คำถามและอะไรต่างๆผุดขึ้นมาในใจเต็มไปหมด
ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไปรบกวนชีวิตเขามาก่อนเลย จนถึงวินาทีนี้
การติดต่อไปก่อนของผม มันคงจะรบกวน และสร้างความน่ารำคาญให้เขามากเลยสินะ มากจนต้องตัดมันทิ้ง
ได้!
งั้นผมจะนอนเลย ไม่รอ ไม่สนใจอะไรแม่งแล้ว
ผมทิ้งตัวลงนอน กะว่าจะหลับเลยจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
แต่ ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับกับตัวเอง…
“แม่ง นอนไม่หลับ”
ผมยอมแพ้หลังจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนสักครึ่งชั่วโมงได้ แค่ถูกตัดสาย แค่ถูกตัดสายทีสองที ทำไมต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ว่ะ
พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องรีบนอนก็จริง แต่กูก็ง่วงนะ กูควรนอน ทำไมไม่ยอมนอนว่ะ แม่งงงง
เบื่อออออ
ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ เลิกพยายามฝืนนอน ตัดสินใจลุกจากเตียงเดินมาที่ครัว เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ขึ้นเปิดซดตั้งแต่ตู้เย็นยังปิดไม่สนิท ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเดินมาเปิดทีวีด้วยอารมณ์เซงๆ
ที่โมโหที่สุดตอนนี้คือ
กูเป็นอะไรของกู! หงุดหงิดชิบหาย แม่ง!
โมโหได้ไหม ก็ไม่ เคืองแม่งได้ไหม ก็ไม่ รู้ดีว่าไม่ได้อยู่ในฐานะจะมาโกรธหรือแสดงความไม่พอใจไอ้เรื่องแบบนี้ได้ แต่ผมก็เป็นผู้ใหญ่พอจะยอมรับกับตัวเองว่าเรื่องเขาล้วนๆที่ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ในตอนนี้
ก็อกๆ ก็อกๆๆ
ใครว่ะ? มาเวลานี้
ผมหันไปทางประตูห้อง กำลังลังเลคิดว่าหูฝาด ก็มีเสียงเคาะดังมาอีกชุด ผมเลยถือกระป๋องเบียร์เดินไปส่องตาแมวดูก่อนเปิดประตู
ตีหนึ่งกว่าแล้วเปิดประตูไม่ดูตาม้าตาเรือเวลานี้คงไม่ใช่เรื่องฉลาด
“อ้าว” ไอ้น้องบอส
มันกำลังทำท่ายกมือขึ้น จะเคาะประตูห้องอีกชุด ผมเลยชิงเปิดประตูซะก่อน
เสียงดังแม่ง น่ารำคาญ กลัวรบกวนคนอื่นหรอกนะที่รีบเปิดประตูเนี่ย
“พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” บอสพูดอย่างรีบร้อน เขาดูเหมือนจะหอบนิดๆ
“หื๋ม?” ผมยกคิ้ว งงกับคำถาม
“พี่ไม่รับสายผม แล้วก็”
“เดี๋ยว!” ผมยกมือขึ้นห้ามมัน กวักมือเรียกให้เข้ามาคุยกันในห้อง “เข้ามาก่อน”
“เอ่อ ครับ”
มันทำหน้างงๆ เดินเข้ามายืนกลางห้อง ดูแล้วมันยังอยู่ในชุดทำงานเต็มยศ เพียงแต่ดูเหนื่อยๆ มีกลิ่นเหล้า มีหยดน้ำฝนเป็นดวงๆตามเสื้อ กับมีรอยลิปสติกสีแดงรูปปากประทับบนไหล่ข้างหลัง ไม่ใช่คนเดินมาชนแน่ เพราะมันเป็นปากแบบกลับหัว แสดงว่าคนทำรอยนี้ต้องอยู่ข้างหน้าแล้วก้มมาข้างหลัง นึกภาพแล้ว...
ยกเบียร์ขึ้นซดอย่างไวเลยกู
“เสียงดัง ชาวบ้านเขานอนกันแล้วมั้ย”
“ขอโทษครับ”
“แล้วมีอะไร มาซะดึกดื่น”
“คือผมเพิ่งเห็นมิสคอล ก็เลยโทรกลับ แชทถาม พี่ก็ไม่ตอบสักทาง ผมเลย...”
“แค่นั้นเหรอ” ผมตัดบท รู้สึกเหมือนกันว่าคำพูดของผมมันเย็นชา แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันอารมณ์ไม่ดี
“ครับ”
“ไม่มีอะไร” ผมตอบปัดๆ เพื่อตัดบท “กลับไปได้แล้วไป” ผมโบกมือไล่ เดินนำมาจะเปิดประตูส่งมัน แต่มันก็ไม่ขยับ
“ต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่งั้นพี่ไม่รีบไล่ผมกลับหรอก”
“แล้วคิดว่าทำไมพี่ต้องให้เราอยู่ในห้องพี่ต่อ นี่มันเวลาไหนแล้ว อยากนอนอยากพักผ่อน เวลาส่วนตัว เข้าใจป่ะ?”
พูดไปผมกลับรู้สึกไม่ดีซะเอง ตอนที่พูดว่านี่คือเวลาส่วนตัว เพราะเดี๋ยวนี้เราเริ่มคุยกันตลอดเวลา ไม่ว่าทำอะไรอยู่ เขาก็จะตอบผม ไม่ว่าเขาจะเล่าเรื่องตลกให้ผมฟังตอนไหน ผมก็กดอ่านทันทีแท้ๆ เราเริ่มมีช่วงเวลาตรงกลางของเราทั้งคู่ มันมากเกินกว่าจะบอกว่าเป็นพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทอะไรทั้งนั้น ผมว่าเขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน เรามาไกลเกินกว่าจู่ๆ จะมาอ้างว่านี่คือเวลาส่วนตัว
“ถ้าพี่อยากนอน แล้วในมือนั่นอะไรครับ ไม่ใช่ยังไม่อยากนอนเลยหาอะไรกินเหรอ หรือนอนไม่หลับจนต้องหาอะไรกล่อม”
“บอส”
“ขอโทษครับ คือผม” เหมือนเขาจะรู้ตัวว่ากำลังทำตัวจับผิดผมทั้งที่ไม่ควร
“กลับไป”
“แต่”
“กลับไป”
“ครับ ผมยอมแล้ว”
ทำไมคำตอบมันทำให้ผมรู้สึกผิด รู้สึกเหมือนกำลังรังแกเด็กด้วยวะ
บอสยอมเดินออกจากห้องไป ก่อนปิดประตูเขาก็ไม่ลืมล็อกประตูให้ผมอย่างดี
ผมเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่ เปิดซดก่อนกลับไปหยิบมือถือที่วางทิ้งไว้ข้างเตียง
ปกติผมจะเปิดสั่นตอนนอน แต่วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีไง เลยปิดหมดทั้งเสียงทั้งสั่น หน้าจอก็คว่ำไว้เวลาอะไรเด้งแสงจะได้ไม่แยงตา เหอะ ไม่ได้กะหลบหน้าใครบางคนหรอกนะ ไม่เลย
4 มิสคอล 9 ข้อความใหม่ แล้วดูเหมือนกำลังมีข้อความใหม่เข้ามาเรื่อยๆ
ผมนั่งลงขอบเตียง แล้วเปิดอินบ็อกขึ้นอ่าน
พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์
00:02
- ขอโทษครับที่ไม่ได้รับสาย ผมเพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้เองว่าพี่โทรมา
- ผมเลี้ยงรับรองลูกค้าอยู่ ตอนนี้ก็ยังไม่เลิกเลยครับ
00:39
-เสร็จงานซะที
-โทรหาตอนนี้ได้ไหมครับ
-พี่เจนอนยัง?
01:10
-นอนแล้วเหรอครับ...
-ถ้านอนแล้ว ฝันดีนะครับ
01:12
-ผมเห็นไฟห้องพี่เปิดอยู่ ผมขึ้นไปหานะ
01:16
-พี่ เปิดประตูให้ผมหน่อย
ข้อความเก่ามาถึงตรงนี้ และตอนนี้แอฟก็บอกว่าเขาก็กำลังพิมพ์อะไรสักอย่างอยู่ แต่ผมไม่อยากสนใจแล้ว ตั้งใจจะปิดทั้งหมดไปซะ แต่ก็ไม่ทัน มีข้อความใหม่เข้ามาติดๆกันอีกสองสามข้อความ
01:19
-ขอโทษนะครับถ้าทำให้รำคาญ
-ผมขอโทษจริงๆ
-แต่ผมมีอะไรจะบอก
มาถึงตรงนี้ มันเว้นระยะไป เหมือนกำลังพิมพ์ๆ ลบๆ แล้วก็พิมพ์ใหม่
ผมก็รอไปซดเบียร์ไป ทำไมวันนี้มันวุ่นวายลีลาจังวะ
-ผมทำกุญแจห้องตัวเองหายครับ
-555 เลยไม่มีที่นอน…
เอ๊า! ไอ้นี่ ทำไมเพิ่งมาบอก ถ้ากูไม่อ่านเลยยันเช้าจะทำไง
ผมถอนหายใจ ก่อนพิมพ์กลับไป
-ตอนนี้อยู่ไหน
-ยังอยู่หน้าห้องครับ
ผมเดินออกไปเปิดประตูห้องอีกรอบ
คราวนี้ไม่ส่องตาแมวแล้ว ผมก้าวยาวๆไปเปิดประตูทันที แต่ปิดแล้วกลับมองไปไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยเดินออกไปมองหารอบๆ
ไอ้น้องตัวยาวเก้งก้างนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นข้างๆ ประตู ทำตัวลีบไหล่ตก ละสายตาจากจอมือถือหันมาส่งยิ้มแหยให้ผม
เห็นหัวมันอยู่ระดับมือแบบนี้ มันน่าโบกจริงๆ
“เข้ามา” ผมถอนหายใจยาว พูดสั้นๆ แล้วเดินนำเข้ามาในห้อง
“ครับ”
“ยังจะยิ้มได้อีกนะมึง ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ลีลาน่าเตะ ชอบรึไงทำให้กูดูใจร้ายเนี่ย” ถ้าบอกตั้งแต่แรกก็ไม่ไล่กลับแบบนั้นหรอก แม่ง
“เปล่านะครับ ก็ผมดีใจมันเลยยิ้มเอง” แน่ะ ยังจะยิ้มมาให้อีก
ผมทิ้งมันไว้กลางห้อง ตัวเองเดินไปตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมาอีกสองกระป๋อง เดินมานั่งที่โซฟา
“อะ” ผมเลื่อนไปตรงหน้า ความหมายคือให้เขา
“ขอบคุณครับ” บอสรับไปถือไว้แต่ยังไม่เปิด เขานั่งลงอีกฝั่งของโซฟาทำตัวเล็กๆ อยู่เงียบๆ เจียมตัวสุดๆจนผมอดหงุดหงิดไม่ได้
“มีปากทำไมไม่พูด ถ้าพี่ไม่เปิดขึ้นมาดูเลย ไม่ต้องนั่งตรงนั้นยันเช้าเหรอ”
“ก็เพราะผมเห็นมันขึ้นอ่าน ผมถึงรีบพิมพ์ไงครับ”
“มึงนี่”
“ขอโทษครับ”
บอสขอโทษผมอีกครั้ง จริงๆไม่ใช่ความผิดอะไรมากมายจนต้องขอโทษแล้วขอโทษอีกเลย แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดๆหน่อยๆเอง
“เห้อ... แล้วทำอิท่าไหน กุญแจห้องถึงหายได้”
“ไม่รู้สิครับ ถ้าผมรู้คงไม่ทำมันหาย”
“เอ้า ไอ้นี่”
“ขอโทษครับๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่มันไม่รู้จริงๆ คือผมรู้ตัวว่าหายก็ตอนถึงหน้าหอแล้ว กระเป๋ามันโล่งๆ เลยกะมาหาพี่ แบบว่า... ขอนอนนี่สักคืน พรุ่งนี้เช้าถึงจะไปขอกุญแจสำรองจากป้าแม่บ้านได้ คือ... แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมไปหอเพื่อนก็ได้”
“หอเพื่อนอยู่ไหน”
“บางนา อ้อ มีอีกคนอยู่พญาไท แต่ เหมือนมันจะอยู่กับแฟน”
“ป่านนี้เพื่อนคงตื่นมารับโทรศัพท์หรอก คืนนี้ก็นอนนี่แหละ พี่ไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้น”
“โอ้ะ ขอบคุณครับ”
“เออน่า อย่าคิดมาก” ผมเองมั้ง ที่ไม่ควรคิดมากถ้าเรื่องมันออกมาเป็นงี้ จะไล่มันกลับได้ไงล่ะ
“ก็”
“นิ ก็เราไม่บอกแต่แรก กูก็นึกว่ามึงมากวนตีนเฉยๆดิ”
“โธ่พี่ ใครจะกล้ากวนตีนพี่”
“เหอะ อย่างกะปกติมึงไม่กวนเลยยยย นับถือกูมาก เคารพกูสุดๆ”
“ฮ่าๆๆ”
“เอ้า นี่ ไม่กิน” บอสเลิกถือกระป๋องเบียร์ เอามาวางบนโต๊ะแล้วใช้เป็นเป้าสายตาแทน ถึงจะนั่งคนละฝากโซฟา แต่เมื่อกี้ตอนที่เดินผ่าน กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว คงเลี้ยงลูกค้ากันหนักหน่วงอยู่
“ไม่ดีกว่าพี่ ผมกินเหล้ามาทั้งคืน ถ้าโดนเบียร์เข้าไปซ้ำมีหวังพุ่ง”
“เชี่ย อย่ามาอ้วกในห้องกูนา ถ้าจะอ้วก โน้นเลย ห้องน้ำ”
“ไม่หรอกคร้าบบบ เห้อ นึกว่าต้องนอนข้างถนนซะแล้วคืนนี้ เห้ออออ ผมมึนมากเลย ไม่ได้กินหนักๆขนาดนี้มานานแล้ว” หมอนี่ถอนหายใจถี่กว่าหายใจซะอีก
เขาผ่อนคลายและเริ่มเหยียดตัวพิงโซฟาอย่างอ่อนล้า สองมือบีบไปมาบนหน้าเหมือนกำลังปลุกตัวเองจากอาการมึนเบลอ
ผมฟังนิ่งๆ เลื่อนช่องทีวีไปมาเพราะพอบทสัมภาษณ์จบลง เวลานี้จึงเงียบมาก
เพราะเรื่องเมื่อวาน ที่บี้ส่งซาฟามาป่วนที่วีดีโอคอลผม เราเลยแยกย้ายกันไปแบบงงๆ
วันนี้ทั้งวันบอสก็เงียบกริบไม่ตอบแชท ก็พอเข้าใจอยู่หรอก โทรไปไม่รับ ก็พอรับได้ แต่โทรไปแล้วตัดสายเนี่ย ผมไม่อยากยอมรับเลยว่าเสียเซลฟ์มาก
ใครมาอยู่จุดที่ผมอยู่ก็ต้องรู้สึกเหมือนผม ว่าเขา จัดให้ผมอยู่ในตำแหน่งคนพิเศษ ทั้งที่เพื่อนฝูงเขามากมายแทนที่จะไปคุยกับคนอื่นๆ เขากลับเอาแต่คุยกับผม เขารับสายผมเร็วตลอด ให้เวลาทั้งหมดกับผม สแตนบายพร้อมพาไปทุกที่ ถึงจะไม่ได้ก้าวก่ายชีวิตความเป็นอยู่ประจำวัน แต่ก็มีความใส่ใจห่วงใยปนอยู่ในบทสนทนาเสมอ
และอีกมายมายที่ผมรู้สึกได้ รับรู้ได้ ยิ่งหลังจากเราห่างกันไปครั้งนั้น เหมือนเขาจะบอกผมด้วยอะไรหลายๆอย่างว่าผมสำคัญสำหรับเขาและอย่าหายไปจากเขาอีก ไม่ใช่คำที่เขาใช้สื่อสาร ไม่ใช่แววตาหว่านล้อม แต่เป็นการกระทำที่สอดแทรกกลิ่นไอความอบอุ่นมาให้ในทุกๆการกระทำ
ความเป็นบอสทำให้ทุกอย่างออกมาพอดี ทำให้คนขี้รำคาญอย่างผมไม่รำคาญ ทำให้คนชอบอยู่คนเดียวอย่างผมไม่รู้สึกว่ามีส่วนเกิน ทำให้ความเหงาของผมกลายเป็นสิ่งไม่มีตัวตน
บอสไม่เคยพูดว่าชอบหรือรัก หรือกระทั่งคำว่าคิดถึงเขาก็ไม่เคยพูด
แต่คนที่ทำทั้งหมดที่ว่ามานั่นได้สม่ำเสมอและนานหลายเดือน ต้องมีอะไรในใจบ้างล่ะ
ผมเผลอมองเขาอยู่นาน จนรู้สึกตัวถึงได้หันไปสนใจทีวีตรงหน้าแทน เขาหลับตาอยู่อย่างนั้นและอยู่เงียบๆอย่างนี้นานพอควรแล้ว
จู่ๆ บอสก็พูดออกมาอีกทั้งที่หลับตาอยู่
“ตอนพี่ตอบแชท ผมดีใจมากเลยนะครับ”
“...”
“ดีใจมาตลอด พี่จะรู้ไหมว่า...”
บอสพูดทิ้งระยะเว้นวรรคยาว นานจนผมไม่แน่ใจว่าเขาอยากพูดให้จบไหม
“...?” ผมไม่แน่ใจว่าควรหันไปตั้งใจฟังเขาพูด หรือทำเป็นดูทีวีต่อไปดี
“พี่เหมือนแสงสว่างของผมเลย ในความมืด ผมก็ยังมองเห็นพี่”
สายตาเชื่อมๆ ที่ส่งมาพร้อมกับคำพูดแปลกๆ ของเขา ทำให้ผมเริ่มนั่งไม่ติด และอยู่ไม่สุข
เมา ต้องเป็นเพราะหมอนี่เมาแน่ๆ ถึงได้ทำตาแบบนี้
“เวอร์แล้วมึง”
ผมเลือกออกจากสถานการณ์อันตรายต่อใจแบบนี้ด้วยการทำหน้าเซงใส่เขา ยิ้มเยาะสมเพชความเมาของเขาอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะด่าหรือจะยิงมุขตลกต่อดี ฟังเสียงหัวเราะเขาแล้ว... เปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“ฮ่าๆๆๆ” เลยได้แค่ฟังเขาหัวเราะซะเอง
“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวหาชุดนอนให้ใส่” ผมลุกออกจากโซฟามาทันที ทำเป็นเดินเข้าห้องทำนั่นทำนี่ให้รู้สึกว่าไม่ว่าง
บอสลุกขึ้นตามที่บอก แม้จะเอื่อยเฉื่อย ช้ากว่าปกติมากก็เถอะ เขาก็ยังเข้าห้องน้ำถูก
เกือบจะดีแล้วเชียว ผมไม่น่ามองตามเขาเลย รอยสีแดงตรงไหล่เขามันขัดหูขัดตาจริงๆ
---------------------------------------
TBC.
ยังมิจบจ้า
แต่ตอนหน้าก็จบแล้วล่ะ
มีตอนแถมอีกนิดหน่อย
ความหวานหาไม่ได้จากตอนปกติ ตั้งเต็นท์รอตอนพิเศษไปนะ 5555
แม็ตมะนาวก็กำลังจะมา ขอเบ่งพลังแป็ป 555
สวัสดีปีใหม่ปีไก่จ้าาา ไก่ซึ่งเป็นญาตกับนก พญานกอย่างเราต้องสรอง! (ไม่เกี่ยวกันเลย 5555+)