Not to be unlocked : Episode 5 : ขอบคุณนะ
" เออ เดี๋ยวไปช่วย " คำพูดของคนที่ผมเจอในห้องน้ำเมื่อประมาณห้านาทีที่แล้วพูดทิ้งทวนไว้ ก่อนที่เราทั้งคู่จะแยกกันตรงใต้ตึกสิบหก ใครเป็นคนพูดน่ะเหรอครับ ? มันนั่นแหละ..
คือหลังจากเคลียร์เรื่องที่ค้างคาใจกันมานานนับพันปีเสร็จสิ้น ผมก็ขอตัวมาคัดบทลงโทษมหาโหดต่อในทันที (ซึ่งมันก็รู้ดีว่าคืออะไร) แต่เมื่อเฟิร์สได้ยินประโยคนั้นกลับมีน้ำใจครับ เลยขออาสามาช่วยผมอีกแรง เฟิร์สบอกว่าให้ไปรอก่อนเลยแล้วเดี๋ยวจะตามไปทีหลัง เพราะว่าต้องไปเอากระเป๋าที่สวนวิจิตรหลังโรงเรียน แถมพูดอีกว่า ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วน่ะ มานั่งช่วยผมคัดดีกว่า ไอตอนแรกก็นึกว่าไอห่านี่จะหยิ่งผยองถือตัวชอบมองแต่หน้า (วิธีป้องกันตัวของมันคือการมองหน้าด้วยสายตาครับ ที่ชอบมองหน้าตอนเจอกันก็เพราะคิดว่าผมชอบมันนี่แหละ จึงต้องส่งสายตาอำมหิตดำมืดมาบ่อย ๆ ซึ่งปัญญาอ่อนเชี่ย ๆ) แต่พอจบปัญหากลับไปคนที่สามารถพึ่งพาได้ซะงั้น !
ไม่นานนักเพื่อนคนใหม่ล่าสุดแกะกล่องของผมก็เข้ามาร่วมอีกฝั่งนึงของโต๊ะ
" แล้วนี่ไปทำอะไรมาเนี่ยโดนคัดซะเยอะเลย " ปากอมชมพูของเฟิร์สถามพลางหยิบถุงปากกาสีน้ำตาลในกระเป๋าเป้ออกมา
" ห้าสิบแรกโดนเรื่องกางเกงสั้น ห้าสิบหลังกูหลับตอนคาบอาจารย์พรทิพย์ แล้วกูละเมอตะโกนชื่อมึงซะดังลั่น ขายหน้าชิบหายเลยรู้ปะ " ผมพูดขณะมือทั้งสองข้างยังวุ่นวายกับสมุดตรงหน้า ฮือออ ภาพไอเชี่ยอาร์มลอยเข้ามาในหัวอีกแล้ว มึงอย่ามาขำในหัวกูเส้ !!
" เฮ้ย ! ละเมอชื่อเราตอนหลับเนี่ยนะ !? แล้วบอกไม่ได้คิดอะไรไง ? " เฟิร์สขมวดคิ้วก่อนจะโน้มตัวนั่งลง
" คิดห่าไร ก็มึงชอบมองกูแปลก ๆ อะ กูไม่ชอบนะเว้ย เห็นปะกูเก็บไปฝันเลยเนี่ย " ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันมั้ยแต่กูขอโวยหน่อยเหอะ
" ฮ่า ๆ เออ ไม่มองแล้ว เราก็คิดว่ามิ้ลค์ชอบเราอะ เราเลยต้องป้องกันตัวไว้หน่อย " เฟิร์สทิ้งท้ายไว้ก่อนมือเรียว ๆ ของผมจะยื่นสมุดเปล่าให้ ยังไงผมก็ไม่เข้าใจการป้องกันตัวของแม่งอยู่ดี เฮ้อ..
อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่กับท้องฟ้าที่ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยสีม่วงเข้ม เด็กนักเรียนทั้งม.ต้นและม.ปลายในสนามบอลก็เริ่มหายไปบ้างบางส่วน บรรดาลุง ๆ ป้า ๆ ก็เริ่มเก็บร้านกันแล้ว เราสองคนต้องเร่งฝีมือเพิ่มขึ้นไม่เช่นนั้นอาจจะมืดค่ำไปมากกว่านี้ได้ และอีกอย่างเราสองคนนั่งปั่นงานกันมานานพอสมควร (ไม่สิต้องบอกว่าเฟิร์สแปปเดียว ผมอะโคตรนาน) ถ้าอยู่นานไปมากกว่านี้จะเป็นการรบกวนเฟิร์สไปกันใหญ่
" ของมิ้ลค์กี่รอบแล้วล่ะ ? " เสียงของอีกคนถามโดยที่มือยังคัดยิก ๆ อยู่ ผมไม่ต้องเปิดไปนับตั้งแต่หน้าแรกหรอกครับว่าไอที่คัดอยู่เนี่ยมันรอบที่เท่าไหร่แล้ว
" พึ่งเสร็จรอบที่สี่สิบแปดอะ แล้วมึงล่ะเท่าไหร่ ? " ผมตอบพลางสะบัดข้อมือไล่ความเมื่อยออกไป โอ๊ย...ข้อมือผมจะหักอยู่แล้ว ฮือออ
" ห้าสิบแล้ว " คำตอบของเฟิร์สทำให้ผมถึงกับต้องหันขวับไปทันที และยืมสมุดที่มันคัดอยู่มาเปิดตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย..
เข้ !! ไอเฟิร์สแม่งคัดไวกว่าผมเป็นหลายเท่าตัว แถมลายมือยังเหมือนกันเด๊ะอีกต่างหาก ! คัดครบทุกตัวอักษร หมดปัญหาเลยว่าลายมือจะไม่เหมือนกัน เฮ้ย !! มึงเป็นคนจริง ๆ เหรอวะเนี่ย !!? ผมนั่งมาตั้งแต่บ่ายสองยังไม่เร็วเท่ามันที่คัดไม่ถึงชั่วโมงเลย โชคดีนะที่เฟิร์สมาช่วยไม่งั้นตีสองก็ไม่เสร็จหรอก เฮ้ออออ โล่งอก
ผมส่งสมุดเล่มฟ้าอ่อนคืนให้กับคนตรงหน้าพลางวางปากกาที่เหน็บไว้ระหว่างนิ้วลง เพราะรู้สึกว่าทำต่อไม่ไหวแล้ว ผมบอกว่าอีกไม่กี่รอบช่วยกูหน่อย เฟิร์สก็พยักหน้าหงึก ๆ กลับมาอย่างยินดี ถึงจะไม่ได้สนิทกันมาตั้งแต่แรก แต่เฟิร์สนี่เป็นคนที่พึ่งพาได้จริง ๆ ว่ะ มีพระคุณพอที่ผมจะโน้มตัวก้มลงกราบกันเลยทีเดียว ต่างจากไอพวกเพื่อนเชี่ยในห้องเยอะ พวกมึงควรมากราบด้วยเข้าใจมั้ย !
ผมหยิบซองป๊อกกี๊สีชมพูขึ้นมาฉีกพลางหยิบเข้าปากและไม่ลืมที่จะตอบแทนบุญคุณคนตรงหน้า โดยการยื่นขนมแท่งยาว ๆ นี่ไปที่ปากของมัน เฟิร์สเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อเช็กว่าผมจะหยิบอะไรใส่ปากมัน ก่อนที่ทางนั้นจะกัดกินเข้าไปอย่างว่าง่าย
" แล้วนี่มึงไม่รีบกลับบ้านเหรอ ? " ผมถามทั้ง ๆ ที่ปากยังคาบขนมอยู่
" ไม่อะ ช่วยมิ้ลค์ทำก่อน เดี๋ยวได้นอนเฝ้าโรงเรียนจนได้ " มันตอบเสียงครอกแครกเพราะว่ายังเคี้ยวตุ่ย ๆ
" จริง ๆ กูคนเดียวก็ทำได้สบายอยู่แล้ว " ตบปากเดี๋ยวนี้เลยไอมิ้ลค์ ! มึงพึ่งขอความช่วยเหลืออีกไม่กี่รอบนี้เองนะ !!
" อ๋อเหรอ หึหึ " เฮ้ย มึงขำอะไรของมึงวะ ? ที่กูพูดมานี่เรื่องจริงทั้งนั้น !!
" เออ ! " ผมตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่ายังไงกูก็ไม่มีวันทำได้แน่ แต่ขอปากดีไว้ก่อน ฮ่า ๆ
จะว่าไปเราสองคนก็สนิทกันไวเหมือนกัน ทั้งที่พึ่งรู้จักกันอย่างเป็นทางการได้ไม่ถึงชั่วโมงเอง แต่กลับคุยเล่นกันได้อย่างไม่ถือตัว หรือเพราะลึก ๆ เราสองคนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีแก่เพื่อนจนสามารถพูดคุยกันได้อย่างเป็นมิตร ถึงผมจะพูดหยาบคายบ้าง แต่สีหน้าที่แสดงของเฟิร์สก็ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังด่วนสรุปไม่ได้ว่าเฟิร์สเองเป็นคนยังไง และผมควรจะวางตัวให้เหมาะสมแค่ไหน
ถึงเฟิร์สจะอยู่คนละห้องกับผม แต่ที่แน่ ๆ มันเป็นเพื่อนของผมไปแล้วเรียบร้อยครับ
####
' เสร็จแล้ววางไว้ค่ะ พรุ่งนี้เช้าจะมาตรวจ ลงชื่อ อาจารย์พรทิพย์ '
ผมกลอกลูกตาให้กับข้อความบนโพสต์อิทสีเขียวเหล่านั้นด้วยความเซ็งตงิด ๆ ไหนว่าจะรอไงครับอาจารย์ ? พูดแล้วทำไม่ได้นี่หว่า เห๊อะ ผมบ่นกับตัวเองในใจพลางหยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูแสดงเวลาเกือบสองทุ่ม จริง ๆ เสร็จกันตั้งแต่หกโมงครึ่งครับ แต่เห็นป้าสำราญร้านน้ำปั่นแกช่วยสามียกของขึ้นกระบะ ผมกับเฟิร์สที่จะเดินไปส่งงานห้องปกครองเห็นเข้าก็อดช่วยเหลือไม่ได้ เลยกูลีกูจอไปช่วยยกอีกแรง (งานคัดกับงานยกมันเหนื่อยคนละแบบ หึหึ) จวบจนเวลาเดินมาถึงขณะนี้ แต่ก็อย่างว่าครับ สรุปแล้วอาจารย์แกก็ไม่อยู่
ผมปั้นหน้าเซ็งเดินออกมาจากห้องปกครองที่มีไฟสลัว ๆ เปิดอยู่ พลางกวักมือเรียกผู้มีอุปการคุณที่ยืนรออยู่ตรงขอบสนามบอลให้มาทางนี้ อีกฝ่ายที่ยืนเล่นมือถืออยู่เห็นผมก็เก็บอุปกรณ์สี่เหลี่ยมดำ ๆ ลงกระเป๋ากางเกงพลางวิ่งเหยาะ ๆ มุ่งตรงมาหา
" เออ เรียบร้อยดีปะ ? " เฟิร์สพูดปนยิ้มเล็ก ๆ ก็อยากพูดว่าเรียบร้อยอยู่หรอกนะ แต่เซ็งโคตร ๆ
" อาจารย์ไม่อยู่ว่ะ " ผมส่ายหัวพรืดพลางก้าวเท้าเดินนำไปที่ประตูโรงเรียนก่อนเจ้าตัวจะรีบย้ำเท้าตามมาใกล้ ๆ
" หึหึ ว่าแล้ว อาจารย์ที่ไหนจะมาอยู่ถึงสองสามทุ่ม บ้าเปล่า " มันกลั้วขำออกมาอย่างสะใจ ก็อาจารย์เขาบอกเองนี่หว่าว่าจะรอ แล้วไหงเป็นงี้วะ ส่วนไอคำว่าบ้ากูจะถือว่าเป็นคำชมละกัน วันนี้กูติดหนี้ชีวิตมึง หึหึ
" ยังไงวันนี้กูขอบใจมึงมากนะเว้ย ถ้าไม่ได้มึงมาช่วยกูคงแย่แน่เลย " ถ้าแม่งไม่มาช่วยผม สงสัยต้องหาหมอนมานอนโรงเรียนแหงแซะ
" เล็กน้อยว่ะ ไม่เป็นไร " หน้าเนียน ๆ กล่าวนำก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้าง ๆ จนเห็นเหล็กดัด รอยยิ้มนี้ผมสัมผัสได้ทันทีว่ามันมาจากใจของเฟิร์สจริง ๆ สีตอนนี้หน้าชั่งต่างจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
" แล้วบ้านมึงอยู่ไหนวะ ? " ดึกดื่นขนาดนี้มึงจะกลับบ้านง่ายหรือเปล่าเนี่ย ? ใช้งานซะดึกเลยว่ะเรา
" สุขุมวิทอะ " อืมมมม ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่หว่า งั้น..
ผมหยุดเดินก่อนจะหันไปพูด " กู...ขอเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนมึงได้ปะ ? " ร่างโปร่งที่เดินนำไปได้ไม่กี่ก้าวหันกลับมาถามอย่างแปลกใจ
" จริงดิ !? กินไหนอะ ? " โธ่...แค่เลี้ยงข้าวเอง กระเป๋าตังพี่ไม่ฉีกหรอกไอ้หนู และอีกอย่างตังพี่ก็ไม่เสียสักบาทด้วย หึหึ
" บ้านกูอะ "
" ห้ะ !!? "
####
บรรยากาศในรถแท็กซี่ของเราทั้งสองเป็นไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงเพลงลูกทุ่งจากรายการวิทยุของพี่โชเฟอร์แท็กซี่ที่เปิดทิ้งไว้ ถึงจะเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ผมสนใจมีแค่ดวงไฟตามท้องถนนที่รถคันนี้แล่นผ่าน อากาศในนี้หนาวจับใจจนต้องชักมือทั้งสองข้างขึ้นมาลูบแขนที่ขนลุกชูชัน
ผมคิดโน่นคิดนี่อยู่นานเครื่องยนต์สีเหลืองเขียวก็มาจอดเทียบหน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย ผมเห็นเฟิร์สทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์และรู้แน่ ๆ ว่ามันต้องแย่งจ่าย ผมเลยตัดหน้าชิงควักแบงก์สีแดง ๆ ไปให้เสียก่อน
" ไม่เป็นไร กูจ่ายเอง " ไอห่านี่จะเป็นคนดีไปถึงไหนวะ วันนี้กูก็รบกวนมึงจะตายห่าอยู่ละยังจะมาแย่งจ่ายอีก เดี๋ยวปั้ด !! ผมรับเงินถอนที่มีแบงก์ยับ ๆ และเศษเหรียญเล็กน้อย พลางตะกายขาออกจากประตูโดยมีอีกคนนำไปก่อนแล้ว
" หลังนี้เหรอ ? " เฟิร์สถามในขณะที่พาดกระเป๋าไว้ด้านหลังข้างนึง
" ใช่แล้ว " ผมชะเง้อเข้าไปในตัวบ้านพลางเห็นไฟที่เปิดอยู่แค่ชั้นหนึ่ง สงสัยมินคงจะยังไม่ขึ้นไปนอนน่ะครับ
" ปะ เข้าบ้านกัน เดี๋ยวทำอะไรให้กิน " ผมว่าพลางเอื้อมมือไปเปิดรั่วเหล็ก แต่ดันเหลือบไปเห็นสายตาเหยียดหยามของไอคนข้าง ๆ ซะก่อน ไอห่า มึงไม่เชื่อใจกูเรอะ ! ไม่รู้ซะแล้วว่ากูได้รางวัลอะไรมา หึหึ
ผมถอดรองเท้าพลางเก็บเข้าตู้ไม้ยางพาราก็ได้เห็นน้องชายนั่งดูทีวี LED ขนาดยี่สิบสี่นิ้วอยู่บนโซฟา มินที่จ้องตาดูสารคดีสัตว์โลกอย่างตั้งใจอยู่ก็หันกลับมาทักทาย
" อ้าวพี่มิ้ลค์ ! ข้าวเย็นอยู่บนโต๊ะน่ะ เอ่อ...หวัดดีครับ...พี่ ? " มินปั้นหน้าอึ้ง ๆ พลางยกมือพนมปลก ๆ มองไปด้านหลัง
" เฟิร์สครับ " เฟิร์สรับไหว้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามไล่ ๆ กันมา
" นอนได้แล้วนะมิน นี่ดึกแล้วนะ " ผมสั่งเสียมินก่อนจะเดินไปหาอะไรกินในครัว เพราะรู้สึกว่าขนมที่ยัดเมื่อตอนเย็นถูกย่อยไปซะหมดแล้ว
" คร้าบบบ " มินตอบกลับมาด้วยเสียงลากยาว ๆ ต้องสั่งให้รีบไปนอนครับ เดี๋ยวเช้า ๆ จะไม่มีแรงไปเรียน ฮ่า ๆ
ผมวางจาคอปไว้บนเก้าอี้ที่บนโต๊ะถูกวางด้วยถุงแกงปริศนา ดูลักษณะทางกายภาพแล้ว สีส้ม ๆ แบบนี้คงจะเป็นต้มยำมันกุ้งร้านโปรดผมแน่ ๆ โอ๊ยกำลังอยากกินอยู่พอดีเลย นี่ล่ะครับมีน้องรู้ใจ ฮ่า ๆ
" อยากกินไรดีอะ ? " ผมถามไอหน้าหล่อที่พึ่งล้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้ นี่ผมพูดเหมือนบ้านตัวเองเป็นร้านอาหารที่มีเมนูมากมายงั้นแหละ เอาเข้าจริง ๆ ของที่เหลือในตู้เย็นมันไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น
" อะไรก็ได้อะหิวแล้ว " อะไรก็ได้เหรอ !? มึงรู้มั้ยไอคำว่าอะไรก็ได้ของมึงเนี่ยมันยากต่อการตัดสินใจแค่ไหน ! แดกข้าวคลุกน้ำปลามั้ยล่ะง่ายดี ?
ผมมองหน้าเฟิร์สอย่างเซ็ง ๆ พลางถอนหายใจลากยาว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปเปิดตู้เย็นว่ามีวัตถุดิบอะไรเหลือบ้าง และก็คิดได้ทันทีเมื่อเห็นสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด
ผมหยิบสิ่งของที่ต้องการมาวางไว้บนเขียงและไม่ลืมล้างมือก่อนลงมือทำ (ทำอาหารต้องล้างมือให้สะอาดก่อนนะครับ) ผมหั่นโน่นหั่นนี่ก็มีเสียงแซ็วแว่วมาจากข้างหลัง
" ไม่น่าเชื่อนะ คนอย่างมิ้ลค์จะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย นึกว่าจะใช้ใครเป็นอย่างเดียวซะอีก ฮ่า ๆ " อ่าว ไอนี่ปากอยู่ไม่สุข เดี๋ยวได้แดกมีดจนได้อะ อย่าแซ็วคนถือมีดสิโว้ย
" ก็กูชอบทำอาหาร อร่อยแน่รับรอง โรงแรมหรู ๆ กับบ้านกูก็พอ ๆ กันอะ " ขายของครับ ช่วงนี้ต้องขายของหน่อย ฮ่า ๆ
" เร็ว ๆ เหอะอย่าโม้เลย หิวแล้ว " คร้าบบบบบคุณเฟิร์ส เอาแต่ใจจริง ๆ เฮ้อ...
ผมหยิบกระทะเทฟล่อนมาตั้งไฟปานกลางพลางเทน้ำมันเล็กน้อยก่อนที่จะใส่กระเทียม ผัดไปเรื่อย ๆ จนหอมแล้วค่อยใส่ไข่ เนื้อไก่ ลูกเกด เมล็ดข้าวโพด แครอท หัวหอม ผัดให้สุกแล้วค่อยตักข้าวที่มินหุงไว้มาใส่เพิ่ม (เดาออกหรือยังครับว่าเมนูอะไร) ผมเอาตะหลิวบี้ข้าวให้แตกพลางสะบัดกระทะขึ้น ทำสลับไปมาจนทุกอย่างออกมาดูโอเคจึงตักแบ่งใส่จานเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน (ขโมยไก่มันมาสามชิ้น ฮ่า ๆ) ตกแต่งด้วยแฮมและไข่ดาว วางช้อนซ้อมเคียงจานแล้วจึงเสิร์ฟในเมนู ข้าวผัดอเมริกันแบบง่ายยง่ายยยยยยยยย
" อะเสร็จแล้ว " ผมถือไปวางด้านหน้าของเฟิร์สพลางหาถ้วยกระเบื้องมาเทถุงแกงที่เดาไว้แต่ก็เป็นต้มยำจริง ๆ
" กินได้ใช่มั้ยเนี่ย ? " เอาอีกละ เริ่มกวนตีนกูอีกแล้ว เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย แต่ก็เอาเหอะ กูขี้เกียจกัดกับมึงแล้ว
" ได้ดิ หึหึ หิวก็ลุยเลย แล้วถ้าหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาบ้านกูได้เลยนะ กูยินดีต้อนรับ " ไอพวกเพื่อนทั้งหลายผมยังไม่ทำขนาดนี้เลยนะ นี่ผมตอบแทนมันอลังการเกินไปหรือเปล่า ? ชิบหาย พูดไปแล้วด้วยดิ
" พูดเองนะ " มันขำหึหึออกมา ก่อนจะหยิบช้อนและซ้อมตักอาหารแสนวิเศษตรงหน้าเข้าปาก
ผมไม่รู้นะไอหน้าอิ่มเอิบของเฟิร์สตอนนี้ มันมาจากอาหารแสนอร่อย หรือจากการที่กระเพาะบอกพ่อมันว่า " พ่อจ๋าหิวแล้วจ่ะ " กันแน่...
ในจานของเราสองคนเหลือเพียงเม็ดข้าวไม่กี่เม็ดกับคราบน้ำมันตามขอบจาน เศษซากข่าตะไคร้ใบมะกรูดในถ้วยใบใหญ่ (ขนาดบอกว่าไม่อร่อยนะครับ แม่งกินหมดก่อนผมอีก) ผมหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ภายในห้องนั่งเล่นแสดงเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ผมเห็นมันดึกค่อนข้างมาก เลยคิดว่าชวนคนใกล้ ๆ นอนที่บ้านดีกว่า ถ้าปล่อยให้กลับบ้านไปตอนนี้คงเป็นห่วงแย่
" ดึกแล้วนะ วันนี้นอนบ้านกูก่อนเปล่า ? "
เฟิร์สขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ " เสื้อเรายังไม่ได้ซักเลยว่ะ "
" เดี๋ยวกูจัดการให้ " ถ้ามึงคิดจะนอนที่นี่ เสื้อใส่ก็ไม่ใช่ปัญหา
" ตารางสอนเราก็ยังไม่ได้จัด "
" เอาหนังสือกูไปก่อนก็ได้ " ผมก็ยังคงคะยั้นคะยอให้มันนอนที่นี่ให้ได้ แล้วก็คงไม่มาบังเอิญเรียนเหมือนกันพรุ่งนี้อีกใช่มั้ย บางทีผมหยิบหนังสือไปก็ใช่ว่าจะเอาขึ้นมาเรียนซะหน่อย ฮ่า ๆ
เฟิร์สนั่งท่าคิดอยู่อีกพักนึงก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรหาใครสักคน
" ฮัลโหลครับแม่ วันนี้ผมนอนบ้านเพื่อนนะครับ " เสียงแหลม ๆ ในโทรศัพท์พูดอะไรสักอย่างยืดยาว ผมได้ยินเพียงแค่คำพูด " ครับ ๆ " ของเฟิร์สที่ตอบกลับไป
มือเรียว ๆ กดตัดสายก่อนจะพูดขึ้น
" งั้น...วันนี้เรารบกวนบ้านมิ้ลค์หน่อยละกันนะ " เยี่ยม ! ถ้าวันนี้มันกลับไปก็คงเสียสตางค์ค่าแท็กซี่อีกหลายบาท รถเมล์ก็ใช่ว่าจะมาวิ่งอะไรป่านนี้สักหน่อย จริงมั้ยครับท่านผู้อ่าน
####
ผมเปิดลูกบิดประตูห้องเดินเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็เควี้ยงกระเป๋าแบน ๆ สีดำไว้บนโต๊ะเขียนงานอย่างที่เคยวาง (เกือบโดนจอคอมแล้วมั้ยล่ะ นี่ถ้าโดนมีร้องไห้อะ ฮ่า ๆ) เฟิร์สที่พึ่งเข้ามาก็กวาดสายตาทั่วห้องก่อนจะนำกระเป๋าเป้ของมันวางไว้ที่เดียวกันกับผม พลางเดินกลับไปนั่งปลายเตียง
" โห...ห้องมิ้ลค์ก็ใหญ่ดีเหมือนกันนะ " นั่นสิ บางทีผมก็คิดนะ ไอห้องใหญ่แบบนี้ไม่น่าอยู่คนเดียวหรอก น่าจะอยู่กันเป็นสิบ ฮ่า ๆ แต่ตอนนั้นมีรายงานกลุ่มเพื่อนมานอนร่วมยี่สิบก็พอนะครับ
" ไม่ต้องเกรงใจนะ ตามสบายเลย " ผมสั่งเสียก่อนจะหยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาขึ้นมาชาร์จแบตเตอรี่ แต่ดันเห็นข้อความแจ้งเตือนของแฟนสาวที่ผมไม่ได้รับถึงสองสายเสียก่อน
" ชิบหายแล้ว " ผมบ่นกับตัวเองเบา ๆ แต่อีกคนในห้องก็หันมาถามอย่างสนใจ
" มีไรเปล่ามิ้ลค์ ? " เฟิร์สเลิกคิ้วสูงก่อนจะถาม
" เปล่า ๆ ไม่มีไรอะ" ผมบอกปัด ๆ ไป เวรแล้ว ! ต้องไลน์ไปบอกนัทตี้ก่อนที่เธอจะงอนไปมากกว่านี้ สงสัยจะโทรมาตอนที่ผมทำกับข้าวให้เฟิร์สอยู่แน่เลย
' โทษทีนะครับนัทตี้ พอดีเพื่อนมาบ้านน่ะ มิ้ลค์ทำกับข้าวให้เพื่อนกินอยู่เลยไม่ได้รับสาย ' ผมพิมพ์ตอบกลับไปในไลน์อย่างนั้นและไม่ลืมส่งสติกเกอร์เศร้า ๆ ไม่ต้องรอให้เสียเวลาก็ได้เห็นข้อความ read แสดงขึ้นมาทันที
' อ๋อ โอเคค่ะ งั้นนัทตี้ไปนอนก่อนนะ ฝันดีค่ะ ' แปลกแฮะ ทำไมวันนี้นอนไวจัง ? ทุกทีผมกับนัทตี้จะคุยไลน์กันจนดึกดื่น คงเป็นเพราะเรียนหนักจนเพลียหรือเปล่านะ แต่ไม่เป็นไรครับ ถือเป็นเรื่องดีที่จะบริการไอร่างขาว ๆ ที่ตอนนี้นอนสลบไปกับเตียงเรียบร้อยแล้ว
" เฮ้ย ๆ ไปอาบน้ำก่อน " มึงจะนอนทั้ง ๆ ชุดนักเรียนเลยรึไงห้ะ !?
" นอนเล่นเฉย ๆ " เฟิร์สตอบกลับมาเสียงอู้อี้ อ๋อเหรอ...นึกว่าจะนอนจริง ๆ
ผมขำหึหึให้กับมันเล็กน้อย ๆ ก่อนจะจัดการถอดชุดนักเรียนออกเพราะรู้สึกเกะกะ พลางสะบัดมือเท้ายืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงทักจากอีกคนมาก่อน ผมคงได้โน้มตัวลงไปวิดพื้นแล้ว..
" โห...นี่มิ้ลค์หน้าอกใหญ่ ๆ กว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย " แน่ล่ะครับ ก่อนนอนผมจะออกกำลังกายแทบทุกคืน กินอาหารครบห้าหมู่ ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ถึงได้มีสรีระร่างกายสมบูรณ์ขนาดนี้ มันเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ของผมครับ หึหึ (เอาเข้าจริง ๆ ต้องฟิตหน่อยครับ ผมทำงานกับกระทะทุกวันเสาร์ เดี๋ยวไม่มีแรงสะบัด ฮ่า ๆ แต่อย่ากินข้าวเสร็จแล้วมาออกกำลังกายตามผมนะครับ ไม่ดี ๆ)
ผมยิ้มหึหึให้ก่อนจะโน้มตัวลงราบกับพื้นในท่าพร้อม ผมนับตัวเลขในใจพลางดันตัวเองลงแล้วยกขึ้นสลับไปมา แต่ก็รู้สึกปวดแปลบ ๆ ที่ข้อมือ คงเป็นเพราะผลกระทบจากการคัดลายมือเป็นเวลานานถึงได้รู้สึกแบบนี้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ผมจึงหยุดการกระทำเหล่านั้นทันที ฮืออออ เจ็บข้อมือชิบหาย
" เออมิ้ลค์ เราขอรหัส WIFI หน่อยดิ " เออว่ะ ลืมไปเลยว่าต้องให้มันไว้เล่นหนิ เอ ไอรหัสบ้านเรามันอะไรวะ...อ๋อ !!
" M I K E A N D M I N " รู้สึกเขินแปลก ๆ กับรหัสนี้จริงวุ้ย
จะว่าไปผมจะต้องทำกิจธุระให้ไอคุณชายที่นอนอยู่บนเตียงอีกอย่างด้วยนี่หว่า ว่าแต่อะไรนะอะไร..
อ๋ออออออออ
" เฟิร์ส "
" หื้มม ? "
" ถอดเสื้อมากูจะไปซักให้ " ใช่แล้ว ผมต้องซักเสื้อให้เจ้าตัวใส่ไปพรุ่งนี้ด้วย เกือบลืมซะสนิทเลยว่ะ เจ้าตัวที่นอนกดอะไรไม่รู้ยิก ๆ อยู่ในไอโฟนก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยดวงนัยน์ตาเบิกกว้าง
" ม่ะ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูใส่ทั้งอย่างงี้ไปเนี่ยแหละ " หยี๋ ไอซกมก ! ไม่นึกเลยว่าคนแบบมึงจะมีนิสัยแบบนี้
" ถอดมาเดี๋ยวกูไปซักให้ !! " ผมพูดกลับไปเสียงแข็ง แต่มันก็คงยังดื้อดึงอยู่ เสื้อไออาร์ม ไอซัน ผมยังเคยเอาไปซัก ตาก รีด ให้ใส่ไปเรียนแล้วเลย
" เสื้อกู งั้น...เดี๋ยวไปซักเอง " เอ๊ะไอนี่มันเป็นคนยังไงเนี่ย ต้องให้กูลงไม้ลงมือใช่มั้ยหื้อ !?
" จะถอดเองหรือให้กูถอดให้ ? " ถึงตอนนี้ผมกอดอกจ้องมันเขม่น วันนี้มึงเป็นแขกนะ กูต้องรับผิดชอบมึงสิ และเป็นเฟิร์สครับที่ต้องยอมสยบ
เฟิร์สลังเลอยู่ขณะนึงก่อนจะบรรจงแกะกระดุมทีละเม็ดจากบนลงล่าง เผยให้เห็นแผ่นอกหนา ๆ สีขาวนวล (ว่าแต่นมคนอื่นใหญ่ มึงก็ใหญ่เหมือนกันแหละ) แล้วจึงค่อย ๆ แกะเข็มขัดที่รัดแน่นอยู่ตรงเอวออก พลางก้มตัวลงถอดกางเกงนักเรียนให้ได้เห็นบ๊อกเซอร์ลายทหารที่ใส่ซ้อนอยู่ ผมรับเสื้อกับกางเกงน้ำเงินที่มีกลิ่นเหงื่อไคลอับ ๆ ไว้พลางบอกว่าจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ไม่ต้องเกรงใจ ส่วนหนังสืออยู่บนโต๊ะโน่นจะเอาอะไรก็หยิบ ถ้าอาบน้ำเสร็จก็เอาเสื้อผ้าในตู้ ผมสั่งมันเป็นฉาก ๆ ก่อนจะลงจากชั้นสองไปจัดการเสื้อของเราทั้งสองคน..
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง สัมผัสแรกที่ได้รับคืออุณหภูมิที่เย็นกว่าปกติกับเพื่อนใหม่ในชุดเสื้อยืดลายโจ๊กเกอร์กับบ๊อกเซอร์สีเทาอ่อน ๆ นอนเล่นมือถือกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ผมมองนาฬิกาที่ยืนอยู่บนหัวเตียงแสดงให้เห็นเวลาว่าจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว แต่ตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำอาบท่าเสียที ผมจึงไม่รีรอ เข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายแบบที่เฟิร์สแต่งตัวประหนึ่งพร้อมจะนอนแล้วบ้าง
ผมออกจากประตูห้องน้ำในร่างที่เปลือยท่อนบนโดยมีผ้าขนหนูปิดด้านล่างไว้ แถมรู้สึกหนาวกว่าตอนเข้าห้องมาใหม่ ๆ เสียอีก ทำไมวันนี้มันหนาวแปลก ๆ แอร์ก็เปิดยี่สิบห้านี่หว่า ขาผมเดินไว ๆ กับตัวที่สั่นสะท้านไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พลางเปิดออก พบว่าเหลือเพียงบ๊อกเซอร์โง่ ๆ ตัวนึงถูกแขวนใกล้ๆ กับกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินที่ขาสั้นกว่าปกติอีกสองตัว ผมหันกลับไปมองตะกร้าผ้าใบใหญ่ข้าง ๆ ตู้ที่มีเสื้อผ้าใส่แล้วบรรจุไว้มากมายแล้วก็รู้สึกอยากด่าตัวเองตงิด ๆ เมื่อวานกูลืมซักผ้าของตัวเองไปได้ไงวะเนี่ย !!! ดีนะที่ตากี้ยังฉลาดพอที่เอาเสื้อนักเรียนไปซัก ห่าเอ๊ย !! ไอมิ้ลค์นะไอมิ้ลค์ เดฉะบุญที่วันนี้ยังเหลือกางเกงลายจุดให้ใส่อยู่
ผมด่าตัวเองในใจแต่ก็หยิบกางเกงยืดสั้นนี้มาใส่ สงสัยคืนนี้ผมต้องนอนถอดเสื้อว่ะ และก็คงไม่มีวันที่จะเอาเสื้อใส่แล้วมาใส่ซ้ำด้วย การถอดเสื้อนอนไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องคิดให้ปวดสมองมากมายครับ แต่วันนี้มีแขกรับเชิญมานอนที่บ้านก็อยากจะแต่งตัวให้มิดชิดเป็นมารยาทสักหน่อย
แต่ก็คงไม่ทันซะแล้ว..
ผมเดินดุ่ม ๆ กับอาการสั่นเป็นเจ้าเข้าไปหน้าสวิตช์หมายจะปิดไฟ ผมเห็นว่ามันดึกมากแล้ว ไม่รู้จะรบกวนเวลานอนปกติของเฟิร์สหรือเปล่า ฉะนั้นแล้วนอนกันเลยดีกว่าครับ
" ปิดไฟเลยนะ "
" อ่าว ไม่ใส่เสื้อล่ะมิ้ลค์ ? หนาวจะแย่ " คนที่นอนอยู่บนเตียงขมวดคิ้วหันมาถามอย่างแปลกใจ
" เสื้อกูหมดแล้ว คืนนี้ถอดเสื้อนอนแล้วกัน " ทำไงได้ล่ะก็กูลืมซัก แถมไอตัวสุดท้ายมึงใส่อยู่นั่นไง
" อืมมม งั้นกูถอดเป็นเพื่อนจะได้เจ๊ากัน " แล้วมึงจะถอดทำไมล่ะนั่น.. อย่ามาทำตัวเป็นพระเอกได้ปะหมั่นไส้ หึหึ แต่ก็เอาที่สบายใจแล้วกัน เฟิร์สตะเกียดตะกายดึงเสื้อยืดสีน้ำเงินออกเผยให้เห็นร่างเปลือยท่อนบนเหมือนกัน
ผมปิดไฟลงก่อนจะเดินไปล้มตัวนั่งข้าง ๆ เฟิร์สและที่จะไม่ลืมสวดมนต์ก่อนนอน พลางกางผ้านวมหนา ๆ ให้ทั่วเตียงเพราะรู้สึกวันนี้จะหนาวกว่าทุกวัน แล้วไออากาศแบบนี้การขาดผ้าห่มถือว่าอาจตายได้เหมือนกัน ฮ่า ๆ
ผมหลับตาลงในความมืดเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อนและพร้อมที่จะได้ทำกิจกรรมในวันถัดไป แต่คงนอนหลับสบายไปแล้วครับ ถ้าไอคนข้าง ๆ ไม่ถามคำถามที่ไม่ควรจะถามออกมา
" คืนนี้มึงจะไม่ทำอะไรกูใช่มั้ยมิ้ลค์ ? " ไอสัด มึงจะพูดทำไมเนี่ย !? ถ้ากูจะทำ กูทำไปตั้งนานแล้วมั้ย ! แล้วอีกอย่างกูไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันนะโว้ยยย
" นอนได้แล้วไอสัด " ผมสั่งมันด้วยเสียงงัวเงียแบบสุด ๆ แล้วบรรยากาศของเราก็เต็มไปด้วยความเงียบอีกครั้ง..
หนึ่งวันสั้น ๆ ที่ทำให้ผมรู้จักผู้ชายคนนี้นั้น เฟิร์สเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบส่งสายตาหาเรื่องตามความคิดผมเลยสักหน่อย ที่มันทำไปก็เพราะคงจะมีเหตุผลที่ผมเองก็ไม่สามารถอย่างถึงได้ พอได้มาเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ความคิดในแง่ลบทั้งหลายที่เคยมีก็กลับกลายเป็นความคิดในแง่บวกได้อย่างไม่ต้องสงสัย และก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หากวันใดเราได้สนิทกัน...มากกว่านี้
เฮ้อ...วันนี้เหนื่อยจังเลยน้า
- Not to be unlocked -