[เรื่องสั้น] ☻☺☻ เหงา...ตัวเท่าบ้าน ตอนพิเศษ.ความปึ๋งปั๋งของเด็กหนุ่ม(?) P.3 จบ.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ☻☺☻ เหงา...ตัวเท่าบ้าน ตอนพิเศษ.ความปึ๋งปั๋งของเด็กหนุ่ม(?) P.3 จบ.  (อ่าน 15140 ครั้ง)

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

เพิ่มเติม >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

-----------------------------------------------------------------------------------------------------



สวัสดีค่ะ ฮับแวะมาเปิดเรื่องสั้น เรื่องใหม่ แก้เครียด
ที่มาที่ไปนี่มาจากชีวิตจริงล้วนๆ
ใครอยู่ในสภาวะเดียวกับพี่เจของเรื่องนี้ ยกมือหน่อยยยย

ฝากติชมเช่นเคยจ้า
ชอบไม่ชอบยังไงบอกกันได้ ยินดีรับทุกคำติค่า




ผลงานอื่นๆ


➽ ย้ำรัก. love Again. ➽ เรื่องยาว -เรื่องของเพื่อนใหม่ที่ไปๆมาๆไม่จบแค่เพื่อน -แนวน่ารัก ตอนนี้ยังใสๆ(ใช้คำว่าตอนนี้!) (ยังมิจบ)
➽ ลอง เจ็บซ้ำ... Try Again. ➽ -เรื่องแยกจากเรื่องข้างบน -เรื่องของเพื่อนรักที่มีเหตุให้มองเพื่อนเปลี่ยนไป (ยังมิจบ)

[เรื่องสั้น] คิงไซซ์ ใจเดียวกัน -การกลับมาพบกันอีกครั้งของคู่กัด -แนวตลกอบอุ่น (จบ.)




เพจคนหัดเขียน >> https://web.facebook.com/Brosohub/


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2017 00:36:49 โดย Brosohub »

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0


-  เหงา  -






เหงาครับ



เหงาาาาาาาาาาา




เฮ้ย เอาไงดีว่ะชีวิต



บ้านก็ไกล อ้อนแม่ไม่ได้


แฟนก็ม่ายมี แค่คิดว่าจะชอบใครสักคน อยู่ๆเขาก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาให้เห็นจะจะซะทุกที นกตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบด้วยซ้ำ


แล้วช่วงนี้บริษัทก็ดันฟิกคอส งดโอทีทุกกรณี งานมีแต่อยู่ทำไม่ได้ จากที่เคยใช้งานบังหน้าทำโอทีแก้เหงา ตอนนี้ก็อดไป เพื่อนสมัยเรียนก็ห่างไกลแยกย้ายกันไปหมด ขนาดนัดล่วงหน้าเป็นเดือนถึงเวลายังมาเจอกันได้ไม่ครบทีม จะเอาอะไรกับความเหงารายวันที่มาจู่โจมทุกวันอย่างตอนนี้ล่ะครับ


ชีวิตวัยทำงานของผมย่างเข้าปีที่ 4 เรียกว่าอยู่ในช่วงเหม็นเบื่อเต็มที่ เบื่องาน เบื่อเพื่อนร่วมงานเบื่อหัวหน้า เบื่อยันกับข้าวที่กินซ้ำไปซ้ำมาวนอยู่ร้านเดิมๆ เมนูเดิมๆ ชีวิตเดิมๆของผมไร้สีสันโดยสิ้นเชิงเพราะไร้ซึ่งอาหารใจหล่อเลี้ยงชีวิตและความเป็นคน ผมว่า ผมกำลังแห้งเหี่ยว ขาดความรักที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้อยากสู้กับทุกอย่าง คำว่าแฟน มันจากผมไปตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ก่อนรับใบปริญญาทางการศึกษาเสียอีก


และ มันไม่เคยเข้ามาแวะเวียนสร้างสีสันในชีวิตผมอีกเลย...


โอเค ผมยอมรับว่าแรกๆผมไม่สนใจอะไรเลยนอกจากงานตรงหน้า มุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างเดียว สัปดาห์มี 7วัน ผมทำงานได้ 7 วัน ไม่ต้องพัก ไม่ต้องหยุด ไม่จำเป็นต้องดูแลตัวเอง ย้อนคิดดูแล้วใครที่ไหนเขาจะทนอยู่กับคนไม่มีเวลาอย่างผมได้ล่ะครับ แต่ตอนนี้ ผมเริ่มรู้ตัว งานเข้าที่ ไม่เบียดเบียนเวลาส่วนตัว มีเวลาให้ กลับมาดูแลตัวเองบ้าง แต่พอมองไปรอบๆตัว มันไม่เหลือใครเลย เพื่อนร่วมงานก็รู้ซึ้งว่าถ้าเลือกได้ไม่ควรเอามาเป็นแฟน คนรู้จักที่มองเห็นจากในโซเชียลก็... มีเจ้าของกันหมดแล้ว วันๆผมได้แต่เขี่ยเฟสบุ๊คกับไอจีไปกลับๆ ไร้จุดหมาย 


จะว่าตอนนี้เพื่อนซี้ผมก็มีนะมี มันชื่อเบบี้ อยู่คอนโดเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน เป็นผู้หญิงผมสั้นตัวเล็กน่ารัก ใครๆก็คิดว่าเรากิ๊กกัน แต่มันมีผัวครับ ตัวติดผัวอย่างกับอะไร เบบี้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆออกห้าวๆหน่อย ตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นเลสด้วยซ้ำ แต่อยู่ไปอยู่มาก็พบว่ามันมีแฟนเป็นผู้ชายสูงหล่อดูดี นี่เพิ่งย้ายมาอยู่กับมันได้สามเดือน คนอื่นอาจจะไม่รู้เพราะมันไม่ค่อยอวดผัวลงโซเชี่ยล แต่ผมที่อยู่ใกล้ไปกลับกับมันทุกวันมาสองปีก็อดไม่ได้ที่จะเผือก... เอิ่ม รู้เรื่องชาวบ้านเข้าอย่างเลี่ยงไม่ได้


ตอนนี้ผมถึงได้มาอยู่ในภาวะถูกทิ้งไว้กลางทาง... จากเพื่อนนะครับ ไม่ใช่จากคนรัก


ปกติก็ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจกับความเหงาเท่าไหร่นะ อยู่คนเดียวพอไหว อยู่ได้ มีงานมีเพื่อน พอแล้ว แต่ตอนนี้สิ เพื่อนก็หาย แล้วยังต้องเห็นฉากสวีทของชาวบ้านอยู่เนืองๆ


จากที่ไม่อะไร ทำใจจำยอมอยู่กับความเหงาได้ ตอนนี้เริ่มรู้สึกเคว้งคว้างไงไม่รู้ จะชวนเพื่อนเที่ยวรึก็ไม่มีใคร มีแต่คนอยู่ไกลๆ จะชวนไอ้บี้ไปมันก็จะหนีบแฟนไปด้วยแน่ๆ แล้วแบบนั้นผมจะไปทำไมถ้าต้องหมั่นไส้คู่มันจนรังสีไม่เป็นมิตรเข้าครอบงำ หน้าคงย่น คิ้วคงผูกโบว์ นกตั้งแต่ยังไม่ทันเล็งเป้าเป็นแน่แท้


ถ้าจะเปรี้ยวไปเที่ยวกลางคืนคนเดียว... โอ้ย ตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์ปั้นหน้าอ่อยใครหรอกนะ ไม่มีอารมณ์


มีแต่ความเหงาที่ไม่รู้จะจัดการยังไง






นั่นแหละครับ เพราะอารมณ์เซงๆ ผมถึงได้เกาตูดขยี้หัวลุกออกมาเซเว่นหาอะไรย้อมใจให้มันหายฟุ้งซ่าน




“อ้าว พี่เจ หวัดดีครับ”


“หา เออ หวัดดี”


ผมถูกเด็กทักทันทีที่เดินเข้าเซเว่น


เด็กเหรอ? ทำไมคิดว่ามันเด็กว่ะ เพราะหน้าตา? อ้อ เพราะมันเรียกผมพี่


แต่ดูดีๆ กูรู้จักมึงเหรอ? มึงรู้จักกูได้ไงว่ะ? งงครับ ผมทำหน้ามึนเต็มที่ แต่ก็พยายามตอบกลับไปให้ดูธรรมชาติ


“ไม่เจอกันนานเลยพี่ โหไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอแถวนี้ พี่อยู่แถวนี้เหรอพี่?”


ผมเห็นมันเหลือบมองเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ย้วยๆของผม ทำไมว่ะ ก็กูกำลังจะนอน แต่เกิดเปรี้ยวปากอยากแดกเบียร์ขึ้นมากลางดึก ผิดรึไงว่ะ?


“เออ ใช่ คอนโดข้างหลังเนี่ย เราล่ะ อยู่แถวนี้เหรอ”


“ครับ อพาร์เมนต์ซอยข้างๆ นี่เองครับ”


ไอ้น้องตัวสูงตอบแล้วยิ้มมาให้ผม


ยิ้มเหรอ แปลกๆป่าวว่ะ?


คือ จะอธิบายรูปร่างหน้าตามันยังไงดี... สูงกว่าผมหน่อย รูปร่างสมส่วนดี ใส่เชิตแขนยาวผูกไทแล้วดูสูงโปร่งน่ามอง ผมตั้งๆ คิ้วเข้ม ตาใส ผิวดี ดูจากปฏิกิริยาพนักงานหญิงหลังเค้าน์เตอร์ที่มองตามไอ้น้องนี้ก็รู้เลยว่าแบบนี้มันสเปคชายในฝันของสาวๆ


บรรยากาศแปลกๆ ตอนที่มันมองผมนิ่งๆ มีพนักงานมองมันกับผมสลับกันไปมา


“เพิ่งเลิกงานเหรอ” ไม่รู้จะถามอะไร ผมเลยถามไปส่งๆตามมารยาท


“กำลังจะไปทำงานต่างหากครับ”


“จริงอ่ะ” ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลา แต่ก็ลืมไปว่าถอดทิ้งไว้ตั้งแต่เลิกงาน เลยเปลี่ยนเป็นยกโทรศัพท์ขึ้นดูเวลาแทน ห้าทุ่ม “กะดึกเหรอ?”


“เปล่าครับ ผมล้อเล่น ฮ่าๆๆๆ  เพิ่งเลิกงานครับเพิ่งเลิกงาน”


“เออ...” ผมหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อว่ามันจะกล้าเล่น



ติ้ง!


“สปาร์เก็ตตี้ได้แล้วค่ะ”


ไอ้น้องที่ผมยังนึกชื่อไม่ออก หันไปรับข้าว แล้วจ่ายเงิน ผมเลยได้โอกาสเดินหลบออกมา


แม่ง ชื่อยังนึกไม่ออกเลย มึงก็กล้าไปคุยกับน้องเป็นวรรคเป็นเวรเนอะ งงตัวเอง




ผมเดินออกมา อ้อมไปหลังร้านมุ่งสู่ตู้แช่น้ำตู้ในสุด


สปาย สเมอนอฟ เบียร์ เบียร์ๆๆๆๆ


สายตาไล่ไปตามชั้นต่างๆ คำนวณเปอร์เซนแอลกอร์ฮอล์กับความแข็งของคอของตัวเองแล้ว ถ้าจะกินเบียร์คงต้องแบกไปเกือบลัง ถ้างั้นพึ่งหัวเชื้อหลังเค้าร์เตอร์พนักงานดีกว่า ผมเปิดตู้แช่หยิบโซดาแพ็คเล็กๆ ติดมือมาแพ็คนึง ก่อนจะหมุนตัวออก


“เฮ้ย!”


“อ้าว ขอโทษครับ นึกว่าพี่เห็นผมแล้วซะอีก”


“มายืนทำไรตรงนี้” จ่ายตังเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอมึง ไปไหนก็ไปเดะว่ะ


“มาหวัดดีพี่อีกรอบไง หวัดดีพี่ ผมบอสนะครับ ถ้าพี่ลงมาเวลานี้อีกคงได้เจอกันบ่อยๆ ฮ่าๆๆๆ ไปละครับลาล่ะพี่”


“เออๆ หวัดดีๆ”


ไอ้น้องตัวสูงเดินดุ่มๆ หายไป ตกใจหมดเลย เกือบทำโซดาทั้งแพ็คหลุดมือ แม่ง



“สองรายการนะคะ”


ห่ะ อะไรนะ?


“เดี๋ยวสิ!” ผมมองหน้าพนักงานตาโต พนักงานก็มองผมตาโตเหมือนกัน เขาคงตกใจที่ผมทำท่าตกใจ


ไม่ๆ เดี๋ยวๆ ขอผมนึกก่อน โซดากับน้ำแข็งเหรอ ยังสิยังไม่ได้เหล้าเลย


“ขอฮันเดรดขวดนึงครับ”


พนักงานยิ้มหันไปหยิบให้ตามที่บอก เหอๆ


ยังดีนะไม่ค่อยมีคน ไม่งั้นอายเขาตาย


ขนาดมีแค่พนักงานสองคน เขายังมองผมแปลกๆ แถมยิ้มให้แปลกๆอีกน่ะ โอ้ย รีบขึ้นห้องดีกว่า






กลับมาถึงห้อง ไม่รู้ผมนึกยังไง เปิดคอม เปิดเฟส หาเฟสของไอ้น้องที่เจอเมื่อกี้


จิบเหล้าไปหาไป จำได้ลางๆ ว่าเป็นเพื่อนกับน้องในสายรหัสตอนที่เรียน เหมือนจะเคยเจอ แต่ก็เจอแค่ไม่กี่ครั้งเพราะมันขึ้นปีหนึ่งผมก็ปีสี่แล้ว หาไปหามา รื้อไปจนถึงรูปที่มันลงด้วยกันสมัยเรียน ปรากฏ ผมกับมันเป็นเฟรนกันอยู่แล้ว


ร้อง อ้าว เลย


ไปแอดกันตอนไหนว่ะ จำไม่ได้


เออๆ ช่างเถอะ ผมอ่านออกเสียง


“พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์”


อื้มมม ชื่อก็ไม่คุ้น


ผมเลื่อนไปตามหน้าทามไลน์ของน้องมอส


สเตตัสล่าสุดบอกว่า





พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์

“สมกับที่คิดถึง”






โพสเมื่อ 10 นาทีก่อน


คนแรกที่มาเม้นต์คือหลานผมเอง




วายุพรรค มนต์ตรา “เพ้อนะมึง”

      พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์  “ดึกแล้ว เพ้อได้”

      วายุพรรค มนต์ตรา “ดึกแล้ว เงี่ยนได้”

      พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์  “ได้เหรอว่ะ แล้วถ้าเงี่ยนกูต้องทำไรต่อ?”

      วายุพรรค มนต์ตรา “ไปบอกคนที่มึงเพ้อถึง”

      พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์  “เสือก”

      วายุพรรค มนต์ตรา “ปั๊ด! เดี๋ยวกูแท็กเลย”

      พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์  “ข้าน้อยสมควรตาย ข้อน้อยผิดไปแล้ว”

      วายุพรรค มนต์ตรา  “เออ ถือว่าอยู่เป็น 55555”

Mauka Kiae  “คิดถึงเราเหรอ?”

      พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์ “ยูกะออกจะฮ็อตอยู่แล้ว ใครๆก็คิดถึง

Bunny vippy  “บอกว่าไม่ต้องคิดถึงเราไง”






เออ กูรู้ล่ะมึงฮ็อต


แม่ง มั่นไส้ ผ่านไปสักปีสองปี เดี๋ยวมึงก็แห้งเหี่ยว ลืมเพื่อนเพื่อนลืมกันหมด ทามไลน์มึงจะนิ่ง วันๆจะไม่มีคนกวน ชีวิตจะเงียบเหงา


เหมือนกูนี่โว้ยยยยย


แม่ง เหงา!


เสตตัสผมถึงกลายเป็น




“เหงา! ตัวเท่าบ้านนนนนนนนนน”




แหม่ กดโพสแล้วขึ้นตัวใหญ่ให้ซะด้วย ดีจริงๆ


หันไปหยิบแก้วขึ้นมาจิบ ก็มีเสียงเตือน เมจเสจดังขึ้นมา ผมเลยเปิดข้อความส่วนตัวเพื่อเช็คดูตามสัญชาตญาณ


พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์


เอิ่ม ไอ้น้องบอสเหรอ?





“ผมบอสที่เจอเมื่อกี้นะพี่”

“พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

                                              “จำได้น่า”

                                         “ไม่นิ ทำไม?”

“เห็นสเตตัส...”

                   “พี่ก็บ่นไปเรื่อย ไม่มีอะไรหรอก”

“จะจริงเร้อ”

“เหงาก็ยอมรับเถอะพี่”

                     “เหงาๆซะให้เข็ด เวลามีใครขึ้น
 
                     มาจะได้ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆไง”

                        “ดูหล่อมะ คำพูดพี่ 5555555”

“โคตรหล่อเลยพี่”

“พี่ทำไรอยู่อ่ะ?”






ผมมัวแต่ก้มๆเงยๆหยิบแก้ว กลับมาอ่านข้างบน คิดตามว่าจะตอบมันไปว่าทำอะไร มันก็พิมพ์มาอีกประโยคที่ผมนึกว่าอ่านผิดเลยอ่านซ้ำอีกรอบ




“เออ พี่ๆ ผมมือไม่ว่างอ่ะ คอลได้มั้ย”




คอล? ที่แปลว่าโทรเหรอ?


“แม่ง วีดีโอคอลซะด้วย เอาไงว่ะกู รับดีไหมวะ” เสียงสัญญาณเตือนดังก่อกวนให้ผมยิ่งลนคิดไม่ตก  ก็คุยกันอยู่แหม็บๆ ถ้าอ้างว่าไม่ว่างจะแปลกๆมั้ยว่ะ มันจะคิดว่าผมเรื่องเยอะแลหยิ่งมะ?


“ต้องรับใช่ไหมเนี่ย” มองรอบตัว ห้องไม่ได้รก หน้าผมก็ปกติเหมือนที่เจอมันเมื่อกี้ มีขวดเหล้ากับแก้วข้างมือ ผมเลยผลักมันออกให้ออกไปจากมุมกล้อง ไม่ได้สร้างภาพ แต่ไม่อยากให้มันจับผิดคิดว่าผมขี้เหล้าเมายา


ผมแกล้งทำเป็นงัดโน๊ตบุคให้เหงนขึ้นเพดานเห็นหน้าผมแค่ลูกตากับหน้าผาก




“หวัดดีคร้าบบบบ อ้าว ทำไมหน้าเหลือแค่นั้นอ่ะพี่” เสียงสดใสส่งกลับมาก่อนวีดีโอจะเริ่มทำงานซะอีก


“พอดีพี่โป้อยู่”


“ไม่เชื่อ ไหนดูดิ้”


“สัส”


“ฮ่าๆๆๆ” ไอ้น้องกวนตีนมันคงยกโทรศัพท์หมุนไปหมุนมาพาเดินไปไหนสักที่ ผมมองตามก็ตาลาย


ว่าแต่ทำไมต้องตั้งใจมองว่ามันทำอะไรด้วยว่ะกู?



บอสตั้งกล้องไว้ แล้วตัวเองถอยออกไปหลังโต๊ะเตี้ยๆที่มีเตารีดไฟแดงตั้งอยู่


“รีดผ้าเหรอ?”


“คร้าบ พ่อบ้านมั้ยล่ะ?”


“แฟนไม่ทำให้รึไง น่าสงสารว่ะ”


“ฮ่าๆๆๆ จะทำไงได้ก็ไม่มีแฟนทำให้ เอ้ะ นี่พี่กำลังหลอกถามผมเรื่องแฟนใช่ไหม?”


“อ้าว หลอกไมว่ะ เรื่องแค่นี้”


“เออ เนอะ ฮ่าๆๆ”


“เป็นอะไรว่ะ หัวเราะจัง”


“อ้อ” เขาพยักหน้าให้ผม เอี้ยวตัวไปอีกข้าง แล้วกลับมาพร้อมกรัป๋องเบียร์ในมือ “นี่ไงพี่ ยาบ้า”


ผมขมวดคิ้ว ยกแก้วตัวเองขึ้นมาส่องโชว์บ้าง


“ทำไมของพี่กินแล้วไม่เห็นทำให้อารมณ์ดีขึ้นเลย”


“ผมกระป๋ฮงที่สองแล้วนา พี่แบบแก้ว ต้องสักแก้วที่ 5 จะเริ่มดี”


“อย่ามาหลอกซะให้ยาก แก้วเดียวพี่ก็มาเละมาแล้ว”


“แก้วเดียวแต่เติมแล้วเติมอีกเติมแล้วเติมอีก ใช่ไหมพี่”


“ฮ่าๆๆๆ ถูกกกกก”


“ฮ่าๆๆๆๆ ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว ชนกันหน่อยไหมพี่”


“มา ชน”


“ชนครับๆ”


ผมยกแก้วไปใกล้ๆกล้อง พร้อมๆกับที่น้องมันยกกระป๋องเบียร์มาทางกล้องฝั่งมัน เรามโนว่าชนแก้วกัน แล้วซดหมดแก้วอย่างกะหิวมากมาย ลำบากมันต้องลุกไปหยิบกระป๋องใหม่มาเปิดก่อนนั่งรีดผ้าต่อ


“พี่มิกซ์อะไรอ่ะ?”


“โซดาน้ำ”


“แล้วน้ำมากกว่าหรือโซดามากกว่า”


“เหล้ามากกว่า” ผมยักคิ้วกวนๆให้ เห็นอย่างนี้ผมก็คอทองแดงใช้ได้เหมือนกันนะครับ ใครคิดจะมอมผมคงต้องเล่นของก่อนมาท้าดวลบอกเลย


“โหย เปลือง ฮ่าๆๆ”


“เราเหอะ ทำไมกินเบียร์ ลงพุงนะเว้ย”


“กะเบาๆพอเป็นกระไสไง”


“เสียใจ ชนกับพี่คงจะเปลืองหน่อยนะ”


“ไม่เปลืองหรอกพี่ นี่ป๋องสุดท้าย หมดคลังแล้ว”


“อ้าว งั้นดูพี่กินแล้วกันนะ ฮ่าๆๆๆ”


“ค้าบบบบ นั่นพี่เล่นเกมอะไรอ่ะ?”


หลังจากนั้นผมก็นั่งเหยียดเล่นเกมมือถืออยู่หน้าคอม ดูมันรีดผ้า ปากก็คุยเล่นไปเรื่อย







แปลก


วันนั้น เราคุยกันชั่วโมงครึ่ง


เป็นการเจอกันในรอบหลายปี แต่กลับพูดคุยสนิทสนมเหมือนรู้จักกันมานาน


วันนั้น เป็นครั้งแรกที่เราคุย


แล้วก็ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากวันนั้น ก่อนนอนเราก็มีเรื่องคุยกันทุกๆ วัน บางวันคุยกันจนหลับไปข้าง หรือบางวันวางสายแล้วก็ยังแชทคุยกันต่ออีก



ไม่รู้สึกตัวเลยว่าจู่ๆ ชีวิตก็ไม่ว่างให้กลับไปรู้สึกเหงาอีก วันๆ ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป มีอะไรทำจนลืมไปเลย ว่าตัวเหงาที่เกาะผมแน่นอยู่ก่อนหน้านี้ มันหน้าตาเป็นยังไง?




--------------------------------------------
TBC.



สวัสดีค่ะ ฮับแวะมาเปิดเรื่องสั้น เรื่องใหม่ แก้เครียด
ที่มาที่ไปนี่มาจากชีวิตจริงล้วนๆ ความเหงาไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งโสด ยิ่งโดนตัวเหงากระโดดเกาะง่ายๆ
ใครอยู่ในสภาวะเดียวกับพี่เจของเรื่องนี้ ยกมือหน่อยยยย

ฝากติชมเช่นเคยจ้า
ชอบไม่ชอบยังไงบอกกันได้ ยินดีรับทุกคำติค่า



เพจคนหัดเขียน ไว้อัพนิยาย และอัพเดทข่าวสารจ๊า >> https://web.facebook.com/Brosohub/

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ยกมืออออออ :z2:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :impress2: ต่อไปก็ไม่เหงาแล้วนิมีหนุ่มคุยด้วย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไอ้หยา ชีวิตพี่เจถูกน้องรุกคืบเข้ามาแบบไม่ทันรู้ตัว

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นายบอสมาอย่างเนียนๆเลยน้าาาาาา

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เหงาเหมือนกันเลย แต่ไม่เห็นจะมีใครทักมาคุยแบบนี้บ้างเลย T^T

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ไม่เหงากันแล้ว ต่อๆๆๆๆ เอาอีก

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เหงา~

น้องบอสรุกหราคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
มาต่อเร็วๆ นี่เหงา... ตัวเท่าบ้านหล่ะ

ออฟไลน์ PaiPo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาปาด อิอิ ตามเก็บอีกเรื่องของคนเขียนจ๊ะ
เรื่องนี้ก็ดี อินกับชีวิตช่วงนี้เลยยย
ยกมือโบก :sad4:  สเตตัส เหงาตัวเท่าบ้าน เหมือนกันเบยยย

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
- เหงา - 2 -





“ทำไมช่วงนี้มึงอารมณ์ดีจังว่ะ”


เพื่อนคนเดียวในที่ทำงานถามผม เบบี้ มันแทบจะหยุดกินไปอย่างสิ้นเชิง เอาแต่จ้องผมมาสักพักแล้วเห็นชัดๆว่าต้องมีอะไร ก่อนในที่สุดจะถามออกมาตรงๆ


“ช่วงนี้? ช่วงไหน?”


“หนึ่งเดือนมาเนี่ย”


“เหรอ ก็ไม่นะ ปกติ”


“มึงเดินผิวปาก ไม่ก็ยิ้มให้ชาวบ้านไปทั่ว จนแอดมินบริษัท ข้างๆเอาไปมโนว่ามึงยิ้มให้เขาแล้วนะ ปกติตรงไหน”


“หือ?” ยิ้ม ผมเนี่ยนะยิ้มให้เขา แล้วเขาที่ว่านี่คนไหนอ่ะ จำไม่เห็นได้


“ปกติมึงต้องเจ้าระเบียบ เรื่องมาก ทำหน้าขรึม ไม่ยิ้ม พูดน้อย หล่อแต่ดูไม่เป็นมิตร อันนั้นอ่ะมึงแบบปกติ”


“กูแย่ขนาดนั้นเลย?”


“โอ่ย ไม่งั้นหน้าดีอย่างมึงจะโสดมาถึงทุกวันนี้ได้ไงถ้ามึงเข้าถึงง่าย พูดกับมึงเป็นเรื่องง่าย อ่อยมึงแล้วมึงรับรู้อ่ะ หึ้?”


“เหรอ กูเป็นงั้นเหรอ” ลองมาคิดทบทวนมองย้อนดูตัวเอง ตอนเดินผมไม่ชอบสบตาคนอื่นเพราะขี้เกียจทัก เวลาอยู่กับคนอื่นผมไม่ค่อยพูดเพราะไม่ใช่คนขี้เล่น ไม่ใช่คนใจดี ไม่ได้เฟรนลี่ ค่อยข้างขี้รำคาญ หงุดหงิดง่าย พอใจไม่พอใจสีหน้าก็ไม่เปลี่ยน คนอื่นมองคงคิดว่าผมมีสองอารมณ์ กำลังอารมณ์ไม่ดี กับอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ


คิดๆแล้ว ผมมันไม่น่าคบหาสมาคมเลยเนอะ


ว่ามะ?


“ค่ะ! ทีนี้บอกได้ยังทำไมช่วงนี้อารมณ์ดี” เบบี้ถามกลับอย่างใส่อารมณ์


“กินอิ่มนอนหลับ”


“ตอแหล!” เบบี้ตอบกลับมาทันทีจนคนข้างหลังสำลักน้ำไอโครกๆ


“ฮ่าๆๆๆ”


“เห็นมะ หัวเราะอีกแล้ว”


“เออๆ ช่วงนี้กูมีเพื่อนคุย”


“เพื่อน?”


“จริงๆแล้วเป็นรุ่นน้อง” นึกๆไป ก็ไม่รู้จะตอบมันไปว่ายังไง เหตุผลเพราะมีเพื่อนคุยมันดูไม่มีน้ำหนักเลย เพราะเบบี้เองก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วชีวิตตัวคนเดียวของผมมันน่าเบื่อและเริ่มกัดกินผม จนเป็นผมก่อนหน้านี้ เบบี้คิดว่าผมเลือกเองว่าจะเป็นโสด เลือกอยู่คนเดียว แฮปปี้กับทุกวันดี แค่เป็นคนหน้านิ่งๆเท่านั้น


“มหาลัยเหรอ เขาจีบมึงว่างั้นเถอะ”


“เฮ้ย เปล่า คุยกันเฉยๆ แบบพี่น้องเลย”


“มึงบริสุทธิ์ใจว่างั้น?”


“เออ คุยกันปกติ เรื่องทั่วๆไป ไม่มีหยอดไม่มีจีบเลย จริงๆ”


“ถึงงั้นก็เถอะ แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเขาคิดเหมือนมึง ไม่งั้นเขาจะคุยกับมึงทุกวันๆทำไม ทำไมเขาไม่ไปหาแฟนเป็นของตัวเอง เอาเวลาไปคุยไปจีบคนอื่น”


“...”


“น้องต้องกะจีบมึงแน่ๆ”


“ไม่หรอก มึงคิดมาก” จริงๆในใจผมค่อยข้างลังเล แต่ปากก็ตอบไปงั้น


เพราะถึงแม้น้องจะจีบผมจริง ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรู้สึกดี หรือแย่ ตอนนี้ในหัวว่างเปล่า ไม่เคยคิดไปถึงจุดนั้นเลยสักนิด


“ปกติมึงคุยกันกี่โมงกี่ยาม”


“สามสี่ทุ่ม”


“วันๆคุยกันนานมะ?”


“ประมาณ ชั่วโมงนึงได้มั้ง”


“เคยคุยนานสุดเท่าไหร่”


“เช้า พวกกูลืมปิดคอม”


“กูรู้ล่ะ มึงกะจีบน้องมากกว่า”


“เอามาจากไหนของมึง”


“โอ้ย อ่อยเขาขนาดนี้ มึงไม่ต้องเถียง”


“กูเปล่า”


“งั้นอธิบายได้ไหม ทำไมมึงยอมคุยกับน้อง ทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นมึงไม่เคยโทรคุยเกินสองนาที กับกูยังถามตั้งแต่คำแรกว่า โทรมามีธุระอะไร? งี้ เสียงนี้เลยด้วย อยู่ๆมึงก็มีโมเม้นคุยเรื่อยเปื่อยกับคนอื่นวันนึงเป็นชั่วโมงๆ แถมพาอารมณ์ดีพาลหน้าตารับแขกแบบเนี่ย แล้วมึงจะให้กูคิดยังไง”


“ก็...” ผมลังเล จะบอกมันยังไง จะอธิบายกับบี้มันยังไงว่าความจริงมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่คิด “ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอว่ะ?”


“กูก็โตมาจนป่านนี้ กูก็ไม่เคยโทรหาใครโดยที่ไม่มีเหตุผลนะ ยกเว้นแต่แฟนกูคนเดียว เข้าใจ ที่กูจะบอกมะ”


“มึงอยากให้กูยอมรับว่าน้องมันจีบกูจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”



“ทำมะ กูอยากให้เพื่อนมีแฟน ผิดรึไง?”




...................................................




คำสุดท้ายของบี้ กับเรื่องทั้งหมดที่มันอธิบายความเปลี่ยนแปลงของผมก่อนแยกกันไปทำงาน จนถึงตอนนี้ผมยังคิดวนไปวนมา


หรือ... มันจะใช่…


ถ้าเขาเป็นคนที่จะไม่ทำให้ผมกลับไปเหงาอีก ถ้าเป็นเขา มันจะดีไหมนะ


แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ?





ไม่ล่ะ เลิกคิดมากแล้วทำตัวปกติต่อไปดีกว่า





ผมกลับมาถึงห้องช้ากว่าปกตินิดหน่อย เพราะนั่งรถไฟฟ้าเลยป้าย


ปกติมีเบบี้คอยเตือนหรือชวนลงรถไฟ แต่วันนี้เย็นวันศุกร์ มันมีแฟนไปรับหน้าบริษัท ส่วนผมคนโสดก็ต้องกลับเองคนเดียว เผลอคิดนั่นนี่นิดหน่อย เลยป้ายซะงั้น


เดินยังไม่ถึงคอนโด บอสก็ส่งข้อความมาเหมือนรู้เวลาดิบดี


“วันศุกร์ทั้งที ออกไปนั่งฟังเพลงจิบอะไรเย็นๆกันไหมพี่”


สไตล์การใช้ชีวิตหมอนี่เหมือนตาแก่ที่ต้องสรรค์สันทุกวันหลังเลิกงานเลยจริงๆนะ


“ขี้เกียจ”


ผมพิมพ์ปฏิเสธไปสั้นๆ มันขึ้นอ่านทันทีที่ส่งออกไป คล้ายว่าน้องยังอยู่ในหน้าแชท ผมเดินเรื่อยๆจนถึงหน้าคอนโด ยกมือถือขึ้นดูก็ไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมา ขึ้นค้างว่าอ่านแล้ว อยู่แค่นั้น


ไม่รู้นึกยังไง ผมพิมพ์ต่อไปอีกประโยค


“กินที่ห้องได้ป่ะล่ะ” ผมแค่ขี้เกียจออกข้างนอก คนเยอะ วุ่นวาย แค่เห็นคน ผมก็เหนื่อยแล้ว แต่เรื่องกินดื่ม ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรอยู่แล้ว


“พี่กินข้าวยัง”


“ยัง กำลังจะสั่งข้าว”


“ไม่ต้องๆ พี่ซื้อเหล้าขึ้นไปพอ”


“เค” ผมตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะย้อนกลับไปทางร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงคู่ใจคนไทย







ผมยังอาบน้ำอยู่เลยตอนที่บอสทักมาบอกว่ากำลังจะขึ้นมา มันมาไวกว่าที่คิดไว้อีก รีบล้างหัวแทบตาย


ออกมาจากห้องน้ำ เสียงเคาะประตูก็มาแล้ว คว้าอะไรมาได้ก็ใส่เลย แต่งตัวเสร็จบ้างไม่เสร็จบางผมเอาผ้าเช็ดตัวพาดหัวที่ยังเปียกๆ เดินออกไปเปิดประตูรับน้อง


“โทษที รอนานมั้ย”


“ไม่ครับ พี่ อาบน้ำเหรอ?” บอสยืนนิ่ง ถามผมจากหน้าประตู


อะไรของมัน ไม่เข้ามาล่ะ?


ผมกวักมือไล่ให้เข้าห้องเพื่อจะปิดประตูเอง ก็สองมือเขาเต็มไปด้วยถุงเล็กถุงใหญ่เต็มไปหมด


“ใช่ กะว่ากินเสร็จก็นอนเลยไง ข้อดีของการกินที่ห้อง มาเร็วนี่หว่า ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วได้วะ” เห็นปกติบอสเลิกงานสองสามทุ่ม อย่างเร็วๆเลยก็ทุ่มนึง เวลาตอนนี้ทุ่มครึ่งแถมไปช็อปมาขนาดนี้ แสดงว่าเลิกงานเร็วกว่าปกติ


“ผมเก่ง งานเลยเสร็จเร็ว”


“เอาที่สบายใจเลยยยย หิวแล้วซื้ออะไรมาบ้าง ไหนดูดิ” ผมขยี้หัวให้น้ำไม่หยดเปียกเสื้อ เดินตามไปดูผลงานของบอส


บอสยิ้มร่า เดินไปวางของทั้งหมดบนเค้าร์เตอร์โซนครัวเล็กๆของผม


“อะไรเยอะแยะพะรุงพะรังไปหมดเนี่ย”


“กินสุกี้กัน” เขาผายมือ นำเสนอของมากมายที่โหมซื้อมาอย่างกับถูกหวย


“ไหนมึงบอกจะกินอะไรเย็นๆ” ผมอดขำท่าทางของเขาไม่ได้


บอสเป็นคนอารมณ์ดีและไม่เคยถือสากับอะไร ผมว่าเพราะอย่างนี้มั้ง อยู่กับเขาแล้วสบายใจดี ขนาดโดนมนุษย์ป้าทางด่วนปาดหน้า มันยังปลอบใจตัวเองว่า “เขาอาจจะกำลังปวดขี้สุดๆ ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็น่าสงสารนะครับ คิดดูดิพี่ ปวดขี้บนทางด่วนที่รถติดแหง็ก... หูย ขนลุก” คือประเด็นตอนนั้นของมันคือโดนปาดหน้าต้องเบรกจนเกือบโดนเสยท้าย มันยังพาจิตนาการของผมไปถึงหน้าห้องน้ำได้ เก่งจริงๆ


“ฮ่าๆๆๆ กินร้อนก่อนค่อยกินเย็นสิครับ ขอใช้ครัวนะครับ” เขาจัดการถอดป้ายพนักงานห้อยคอออก ปลดเนคไท พับแขนเสื้อตัวเองขึ้น


สองมือเขาคล่องแคล่ว ล้างนั่นหั่นนี่ พอผมจะช่วยเขาก็บอกไม่เป็นไรมีแค่ล้างผัก ผมเลยหันไปหยิบหม้อสุกี้ที่ไม่ค่อยได้ใช้ กับถ้วยจานไปวางรอ


แบบนี้ก็ดีเนอะ สบายดี


“มีอะไรแบบ กินได้เลยบ้างไหม”


“มีซูชิ ไก่ทอด กับเค้กครับ เออ ผมลืมเลย พี่เอาเค้กเข้าตู้เย็นให้หน่อยดิ ผมมือเลอะแล้วอ่ะ” ผมยัดซูชิใส่ปากก่อนหิ้วเค้กไปยัดใส่ตู้เย็น


แป็ปเดียวหม้อสุกี้ก็เต็มไปด้วยผักและเนื้อ


ช่วงแรกๆที่เริ่มกิน เราตั้งหน้าตั้งตากินไม่พูดไม่จา ผมมารู้ตัวว่าหิวมากก็ตอนที่ร้อนใจเมื่อไหร่น้ำจะเดือนนั่นล่ะ จากนั้นก็โซ้ยแหลกลืมไปเลยว่าปากทำอะไรได้มากกว่ากิน




“ไม่งั้นเขาจะคุยกับมึงทุกวันๆทำไม ทำไมเขาไม่ไปหาแฟนเป็นของตัวเอง เอาเวลาไปคุยไปจีบคนอื่น”

“น้องต้องกะจีบมึงแน่ๆ”


พออยู่เงียบๆ เสียงเบบี้ก็ดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง







ผมมองคนตรงหน้า


จะเป็นไปได้เหรอที่มันจะจีบผม ก็ดูปกติ เขาให้เกียรติผมในฐานะรุ่นพี่ ตอนนี้เรียกว่ารุ่นพี่ที่สนิทก็คงได้ ก็มีชวนทำนั่นทำนี่ในระดับปกติ ถ้าแถวนี้มีผมคนเดียวที่มันรู้จัก มันจะไปชวนใครได้อีกล่ะ?




“บอส” ได้ครึ่งทาง เริ่มมีแรงพูดแล้วตอนนี้


“คร้าบบบ” บอสขานรับทั้งที่ตั้งอกตั้งใจลวกหมู ปากก็ยังเคี้ยวไม่หยุด


“เรามีแฟนรึเปล่า”


บอสเป็นคนดีครับ อัธยาศัยดี หน้าดี นิสัยดีน่าคบ แถมเป็นธรรมชาติไม่เสแสร้ง  มันจะแปลกมากถ้าคนแบบนี้ยังโสดอยู่ นิสัยอย่างผมนี่สิ สมควรโสด


“ทำไมจู่ๆ พี่ถามเรื่องนี้อ่ะ” บอสยิ้มๆ ไม่ได้มีท่าทางแปลกใจที่ผมถามแบบนี้ เหมือนขำอะไรอยู่ด้วยซ้ำ


“อ้าว ถามไม่ได้เหรอ” ผมจิบน้ำผลไม้แก้เลี่ยน


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ไม่มีครับ ตอนนี้ผมไม่มีแฟน”


“ทำไมไม่หาล่ะ”


“อ้าว ทำไมต้องหาล่ะพี่ ฮ่าๆๆๆ” บอสลวกกุ้งตัวที่ใหญ่ที่สุด แต่กลับโยนมาใส่ถ้วยผมแทนที่จะกินเอง


“ก็ตามวัยป่าววะ ผู้ชายวัยนี้มันวัยเจริญพันธุ์นี่หว่า ไม่มีความคิดอยากมีแฟนบ้างเหรอ”


“ไม่อ่ะ ถึงเวลามันก็มีเองแหละ เรื่องแบบนี้ รีบไปก็ไม่ได้อะไร”


“ตอนเรียนมีแฟนมั้ย ดูทรงแล้วสาวๆ ต้องติดตรึมแน่ๆ”


“คนชอบตัดสินกันจากรูปร่างหน้าตา ตอนปีหนึ่งปีสองไม่มีหญิงสนใจผมเลย พอสิวหายหน้าดีขึ้นมาหน่อยก็มาบอกว่าแอบชอบผมมานานแล้ว ผมนี่งงมาก ชอบมากทำไมเพิ่งมาแสดงตัว แล้วมาทีมาตั้ง 3 พูดเหมือนกันเป้ะ”


“โอ้ย หล่อเลือกได้”


“เปล่า ผมไม่ได้เลือกใครเลยต่างหาก”


“อ้าว ไมว่ะ”


“ไม่ใช่สเปคนี่นา ฮ่าๆๆ พี่เถอะ ทำไมไม่มีแฟนครับ?”


“บ้างาน โลกส่วนตัวสูง หน้าตาไม่น่าคบ มั้ง”


“พี่ออกจะหล่อ ขอโทษนะพี่ บางมุมพี่ก็ดูสวย” บอสกวนตีนเอียงซ้ายเอียงขวา หรี่ตามองผมในมุมต่างๆ แบบตั้งใจให้รู้เลยว่ากวนตีน


“ไม่บางอ่ะ กูรู้ตัว” ครับ ผมตัวเตี้ย สูงแค่ 171 แถมผอมไหล่บาง ตัวบางเป็นไม้กระดาน เสื้อไซซ์  M ยังใหญ่ไปสำหรับผม หน้าก็ยาวๆ แก่แล้วแก้มก็ไม่ยุบ คางแหลมๆ ปากเป็นหยักชัด กับผิวขาวซีดที่ทำยังไงก็ไม่ดำไปกว่านี้แล้ว พวกสาวๆชอบบอกว่าผิวผมสวย น่าอิจฉา แต่เพราะผิวแบบนี้เนี่ยแหละ ทำให้บรรดาคนที่มาชอบผมออกจะแปลกๆสักหน่อย


“ถ้าผมถามอย่าโกรธนะ”


“อะไรล่ะ ถามมาก่อน”


“ผู้หญิง กับผู้ชาย อันไหนเข้าหาพี่มากกว่ากัน”


“ผู้ชาย” ผมตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิดเลย


“แล้วพี่ชอบผู้ชายไหม?”


ผมยังไม่ตอบทันที แต่ยกหมูมาใส่ถ้วย วางตะเกียบ แล้วเงยหน้ามองบอสที่นั่งอยู่ตรงข้าม


สิ่งที่ผมเห็นคือมันยกมือพนมไว้กลางกบาล ทำท่าผิดไปแล้วซะเต็มที่ มุมประหลาดของมันทำผมหัวเราะออกมาแล้วเลือกที่จะไม่ถือสาอะไร


“ฮ่าๆๆ อะไรของมึงเนี่ย”


“พี่ต้องโกรธแน่ ขอโทษคร้าบบบ ผมแค่หลุดปาก ผมไม่ได้ คือ ผมไม่ได้กะจะอะไรนะ ไม่มีเจตนา”


“ก็ไม่อะไรหรอก ถ้าเข้ามาทักมาคุยแบบคนปกติเขาอ่ะนะ ถ้าไม่ถึงขนาดจับก้นก่อนทัก ก็โอเคอยู่”


“ผมนึกว่าผมโดนคนเดียวซะอีก สมัยเรียนพวกพี่สาวชอบเรียกผมไปนั่งด้วยเขาชอบจับ จับ จับหมดทุกส่วน ผมแบบนั่งตัวแข็งงี้เลย”


“แบบนั้นไม่น่ากลัวนะ พี่ว่าน่ารักเข้าใจง่าย แต่แบบ กล้ามๆ หนวดๆ ลูบแล้วบีบแบบหมั่นเขี้ยว พอหันไปด่าด้วยสายตา มันก็ส่งสายตาน่าขนลุกมาสู้ อยากด่าแต่ดูท่าเดินหนีปลอดภัยกว่า ถ้ามันจับพี่ล็อกนะ แขนกูคงหัก”


“พี่อย่าไปที่เสี่ยงๆแบบนั้นดิ ผมเป็นห่วง เจอแบบนั้นบ่อยเลยใช่ไหม?”


เป็นห่วง...


เป็นห่วงเหรอ?


“ก็... บ่อย” สีหน้าเขาเปลี่ยนไป ไม่เหลือแววตลกขำๆอีก พอผมบอกบ่อย เขาก็ชักสีหน้าทันที


“งี้นี่เอง ไม่ได้และๆ ผมจะไม่ชวนพี่ไปร้านเหล้ากลางคืนอีก”


“ถ้าร้านนั่งชิลๆ ก็ชอบนะ บรรยากาศดี เพลงเพราะ นานๆทีก็ไม่เสียหาย”


“มันมีทุกที่แหละพี่ ขึ้นชื่อว่าร้านเหล้า คนน่ากลัวแบบนั้นมันไม่เลือกหรอกว่าที่ไหน ทุกที่เป็นที่ของมัน ยิ่งที่ที่ไม่น่ามีอะไรคนไม่ระวังตัวมันยิ่งได้ใจ เราไม่รู้เลยนะคนพวกนั้นมันคิดอะไรอยู่ ถ้าพี่หันหลังให้แล้วมันโป้ะยาล่ะ ถ้าเขาเอาอะไรแปลกๆใส่ให้เรากินอ่ะ มันจะเกิดอะไรตามมาบ้างพี่คิดดู”


“เดี๋ยว เดี๋ยวนะ ใส่อารมณ์ทำไมเนี่ย” ผมหาจังหวะเบรกเขาได้ในที่สุด


“อ้ะ! ขอโทษครับ ลืมตัว”


บอสเกาหัวแก้เขิน หยิบตะเกียบที่วางไว้เมื่อกี้ขึ้นกัด


“หึ หึหึหึ เรานี่ ถ้ามีแฟนต้องขี้หึงแน่ๆ เลย”


“ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยมีแฟน”


“บ้าน่า ผ่านสามสาวพาวเวอร์พัฟเกิลส์ และบลาๆๆๆ  กับบรรดาพี่สาวมาได้ไง”


“ผม... ก็ผมไม่ได้ชอบเขาอ่ะ”


เออ คำตอบมันก็จริง


ถ้าไม่ได้ชอบ ถึงเขาจะมาบอกชอบมาตามจีบแค่ไหน ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จบ


สักพักเราก็จัดการทุกอย่างจนราบเรียบเป็นหน้ากลอง ตอนเห็นมันซื้อมา ผมคิดว่ายังไงๆสองคนก็กินไม่หมดนะเนี่ย





“โอ้ย อิ่มมาก จะมีแรงกินเหล้าต่อไหมเนี่ย”


“พี่ก็เริ่มกินไปแล้วไง”


“หื๋อ?”


“พั้นช์นี่ไง” บอสยกแก้วน้ำสีสวยสดที่ผมคิดว่ามันคือน้ำผลไม้รวม ขึ้นดื่มโชว์


นี่ผมกินเหล้ามาตั้งแต่ก่อนกินสุกี้อีกสิเนี่ย


“มิน่า มึนเชียว”


“ฮ่าๆๆๆ พี่ไปนั่งตรงโซฟาเถอะ ผมเก็บโต๊ะเอง”


บอสเคยมาห้องผมสองครั้งแล้วครับ รอบแรกมาลงวินโดว์ ผมลงให้มันนะไม่ใช่มันลงให้ผม รอบสองดูบอล ดังนั้นจึงพอคุ้นเคยกับครัวเล็กๆ ของผม วันแรกที่มาบอสตื่นเต้นใหญ่เพราะเห็นว่าที่ห้องไม่มีครัวไม่มีแม้แต่ซิ้งค์ล้างจาน บอกว่าอยากมีห้องที่มีครบแบบนี้บ้าง แต่ต้องเก็บตังก่อน




ผมยกแก้วพั้นช์สองแก้วติดมือมาด้วย นั่งเหยียด เปิดหนังที่น้องซื้อมา และอีกอย่างที่ผมทำคือ เติมเหล้าลงไปในแก้วพั๊นซ์ทั้งสองแก้ว


แบบนี้ก็กินง่ายดีเหมือนกันแหะ










ไม่เห็นจำเป็นต้องมีแฟนเลย มีไอ้น้องบอสก็ไม่เหงาล่ะ


ผมกำลังจะคิดแบบนั้นอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เจอเรื่องนั้นเข้า








ผ่านไปนาน จนผมเมา จนผมใกล้หลับ ผมนั่งคอพับกะหลับตรงโซฟาเพราะขี้เกียจเกินกว่าจะลุกเดินไปนอนที่เตียง เอาจริงๆคือผมเมาแบบไม่รู้ตัว เพราะวันนี้เหล้ามันหวานคล่องคอ ก็เลยเผลอกินเยอะแบบลืมตัว หลับไปแล้ววูบนึง สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีถึงรู้สึกว่าหัวหนักภาพเบลอ มึน แถมนั่งหลับไม่สบายตัวเลย


เสียงหนังค่อยๆ เบาลง เสียงคนข้างตัวขยับไปมา ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมอง


มือผมถูกจับ ผมไม่คิดจะบิดหนีหรือขยับตัวอะไรเลย ทั้งเพลียทั้งเมา ขออยู่เฉยๆแล้วกัน


แขนทั้งแขนผมถูกยกขึ้น ผมถูกอุ้มตัวลอย


ต้องแข็งแรงขนาดไหนถึงจะยกผมขึ้นได้สบายๆ แบบนี้?


ผมไม่รู้เขาจะพาผมไปไหน ในหัวว่างเปล่า ไม่ได้คิดอะไร ไม่มีความรู้สึกกังวลอะไรเลยในตอนนี้ ทุกอย่างเบาหวิว สบายเหมือนเป็นปุยนุ่นลอยอยู่ในอากาศ


ผมถูกวางบนเตียงเบามือ ทั้งแขนทั้งขาถูกจับจัดเข้าที่ ผ้าห่มก็ถูกห่มเรียบร้อย อากาศเย็นสบาย


แต่ในความเงียบที่ไม่น่าจะมีเสียงอะไร กลับมีเสียงหายใจของคนอื่นอยู่ใกล้ๆ ข้างๆ หูซ้าย


...เสียงถอนหายใจที่ไม่ใช่เสียงของผม




นานจนผมคิดว่าตัวเองหลับไปแล้ว


รู้สึกเหมือนกับว่า เตียงยวบไปมา ทั้งซ้าย ทั้งขวาพร้อมกัน


รู้สึกเหมือนกับว่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เคยกระทบหน้าหายไป กลายเป็นไออุ่น...


กลิ่นอายนี้...


เสียงหายใจเบาหวิวที่จู่ๆ ก็หายไป


...และ



จูบนี้








หลังเสียงประตูห้องนอนปิดลงอีกครั้ง ผมลืมตาตื่นเต็มที่ในความมืด


ผมคงคิดว่าตัวเองแค่กึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเพ้อหรือฝันไป ถ้าไม่มีไออุ่นที่ยังร้อนผ่าวอยู่ตรงหน้าผากนี้เป็นเครื่องยืนยัน


แต่ ถ้าจูบที่หน้าผากนี่เป็นเรื่องจริง แล้วก่อนนั้นล่ะ? เขาตั้งใจจะทำอะไร ผมรู้สึก ปลายจมูกเราแตะกัน ช่วงเวลาตอนนั้นมันนาน นานมากจนผมคิดไปว่าเขาจะจูบผมจริงๆ ก่อนจะมีไออุ่นจูบลงบนหน้าผาก




ผมเมาก็เลยคิดไปเอง หรือว่า เรื่องทั้งหมดมันคือเรื่องจริง?


--------------------------------------
TBC.



มาต่อแล้วจ้า
คำผิดบอกได้ เจออะไรแปลกๆท้วงติงได้มิว่ากัน


+คำถาม+     คนพี่อ่อย หรือ คนน้องอ่อย? โหวตค่า!  :fox2:

น่าจะประมาณ 4 ตอนจบ ฝากติดตามด้วยนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 00:49:02 โดย Brosohub »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
น้องบอสอย่าเพิ่งหางโผล่ล่ะ เดี๋ยวเหยื่อจะหนีซะก่อน หุๆๆๆๆๆ :haun5: :haun5: :haun5:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
คนพี่อ่อยไม่รู้ตัว คนน้องอ่อยเอาจริง ฮ่าๆๆๆ

งานนี้น่าจะรู้ตัวแล้วน่ะ อิอิ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ช่อม่วง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คนพี่อ่อยแน่นอนแต่แค่ไม่รู้ตัว ส่วนคนน้องอดทนไว้ลูก ช้าๆได้พร้าเล่มงาม

ออฟไลน์ PaiPo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จุ๊บเหม่งเองเหรอ ว้าาาา :เฮ้อ:
รอๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่อ่อยแต่น้องก็แทรกซึมได้เนียนมากๆๆๆ

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
- เหงา - 3 -







วันต่อมา...




สามทุ่มเข้าไปแล้ว...


ผมยังคิดไม่ตกว่าถ้าเขาโทรมา ผมจะรับ หรือไม่รับ หรือรับ หรือไม่รับสายดี?


โดยปกติบอสเขาจะโทรมาก่อนตลอดเพราะรู้ว่าเวลานั้นๆ ผมว่างและอยู่ห้อง ก็แน่ล่ะคุยกันมาตั้งนานก็ต้องมีคุยเรื่องที่ทำงาน เรื่องไม่มีโอทีกันบ้าง  ส่วนบอสนั้นเวลาเลิกงานของเขาไม่แน่นอน ถ้าเงียบหายไปจนดึกดื่นผมก็จะเดาว่าเขาอยู่ทำงาน ก็จะมีบางทีผมก็ทักไปก่อน ถามไถ่นิดๆหน่อยว่าใกล้น็อคยังขีดพลังงานติดลบแล้วรึเปล่า บางทีถ้าต้องอยู่ดึกมากๆเขาก็บอก ‘ชวนผมคุยหน่อยตาจะปิดแล้ว’


แต่วันนี้วันเสาร์ ต่างคนต่างว่าง อาจจะมีชวนไปหาอะไรกินบ้าง แต่ก็ไม่ได้คุยกันมากมายอะไร คุยตอนเย็นแค่ช่วงก่อนนอนซะส่วนใหญ่


เออว่ะ จะว่าไปคุยกันแต่ช่วงก่อนนอนตลอดเลยนี่หว่า แถมคุยทุกวันไม่มีขาด มันน่าสงสัยเหมือนที่เบบี้ว่าไว้จริงๆ


แต่วันนี้ ผมจะไม่ทักไปก่อนแน่นอน เพราะเรื่องเมื่อคืนทำผมสับสนไปหมด คิดดูผมกุมหน้าผากทั้งวัน แบบว่ารู้สึกตัวทีไรก็กำลังกุมหน้าผากอยู่ทุกทีไป งงไปหมดไม่รู้ตัวเองเป็นอะไรนักหนา


แต่ถ้าจะให้บอกว่ารู้สึกดีหรือไม่มี ความประหลาดใจของผมกลับอยู่ตรงกลางระหว่างความรู้สึกทั้งสองแบบ ไม่ถึงกับรู้สึกไม่ดี แต่จะบอกว่าดีผมก็ว่ามันไม่ใช่ มันเลยกลายเป็นความกระอักกระอ่วนแบบแปลกๆ งง สงสัย จริงไม่จริง หรือถ้าจริง เขาทำแบบนั้นทำไม


ผมพยายามทำนั่นทำนี่ให้เหมือนปกติ แต่ไม่มีอะไรเป็นปกติเลย


เพราะอดนอน เพราะอดนอนแน่ๆ ไม่ใช่เพราะคิดมากเลย ไม่ใช่ๆๆๆ




มาแล้วๆๆๆ


สักพัก เขาก็โทรมาจริงๆ เสียงเตือนดังขึ้นมา ผมกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง ทั้งที่ไม่ได้เล่นคอม แต่ทำไมกูเปิดคอมรอ ทำไมมมม


รับดีไม่รับดีว้า คิดมากกว่ารับสายมันครั้งแรกตอนไม่รู้จักกันซะอีก ผมเดินวนไปวนมาหน้าโต๊ะคอมทุกๆ จังหวะที่เสียงแจ้งเตือนดังก็แทบสะดุ้ง


ทำไมมึงอาการออกขนาดนี้ ทำไมมึงไม่ปกติ มึงคิดมากเหรอเรื่องแค่นี้ ไอ้เจเอ้ย ไม่ได้เสียตัวซะหน่อย แก่ปูนนี้แล้วจะหวงตัวไปไหนของมึง วู้


พยายามจะคิดแบบนั้น แต่มัน... ไม่ไหว ไม่ได้ ไม่รู้สึกอะไรไม่ได้จริงๆ


เสียงแจ้งเตือนเงียบไป แต่ไม่นานสัญญาณรอบใหม่ก็ดังขึ้นอีก


เอาว่ะ รอดูท่าทางหมอนั่นก่อนดีที่สุด คือก็มันยังคิดไม่ออกนี่นาว่าจะทำยังไง ถ้าสรุปเรื่องทั้งหมดผมแค่ฝันไปจริงๆ แล้วดันตีโพยตีพายพูดอะไรออกไปก็หน้าแตกเสียน้องดีๆไปทั้งคนเลยสิ




“โย่วๆ พี่เจหวัดดีคร้าบ พี่ วันนี้ผมมีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟังด้วยแหละ”




เปิดกล้องมา ภาพยังไม่ทันโฟกัสเสียงตื่นเต้นก็นำมาก่อนแล้ว


เอาล่ะสิ มันเปิดมาร่าเริงขนาดนี้ ผมไม่ได้คิดเผื่อไว้ว่าจะเจออะไรแบบนี้ ผมต้องทำไงล่ะเนี่ย


“เรื่องอะไรล่ะ?”


อ้าว ปากตอบกลับไปเฉย คือตอนนี้สมองผมช็อตตายไปแล้วครับ ให้ปากคิดแล้วก็โต้ตอบไปก่อนละกัน


ผมไม่ได้คิดมากนะ ผมไม่ได้กังวนอะไรเลย จะแปลกตรงไหนถ้าผมจะทำตัวปกติ


เนอะ...








ผลเลยออกมาว่า


ผมคุยกับมันเหมือนปกติ หัวเราะไปกับเรื่องเล่าของเขาจนผ่านไปครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ผมทำเป็นนั่งอ่านหนังสือ ส่วนเขาเล่นเกมในไอแพต


ผมเหลือบมองเขา ก่อนตัวเองจะเผลอหาวออกมายาวเหยียด


อ่า สามทุ่มเองง่วงซะแล้ว แต่ก็นะเมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับเลยนี่นา


“พี่ง่วงแล้วเหรอ วางสายเลยก็ได้ พี่ดูเพลียๆนะ”


“อื้ม” ผมรับคำ วางหนังสือลงบนตัก ทำเป็นขยี้ตาเบาๆ


จริงๆแล้วผมก้มเพื่อตั้งหลักต่างหาก


จะเข้าเรื่องยังไงๆๆ ไม่มีจังหวะเลย เขาไม่พูดเรื่องเมื่อคืนเลยสักนิด เอาไงๆๆ จะเริ่มยังไง จะถามดีไหม แล้วถ้าถาม จะถามว่าไง!


“เอ้อ” จู่ๆ ผมขึ้นเสียงสูง โคตรมีพิรุธ “เมื่อคืนกลับไปตอนไหนวะ ตื่นมาอยู่ในห้องนอน โคตรงง”


พูดไปแล้วๆๆๆ ผมพูดออกไปพยายามทำเหมือนถามเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วๆไป


“ก็พี่อ่ะ” บอสขมวดคิ้วใส่ผม “หลับตั้งแต่หนังยังไม่ได้ครึ่งเรื่องเลย ผมเลยแบกไปทิ้งไว้ที่เตียง ตอนผมออกมาก็...” ก็อะไร ก็อะไร! อย่าเว้นได้ไหมวะ “ห้าทุ่มครึ่งได้มั้งครับ”


“ทิ้งเลยเหรอ อย่างกับนักทุ่มน้ำหนัก”


“ฮ่าๆๆ ผมตกใจ เตียงพี่ยวบมาก”


“หึ?” ยวบ?


ผมเอียงซ้ายเอียงขวา ลองเทสด้วยตัวเองเพราะไม่เคยสังเกตเตียงตัวเองเลย ผมว่าก็ไม่ได้นุ่มมากนะ ปานกลาง ถ้านุ่มมากมันปวดหลัง


“แก่แล้วต้องนอนแบบนี้แหละ”


“นี่พี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ พี่คงเมามาก” ไอ้ท่าทางเท้าคางแล้วมองผมอย่างตำหนินี่มันอะไรว่ะไอ้เด็กนี่ “ยังดีนะที่อยู่ที่ห้อง ถ้าดื่มข้างนอกอย่าเมาาแบบนี้นะครับ”


“ก็ถึงบอกไง ว่าไม่อยากไปข้างนอก”


“อ่อนแอก็แพ้ไป”


“เออ กูแก่ กูอ่อน”


“ฮ่าๆๆ พี่พูดเองนะ ผมไม่ได้พูดนะ ฮ่าๆๆๆ”


น่าน จบ ปิดประตูสู่ความจริงของตัวเองซะงั้น ปากดันไปเออออว่าตัวเองหลับไม่รู้เรื่องเฉยเลย



 
เห้อ แต่ช่างมันเถอะ


แบบนี้อาจจะดีกับทั้งสองฝ่ายแล้วก็ได้





........................................................








“พี่เจ ผมหิวอ่ะ”


“มาม่าไปดิ้เวลานี้” ห้าทุ่มแล้ว แถวนี้ไม่เหลืออะไรให้กินแล้วนอกจากอาหารแช่แข็งตามร้านสะดวกซื้อ


เวลาผ่านไปสองเดือนแล้วตั้งแต่เรื่องคืนนั้น ผมไม่เปิดโอกาสให้เรื่องแบบนั้นมาสร้างความสับสนให้ผมได้อีก ด้วยการไม่เมาหลับ ถ้าจะหลับก็จะไล่มันกลับก่อนเสมอ มีออกไปหามื้อดึกกินบ้างตามประสาคนนอนดึก แต่เจ้าบอสมันพัฒนาบางทีเสาร์อาทิตย์มันก็มานั่งเล่นห้องผมเฉยเลย


เริ่มเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน


วันนี้ก็เป็นการวีดีโอคอลกันปกติ คือเปิดกล้องทิ้งไว้ แล้วต่างคนอยากทำอะไรก็ทำไป


ก็ติดไฮสปีดไว้แล้วนี่นา ใช้ไม่ใช้ก็เสียตังเท่าเดิม




“โหยพี่ แต่พี่ดู” จากบทสนทนาเมื่อครู่ บอสยื่นโทรศัพท์สาเหตุแห่งการบ่นหิวตอนดึกมาใกล้ๆ กล้อง เขากำลังเปิดรูปไอจีเพื่อน เป็นวีดีโอซูมข้าวมันไก่ในจานใหญ่ไก่ชิ้นใหญ่ๆ เรียงตัวสวย มีไอร้อนขึ้นนิดๆ มันกำลังถูกจัดใส่ช้อนพอดีคำและกำลังเข้าปาก ดูน่ากิน


น่ากินจริงๆ ด้วย


“เพื่อนมึงแม่ง เลววววว”


“โคตรเลว แล้วดูตัวมันดิ” บอสกดหยุดภาพแล้วยื่นกลับมาให้ดูขนาดตัวเพื่อนอีกรอบ เพื่อนเขาเป็นคนจ้ำม่ำ เหมือนเด็กสมบูรณ์เลย


“ไม่ๆ กูดูไก่ในจานมันอยู่” เนื้อไก่ชิ้นใหญ่ปิดข้าวมิดเลย โหยยย จากไม่อะไร ตอนนี้ผมเริ่มหิวตามมันขึ้นมาแล้ว


“แม่ง เพื่อนเลว มันน่า... จัดเลยไหมพี่”


“จะดีนะ” ผมกลืนน้ำลายลงคอ อยู่ๆน้ำลายก็ไหลบ่าออกมาอย่างกับเขื่อนแตก


“เนอะ ดี เชื่อผม” บอสหยิบกุญแจรถขึ้นมาโยนแล้วรับอวดว่าพร้อมออกเต็มที่ ผมไม่จำเป็นต้องคิดมากอีก ตอบตกลงไปอย่างง่ายๆ


“เปลี่ยนชุดแปป” ผมอยู่ในชุดนอนแล้ว คือเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงนอนขายาว


“ไม่ต้องหรอกพี่ แบบนี้แหละ ป่านนี้แล้ว”


ผมลังเล แต่สุดท้ายก็คว้ากระเป๋ากับกุญแจห้องลงมาเลยอย่างที่เด็กแนะนำ






ลงมาไม่ถึงนาที รถสีดำคันเดิมก็มาจอดเทียบรับผม


ผมขึ้นนั่งข้างคนขับด้วยความเคยชิน แต่ก็ต้องหันมองคนข้างตัวซ้ำ


“เปลี่ยนชุดเหรอ?”


“ช่างสังเกตเหมือนกันนะพี่เนี่ย”


“อย่างกับชุดคู่” บอสเองก็ใส่เสื้อขาว กับกางเกงขายาว แม้กางเกงของเขาจะเป็นกางเกงวอร์ม แต่เสื้อของเขาเนี่ยมันเหมือนที่ผมใส่ทุกอย่าง ทั้งคอวี ทั้งแขนสั้น ต่างแค่ไซซ์ ถ้าเห็นแค่ครึ่งบนนี่ เสื้อคู่ชัดๆ


“พี่จะให้ผมใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ออกไปนั่งกินข้าวมันไก่ประตูน้ำ? ไม่ดีมั้ง ฮ่าๆๆๆ”


ผมนึกภาพตาม ก็จริง เขาเองก็อยู่ในชุดพร้อมนอน แต่ชุดนอนของเขาก็อย่างที่เขาบรรยายนั่นแหละ ถ้าเป็นสาวๆผมจะบอกว่าวาบหวิว แต่นี้เขาเป็นผู้ชาย คงต้องเรียกว่าไม่มีมีมารยาทมั้ง


ผมทำหน้าเห็นด้วย ว่ามันไม่ดีจริงๆ พร้อมๆกับเปิดเพลงในรถเขาอย่างถือวิสาสะ ก็เครื่องเสียงบนรถเขาเนี่ย ดีกว่าบนห้องผมซะอีก


“อ้าว” ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกที เรากำลังผ่านแยกไฟแดงที่ควรจะเลี้ยว แต่เขาดันขับตรงเลยมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร นี่มันเลยแล้วนะ “ทำไมไม่เลี้ยวแยกเมื่อกี้ล่ะ?”


“หึ ขับรถเล่นกัน” เขาพูดแค่นั้นก็นั่งฮัมเพลงคลอ เคาะนิ้วกับพวงมาลัยอย่างสบายอารมณ์


ผมมองซ้ายมองขวา รถราบางตาเพราะมันดึกแล้วและเรากำลังออกสู่ชานเมือง


อื้ม รถไม่ติด อยากไปไหนก็ไปเถอะ ถ้าเป็นตอนกลางวันน่ะเหรอ จากคอนโดขับมาถึงตรงนี้ต้องใช้เวลาร่วมสี่สิบนาที แต่ดึกดื่นแบบนี้ ไม่ถึงห้านาทีเราก็มาโพล่ทางขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแบบชิลๆ ไม่ขับสบายแทบไม่ต้องแตะเบรก


ผมเลยไม่ได้ตอบอะไร นั่งมองทิวทัศน์ชมบรรยากาศกลางกรุงยามค่ำคืน อากาศเย็นๆ แสงสีส้มนวลๆ


ที่ผมเลือกไม่ซื้อรถ เพราะคำนวณแล้วว่ามันจะสร้างความลำบากให้ชีวิตมากกว่าประโยชน์ แต่พอได้มานั่งรถเล่น เย็นๆ เห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนแบบนี้แล้ว ผมเริ่มมองเห็นข้อดีของการมีรถส่วนตัวขึ้นมาบ้างแล้วสิ


บอสปิดแอร์ในรถ เบาเสียงเพลง แล้วลดกระจกลง


ไอเย็นๆของอากาศปลายเดือนพฤศจิกาเข้าปะทะหน้ากลิ่นสภาพแวดล้มที่เปลี่ยนไปตลอดทางที่ขับรถผ่าน


“ผมอยากพาพี่ออกมาขับรถเล่นแบบนี้นานแล้ว”


“ฮื๋อ?”


“ก็ถ้ามาคนเดียว มันก็แปลกๆรึเปล่าครับ”


“ทำอะไรคนเดียวแปลกตรงไหนล่ะ?” ผมพูดกับกรอบหน้าต่างรถ “ลองคิดตามดูนะ ถ้ามาคนเดียวไปคนเดียวอยู่บนรถแบบนี้คนเดียว ใครจะมารู้แล้วมาหาว่าเราแปลกล่ะ?”


“เอ่อเนอะ จริงด้วย ฮ่าๆๆๆ”


“พี่ชินกับการทำอะไรๆ คนเดียวแล้ว”


“ต่อไป ก็บอกผมสิครับ อยากไปไหนผมจะพาไปเอง”


ผมยิ้มรับ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป




ที่เขาพูดมา ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจกันแน่


แต่ผม...


ทำไมกลัวมากกว่าดีใจ


ทำไมกลัวว่าที่เขาพูดมาเขาจะทำไม่ได้อย่างที่พูดนะ ทำไมผมกลัว



“จริงเหรอ”


“แน่นอนสิครับ”




เพราะผมกำลังปล่อยให้ความใจดีของเขาเข้ามาทำให้ตัวเองสับสนอีกครั้ง


ความหวังที่เกิดขึ้นมาในใจ ทำให้ผมเริ่มยิ้มไม่ออก เพราะตระหนักได้ว่าสิ่งที่คู่กับความหวัง มันคือความผิดหวังนี่นะ





................
.......




อีกพักใหญ่เราก็มาถึงร้านข้าวมันไก่ แม้จะเกือบเที่ยงคืนแล้วแต่คนก็ยังแน่นร้านเหมือนเดิม โชคดีที่มาถึงเราก็ได้โต๊ะเลยไม่ต้องรอ


แต่สั่งอาหารยังไม่ทันเสร็จดี ก็มีผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเดินมายืนข้างโต๊ะแล้วยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้ามผม



“วาวา”


“ไงบอส คือวา...”


“เดี๋ยวผมมานะครับ ผมเอาแค่นี้ที่เหลือพี่สั่งเลย เดี๋ยวมาครับ”


บอสชี้นำให้ผู้หญิงคนนั่นเดินนำไปก่อน แล้วทั้งสองก็เดินไปไกลลับมุมตึก


ผมรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้าเพื่อนกันปกติ ทำไมเขาไม่แนะนำเพื่อนให้ผมรู้จัก หรือแนะนำผมให้เพื่อนรู้จัก ใครเห็นก็คงดูออกว่าบอสรีบจนลืมทุกอย่าง









“เห้อ...” พักใหญ่กว่าบอสจะกลับมาที่โต๊ะ เขาถอนหายใจพร้อมๆกับที่นั่งลง “ขอโทษครับ ผมลืมบอกว่าให้กินไปก่อนเลยถ้าอาหารมา โหย ดูสิ น่ากินมากเลย” บอสชดน้ำซุบกระดูกทันทีที่นั่งลง ท่าทางเหนื่อยๆของเขาถูกปกปิดด้วยท่าทางหิวๆ


“ไม่เป็นไร เราเถอะ ทำไมต้องถอนหายใจซะยาว”


“คือ เขาอยากมานั่งด้วย ผมปฏิเสธตั้งนาน”


“ทำไมล่ะ นั่งด้วยกันก็ได้นี่ คนเดียวเอง”


“มันคงไม่ดีถ้าให้คนที่เขาชอบเรา แต่เราไม่ชอบเขา มานั่งด้วย” บอสพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาจริงจังกับการกิน หรือเรื่องที่กำลังพูดกันแน่ “นี่ขนาดผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ”


“หล่อก็ลำบากงี้แหละ”


“ใช่ หล่อลำบากใจมากเลยล่ะ หล่อว่าหล่อต้องกลับไปกินยาลดความหล่อ” เสียงหัวเราะตอนท้ายประโยคของเขาแทบไม่เข้าหูผม


ผมแสร้งทำเป็นหัวเราะชอบใจความบ้ายอของเขาจนเกินเหตุ เพราะหาเรื่องวางช้อนส้อมลง


มือ ผมสั่น…


ผมเก็บมือลงจากสายตาเขาที่นั่งอยู่ตรงข้าม ที่ใต้โต๊ะ มือผมสั่นไปหมด


ใจผมก็สั่น


ชอบเหรอ?


ย้ำ ว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว... เหรอ?


ย้ำให้ผมฟังใช่ไหม นี่เขากำลังบอกผมกลายๆ ว่าให้ผมตัดใจด้วยรึเปล่า?







ข้าวมันไก่... ในรูปคนอื่นออกจะน่ากิน แต่พอถึงเวลาได้กินจริงๆแล้ว ไม่เห็นอร่อยเลย




.
.
.






ช่วงก่อนหน้านี้ ผมบ่นเหงาในใจทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง


อยู่คนเดียวมาตลอด ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ตัดสินใจอะไรๆ เองคนเดียวได้อย่างไม่เคยลังเล ระดับการพึ่งพาตัวเองของผมอยู่ในระดับดีเยี่ยม


แต่ความเหงาก็ทำให้ผมอ่อนแอและคว้าทุกอย่างที่ลอยตามน้ำมาเกาะเกี่ยวไว้ คิดว่ามันอาจจะเป็นขอนไม้ท่อนสุดท้ายที่จะลอยผ่านมา ปลอบใจตัวเองว่ามันไม่มีทางมีอิทธิพลอะไรกับผมมากไปกว่าเพื่อนร่วมเดินทางธรรมดาๆ ถึงเวลาถ้าถึงฝั่งตรงข้ามเมื่อไหร่ผมก็สามารถปล่อยขอนไม้ลอยตามน้ำต่อไปแล้วเดินตัวเปล่าไปต่อ


จนในที่สุดผมก็ต้องยอมรับกับตัวเองจนได้ ว่าผมเปลี่ยนไป อ่อนแอ และไร้ความสามารถที่จะอยู่คนเดียวต่อไป


ผมก็รู้สึกถึงมันอีกครั้ง ความเหงาและความรู้สึกโดดเดี่ยว มันหนักหนากว่าเดิมหลายเท่านัก


เมื่อก่อนผมไม่เคยเหงาจนอยากร้องให้มาก่อน จนวันนี้เนี่ยแหละ




เมื่อก่อนก็อยู่คนเดียวจนเคยชินและทำใจอยู่กับมันได้แล้วเชียวนะ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย





...................................................……………..
….






หลายวันผ่านมานี้ ผมกลับมาใช้ชีวิตคนเดียวอีกครั้ง


ทั้งที่ผมเลือกเองแท้ๆ ทั้งที่พยายามหาอะไรทำตลอดเวลาแล้ว แต่แค่ช่วงเวลาสั้นๆก่อนนอนแต่ละวัน มันกลับรู้สึกยาวนาน ทิ้งตัวลงนอนก็นอนไม่หลับซักที


แรกๆ มีข้อความเข้ามาเรื่อยๆ วันนึงสองสามข้อความในช่วงเวลาต่างๆกัน ผมเลือกตอบกลับแค่ตอนเช้าครั้งเดียวด้วยการบอกขอโทษ อ้างเหนื่อยก็เลยเผลอหลับไปเลย


ผ่านไปสองสามวัน ก็เหลือเพียงวันละข้อความ


มิสคอลเองก็ค่อยๆ ลดลง เหลือแค่วันละครั้ง


ผ่านไปอาทิตย์นึง ตอนนี้บอสคงเข้าใจแล้ว เพราะเขาเองก็เงียบหายไป


เราต่างค่อยๆ จางหายไปจากชีวิตของกันและกัน


ผมเข้าไปดูที่หน้าเฟส เขายังแชร์เรื่องตลกๆเหมือนปกติ มีเพื่อนๆโต้ตอบกันสนุกสนาน


อื้ม เขาก็ปกติดี แค่นี้ผมก็รู้แล้ว


รู้ว่าเขามีผลกับใจผมมากแค่ไหน






เหงา...


เหงาจัง


เหงากว่าทุกครั้ง เพราะมันมีความเศร้าเข้ามาเพิ่มเติม


ทั้งที่อยู่คนเดียวมาตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเขาอยู่ในฐานะพิเศษอะไร ทำไมตอนนี้รู้สึกแย่ ไม่อยากอยู่แบบนี้ ไม่ไหว ผมทนไม่ได้แน่ๆ ผมทำไม่ได้




เจ็บ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาแค่พูดออกไปแค่เป็นข้ออ้าง หรือเรื่องจริงที่ว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ผมพบในตัวเองคือผมรู้สึกเจ็บ


ผมถอยห่างออกมาเพื่อทำใจ ทั้งที่เลือกเอง แต่ยิ่งห่าง ผมยิ่งรู้สึกทรมาน


เหมือนความหวังสว่างวาบขึ้นมาในความมืดและหมอกควัน นำทางให้ผมเดินตามจนคุ้นเคยกับเสียงและเส้นทางนั้น แล้วจู่ๆอะไรที่มองไม่เห็นก็ได้แย่งแสงนำทางนั้นไป ทิ้งผมไว้กลางป่ามืดที่มืดจนเหมือนตาบอด และหนาวเย็นกว่าที่เคยรู้จัก




เอาจริงๆ ถึงแม้วันนั้นเขาจะไม่ได้จูบผม ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะไม่รู้สึกแย่แบบนี้


ผมว่าไม่ใช่เพราะเขาหรอกที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ขนาดนี้ ผมทำตัวเองทั้งนั้น







“มีไข้เหรอว่ะเนี่ย”



ผมคายปรอทวัดไข้ที่นอนอมมาสักพักออกมาดู ไข้ผมสูงไปถึง 38.2 องศา


มิน่า ตาลาย ภาพเบลอๆ


งานเข้าผมแล้วล่ะตอนนี้ เพราะตอนหยิบปรอทเมื่อกี้ ผมดูแล้วว่ายาลดไข้หมด


เบบี้ก็ไม่อยู่ วันนี้วันศุกร์ มันกลับไปนอนบ้าน จะมักง่ายนอนทั้งอย่างนี้เลยก็เสี่ยงไป ไม่มีใครรู้แน่ถ้านอนช็อคตายอยู่ตรงนี้ กว่าจะมีคนมาเจอคงตอนเหม็นขึ้นอืด เห้อ นึกภาพแล้วแหยง อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย ทำใจลงไปซื้อยาซะจะได้จบๆ นะเจนะ







............................





ผมเดินอึนๆ ลงมาร้านสะดวกซื้อหน้าคอนโดตอนห้าทุ่ม กะว่านอกจากซื้อยาแล้วก็จะซื้ออาหารแช่แข็งไปตุนไว้ด้วย ทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์ ผมกะว่าจะได้นอนตายไม่ไปไหนเลยทั้งสองวัน


เสื้อแขนยาวกันหนาวได้ แต่อาการหัวหนักๆกับขาไม่แข็งแรงนี่ทำให้ผมต้องตั้งสติและตั้งใจมองพื้นทุกก้าวอย่างตั้งอกตั้งใจ


แสงสว่างของร้านสะดวกซื้อสว่างนำทางอยู่ไม่ไกล แต่ก็มีคนเดินมาหยุด ขวางอยู่ข้างหน้าผมไม่ไกล ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นดู แต่ก้มหน้าเดินต่อกะจะเลี้ยวหลบไปอีกทางแทน




“พี่เจครับ”


“บอส”


อยู่ๆ ผมก็ได้เจอคนที่ผมหลบหน้ามาตลอดเกือบเดือน บอสยังอยู่ในชุดทำงาน เขาเดินตามตรงเข้ามาค่อนข้างเร็วเหมือนกึ่งวิ่งเหยาะๆ


ผมพูดไม่ถูก ทำตัวไม่ถูก อยากเดินหนีไปด้วยซ้ำ แต่มันคงดูแปลก เขาต้องรู้สึกไม่ดีแน่



“พี่หน้าซีดมาก ไม่สบายรึเปล่าครับ ตัวร้อนมั้ย” บอสยกมือขึ้นเหมือนจะแตะหลังมือที่หน้าผากผม แต่ผมยกขึ้นกุมเองก่อนอย่างมีพิรุธ


“ก็ไม่นะ ปกติดี”


บอสถอยหายใจ เขาไม่ยิ้ม ไม่ร่าเริง ไม่มีแววสดใสเลย


เอาจริงๆ เขาดูเหนื่อย สีหน้าเห็นได้ชัดว่าอ่อนล้าอิดโรยจนดูมีอายุขึ้นมาอีกสักห้าปีในสามอาทิตย์





“ขอคุยด้วยสักแปปนึงได้ไหมครับ”


“เอ่อ...” ผมลังเล


“แค่แปปเดียวจริงๆ ผมจะไม่กวนเวลาพี่มากนัก”




ผมเดินตามเขาไปในสวนหน้าคอนโดผม เขานั่งลงฝั่งหนึ่งของเก้าอี้ยาว ผมเดินช้าๆไปนั่งอีกฝั่ง ทำหน้าไม่ถูก ความเงียบระหว่างเราแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ชวนให้ผมคิดอยากจะเดินหนีไปซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่ระหว่างที่ผมกำลังลังเล บอสก็ถามสิ่งที่เขาสงสัยออกมาตรงๆ




“พี่ กำลังหลบหน้าผมรึเปล่าครับ”




เป็นคำถามที่ตอบยาก ความจริงคือใช่ แต่ผมไม่อยากตอบอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าถึงเขาจะเห็นผมเป็นแค่พี่คนนึงแต่ถ้าโดนหลบหน้าก็คงไม่มีใครรู้สึกดีกับมัน และคำถามก็จะตามมาอีกว่า ทำไมต้องหลบหน้า ทำไมมีอะไรไม่พูดกันตรงๆ


“เปล่า ช่วงนี้แค่เหนื่อยๆ พี่ ทำงานพลาดน่ะ”


บอสถอนหายใจยาวมาก เขาสะบัดหัว แล้วหันมายิ้มให้ผม



“โธ่ โล่งอก”


“อะไร?”


“ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่เรื่องพี่ทำงานพลาด เรื่องพี่หลบหน้าผมต่างหาก ผมนึกว่าทำอะไรให้พี่โกรธ แล้วพี่ไม่อยากเจอเด็กอย่างผมอีก จริงๆนะครับ ผมกลัวมาตลอด”


บอสลูบหน้าอย่างโล่งอก เขาหลับตาแล้วเงยหน้าขึ้นฟ้า ท่าทางเบาใจและคลายกังวลอย่างเห็นได้ชัดของเขาทำให้ผมใจอ่อนอีกครั้ง


“ไม่ใช่เลย คิดมาก พี่แค่อยากอยู่คนเดียวสักพัก ทำโทษตัวเองน่ะ จะได้ตั้งใจทำงานมากขึ้น”


ทำโทษที่ตัวเองไม่เผื่อใจ ต่างหาก


“ถ้าพี่เครียดๆ ผมมีนี่ให้” บอสเปิดกระเป๋า หากระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมายื่นให้ผม “ตั๋วหนังฟรี มีบัตรคาราโอเกะด้วยนะครับ ให้พี่ไปดูแก้เครียด มีสองใบดูได้สองเรื่องเลย”


“เก็บไว้เถอะ พี่ดูเรื่องเดียวก็พอ”


“พี่เอาไปเถอะ ทั้งสองใบเลย เดี๋ยวผมก็ได้อีก”


“เก็บไว้ ทั้งสองใบเลย ไว้ที่เราแหละ”


“พี่ไม่มีหนังที่อยากดูเหรอ งั้นเอาบัตรคาราโอเกะไป” บอสรื้อในกระเป๋าตัวเอง ดึงกระดาษอีกใบออกมา


“ไม่ต้อง เก็บไว้ที่บอสหมดเลย ไว้พี่อยากไปเดี๋ยวจะบอกให้พาไป เก็บไว้ที่เราแหละ”


เขาเงยหน้าขึ้น แล้วมองมาทางผม เหมือนผมจะเห็นภาพซ้อนเป็นหูที่ตั้งขึ้น กับหางที่สะบัดอย่างตื่นเต้นดีใจ เขาเป็นคนที่ดูออกง่ายมากๆ


“อ้อ มีคนขับรถให้ด้วย” เขาหันไปพยักหน้ากับกระดาษในมือตัวเอง แล้วยิ้มกับมัน


“ช่ายยยย ฮ่าๆๆ”


ผมดีใจมาก ตื่นเต้นสุดๆตอนที่เขาทัก กลับมายิ้มให้ แสดงออกว่ายังคงพร้อมจะใส่ใจผมทุกเวลา เขายืนรออยู่ตรงนั้นเสมอ ทั้งที่ผมไม่เคยเอ่ยปากหรือบอกให้รอเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาทำและคอยแสดงออกมาตลอด ค่อยๆทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่พิเศษสำหรับเขา




“สบายใจขึ้นบ้างไหมครับ”


“ก็ ไม่นะ มันยังติดอยู่ข้างใน” ถ้าวันหนึ่ง ความพิเศษที่ผมรู้สึกได้นี้ มันถูกทวงคืน ผมจะรับได้ไหม


“แต่อย่างน้อยพี่ก็มีช่วงเวลาที่ได้หัวเราะออกมาบ้าง ก็ยังดีนะครับ”


“อื้ม ขอบใจนะ”


บอสยิ้มให้กับท้องฟ้าแม้ท้องฟ้าวันนี้จะไม่มีดาวเลยสักดวง รอยยิ้มของบอสพาเขาคนเดิมคนที่ร่าเริงตลอดเวลากลับมาแล้ว


และดูเหมือน ผมเองก็อยากกลับไปสู่ช่วงเวลาที่มีเขาในชีวิตทุกวัน อีกครั้ง





------------------------------------
TBC.




เอ.... จะจบแบบนี้เลยดีไหม? 55555
เรื่องสั้นปกติเขาก็จบค้างๆแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทำบ้างได้มั้ยอ่ะ?


ขอโทษที่มาช้าทุกเเรื่องเลยนะคะ
ช่วงนี้ตีกับไมโครซอฟออฟฟิส อยู่ๆนางก็นับเวลาถอยหลัง 30 วัน ก็เลยต้องถอดลงใหม่ ลงไปประมาณ 15 รอบแล้วไม่รู้พลาดตรงไหน? ยังไม่ได้เรื่องง่ะ ตอนนี้ถอดมันให้หมด
ก็อบมาต่อในกู๋ไดร ดังนั้นคำผิดอาจจะหลุดมาเยอะหน่อย อย่าถือสา+ใครเจอบอกด้วยจะตามมาแก้ จ้า


ขอบคุณที่ติดตามและขอบคุณที่หลงมาเจอเก๋านะตัวเอง
ไปปั่นตอนจบและตอนพิเศษต่อ ไม่รอแล้วนะพี่เวิด ลาาาาาาาา (แต่...ไงก็ต้องลงให้ได้ TT^TT ก็มันต้องใช้ง่ะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2016 01:52:35 โดย Brosohub »

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไม่ได้เรื่องสั้นต้องเครียร์เด้
สรุปว่าได้กันหรือเปล่า เอาฉากที่ได้กันมาเป็นหลักฐานด้วยนะ

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ให้เคลียร์ค่ะ อย่าจบแบบค้างคา คนอ่านใจไม่ดี มาต่อไวไวนะ

ออฟไลน์ PaiPo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หึงเองแล้วแอบไปนอยเองแบบนี้เด็กก็งงแย่สิ แหมมมมม

มาต่อเถอะค่ะ อย่าให้จบแค่นี้เลย พลีสสสสสส

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

- เหงา - 4 -









ทันทีที่กลับถึงห้อง เสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่ก็ดังขึ้น


เหตุผลที่จะทำเป็นไม่สนใจข้อความของบอส ดูเหมือนจะหายไปแล้ว ผมเปิดอ่านแทบจะทันที




-พี่ชอบกินปลาหรือกุ้งมากกว่ากันครับ


                                                                   -ปลา
 

-พรุ่งนี้สายๆผมซื้อขึ้นไปให้ ไม่ต้องลงมานะครับ


                                -อะไร ลำบากเปล่าๆไม่ต้องหรอก


-รีบกินยารีบนอนสิครับ ไม่สบายอยู่นะ


                                                                       -นี่


-ไว้หายผมจะมาเถียงด้วยใหม่นะครับ

-ฝันดีครับ






แล้วเจ้าตัวก็อ๊อฟไลหายไปเลย ไม่อยู่ต่อล้อต่อเถียงกับผมอีก


เห้อ นอนก็ได้วะ


ผมไม่เคยรู้เลย ว่าการกินยาจะทำให้คนไม่สบายอย่างผมผ่อนคลายและนอนหลับสบายจนถึงเช้า





…………………………………….
……………………






“ไง หายเป็นซอมบี้แล้วนี่ ได้ยาดีที่ไหนมา ตอบบบบ”


“เปล่า”


“กลับไปคุยกับน้องมันแล้วใช่มะ”


“ก็... เออ”


“ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“เมื่อวันศุกร์ ที่มึงกลับบ้านแล้วกูไม่สบาย”


“ห้า น้องมาพยาบาลถึงห้อง”


“เปล่า กูลงไปซื้อยาแล้วบังเอิญเจอต่างหาก” ที่บอสมันมานั่งเล่นที่ห้องทั้งวันเสาร์อาทิตย์ผมไม่เพราะตอนนั้นผมหายแล้วมันไม่ได้มีผลกับอาการป่วยของผมเลย ไม่มี


“จิ๊” จะจ้งจะจิ๊อะไรล่ะ! “มึงเงียบหายไปตั้งครึ่งเดือนน้องไม่น้อยใจแย่เหรอ”


“ไม่เห็นว่าอะไรนี่”


“อ้อ น้องเฉยๆ แต่เพื่อนกูจะตายแล้วค่ะ อาการหนักเฟร้ออออ”


“คนเขาก็มีไม่สบายกันบ้างก็ปกติป่าววะ มึงก็รู้กูแพ้อากาศเวลาอากาศเปลี่ยน กูไม่ใช่หุ่นยนต์ทำงานด้วยไฟฟ้านะเว้ย”


“จ๊ะๆๆ แก้ตัวซะยาวเชียวนะ แล้วเจอหน้ากันน้องทำไง?”


“มันก็มีถาม ว่ากูหลบหน้ามันรึเปล่า”


“เปล่า ไม่ได้หลบหน้า”


“?”


“ตอบงี้ไปใช่มะ” เบบี้ทำตัวเป็นนักพยากรณ์ทำนายคำตอบผม แถมยังเดาได้ถูกซะด้วย


“เออ แล้วจะให้บอกไปตรงๆว่า ใช่! กูหลบหน้ามึง งี้เหรอ?”


“เบื่ออ่ะ พวกมึงนี่น่าเบื่อมาก เวลาอย่างนี้ยังจะเกรงใจเก็บความรู้สึกหวั่นไหวไว้ในใจ แล้วจะคืบหน้าไหม นี่มึงคุยกับน้องมาห้าเดือนแล้วนะเว้ย ตั้งห้าเดือน! ยังไปไม่ถึงไหนกันเลย”


“จะให้คืบไปไหนอีกล่ะ กูไม่ได้ต้องการให้มีอะไรคืบเลย”


“โอ้ยยย มึงนี้ เอางี้ๆ วันนี้กูไปห้องมึง” เบบี้พูดอย่างเด็ดเดี่ยวและจริงจัง


“จะมาทำไม ห้องตัวเองก็มี”


“สร้างความร้าวฉาน คืองานของกู”


“ห่ะ?”


“มึงไม่อยากรู้เหรอ ถ้าเขาเห็นผู้หญิงอยู่ในห้อง กับมึง! เขาจะรู้สึกยังไง? หื๋อ?”


.
.
.




ครับ


คืนนั้น เบบี้มาจริงๆ อย่าเรียกว่ามา เรียกว่ามันไม่ยอมกลับห้องตัวเองแต่ตรงมาห้องผมเลยดีกว่า แถมจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งแกล้งเดินออกไปกดกริ่งหน้าห้องทำเป็นว่าเพิ่งมาถึง(ทั้งที่มันก็อยู่ในห้องผมตั้งแต่แรกแล้ว) เดินเข้ามาทักบอสในวีดีโอคอล ทำเป็นลากผมออกไปไกลๆ กล้อง (แต่พยายามให้อยู่ในมุมกล้อง) แล้วทำเป็นคุยจิ๊จ๊ะกัน


ผลที่ได้กลับมาคือนิ่งสนิท บอสไม่มีท่าทีอะไรผิดปกติ หรือแปลกไปเลย กลับกันเขารออย่างมีมารยาท แถมยังชมเบบี้ว่าน่ารักดีอีกต่างหาก ทำเอาผมได้แต่หัวเราะแห้งๆให้ไป






บอสน่ะไม่แปลกแต่ผมนี่สิที่งงตัวเอง คือทำไมผมต้องตามใจเพื่อนด้วยการทำอะไรปัญญาอ่อนๆแบบนี้ด้วยนะ ไร้สาระสิ้นดี






แน่นอน มันไม่เป็นที่น่าพอใจของเบบี้ หลังจากนั้นสามสี่วันมันก็ส่งซาฟาแฟนมัน มาป่วนที่ห้องผมตอนที่กำลังวีดีโอคอลคุยกับบอสอีกครั้ง


ทีนี้ล่ะครับ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่อง


ตอนที่ผมเดินมาหน้ากล้องบอกเขาว่าขอเวลาแป็ปนะขอคุยกับเพื่อนแป็ปนึงเป็นรอบที่สาม (เพื่อไล่ซาฟากลับไป เลิกปัญญาอ่อนตามเบบี้มันซะที) บอสพยักหน้าเข้าใจแต่พอหันหลังให้บอสก็กดวางสาย ออฟไลน์หายไปเลย


ผมงงๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร บอสบอกอยู่ก่อนแล้วว่าต้องรีบนอนเพราะวันรุ่งขึ้นมีงานสำคัญ


เบบี้เนี่ยสิ ดีใจอย่างกับถูกหวย


“เห็นไหม! กูว่าแล้ว ชัดเลยมึง เขาหึงผู้ชายกับมึง เนี่ย มันอยู่ในแผนกูหมดเลย”


ยังจะพูดได้อีกนะมึง ไอ้บี้!



“แต่ว่านะมึง หน้าน้องอ่ะ ดีกว่าปกติไปมากเลย กูว่าซาฟาของกูนี่แรย์แล้วนะ น้องบอสซึของมึงนี่แจ่มจาแด่มแจ่มว้าวมากอ่ะ ขนาดใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ กล้ามยังแทบทะลุกล้องมาทิ่มตากู”


“เวอร์ ซาฟาของมึงนี่ระดับเทรนเนอร์ฟิตเนสแล้วนะ มึงยังต้องการกล้ามอีกเหรอชีวิตนี้ แล้วบอสซึนี่คืออะไร”


“เกาหลีไงแก เอ้ะ หรือบอสซัง จี้ปุ่นๆ”


ผมเริ่มสงสัยตัวเอง คนหน้าตาเซงโลกอย่างผมไปคบเพื่อนไฮเปอร์แบบยัยเบบี้ได้ไงกันนะ ดูดิเห็นหน้าแว็บเดี๋ยวมันตั้งชื่อเล่นเกาหลีให้น้องซะละ


“แต่พูดถึงฟิสเนสแล้วเซง” เบบี้เปลี่ยนโหมด เข้าโหมดบ่นผัวเรียบร้อยแล้วครับ แต่ผมก็ดีใจที่มันเปลี่ยนเรื่องคุยได้สักที


“อะไร ไหนลองเล่าดิ้”


“ช่วงนี้อ่ะดิซาฟานางฟิตเนสแทบทุกวัน กล้ามนี่น่ากัดอย่าบอกใคร กูตามหึงไม่หวาดไม่ไหว ไม่ใช่หึงชะนีนะ”


“หึงเทรนเนอร์ฟิตเนสใช่มะ?”


“เออ ปวดหัวสุด”


“ไม่ดีรึไง” แฟนหล่อหุ่นดีน่าอวด อันนี้เบบี้เคยพูดไว้เอง เป็นความภาคภูมิใจของมันก็ว่าได้ ที่สาววายอย่างมันได้แฟนเหมือนเกย์ที่สุด


“ไม่ดี! เพราะมันเอาแรงไปลงกับฟิสเนสหมด ปล่อยกูอดอยากปากแห้งไม่มีอะไรตกถึงท้องกูเลย อ้างเหนื่อยๆ ดีตรงไหน”


“ฮ่าๆๆๆ น่าสงสาร”


“ใช่กูสงสารตัวเองมาก เห้อ แต่อิน้องบอสของมึงเนี่ย น่าจะฟิสปั๋งอยู่นะ เด็กๆ แม่งชอบคึก บ้าพลัง เท่าไหร่ก็ไม่พอ แค่คิดก็ ฮึ้ย ดี๋ดี”


“อะไรของมึง วกเข้าเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย”


“โอ้ย ปูนนี้แล้วจะมาเขียมกันให้เสียเวลาทำไม เอาจริงๆนะ กูเชียร์สุด น้องมันมีใจ ไม่งั้นไม่โทรหามึงทุกวันๆๆๆ แบบนี้หรอก” เบบี้มีสีหน้ามั่นอกมั่นใจสุดๆ แล้วยังพูดต่อ “กูว่าคนนี้แหละที่จะเป็นคนละลายน้ำแข็งที่หน้ามึง”


“...”


“เมิงงงงง มึงดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยตั้งแต่เริ่มคุยกับน้องเนี่ย กูนะ เป็นห่วงมึงมาตั้งนานแล้ว ว่าจะนอนเหี่ยวตายอยู่บนหอคอยน้ำแข็งแสนเหน็บหนาว และเปล่าเปลือยเปลี่ยวเหงา”


“เยอะไปแล้วนะมึงนี่”


“ฮ่าๆๆๆๆ เอาน่า เห็นชัดๆว่าแทนที่จะหึงชะนีอย่างกูน้องมันหึงซาฟา แล้วเมื่อคืนได้คุยกันต่อมั้ย ตั้งแต่ซาฟากลับออกมา”


“ไม่ว่ะ”


“อ้าว มึงไม่โทรไปเหรอ?”


“ไม่ได้โทร”


“เอ้า เล่นตัวไปทำไมอีกเนี่ย”


“ไม่ได้เล่นตัว แต่มันดึกแล้วนี่หว่า ปกติก็ได้เวลานอนแล้วมั้ย อีกอย่างวันนี้มันมีงานทั้งวันด้วย”


“แคร์ คน อื่น ป่วย! มึงป่วยแน่ๆ”


เป็นที่รู้กันทั้งอ๊อฟฟิส ว่าผมเข้มงวดและไร้อารมณ์ร่วมกับเรื่องสนุกสนานไดๆ ไม่ชอบปาร์ตี้ ไม่สร้างสังคม และไม่แคร์ใคร


ดังนั้นเบบี้จึงพูดว่าบอสพิเศษสำหรับผมอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะพื้นที่ส่วนตัวที่ผมเคยหวงยิ่งกว่าอะไร มันมีเขาค่อยๆคืบคลานแทรกแซงเข้ามาอย่างแยบยล






.................................





ผมคิดว่าเมื่อคืนเขาคงหลับไปเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่


จนผ่านไป 24 ชั่วโมงเต็มแล้ว ยังไม่มีการตอบกลับไดๆ จากเขา ทั้งแชท ไลน์ หรือโทรกลับมา


เอาล่ะสิ ผมเริ่มตื่นเต้นแล้วนะ ปกติถ้าเขาไม่ว่างรับโทรศัพท์ผม ไม่นานเกินรอเขาจะโทรกลับมา หรืออย่างน้อยก็แชทมาบอกว่าทำนั่นทำนี่อยู่


แต่นี่เขาเงียบมาก เงียบไป เงียบได้อีก






หรือผมควรออกตัวแก้ตัวกับเขาก่อน แต่คือ ใช่เหรอ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตีความเรื่องเมื่อคืนว่ายังไง สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกอะไรมั้ย ผมก็ไม่รู้ เขาอาจจะไม่ได้เป็นอะไร หรือคิดมากอะไรเลยก็ได้ แถมบางทีเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับผมจนต้องน้อยอกน้อยใจอะไรอยู่แล้วด้วย เนอะ



เห้อ...





ถ้าผมโทรหาเขาซ้ำเป็นรอบที่สอง มันจะดูแปลกมั้ยล่ะเนี่ย



ผมโทรหาเขาเมื่อประมาณชั่วโมงก่อน เขาคงไม่ว่างรับ ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่ง ผมจะลองโทรซ้ำอีกครั้ง


กะว่าจะโทรอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น




แต่แค่นั้นก็มากพอให้ผมงงและอึ้ง ที่สำคัญ มันทำให้ผมรู้สึกแย่เอามากๆ


บอสตัดสายผม…





มันไม่เคยเกิดขึ้น ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้ งง ผมงงมากๆ ความไม่เข้าใจ คำถามและอะไรต่างๆผุดขึ้นมาในใจเต็มไปหมด


ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไปรบกวนชีวิตเขามาก่อนเลย จนถึงวินาทีนี้


การติดต่อไปก่อนของผม มันคงจะรบกวน และสร้างความน่ารำคาญให้เขามากเลยสินะ มากจนต้องตัดมันทิ้ง




ได้!


งั้นผมจะนอนเลย ไม่รอ ไม่สนใจอะไรแม่งแล้ว







ผมทิ้งตัวลงนอน กะว่าจะหลับเลยจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน


แต่ ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับกับตัวเอง…


“แม่ง นอนไม่หลับ”


ผมยอมแพ้หลังจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนสักครึ่งชั่วโมงได้ แค่ถูกตัดสาย แค่ถูกตัดสายทีสองที ทำไมต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ว่ะ


พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องรีบนอนก็จริง แต่กูก็ง่วงนะ กูควรนอน ทำไมไม่ยอมนอนว่ะ แม่งงงง


เบื่อออออ


ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ เลิกพยายามฝืนนอน ตัดสินใจลุกจากเตียงเดินมาที่ครัว เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ขึ้นเปิดซดตั้งแต่ตู้เย็นยังปิดไม่สนิท ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเดินมาเปิดทีวีด้วยอารมณ์เซงๆ


ที่โมโหที่สุดตอนนี้คือ





กูเป็นอะไรของกู! หงุดหงิดชิบหาย แม่ง!




โมโหได้ไหม ก็ไม่ เคืองแม่งได้ไหม ก็ไม่ รู้ดีว่าไม่ได้อยู่ในฐานะจะมาโกรธหรือแสดงความไม่พอใจไอ้เรื่องแบบนี้ได้ แต่ผมก็เป็นผู้ใหญ่พอจะยอมรับกับตัวเองว่าเรื่องเขาล้วนๆที่ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ในตอนนี้


ก็อกๆ ก็อกๆๆ


ใครว่ะ? มาเวลานี้


ผมหันไปทางประตูห้อง กำลังลังเลคิดว่าหูฝาด ก็มีเสียงเคาะดังมาอีกชุด ผมเลยถือกระป๋องเบียร์เดินไปส่องตาแมวดูก่อนเปิดประตู


ตีหนึ่งกว่าแล้วเปิดประตูไม่ดูตาม้าตาเรือเวลานี้คงไม่ใช่เรื่องฉลาด



“อ้าว” ไอ้น้องบอส


มันกำลังทำท่ายกมือขึ้น จะเคาะประตูห้องอีกชุด ผมเลยชิงเปิดประตูซะก่อน


เสียงดังแม่ง น่ารำคาญ กลัวรบกวนคนอื่นหรอกนะที่รีบเปิดประตูเนี่ย


“พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” บอสพูดอย่างรีบร้อน เขาดูเหมือนจะหอบนิดๆ


“หื๋ม?” ผมยกคิ้ว งงกับคำถาม


“พี่ไม่รับสายผม แล้วก็”


“เดี๋ยว!” ผมยกมือขึ้นห้ามมัน กวักมือเรียกให้เข้ามาคุยกันในห้อง “เข้ามาก่อน”


“เอ่อ ครับ”


มันทำหน้างงๆ เดินเข้ามายืนกลางห้อง ดูแล้วมันยังอยู่ในชุดทำงานเต็มยศ เพียงแต่ดูเหนื่อยๆ มีกลิ่นเหล้า มีหยดน้ำฝนเป็นดวงๆตามเสื้อ กับมีรอยลิปสติกสีแดงรูปปากประทับบนไหล่ข้างหลัง ไม่ใช่คนเดินมาชนแน่ เพราะมันเป็นปากแบบกลับหัว แสดงว่าคนทำรอยนี้ต้องอยู่ข้างหน้าแล้วก้มมาข้างหลัง นึกภาพแล้ว...


ยกเบียร์ขึ้นซดอย่างไวเลยกู


“เสียงดัง ชาวบ้านเขานอนกันแล้วมั้ย”


“ขอโทษครับ”


“แล้วมีอะไร มาซะดึกดื่น”


“คือผมเพิ่งเห็นมิสคอล ก็เลยโทรกลับ แชทถาม พี่ก็ไม่ตอบสักทาง ผมเลย...”


“แค่นั้นเหรอ” ผมตัดบท รู้สึกเหมือนกันว่าคำพูดของผมมันเย็นชา แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันอารมณ์ไม่ดี


“ครับ”


“ไม่มีอะไร” ผมตอบปัดๆ เพื่อตัดบท “กลับไปได้แล้วไป” ผมโบกมือไล่ เดินนำมาจะเปิดประตูส่งมัน แต่มันก็ไม่ขยับ


“ต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่งั้นพี่ไม่รีบไล่ผมกลับหรอก”


“แล้วคิดว่าทำไมพี่ต้องให้เราอยู่ในห้องพี่ต่อ นี่มันเวลาไหนแล้ว อยากนอนอยากพักผ่อน เวลาส่วนตัว เข้าใจป่ะ?”


พูดไปผมกลับรู้สึกไม่ดีซะเอง ตอนที่พูดว่านี่คือเวลาส่วนตัว เพราะเดี๋ยวนี้เราเริ่มคุยกันตลอดเวลา ไม่ว่าทำอะไรอยู่ เขาก็จะตอบผม ไม่ว่าเขาจะเล่าเรื่องตลกให้ผมฟังตอนไหน ผมก็กดอ่านทันทีแท้ๆ เราเริ่มมีช่วงเวลาตรงกลางของเราทั้งคู่ มันมากเกินกว่าจะบอกว่าเป็นพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทอะไรทั้งนั้น ผมว่าเขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน เรามาไกลเกินกว่าจู่ๆ จะมาอ้างว่านี่คือเวลาส่วนตัว


“ถ้าพี่อยากนอน แล้วในมือนั่นอะไรครับ ไม่ใช่ยังไม่อยากนอนเลยหาอะไรกินเหรอ หรือนอนไม่หลับจนต้องหาอะไรกล่อม”


“บอส”


“ขอโทษครับ คือผม” เหมือนเขาจะรู้ตัวว่ากำลังทำตัวจับผิดผมทั้งที่ไม่ควร


“กลับไป”


“แต่”


“กลับไป”


“ครับ ผมยอมแล้ว”


ทำไมคำตอบมันทำให้ผมรู้สึกผิด รู้สึกเหมือนกำลังรังแกเด็กด้วยวะ


บอสยอมเดินออกจากห้องไป ก่อนปิดประตูเขาก็ไม่ลืมล็อกประตูให้ผมอย่างดี





ผมเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่ เปิดซดก่อนกลับไปหยิบมือถือที่วางทิ้งไว้ข้างเตียง


ปกติผมจะเปิดสั่นตอนนอน แต่วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีไง เลยปิดหมดทั้งเสียงทั้งสั่น หน้าจอก็คว่ำไว้เวลาอะไรเด้งแสงจะได้ไม่แยงตา เหอะ ไม่ได้กะหลบหน้าใครบางคนหรอกนะ ไม่เลย


4 มิสคอล 9 ข้อความใหม่ แล้วดูเหมือนกำลังมีข้อความใหม่เข้ามาเรื่อยๆ


ผมนั่งลงขอบเตียง แล้วเปิดอินบ็อกขึ้นอ่าน



พงศ์อิศรา สมบัติพันธ์ 

00:02

- ขอโทษครับที่ไม่ได้รับสาย ผมเพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้เองว่าพี่โทรมา

- ผมเลี้ยงรับรองลูกค้าอยู่ ตอนนี้ก็ยังไม่เลิกเลยครับ



00:39

-เสร็จงานซะที

-โทรหาตอนนี้ได้ไหมครับ

-พี่เจนอนยัง?



01:10

-นอนแล้วเหรอครับ...

-ถ้านอนแล้ว ฝันดีนะครับ



01:12

-ผมเห็นไฟห้องพี่เปิดอยู่ ผมขึ้นไปหานะ



01:16

-พี่ เปิดประตูให้ผมหน่อย





ข้อความเก่ามาถึงตรงนี้ และตอนนี้แอฟก็บอกว่าเขาก็กำลังพิมพ์อะไรสักอย่างอยู่ แต่ผมไม่อยากสนใจแล้ว ตั้งใจจะปิดทั้งหมดไปซะ แต่ก็ไม่ทัน มีข้อความใหม่เข้ามาติดๆกันอีกสองสามข้อความ





01:19

-ขอโทษนะครับถ้าทำให้รำคาญ

-ผมขอโทษจริงๆ

-แต่ผมมีอะไรจะบอก



มาถึงตรงนี้ มันเว้นระยะไป เหมือนกำลังพิมพ์ๆ ลบๆ แล้วก็พิมพ์ใหม่

ผมก็รอไปซดเบียร์ไป ทำไมวันนี้มันวุ่นวายลีลาจังวะ




-ผมทำกุญแจห้องตัวเองหายครับ

-555 เลยไม่มีที่นอน…




เอ๊า! ไอ้นี่ ทำไมเพิ่งมาบอก ถ้ากูไม่อ่านเลยยันเช้าจะทำไง


ผมถอนหายใจ ก่อนพิมพ์กลับไป




                                           -ตอนนี้อยู่ไหน

-ยังอยู่หน้าห้องครับ



 


ผมเดินออกไปเปิดประตูห้องอีกรอบ


คราวนี้ไม่ส่องตาแมวแล้ว ผมก้าวยาวๆไปเปิดประตูทันที แต่ปิดแล้วกลับมองไปไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยเดินออกไปมองหารอบๆ


ไอ้น้องตัวยาวเก้งก้างนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นข้างๆ ประตู ทำตัวลีบไหล่ตก ละสายตาจากจอมือถือหันมาส่งยิ้มแหยให้ผม


เห็นหัวมันอยู่ระดับมือแบบนี้ มันน่าโบกจริงๆ


“เข้ามา” ผมถอนหายใจยาว พูดสั้นๆ แล้วเดินนำเข้ามาในห้อง


“ครับ”


“ยังจะยิ้มได้อีกนะมึง ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ลีลาน่าเตะ ชอบรึไงทำให้กูดูใจร้ายเนี่ย” ถ้าบอกตั้งแต่แรกก็ไม่ไล่กลับแบบนั้นหรอก แม่ง


“เปล่านะครับ ก็ผมดีใจมันเลยยิ้มเอง” แน่ะ ยังจะยิ้มมาให้อีก


ผมทิ้งมันไว้กลางห้อง ตัวเองเดินไปตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมาอีกสองกระป๋อง เดินมานั่งที่โซฟา




“อะ” ผมเลื่อนไปตรงหน้า ความหมายคือให้เขา


“ขอบคุณครับ” บอสรับไปถือไว้แต่ยังไม่เปิด เขานั่งลงอีกฝั่งของโซฟาทำตัวเล็กๆ อยู่เงียบๆ เจียมตัวสุดๆจนผมอดหงุดหงิดไม่ได้


“มีปากทำไมไม่พูด ถ้าพี่ไม่เปิดขึ้นมาดูเลย ไม่ต้องนั่งตรงนั้นยันเช้าเหรอ”


“ก็เพราะผมเห็นมันขึ้นอ่าน ผมถึงรีบพิมพ์ไงครับ”


“มึงนี่”


“ขอโทษครับ”


บอสขอโทษผมอีกครั้ง จริงๆไม่ใช่ความผิดอะไรมากมายจนต้องขอโทษแล้วขอโทษอีกเลย แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดๆหน่อยๆเอง


“เห้อ... แล้วทำอิท่าไหน กุญแจห้องถึงหายได้”


“ไม่รู้สิครับ ถ้าผมรู้คงไม่ทำมันหาย”


“เอ้า ไอ้นี่”


“ขอโทษครับๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่มันไม่รู้จริงๆ คือผมรู้ตัวว่าหายก็ตอนถึงหน้าหอแล้ว กระเป๋ามันโล่งๆ เลยกะมาหาพี่ แบบว่า... ขอนอนนี่สักคืน พรุ่งนี้เช้าถึงจะไปขอกุญแจสำรองจากป้าแม่บ้านได้ คือ... แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมไปหอเพื่อนก็ได้”


“หอเพื่อนอยู่ไหน”


“บางนา อ้อ มีอีกคนอยู่พญาไท แต่ เหมือนมันจะอยู่กับแฟน”


“ป่านนี้เพื่อนคงตื่นมารับโทรศัพท์หรอก คืนนี้ก็นอนนี่แหละ พี่ไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้น”


“โอ้ะ ขอบคุณครับ”


“เออน่า อย่าคิดมาก” ผมเองมั้ง ที่ไม่ควรคิดมากถ้าเรื่องมันออกมาเป็นงี้ จะไล่มันกลับได้ไงล่ะ


“ก็”


“นิ ก็เราไม่บอกแต่แรก กูก็นึกว่ามึงมากวนตีนเฉยๆดิ”


“โธ่พี่ ใครจะกล้ากวนตีนพี่”


“เหอะ อย่างกะปกติมึงไม่กวนเลยยยย นับถือกูมาก เคารพกูสุดๆ”


“ฮ่าๆๆ”


“เอ้า นี่ ไม่กิน” บอสเลิกถือกระป๋องเบียร์ เอามาวางบนโต๊ะแล้วใช้เป็นเป้าสายตาแทน ถึงจะนั่งคนละฝากโซฟา แต่เมื่อกี้ตอนที่เดินผ่าน กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว คงเลี้ยงลูกค้ากันหนักหน่วงอยู่


“ไม่ดีกว่าพี่ ผมกินเหล้ามาทั้งคืน ถ้าโดนเบียร์เข้าไปซ้ำมีหวังพุ่ง”


“เชี่ย อย่ามาอ้วกในห้องกูนา ถ้าจะอ้วก โน้นเลย ห้องน้ำ”


“ไม่หรอกคร้าบบบ เห้อ นึกว่าต้องนอนข้างถนนซะแล้วคืนนี้ เห้ออออ ผมมึนมากเลย ไม่ได้กินหนักๆขนาดนี้มานานแล้ว” หมอนี่ถอนหายใจถี่กว่าหายใจซะอีก


เขาผ่อนคลายและเริ่มเหยียดตัวพิงโซฟาอย่างอ่อนล้า สองมือบีบไปมาบนหน้าเหมือนกำลังปลุกตัวเองจากอาการมึนเบลอ


ผมฟังนิ่งๆ เลื่อนช่องทีวีไปมาเพราะพอบทสัมภาษณ์จบลง เวลานี้จึงเงียบมาก




เพราะเรื่องเมื่อวาน ที่บี้ส่งซาฟามาป่วนที่วีดีโอคอลผม เราเลยแยกย้ายกันไปแบบงงๆ


วันนี้ทั้งวันบอสก็เงียบกริบไม่ตอบแชท ก็พอเข้าใจอยู่หรอก โทรไปไม่รับ ก็พอรับได้ แต่โทรไปแล้วตัดสายเนี่ย ผมไม่อยากยอมรับเลยว่าเสียเซลฟ์มาก


ใครมาอยู่จุดที่ผมอยู่ก็ต้องรู้สึกเหมือนผม ว่าเขา จัดให้ผมอยู่ในตำแหน่งคนพิเศษ ทั้งที่เพื่อนฝูงเขามากมายแทนที่จะไปคุยกับคนอื่นๆ เขากลับเอาแต่คุยกับผม เขารับสายผมเร็วตลอด ให้เวลาทั้งหมดกับผม สแตนบายพร้อมพาไปทุกที่ ถึงจะไม่ได้ก้าวก่ายชีวิตความเป็นอยู่ประจำวัน แต่ก็มีความใส่ใจห่วงใยปนอยู่ในบทสนทนาเสมอ 


และอีกมายมายที่ผมรู้สึกได้ รับรู้ได้ ยิ่งหลังจากเราห่างกันไปครั้งนั้น เหมือนเขาจะบอกผมด้วยอะไรหลายๆอย่างว่าผมสำคัญสำหรับเขาและอย่าหายไปจากเขาอีก ไม่ใช่คำที่เขาใช้สื่อสาร ไม่ใช่แววตาหว่านล้อม แต่เป็นการกระทำที่สอดแทรกกลิ่นไอความอบอุ่นมาให้ในทุกๆการกระทำ


ความเป็นบอสทำให้ทุกอย่างออกมาพอดี ทำให้คนขี้รำคาญอย่างผมไม่รำคาญ ทำให้คนชอบอยู่คนเดียวอย่างผมไม่รู้สึกว่ามีส่วนเกิน ทำให้ความเหงาของผมกลายเป็นสิ่งไม่มีตัวตน


บอสไม่เคยพูดว่าชอบหรือรัก หรือกระทั่งคำว่าคิดถึงเขาก็ไม่เคยพูด


แต่คนที่ทำทั้งหมดที่ว่ามานั่นได้สม่ำเสมอและนานหลายเดือน ต้องมีอะไรในใจบ้างล่ะ


ผมเผลอมองเขาอยู่นาน จนรู้สึกตัวถึงได้หันไปสนใจทีวีตรงหน้าแทน เขาหลับตาอยู่อย่างนั้นและอยู่เงียบๆอย่างนี้นานพอควรแล้ว




จู่ๆ บอสก็พูดออกมาอีกทั้งที่หลับตาอยู่


“ตอนพี่ตอบแชท ผมดีใจมากเลยนะครับ”


“...”


“ดีใจมาตลอด พี่จะรู้ไหมว่า...”


บอสพูดทิ้งระยะเว้นวรรคยาว นานจนผมไม่แน่ใจว่าเขาอยากพูดให้จบไหม


“...?” ผมไม่แน่ใจว่าควรหันไปตั้งใจฟังเขาพูด หรือทำเป็นดูทีวีต่อไปดี


“พี่เหมือนแสงสว่างของผมเลย ในความมืด ผมก็ยังมองเห็นพี่”


สายตาเชื่อมๆ ที่ส่งมาพร้อมกับคำพูดแปลกๆ ของเขา ทำให้ผมเริ่มนั่งไม่ติด และอยู่ไม่สุข


เมา ต้องเป็นเพราะหมอนี่เมาแน่ๆ ถึงได้ทำตาแบบนี้


“เวอร์แล้วมึง”


ผมเลือกออกจากสถานการณ์อันตรายต่อใจแบบนี้ด้วยการทำหน้าเซงใส่เขา ยิ้มเยาะสมเพชความเมาของเขาอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะด่าหรือจะยิงมุขตลกต่อดี ฟังเสียงหัวเราะเขาแล้ว... เปลี่ยนเรื่องดีกว่า


“ฮ่าๆๆๆ” เลยได้แค่ฟังเขาหัวเราะซะเอง


“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวหาชุดนอนให้ใส่” ผมลุกออกจากโซฟามาทันที ทำเป็นเดินเข้าห้องทำนั่นทำนี่ให้รู้สึกว่าไม่ว่าง


บอสลุกขึ้นตามที่บอก แม้จะเอื่อยเฉื่อย ช้ากว่าปกติมากก็เถอะ เขาก็ยังเข้าห้องน้ำถูก




เกือบจะดีแล้วเชียว ผมไม่น่ามองตามเขาเลย รอยสีแดงตรงไหล่เขามันขัดหูขัดตาจริงๆ
 





---------------------------------------
TBC.




ยังมิจบจ้า
แต่ตอนหน้าก็จบแล้วล่ะ
มีตอนแถมอีกนิดหน่อย
ความหวานหาไม่ได้จากตอนปกติ ตั้งเต็นท์รอตอนพิเศษไปนะ 5555

แม็ตมะนาวก็กำลังจะมา ขอเบ่งพลังแป็ป 555
สวัสดีปีใหม่ปีไก่จ้าาา ไก่ซึ่งเป็นญาตกับนก พญานกอย่างเราต้องสรอง! (ไม่เกี่ยวกันเลย 5555+)

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
งื้อออ รอเลยยย สมัคเป็นfcเลย ตามอ่านทุกเรื่อง ชอบทุกเรื่องเยย

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อมพะนำกันเข้าไป  มีอะไรก็ ไม่พูดกันให้เข้าใจ  :z6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด