วิศวะตัวร้ายกับนายหมอหมา
EPISODE 2 นายแค่ฝันร้าย
(พอร์ช)
ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าตึกวิศวะกรรมศาสตร์ ถามว่าทำไม่ต้องรีบขนาดนั้น ก็เพราะว่าผมมีหน้าที่เป็นพี่ว้าก และพี่ว้ากของผมอีกทีก็คือพี่ปีสี ซึ่งโหดกว่าหลายเท่า ที่รีบวิ่งมาจนหูตั้งแบบนี้เพราะผมลืมไปว่าวันนี้พี่ปีสี่จะต้องลงมาดูผมว้ากน้อง เลยต้องเตี๊ยมกันนิดหน่อย แต่ผมดันมาเลทไปตั้ง 15 นาที
“มาแล้วเหรอมึง เหงื่อท่วมเชียว ถ้าเกิดน้องปีหนึ่งที่เห็นสภาพมึงขนาดนี้นะ มึงหมดความเชื่อถือแน่ไอ้พอร์ช” เป็นเสียงเพื่อนผมเอง คนที่โทรมาหาผมนั่นแหละ
มันชื่อ หลินปิง แต่ไม่ได้อ้วนเหมือนหลินปิงนะครับ มันหล่อแบบเถื่อนๆนี่แหละ แต่หล่อน้อยกว่าผมแค่นั้นเอง แถมชื่อยังไม่เข้ากับหนังหน้าเถื่อนๆของมันอีกด้วย
“กว่าจะมาได้นะมึง มัวแต่ไปตามจีบพี่หมาอีกอะดิ” ไอ้นี่ชื่อเฟย เป็นลูกเสี้ยวไทย-จีนครับ
ตี๋ๆ ขาวๆ สูงยาว เข่าดี สเป็กพวกเด็กปีหนึ่งเลยแหละครับ จริงๆแล้วมันสูงนะครับ แต่สูงน้อยกว่าผมและไอ้ปิงอยู่ประมาณนึง
“เสือก” ผมด่าไป ทั้งที่ยังหอบอยู่ ไอ้ปิงยื่นน้ำมาให้ ผมก็รับมาดื่มอย่างไม่รีรอ
“กูเพิ่งไปหยิบมาจากศาลพระภูมิหน้าคณะเมื่อกี้นี่เอง” มันพูดหน้าตาย ในขณะนี่ผมดื่มใกล้หมดขวดอยู่แล้ว สำลักสิครับ รอไร
“แค่กๆ.. ไอ้สัส” ผมด่าทั้งที่ยังไออยู่ หันมองเพื่อนๆ เห็นมันยืนขำกันใหญ่ ส่วนปีว้ากปีสี่ยืนกอดอกมองผมยิ้ม จนผมต้องรีบยกมือไหว้เร็วๆ
“ไม่ต้องรีบขนาดๆนั้นก็ได้ กูรู้ว่ามึงติดผู้ชายอยู่ที่คลินิกหมาใกล้ๆนี่เองใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆๆ” ไม่แค่เฮดว้ากปีสี่อย่างพี่เกื้อหรอกครับ ทั้งห้องต่างก็หัวเราะผม สนุกกันใหญ่เลยสิที่ได้แกล้งผมแบบนี้น่ะ
“พอเลยพี่ ผมยิ่งเครียดๆอยู่” ผมยกมือห้าม ก่อนที่พวกมันจะหัวเราะผมมากไปกว่านี้
“อ่ะ...มึงว่ามึงเครียดใช่มั้ยไอ้พอร์ช มึงก็ใช้ความเครียดนี้เป็นพลังในการว้ากน้องสิ” ไอ้พี่เกื้อมันพูด พร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ
ใช้ความเครียดในการว้ากน้องเหรอ ... ได้ เดี๋ยวกูจัดให้
.
.
.
.
.
.
.
.
“ก้มหน้าลงไป!” ตอนนี้เป็นเวลาเข้าเชียร์ครับ และผมเป็นเฮดว้ากปี่สามที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ช่วงเครียดๆแบบนี้ได้ระบายมันก็ดีอย่าง (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่พี่ว้ากต้องมาลงกับน้องแบบนี้ แต่วันนี้ผมขอซักวันเถอะ)
“ใครสั่งให้คุณเงยหน้าขึ้นมา ก้มหน้าลงไปเดี๋ยวนี้” ตอนนี้อะไรก็ฉุดผมไม่อยู่แล้วล่ะครับ
“สิ่งที่พวกผมสอน พวกผมเตือน คุณไม่เลยเชื่อฟังกันเลยใช่มั้ยครับ!” สัมผัสได้ว่าห้องประชุมมันเงียบจนผมรู้สึกได้
“เห้ย… ไอ้พอร์ช เบาลงหน่อยก็ได้น้องมันกลัวมึงเยี่ยวเล็ดแล้วมั้งนั่น” เป็นไอ้ปิงที่เดินมากระซิบกับผม หันหันมองเด็กปีหนึ่งที่ตอนนี้สั่นเหมือนลูกนก ก็นึกขำ โอเค กูสบายใจละที่ได้ปลดปล่อย
“พี่สันทนาการ!” ผมเรียก พี่สันทการ ซึ่งหัวหน้าพี่สันก็เดินมาทางผม
“ครับ”
“ให้น้องผ่อนคลายได้วันนี้ผมมาแค่นี้แหละ” กำลังจะเดินออกไป พี่ว้ากปีสี่ก็เดินเข้ามา ส่วนผมก็เดินเข้าไปใกล้ๆพี่เกื้อเฮดว้าก ที่กระซิบพูดกับผม
“ไง สบายใจขึ้นรึยัง” พี่มันถาม ผมก็พยักหน้าตอบ
“โอเคเลยพี่” ผมยกยิ้มนิดๆ ยิ้มกว้างไม่ได้เดี๋ยวน้องจับได้ว่าพี่ว้ากใจดี
“งั้นดีเลย วันนี้เข้าเชียร์กันครบป่ะวะ” พี่เกื้อถาม
“ครบครับ ไม่ขาดไม่เกิน” ผมตอบกลับไป มองเหล่าปีหนึ่งที่กำลังสนุกสนานกับการกระโดดโลดเต้นแล้วนึกถึงตอนที่ตัวเองอยู่ปีหนึ่ง จะว่าไป ผมก็มาไกลเกินกันนะโดยเฉพาะเรื่องหน้าตาเนี่ย ฮ่า.....
“ดีๆ งั้นพวกกูกลับก่อนละ ไอ้ต๊ะเมียแม่งโทรตามตั้งแต่หัววันแล้ว ไว้พวกมึงว่างๆ ไปแดกกันซักหน่อยละกันนะ ไปละ” พี่เกื้อ ยื่นมือมาตบบ่าสองสามทีแล้วเดินหล่อๆออกไป
พวกผมเองก็หมดหน้าที่แล้วเหมือนกัน เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน
“เห้ยพวกมึง วันนี้ไปก๊งกันป่ะ” ไอ้เฟยเป็นคนพูดขึ้นหลังจากที่พวกเราเดินออกมาจากห้องเชียร์เรียบร้อยแล้ว
“พวกมึงไปกันเลย กูจะกลับไปพักรู้สึกเพลียๆว่ะ” ผมบอก เดินไปทางล็อกเกอร์หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“ขาดมึงก็ไม่หนุกดิวะแต่เราไปกันสองคนก่อนก็ได้ว่ะพวกฮ่าๆๆๆ” ไอ้ปิงหัวเราะร่า กอดคอไอ้เฟยที่เตี้ยกว่าไปด้วย
“เออ เจอกันพวกมึง” ผมว่าแล้วเดินแยกจากพวกมันไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ ผมไม่ได้อยู่หอเหมือนพวกเพื่อนๆหรอกครับ บ้านผมห่างจาก มหา’ลัยแค่สองป้ายไม่ได้ไกลอะไรมากมาย
“แม่หวัดดีฮะ” ผมยกมือสวัสดีแม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์ แม่ยิ้มแล้วกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งใกล้ๆ ผมนั่งใกล้แม่พร้อมกับใช้แขนโอบเอว แล้วหอมแก้มแม่รัวๆ
“นี่จะอ้อนอะไรแม่อีกล่ะเรา” แม่ยิ้มน้อยๆ ที่ผมมีอาการแบบนั้น
“พอร์ชก็แค่เหนื่อยๆนะแม่ เลยอยากได้กำลังใจ” ผมว่าแล้วหน้าลงบนบ่าของแม่ ส่วนแม่ก็ลูบหัวผมให้ความอบอุ่น ฝ่ามือแม่นี่มันอุ่นจริงๆนะครับ
“เรื่องพี่หมอเหรอลูก” ไม่แปลกหรอกครับที่แม่จะรู้เรื่องนี้เพราะผมมีแม่แค่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมปรึกษาแม่เกือบทุกเรื่อง ส่วนพ่อผมหย่าขาดกับแม่ไปตั้งแต่ผมยังเด็กแล้วล่ะครับ
สาเหตุเพราะอะไรแม่ไม่เคยบอกผมหรอก แต่ผมก็ไม่ได้ขาดความอบอุ่นเลยนะครับ ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ยังมีแม่ แต่โชคดีที่พ่อยังส่งเสียผมแม่อยู่เหมือนเดิม
“ประมาณนั้นแหละครับ ไม่ใช่แค่เรื่องพี่อั๋นอย่างเดียวหรอก ที่มหา’ลัยก็มีบ้างน่ะครับแม่ ช่วงนี้ต้องเร่งทำโปรเจค พอร์ชเหนื่อย” ผมว่า แล้วอ้อนแม่ด้วยการไถลตัวไปนอนบนตักแม่
“พี่ว้ากสุดหล่อของแม่ แค่นี้ก็ทำมาบ่น” แม่ผมว่าแล้วขยี้หัวผมแรงๆ ส่วนผมก็ยู่หน้าส่งให้แม่
“ไปอาบน้ำได้แล้ว แม่จะไปทำกับข้าว” แม่ว่า แล้วดันให้ผมลุกขึ้น ผมมีท่าทีอิดออดเล็กน้อย แต่ก็ยอมขึ้นไปบนห้อง
ด้วยความเหนื่อย บนก็กระโดดขึ้นเตียง นอนแผ่หลาอยู่อย่างนั้น จนไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน
.
.
.
.
.
.
.
.
(หมออั๋น) หลังจากที่ผมกลับจากคลินิก ยังไม่ทันหย่อนก้น หม่าม๊าก็เรียกใช้ผมทันที
“อั๋น ม๊าวานลื้อเอาขนมกุยช่ายไปฝากป้าณดาที” เสียงหม่าม๊าผมเองล่ะครับ
“คร้าบบบบ” ผมตอบเสียงยานคาง พร้อมกับเดินไปหาหม่าม๊าในครัว
“แต่ก่อนไปอั๋นของกินชิ้นนึงนะม๊า” ผมว่าแล้วหยิบขนมกุยช่ายขึ้นมา เตรียมจะใส่ปากพอดี แต่ดันมีมารมาแย่งจากมือซะนี่
“ยัยอิง!!” จะถึงปากอยู่แล้วเชียว
“อื้มมม อร่อย” ยัยอิงเป็นน้องสาวขอผมเองล่ะครับ เพิ่งจะขึ้นปีสองปีนี้ มันเรียนทันตะครับ ถามว่ามือหนักไหม ไม่เหลือครับผมเคยโดนมันตบอยู่บ่อยๆ
“ในจานมีตั้งเยอะ มาแย่งเฮียกินทำไมเล่า” ผมว่า พร้อมกับเขกหัวมันแรงๆ หนึ่งที
“โอ้ย! เฮียอ่ะ อิงเจ็บนะ หม่าม๊า..” ว่าแล้วทำหน้างอ พร้อมกับกระโดดหนีเท้าผมไปหาหม่าม๊าแทน
“ลื้อสองคนนี่มันทะเลาะกันตังแต่เล็กจนโตเลยจริงๆ ไปได้แล้วตาอั๋น ป่านนี้บ้านโน่นเค้ารอแล้วมั้ง” ม๊าว่าผมถอนหายใจแล้วชี้หน้าคาดโทษยัยอิงไว้ เดี๋ยวกลับมาโดนแน่
“ว่าแต่ป๊ายังไม่กลับเหรอครับม๊า” ผมถาม๊าที่กำลังจับจีบขนมอยู่
“อืม ป๊าโทรมาบอกว่ามีเคสฉุกเฉินต้องผ่าตัดด่วนน่ะ ดึกๆคงจะกลับ” ป๊าผมเป็นศัลยแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในเครือของมหาวิทยาลัยที่ไอ้พอร์ชและยัยอิงน้องสาวเรียนอยู่ตอนนี้ น่ะครับ
“อ๋อ งั้นอั๋นไปบ้านโน้นนะ” ผมว่า
“ควรไปตั้งนานแล้วพี่อั๋น” เสียงแขวะผมตามหลังมา ผมไม่สนใจยัยน้องบ้า รีบเดินไปบ้านป้าณดาทันที
“ป้าดาครับ ป้าดา” ผมตะโกนเรียกไม่ดังมาก ป้าณดาก็ออกมายิ้มทักทาย พร้อมกับเปิดรั้วบ้านให้ผมเข้าไปในบ้านด้วย
“ถืออะไรมาอีกล่ะวันนี้” ป้าณดาถามยิ้ม
“ม๊าให้เอาขนมกุยช่ายมาฝากน่ะครับ” ผมยื่นขนมกุยช่ายให้ป้าณดาที่ยิ้มอยู่
“เอ้อ ขอบใจมานะลูก เอ้อ วันนี้ป้าทำแกงเลียงกุ้งสดไว้ อั๋นเอาไปทานด้วยนะลูก” ป้าณดายิ้ม แล้วเดินไปดูหม้อแกง คงจะเป็นแกงเลียงมั้งครับ
“ขอบคุณครับ..ว่าแต่ไอ้พอร์ชยังไม่กลับเหรอครับ” ผมเอ่ยขอบคุณคุณป้าไป แล้วถามถึงไอ้พอร์ชไปด้วย เห็นป้าณดาอมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับชี้ไปข้างบน
“อยู่บนห้องนอนน่ะจ้ะ คงกำลังอาบน้ำอยู่ ” พูดแค่นั้นก็หันหลังกลับไปสนใจหม้อแกงต่อ
“เดี๋ยวผมไปตามเองครับ” ผมว่า หมุนตัวเดินออกจากครัว ขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นห้องนอนของไอ้พอร์ช
.
เปิดประตูเข้ามานี่ตกใจเลยครับ คิดว่าศพ นอนซะหมดสภาพเลยไอ้เถื่อนเอ้ย
“พอร์ช..ตื่น..ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมสะกิดเรียกมันที่หลับอุตุอยู่
“งืมมม”มีครางเบาๆ แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมหน้า ทั้งๆที่เหงื่อเต็มตัวขนาดนั้นยังจะเอาผ้าห่มมาคลุมอีก แอร์ หรือพัดลมก็ไม่รู้จักเปิด
“พอร์ชตื่น ไปอาบน้ำได้แล้ว” จากที่สะกิด เปลี่ยนเป็นตีแขนมันแล้วครับ
“อื้อออ” นั่น ยังจะงอแงอีก เซาไม่มีใครเกินจริงๆ
“พอร์ชตื่นได้แล้วนะ” ต้องไม้ตายล่ะครับ กระซิบใกล้ๆหูแบบนี้มันตื่นทุกที แต่วันนี้มันไม่ตื่น แถมยังละเมอดึงแขนผมที่ก้มลงมากระซิบเรียกมันลงไปนอนด้วยกันอีก
“พอร์ช กูไม่เล่นนะเห้ย” ผมว่าแล้วขืนตัวออกจากอ้อมกอดแน่นๆของมัน ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากกกก
“พ่อ” หืมมม อยู่ๆมันก็พึมพำคำๆหนึ่งออกมา พ่อเหรอ
“นี่พี่เอง” ผมว่าไอ้คนที่ยังเอาหัวมาซุกอกผม
“พ่อ...พ่อครับอย่าไปนะ พ่ออยู่กับพอร์ชนะ” มันส่ายหน้าไปมาอยู่กับอกผม ราวกับฝันร้าย เห็นท่าไม่ดี ผมก็เลยยื่นมือขึ้นลูบหัวมันไปเบาๆ
“นายแค่ฝันร้าย ตื่นนะพอร์ชตื่นมาเจอกับความจริง” ผมยังคงลูบหัวพอร์ชต่อไป พอร์ชเริ่มสงบลงแล้ว
“พี่อั๋น?” ไอ้คนที่กอดผมอยู่ตอนนี้เรียกชื่อผมด้วยความงง
“อืม พี่เอง” ผมว่าแล้วผละออก แต่ไอ้พอร์ชดันกอดแน่นเหมือนเดิม
“เวลาที่พี่ไม่ดุแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย” มันว่าแล้วยิ้มร่า พลิกตัวผมขึ้นไปบนตัวมันแทน ไม่หนักรึไงวะนั่น
“น่ารักบ้าอะไรของมึง ปล่อยกูได้แล้ว” ผมดิ้นอยู่บนตัวมันแต่มันกลับขมวดคิ้ว
“อย่าดิ้นมากดิเดี๋ยวมันก็ตื่นหรอก” อ่า...มันหมายถึง??
“โอ๊ะ..” มันมีบางอย่างที่ตรงหน้าขาผมมันขยับได้ ผมหน้าแดงทันทีเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ปล่อยกูเลยนะ ไอ้เด็กบ้า หื่นจริงๆเลยไอ้เถื่อนเอ้ยยย! ลุกไปอาบน้ำเลยไป๊!” ผมตีมันรัวๆ กลบความอาย นี่กูเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับอายเด็กบ้าที่นอนยิ้มโชว์ฟันขาวอยู่เนี่ยนะ
“พี่รู้ป่ะ เวลาเขินแม่งโครตน่ารักเลย”ไม่ว่าเปล่าพลิกตัวขึ้นคร่อมผมแทนอีก เห้ยย นี่มันมากเกินไปแล้วนะเห้ย
“มึงทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย” ผมด่ามันที่ก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ ใกล้จนจะจูบกันอยู่แล้ว ผมหลับตาปี๋ทันที
“พอร์ชลูกกับข้าว....สะ...เสร็จแล้ว” ชิบหาย ผมถีบไอ้พอร์ชกระเด็นตกเตียง ด้วยความตกใจ หันมองป้าณดาที่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงหน้าประตู กูจะบ้า...
“โอ้ยยย! ถีบมาได้นะพี่” มันว่า จับทั้งพุงทั้งก้นตัวเองไปด้วย
“ก็มึงอ่ะ เล่นบ้าอะไรวะ กูพี่มึงนะเว่ย” ตอนนี้ใครก็ได้หาปี๊บมาให้ผมที่ อายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“คือ...ป้าดาครับ มันไม่ใช่อย่างที่ป้าดาคิดนะครับ” ผมพูดรัวๆ แล้วรีบเดินไปหาป้าณดาทันที ส่วนป้าณดาที่หายจากอากรช็อกแล้วก็หันมามองผม
“ป้าเข้าใจ” ป้าณดาพูดยิ้มๆ แล้วจูงมือผมให้ลงไปข้างล่าง
“ส่วนแก ตาพอร์ช จัดการตัวเองให้เรียบร้อย” ป้าณดาหันหลังกลับไปชี้หน้าไอ้พอร์ชรวมปถึงชี้ตรงนั้นด้วย ผมหันหลังกลับแทบไม่ทัน อะไรมันจะคาตาขนาดนี้ เห็นทีต้องขอน้ำมนต์หลวงพ่อมาอาบซะแล้ว
“อย่าถือสามันเลยช่วงนี้มันนอนน้อย มันคงจะเหนื่อยๆ เอ้อ..แล้วนี่เราจะกลับเลยรึเปล่าล่ะ” ป้าณดาว่า มันคงจะเหนื่อยจริงๆแหละครับ
“เอ่อ... กลับเลยครับ กลับเลย” ผมว่าด้วยท่าทางลนๆ ป้าณดาพยักหน้า แล้วหายเข้าไปในครัว ซักพักก็ถือชามแกงเลียงใบโตออกมาด้วย
“เอ้า..นี่แกงเลียงจ้ะ กำลังร้อนๆเลย” ผมยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณครับป้าดา งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ผมว่า รีบเดินออกไปทันทีโดยที่ไม่รอให้ไอ้พอร์ชตัวดีลงมาเจอ ใครจะไปกล้าเจอล่ะ กูก็อายเป็นนะเห้ย
(พอร์ช)“อ้าว..พี่อั๋นกลับไปแล้วเหรอแม่” ผมถามแม่หลังจากที่เดินมาถึงชั้นล่าง
“กลับไปแล้ว…ใครจะไปทนความอุจาดของแกได้ล่ะ” แม่ว่าพร้อมกับหยิกแขนผมเบาๆ
“โธ่....แม่ก็ เป็นใครมันก็ต้องขึ้นเป็นธรรมดา ยิ่งอยู่กับคนที่ชอบแล้วเนี่ย มันยิ่งขึ้น” ผมว่ายักคิ้วพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้แม่ด้วย
“นั่นปากเหรอ..พูดอะไรให้เกียรติพี่เขาด้วย พี่เขาโตกว่า อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ” นั่นไง โดนคุณหญิงณดาเทศอีกแล้ว
“พอร์ชก็ให้เกียรติพี่มันตลอด แต่พี่มันไม่เคยรับรู้ซักที่ว่าพอร์ชคิดไงกับมัน” ผมก็พูดตามที่ใจคิดนั่นแหละครับ
“พอร์ชก็...ให้เวลาพี่เขาหน่อยสิลูก” แม่ว่า ลูบหัวผมไปด้วย
“สำหรับพี่อั๋น พอร์ชให้เวลามันทั้งชีวิตยังได้” ผมว่า ส่วนแม่ทำหน้าแหยง
“โอ้ยยย! เลี่ยนนน!” ผมหัวเราะออกมาทันที ที่แม่พูดออกมา
“จะกินมั้ยเนี่ยข้าวน่ะ ถ้าจะกินก็นั่งค่ะ” แม่ผมเอ่ย ถือเป็นการเบรกขำผมทันที นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม พร้อมกับมองหน้าแม่
“แม่” ผมเอ่ยเรียกเบาๆ
“หืมม” แม่ก็ขานรับ เงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมามองหน้าผม
“เมื่อกี้พอร์ชฝันถึงพ่อ” หลังจากที่ผมพูดจบสีหน้าแม่ก็เรียบนิ่งทันที
“กินข้าวเถอะลูก” หลังจากที่เงียบไปนาน แม่ก็ปรับสีหน้าให้กลับมาปกติเหมือนเดิม พร้อมกับพูดด้วยยิ้ม...ที่เศร้าที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมา
ระหว่างพ่อกับแม่ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไม แม่ถึงได้ทำหน้าเศร้าแบบนี้ แต่ผมได้แต่เก็บคำถามเอาไว้ แม่พร้อมเมื่อไหร่ คงเล่าให้ผมฟังเองนั่นแหละครับ...
.............
TBC...
มาแล้วค่ะ ช่วงนี้การบ้านเราค่อนข้างจะเยอะ
แต่จะพยามมาลงให้ไวที่สุดนะคะ วันนี้มาเร็วหน่อย
แต่วันอื่นอาจจะมีเลทอย่าว่ากันนะค้า
ปล.ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ
ปล2. คำผิดยังไม่ตรวจ ไว้จะมาแก้ที่หลังนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่าาา