(จบแล้ว) เรื่องสั้น ♥ เลนนี่ กับ หนุ่มอังกฤษบ้านตรงข้าม ♥ l 08.08.17 l
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้ว) เรื่องสั้น ♥ เลนนี่ กับ หนุ่มอังกฤษบ้านตรงข้าม ♥ l 08.08.17 l  (อ่าน 6422 ครั้ง)

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
***************************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
***************************************************************************************






------------------------------------------------------------------------------------------



นิยายของ Natsukairi


เรื่องยาว
หลังสวนดอกท้อ



------------------------------------------------------------------------------------------




สารบัญ

ปฐมบท
ตอนที่1
ตอนที่2
ตอนที่3
ตอนที่4
ตอนที่5
ตอนทีุ่6
ตอนทีุ่7
ตอนทีุ่8
ตอนที่9
ตอนที่10 (จบ)


------------------------------------------------------------------------------------------


ปฐมบท



ถ้าหากจะมีใครสักคนบนโลกที่ เลนนี่ เทอเนอร์ เหม็นขี้หน้าที่สุด

คนผู้นั้นคงจะไม่พ้นมนุษย์หน้าบอกบุญไม่รับบ้านตรงข้ามที่ชื่อวัลลอส… เอ่อ ไม่ๆ วัลเลียสรึเปล่านะ อ่า แม้กระทั่งชื่อก็ยังทำให้เลนนี่เกิดความเครียดได้

ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ

“ตกลงคืนนี้นายจะไปมั้ย เลน”

“ไปไหน?”

หนุ่มเชื้อชาติอเมริกาขมวดคิ้วมองหน้า ริกเกอร์ เทอเนอร์ น้องชายต่างพ่อที่เห็นหน้ากันตั้งแต่ห้าขวบ และถึงหัวของหมอนี่จะขยุกขยุยอย่างกับฝอยขัดหม้อ แต่ใบหน้าคมสันบาดนิ้วก็ฮอตเสียจนบดบังความหล่อหลบในบนใบหน้าจืดๆ แบบคนอย่างเลนนี่จนไม่เหลือ

“เมื่อกี้ไม่ได้ฟังที่ฉันพูด?”

“ไม่” เลนนี่ยักไหล่ “งั้นฉันจะถามรึไง พูดอะไรแปลกๆ”

“ก็นายทำหน้าตาเหมือนฟังอยู่นี่ ใครจะไปรู้”

“โธ่ ริก การที่นายพูดมันอีกครั้งไม่ได้ทำให้คุณย่าทวดโรซาลี่ล้มจากเก้าอี้โยกหรอกน่า”

ปั๊ก!

และเลนนี่ก็ได้หมัดหลุนๆ ชกเข้าที่ต้นแขนอย่างแรง “ปากหมาจริงๆ เลยนะนาย” ริกเกอร์เบ้ปาก ถึงจะรู้จักมักจี่กับร่างโปร่งชนิดรู้ถึงสันดานดิบทุกซอกเล็บ แต่เขาก็ไม่ชอบคำพูดเสียดแทงของพี่ชายเอาเสียเลย

“บอกไว้เลยนะเลน ที่นายปากเสียแบบนี้ ถึงว่าหาแฟนไม่ได้”

“ฉันจะมีไม่มีแล้วมันหนัก—โอ๊ย!”

เลนนี่ขมึงตาเขียวใส่น้องชาย กล้าดียังไงชกแขนเขาติดกันถึงสองครั้ง! ชายหนุ่มสวนฝ่ามือพิฆาตใส่แก้มซ้ายริกเกอร์ ฝากรอยรักสีเชอร์รี่ไปถึงอา…อลาโน่ แบรนเดอร์ (?) แฟนสุดที่รักของมันไปในตัว

บอกตามตรง เขาไม่ชอบเด็กหนุ่มคนนั้น แบรนเดอร์ผิวซีดเกินไป สีผมก็บรอนด์เกินไป สูงไม่พ้นไหล่เขาด้วยซ้ำ

“เมื่อไหร่นายจะเลิกกับอลาโน่”

ริกเกอร์ทำหน้ายู่เมื่อได้ยิน “จู่ๆ วกมาเรื่องนี้ได้ไง” ก่อนที่หนุ่มหน้าคมจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าสมองพี่ชายเขาคิดอะไรอยู่

“แล้วแฟนฉันก็ไม่ได้ชื่ออลาโน่ เขาชื่ออลัน”

“จะอะไรก็ช่าง”

ทำไมเลนนี่ต้องเสียพื้นที่สมองในการจำชื่อคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าด้วย ช่างเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี

“เจ้าเตี้ยนั่นมีอะไรน่าสนใจ ฉันว่าเขาน่ารำคาญ”

ริกเกอร์ไม่ชอบใจในสิ่งที่เลนนี่พูด แต่เขากลับอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงหน้าคนรัก “ก็ฉันรักเขา มันจะแปลกตรงไหน”

“ใช่ แปลกมาก พวกนายไม่เหมาะกันสักนิด”

“ฉันไม่จำเป็นต้องให้นายลงความเห็นว่าใครเหมาะไม่เหมาะกับฉันนะเลน โอเคมั้ย”

“แล้วฉันไม่ใช่พี่นายรึไง?”

“ทำไมเราต้องเถียงกันเรื่องนี้ด้วยเนี่ย?” ริกเกอร์อยากทึ้งหัวหมูหยองของตัวเองแรงๆ สักที นับวันเลนนี่ยิ่งพูดยากขึ้นเรื่อยๆ จน
เขาที่ควรจะชินกับนิสัยเหล่านี้กลับผมจะหงอกเอาหมดหัว “อลันเป็นคนดี และไม่มีเหตุผลสักข้อบนโลกที่ฉันควรบอกเลิกเขา เอา
ไว้นายเจอคนที่ชอบ นายจะรู้เองแหละ”

“ฉันว่าฉันได้กลิ่นอะไรชวนอ้วก...อ้อ...เหม็นความรักนี่เอง”

เลนเบ้ปาก และริกเกอร์ก็ฉลาดพอจะเข้าใจคำประชดเหล่านั้น เขากรอกตากับการกระทำเด็กไม่รู้จักโตของพี่ชาย

“ฉันหวังจริงๆ ว่าสักวันจะเจอคนที่สั่งสอนนายได้ คนอะไรนิสัยเสียเป็นบ้าเลย เลน รู้ตัวมั้ย”

“ฉันก็หวังว่านายจะตาสว่างมองเห็นคนที่ตัวสูงกว่าอลาโน่สักที”

“อลัน เขาชื่อ อลัน แบรนเดอร์” ริกเกอร์ทำสีหน้าเอือม “ฉันเริ่มคิดแล้วว่าคืนนี้นายคงไม่อยากไป”

“ไปไหน?”

“ปาร์ตี้ไง วันเกิดแฟนฉัน”

จบประโยค เลนนี่ก็ทำหน้าเหมือนมีใครขว้างถุงอ้วกใส่เขา “นายทุบหัวฉันแล้วบอกเขาว่าเลนนี่ เทอเนอร์ตายแล้วเถอะ”

“ฉันรู้ว่านายต้องพูดแบบนี้” ริกเกอร์ส่ายหน้ายิ้มๆ

นี่มันตลกเป็นบ้าที่ชีวิตเขาเหมือนละครน้ำเน่า พี่ชายกับแฟนไม่กินเส้นกัน…หรือจะว่าให้ถูก พี่ชายของเขาไม่เคยชอบหน้าใครเลยจะดีกว่า

ปัญหาคงไม่อยู่ที่เขา หรืออลันเองก็ด้วย เลนนี่จัดเป็นคนที่มีระดับมนุษยสัมพันธ์ติดลบ คำพูดคำจาเราะร้าย แต่ถ้าหากมองลงไป
ลึกๆ แบบว่า... ลึกมากๆ จะรู้ว่าเลนนี่เป็นคนจริงใจและซื่อกว่าที่คิด

เพราะงั้นเขาถึงโกรธเลนนี่ไม่ลง

“ฉันจะเอาเค้กมาฝากแล้วกัน” ริกเกอร์คว้าเสื้อคลุมเตรียมออกไปปาร์ตี้ ถึงการลองชวนเลนนี่ไปสนุกด้วยกันจะเป็นเรื่องที่เดาคำ
ตอบได้ไม่ยากเลยก็ตาม

“เอาไปให้คริสโตเฟอร์กินเถอะ”

เลนนี่หมายถึงสุนัขพันธุ์เกรทเดนสีขาวของเขา สามวินาทีให้หลังเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจโบกมือไม่เห็นด้วย

“ไม่ล่ะ นายควรเอาไปให้บ้านตรงข้ามเราดีกว่า หมอนั่นดูจริงจังกับชีวิตเกินเหตุจนฉันกลัวว่าสักวันเขาจะขาดน้ำตาลในเลือดแล้ว
คลุ้มคลั่งคว้าส้อมจิ้มลูกตาฉันแตกตอนนายออกไปสวีทกับแฟนสองต่อสอง ทิ้งให้ฉันนอนแห้งตายบนเตียงที่บ้านคนเดียว”
 เลนนี่ทำสีหน้าขยาดราวกับกำลังพูดถึงฝันร้ายหมายเลขเจ็ดของตนเอง นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

“ฉันว่านายดูหนังมากเกินไปนะ เลน”

“อย่างว่า ฉันต้องเลิกดูหนังฆาตกรรมแล้ว มันทำให้คนเราโรคจิตโดยไม่รู้ตัว”

“ถ้าไม่สังเกต นายโรคจิตอยู่แล้ว” ริกเกอร์เสริม “ฉันไปล่ะ”

สายไปเสียแล้วสำหรับเลนนี่ ร่างของน้องชายบังเกิดเกล้าหายลับไปหลังบานประตู แม้หนุ่มอเมริกันจะยกนิ้วกลางอวยพร แต่ช่างน่าเสียดายที่อีกฝ่ายบุญไม่ถึงได้รับสิ่งสิริมงคลก่อนไปปาร์ตี้

“ริกเกอร์! วันนี้นายนอนนอกบ้านไปแล้วกัน!”




------------------------------------------------------------------------------------------
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2017 08:58:38 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 1



การย้ายบ้านเป็นอะไรที่ วัลดัส แมดด็อกซ์ ไม่ได้คาดการณ์ไว้

เมื่อปลายเดือนก่อน สัปดาห์หลังจากบิดาเสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ ปัญหาแย่งชิงมรดกเกิดขึ้นในระดับน่ากลัวถึงขีดที่เจ้าตัวไม่อยากทนอยู่ต่อ

แม้ญาติพี่น้องจะหวังทรัพย์สมบัติมากมายจากพินัยกรรม แต่วัลดัสไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกับครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขามี—พ่อของเขา—แม้มันอาจสายเกินไปสำหรับคำร้องขอนี้ก็ตาม

ในวันเปิดพินัยกรรม ทนายประจำตระกูลแมดด็อกซ์บอกว่าเขาได้บ้านเดี่ยวย่านชานเมืองในนิวยอร์ก พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งที่ต่อให้อยู่เฉยๆ ก็มีกินมีใช้ไปทั้งชีวิต  วัลดัสคิดว่ามันเกินความจำเป็นสำหรับเขา ชายหนุ่มตัดสินใจโอนสิทธิ์ให้ อีธาน แมดด็อกซ์ ญาติสนิทเพียงคนเดียวที่ไว้ใจได้

ส่วนเขาก็ย้ายจากอังกฤษมาอยู่บ้านหลังที่พ่อยกให้ก่อนท่านจะลาจากโลกนี้ไป

บ้าน…ที่ตอนนี้มีเขาเพียงคนเดียว

“ริกเกอร์! วันนี้นายนอนนอกบ้านไปแล้วกัน!”

หือ?

เสียงตะโกนจากอีกฝากของถนนทำให้วัลดัสแปลกใจ หนุ่มอังกฤษร่างสูงแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อยเพื่อสังเกตสถานการณ์ด้านนอก มีเด็กหนุ่มหัวหยิกคนหนึ่งขับรถออกสู่ถนนด้วยความรีบเร่ง ในขณะที่ใกล้ๆ กับบานประตูรั้วมีเด็กหนุ่มร่างโปร่งผิวซีดยืนหน้าบึ้งอยู่

อา…เจ้าเด็กนั่นนี่เอง

วัลดัสนึกย้อนไปถึงวันที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ถ้าจำไม่ผิด เด็กร่างสูงแต่กลับผอมอย่างกับไม้เสียบผีคนนั้นคงชื่อเลนนี่

เห็นหน้าไม่เป็นมิตรแบบนั้น…

…นิสัยยิ่งไม่เป็นมิตรมากกว่าเสียอีก…




‘เฮ้! มีคนขาเจ็บเพราะลังสัมภาระคุณอยู่ตรงนี้นะ’

 วัลดัสเงยหน้าจากกองข้าวของที่เพิ่งเดินทางมาถึงหน้าบ้านใหม่ของเขา เด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งยืนเท้าเอวห่างออกไปราวๆ สามเมตร

‘อะไรนะ?’

‘ผมบอกว่าผมเจ็บขา’ อีกฝ่ายกรอกตาขึ้นในขณะที่บุ้ยปากมาทางกล่องลังที่วางอยู่ใกล้ๆ ‘ของคุณรกชะมัดเลย เท้าผมเตะโดนเข้า
เจ็บอย่าบอกใคร จะเป็นไรมั้ยถ้าคุณรีบขนมันเข้าบ้านสักที’

พูดน่ะง่าย

แต่วัลดัสต้องใช้เวลาทั้งวันไปกับการจัดเก็บมันเข้าที่

ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือลังใส่ของอีกมากมายวางระเกะระกะเกลื่อนสวนหน้าบ้านยาวไปถึงทางเดินเท้า ไม่แปลกใจเลยที่คนเดินผ่านไปผ่านมาจะไม่ทันระวังเตะโดนเข้าให้ 

‘ฉันกำลังทำอยู่ เจ้าหนู’

เด็กหนุ่มถลึงตาใส่ราวกับจะสื่อว่าคุณเรียกใครเจ้าหนู! ‘ผมไม่เห็นคุณจริงจังกับมันเลย’

 วัลดัสแอบถอนหายใจกับตัวเอง สวรรค์ เกิดมาเขาไม่เคยต้องมายืนเถียงกับเด็กแบบนี้เลย น่าขันเป็นบ้า ‘นายคงเป็นเพื่อนบ้านฉันใช่มั้ย เอางี้ ฉันวัลดัส…’

หนุ่มอังกฤษยืดตัวเต็มความสูง เห็นได้ชัดว่าต่อให้เจ้าเด็กนั่นจะสูงมากถ้าวัดจากเด็กในระดับอายุไล่เลี่ยกัน แต่ถ้าเทียบกับเขา เจ้าหนูคงต้องดื่มนมอีกเยอะ

‘วัลดัส แมดด็อกซ์ ชื่อของฉัน แล้วนายล่ะ’

เด็กหนุ่มทำสีหน้าชั่งใจก่อนจะตอบกลับ ‘…เลนนี่ เทอเนอร์’

‘ยินดีที่ได้รู้จักนะ เลนนี่’  วัลลัสยิ้มให้ ‘ในเมื่อนายอยากให้เสร็จเร็วขึ้น ทำไมไม่มาช่วยฉันล่ะ ไหนๆ เราก็รู้จักกันแล้ว คิดว่าไงเจ้าหนู?’ เลนนี่แสดงสีหน้าราวกับเหตุการณ์เหล่านี้เป็นอะไรที่ตนคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว ตาลุงหน้าเข้มคนนี้เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดไม่น่าไว้ใจจริงๆ

‘เสียใจ’

‘หือ?’

‘ผมคงไม่มีเวลาช่วยคุณ ถึงแม้ทางเทคนิคแล้วเราคงต้องเป็นเพื่อนบ้านกัน ลาล่ะ’

 

แค่คิดวัลดัสก็อดส่ายหน้ากับการกระทำตลกๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้

ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ แล้วที่เขาพยายามทำตัวให้ชินกับบ้านหลังใหม่ ผู้คนใหม่ๆ ไม่มีอะไรเหมือนอย่างลอนดอน บางสิ่งที่ลอนดอนมี ที่นี่คงให้เขาไม่ได้ แต่สิ่งที่บ้านหลังนี้มี ลอนดอนก็ไม่สามารถให้เขาได้เช่นกัน

พูดถึงเพื่อนบ้าน วัลดัสมีโอกาสทำความรู้จักกับใครหลายคน

ทั้งเอียน ชายชราที่ท่าทางทะมัดทะแมงเจ้าของบ้านตรงหัวมุมถนน ฮาเก็น หนุ่มร่างยักษ์เจ้าของโรงไม้ที่อยู่ถัดออกไปห้าหกบล็อก บ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างจากไม้ ไม่เว้นแม้กระทั่งโต๊ะเตียงเก้าอี้และระเบียงชานบ้าน แม็กซ์ หนุ่มอังกฤษใสซื่อที่มีน้ำใจช่วยเหลือเขาขนของจำนวนมหาศาลหลังจากเจ้าเด็กปากเสียเผ่นแน่บไปเสียก่อน

ดีแล้วล่ะ แบบนี้น่ะดีแล้ว

วัลลัสคิดกับตัวเอง เขามีชีวิตที่ดี มีเพื่อนบ้านที่ดี(ไม่นับบ้านตรงข้าม) การเริ่มนับหนึ่งใหม่ดูเป็นสิ่งดีสำหรับเขา

และคงถึงเวลาจริงๆ ที่ชายหนุ่มผมสีเข้มต้องหางานเป็นหลักแหล่งเสียที การปฏิเสธเงินก้อนใหญ่จากมรดกทำให้วัลลัสต้องเจียดเนื้อตัวเองเพื่อย้ายจากบ้านเกิด แต่อีธาน ญาติของเขาก็ไม่วายบังคับให้รับเงินจำนวนหนึ่งเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน

‘นายต้องมีเงินสำรองนะ อย่างน้อยก็เอาไปตั้งหลัก’

‘ฉันมีเงินเก็บหรอกน่า’

‘ป้ามารีก็พูดแบบนี้ตอนย้ายบ้าน แล้วเป็นไง ถ้าพ่อนายไม่ให้เงินหล่อนป่านนี้ธนาคารคงยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว’

‘โอเค ใจเย็นก่อน’  วัลดัสยกมือยอมแพ้ ‘ฉันจะเก็บเงินส่วนนั้นไว้โอเค้? นายไม่ต้องห่วง’

‘นั่นล่ะที่อยากได้ยิน…’

อีธานยังไงก็คืออีธานวันยันค่ำ ญาติตัวเล็กผู้อ่อนโยนชนิดออกจะฮาร์ดคอว์ไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่วัลดัสไว้ใจได้

“อยากให้นายเห็นบ้างหลังใหม่ของฉันจริงๆ”

วัลดัสพึมพำกับตัวเอง เช้านี้เขากินขนมปังปิ้งไปสองแผ่นกับกาแฟหนึ่งถ้วย หนังสือพิมพ์ประกาศรับสมัครงานดูเป็นอะไรที่น่าปวดหัวซะเหลือเกิน ชายหนุ่มคิดไม่ตกว่าเขาควรจะเริ่มต้นจากงานพาร์ทไทม์ง่ายๆ เอาให้พอมีเวลาเจียดมาจัดการกับบ้าน หรือว่า

สมัครตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายจัดการตามที่เรียนจบมาแถมยังมีประสบการณ์ทำงานในบริษัทที่อังกฤษก่อนดี

“พาร์ทไทม์หรืองานประจำดีนะ...”

“เป็นผมจะเลิกพูดแล้วเดินออกไปสมัครงานเดี๋ยวนี้”

หัวใจของวัลดัสกระตุกวูบตอนที่ได้ยินเสียงกวนประสาทดังขึ้นจากด้านหลัง เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าเด็กลีแอบย่องเข้ามาในสวนของเขาตอนไหน

“นายเข้ามาได้ไง”

“ไม่ได้พิศวาสบ้านรกๆ หรอกพนันได้”

ปากเสียแบบนี้แสดงว่าเลนนี่ตัวจริง เด็กหนุ่มวางถาดขนมที่ดูเหมือนพายเพิ่งอบใหม่ๆ ลงบนโต๊ะนั่งเล่น “แม่ฝากมาให้ และผมไม่
ผิดนะ ตะโกนเรียกแล้วแต่คุณไม่ได้ยินเอง”

นิ้วของเลนนี่ไขว้กันไว้ด้านหลัง เรื่องบางเรื่องโกหกไปก็ไม่มีใครตายหรอก

“โอ ขอบใจ” พายตรงหน้าดูน่ากินมากทีเดียว “ฝากขอบคุณแม่นายด้วย วันหลังฉันจะไปเยี่ยมและขอบคุณด้วยตัวเอง”

“เรื่องนั้นอย่าดีกว่า”

วัลดัสขมวดคิ้ว ชั่งใจว่าควรถามออกไปเลยดีมั้ยว่าเจ้าหนูมีปัญหาอะไรในใจให้เกลียดเขานักหนา

“มองหน้าผมทำไม” คนที่โดนจ้องพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“นายไม่ชอบอะไรฉันหรือเปล่า”

“อะไร?”

“ไม่รู้สิ นายดู…” วัลดัสยักไหล่ “ไม่ชอบขี้หน้าฉัน”

“คุณเดาเก่งจริงๆ วัลลอส แบบนี้ลองไปทำงานเป็นคนใบ้หวยสิอาจจะรุ่ง”

ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเชิดหน้าเดินข้ามถนนกลับไปยังอีกฝากด้วยความเร็วแสง เลนนี่ เทอเนอร์เป็นมนุษย์ที่วัลลัสไม่ควรประเมินต่ำเกินไป เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจกว่ารูปร่างหน้าตาจืดชืดไม่เบา

ว่าแต่…

ใครชื่อวัลลอส?






------------------------------------------------------------------------------------------




   



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2017 21:39:41 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นนายเอกที่..แก่น เซี๊ยว เปรี้ยว แสบ ครบรส  :m9: :m9: :m9:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 2



หวุดหวิดจะโดนตาลุงหน้าโหดฆ่าหมกสวนเอาได้

เลนนี่ปาดเหงื่อที่ซึมตามไรหน้าผาก ยอมรับต่อพระเจ้าว่าชายคนนั้นมีบางอย่างที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย เกลียดแรกพบ ของแบบนี้ก็มีจริงบนโลก

“เอาพายไปให้เขาแล้วใช่มั้ยเลนนี่”

เขา ที่ว่ากำลังวางแผนสองร้อยแผนฆ่าลูกชายแม่อยู่น่ะนะ เอาเถอะ เลนนี่ไม่ได้ระแวงเกินเหตุหรอก หน้าตาแบบนั้นเหมือนพวกทหารหนีคดีฆ่าคนบริสุทธิ์ในปากีสถานชะมัด

“เรียบร้อยครับ”

“ไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรใช่มั้ย”

“โธ่ คุณนายเทอเนอร์ครับ” เลนนี่เดินเข้าไปหยิบพายชิ้นที่ถูกตัดพอดีคำในจาน “หมอนั่นน่ากลัวจะตายไป เราอยู่ห่างๆ เขาไว้ไม่ดีกว่าเหรอ”

“แม่ว่าเขาก็ดูเป็นมิตรดี”

เลนนี่ย่นจมูก “คนร้ายที่ทำตัวเหมือนคนดีมีให้เห็นถมเถ”

“พูดจาเหลวไหลใหญ่แล้วเลน”

คุณนายเทอเนอร์ป้อนพายชื้นใหญ่ใส่ปากลูกชายคนโตโดยไม่ฟังคำประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น

“เอ้า กินพายซะ แม่อุตส่าห์ทำ”

อาจเพราะวันนี้เหลือเพียงพวกเขาสองแม่ลูกในบ้าน ส่วนริกเกอร์ ลูกชายคนเล็กของเธอก็ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับ คุณนายเทอเนอร์เห็นสมควรว่าพายถาดนี้ต้องจัดการให้หมด หากเหลือไว้อุ่นทานครั้งหน้ารสชาติจะไม่อร่อย

“คุณนายเทอเนอร์จะฆ่าผมหรือไง”

เลนนี่กระเดือกน้ำตามเพื่อไล่พายชิ้นมโหฬารฝืดเคืองในลำคอลงกระเพาะ เขาไม่สงสัยเลยว่าตัวเองได้ความโรคจิตมาจากไหน

“กินให้หมดนะ แม่ไม่อยากทิ้ง”

“ผมคงเป็นเบาหวานตาย ไม่ต้องมาเผาผีผมนะ”

“พูดมากจริงๆ ลูกคนนี้”

คุณนายเทอเนอร์ตีแขนลูกชายด้วยความหมั่นไส้ เลนนี่เป็นเด็กปากเสีย เธอย่อมรู้ดี แต่จิตใจของเด็กคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ใครคิด เธอเพียงหวังว่าจะมีเพื่อนหรือใครสักคนที่ดูแลและเข้าใจลูกของเธอ

“ได้ติดต่อเพื่อนสมัยไฮสคูลบ้างมั้ย” คุณนายเทอเนอร์เอ่ยถาม

“ไม่” เลนนี่ยักไหล่ “ผมไม่มีเพื่อน”

“แล้วชาร์ลีเป็นไงบ้าง” เธอยังคงถามต่อ

“ชาร์ลีไหน?”

ต้องบอกไว้ก่อนว่าทักษะการจำชื่อคนของเลนนี่มีประสิทธิภาพด้อยยิ่งกว่าเด็กสองขวบเสียอีก

 “ชาร์ลีที่เขาบอกรักลูกตอนเกรดสิบเอ็ดน่ะ”

แค่ได้ยินขนทั้งตัวก็ลุกชัน แม่เกิดประสาทกลับอะไรขึ้นมาถึงขุดฝันร้ายหมายเลขห้ามาจี้ใจดำเขา “จะไปรู้เหรอ ป่านนี้คงมีลูกเมียเป็นโหล…”

 …หรือไม่ก็ตายไปละ อุ้บส์

“นั่นสิ คงมีครอบครัวไปแล้ว ริกเกอร์เองก็มีแฟน แล้วลูกล่ะเลน มีโครงการบ้างมั้ย”

“ผมเพิ่งอายุสิบเก้า”

“ลูกอายุตั้งสิบเก้าแถมไม่เคยมีแฟนเลยต่างหาก”

“ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณนายเทอเนอร์ไม่ดีเหรอ” เลนนี่ทำสายตาออดอ้อน แต่มันกลับดูตลกมากกว่า “มีแฟนไปทำไมปวดหัว ผมเบื่อ
พวกผู้หญิงเรื่องมาก”

“ผู้ชายโอเคกว่า?”

“คุณนายเทอเนอร์!” เลนนี่แทบจะล้มโต๊ะ “ผมเป็นผู้ชาย!”

“แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่แฟนของริกเกอร์ก็น่ารักดีออก”

เลนนี่ได้แต่สบถกับตัวเอง เบ้ปากอย่างกับเรื่องที่ได้ยินมันช่างตลกอย่างร้ายกาจ “อลาโน่น่ะเหรอ ผมว่าเขาไม่เหมาะกับริกเกอร์เลยสักนิด”

“เขาชื่ออลันต่างหาก”

คุณนายเทอเนอร์แก้ “และลูกไม่มีสิทธิ์ไปบอกใครต่อใครว่าเขาเหมาะหรือไม่เหมาะกัน มันไม่ใช่เรื่องของลูก เข้าใจมั้ย”

“ทำไมจะไม่ใช่”

“แล้วทำไมลูกถึงคิดว่าใช่ล่ะ”

“ก็ริกเป็นน้องผมนี่” เลนนี่กอดอก อธิบายเหตุผลที่ริกเกอร์ควรเชื่อฟังคำพูดของเขาบ้าง

“แต่ลูกไม่ใช่เจ้าชีวิตน้อง แม่เองก็ด้วย”

 “มันก็…”

“หรือลูกอยากให้แม่บังคับบ้าง ดีมั้ย พรุ่งนี้ไปช่วยมิสเตอร์แมดด็อกซ์เขาจัดบ้านนะ สงสารเขา แปลกบ้านแปลกเมืองก็หนักหนา
สาหัสพอแล้ว”

“ตลกแล้วครับ”

“พรุ่งนี้แม่จะบอกเขา เลนก็อย่าลืมล่ะ”

“คุณนายเทอเนอร์…” เลนนี่เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อคุณนายเทอเนอร์สั่งด้วยสีหน้าจริงจังว่าเพื่อนบ้านต้องการความช่วยเหลือจากเขา  และนั่นไม่ทำให้เลนนี่ขัดคำสั่งได้ เขาไม่เคยขัดใจแม่

“แม่ขึ้นไปทำงานในห้องแล้ว จัดการพายที่เหลือด้วย คืนนี้ล็อคประตูบ้านเลยก็ได้ น้องเขามีกุญแจสำรอง”

ลับหลังคุณนายเทอเนอร์ที่เดินหายขึ้นไปบนชั้นสอง เลนนี่ได้แต่ดิ้นไปมาด้วยความไม่พอใจ อะไรๆ ก็ไม่เป็นตามที่เขาคิดไว้เลย ทั้งๆ ที่วันนี้อุตส่าห์จะขังริกเกอร์ให้นอนข้างนอกเสียหน่อย แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปช่วยตาลุงนั่นจัดบ้านอีก

อ่า…ใครซวยกว่านี้เลนนี่ให้เหยียบหน้าเลย






ตกดึก

การนอนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างไร้จุดหมายเป็นอะไรที่เลนนี่เกลียดมาก แต่เขาก็เกลียดน้อยกว่าการที่ต้องลุกจากเตียงในชุดนอนเพื่อออกมาเปิดประตูบ้านให้คนเมาไม่ได้สติ

แย่กว่านั้น

เจ้าของบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นคนแบกซากน้องชายของเขาไว้เสียด้วย

“เขามาเคาะประตูบ้านฉัน”

“ส่งเขามาสิ”

“ตามปกติแล้ว นายควรขอบคุณฉัน เจ้าหนู” ถึงปากจะบ่นอะไรน่ารำคาญ แต่วัลดัสก็พยุงริกเกอร์ส่งคืนให้เลนนี่อย่างระมัดระวัง

“…ขอบใจ…ไง”

วัลดัสยิ้มเย็น “ไม่เป็นไร”

ท่าทางทุลักทุเลที่ร่างโปร่งพยายามพยุงคนเมาทำให้วัลดัสไม่มั่นใจว่าเขาควรกลับเลยดีมั้ย ถึงแม้เลนนี่จะตัวสูง แต่ร่างบางๆ ที่กระดูกเหมือนพร้อมจะหักทุกเวลาก็ดูไม่เหมาะกับการแบกของหนักๆ เอาเสียเลย

“ทำอะไรน่ะ?!”

เลนนี่ส่งเสียงตกใจเมื่อจู่ๆ ตาลุงหน้าโหดก็คว้าร่างริกเกอร์ไปแบกไว้แทนเสียเอง

“นายอุ้มเขาไม่ไหวหรอก”

“ไหวไม่ไหวแล้วเกี่ยวไรกับคุณ นั่นน้องชายผม ส่งเขามา”

เลนนี่เท้าเอว แววตาไม่พอใจประดับไว้บนหน้าจนอีกฝ่ายพอจะเดาออกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน

“แค่พยุงนายยังทำไม่ได้เลย เจ้าหนู”

“อย่าดูถูกผม”

“ไม่ได้ดูถูก” น้ำเสียงวัลดัสอ่อนลง “ฉันแค่พูดตามที่เห็น แต่นายช่วยอย่างอื่นได้นี่ เช่นเลิกพยายามเอาชนะในเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วให้ฉันแบกน้องชายนายเข้าไปในที่อุ่นๆ สักที”

“เรื่องอะไรต้องให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน” เลนนี่ยังไม่ยอมแพ้

เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กตรงหน้าดื้อหัวชนฝาอย่างที่วัลดัสไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในชีวิต และหากจะมีใครที่ทำให้เขาประสาทกินได้ ก็คงต้องเป็นเลนนี่ เทอเนอร์เท่านั้น

“แต่นายรู้จักชื่อฉันแล้วนี่”

วัลดัสยิ้มให้ก่อนจะแทรกตัวผ่านประตูบ้านที่แง้มไว้ “ขออนุญาตแล้วกันนะ”

“นี่…อ่า ให้ตายสิ”

เลนนี่ขยี้ผมสีน้ำตาลที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งกว่าเดิมอย่างหงุดหงิด กระแทกเท้าเดินตามหลังตาลุงจอมฉวยโอกาสเพื่อทำให้แน่ใจว่าสถานการณ์อยู่ในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หากคนตรงหน้าคิดจะทำอะไรล่ะก็ สาบานว่าจะไม่ลังเลเลยที่จะ—

“แช่งฉันในใจจบหรือยัง”

 “หา?” เลนนี่ไม่มั่นใจว่าตัวเองแสดงสีหน้ายังไงออกไป

“ถ้าแช่งเสร็จแล้วช่วยมาดูแลน้องชายนายต่อแล้วกัน ดูท่าเขาคงไม่สบายตัวในเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่เท่าไหร่”

“ผมมีตา เห็นเองได้”

วัลดัสยักไหล่ “ไม่บอกไม่รู้”

หน็อย… กวนประสาท เลนนี่ได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ

“เสร็จธุระแล้วก็กลับบ้านกลับช่องไปสิ” ร่างผอมเอ่ยปากไล่แกนๆ ในขณะที่เดินเข้าไปตรวจสภาพน้องชายอีกครั้ง

แย่มาก นี่ไปตกถังเหล้ามาหรือไงกัน เหม็นเป็นบ้า

“โอเค” วัลดัสกระชับเสื้อคลุมชุดนอนตัวเอง “งั้นราตรีสวัสดิ์ เลนนี่” หนุ่มอังกฤษหันหลังเดินออกจากบ้านทันทีที่พูดจบ จนไม่ทัน
เห็นแววตาที่เหลือบมองตามหลังของเขาจนลับบานประตู

แม้กระทั่งเลนนี่เองก็ไม่อาจเข้าใจตัวเอง

“อลันนน คุยกันก่อนน!!”

เลนนี่แทบหงายหลังคะเมนตีลังกาสามตลบเมื่อมือยาวๆ ของริกเกอร์ฟาดฟันไปมากลางอากาศ หากเลนนี่พลาดแม้แต่นิดเดียว เป้าหมายคงไม่พ้นแก้มขวาของเขาเป็นแน่

ริก เอ๋ย ริก

ขนาดนอนเป็นศพตายซากยังซ่าได้นะ!!

“ไม่มีอลันอลาโน่อะไรทั้งนั้น!” เลนนี่พ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยแรงอารมณ์ เส้นเลือดในหัวเต้นตุบๆ ราวกับจะระเบิดออกมา

“มีแต่เลนนี่ พี่ชายนาย และฉันจะถ่ายรูปทุเรศๆ ตอนนี้ไว้เป็นหลักฐานแบล็คเมล์นายทีหลังดีมั้ย”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เลนนี่ก็มีจริยธรรมมากพอที่จะไม่ทำเรื่องอย่างคนขี้ขลาดเขาทำกัน มือซีดแกะกระดุมเสื้อให้น้องชายนอนหายใจสะดวกมากขึ้น

คืนนี้ริกเกอร์จะต้องนอนบนโซฟาที่ห้องรับแขก ต่อให้ตื่นมาปวดหลังก็ไม่ใช่ความผิดของเลนนี่

“อลัน…นายเข้าใจผิด…”

“เออ ฉันสิเข้าใจดีทุกอย่าง” เลนนี่ตอบกลับคนเมาไม่รู้เรื่อง

“ฉันรักนาย…”

เลนนี่ทำหน้าเอือม มันใช่ธุระเขามั้ยที่ต้องฟังน้องชายพร่ำบอกรักคนที่เขาไม่ชอบหน้า แต่เพราะคุณธรรมของพี่ชายที่ดีค้ำคอทำให้เลนนี่ต้องหาผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดตัวให้ริกเกอร์และเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้ใหม่

สายตาของเลนนี่กวาดมองความเรียบร้อยอีกครั้ง

เขาพยักหน้ากับตัวเอง น้องชายตัวปัญหาสลบไปแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องพักผ่อนเสียที




------------------------------------------------------------------------------------------








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 17:31:44 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นนายเอกที่..แก่น เซี๊ยว เปรี้ยว แสบ ครบรส  :m9: :m9: :m9:

คิดเหมือน
ชอบบบบ ตลกดี  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เลนนี่  ปากเสีย กวนมาก
พูดชื่อคนนอก ผิดหมดทุกคน
อลัน เป็นอลาโน่ 
วัลดัส เป็น วัลลอส เฉยเลย   :z3: :z3: :z3:
รอตอนใหม่นะ  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 3



วัลดัสอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นหญิงสาวหน้าตาคล้ายเลนนี่มาเคาะประตูหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่

คุณนายเทอเนอร์ แม่ของเจ้าเด็กแสบนี่เอง

“สวัสดีมิสเตอร์แมดด็อกซ์ ฉันรบกวนหรือเปล่า”

“เรียกวัลดัสเถอะครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับใคร และคุณนายเทอเนอร์ก็จัดอยู่ในประเภทที่น่าคบหา “ผมไม่มีโอกาสไปขอบคุณเรื่องพายเลย”

คุณนายเทอเนอร์โบกมือเบาๆ “เรื่องเล็กน้อยค่ะ”

ทั้งสองคนตัดสินใจนั่งคุยกันที่สวนหน้าบ้านวัลดัส เพราะในบ้านค่อนข้างเต็มไปด้วยกล่องลังที่ยังไม่ได้แกะเอาของออก และยังมีของจากในกล่องที่ขุดออกมาวางไว้ตามพื้นเกลื่อนไปหมด

เห็นแล้ววัลดัสยังหมดแรง

“เมื่อคืนขอบคุณเรื่องริกเกอร์ด้วยนะคะ”

ไม่แปลกใจที่เรื่องเมื่อคืนไปถึงหูคุณนายเทอเนอร์ แต่ไม่อาจรู้ว่าคนส่งสารเล่าในรูปแบบไหน หวังเพียงว่าเขาคงไม่กลายเป็นคนร้ายบุกเข้าบ้านใครหรอกนะ

“เรื่องเล็กน้อยเหมือนกันครับ”

บทสนทนายังคงวนเวียนในเรื่องทั่วไป คุณนายเทอเนอร์ถามชายหนุ่มตัวสูงด้วยคำถามง่ายๆ ว่าทำไมถึงย้ายจากอังกฤษมาอยู่ที่นี่ เขาก็ตอบตามความจริงไป


‘อยากอยู่ในที่ๆ พ่อทิ้งไว้ให้’


บอกไปคนอื่นจะหัวเราะก็ช่าง แต่วัลดัสให้ความสำคัญต่อคนในครอบครัวเสมอ

แม้ไม่อยากจะพูด แต่เลนนี่กับแม่ของเขาต่างกันมากเรื่องนิสัย คุณนายเทอเนอร์ดูเป็นมิตร แต่ความจริงในใจคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้
เธอฉลาดหลักแหลม รู้จักใช้คำพูดและการวางกริยาท่าทาง

ต่างกับเจ้าหนูเลนนี่ที่ไม่ว่าคิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าและคำพูดจนหมด จะเรียกว่าใสซื่อก็คงไม่ผิดล่ะมั้ง

แม้ว่านิสัยปากร้ายจะไม่เหมาะกับคำว่า ใสซื่อ เลยก็เถอะ

“เลนนี่คงพูดจาไม่ค่อยดีกับคุณเท่าไหร่ใช่มั้ยคะ เท่าที่รู้มา”

“อ่า…”

วัลดัสเกาหัวตัวเอง ผู้หญิงคนนี้มีวิชาอ่านใจหรือไงกันนะ “ผมไม่ได้ถือสาหรอกครับ เลนนี่คงไม่ได้ตั้งใจ”

วัลดัสไม่ได้ออกตัวปกป้องเจ้าเด็กนั่น อย่าเข้าใจผิด นิสัยเดิมของเขาเป็นแบบนี้ ไม่ได้ชอบหรือเกลียด แค่เลือกอยู่โดยไม่ต้องมีปัญหาน่ะดีที่สุด

“ถ้าเลนนี่ทำอะไรไม่ดี จะสั่งสอนแกบ้างฉันก็ไม่ว่าอะไรนะคะ” คุณนายเทอเนอร์หัวเราะขำๆ กับประโยคที่ฟังดูทีเล่นทีจริง แต่เขากลับสังหรณ์ในใจบอกไม่ถูก

“อ้อ แล้วก็นะ” เธอหันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“วันนี้แกคงจะมาช่วยคุณเก็บของ ถือว่ามีลูกมือฟรีๆ คนหนึ่งแล้วกันนะคะ”

คำพูดที่ไม่ว่าจะนั่งนอนตะแคงข้างฟังยังไงก็เป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าคำขออนุญาต วินาทีนั้นวัลดัสรับรู้ได้เลยว่าจุดประสงค์ทั้งหมดของคุณนายเธอคืออะไร

‘ช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุยให้เด็กคนนี้ทีนะคะ’


มันคงจะเป็นนัยแฝงในทุกการกระทำของเธอ

แล้วทำไมเป็นเขา?

“ถ้ามีปัญหาอะไรเคาะประตูบ้านเราได้เสมอค่ะ วัลดัส ไม่ต้องเกรงใจ”

ตบท้ายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรที่ดูยังไงวัลดัสก็คงไม่มีวันหลงกลไปกับพายอร่อยๆ และคำพูดหวานหูอีกเป็นครั้งที่สองแน่

พูดคุยกันต่อเพียงไม่กี่ประโยค คุณนายเทอเนอร์ก็ขอตัวกลับ เธออ้างว่ามีธุระต้องไปทำตอนบ่าย ซึ่งวัลดัสไม่มีปัญหากับเรื่องนั้นอยู่แล้ว เว้นแต่เรื่องลูกชายตัวแสบของหล่อนเท่านั้น


เวลาผ่านไปไม่นาน


นับหลังจากที่แขกคนเมื่อเช้าจากไป แขกยามสายก็ตามมาติดๆ

“แม่สั่งให้มา”

นั่นเป็นสิ่งที่เลนนี่บอกด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ไม่อยากทำฉันก็ไม่บังคับ”

วัลดัสไม่ได้ประชด มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบบังคับใจใครอยู่แล้ว

“ก็บอกอยู่ว่าแม่ให้มา ฟังไม่รู้เรื่องรึไง”

แม้ว่าวัลดัสจะงงอยู่บ้างเรื่องที่เลนนี่เป็นคนเชื่อฟังแม่ขนาดนั้นเชียวหรือ เด็กหนุ่มตัวสูงก็ก้มลงหยิบลัวที่วางตายซากอยู่ใกล้ๆ เท้าของตัวเองขึ้นมา

“บอกสิว่าต้องจัดการตรงไหน”

“เดี๋ยว เลนนี่ นี่ตกลงนายไม่มีงานการไปทำแล้ว?” วัลดัสเข้าไปหยิบลังในมือเจ้าตัวมาถือไว้แทน “แบบงานประจำของนาย หรือเรื่องเรียน”

“ไม่มี พอดีชีวิตว่าง เข้าใจมั้ย”

เลนนี่ดึงกึ่งกระชากกล่องลังคืน แต่เพราะแรงอันน้อยนิดทำให้แทนที่จะได้ของคืนเขากลับลื่นหน้ากระแทกเข้ากับแผงอกแน่นของ
วัลดัสเต็มแรง

เสียงโอดครวญดังขึ้นไล่เลี่ยกัน เลนนี่เลิกสนใจกล่องบ้าๆ ในมือของหนุ่มอังกฤษแล้ว จมูกของเขาหักหรือเปล่าก็ไม่รู้

“เอามือออก ฉันจะดูให้”

วัลดัสรีบเข้ามาดูอาการคนซุ่มซ่ามไม่เข้าท่า แต่ลืมไปว่าเจ้าเด็กนี่ดื้อยิ่งกว่าลาเสียอีก

“ยุ่ง!”

“อย่าดื้อน่า เจ้าหนู” คนอาวุโสกว่าข่มเสียงดุ “แม่นายให้ฉันสั่งสอนเด็กพูดจาไม่รู้เรื่องได้นะบอกไว้ก่อน”

“ไม่ต้องมาขู่”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เลนนี่ก็ยอมให้วัลดัสยื่นหน้าเข้ามาดูจมูกแดงๆ ของเขาในระยะใกล้ชิดชนิดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและ
กันทีเดียว นี่มันบ้า เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย

“พอแล้ว” เลนนี่เอาตัวออกมาก่อนที่วัลดัสจะผลุบหายเข้าไปในจมูกของเขาขึ้นมาจริงๆ

…ก็เล่นยื่นหน้ามาใกล้เสียขนาดนั้น

“จมูกนายแดงมากเลย”

“ปกติ ก็ผิวผมซีดนี่”

วัลดัสเลิกคิ้วสูง “รู้ตัวด้วย”

นั่นทำให้เลนนี่อดไม่ได้ที่จะกรอกตาเอือมระอา มีมนุษย์คนไหนบ้างที่ส่องกระจกทุกวันแล้วไม่รู้ว่าตัวเองมีลักษณะผิวยังไง

“ตกลงจะให้เริ่มทำตรงไหน”

เลนนี่เริ่มประเด็นหลักของวันนี้ เจ้าตัวอยากรีบทำรีบเสร็จมาก ถ้าไม่ใช่แม่ขอ บอกเลยเลนนี่ไม่มีวันมาเหยียบบ้านหลังนี้เป็นครั้งที่
สอง สามหรือสี่แน่

วัลดัสพยักหน้า ถูมือเข้าด้วยกัน

“ก่อนอื่นช่วยระวังคำพูดคำจาเวลาคุยกับผู้ใหญ่ก่อนดีมั้ย”

“อะไรนะ?”

เลนนี่อยากหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน ราวกับวัลดัสกำลังเล่าเรื่องตลกประจำสัปดาห์

“นายอายุเท่าไหร่ เจ้าหนู”

“ทำไมต้องบอก” เขาเชิดคาง

“ถึงไม่บอกฉันก็พอเดาได้ว่าอ่อนกว่าฉันเป็นรอบแน่”

“อย่าเว่อร์ ผมสิบเก้าแล้ว” ไม่ชอบเลยการถูกมองว่าเป็นเด็ก และเลนนี่ก็เกลียดมากที่คนตรงหน้าไม่เลิกเรียกเขาว่าเจ้าหนูเสียที
ฟังแล้วเจ็บกระดองใจ

“แต่ฉันยี่สิบเจ็ดแล้ว เพราะงั้น…”

วัลดัสชี้นิ้วมาที่เลนนี่สลับกับชี้ตัวเอง “กฎคือไม่มีการเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันรู้แล้วว่านายปากเก่ง แต่สมองฉันไม่อยากรับอะไรหนักๆ
ตอนนี้ หรือจะไม่มีการขนย้ายของอะไรทั้งนั้น นายเลือกเอง”

“แล้วถ้าผมแค่พูดปกป้องตัวเอง”

“ถ้านายไม่ผิดฉันจะพูดใส่ร้ายไปทำไม โตๆ กันแล้ว”

“ก็…”

ไม่อยากยอมรับแต่ก็จริงอย่างว่า

“อย่าเถียงคำไม่ตกฟาก เอาชนะในเรื่องงี่เง่า ตกลงมั้ย”

นี่ก็เท่ากับบังคับกันชัดๆ ไม่ใช่เรอะ! เลนนี่เข่นเขี้ยวฟันด้วยความคับแค้นใจ เขาไม่อยากขัดใจคุณนายเทอเนอร์ ไม่มีเหตุผลที่ต้อง
ทำแบบนั้น เจ้าตัวสูดลมหายใจลึกราวกับจะไปออกรบ

“…ตก…ตกลงตามนั้น”

ปากที่เบี้ยวไปเบี้ยวมาเวลาพูดทำให้คนที่มองอยู่อดขำไม่ได้

“นายฝืนใจขนาดนั้นเชียว”

“ถ้าคุณไม่ชอบว่ายน้ำแต่โดนถีบลงทะเลจะเป็นไงล่ะ”

“ไม่ชอบมั้ง”

“ผมก็เป็นแบบนั้นตอนนี้”





------------------------------------------------------------------------------------------







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 18:42:00 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แสบเอ๊ย..แล้วเมื่อไหร่จะปิ๊งกัน  :ped149:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 4



ตั้งแต่วันนั้น เลนนี่ก็เข้าๆ ออกๆ บ้านของวัลดัสราวกับบ้านตัวเอง สัมภาระที่ชายหนุ่มหน้าคมขนมาจากประเทศอังกฤษมีมากขนาดที่ว่าแอบเอาไปขายของเก่าคงได้ราคาดีชนิดซื้อตั๋วไปกลับทัวร์อิตาลีได้แน่

“เฮ้! เลนนี่”

ริกเกอร์ทักทายตอนที่เลนนี่เดินลงมาจากชั้นสอง

คงเป็นเพราะหมู่นี้หนุ่มหัวหยิกเอาแต่ตามง้อแฟนเรื่องที่เข้าใจผิดกันวันงานปาร์ตี้ เขาเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายมาเป็นเวลาอาทิตย์กว่าแล้ว

“นั่นนายจะออกไปไหน?” ริกเกอร์เอ่ยถามอีกฝ่ายที่แต่งตัวดูเหมือนจะออกไปข้างนอก

“ออกไปซื้อของกับวัลดัส”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วสงสัย “ใครนะ?”

“วัลดัสไง” เลนนี่หยิบแซนวิชบนโต๊ะเข้าปาก เขาตั้งใจไปช่วยเลือกชั้นหนังสือใหม่ให้ เมื่อไม่นานมานี้ เลนนี่เพิ่งค้นพบความจริง
อันน่าทึ่งว่าวัลดัสมีหนังสือที่มากพอจะถมภูเขาได้ตั้งลูกหนึ่ง

“วัลดัสเหรอ?”

“คนที่ย้ายมาอยู่บ้านตรงข้ามเราน่ะ จำได้รึยัง”

“อ๋อๆๆ”ริกเกอร์ดีดนิ้วนึกหน้าคนผู้ชายหน้าตาดุๆ ได้ “ไม่ยักรู้ว่านายสนิทกับเขา”

“ไม่ใช่สักหน่อย”

เจ้าตัวรีบปฏิเสธทันที คนอย่างเลนนี่จะไปสนิทกับตาลุงน่าเบื่อที่วันๆ เอาแต่อยู่กับหนังสือได้ยังไง  “ถ้านายอยากรู้ทำไมไม่ถามคุณนายเทอเนอร์ล่ะ เรื่องนี้น่ะรู้ดีที่หนึ่ง”

“แม่ให้นายไปตีสนิทกับวัลดัสหรือไง”

“เปล่า” เลนนี่ไหวไหล่ “เธอให้ฉันเป็นทาสรับใช้เขาต่างหาก จงเห็นใจพี่ชายของนายในขณะที่ตัวเองมัวแต่ตามง้อแฟนจนไม่เห็นหัวหมาตกกระป๋องอย่างฉันเถอะ”

“โอ้ย เลนนี่ ใครจะกล้าไม่เห็นหัวนายกัน”

ริกเกอร์ทำทีเข้ามาคล้องคอพี่ชายหลวมๆ แล้วโยกไปโยกมา “ในเมื่อนายออกจะสูงชะลูดตูดปอดขนาดนี้ จริงมั้ย”

เลนนี่มองหน้าริกเกอร์นิ่งๆ ไว้อาลัยกับมุขตลกที่ไม่ขำเอาเสียเลย

“ฮา-ฮา-ฮา จบรึยัง ฉันต้องรีบไป”

“โอเค ตามสบาย”

ริกเกอร์ชูมือยอมแพ้ปล่อยให้เลนนี่จัดการกับตัวเองก่อนออกไปเดตกับเพื่อนบ้าน (ดูยังไงก็เดตชัดๆ…)

“ไปล่ะ” เลนนี่โบกมือ

“นายเองก็อย่าไปหลงเสน่ห์หนุ่มใหญ่เข้าล่ะ”

คำอวยพรที่ดูเหมือนสาปแช่งทำให้เลนนี่เกือบสะดุดยอดหญ้าในสวนหน้าบ้านเอาดื้อๆ ครั้นจะหันไปด่ากราดใส่อีกฝ่ายให้ลืมชื่อก็ไม่ทันเสียแล้ว

“ไปกันได้หรือยัง”

บุคคลที่ถูกพาดพิงในบทสนทนาลดกระจกรถถาม นี่ขนาดไม่ได้เร่งอะไรเลยนะ…ถึงขนาดที่สตาร์ทรถรอน่ะนะ…ไม่ได้กดดันอะไรเลยจริงๆ นะ…

“เสร็จแล้วนี่ไง”

เลนนี่ทำหน้ายุ่งในขณะที่กระโดดขึ้นรถ ปกติเขาไม่ชอบการออกไปไหนกับคนแปลกหน้า “เลือกเสร็จแล้วกลับเลยนะ”

“นายกินข้าวเช้าหรือยัง”

“กินแล้ว” ถึงไม่พอใจที่วัลดัสทำเป็นไม่ได้ยืนสิ่งที่เขาบอก แต่เลนนี่ก็ตอบรับไปแกนๆ

“ฉันยังไม่ได้กินเลย”

“แล้วมาบอกทำไม”

วัลดัสหันมายิ้มให้ “ไปหาข้าวเช้ากินกันเถอะ”

“ไม่เอา ผมกินแล้ว”

“ตกลงตามนี้” วัลดัสมัดมือชกเลนนี่ได้อย่างร้ายกาจ เขามีโอกาสปฏิเสธอีกฝ่ายหรือไง เลนนี่ยังอยากมีชีวิตอยู่ดูโลกต่อไปจนแก่
ไม่ได้อยากตายเพราะรถคว่ำเวลานี้

ดีหน่อยที่อุณหภูมิในรถอุ่นกว่าข้างนอก

ยิ่งตอนนี้ฤดูใบไม้ร่วงเข้าใกล้มาแล้ว เลนนี่ไม่ชอบเลย เขาเกลียดเวลาที่มือเท้าแข็งจนรู้สึกเหมือนอวัยวะหายไป

“ฟังเพลงมั้ย”

วัลดัสเอ่ยทำลายความเงียบ เลนนี่ที่ซุกตัวเอาหน้าแนบกระจกฝั่งผู้โดยสารส่ายหัว “ไม่”

แล้ววัลดัสก็เปิดเพลง

เสียงเพลงดังคลอไปกับการขับรถแสนเชื่องช้าที่เต่ายังเรียกพี่ อะไรก็ตามที่เลนนี่ไม่ชอบ วัลดัสกลับทำมันครบทุกประการไม่ขาด
ตกบกพร่องเลยสักข้อ

โอ…เยี่ยมไปเลย

“ชีวิตเศร้ามากเหรอ”

“อะไรอีก” เลนนี่หันไปทำหน้าไม่พอใจใส่

การพยายามไม่ต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าให้ลามะออกลูกเป็นแกะเสียอีก

“ฉันไม่เคยเห็นนายยิ้ม”

เลนนี่ฉีกยิ้มให้วัลดัสไปที

“แถวบ้านฉันเรียกว่าแยกเขี้ยวมากกว่า เจ้าหนู”

เสียงหัวเราะขันๆ อย่างเอ็นดูไม่ได้ทำให้เลนนี่รู้สึกดีขึ้น หมอนี่คิดว่าเขาเป็นตัวตลกรึไง คอยดูนะ แม่ลืมเรื่องที่ให้เขามาช่วยงาน
ตาลุงนี่เมื่อไหร่จะให้คริสโตเฟอร์แอบมาปล่อยวัตถุระเบิดที่สวนหน้าบ้านเสียให้เข็ด

“ถึงแล้ว”

รถของวัลดัสจอดลงที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มีร้านขายของเลียบตามทาง ผู้คนเดินสัญจรไปมาไม่ถึงกับแออัด

“ฉันเห็นวิวสวยดี นายน่าจะชอบ”

“ทำไมผมต้องชอบด้วย”

“ไม่รู้สิ” วัลดัสยักไหล่ เลนนี่ไม่เข้าใจเหตุผลที่ร่างสูงพาเขามาแวะกินอาหารเช้าที่นี่เลยแม้แต่นิด

“ไปเถอะ เห็นว่าฮอทด็อกร้านนั้นอร่อยนะ”

“คุณเคยกิน?”

“เปล่า ฉันแค่ได้ยินมา”

เลนนี่ส่งเสียง หึ ในลำคอเหมือนจะพูดว่าเขาก็กะไว้อยู่แล้วล่ะ คนอย่างวัลดัสที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน ไม่มีทางที่จะรู้จักเส้นทาง
หรือร้านอะไรดีๆ เร็วขนาดนั้นหรอก


แต่แล้ว… เลนนี่ก็คิดผิด


พวกเขาทั้งสองคนใช้เวลาเกือบทั้งช่วงเช้าไปกับการกินฮอทด็อกแสนอร่อยและไอติมลาวาถ้วยเบ้อเร่อ ไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ
ไม่ได้เห็นแก่กินจริงๆ

แม้แต่การถีบเรือเป็ดเป็นอะไรที่เลนนี่คิดว่าปัญญาอ่อนที่สุด มีแค่พวกเด็กอมมือกับพวกคนแก่เท่านั้นแหละที่ทำ

“แรงขามีแค่นี้เหรอ”

“อย่าดูถูกน่า” ภาพที่เห็นเวลานี้กลับเป็นเลนนี่ที่ใส่เสื้อชูชีพลงมาปั่นเรือเป็ดเอาเป็นเอาตายเพื่อแสดงความสามารถให้วัลดัสเห็น
ฆ่าไม่ได้หยามก็ไม่ได้ เลนนี่ เทอเนอร์จัดเป็นคนประเภทนั้นล่ะ

ไม่นึกเลยว่าการเดินเล่นในสวนสาธาระจะเป็นอะไรที่เสียเวลาไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับถูกใครขโมยชั่วโมงในหนึ่งวันไปโดยง่ายดาย
กว่าจะรู้ตัว เลนนี่ก็โดนวัลดัสลากไปกินนู่นกินนี่ก่อนจะขับรถไปซื้อชั้นหนังสือตามกำหนดการเป้าหมายหลักของวันนี้

เลนนี่มองนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองกว่าแล้ว

โอ๊ย

นี่เขาทำบ้าอะไรที่สวนสาธารณะได้ครึ่งค่อนวันกับตาลุงบ้านตรงข้ามกันเนี่ย?!





------------------------------------------------------------------------------------------






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2017 09:01:37 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอาหล่ะ..ถือว่าเริ่มคืบหน้า  :a3: :a3: :a3:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เหมือนมีพัฒนาการ??

 :hao7:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 5



ความจริงแล้วเจ้าเด็กเลนนี่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

วัลดัสที่เดินตามหลังเด็กหนุ่มซึ่งกำลังจริงจังอย่างมากกับการเลือกชั้นหนังสือให้เขา มองภาพนั้นแล้วรู้สึกใจชื้นขึ้นมาแปลกๆ อย่างหาสาเหตุไม่ได้

“ถ้าเอาไปไว้ในห้องนั่งเล่น อันนี้คงจะเหมาะสุด”

“แต่มันจะสูงไปหรือเปล่า ไม่เวิร์กอ่ะ”

“พระเจ้า นี่คิดว่าขายให้คนแคระใช้หรือไง เล็กชะมัด”

ทั้งหมดที่ว่ามา เลนนี่ไม่ได้พูดกับเขาด้วยซ้ำ อันที่จริงเจ้าเด็กแสบกำลังพูดพึมพำกับตัวเองโดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของวัลดัสโดยตลอด

“ตามหลักนายควรหันมาถามเจ้าของบ้านนะ”

“แต่รสนิยมคุณห่วยแตกนี่”

เลนนี่สวนกลับแบบอัตโนมัติ เวลาเผลอ ปากเขามักจะพูดอะไรตามที่ใจคิดเสมอ

ถึงแม้คนฟังจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร ออกจะขำๆ กับคำพูดที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ชอบหน้ากันหนักกว่าเก่า

“นี่ว่าฉัน?”  วัลดัสแสร้งทำสีหน้าจริงจัง

“ก็มันเรื่องจริง”

“โอเค งั้นเชิญนายเลือกตามสบาย” เจ้าตัวยักไหล่ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่ “แต่ห่วงใยกระเป๋าตังค์ฉันบ้างก็ดีนะ เมื่อเช้านี้เพิ่ง
เลี้ยงขนมเด็กไปเยอะซะด้วย”

“ผมจ่ายคืนให้น่า!”

“ไม่ต้อง ฉันบอกว่าจะเลี้ยงก็ตามนั้น”

แล้ววัลดัสก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยกมือขึ้นยีหัวยุ่งๆ สีน้ำตาลนั่นเบาๆ ไม่ได้ วินาทีนั้น…ไม่ใช่แค่เจ้าของหัวหรอกที่ยืนอึ้ง คนทำเองก็ด้วย ต่างฝ่ายต่างมองตากันสักพักก่อนที่วัลดัสจะเป็นฝ่ายผละออกไป

“ฉันไปหยิบกระดาษมาจดรหัสสินค้าก่อน ส่วนนายก็เลือกไปแล้วกัน”

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้วัลดัสก็คงไม่ทำอะไรแบบนั้น เห็นหน้าอึ้งๆ ของเลนนี่แล้วเขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ปกติเจ้าเด็กนั่นทำสีหน้า
อย่างอื่นเป็นที่ไหน วันๆ เห็นบึ้งตึงใส่เขาตลอด

เกิดอะไรขึ้นกับเลนนี่?

ที่สำคัญ เกิดอะไรขึ้นกับเขา?

วัลดัสสะบัดความคิดนี้ออกจากหัวไม่ได้ แม้กระทั่งเดินกลับมาหาเลนนี่ที่ยืนรออยู่ใกล้กับชั้นหนังสือที่ดูเจ้าตัวคงตกลงปลงใจว่า
ดีที่สุดกับห้องนั่งเล่นของเขาแล้ว

“ตกลงอันนี้นะ”

“อืม”

เลนนี่ดูสงบปากสงบคำผิดปกติ ไม่มองหน้าเวลาเขาถาม นี่มันไม่ปกติแล้ว หรือว่าเลนนี่จะโกรธที่เขาแตะเนื้อต้องตัว แต่เฮ้—วัลดัสกับเลนนี่—พวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ โอเค เข้าใจอยู่หรอกที่เลนนี่ไม่เหมือนคนอื่น แต่วัลดัสไม่ชอบปล่อยเรื่องอะไรให้ค้างคาใจ

“นายโกรธอะไรฉันหรือเปล่า เจ้าหนู”

อาการสะดุ้งเล็กๆ ที่วัลดัสจับสังเกตได้ของเลนนี่ทำให้ใจเขาแกว่งเหมือนลูกตุ้ม

“ทำไมผมต้องโกรธอะไรคุณ ไร้สาระ”

“งั้นเวลาคุยทำไมไม่หันมามองหน้าฉัน”

“ผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว” น้ำเสียงหงุดหงิดทำให้รู้ว่าเลนนี่ไม่อยากถูกซักไซ้ เจ้าตัวดูไม่สบอารมณ์ตั้งแต่วัลดัสเผลอยีหัวเลนนี่อย่างพลั้งเผลอ

พลาดเสียแล้ว

วัลดัสพลาดอย่างแรงทีเดียว

ตลอดทางกลับบ้าน ไม่มีบทสนทนาที่ยืดยาวกว่าการพูดคุยเรื่องจิปาถะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววัลดัสเป็นคนเริ่มก่อนทั้งหมด เลนนี่หัน
หน้าหนีไปทางหน้าต่าง หนุ่มอังกฤษจึงไม่สามารถเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายได้เลย

“ถึงแล้วล่ะ…”

รถค่อยๆ จอดเทียบลงหน้าบ้านหลังคุ้นเคย “ผมไปล่ะ” เลนนี่หันมาบอกลาวัลดัสแกนๆ ก่อนจะกระโดดลงด้วยความไวแสง

เด็กหนุ่มวิ่งเข้าบ้านไม่สนใจหมาพันธุ์เกรทเดนที่ทำท่าทางหางกระดิกดีใจที่เจ้านายกลับบ้าน มันเห่าเรียกเจ้าเด็กแสบจากด้านนอก ชอบเรียกร้องความสนใจเหมือนหมาทั่วๆ ไป

วัลดัสสะบัดหัวไปมา ไม่อยากคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง พรุ่งนี้เลนนี่คงเหมือนเดิม เจ้าเด็กนั่นน่าจะเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว

ชายหนุ่มสรุปกับตัวเองในแง่ดีก่อนจะขับรถวนเข้าฝั่งบ้านตัวเอง วันนี้ได้ชั้นหนังสือสวยๆ กลับมา บ้านที่เคยรกก็ดูดีกว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเป็นไหนๆ

กว่าจะรู้ตัว ทุกมุมในบ้านก็เป็นระเบียบได้เพราะเลนนี่เสียแล้ว






------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2017 07:10:29 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เจนว่า...เจนได้กลิ่นอะไรแปลกๆนะคะคุณริว อิอิ   :m12: :m12: :m12:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 6


เลนนี่ เทอเนอร์เกิดอาการป่วยการเมืองกะทันหัน

เขาไม่ไปบ้านฝั่งตรงข้ามมาเป็นเวลาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว คุณนายเทอเนอร์ก็งานยุ่งเกินกว่าจะคอยย้ำให้เขาผลีกายไปรับใช้เพื่อนบ้าน และนั่นถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

“เลน ฉันเข้าไปนะ”

ไม่ต้องฟังคำอนุญาต ริกเกอร์ก็เดินเข้ามาในห้องเลนนี่พร้อมกับแฟนของตัวเอง ให้ตาย นี่กะจะพาคนที่เลนนี่ไม่ชอบมาช่วยตอกย้ำให้เขาป่วยตายคาเตียงเลยหรือไงกัน

“พออลันรู้ว่านายไม่สบาย เขาก็เลยขอร้องให้ฉันพามาเยี่ยมน่ะ มีของฝากด้วยนะ” ริกเกอร์ทำหน้าตาเชิดชูคนรัก “คนดีใช่มั้ยล่ะ”

“หุบปากน่ะริก”

อลันกระซิบข้างหูคนรัก เจ้าตัวพอรู้มาบ้างว่าเลนนี่ไม่ชอบหน้าตน และอลันก็คงไม่อยากทำให้ตัวเองดูเหมือนพวกทำดีเอาหน้า ที่มานี่ก็เพราะอยากมาเยี่ยมจริงๆ

“ไม่ใช่ของหรูหราอะไรหรอก แค่น้ำผลไม้น่ะ” อลันเอ่ย

และสายตาของริกเกอร์ก็จ้องเขม็งมาที่เลนนี่ราวกับว่านายควรพูดอะไรสักอย่างสิ เด็กหนุ่มร่างสูงก็เลยได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองอย่างหน่ายๆ

“เออ ขอบใจ…”

แค่นั้นก็ทำให้ริกเกอร์หันไปพึมพำกับแฟนว่า ‘เห็นมั้ย บอกแล้วว่าเขาต้องชอบ’ แล้วยังหอมแก้มดังฟอดไม่เกรงใจคนป่วยที่นอนเป็นหัวหลักหัวตอในห้องเลยแม้แต่นิด

เลนนี่ต้องขอบคุณสวรรค์มั้ยที่อย่างน้อยริกเกอร์ก็ไม่ได้ลงท้ายด้วยจูบอันดูดดื่มต่อหน้าเขา เพราะวันนี้คงไม่มีแอลกอฮอร์มากพอให้เลนนี่ใช้ล้างสิ่งไม่น่าพิศวาสออกจากลูกตาได้แน่นอน

…กริ๊ง…

เสียงกริ่งหน้าบ้านเรียกความสนใจจากทุกคน

“ใครมา?” ริกเกอร์เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น

“ฉันยืนอยู่กับนายตรงนี้ จะไปรู้มั้ย ออกไปดูสิ”

นับว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เลนนี่เห็นด้วยกับคำพูดของอลัน ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับก็เถอะ

“ฉันลงไปดูก็ได้ นายอยู่บนนี้กับเลนนะ”

อลันทำหน้าเหมือนไม่เห็นด้วย การปล่อยให้เขาถูกสายตาน่ากลัวของเลนนี่กระแซะยังไม่ใช่เรื่องที่หนุ่มน้อยตาฟ้าชินนัก ถึงอย่างนั้นริกเกอร์ก็กุมมือเขาแล้วพึมพำว่า ไม่เป็นไร เพื่อปลอบใจ

แหม ช่วยได้มาก

“ฉันไม่ชอบหน้านาย ก็อย่างที่รู้ๆ”

เลนนี่เปิดประโยคแรกยิงใส่อลันที่ยืนกุมมือตัวเองอยู่กลางห้อง ยิ่งเลนนี่เห็นหน้าอลัน ปรอทวัดความหงุดหงิดยิ่งสูงปรี๊ด

“ทำไมถึงคบกับริก”

“ก็ฉันรักเขา” ไม่มีความลังเลในน้ำเสียงของอลัน แม้จะสั่นเพราะกลัวเลนนี่ก็เถอะ “ฉันถามได้มั้ย เอ่อ แบบว่า ทำไมนายถึงไม่
ชอบหน้าฉันนัก”

“อยากรู้ไปทำไม” เลนนี่เสหน้ามอง

“ก็…” อลันคงไม่เข้าใจว่าสีหน้าของเลนนี่ไม่เคยรับแขกอยู่แล้ว เพราะแบบนั้น เจ้าตัวเลยยิ่งไม่กล้าแม้แต่เงยหน้ามองอีกฝ่าย เห็นแล้วเลนนี่ก็อดรำคาญไม่ได้

“เพราะนายตัวเตี้ยเกินไป”

“หา?”

เป็นใครโดนด่าแบบนี้ก็เหวอเอาได้ง่ายๆ “ฉัน…เอ่อ…”

อลันถึงกับคิดอะไรไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาเกิดมาเตี้ยอะไรนักหนาหรอกนะ แต่ลูกชายตระกูลนี้มันสูงกว่าชาวบ้านปกติเขาต่างหากเล่า!

ความผิดเขาที่ไหน…

“เฮ้! คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว”

ริกเกอร์โผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี แม้ว่าคำพูดนั่นจะไม่ได้ดูสถานการณ์อึมครึมในเวลานี้เลยก็ตาม

“เลน เพื่อนซี้นายมาหาแน่ะ”

เด็กหนุ่มร่างสูงขมวดคิ้ว จำไม่ได้ว่าตัวเองไปมีเพื่อนซี้กับเขาตอนไหน “ใคร?” เลนนี่เลิกคิ้วถามน้องชาย

“วัลดัสไง วัลดัส” ใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มแฝงความนัยของน้องชายทำให้เลนนี่แทบอยากจะเขวี้ยงหมอนข้างฟาดแรงๆ ให้เครื่องหน้าของริกเกอร์ไหลมากองรวมกัน

“นายก็รีบไล่หมอนั่นไปซะสิ!”

“คงไม่ได้ เขาอยู่ข้างล่างแล้ว”

“อะไรนะ?!”

ถ้าเลนนี่กัดลิ้นตายได้ ป่านนี้คงทำไปนานแล้ว แต่เขาก็รักตัวเองเกินกว่าจะกระทำการสิ้นคิดอะไรขนาดนั้น

“บอกเขาว่าฉันหลับอยู่”

“ก็บอกไปแบบนั้นแล้ว” ริกเกอร์ดีดนิ้ว ส่วนมืออีกข้างก็คว้าไหล่อลันมาโอบ “แล้ววัลดัสก็บอกว่า ไม่เป็นไร แค่ขอแวะมาดูเฉยๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ริกเกอร์เลียนแบบวัลดัสขอบอกเลยว่าทุเรศหูมาก

แต่เลนนี่ไม่มีเวลามากพอที่จะเสียเวลากับมัน

“แค่ไล่ๆ ไปเถอะน่า!”

“ได้ไง! วัลดัสไม่ใช่หมาสักหน่อย” น้องชายต่างพ่อปฏิเสธทันควัน “นายกลัวอะไร เขาไม่ฆ่านายหรอก เว้นเสียแต่นายจะตาย
เพราะสำลักความห่วงใยที่เขามีให้น่ะนะ”

“ริกเกอร์ เทอเนอร์!”

เลนนี่ถลึงตาใส่อีกฝ่ายขนาดที่ว่าเบ้าตาสามารถฉีกขนาดออกจากกันได้ อลันเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้ามาห้ามทัพ

“พอเถอะริก”

หึ! เลนนี่อยากจะหัวเราะราวกับได้เห็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิต แต่ริกเกอร์ก็ยอมความแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม “นายก็แกล้งหลับแล้วให้เขาเข้ามาดูให้หายกังวลหน่อยไง แค่นั้นแหละ”

ไม่มีทางออกอื่นแล้ว เลนนี่จำใจซุกหน้าลงกับหมอนในแบบที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นสีหน้าชัดๆ ของตน

หลังจากริกเกอร์เดินลงไปตามแขกไม่ได้รับเชิญขึ้นมาบนห้อง น้องชายและแฟนของเขาก็ขอตัวลงไปจัดเตรียมน้ำผลไม้ด้านล่าง
เปิดโอกาสให้วัลดัสได้อยู่ดูอาการของเลนนี่แบบชิดขอบสนาม

หัวใจของเลนนี่เต้นเร็วผิดปกติขนาดที่เจ้าตัวยังแปลกใจ แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าของวัลดัส?

บ้าไปแล้ว

“ก็ไม่มีไข้นี่นา”

ไม่พูดเปล่า เลนนี่สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นอังเบาๆ ที่หน้าผากเหมือนกับอีกฝ่ายพยายามจะวัดอุณหภูมิให้เขา “นายนี่เดาอาการยากชะมัดเลย”

น้ำเสียงโล่งใจทำให้เลนนี่อยากรู้ว่าเวลานี้สีหน้าของวัลดัสเป็นแบบไหน แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา

“หายไวๆ ล่ะ เจ้าหนู”

ดูเหมือนวัลดัสพอใจแล้วที่ได้เห็นเลนนี่ แต่ทำไมเลนนี่กลับไม่พอใจที่เป็นเช่นนั้น เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่อยากเจอหน้า แต่พอได้เจอกลับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป

มันไม่ดีเอาเสียเลย





------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2017 17:10:06 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เลนนี่ มีความสามารถอื่นๆอีก นอกจากปากเสีย พูดโดยไม่คิด
ช่วยทำให้บ้านวัลดัส เป็นระเบียอย่างรวดเร็ว

ปากบอกกินอาหารแล้ว แต่สามารถกินได้อีก
สามารถพูดคนเดียว ออกความเห็นคนเดียว

เลนนี่เขินวัลดัส แค่เพราะถูกขยี้ผม  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่7



ตามนิสัยเดิมที่วัลดัสเป็นคนไม่ชอบให้มีอะไรค้างคาใจ

หลังจากวันที่ออกไปข้างนอกด้วยกันกับเลนนี่ วันต่อมาเจ้าเด็กตัวสูงกลับไม่โผล่มาให้เห็นเสียอย่างนั้น

ช่างเถอะ เดี๋ยววันมะรืนก็คงมาเอง

แต่แล้ววัลดัสก็คิดผิดอีกเช่นเคย

ไม่เข้าใจเลยว่าเขาต้องทนอยู่กับสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเด็กนั่นไปอีกนานเท่าไหร่ ระหว่างที่ห่างกัน ชายหนุ่มคิดหาทางออกให้ตัวเองตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

หนึ่งวัน สองวัน แล้วคำตอบก็แจ่มชัดออกมา

…วัลดัสชอบเลนนี่…

ใช่ ใช่แล้ว

ชอบแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งมีความรักให้ใครบางคน

ถึงจะรู้คำตอบ แต่ความจริงก็ไม่ทำให้วัลดัสยอมรับได้ในทีเดียว เจ้าตัวยังใช้เวลาคิดอยู่นานว่าควรทำอย่างไรต่อไป

คงมีคนเดียวที่พอจะช่วยหาคำตอบให้เขาได้

(ฮัลโหล)

เสียงปลายสายตอบรับ ใจของวัลดัสรู้สึกราวกับเจอแสงสว่าง “อีธาน นี่ฉันเอง”

(วัลดัส!) น้ำเสียงตกใจ ดีใจและอีกหลายหลายความรู้สึกดังผ่านโทรศัพท์ผสมปนเปกันไปหมด (เป็นเดือนเลยที่ไม่ยอมติดต่อ
กลับมา ฉันนึกว่านายเดินตกท่อในนิวยอร์กตายไปแล้ว!)

“โธ่ อย่าโกรธเลยน่า”

เขาผิดเองที่ไม่ยอมส่งข่าวให้อีธานเลยนับตั้งแต่ย้ายมา แต่สถานการณ์ยุ่งเหยิงกับบ้านใหม่ก็ทำให้วัลดัสยุ่งเสียจนไม่มีเวลาแม้กระทั่งโกนหนวดที่เริ่มขึ้นรกเป็นป่าแล้ว

“ฉันมีเรื่องจะปรึกษาน่ะ นายพอมีเวลามั้ย”

(ขอทีเถอะ ฉันรอมานานแล้วนะ)

วัลดัสหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน อีธานยังเป็นญาติที่ดีเหมือนเดิม

“จะเริ่มยังไงดีล่ะ” มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ยกขึ้นเกาคอตัวเองแก้เก้อ บอกเลยว่าวัลดัสมืดหนทางไปหมด

(จะเริ่มตรงไหนก็เริ่มเถอะ ฉันหาทางออกเองได้)

วัลดัสสูดหายใจ “ฉันว่าฉันชอบใครคนหนึ่ง”

(หา?!)

“ก็นั่นล่ะ”

(แล้วเธอปฏิเสธนายรึไง) อีธานถามเสียงสูง มั่นใจว่าตอนนี้ก้นของอีกฝ่ายคงอยู่ไม่ติดเก้าอี้ (หน้าตานิสัยแบบนายจะกลัวอะไร วัลดัส ลุยจีบบุกทะลวงไปเลยสิ!)

“ปัญหาอยู่ที่ เขา ไม่ชอบหน้าฉัน”

มาร์ตินถามเสียงเบา (ผู้ชายเหรอ…)

“ใช่ เด็กแสบข้างบ้านน่ะ ให้ตาย” คำสบถท้ายประโยควัลดัสแค่พึมพำกับตัวเอง แต่เดาว่ามันคงไม่พ้นเรดาร์ของอีธาน

(น่ารักหรือเปล่า)

“ไม่รู้สิ น่ารักมั้ง”

วัลดัสรู้สึกกระดากอายที่ต้องพูดอะไรทำนองนี้ เขาไม่ชินกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เลยสักนิด

(ตกลงน่ารักหรือไม่น่ารัก?)

“ก็ถ้าใช้คำว่าน่าหมั่นไส้อาจจะเหมาะกว่า” เพราะเวลานึกถึงหน้าเลนนี่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเจ้าเด็กนั่นน่ารักน่าถนอมเท่าไหร่ เจ้าตัวออกจะอวดเก่งเสียขนาดนั้น

(แสดงว่าแสบพอตัว)

“ที่หนึ่งเลยล่ะ” วัลดัสส่ายหน้ายิ้มๆ “เจอกันวันแรกก็ปากเก่งใส่แล้ว นายรู้มั้ย ถ้าฉันอายุสิบแปด เป็นคนใจร้อนกว่านี้สักนิด แล้วมี
หินอยู่ใกล้ๆ คงขว้างใส่หน้าเจ้าเด็กแสบไปแล้ว”

(นายคงไม่อยากปาหินใส่คนที่ชอบจริงๆ หรอกนะ)

“แล้วนายคิดว่าไง?”

(น้ำเสียงนายดูมีความสุขเวลาพูดถึงเขา) อีธานพูดตามสิ่งที่ได้ยิน และไม่เห็นว่าการชอบเพศเดียวกันเป็นเรื่องร้ายแรงตรงไหน
(เขาชื่ออะไรล่ะ)

“เลนนี่ เขาชื่อ เลนนี่ เทอเนอร์”

(อ่อนกว่านายกี่ปีกัน ฉันไม่อยากบินไปนิวยอร์กเพื่อประกันตัวญาติข้อหาพรากผู้เยาว์นะ)

“เขาอายุสิบเก้าแล้วน่า ตกลงนายอยู่ข้างใครกันแน่” วัลดัสอดไม่ได้ที่จะแขวะอีธานถึงจะรู้ว่าเป็นแค่มุขตลกที่ญาติตัวเล็กสามารถเล่นด้วยหน้าเป็นและน้ำเสียงจริงจังได้อย่างเหลือเชื่อก็เถอะ

(ปีเดียวเขาก็เป็นผู้ใหญ่ไล่ตามนายทันแล้ว)

“ก็คงงั้น”

(ถ้านายชอบเลนนี่ก็จีบเลย แต่ขอบอกไว้ก่อน) อีธานลดระดับเสียงลงต่ำ (ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับความรักแบบนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องผิดหรอก มันอยู่ที่ความคิดของบุคคล ซึ่งถ้าพวกนายยอมรับได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา)

“แต่ถ้าเลนนี่ยอมรับไม่ได้ เขาจะเกลียดฉันสินะ”

(ฉันการันตีไม่ได้ วัลดัส)

“ฉันก็พอเดาออก” วัลดัสถอนหายใจอีกครั้ง อะไรบางอย่างในอกเต้นช้าลงราวกับไม่มีแรงส่งให้เขาฮึดอยากทำอะไรในวันนี้

(แต่ฉันเชื่อในตัวนายนะ แล้วก็มีลางสังหรณ์ด้วยว่าเด็กคนนั้นคงต้องยอมรับนายได้แน่ๆ)

“แต่เขาไม่ค่อยชอบหน้าฉัน”

(นั่นฟังดูไม่ใช่นายเลย วัลดัส แมดด็อกซ์) อีธานทำเสียงแข็ง (ฉันถามนายนิดเดียว ถ้าผ่านไปสักสิบปี จะเกิดอะไรขึ้นบ้างไม่มีใครรู้ แต่นายจะเสียใจมั้ยถ้าไม่ได้บอกรักคนที่ตัวเองชอบ ถ้าเกิดเขาไม่อยู่ให้นายพูด นายจะไปหน้าหลุมศพเขางั้นเหรอ ไร้ประโยชน์
น่า อันนี้ไม่ได้แช่งนะ)

ญาติตัวเล็กพูดเสียวัลดัสเห็นภาพ ยอมรับเลยว่าเขาค่อนข้างไม่เป็นตัวของตัวเองในบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเลนนี่ ไม่สามารถหา
คำมาอธิบายได้เลย

“ที่นายพูดมาก็ถูก”

(ใช่ เพราะงั้นในเมื่อนายตัดสินใจจะทำอะไรก็จงทำให้เต็มที่ และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงนายต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะนาย
เลือกแล้ว)

ใช่ แม้ว่าจีบแล้วเลนนี่อาจจะเกลียดเขาไปทั้งชาติ หรือวัลดัสจะต้องใช้เวลารักษาแผลใจไปอีกนานเท่าไหร่ก็ตาม

ใช่

เขาเลือกแล้ว

“ขอบใจที่ช่วยคิด”

(แหงอยู่แล้ว) สาบานว่าอีกฝ่ายคงกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ (รายงานผลด้วยล่ะ ถ้านายจีบติดล่ะก็ต้องพาเขามาที่อังกฤษนะ ฉันจะจัดทริปฮันนีมูนเอาแบบให้ลืมไม่ลง)

หลังจากที่คุยอะไรเรื่อยเปื่อยไปสักพัก วัลดัสก็ขอตัวไปจัดการกับชั้นหนังสือใหม่แกะกล่องที่ยังไม่มีโอกาสได้ประกอบชิ้นส่วนมันขึ้นด้วยซ้ำ

เขาล่ะสงสัยจริงๆ ว่าตอนนี้เลนนี่กำลังทำอะไรอยู่

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นวรรคเป็นเวร วัลดัสใจลอยไปถึงใครบางคนที่ชอบทำหน้ายุ่งใส่อยู่เสมอ แต่เขากลับโกรธไม่ลงเลยสักครั้ง ถึงแม้ตอนๆ แรกจะอดหมั่นไส้เด็กปากดีไม่ได้ แต่วัลดัสกลับค้นพบว่าเลนนี่เป็นมนุษย์ที่ปากตรงกับใจที่สุด

ถ้าไม่นับเรื่องเมื่อวันนั้น

หนุ่มอังกฤษจับกระแสอะไรบางอย่างในน้ำเสียงและการกระทำของอีกฝ่ายได้ และวัลดัสหวังเพียงว่าเลนนี่จะไม่เกลียดเขาไปเสียก่อนที่จะทันได้สารภาพรักน่ะนะ

หวังว่า



------------------------------------------------------------------------------------------






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2017 07:42:19 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
สารภาพไปเลยวัลดัส..แมนๆ   :m19: :m19: :m19:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่ 8



จนรอดแล้วจนรอด เลนนี่ก็ทนกับอาการตายซากอยู่ติดบ้านไม่ไหว ทั้งที่การออกนอกสถานที่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในหัวสมองของเขามาก่อน

เลนนี่เปลี่ยนไปเมื่อใครบางคนเข้ามา

วันนี้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเป็นพิเศษที่ใครบางคนไม่ยอมโผล่มาให้เห็นเหมือนอย่างวันที่เขาป่วย(การเมือง)ครั้งก่อน จำเป็นหรือไงที่เลนนี่ต้องเป็นฝ่ายเดินไปหาวัลดัสที่บ้านแล้วบอกว่า วันนี้จะให้ช่วยจัดของตรงไหนดี แบบนี้เสียทุกครั้ง

“เป็นอะไร”

ริกเกอร์ที่นั่งดูทีวีหันมาถามเขา “ฉันเห็นนายเดินวนรอบโต๊ะนั่นมาห้ารอบแล้วนะ หยุดเดินแล้วมาคุยกันดีๆ เถอะ”

“ไม่” นั่นเป็นคำตอบหลังจากเลนนี่เดินวนรอบโต๊ะเป็นรอบที่หก

“แต่ฉันเวียนหัว”

“ตราบใดที่ฉันห้ามนายคบกับอลันไม่ได้ นายก็ห้ามขาของฉันไม่ให้เดินไปไหนตามที่ต้องการได้เหมือนกัน”

“นายอุปมาแบบที่ฉันฟังแล้วงงนะเลน”

ริกเกอร์เกาหัวตัวเอง แต่เขาก็พอจะรู้สาเหตุที่พี่ชายดูจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยอยู่บ้าง คนอย่างเลนนี่เดาอะไรไม่ยากอยู่แล้วหากสังเกตดีๆ ล่ะก็ เดาว่าคุณนายเทอเนอร์ก็คงรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

“อยากไปหาเขาก็ไปสิ รออะไร”

“ใคร?” เลนนี่ทำสีหน้าทองไม่รู้ร้อน “ฉันอยากไปหาใครไม่ทราบ อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย”

 “ก็จะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่วัล—”

“หยุดนะ!”

เลนนี่ตวัดนิ้วสั่งทันก่อนที่ชื่อคนๆ นั้นจะหลุดออกมาจากปากริกเกอร์ เวลานี้เลนนี่ไม่พร้อมจะได้ยินชื่อคนที่ทำให้เขาสับสนเป็นบ้าเป็นหลังสักเท่าไหร่ เขายังไม่พร้อม…

“ขอฉันเตรียมใจก่อน”

“นายเตรียมมาเป็นอาทิตย์แล้ว” ริกเกอร์เอนหลังพิงโซฟาในท่าทางสบาย “บางอย่างก็รอนานไม่ได้นะ เลน ฉันเตือนด้วยความ
หวังดี”

“แต่ฉันไม่พร้อม”

“สำหรับอะไร”

“อะไรก็ช่าง” เลนนี่ยังยืนยังคำเดิม

เจ้าตัวเลิกเดินวนรอบโต๊ะกาแฟแล้ว เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังมิวายนั่งกระดิกนิ้วมือนิ้วเท้าราวกับมีเรื่องให้กังวลใจนักหนา

“ฉันว่าอาการนายแย่แล้ว”

เลนนี่ยู่หน้า “เพิ่งสังเกตเหรอ ฉันแย่จะตายอยู่แล้ว”

“นายออกไปสูดอากาศข้างนอกสิ เผื่อจะดีขึ้น รับรองเลย”

ไม่พูดเปล่า ริกเกอร์ยังสนับสนุนไอเดียของตัวเองด้วยการดุนหลังเลนนี่ให้เดินออกจากบ้านก่อนจะโบกมือบ๊ายบายตามหลัง อากาศดีบ้านใครหนาวขาแข็งอย่างนี้กัน และถึงแม้เลนนี่จะเปลี่ยนใจ ริกเกอร์ก็สั่งคริสโตเฟอร์ให้เฝ้าประตูไว้ไม่ให้ใครเข้าออกแม้กระทั่งเขา

เจ้าหมาทรยศ!

แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่า เลนนี่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าขาของเขาก็กำลังทรยศโดยการเดินไปหยุดลงที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามของถนนเหมือนกัน

วัลดัสยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง

“เลน…”

ดูเหมือนอีกฝ่ายคงตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆ ก็เห็นเขายืนอยู่แถวริมประตูรั้วบ้าน แล้วนี่เขามาทำบ้าอะไรกับประตูรั้วกัน?

“หนาวขนาดนี้เดินออกมาทำไม แล้วเสื้อคลุมนายหายไปไหน”

น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยทำให้หัวใจของเลนนี่เต้นผิดจังหวะ นั่นยังไม่สาแก่ใจใช่มั้ย วัลดัสถึงได้ถอดเสื้อนอกของตัวเองคลุมให้เขาอย่างถือวิสาสะ สงสัยจริงๆ ว่าเดือนนี้เลนนี่คงต้องไปตรวจสุขภาพประจำปีใหม่อีกรอบ

เขาคิดว่าตัวเองอาจเป็นโรคหัวใจกำเริบ

“ฉันดีใจที่เห็นนายนะ”

“พูดอะไรน่ากลัว แล้วนี่กะจะไว้หนวดเหมือนโจรเลยหรือเปล่า”

“เข้าบ้านก่อนเถอะน่า เจ้าหนู” วัลดัสดันหลังเบาๆ ให้เลนนี่เดิน

“นึกว่าจะไม่ชวนซะแล้ว…”

หากไม่ได้กวนประสาทกลับ เลนนี่คงสำลักความรู้สึกบางอย่างที่ท้วมท้นออกมาจากข้างในแน่ๆ โชคเข้าข้างที่เด็กหนุ่มเสหน้าไปทางอื่นทันก่อนที่วัลดัสจะมีโอกาสได้เห็นแก้มแดงสุกปลั่งของเขา

“ฉันกำลังจะต่อชั้นหนังสืออยู่พอดี อยากช่วยมั้ย”

เลนนี่ยักไหล่ “ก็เอาสิ”

วัลดัสเดินนำเข้าไปในบ้าน เลนนี่เป็นฝ่ายเดินตามมาเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าบรรยากาศระหว่างเขาสองคนเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเงียบกว่าทุกวัน และเลนนี่เองก็พอใจกับภาพแผ่นหลังกว้างที่เดินนำเขาไปที่นู่นที่นี่มากเสียด้วย

“ฉันต่อไปแล้วนิดเดียว”

ชิ้นส่วนที่วางระเกะระกะในห้องนั่งเล่นไม่ทำให้เลนนี่ลงความเห็นว่าของมีราคาที่ซื้อมาดูเหมือนชั้นหนังสือรสนิยมดีที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจเลือกเลยแม้แต่นิด

“นิดเดียวจริงๆ ล่ะ สาบานว่าคุณพยายามต่อมันแล้ว”

“ก็ฉันรอนายอยู่นี่”

“รอผมทำไม” ปากพลั้งถามออกไปโดยไม่ทันได้คิด และคาดไม่ถึงกับคำตอบที่วัลดัสจะบอกกลับมา

“ไหนๆ นายก็เป็นคนเลือกแล้วนี่นา ก็เลยอยากเห็นตอนนายพยายามต่อมันไง ฉันคิดว่าฉันชอบนะ”


 ฉันคิดว่าฉันชอบนะ


ฉันชอบนะ


…ชอบ


“เฮ้ เจ้าหนู นายโอเคหรือเปล่า”

เลนนี่แทบจะเด้งตัวติดฝาบ้านทันทีที่มือของวัลดัสกำลังจะจับแขนเขา เพื่อเช็คว่าวิญญาณยังไม่ได้หลุดจากร่าง พนันว่าไม่ใช่หนุ่มอังกฤษคนเดียวแน่ที่ตกใจกับพฤติกรรมนี้

เลนนี่เองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

“ผะ…ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”

เลนนี่สับขาอย่างรวดเร็วไปที่ห้องน้ำ ใบหน้าที่สะท้อนผ่านกระจกเป็นหลักฐานบ่งชี้ชัดแล้วว่าความรู้สึกที่เลนนี่มีต่อวัลดัสได้เปลี่ยนไปแล้ว

…เลนนี่ชอบวัลดัส…

ใช่ ใช่แล้ว

ชอบแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งมีความรักให้ใครบางคน





------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2017 09:35:56 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ใจตรงกันแล้ว

รอดูวัลดัสจับลี

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ตอนที่9


วันทั้งวันวัลดัสเอาแต่นั่งมองเลนนี่ขะมักเขม้นกับการต่อชั้นหนังสือให้เขา มันก็โอเคอยู่หรอกที่มีลูกมือขยัน แต่การที่ความสนใจทั้งหมดของเลนนี่ถูกเบี่ยงเบนออกไปไม่ได้ทำให้วัลดัสรู้สึกดีเลยสักนิด

“นายตั้งใจเกินไปหรือเปล่า เหนื่อยก็พัก”

วัลดัสยื่นแก้วน้ำเปล่าให้ เลนนี่มองมันอย่างชั่งใจ “คุณคงไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปหรอกนะ”

ชายหนุ่มไม่ได้แก้ตัวอะไร เพียงแค่จิบน้ำจากแก้วนั้นให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนจะยัดมันใส่มือเลนนี่เป็นการบังคับ “ฉันดื่มแล้วไม่ตาย นายหายห่วงได้เลย เจ้าหนู”

และคงจะดีกว่าถ้าเลนนี่ไม่ทำหน้าตาน่ารักโดยการย่นจมูกและเบ้ปากน้อยๆ ใส่เขา “แหวะ! ผมไม่ดื่มแก้วเดียวกับคุณแน่ สาบานได้” เจ้าตัวจัดการเอาแก้วน้ำอยู่ให้ไกลจากตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าใบหน้าที่แสดงออกว่าไม่พอใจจะแดงเป็นผลมะเขือเทศแล้วก็ตาม

หรือจะป่วย?

“นายหายหวัดแล้วแน่เหรอ”

“ถ้าไม่หายแล้วผมจะนั่งหัวโด่ตรงนี้มั้ย” น้ำเสียงห้วนๆ สื่อว่าเลนนี่ไม่อยากตอบคำถามเท่าไหร่

วัลดัสเดินวนไปนั่งข้างๆ เลนนี่ สังเกตเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าเด็กแสบได้ชัดเจนอยู่สองข้อ อย่างแรก เลนนี่จะเกร็งตัวจนมือที่จับนู่นจับนี่เคลื่อนไหวไม่เป็นธรรมชาติ และสอง เลนนี่จะไม่มองหน้าเขาเวลาพูดเลย

“ฉันว่าแก้มนายดูแดงๆ นะ”

“ประสาท!” เลนนี่เสมองไปอีกทาง “ไม่ต้องมาสังเกตหน้าผม และคงจะดีมากถ้าคุณช่วยออกไปนั่งไกลๆ ด้วย ผมไม่ชอบ มันอึดอัด”

“อากาศออกจะหนาว”

วัลดัสทำเป็นหูทวนลมตอนที่เขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ เลนนี่จนไหล่ทั้งสองคนแตะกัน ร่างโปรงชะงักงึกราวกับโดนของร้อน และนั่นทำให้วัลดัสมองออกว่าเลนนี่เองก็คงมีบางอย่างในใจเกี่ยวกับเขา

“หมู่นี้นายทำตัวแปลกๆ นะ”

“แปลกอะไร? ไม่เห็นจะแปลก” เลนนี่ปฏิเสธทันควัน เจ้าเด็กนี้ปากว่องไวเสียจริง

“ก็หลบหน้าฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“เหอะ!” เลนนี่เค้นเสียงหัวเราะจากลำคอ “คุณนี่ท่าจะหลงตัวเอง ช่วยเดินไปส่องกระจกดูด้วยว่ามีเหตุผลอะไรให้ผมต้องหลบหน้าคุณ”

“ถ้างั้นตอนที่นายกำลังพูดน่ะ” วัลดัสค่อยๆ ช้อนคางเลนนี่ให้หันมาทางเขา “ต้องมองหน้าฉันด้วยสิ เจ้าหนู”

“อะ…!” เลนนี่ดูจะมีอาการช็อคกว่าเก่า ก่อนจะปัดมือวัลดัสออกอย่างแรง “ทำบ้าไรเนี่ย! ไม่ตลกเลยนะ” หน้าของเลนนี่แทบลุกเป็นไฟ แต่วัลดัสหันหัวเรือกลับไปได้แล้ว

“ก็ไม่ตลกน่ะสิ”

“ถ้าคุณไม่คิดจะทำงานจริงๆ จังๆ ผมกลับล่ะ!

“เดี๋ยวเลน…” หนุ่มอังกฤษหน้าคมรีบคว้าไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายให้หันมาจ้องตากันโดยไม่บอกไม่กล่าว

“ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“อ…อะ…อะไรอีก?!” เลนนี่พยายามดิ้นออกจากการพันธนาการ แต่มือของวัลดัสก็แข็งแรงเหมือนกรงเหล็กขังเขาเอาไว้ “นี่ปละ…ปล่อยผมนะ! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!”

“เออ ฉันมันบ้า”

“งั้นก็ปล่อยสิโว้ย!”

“ฉันบ้าเพราะชอบนาย เลน”

วัลดัสแอบหวั่นใจเมื่อเห็นสายตาของเเลนนี่บิกโพลงราวกับได้ยินข่าวโลกจะแตกอีกสามวันข้างหน้า

“ฟังนะ ฉันชอบนายจริงๆ”

“คะ...คุณ…”

“ใช่ ฉันไง” วัลดัสระบายยิ้มอ่อนใจ “ตกหลุมรักนายที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ตลกใช่มั้ย”

ไม่มีคำตอบจากปากอีกฝ่าย วัลดัสเห็นว่าเลนนี่ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองจนน่ากลัว เขาเขย่าร่างไร้สติของคนตรงหน้าเบาๆ “เฮ้ ใจเย็น ไม่ได้จะรวบรัดนาย แค่บอกชอบเฉยๆ หรอกน่า”

วัลดัสปล่อยเลนนี่ให้เป็นอิสระ แต่เลนนี่ดูเหมือนจะหลุดไปอีกโลกหนึ่งแล้ว

“ไหวมั้ยเนี่ยเลน”

ท่าทางเลื่อนลอยดูเป็นคำตอบที่ดีทีเดียว

อ่า…ชายหนุ่มอังกฤษสรุปกับตัวเองได้ว่างานนี้เขาควรจะให้เวลาเป็นตัวช่วยตัดสินอะไรหลายๆ อย่าง หวังเพียงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา อีกฝ่ายจะเห็นความดีของเขาบ้างก็เท่านั้น

วัลดัสคงต้องให้เวลากับเลนนี่

“นายดูไม่ค่อยสบาย ชั้นหนังสือนี่เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง ขอบใจที่ช่วยนะ”วัลดัสดึงเลนนี่ให้ลุกจากพื้นที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนไม้ เขาสวมเสื้อคลุมให้เลนนี่อีกครั้งก่อนจะพาเด็กหนุ่มไปส่งถึงหน้าบ้านของเจ้าตัว

ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรเลย

“ฉัน เอ่อ ขอโทษที่ทำให้นายตกใจ และ—” วัลดัสค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ของเลนนี่ด้วยความเป็นห่วง “ฉันไม่ได้ล้อเล่นเรื่องที่บอกเมื่อกี้นะ อย่าเข้าใจผิด แล้ว…เอ่อ ให้ตายสิ” วัลดัสสบถกับตัวเอง ปากของเขาแข็งไปหมด “ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่ ฉันยอมรับมัน ไม่รู้ว่าขอมากไปมั้ย แต่อย่างน้อยเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้”

“อ้าว! ทำไมกลับมาเร็วจังเลย”

ริกเกอร์ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาหลังประตูรั้วบ้าน เด็กหนุ่มผมหยิกยิ้มให้เพื่อนบ้านไปที “หวัดดีวัลดัส หวังว่าคงสนุกกับการจัดบ้านใหม่”

แหม สนุกมากเลยล่ะ…

วัลดัสยิ้มรับแกนๆ ก่อนที่ริกเกอร์จะเอ่ยปากถามต่อ

“แล้วนี่เลนเป็นอะไรน่ะ?”

“ฉันว่าเลนยังไม่หายป่วยดี พาเขาเข้าไปพักผ่อนเถอะ”

วัลดัสส่งตัวเจ้าเด็กแสบให้ริกเกอร์ และฝ่ายนั้นก็รับไปอย่างงงๆ ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นกับพี่ชายของเขาที่ดูสติเลื่อนลอยเหมือนตอนรู้ความจริงว่าปลาทองไม่ได้เป็นสัตว์ที่ขี้ลืมที่สุดในโลก

“ผมนึกว่าเลนจะไปช่วยคุณจัดบ้าน”

“หน้าที่ของเขาหมดแล้ว” วัลดัสอธิบายเสียงอ่อน “ที่เหลือฉันจัดการเองได้”

“โอ งั้นหรอกเหรอ”

ริกเกอร์รู้สึกถึงกระแสบางอย่างในน้ำเสียง สงสัยเหลือเกินว่าระหว่างสองคนนี้เกิดอะไรขึ้น “ไม่เป็นไร ผมรับช่วงต่อเอง ไปกัน เลน เข้าบ้านเราดีกว่า คริสโตเฟอร์จองโซฟาไปแล้วนะ”

“ฝากดูแลเขาด้วยนะ”

“อย่าห่วงเลย คุณเองก็ด้วย ไม่หนาวเหรอใส่เสื้อแค่นั้น”

วัลดัสไม่ตอบ เขาแค่ยืนรอจนกระทั่งหลังของเลนนี่หายลับเข้าไปในบ้าน ตกลงเขาทำถูกใช่มั้ยที่สารภาพรักไปแบบนั้น

หวังว่าคงไม่เร็วเกินไป

มือหยาบขยี้หัวตัวเองแรงๆ อย่างจนปัญญา ต่อไปนี้เลนนี่จะเกลียดขี้หน้าเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ อุตส่าห์ได้ชอบใครสักทีทำไมถึงมีแววจะกินแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้นะ

มาถึงตรงนี้วัลดัสก็อดสงสารตัวเองไม่ได้จริงๆ





------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2017 09:47:31 โดย Natsukairi »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด