❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄ - END -|True 3 |- 14.4.2018 - p.7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄ - END -|True 3 |- 14.4.2018 - p.7  (อ่าน 45806 ครั้ง)

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐



M y N o v e l ::

▆ ▇ █ Maybe….I’ll try?-เล่นของสูง █ ▇ ▆    [F i n i s h e d ]
  ☀ ☼ Dear Sunshine : วาดตะวัน ☼ ☀    [ F i n i s h e d ]
  ※ MR.GREY ※     [ F i n i s h e d ]
  ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦     [ F i n i s h e d ]


[เรื่องสั้น] ✡ ส ม ห ม า ย ✎    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] :: ◤| Summer Wine |⊿ ::     [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ♪ ♫ :: SENSORY SERIES :: HEAR ♪ ♫      [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]░【 GROWTH 】#รีบโต      [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] 。• ✈ Page 49 ✈ •。    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]♡ ☽ Lucky Cat ☾ ♡    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ✖ Soon We'll be found ✖    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] #อย่าปล่อยให้ความตายหลงรักคุณ    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ▣ Don't kick the chair ▣    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ■ Have a ghost day #ผีของผม ■    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]┼ In another life ┼ #หากชาติหน้า    [ F i n i s h e d ]




❄ ❄ ❄ ❄ ❄ ❄



“Help! Help! The wolf is carrying away a lamp”



#บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ



❄ ❄ ❄ ❄ ❄ ❄



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2018 01:21:44 โดย Raccool »

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Lies 0: Prologue







หนาว...



ผมถดขาหดตัวอยู่ในผ้าห่มหนา พยายามให้ไออุ่นแก่ร่างกายตนเองทว่าไร้ผล อากาศหนาวในเวลาห้าทุ่มยังคงพยายามแทรกตัวผ่านเกราะป้องกันเข้ามาเฉือนผิวหนังผมให้ทรมานกว่าเดิม



“ฌา...หนาวอ่ะ”



“เปิดฮีทเตอร์แล้วไง”



“หนาว”



“ไหนเคยบอกว่าขี้ร้อน”



“มันหนาว เร่งฮีทเตอร์ให้หน่อย...”



“ก็รู้อยู่ว่ามันเร่งได้แค่นี้”



“...ก็มันหนาว”



“กอดถุงน้ำร้อนไหม”



“ไม่”



ผมขยับตัวยุกยิกอย่างรำคาญใจ เมื่อคนตรงหน้าขัดใจ ซ้ำยังเอ่ยอะไรขัดหู



“ไปหาเสื้อมาใส่สิ”



“หยิบให้หน่อย...”



“ไนล์...”



“ผมหนาว...ไม่อยากลุก”



ว่าพลางกระชับผ้านวมในมือแน่น รีบขยับตัวลุกขึ้นนั่ง โผล่เพียงใบหน้าออกจากผ้าห่มเพื่อจ้องไปยังคนตรงหน้า ก่อนที่จะโดนดุ สบตาหวังเอาใจให้คนนอกผ้าห่มอ่อนใจ และทุกอย่างเป็นไปตามสมใจอยาก เมื่อเจ้าของชื่อฌายอมลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าตัวเอง ก่อนหยิบเสื้อกันหนาวขนวูลตัวอุ่นของเขาโยนมาให้ผมที่สิงอยู่ในก้อนผ้าห่มยักษ์



“ขอบคุณ”



ผมเอ่ย คนมีน้ำใจไม่ตอบกลับอะไรทำเพียงแค่ส่ายหน้า ก่อนหันไปตั้งใจกับหนังสือกองโต นักศึกษาป.โทอย่างเขาคงมีชีวิตมอบให้กับงานวิจัยอย่างเดียว



ผมสวมเสื้อกันหนาวของฌาทับอีกชั้น ก่อนล้มตัวนอน ขมวดผ้าห่มผืนหนานุ่มให้ห่อรอบตัวจนกลายเป็นก้อนผ้าขนาดยักษ์ ขยับตัวยุกยิกจัดท่านอนให้ตัวเองอีกครั้งก่อนนอนนิ่งไป พร้อมจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ภายในห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ซึ่งก็ดีต่อทั้งสองฝ่าย ฌาต้องใช้สมาธิในการทำงาน ส่วนผมก็ต้องการความเงียบเพื่อที่จะนอน...



สองคนในหนึ่งห้อง..ใช้ชีวิตกันร่วมเดือน



โดยที่ทั้งผมและเขาไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ...





❄❄❄❄❄❄







เปิดเรื่องใหม่แล้วค่ะ

เป็นเรื่องที่ไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้น5555

ยังไงก็ขอฝาก #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ไว้ด้วยนะคะ

<3



ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
เจิมมมมม เรื่องใหม่  :katai2-1:

ออฟไลน์ มาชิ มาชิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตามมมมมค้าาา เด็กเลี้ยงแกะจะยังไง

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
อ่านแล้ว ขอซุกผ้าห่มด้วยคนได้มั้ย งือออ

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บางทีน้องอาจจะอยากให้ฌากอด

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตามค่าาาา

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตามคร้าบบบบบ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ตามมมมค่าาาา
เปิดเรื่องมาแล้วอยากจะซุกผ้าห่มตามเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ติดตามต่ะ น่าสนใจมาก เริ่มตอนแรกก็ถูกใจแล้วค่ะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
น่าสนใจจจ ตามน้าา //กอดซุกด้วย หนาว---

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2


Lies 1 : Sick of all the insincere









ช่วงนี้คือฤดูหนาวของนิวซีแลนด์ ผมมาอยู่ที่นี่ได้สามอาทิตย์กว่าแล้ว อาทิตย์แรกโดนเพื่อนไล่ออกมาจากหอเพียงเพราะเหตุผลทุเรศๆ ที่ว่าผมไม่ยอมร่วมรักกับมัน เชื่อเขาเลยให้ตาย ผมบินมาที่นี่แบบกะทันหันก็จริง แต่ระหว่างอยู่ไทยผมติดต่อเพื่อนคนนี้มาตลอดและตกลงกันเสร็จสรรพแล้วว่าเขาจะยอมให้ผมพักด้วยตลอดการเดินทาง



แต่หลังจากที่ผมจ่ายค่าที่พักให้มันไม่นาน มันก็เปิดเผยความต้องการที่แท้จริงคือต้องการหลับนอนกับผม เพื่อนเลวคงเชื่อว่าผมไม่มีใครให้พึ่งพาในเมืองใหญ่อย่างโอ๊คแลนด์แล้ว มีแต่ต้องยอมตกลง แต่ขอเถอะ ผมไม่ใช่คนที่จะยอมนอนกับใครเพื่อแลกกับที่พัก เลยเลือกเดินจากมันมาทั้งอย่างนั้น ส่วนค่าที่พักก็ช่างแม่ง



ในขณะที่กำลังเดินร่อนเร่หลงทางอยู่นั้นฟ้าก็เริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ จนดึกดื่น ผมก็ยังเดินหาโรงแรมไม่เจอเสียที ความสามารถในการใช้ชีวิตก็เข้าขั้นติดลบ แม้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แต่ไม่มีปัญญาเอาตัวรอดเอง เลยได้แต่เดินโต้ลมหนาวไปอย่างนั้น



จนได้เจอกับฌา



เขาชวนผมเข้าที่พักเมื่อเห็นว่าผมหลงทาง แน่นอน ในทีแรกผมปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา แต่ยังไม่ทันได้จากกันดี เม็ดฝนก็เริ่มตกลงมา ด้วยความจนใจ รวมถึงผมเพิ่งเคยมานิวซีแลนด์เป็นครั้งแรกและไม่รู้จักเส้นทางของที่นี่ ไม่รู้ว่าอาศัยความหลงทิศของตัวเองเดินไปเรื่อยๆ แล้วจะได้เจอโรงแรมไหม หรือจะตายเพราะความหนาวจากอากาศและน้ำฝนเสียก่อน ผมจึงเลือกเดินตามเขากลับที่พักตามคำชวนของชายหนุ่มแปลกหน้า โดยมีข้อแม้ว่าผมจะไม่หลับนอนกับเขาเด็ดขาด



ฌาทำเพียงแค่เค้นหัวเราะหึออกมา พร้อมบอกให้วางใจ เขาแค่หารูมเมทแชร์ค่าห้องก็เท่านั้น



ผมระแวงเขาไม่น้อย แต่ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาฌาทำให้ผมไว้วางใจเขาในระดับนึง เขาทำตามข้อตกลงที่ว่าผมจะช่วยออกค่าห้องให้เขามากกว่าครึ่งเล็กน้อย แลกกับการที่เขาทำอาหารและดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ผม ส่วนค่าอาหารหรือวัตถุดิบจ่ายแยกต่างหาก ผมแค่อยากให้มีคนดูแลผมก็เท่านั้น



ช่วยไม่ได้นี่ อยู่ที่ไทยผมไม่เคยได้หยิบจับทำอะไรพวกนี้เลย แม้แต่กระเป๋ายังไม่ต้องลากเองด้วยซ้ำ ถ้าให้ผมลองทำกับข้าวเองมีหวังได้ทำครัวไหม้ และผมก็ไม่สามารถออกไปหาอะไรกินเองได้ด้วยเพราะไม่รู้วิธีเข้าเมือง ร้านอาหารเล็กๆ ในย่านที่พักนี้ก็พอมีอยู่บ้าง บางวันถ้าฌาไม่สามารถทำอาหารได้ผมก็ไปฝากท้องกับร้านแถวนั้น การใช้ชีวิตคนเดียวของผมย่ำแย่มากจริงๆ



ผมได้ไปย่านหลักของเมืองอย่าง Queen Street บ้างบางครั้งจากการติดตามฌาไปโดยอาศัยรถบัส ฌาชอบไปห้องสมุดในวันว่างๆ เพราะทุกวันอังคารฌาต้องเข้ามหาลัยไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำวิจัย และทุกเย็นวันจันทร์ฌาจะไปทำงานพิเศษ รวมถึงมีสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้นักเรียนคนไทยบ้างตามโอกาส



 ส่วนผมไปเพื่อเดินเล่น ถนน Queen Street เป็นเส้นตรง สองฝั่งของถนนมีร้านค้าเรียงราย คนพลุกพล่าน ทำให้ผมสามารถเดินเที่ยวได้โดยไม่ต้องกลัวหลงทาง เคยเดินเล่นไปถึงท่าเรือ ผ่าน Britomart ที่เป็นสถานีรถไฟหลักของเมือง จากตรงนี้กลับไปหอสมุดเมืองแค่เดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงแยก Civic ก็จะเจอแล้ว เส้นทางแค่นี้ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับผมนักหรอก



แต่นอกจากทางตรงกับเลี้ยวสักแยกแล้ว ผมก็ไม่สามารถจดจำเส้นทางอื่นได้อีก เพราะฉะนั้นถึงได้เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ก็ตามฌาไปที่อื่นๆ



ผมไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินแม้แต่น้อย ทั้งที่มาไกลถึงนิวซีแลนด์ทั้งทีแต่เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง อย่างไรเสียถ้าที่นี่ถูกใจผมก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะบินกลับมาอีกรอบ



อย่างในวันนี้ผมก็เลือกนอนอืดอยู่ในห้องกลิ้งอยู่บนเตียงไปมา ส่วนฌาไปห้องสมุดเหมือนทุกที อพาร์ทเม้นท์ของฌาแบ่งเป็นสองโซนสามห้อง เริ่มจากโซนทางซ้ายของประตูทางเข้าห้องคือห้องน้ำ ถัดจากห้องน้ำคือห้องครัว มีเคาท์เตอร์ครัวและอุปกรณ์ครบครัน พร้อมด้วยโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ที่นั่งได้สองคน และโซนทางขวาของประตูห้องคือห้องนอน มีมุมนั่งเล่นอยู่ปลายเตียง ประกอบด้วยโซฟาเบด หรือโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงนอนได้ กับโทรทัศน์ เป็นมุมประจำของฌา



ที่นี่ค่อนข้างกว้างและมีราคา เทียบกับหอพักของเพื่อนผมแล้ว แต่ก็ดี มีสิ่งอำนวยสะดวกเยอะแยะมากมายจนแทบไม่อยากออกไปไหน เพราะในห้องก็สบายอยู่แล้ว ผมเข้าใจเลยว่าถ้าฌาอยู่ที่นี่คนเดียวก็ต้องจ่ายหนักพอควร ถึงได้ต้องหารูมเมทมาแชร์ค่าที่พัก



แต่ถ้าสำหรับผมนั้น ราคาเท่านี้ผมจ่ายได้สบาย



โดยปกติแล้วฌาณอนบนเตียงใหญ่มาก่อน แต่พอผมมาเขาก็ให้ผมนอนเตียงใหญ่แทน ส่วนตัวเองไปนอนที่โซฟาเบดเพราะบางทีต้องอ่านหนังสือที่โซฟาจนดึกดื่น จะได้ไม่ต้องมากวนผมอย่างที่ผมต้องการ



แต่หลังจากที่ผมเริ่มไว้วางใจเขาแล้ว ผมจึงบอกให้เขามานอนบนเตียงด้วยกัน หนึ่งเพราะเกรงใจ อย่างน้อยเขาก็เป็นเจ้าของห้อง สองคือเตียงมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับผู้ชายสองคนนอนด้วยกันได้อย่างไม่อึดอัด สามคือผมหนาว...พอมีฌามานอนข้างๆ แล้วมันอุ่นขึ้น และผมนอนร่วมเตียงกับคนแปลกหน้านี้มาได้ร่วมสี่คืนแล้ว



ผมรู้ว่ามันแปลกที่ต้องมานอนร่วมเตียงกับคนไม่รู้จัก



แต่ทำไงได้...ผมหนาวนี่นา...



ในทีแรก ผมบอกฌาว่าขี้ร้อน เพื่อบอกปัดเขาไปเท่านั้น ไม่คิดว่าต่อมาผมจะทนความหนาวไม่ไหว ยอมกลับคำยอมรับว่าเป็นคนขี้หนาวหลังจากนอนสั่นมาทั้งคืน



ถ้าฌายอมซื้อฮีทเตอร์ใหม่ก็คงไม่ต้องยอมให้เขามานอนเตียงเดียวกัน แต่ผมหว่านล้อมยังไง จะออกเงินให้มากแค่ไหนฌาก็ยืนยันที่จะไม่ซื้อฮีทเตอร์ใหม่เพราะเขาไม่ได้ขี้หนาวเหมือนผม สำหรับเขาแล้วอากาศประมาณนี้กำลังสบาย ซื้อมาก็เปลืองที่เปล่าๆ ผมไม่ได้จะอยู่ถาวรตลอดไปเสียหน่อย ถ้าผมกลับไปเขาก็ต้องหาทางกำจัดมันอีก วุ่นวายเสียเวลา



ซึ่งผมก็เถียงอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนหนาวแอบขโมยไออุ่นจากเขาเท่านั้น



ฌาอยู่ที่นี่คนเดียวตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเรื่อยๆ กลับไทยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ชอบใช้ชีวิตเงียบๆ ที่นี่มากกว่าเลยเลือกเรียนต่อโท ผมถามเขาว่าเรียนจบแล้วจะกลับไปทำงานที่ไทยไหม เขาบอกว่าไม่รู้... ผมอยากให้เขากลับไทยบ่อยๆ จะได้พาไปกินอาหารร้านอร่อยๆ ตอบแทนที่เขาดูแลผมที่เป็นคนแปลกหน้าดีเสียขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กรุงเทพฯก็เถอะ



วันๆ ผมอยู่แต่ในห้อง น่าเบื่อก็จริง แต่ข้างนอกก็ไม่ต่างกัน ผมยอมทนเบื่อในห้องดีกว่า อย่างน้อยก็อุ่นกว่า อพาร์ทเม้นท์ที่นี่มีอินเตอร์เนตให้ใช้ไม่จำกัด แต่ส่วนใหญ่เขาก็ออกไปใช้ไวไฟจากหอสมุดอยู่แล้ว กลับมาที่นี่ก็ใช้เนตบ้างครั้งคราว ไม่ได้ใช้เยอะอะไรราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา



ผมไม่มีแอพลิเคชั่นสมัยนิยมในโทรศัพท์มือถืออย่างที่วัยรุ่นทั่วไปควรมี ผมมีมือถือไว้เพื่อเล่นเกมและติดต่อฌากับที่บ้านเป็นบางครั้งเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ก็เล่นเกมจากไอแพดที่ผมพกมา ยืมต่อไวไฟเพื่อดูซีรี่ย์บ้าง สลับกับดูโทรทัศน์ ชีวิตน่าเบื่อแต่ผมมีความสุขดี ไม่ต้องมีอะไรให้มากมายวุ่นวาย แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ



แรกๆ ผมตื่นเช้าพร้อมฌา แต่เพราะตื่นมาก็ไม่มีอะไรทำ แถมถ้าไม่ออกไปไหน ตอนกลางวันก็ไม่มีข้าวกินอีก ได้แต่กดน้ำร้อนใส่มาม่ากิน หลังๆ เลยเลือกที่จะตื่นสายแทน จะได้กินอาหารเช้าที่ฌาทำให้รวดเป็นอาหารเที่ยงเสียเลย วิถีชีวิตคนขี้เกียจของผมมันก็อย่างนี้



ที่นี่ตอนกลางวันจะอุ่นขึ้นมาหน่อย อุณหภูมิขึ้นหลักสิบ แต่พระอาทิตย์ตกเมื่อไหร่ผมจะเริ่มหนาวทันที ต้องพึ่งพาผ้าห่มอุ่นเพื่อป้องกันความเย็น ฌาบอกผมว่าโอ๊คแลนด์เป็นเมืองที่ต่อให้หนาวแค่ไหนหิมะก็ไม่ตก มีแต่ฝนที่ตก ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หนาวจนติดลบ ออกจะอุ่นด้วยซ้ำถ้าเทียบกับทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์แล้ว



แต่ถึงยังไงผมก็หนาวอยู่ดี



ผมม้วนผ้าห่มเข้ากับตัว ลุกเดินไปนั่งบนโซฟาเบดเพื่อดูหนังหรือรายการอะไรก็ได้ในโทรทัศน์ แต่วันนี้หนังที่เอามาฉายหน้าเบื่อเสียจนผมเบือนหน้าหนี ซีรี่ย์ที่ดูอยู่ก็จบแล้ว ผมลุกไปยังชั้นหนังสือข้างเตียงของฌา ก่อนเจอหนังสือนวนิยายภาษาอังกฤษเรื่องหนึ่งบนชั้น จึงถือวิสาสะหยิบมาอ่านฆ่าเวลาแทน



ผมอ่านหนังสือเพลินจนตกเย็น อากาศเริ่มหนาวและฌาก็กลับมาพอดีในเวลาหกโมง ผมคั่นหนังสือไว้ก่อนปิดมันลง วางไว้ที่โต๊ะเล็ก เก็บผ้าห่มไปไว้ที่เตียงแล้วเดินออกไปหาเจ้าของห้อง ฌาลงมือทำอาหารเย็นให้ผมกิน ผมเป็นคนเลือกกินและขี้จุกจิก แต่อาหารฝีมือฌาผมกินได้ทุกมื้อเลยเพราะอร่อย เชื่อว่าอยู่กับเขาแล้วผมไม่มีวันอดตายแน่ๆ



ฌาทำไข่ยัดไส้ให้ผมเสร็จก็ตักข้าวมาให้ เราร่วมกินข้าวด้วยกันแทบทุกเย็น ฌาพูดน้อยและเป็นผมที่จะชวนเขาคุยก่อนเสมอ



“อันนี้อร่อยอ่ะ วันหลังทำอีกบ่อยๆ นะ”



“อืม”



“วันนี้ช่องหนังฉายแต่หนังอะไรไม่รู้น่าเบื่อมากเลย”



“...ฟังรู้เรื่องเหรอ”



“...ก็ไม่หรอก แต่ดูจากภาพ จังหวะการตัดต่อ เสียงเพลง การแสดงของนักแสดงก็รู้แล้วว่าแย่”



“อืม”



“พอไม่มีหนังดูก็น่าเบื่อหน่อยๆ ฌาอ่ะ ไปห้องสมุดทำวิจัยทุกวันไม่เบื่อเหรอ”



“เบื่อ บางครั้งก็ออกไปเดิน Queen street เล่น ดูหนังใน Civic แก้เบื่อบ้าง”



“อ้าว ไปดูหนังมาเหรอ ไม่ชวนกันเลย”



“...เห็นบอกว่าอ่อนภาษาเลยคิดว่าจะไม่อยากดู”



“อยากเข้าไปสัมผัสบรรยากาศโรงหนังต่างประเทศบ้าง” ผมว่าพลางฉีกยิ้ม บอกเขาเป็นนัยว่าเสียเงินแค่ไม่กี่ร้อยเข้าไปนั่งเล่นเฉยๆ ยังไงก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งผมร่วง



“ไว้วันหลังจะชวน”



“อย่าลืมนะ”



“อืม...”



เรานั่งกินข้าวกันไปจนเสร็จ ฌาก็ลุกขึ้นนำจานไปล้าง ผมเคยขอช่วยแล้วครั้งนึงแต่ฌาบอกให้นั่งเฉยๆ คงรู้ว่าผมทำไม่เป็น



“ทำไมไม่ใช้เครื่องล้างจานอ่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากจ้องมองแผ่นหลังของเขาที่กำลังทำความสะอาดจานอยู่ที่ซิงค์น้ำ เห็นเขาค่อยๆ ล้างจานทีละใบแล้วก็คิดว่าสู้เอายัดเข้าเครื่องล้างจานนี่ทีเดียวก็จบแล้ว ไม่ต้องลำบาก



“มันไม่สะอาด ล้างด้วยมือจะรู้สึกสบายใจกว่า”



ฌาไขปริศนาที่ผมสงสัยมานาน ผมไม่มีอะไรทำแล้วจึงลุกขึ้น ว่าจะเดินไปเปิดทีวีดูอะไรสักหน่อย บรรยากาศในห้องจะได้ไม่เงียบจนน่าอึดอัด



“เอ้อ...ไนล์”



“หืม”



“วันพรุ่งนี้ถ้าว่างจะพาไป Mount Eden”



ผมฉีกยิ้มกว้างให้ฌา ยินดีที่เขาจะพาผมไปเที่ยว



“เอาสิ ผมว่างทุกวันอยู่แล้ว”



ฌาคงเห็นว่าผมอยู่ในห้องคงเบื่อแย่แน่ๆ ถึงเขาจะพูดน้อยหรือพูดไม่เก่งก็ตาม แต่ใจดีมากเลยทีเดียว



“จากที่นี่ไปไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ไปเช้าๆ จะอากาศดี ตอนบ่ายจะร้อนแล้ว เพราะงั้นตื่นเช้าด้วยล่ะ”



ผมยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนเอ่ย “ฌาปลุกด้วยล่ะ”



คนตรงหน้าได้แต่กดยิ้มมุมปากเหล่มองมาอย่างขบขำ ที่ผมมองว่ามีสเน่ห์โคตรๆ ฌาเป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว จมูกเป็นสัน ตาคม ปากบาง ไว้ผมทรงอันเดอร์คัทยิ่งทำให้ดูเท่ เหมาะกับรูปร่างสูงๆ ของเขา ฌาชอบใส่เสื้อผ้าสีดำ ไม่ก็โทนมืดๆ ทำให้ฌาเหมือนกับเทพอีกาอย่างนั้น แต่บางทีถ้าดุขึ้นมาผมจะมองเขาเป็นเทพแห่งความตาย ผมเคยโดนเขาดุครั้งนึงเพราะเผลอทำถ้วยอาหารหล่นใส่พื้นพรหมในห้อง ฌาน่ากลัวมาก ทำผมจ๋อยตัวหดเป็นลูกหมาไปเลย



หลังจากทานข้าวเก็บโต๊ะเสร็จ ผมก็ไปอาบน้ำ ส่วนฌามักจะรออาบหลังผมเสมอ ห้องน้ำเป็นแบบฝักบัว ต่อให้ผมอยากแช่อ่างแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีอ่างให้แช่ แม้จะขัดใจอยู่หน่อยๆ แต่ก็เท่านั้น ยืนอาบก็ไม่ได้ยากอะไรแค่ไม่ชินเฉยๆ



หลังจากที่มีความสุขกับการปล่อยให้น้ำอุ่นๆ ไหลผ่านตัวเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำตัวสั่นเพราะอากาศในห้องหนาวกว่าที่ผมจะทนไหว ฌามักลอบยิ้มกับท่าทีของผมอย่างนี้ทุกที ถ้าเห็นว่ามันตลกแล้วช่วยซื้อฮีทเตอร์ใหม่จะเป็นพระคุณมาก



ผมรีบปืนขึ้นเตียง มุดเข้าไปในผ้าห่มหนานุ่ม เกราะป้องกันอากาศหนาวชั้นยอดของผม ก่อนจะได้ยินเสียงของฌาดังทักขึ้นมา



“ไนล์”



“หืม”



“อ่านเรื่องนี้อยู่เหรอ”



“...”



ผมที่กำลังขดตัวหาไออุ่นอยู่บนเตียงชะงักกึกทันทีที่ฌาพูดจบประโยค ก่อนนึกได้ถึงหนังสือของฌาที่ผมแอบหยิบมาโดยไม่ขออนุญาต ถ้าเพียงแค่นั้นผมคงไม่กลัวมาก อย่างมากก็แค่โดนฌาดุนิดหน่อย แต่เพราะผมเคยบอกเขาไปว่าอ่อนภาษา พูดไม่ได้อ่านไม่ออกฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้ก็เพราะคิดว่าการปล่อยให้เขาคิดว่าผมโง่น่าจะเป็นเรื่องดีกว่า ผมไม่ต้องจัดการอะไรเอง มีอะไรก็ให้ฌาคุยให้ สะดวกสบาย



เสียแต่หนังสือนวนิยายที่มีร่องรอยว่าผมหยิบมาอ่านได้หนึ่งส่วนสี่ของเรื่องทำให้ผมหน้าซีด



“...ก็อืม...เปิดมาอ่านผ่านๆ ตอนกลางวัน ไม่ได้เข้าใจหรอก”



“งั้นเหรอ ถ้าแค่อ่านผ่านๆ คงไม่ต้องคั่นหน้าไว้หรอกมั้ง”



“ง่ะ...”



“ว่าไง อ่านออกหรือ”



“...จริงๆ ก็นิดหน่อย” ผมจนใจเลยบอกเขาไปกึ่งจริงกึ่งโกหก



ผมจบอินเตอร์มา เพราะฉะนั้นเรื่องภาษาค่อนข้างมั่นใจว่าสื่อสารได้แน่ๆ แต่ปิดบังเขาไว้เพราะขี้เกียจพูดคุยกับใคร ปล่อยให้เป็นธุระของฌาอยู่บ่อยๆ



“เป็นนิดหน่อยคงไม่อ่านได้ไกลขนาดนี้หรอก”



“...ก็เปิดดิกฯช่วยตั้งเยอะ”



“เพราะอย่างนั้นแหละ ถ้าเปิดดิกฯไม่น่าจะอ่านเร็วขนาดนี้นะ”



“...”



“ผมเคยอ่านมาก่อน รู้ว่าเรื่องนี้ใช้คำศัพท์ค่อนข้างยาก ถ้าเพิ่งเริ่มอ่านคงอ่านไม่ไวขนาดนี้หรอก”



“...จริงๆ ก็อ่านทิ้งไว้หลายวันแล้วน่ะ” ผมรีบแก้ตัว



“เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าอ่านตอนกลางวันนี้...”



“...”



“ว่าไงล่ะ”



“...ผมขอโทษที่เอาหนังสือคุณมาอ่านโดยที่ไม่บอกนะ แต่จริงๆ เลย ผมแค่เอามาฝึกภาษา” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องให้เขาไปโฟกัสเรื่องที่ผมเอาของเขามาใช้โดนไม่ขอแทน



“จริงหรือ” แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล...



“จริงๆ...”



“Don’t lie to me, Shepherd boy” ฌาพูดพร้อมฉีกยิ้มรุกฆาต สายตาคมส่งมาทางผมราวกับว่าเขารับรู้ความจริงแล้ว บ่งบอกว่าผมไม่สามารถโกหกเขาได้อีกต่อไป



ผมถอนหายใจออกมา ยกมือสองข้างขึ้นยอมจำนน ยอมแพ้ก็ได้




“Ok, I give up”





❄ ❄ ❄ ❄ ❄ ❄






มาเริ่มเกมจับโกหกน้องแกะกันเถอะ!

เรื่องก่อนๆ เขียนแต่ในสถานที่ใกล้ตัว มาครั้งนี้เลยอยากพาไปที่ไกลๆ ดูบ้างค่ะ

ว่าจะให้ทายกันว่าที่ไหนแต่ไม่ทันแล้ว 5555

เมืองโอ๊คแลนด์ ในนิวซีแลนด์ไม่มีหิมะนะคะ แต่ก็ยังหนาวสำหรับน้องแกะอยู่ดี...

ไม่แน่ใจเลยว่าจะเขียนเรื่องนี้ได้ยาวแค่ไหน แต่ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะคะ ^^




ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราก็ไม่ชอบอากาศ​หนาว​ๆ

น้องแกะเจ้าเล่ห์​นะ

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
น้องไนล์มาทำไรที่นี่อ่ะ ย้ายที่นอนเหรอ เจ้าตัวขี้เกียจจจ 555
อ่านแล้วอยากซุกผ้าห่มด้วย ฮือออ หนาววว
เด็กเลี้ยงแกะโกหกอะไรไว้บ้าง รอให้ฌารีดออกมาให้หมดนะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบพี่ฌา แง้

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
โอ้ อ่านละชอบบบบ อยากไปเที่ยวเลย 5555
ชอบไนล์ น่ารักนะ เอ็นดู ฌาก็ชอบบบ /////

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Lies 2: My head stuck in the clouds





ผมไม่ได้ตื่นก่อนสิบโมงมานานแล้ว แต่วันนี้ฌาปลุกผมตอนแปดโมงทำให้สะลึมสะลือไม่น้อย อากาศวันนี้หนาวกว่าทุกวันทำให้ผมงอแงอยู่บนเตียงอยู่นานกว่าปกติ จนฌาเริ่มดุทำให้ยอมลุกออกจากผ้าห่ม เดินงัวเงียไปล้างหน้าล้างตาตามคำสั่งเจ้าของห้องอย่างมึนๆ เพราะยังไม่ตื่นดี ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้เขาจะพาผมไปเที่ยว ถึงได้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหน่อย



ฌาไม่ได้ว่าผมเรื่องที่ผมโกหกเขาเมื่อวานแล้ว หลังจากได้ข้อยุติเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แค่กดยิ้มก่อนวางหนังสือไว้ที่เดิม บอกให้ผมหยิบอ่านได้ตามสบาย ส่วนผมก็หน้างอเพราะเซ็งที่โดนจับโกหก ก่อนมุดตัวนอนหนีความผิดตัวเองไป



เจ้าของห้องลอบหัวเราะที่เห็นผมของผมยุ่งฟูหลังจากตื่นนอน ผมพยายามหวีให้มันเรียบร้อยแล้วมานั่งทานข้าวเช้ากับฌา แต่เจ้าของห้องนิสัยไม่ดีกลับยีหัวผมจนยุ่งอีกครั้งพลางหัวเราะชอบใจ



“ตลกดี หัวฟูเหมือนขนแกะเลย”



เพราะผมเคยผ่านการทำสีผมจนผมเสีย ทั้งยังหยักศกเล็กน้อย แม้ตอนนี้จะย้อมดำแล้วแต่จากการผ่านสมรภูมิสารเคมีมามากมายทำให้มันไม่ค่อยเรียบตรงเหมือนผมฌา ที่แม้จะสั้นแต่ก็ดูสุขภาพดี



“ไม่เหมือนสักหน่อย...” ผมแย้งก่อนนึกอะไรขึ้นได้ “ที่เขามีแกะมั้ย”



“หึๆ ไม่มี”



“...อ่า”



“ไว้จะพาไป One tree hill ที่นั่นมีแกะเป็นฝูง”



ผมเคยเห็นแกะตัวเป็นๆ อยู่แล้วหรอกน่า แค่อยากเห็นแกะที่นิวซีแลนด์ดูบ้างก็เท่านั้น ไหนๆ ที่นี่ก็เป็นดินแดนแห่งแกะ ที่มีจำนวนแกะมากกว่าจำนวนคนถึงสามเท่าแล้วทั้งที



ผมไม่ได้เจอคนดังอย่างแกะที่นี่ก็ไม่เป็นไร แต่ไหนๆ ฌาบอกจะพาไปดูผมก็ย่อมยินดีที่จะไปอยู่แล้ว จึงพยักหน้าตอบเขาไป



หลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้วฌาก็พาผมไปขึ้นรถบัสประจำทาง นั่งไปลงที่ Mount Eden แต่หลังจากลงจากรถบัสแล้วเรายังต้องเดินกันอีกเยอะมากๆ กว่าจะถึงทางขึ้นเขาผมก็เหนื่อยแล้ว ฌาก็ไม่รีบ รอผมพักจนหายเหนื่อยแล้วเดินต่อจนเข้าถึงเขตเขา ต้นไม้ข้างทางสงบร่มรื่นเสียจนอยากนั่งพักนานๆ แต่ฌาบอกข้างบนสวยกว่าผมจึงรีบเดิน



ต้นไม้ของที่นี่บิดเป็นทรงประหลาด ผมไม่รู้จักสายพันธุ์ต้นไม้ แต่รู้ว่าต้นไม้ที่นี่ไม่มีในไทยแน่นอน กิ่งก้านหงิกงอยังกับป่าต้องห้ามในแฮร์รี่พ็อตเตอร์ ดูแปลกตาจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้



ฌาพาผมเดินขึ้นเรื่อยๆ แต่ระหว่างนั้นผมเห็นว่ามีรถรับส่งขึ้นเขาด้วย เลยหันไปถามเขา



“เรานั่งอันนี้ขึ้นไม่ได้หรือ”



“เดินไปสนุกกว่านะ ได้ชมบรรยากาศด้วย”



“ง่า”



“ต้องออกกำลังกายได้แล้ว เอาแต่นอนอยู่ในห้องทั้งวัน”



“...” ผมไม่เถียงฌา แต่ทำหน้าบู้ไม่พอใจ ผมไม่ชอบออกกำลังกายนี่ มันเหนื่อยและก็เหม็นเหงื่อด้วย แต่ก็เป็นอย่างที่เขาว่า ค่อยๆ เดินรับบรรยากาศก็ดูเข้าที ผมไม่ได้มาเดินเล่นในที่แบบนี้เลยสักครั้ง ถึงจะเหนื่อยแต่จะถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกัน



เมื่อเดินใกล้ถึงยอดเขาเรื่อยๆ ลมหนาวก็เริ่มพัดแรงขึ้นจนผมถดไปอยู่ข้างหลังฌา ใช้เขาเป็นเกราะกำบังลมแต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่



“หนาวเหรอ”



ผมพยักหน้า วันนี้รู้สึกหนาวกว่าทุกวัน ยิ่งเดินขึ้นสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งหนาว ลมเย็นๆ ตีหน้าจนผมแสบไปหมด พัดมาแต่ละครั้งทำเอาเหมือนจะบาดเอาหูให้หลุดออกมา จมูกเองก็แสบเพราะสูดเอาลมหนาวเข้าไป ฌาควักอะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ ก่อนนำมันมาสวมให้ผม



มันคือหมวกไหมพรหมสีดำ ฌาดึงให้มันลงมาถึงหูผม พอหูอุ่นแล้วเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นหน่อย



ระหว่างทางผมเห็นคนมาวิ่งออกกำลังกายด้วย รู้สึกนับถือพวกเขาอยู่ในใจ อากาศหนาวขนาดนี้ยังวิ่งต้านลมได้เหมือนไม่รู้สึกอะไร แถมดูไม่เหนื่อยเหมือนผมทั้งๆ ที่ค่อยๆ เดินขึ้นมาแท้ๆ



ฌาเดินนำผมจนในที่สุดเราก็มาถึงยอดเขาอีเดน ผมมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่าง ที่นี่ทั้งสวยทั้งสงบ เห็นวิวทั่วเมือง ไม่มีอะไรมาบดบัง ถ้าไม่หนาวขนาดนี้ผมคงมีเวลาชื่นชมที่นี่ได้นานกว่านี้ แต่พอลมพัดมาทีนึงผมก็มุดเข้าหาฌาทีนึง จนเขาหัวเราะขำ



วันนี้วันศุกร์ แถมเป็นช่วงเช้า ฌาบอกคนเลยไม่เยอะมาก ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะกว่านี้ Mount Eden เป็นภูเขาไฟที่มอดไปแล้ว ตรงกลางภูเขาเป็นหลุมลึกและใหญ่เป็นวงกว้าง บ่งบอกถึงการเคยเกิดการปะทุ ผมมองใจกลางภูเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ มันไม่ได้ดูลึกและน่ากลัวอะไรเพราะเห็นก้นหลุมชัดเจน แถมในหลุมปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวขจี เพียงแต่ความกว้างใหญ่ของมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเผลอกลิ้งตกลงไปจะปีนขึ้นมาไหวรึเปล่า



อันที่จริงนอกจากวิวเมือง กับหลุมกลางภูเขาแล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว แต่ผมก็ชอบบรรยากาศที่นี่ สงบดี เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกได้อย่างที่ต้องการ



“เป็นไง”



“หืม”



“ชอบไหม”



“...ชอบมาก” ผมตอบฌา ฉีกยิ้มกว้างให้เขาเพื่อแสดงความจริงใจ “ถ้ามีโกโก้ร้อนมานั่งจิบคงจะดี”



“หึ”



ผมว่าตามความคิด ส่วนฌาก็แค่หัวเราะออกมาเบาๆ ลมข้างบนนี้พัดแรงกว่าข้างล่างทำให้ผมหนาวกว่าทุกทีจึงอยากได้น้ำอุ่นๆ มาดื่มแก้หนาวสักหน่อย แต่ฌาดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลยกับความหนาวระดับที่ทำให้ผมตัวสั่น



“ฌาไม่หนาวหรือไง”



“แค่เย็นๆ นี่ยังไม่เข้ากลางฤดูหนาวเลยนะ”



“...”



ตอนนี้เดือนมิถุนายน เป็นหน้าหนาวของที่นี่แล้ว ถ้าเข้าเดือนกรกฏาคมจะหนาวกว่านี้หน่อย แต่แค่นี้ผมก็ทนไม่ได้แล้ว อุณหภูมิสิบองศานิดๆ ทำให้ผมสั่นแทบตาย ยิ่งมีลมพัดด้วยยิ่งฆ่าผมได้ง่ายๆ เลย



ผมเดินเล่นอยู่บนเขาอีกสักพัก ฌาพกกล้องมาถ่ายรูปด้วย เขาถ่ายวิวต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ เพิ่งรู้ว่าฌาชอบถ่ายรูปก็วันนี้แหละ ปกติเห็นเขาจมอยู่กับหนังสืออย่างเดียว ผมเดินตามเขาไปบ้าง แวะหยุดดูวิวบ้าง ผมหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปวิวเล็กน้อยก่อนเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง ยกมือกอดตัวเองไว้กันหนาวดีกว่า



จนกระทั่งเดินจนรอบเขาแล้ว ฌาก็ชวนผมลงไปทานข้าวกลางวัน ผมตอบรับแทบทันทีเมื่อรู้สึกระคายคอเล็กน้อยจากการสูดหายใจเอาลมหนาวเข้าปากแทนเพราะแสบจมูก



ฌาชวนผมไปทานข้าวที่ Parnell Village บอกว่ารู้จักร้านอาหารไทยรสชาติใช้ได้อยู่ร้านนึง ผมพยักหน้าเออออตามเขาไปแม้จะไม่รู้ว่า Parnell Village คืออะไรก็เถอะ เราออกเดินทางจากที่นี่ไปถึงก็เที่ยงครึ่งพอดี ผมไม่เคยมาบริเวณนี้แต่อาคารหลังเล็กๆ ที่มีทั้งอาคารโมเดิร์นและแบบโบราณแทรกอยู่เรียงรายทำให้รู้ว่าเป็นย่านเมืองเก่า



ฌาเริ่มอธิบายว่าที่นี่เป็นย่านชุมชนแรกๆ ที่ตะวันตกเข้ามาอยู่อาศัย ทำให้มีสถาปัตยกรรมเก่าหลงเหลืออยู่ ผมพยักหน้าฟัง ระหว่างเดินทางไปยังร้านอาหารที่ฌาว่า ผมเดินชมเมืองไป ฟังฌาไป รู้สึกง่วงนอนแปลกๆ แต่ก็ยังเดินต่อไป อากาศวันนี้หนาวจริงๆ นั่นแหละ



ระหว่างทางฌาถ่ายรูปบ้าง ทำให้ผมยกมือถือมาถ่ายตามแบบกากๆ แม้จะเลียนแบบมุมกล้องจากเขาแล้วแต่ก็ยังออกมาบิดๆ เบี้ยวๆ น่าเกลียดอยู่ดี จนมาถึงร้านอาหารที่เขาว่า ผมถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เพราะในร้านเปิดฮีทเตอร์อุ่นๆ ทำให้ผมไม่ต้องทนหนาวอีก



ผมเอ่ยสั่งอาหารไปส่วนฌาก็พูดคุยกับเจ้าของร้านที่เป็นหญิงชาวไทยอย่างเป็นกันเอง คาดว่าคงรู้จักกันมาก่อนแล้ว ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เป็นอาหารไทยผสมกับฝรั่ง ไม่ได้เป็นรสชาติต้นตำรับแต่เป็นรสชาติแบบที่ฝรั่งน่าจะชอบกิน ผมว่ามันก็อร่อยดี ถึงจะไม่ค่อยชินกับรสแบบนี้ก็ตามแต่ก็กินจนอิ่ม



เรานั่งพักที่ร้านอาหารนี้อีกสักพัก ก่อนจะขอตัวออกมา ฌาพาผมเดินไปยังร้านช็อกโกแลตบูติคของที่นี่ เขาบอกว่าเป็นร้านดังขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลต ได้ยินอย่างนั้นผมก็ตาโตทันที ผมชอบกินช็อกโกแลต จึงมีแรงเดินจ้ำอย่างรวดเร็ว



หน้าร้านเป็นอาคารตะวันตกแบบเก่า มีตู้โทรศัพท์สีแดงที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดเด่นของร้าน ในร้านขายช็อกโกแลตมากมายจริงๆ และมีโต๊ะให้นั่งด้วย เราเลือกโต๊ะข้างในนั่งกันก่อนผมจะเดินไปสั่งช็อกโกแลตที่เคาท์เตอร์แทนฌา เพราะเขาไม่ได้อยากทานอะไรเป็นพิเศษ



ส่วนผมอยากกินไปหมด



ผมสั่งเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ กับอย่างอื่นอีกนิดหน่อย พร้อมโกโก้ร้อน ผมบังคับให้ฌากินด้วยกันเพราะกินคนเดียวไม่หมด ฌาก็ยอมช่วยผมกิน พอมีช็อกโกแล็ตตกลงท้อง ผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยจากอาการมึนๆ เมื่อครู่ เมื่อทานช็อกโกแลตจนหมด ผมเลยวิ่งไปดูแผงขายช็อกโกแลตอย่างตั้งใจ ว่าจะซื้อกลับไปฝากพี่ๆ แม่ และคนในบ้านอีก แต่ฌาขัดไว้ บอกค่อยมาซื้อตอนจะกลับ จะได้เก็บได้นานๆ ผมยอมเชื่อเขา เลยซื้อแค่ส่วนที่ตัวเองจะกินก็พอ



“ยังกับเด็ก” ฌาว่าเมื่อเห็นผมโกยช็อกโกแลตหลายถุงไปจ่ายเงิน



“อายุเท่ากันนั่นแหละ” ผมเถียงกลับและซื้ออมยิ้มราคาห้าสิบเซนให้ฌาด้วย



กะจะให้เขาหงุดหงิดที่ต้องมากินอะไรเด็กๆ แต่ฌารับไปอมเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร ผมกะจะแกล้งเขาสักหน่อย นึกว่าเขาจะเบ้หน้าไม่รับอมยิ้มหน้าตาตลกๆ นี่เสียอีก ฌาก็เด็กเหมือนกันนั่นแหละ



เราเดินเล่นที่นี่จนบ่ายสามครึ่ง ก่อนขึ้นรถบัสกลับที่พัก ผมนั่งข้างฌาก่อนจะเริ่มงัวเงีย รู้สึกตาร้อนหน้าร้อนไปหมด จึงหลับตาฟุบนิ่งๆ กอดถุงช็อกโกแลตในมือไป



“ไนล์...ไนล์...”



“...”



“ถึงแล้ว...ไนล์”



ผมได้ยินเสียงของฌาไกลๆ จนเขาสะกิดนั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าหลับไป ผมลืมตาตื่นแล้วรีบลุกขึ้นตามฌาลงรถเมื่อรถบัสจอด หลังจากลงจากรถ ผมเดินโงนเงนแปลกๆ จนฌาเข้ามาถามว่าเป็นอะไร ผมคิดว่าผมแค่เหนื่อยจึงส่ายหน้ากลับไป



จนสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ฝ่ามือฌาแตะลงมาที่หน้าผากผม



“เป็นไข้แล้ว...”



“มือฌาเย็นต่างหาก”



“รีบกลับห้องเถอะ เดี๋ยวต้มโจ๊กให้”



“...”



ไม่ได้ว่าขัดขืนหรือปฏิเสธอะไรอีก ปล่อยให้เขาเดินจูงมือไปตามทางพร้อมกับความมึนหัวที่เริ่มคุกคามหนักมากขึ้น ขอบตาผมร้อนผ่าว แสบจมูกไปหมด จากการเดินตากลมหนาวๆ ทั้งวัน ผมคงเป็นไข้จริงๆ อย่างที่เขาว่านั่นแหละ



จนกระทั่งเรากลับถึงห้อง ฌาบอกให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อนอน เช็ดหน้าเช็ดตา ส่วนเขาจะทำโจ๊กร้อนๆ ให้ ผมทำตามคำสั่งอย่างเชื่องช้า รู้สึกร่างกายหนักอึ้งไปหมดกว่าจะเปลี่ยนเสื้อได้ จนสุดท้ายก็มานอนแผ่อยู่บนเตียง ได้ยินเสียงฌาดุแว่วๆ บอกว่าผมใส่เสื้อบางไป แต่ผมไม่มีแรงขยับแล้ว



ผมรู้สึกว่ามีคนมาช้อนตัวผมขึ้น จับแขนผมยัดใส่ช่องอะไรสักอย่างสองข้าง ก่อนจะเอาคลุมหัว ผมถึงได้รู้ว่าฌากำลังพยายามสวมเสื้อให้ผมอีกชั้น พร้อมกับมีผ้าพันคออุ่นๆ พันรอบคอผมอีกรอบ ผมพยายามลืมตาแต่ภาพตรงหน้าก็เบลอเหลือเกินจึงหลับตาต่อไป



“ตื่นก่อน กินข้าวจะได้กินยา”



ฌาพยายามปลุกผม พร้อมกับจับให้ผมนั่งพิงหัวเตียง ไม่นานผมก็ได้กลิ่นโจ๊กหอมๆ ลอยมาจึงเปิดตามาดู



“กินเองได้มั้ย หรือจะให้ป้อน”



“กินเองได้” ผมบอกเขา เสียงแหบแห้ง หวัดเริ่มเล่นงานผมแล้ว



ผมตักโจ๊กมาเป่าฟู่ๆ ให้มันหายร้อนก่อนเอาเข้าปากทีละคำ ทำแบบนี้ไปจนหมดถ้วย ฌายกน้ำอุ่นมาให้ผมจิบ ทำให้ค่อยลื่นคอหน่อย แต่ก็รู้สึกแสบคออยู่ดี หลังจากทานยาเสร็จ ผมไอแค่กๆ เพื่อคลายความระคายคอเล็กน้อย แต่นั่นทำให้ฌามุ่นคิ้วหนักกว่าเดิม



“อยากดื่มโกโก้...” ผมบอกเขา อุตสาห์ซื้อผงโกโก้จากร้านช็อกโกแลตบูติคมาเพื่อชงกินวันนี้ทั้งที



ฌาหัวเราะหึ ก่อนลุกไป ผมได้ยินเสียงล้างจานแล้วเสียงกาต้มน้ำ ทำให้มีความหวังว่าจะได้ดื่มโกโก้ร้อนๆ จึงพยายามถ่างตารอฌากลับมา



เจ้าของห้องกลับมาพร้อมแก้วโกโก้จริงๆ ด้วย ในนั้นมีมาชเมลโล่อยู่ในแก้วสองก้อน ผมอมยิ้มไม่หยุดก่อนดื่มมันทีละนิด เสียดายนิดหน่อยที่ถ้าได้ดื่มตอนไม่ได้ป่วยน่าจะอร่อยกว่านี้ แต่เดี๋ยวผมพักเยอะๆ ก็หายหวัดหายไข้แล้ว เพราะงั้นเลยไม่เป็นกังวล



ผมดื่มจนหมดแก้วฌาถึงค่อยลุกเอาแก้วไปล้างให้ รู้สึกตัวเองเป็นง่อย แต่ผมป่วยนี่ เพราะงั้นคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงฌาก็ไม่ยอมให้ผมล้างแก้วล้างจานอยู่แล้ว คิดเรื่องเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มง่วงเพราะฤทธิ์ยาขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ไถลงไปนอนแนวราบ กอดผ้าห่มอุ่นๆ แล้วหลับไป...











ผมสะดุ้งตื่นมาตอนกลางดึก ไฟในห้องยังสว่างอยู่ทำให้รู้ว่าฌายังไม่นอน แต่ผมเริ่มหนาวจึงได้แต่ขยับตัวยุกยิกอยู่ในผ้าห่ม ผมไม่อยากให้ฌามานอนด้วยกันเหมือนคืนก่อนๆ เพราะกลัวว่าเขาจะติดหวัด แต่อีกใจก็อยากได้ไออุ่นจากเขาเพื่อคลายหนาว เป็นความย้อนแย้งที่สรุปคำตอบให้ตัวเองไม่ได้



“หนาว...” สุดท้ายผมก็ได้แต่เอ่ยความในใจบอกฌาไป บอกเขาแค่หนาว ฌาจะทำยังไงก็แล้วแต่ ปล่อยให้เขาตัดสินใจไปคนเดียว



“ตื่นแล้วหรือ” เขาส่งเสียงขึ้น ผมขยับตัวยุกยิกอยู่ในผ้าห่มให้เป็นคำตอบ และตามคาด ฌาขึ้นมาบนเตียง แง้มผ้าห่มออกก่อนเอื้อมมือมาแตะหน้าผากผม ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนช้อนมองเจ้าของห้อง



“หนาวเหรอ”



ผมพยักหน้า หดตัวมากกว่าเดิม หนาว แต่ในร่างกายกลับร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด อาการของคนเป็นไข้ทั่วไป แต่ผมกลับอยากร้องไห้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถ้าอยู่ที่ไทยคงมีคนมาดูแลผมรอบห้อง แต่ตอนนี้กลับมีเพียงฌา คนที่ผมเพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงเดือน



“หิวน้ำไหม”



ผมส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้า เวลาป่วยใครๆ ก็ล้วนอ่อนแอทั้งนั้น ผมคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่กับพ่อ คิดถึงพี่ๆ ผมห่อตัวมากกว่าเดิม อยากมีใครสักคนให้อ้อน คอยลูบหัวเบาๆ อยู่เป็นเพื่อนก่อนนอน



ฌาลุกออกไป ผมใจหวิวกว่าเดิม น้ำตาที่คลออยู่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทว่าไฟในห้องกลับมืด พร้อมกับปลายเตียงที่ยวบลงไปอีกครั้ง ผมถึงรู้ว่าฌาลุกไปปิดไฟ



“ร้องไห้ทำไม”



ผมส่ายหน้า นึกว่าเขารำคาญแล้ว



ฌาสอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม ขยับมานอนข้างๆ ผมมากกว่าปกติ ผมเห็นอย่างนั้นเลยขยับตัวไปซุกเขาบ้าง ตัวฌาอุ่นและผมชอบไออุ่นจากตัวเขา มันทำให้สบายใจเหมือนฌาเป็นพี่ชายอีกคน



“เด็กน้อยจริงๆ”



ผมได้ยินฌาว่าอย่างนั้น จึงงึมงำตอบกลับไป “เด็กกว่าแค่ไม่กี่ปีเอง”



ฌาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่สุดท้ายผมก็ผล็อยหลับไปเมื่อได้รับความอุ่นที่มากเพียงพอ รวมถึงสัมผัสจางๆ คอยลูบหัวผมกล่อมให้หลับสบาย...











รุ่งเช้ามาถึง ผมตื่นมาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ร่างกายไม่หนักเหมือนเมื่อคืนแล้ว ทว่าพอลองขยับตัวแขนขาถึงรู้ว่าผมนอนอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของฌา ผมตกใจเบิกตาโพลงแต่ไม่กล้าขยับตัวมากกว่านี้ กลัวฌาจะตื่น เลยค่อยๆ เงยหน้าไปมองเจ้าของอ้อมกอดแทน



ฌายังหลับตาอยู่ ขนตายาวเรียงเป็นแพสวย ใบหน้าหล่อเหลาหมดจดทำให้รู้สึกเหมือนจ้องรูปปั้นอยู่อย่างนั้น ทว่ามีไรหนวดจางๆ ขึ้นที่คางและแรงกระเพื่อมที่หน้าอกขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆ จึงทำให้ตระหนักได้ว่าคนๆ นี้ยังเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา ผมเผลอจ้องเขานานไปหน่อยจนรู้สึกว่าฌาเริ่มมุ่นคิ้ว ก่อนเริ่มเปิดเปลือกตาช้าๆ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมาทางผมแวบนึงก่อนหันไปจ้องเพดาน กระพริบตาสองสามที เดาว่าฌาคงกำลังสะลึมสะลืออยู่



และไม่นาน เจ้าของเครื่องหน้าราวรูปปั้นก็ขยับตัว ชันตัวไปพิงหัวเตียง เอื้อมมือมาแตะหน้าผากผม ผมยังครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ถึงพลังหมดแบบเมื่อวานแล้ว



“ดีขึ้นรึยัง”



เพราะงั้นตอนเขาถามคำถามนี้ขึ้นมาผมถึงพยักหน้าตอบ



“เดี๋ยวไปทำข้าวเช้าให้”



“...” ผมอ้าปากตั้งใจจะพูดออกมาทว่าเสียงหาย จึงกระแอมสองสามครั้งก่อนเอ่ยบอกฌาเสียงแหบแห้ง



“ไม่เอาโจ๊ก”



ฌายกยิ้มอีกแล้ว “อยากกินอะไร”



“แค่กๆ อะไรอุ่นๆ...”



“ซุปข้าวโพดไหม”



ผมเงียบไปพักนึงก่อนพยักหน้า ฌาบอกว่าเป็นซุปข้าวโพดกระป๋อง ผมเคยเห็นยี่ห้อนี้ในตู้เย็นของฌา ยี่ห้อนี้รสชาติไม่เลว จึงพยักหน้ารับอีกครั้ง ฌาส่งเสียงอืมตอบก่อนลุกไปจากเตียง ส่วนผมก็รีบนอนทับไออุ่นของฌาทันที



“หึ เด็กน้อย”



“ไม่เด็กสักหน่อย” ผมเถียง



“เมื่อคืนบอกเด็กกว่าไม่กี่ปี”



“...”



ผมเงียบ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีเรื่องแบบนั้น ตอนนั้นผมต้องเบลอมากแน่ๆ เลยถึงได้เผลอหลุดปากออกไป ตอนเจอฌาครั้งแรก ผมชิงถามอายุฌาก่อน ก่อนจะบอกว่าตัวเองอายุเท่ากัน เพราะคิดว่าอายุเท่ากันน่าจะสนิทกันได้เร็วกว่า รวมถึงผมขี้เกียจเรียกเขาว่าพี่...



ความจริงคือฌาแก่กว่าผมสี่ปี ผมเพิ่งเรียนจบป.ตรี ส่วนฌากำลังเรียนป.โท ผมส่งสายตาล่อกแล่กให้เมื่อพูดอะไรไม่ออก คนตรงหน้ายกยิ้มเมื่อเห็นสภาพจนตรอกของผมอีกครั้ง



“ว่าไง ยังมีเรื่องอะไรที่โกหกพี่อีกไหม”



“...ไม่มีแล้ว”



ผมบอกเขา หลุบตาลงต่ำ เจ้าของห้องส่งเสียงหัวเราะหึๆ ออกมาก่อนเอ่ย



“โกหก”






❄ ❄ ❄ ❄ ❄ ❄





เอาน้องแกะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ

ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน มีความสุขมากๆ นะคะ

ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้น้า



ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไนล์หนีออกจากบ้านมาหรือไง
แล้วน้องแกะจะโกหกอะไรพี่ฌาอีกนะ
คงไม่มีเรื่องร้าย หรือใหญ่โตนะน้องไนล์

ฌาดูขำน่ะ เหมือนเลี้ยงเด็ก ดูเอ็นดู

________

สวัสดีปีใหม่จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เอ็นดูเด็กเลี้ยงแกะคนนี้เหลือเกินนน 5555
ค่อยๆหลุดทีละนิดเนอะไนล์ ~ พี่ฌาคือดีมากกก /////

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ็นดู น้องไนล์น่ารักกก ทำไมเรามโนภาพน้องเขาเป็นตัวก้อนๆก็ไม่รู้ :-[

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทำไมรู้สึกว่าฌาคือมหาป่าที่สวมหนังมนุษย์กำลังหลอกแกะนับกินยังไงไม่รู้แฮะ :hao7:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอ็นดูไนล์
อยากได้พี่ฌา :-[

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ป่วยแล้วโป๊ะเหรอจ๊ะน้องแกะ 55555
น้องไนล์น่าร้ากกก คุณฌาเหมือนเลี้ยงเด็ก เอ็นดู
ตอนหน้าจะโกหกอะไรอีก รอชมมม

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2

Lies 3: Perfect Strangers





 วันนี้ฌาไม่ออกไปไหน เฝ้าไข้อยู่ในห้องเป็นเพื่อนผมทั้งวัน ส่วนผมแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังนอนเป็นผักเปื่อยๆ อยู่บนเตียง ผมอ่านหนังสือนวนิยายเล่มนั้นต่อก่อนจะเริ่มเบื่อ มองไปยังปลายเตียงเห็นฌากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา มีแล็ปท็อปวางอยู่บนตัก เหมือนกำลังพิมพ์อะไรบางอย่าง คงเป็นวิจัยป.โทของเขาเหมือนทุกที



ผมวางหนังสือของฌาไว้ข้างๆ ตัวก่อนลุกออกจากเตียงไปหาฌา อันที่จริงผมไปหยิบไอแพดตัวเองที่ชาร์จไว้ จะเอามาดูซีรี่ย์แก้เบื่อแทน ทว่าพอเห็นหน้าจอแล็ปท็อปของฌาฉายซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones แล้วจึงเปลี่ยนความคิด



“ฌาดูเกมออฟโทรนเหรอ”



“อืม ค้างไว้ตั้งแต่ซีซั่นสี่ ”



“เอามาดูบนเตียงมั้ย จะได้นอนดูสบายๆ”



“...”



“...ผมจะได้นอนดูด้วย” ผมบอกความจริง ซีรี่ย์ที่ผมดูมันจบแล้ว ผมขี้เกียจหาเรื่องใหม่มาดูเพราะผมเรื่องมาก กว่าจะเจอเรื่องที่ถูกจริตแต่ละเรื่องบางทีก็ปาไปเป็นวัน เลยคิดว่าดูเกมออฟโทรนอีกรอบก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ผมเริ่มลืมตอนเก่าๆ ไปแล้วด้วย



ฌาหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบตกลง ผมยิ้มแฉ่งให้ หยิบไอแพดตัวเองมาเผื่อไว้ก่อนปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง ฌาตามมาทีหลังพร้อมกับแล็ปท็อปในมือ เราพิงหัวเตียงข้างกัน ผมรอให้ฌากดเล่นซีรี่ย์ต่อ ฌาถอดหูฟังที่เสียบอยู่ออกก่อน กดปุ่มเล่น และเราก็ได้นั่งดูมันไปด้วยกัน ฌาใจดีเหมือนพี่ชายผมเอามากๆ ทำให้ผมดีใจที่เขายอมตามใจผม



ฌาดูแบบไม่มีซับไทย แต่ผมไม่ได้มีสกิลขนาดนั้น สำเนียงบริติชในซีรี่ย์ทำให้ผมจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคำศัพท์ก็ไม่คุ้นหู ผมเคยชินกับสำเนียงอเมริกันมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหามาก เพราะผมเคยดูมาก่อนแล้ว



ผมเหลือบมองฌาเป็นระยะๆ เพราะเริ่มจำได้แล้วว่าฉากนี้เป็นยังไง พอเห็นฌามุ่นคิ้วเครียดเลยมีความคิดอยากแกล้งเขาขึ้นมา เลยเอ่ยตัดกับเสียงในจอไปว่า



“เดี๋ยวเด็กคนนี้ตาย”



“...”



ฌาหันมาถลึงตาใส่ผม ส่วนผมหลุดขำพรืด รีบบอกล้อเล่นก่อนที่เขาจะบีบคอผมตายหรือไม่ก็ไล่ให้ผมไปนอนนอกห้อง



“เดี๋ยวเถอะ ถ้าดูแล้วก็อย่าสปอย”



“ไม่สปอยๆ เมื่อกี้ล้อเล่นจริงๆ” ผมว่าพร้อมกลั้นขำ ปล่อยให้เขาดูซีรี่ย์ต่อไป ส่วนตัวเองก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง ผมเริ่มเปิดไอแพดมาเล่นเกมที่ค้างไว้ เบื่อๆ ก็หันไปดูซีรี่ย์กับฌา



พอฌารู้ว่าผมเด็กกว่าก็เปลี่ยนสรรพนามใช้เรียกตัวเองว่าพี่แทนผม ผมว่ามันทำให้ดูใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมเลยไม่ได้ร้องทักหรือแซวอะไร ผมมีพี่ชายอยู่ที่ไทยสองคน อายุห่างกับพี่คนกลางเจ็ดปี ห่างกับพี่คนโตสิบปี ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เรียกพวกเขาว่าพี่เลยสักครั้ง พวกพี่ๆ เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ยังบอกว่าดีเสียอีก จะได้ดูใกล้ชิดกัน แต่ส่วนใหญ่สำหรับคนนอกครอบครัวแล้ว ผมก็เรียกคนที่แก่กว่าว่าพี่อยู่ดี คิดว่าคงไม่ทุกคนที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้



ดังนั้น พอผมบอกฌาไปแล้วว่าต่อให้ผมเด็กกว่าแต่ผมจะเรียกเขาว่าฌาเหมือนเดิม ฌาไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่ได้ซีเรียส อยู่ที่นี่ก็เรียกชื่อทุกคนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้ถือพี่ถือน้องแบบประเทศไทย และนั่นทำให้ผมพึงพอใจมาก



ตอนกลางวันฌาทำข้าวต้มปลาให้ผมกิน มันอร่อยเสียจนผมทานหมดหม้อ ทั้งยังมีโกโก้อุ่นๆ ที่ฌาชงให้ปิดท้ายอีกด้วย พอกินอิ่ม กินยาเสร็จผมก็เริ่มง่วง เรากลับมานอนขลุกอยู่บนเตียงด้วยกันเหมือนเมื่อเช้า แต่ผมผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้



 ผมหลับไปประมาณสองชั่วโมง ตื่นมาตอนบ่ายสามแล้วรู้สึกอืดท้องนิดหน่อยเพราะกินจนพุงกางเสร็จก็นอนทันที ครั้งนี้พอผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าดีขึ้นมากจนเกือบจะหายไข้แล้ว เหงื่อผมออกเต็มตัวจนเสื้อชื้น จึงตัดสินใจว่าจะอาบน้ำ เมื่อวานหลังจากกลับมาจาก Parnell village ผมก็ป่วยทันที ไม่ทันได้อาบน้ำเช็ดตัวก็สลบ หลับไปทั้งอย่างนั้น เลยกลายเป็นดองเค็มตัวเองมาเป็นวัน



แม้ว่าที่นี่จะอากาศดีไม่ร้อนอบอ้าวให้เหงื่อออกจนต้องอาบน้ำทุกเช้าเย็นเหมือนไทยก็ตาม ฌาบอกว่าคนที่นี่ไม่นิยมอาบน้ำบ่อย แต่ผมก็ชินกับการอาบน้ำทุกวันอยู่ดี ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้อาบน้ำตอนเช้า แต่จะอาบทุกเย็นแทน



วันนี้เหงื่อออกเต็มตัวจนรู้สึกเหนอะหนะ เลยว่าจะอาบน้ำเร็วกว่าปกติ ยังไงผมก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว หลังจากผมตื่นก็เจอฌาชงกาแฟอยู่ที่ครัว ผมเลยบอกเขาว่าจะอาบน้ำ ฌาพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมจึงเดินเข้าห้องน้ำไป



ผมใช้เวลาในการอาบน้ำสักพัก พอได้ชำระล้างคราบเหงื่อไคลแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดก่อนนึกขึ้นได้ว่าผมลืมเอาชุดเข้ามาเปลี่ยน ถ้าเป็นปกติผมสวมชุดนอนตัวเดิมก็ได้ แต่ตัวนี้ชุ่มเหงื่อผมจนเหม็นไปหมดแล้ว ผมจึงแง้มประตูห้องน้ำออก หวังว่าจะรบกวนให้ฌาหยิบชุดใหม่มาให้



ทว่าพอผมเปิดออกไปได้นิดเดียวกลับสบตาคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง



“ชิท! นั่นไง ว่าแล้วเชียว นายซ่อนคู่นอนไว้จริงๆ ด้วย!”



“ไม่ใช่แล้ว หมอนั่นเป็นรูมเมท!”



“รูมเมท? รูมเมท!? อย่ามาทำให้ขำ นายไม่มีรูมเมทมาเป็นปีแล้วพวก”



“ก็เพิ่งมีนี่ไง”



“โถ่ ไม่ต้องอายหรอก จะมีเซ็กซ์เฟรนด์ฉันก็ไม่ได้ว่าเสียหน่อย ไม่ได้แคร์ด้วยถ้านายจะมีรสนิยมชอบผู้ชาย”



“กุสตัฟ ออกจากห้องฉันไปเลย”



“เฮ้ๆ ล้อเล่นหรอก โอเค รูมเมทก็ได้ แล้วนี่คือสาเหตุที่นายเบี้ยวนัดฉันวันนี้สินะ”



“ใช่”



ผมตกใจรีบงับประตูหนีทันทีที่เห็นหน้าคนแปลกหน้า แต่ยังได้ยินเสียงทั้งสองคนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษจึงแอบฟังอยู่หลังประตูเงียบๆ ตอนผมอาบน้ำประตูปิดสนิท เสียงน้ำดังกลบเสียงข้างนอกทำให้ไม่รู้ว่ามีคนเข้ามา ผมแอบฟังอีกสักพักจนความหนาวเริ่มเข้าซึมสู่ร่างกายทำให้รู้ตัวว่าตัวเองมีแค่พันขนหนูพันเอวอย่างเดียว จึงแอบแง้มประตูอีกครั้งเพื่อบอกฌา



“เอ่อ...ฌา ผมลืมเอาเสื้อเข้ามาด้วย...เอ่อ จริงๆ ใส่ตัวเก่าก่อนก็ได้”



ผมว่าจะขอความช่วยเหลือก่อนคิดได้ว่าฌาน่าจะยุ่งเพราะมีแขกอยู่ข้างนอก ทำให้รีบเสนอทางออกให้ตัวเอง จะได้ไม่รบกวนฌา



“รออยู่ในนั้นแหละเดี๋ยวไปเอาให้”



“ส่วนนาย ไปนั่งดีๆ”



ประโยคแรกฌาบอกกับเขา ส่วนประโยคภาษาอังกฤษคงบอกกับคนแปลกหน้าในห้อง



ผมรับเสื้อตัวใหม่จากฌามาใส่ก่อนออกจากห้องน้ำด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เอ่ยสวัสดีคนในห้องเสียงเบา คนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนฌาไว้เคราดกดำ ผิวขาวเหลือง เบ้าตาลึกดวงตาสองชั้น จมูกพุ่งเป็นสัน คิ้วหนา เซ็ตผมสีดำขึ้นเรียบร้อย ร่างกายดูบึกบึนใหญ่โต ดูไม่เหมือนคนที่นี่เลยสักนิด ก่อนที่ฌาจะแนะนำให้รู้จัก



“ไนล์นี่เพื่อนพี่ ชื่อกุสตัฟ เป็นคนโคลัมเบีย เรียนที่เดียวกัน”



“ส่วนนาย นี่รูมเมทคนใหม่ ชื่อไนล์ คนไทย”



“โอเค ยินดีทีได้รู้จัก” เจ้าของชื่อกุสตัฟหันมาหาผมก่อนยื่นมือมาให้จับ ผมตกใจที่จู่ๆ เขาก็เสียงดังขึ้นมา เลยมีท่าทีอึกอักก่อนยื่นมือไปจับมือเพื่อนใหม่



“รูมเมทนายฟังภาษาอังกฤษไม่ได้เหรอ”



“...อ่า..ก็...นะ”




ฌาทำท่าจะตอบเขาไปตามความจริง แต่พอเห็นผมส่ายหัวเลยบอกแบบกลางๆ แทน ผมไม่ได้อยากโกหกเขานะ แต่แค่ไม่อยากคุยกับใครก็เท่านั้นเอง



หลังจากนั้นผมก็ขอตัวเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้กุสตัฟกับฌาอยู่ด้วยกันที่ห้องทานข้าว



ผมนั่งงงอยู่บนเตียงสักพักก่อนคิดว่าหาอะไรทำให้สงบจิตสงบใจดีกว่า ตอนแรกผมตกใจที่จู่ๆ ก็มีเพื่อนฌาอยู่ในห้อง แต่หลังจากหนีเข้ามาอยู่อีกห้องแล้วถึงได้เลิกเกร็ง นอนกลิ้งเล่นไอแพดอยู่บนเตียงเช่นเดิม จวบจนเวลาผ่านไปสักพักผมถึงเห็นฌาเปิดประตูห้องมา ก่อนเอ่ยถามผม



“ตอนเย็นกินพิซซ่าโดมิโน่มั้ย”



“...หือ”



“กินได้มั้ย ถ้ายังเจ็บคออยู่เดี๋ยวทำอย่างอื่นให้”



“กินได้ เอาหน้าฮาวาเอี้ยนนะ”



“อืม รอสักหกโมง เดี๋ยวกุสตัฟไปซื้อมาให้”



“ไม่สั่งในเนตเอาเหรอ”



“มันอยากออกไปซื้อมาให้ก็ปล่อยมันไปเถอะ”



ผมพยักหน้ารับ ตั้งแต่มาที่นี่ผมได้กินพิซซ่าโดมิโน่แค่ครั้งเดียว เลยคิดว่าฌาน่าจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ถึงไม่ค่อยซื้อมาให้กิน แต่ครั้งนี้คงเพราะมีเพื่อนมาด้วยถึงได้ตกลงกันเช่นนั้น ผมพยายามไม่เรื่องมาก แม้จะแอบอยากกินซุปร้อนๆ ที่ฌาทำมากกว่านิดหน่อย



“Hey Charles”



“อะไรอีกล่ะ”



“กุญแจรถอยู่ไหนนะ”



“บอกไปแล้วไงว่าอยู่ในตะกร้าหน้าห้อง”



“ในนี้มันมีแต่กุญแจอะไรไม่รู้ ฉันจะรู้มั้ยเล่าอันไหนกุญแจรถนาย”



“อันสีน้ำเงิน!”



“Ok, I found it”



จบเสียงโหวกเหวกข้างนอกผมเห็นฌาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนหันมาจ้องผมที่กะพริบตาปริบๆ



“ดื่มโกโก้มั้ย”



“ฌามีรถเหรอ”



“...”



“ไหนว่าไม่มีเงินไง”



“บอกตอนไหน”



“ก็หารูมเมทไม่ใช่ว่าไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเหรอ”



“เคยบอกเหรอ”



“...ไม่เคย”



“หึ มีรถมอเตอร์ไซค์ ซื้อมือสองไว้ตั้งแต่เข้ามหาลัย”



“ไม่เห็นรู้เลย”



“จอดไว้อยู่หน้าทางเข้านั่นไง วันไหนนายไม่ได้ไปด้วยก็เอามาใช้”



“...แล้วทำไมต้องหารูมเมท...”



“มีคนหารค่าห้องก็ดีกว่าจ่ายเต็มราคาไม่ใช่หรือไง”



“...”



“ว่าไง สงสัยตรงไหนอีก”



ผมยู่หน้า ไม่ตอบเขาแล้วเพราะเถียงไม่ได้ เดิมคิดว่าฌาไม่ได้มีเงินมากมายอะไรถึงได้ยอมรับข้อเสนอของผม แถมยังทำงานพาร์ทไทม์อีก แต่ปรากฏว่าเป็นเพราะฌาแค่หาทางประหยัดก็เท่านั้น อันที่จริงผมน่าจะรู้อยู่แล้ว คนที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรูๆ คนเดียวได้ตั้งนานเนี่ยไม่น่าจะไม่มีเงินหรอก



แค่ไม่คิดว่าจะมีรถใช้ด้วย



“ทำไมไม่ให้ผมซ้อนท้ายไปอ่ะ”



“มีหมวกนิรภัยแค่ใบเดียว อีกอย่าง...อยากให้รู้ว่าต้องขึ้นรถบัสยังไง เวลาหลงจะได้กลับถูก”



“...”



ผมเถียงฌาไม่ได้อีกแล้ว เลยเปลี่ยนเรื่องแทน



“ยังมีอีก”



“อะไร” ฌาทำหน้าเหนื่อยหน่าย เหมือนต้องการจะบอกว่าแค่เข้ามาถามว่าจะกินพิซซ่าไหมแค่นั้น ทำไมต้องมาโดนผมต้อนถามอะไรแบบนี้ด้วย อย่างไรอย่างนั้น



“ทำไมเพื่อนเรียกชาร์ล”



เขาถอนหายใจ เงียบไปสักพักก่อนเอ่ย “...ในคลาสเคยมีคนชื่อชาช่า เพื่อนเลยเรียกพี่ว่าชาร์ลจะได้ไม่ซ้ำ”



“อ้อ”



ผมว่าแค่นั้นก่อนเงียบ จ้องหน้าฌาแบบไม่มีอะไรให้เถียงแล้วถึงมุดหน้าหนีไปเล่นเกมต่อ ฌาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก เพียงแค่เข้ามาในห้องก่อนหยิบแล็ปท็อปที่โซฟาเบดมาเปิด แต่ผมเห็นนะว่าเขาแอบลอบยิ้มอ่ะ



ตอนนี้เกือบห้าโมง ฌาบอกว่ากว่าพิซซ่าจะมาก็หกโมง ผมจึงได้แต่นั่งเงียบๆ รอข้าวเย็น ระหว่างนั้นก็เหลือบมองฌาเป็นระยะ



“มองอะไร”



ผมสะดุ้งเมื่อถูกจับได้ สุดท้ายก็ยอมพูดกับเขา



“ฌามีเพื่อนหลายประเทศเหรอ”



“อืม โอ๊คแลนด์เป็นเมืองการศึกษา มีแต่ชาวต่างชาติเต็มไปหมดนายก็เห็น”



“อื้ม”



“ในคลาสที่เคยเรียนปรับภาษามีกุสตัฟที่เป็นคนโคลัมเบีย มีคนเกาหลี ชิลี อาร์เจนติน่า บราซิล อินเดีย เวียดนาม อินโดเนเซีย”



“โห เกือบทุกทวีปแล้วนั่นน่ะ” ผมเอ่ยบอกเขาเมื่อรับรู้จำนวนชนชาติในห้องเรียนหนึ่ง



“ใช่ หลากหลายมาก แต่ก็สนุกดี แต่ในมหาลัยส่วนใหญ่ก็เป็นคนกีวี่กัน” คนกีวี่ที่ฌาว่าหมายถึงคนที่นี่ ชาวนิวซีแลนด์เรียกแทนตัวเองว่าเป็นคนกีวี่ เขาเคยเล่าให้ผมฟังแล้ว



“แล้วสนิทกับกุสตัฟที่สุดเหรอ”



“อืม เคยเจอหมอนั่นที่เรียนพิเศษเสริมภาษาด้วยกัน มาเรียนต่อโทเหมือนกันแถมอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกันด้วย”



“ผมไม่เห็นเคยเจอ”



“ก็เล่นเอาแต่นอนอยู่ในห้อง จะไปเจอใครตอนไหนล่ะ”



ผมเงียบ จริงอย่างที่ฌาว่าอีกแล้ว ผมไม่เถียงอะไรแล้วก็ได้



ไม่นานกุสตัฟก็มาพร้อมพิซซ่าห้าถาดและโค้กอีกสองขวดในเวลาหกโมงเศษ ฌาบอกว่าที่กุสตัฟยอมออกไปซื้อพิซซ่าเข้ามาให้เพราะจะออกไปซื้อของข้างนอกด้วย เลยกลับมาช้าเล็กน้อย ผมไม่แปลกใจอะไรที่เขาขนถาดพิซซ่ามาเยอะแยะมากมาย เพราะปกติคนที่นี่กินกันคนละสองถาด ส่วนของผมกินได้แค่ถาดเดียวก็อิ่มแล้ว เราตั้งวงกินพิซซ่ากันที่ห้องครัว แต่เพราะชุดเก้าอี้กับโต๊ะทานข้าวบรรจุได้แค่สองคน และเนื้อที่แคบ เราเลยนั่งกินบนพื้นแทน



“แล้ว...ไปเจอรูมเมทคนนี้ได้ยังไง” เมื่อเราเริ่มกินกันได้สักพัก เพื่อนใหม่ก็เริ่มพูดขึ้น



“เก็บมา”



“ฟัก เอาความจริง”



“นี่ก็ความจริง”



“...”



“ฉันเจอเขาเดินหลงทางเลยชวนมาพักด้วย แล้วพวกเราค่อยทำสัญญาตกลงกัน แค่นั้น”



“...”



คราวนี้กุสตัฟไม่ได้ตอบอะไร แต่ถลึงตาใส่ฌาอย่างไม่คิดจะเชื่อ แต่เชื่อเถอะ นั่นคือเรื่องจริง... เพียงแต่ผมที่ทำเป็นคนฟังภาษาอังกฤษไม่ออกเลยได้แต่นั่งเงียบเป็นผู้ฟังแทน



“อย่ามาทำให้ขำหน่อยเลย มีใครที่ไหนเขารับคนแปลกหน้ามาเป็นรูมเมทง่ายๆ แบบนี้บ้าง เดี๋ยวฉันต้องเค้นความจริงจากนายแน่”



“เอาเถอะ”



“แล้ว...เขามาทำอะไรล่ะ รูมเมทนาย เขาชื่ออะไรนะ นีล?”



“ไนล์ ไม่รู้สิ น่าจะมาพักผ่อน”



“เฮ้ นายไม่รู้เรื่องคนอาศัยร่วมห้องเดียวกันเรอะ”



“ฉันรู้เท่าที่ฉันควรรู้ ทำไมนายไม่หุบปากแล้วกินดีๆ”



“ช่างสิ ฉันอยากคุยกับนาย เขามาพักผ่อนแล้วได้ไปเที่ยวที่ไหนรึยัง นายได้แนะนำร้านอาหารโคลัมเบียของฉันไปบ้างมั้ย ลองให้เขามาดูสิรับรองว่าเขาจะต้องชอบแน่ หรือบางทีนายก็ควรพาเขามาที่ร้านฉันนะ”



“ไว้ค่อยถามว่าเขาอยากกินมั้ย”



“แล้วเขาได้เที่ยวรอบเมืองหรือยัง ฉันแนะนำตลาดมือสองช่วงเช้าที่ Takapuna beach นะ”



“ยัง เขาเอาแต่นอนอยู่ในห้อง แต่เมื่อวานเพิ่งพาไป Mount Eden”



“เฮ้ นายว่าอะไรนะ Mount Eden? บัดซบ นั่นโคตรจะเชยเลยแถมอยู่ใกล้ที่นี่จะตายชัก ทำไมไม่พาเขาไปที่ไกลๆ ล่ะ Devonport? Hobbiton? Mission bay? Shakespear park? หรือไป Domain ก็ยังดี โอ้ให้ตาย เขามาตั้งไกลแต่นายดันพาไปแค่ Mount Eden เนี่ยนะ”



“ทำไม? เริ่มต้นได้ดีออก อันที่จริงไป Parnell Village ด้วย”



“นั่นก็ไม่ได้ต่างกันเลยพวก พาเขาไปเปิดหูเปิดตาที่ไกลๆ ดูบ้างสิ อย่าบอกนะว่านายพาไปแค่นี้กับแถว Queen Street”



“เสียใจที่ต้องบอกว่าใช่ ฉันไม่ใช่ไกด์นำเที่ยวของเขาเสียหน่อย ฉันแค่เป็นรูมเมทของเขาก็เท่านั้น”



“โถ่ ชาร์ล ทำไมนายไม่มีน้ำใจให้เพื่อนร่วมชาติบ้างเลยล่ะ ไม่เอาน่า”



“...ถ้านายหุบปากฉันสัญญาว่าจะพาเขาไปตามที่นายบอก โอเคมั้ย”



“ให้มันได้อย่างนี้”



ผมฟังพวกเขาคุยกันแล้วแอบขำ อยากจะหัวเราะออกมาตรงๆ หรือแสดงความสนใจชื่อสถานที่ที่ไม่คุ้นหูบ้าง เสียแต่ผมต้องทำเป็นฟังไม่ออก นั่งกินพิซซ่างกๆ อยู่คนเดียวพร้อมกับซดน้ำโค้กเงียบๆ



ก่อนลืมไปว่าเจ็บคอ...



ให้ตายเถอะ ผมจะหายหวัดใช่ไหม...







                                                                           
❄ ❄ ❄ ❄ ❄ ❄



ให้ทายว่าคนพี่ขี้โกหกมั้ย...



ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราว่าต่างคนก็ต่างโกหก ไม่สิ เรียกว่าปกปิดความจริงดีกว่า 555

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เด็กเลี้ยงแกะไม่น่ามีแค่คนเดียวแล้วสิ 55555

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
คือผมไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องพวกโลเคชั่นต่างประเทศ
เหตุผลคือ (กลัวไม่อิน) ฮ่าๆ
แต่พอลองอ่านตอนแรกจบ แบบเฮ้ย! อ่านแล้วรู้สึกสนุกดีแฮะ
เหมือนผู้อ่านก็ได้เล่นเกมจับผิดคนด้วย
ลุ้นด้วยว่าแต่ละตอนใครจะโกหกเรื่องไรอีก
คนแต่งเขียนได้น่าติดตามด้วย

รออ่านตอนต่อไปนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด