ตอนพิเศษ : พวกเอ็ง..รู้จักวันวาเลนไทน์กันมั้ยว่ะ!!
วันนี้วันที่สิบสี่..กุมภา..
รู้มั้ยว่ามันวันอะไร?..
วันอาทิตย์ ตอบแบบนี้มีตบคว่ำ วันพระ..เออ ถึงจะใช่ แต่ไม่ตรงประเด็น วันนี้มันวันวาเลนไทน์โว้ยยยยย
..แต่มันจะต่างอะไรกับวันปกติ วันวาเลนไทน์ที่หนุ่มๆสาวๆเขาซื้อของขวัญมอบให้กัน สวีตหวานแล้วพากันไปต่อถึงไหนต่อไหน จนกลายเป็นวันเสียตัวแห่งชาติ ถึงจะเป็นวันแบบนั้น แต่.. คิดว่าในคุก มันจะมีอะไร???
คิดซิ..คิด..คิดว่า วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักในคุก ..คุกที่มีประชากรชายล้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ หน้าตากร้านแดดกร้านลมหัวยุ่งหนวดเฟิ้ม ไม่เจริญหูเจริญตามันจะมีอะไรแตกต่างไปจากวันปกติมั่ง..?
กริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...
เสียงกริ่งเรียกเข้าแถวดังยาวเหยียดลั่นไปทุกอาคาร ทำให้บรรดานักโทษที่กำลังปฏิบัติภารกิจต่างๆอยู่ชะงัก ต่างพากันละวางจากสิ่งที่ทำเพื่อไปเข้าแถวตามเสียงกริ่งและเสียงเรียกของผู้คุม..
กลางลานซีเมนต์กว้าง มีปะรัมพิธีสำหรับพูดขนาดกลางตั้งอยู่ เบื้องหลังคือเสาธงขนาดใหญ่ที่ชักธงชาติไทยผืนใหญ่ขึ้นไปไหวตามลม แปดโมงเช้าที่แดดเริ่มร้อนเปรี้ยงทำให้ใบหน้าของบรรดานักโทษที่ต่างทยอยกันมาเข้าแถวมีสีหน้าไม่พอใจนัก ใบหน้าที่กร้านแดดกร้านลมยิ่งดูทะมึนขึ้นไปใหญ่..
เมื่อเห็นว่ามากันครบพร้อมแล้ว พัศดีประจำเรือนจำก็ก้าวออกมาขึ้นไปยืนพูดบนปะรัมพิธี..
“..เนื่องจากวันนี้...” เอ่ยแปล้วกระแอมกระไอเบาๆ “..เป็นวันพิเศษ วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ถึงแม้จะไม่ใช่ประเพณีไทย แต่เนื่องในวันดีๆแบบนี้ ผมก็อยากให้ทุกคนมีความสุข ทางเราได้แจ้งญาติสนิทมิตรสหายของทุกคน นักโทษทุกชั้นไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ว่าวันนี้ ทางเรือนจำจะจัดกิจกรรมสร้างเสริมความสำพันธ์ในครอบครัว ให้บรรดาพ่อแม่พี่น้องญาติสนิทมิตรสหายหรือคนรัก ได้มาเยี่ยมและร่วมทานอาหารกลางวันด้วยเป็นกรณีพิเศษ..”
คำประกาศนั้นเรียกเสียงพึมพำกระหึ่มเบาๆ หลายคนหันไปพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นด้วยไม่เคยรู้มาก่อน..
“..อะแฮ่ม...เดี๋ยวก่อน..” เสียงประกาศออกไมโครโฟนของพัศดีทำให้ต้องเงี่ยหูฟังอีกครั้ง “...เนื่องในโอกาสอันดีนี้ ที่ทางเรือนจำจัดมาให้ ผมหวังว่าทุกคนจะมีความสุข และขอให้อยู่ด้วยความสงบ ไม่ก่อเหตุอะนะครับ..สวัสดี..”
ร่างของพัศดีวัยกลางคนในชุดราชการสีกากีเดินลงจากปะรัมพิธี ผู้คุมก็เดินสวนมาอีกครั้ง ออกปากบอกกำหนดการและวิธีวางตัวคร่าวๆแก่เหล่านักโทษ ก่อนจะปล่อยให้แต่ละคนไปจัดการเตรียมตัวเพื่อพบคนสำคัญในเช้าวันนี้..
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังไปทั่วเรือนนอนตามปกติ ต่างจากทุกวันก็อาจจะเป็นเพราะเสียงพูดคุยนั้นเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา ใบหน้าของทุกคนเปี่ยมสุขไปด้วยความคาดหวังเพราะจะได้พบกันญาติพี่น้องและคนรัก หลายรายเดินถือขันน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำตัวปลิวเพื่อไปทำความสะอาดร่างกายและดูแลตนเองให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด...
ภายในห้องลูกกรงสี่เหลี่ยมที่คับแคบ อารมณ์แห่งความยินดีสุขสมยังอบอวลไปทั่ว สายตาที่แสนสุขเต็มไปด้วยความหวังไม่ได้ต่างกับที่อื่นในเรือนจำแห่งนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขของคนหลายคน ทำให้อดจะยิ้มตามไม่ได้..
“..อูย...กูโคตรตื่นเต้นเลยว่ะ...” เสียงพึมพำข้างตัวทำให้ผมหันไปมอง พบว่าคนพูดซึ่งก็คือพี่ทินยืนผุดลุกผุดนั่ง เอามือกุมอกข้างซ้ายของตัวเองไว้..ท่าทางตื่นเต้าราวกับสาวน้อยจะได้เจอคนรัก..ซึ่ง..มันขัดกับบุคลิกพี่แกชอบกล..
“..ตื่นเต้นอะไรของมึงไอ้ทิน ทำหน้าเหมือนสาวน้อยไปได้น่ะไอ้ตูด..ได้ข่าวว่าเมียมึงบอกเลิกไปแล้ว..ถุย...”
“..พูดอย่างกับมึงดีนักน่ะไอ้ฟาย..เมียมึงก็บอกเลิกเหมือนกัน..” พี่ทินหันไปเถียงกับพี่แม้กที่ยืนเก็บข้าวเก็บของอยู่..
“..งั้นพวกมึงสองตัวก็หันมาเอาตูดกันซะสิ..”
“..ไอ้เวร!!! เอาอะไรคิดว่ะ...”
ผมหัวเราะหึหึอย่างขบขันเมื่อได้ยินเสียงทักของพี่กิต ก้มมองผ้าห่มเน่าๆในมือที่กำลังพับเก็บ...แว่วเสียงต่อล้อต่อเถียงของเหล่าพี่ๆทั้งหลายก็ได้แต่อมยิ้ม..ดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง..
...แม่...
ผมวางผ้าห่มกับหมอนเน่าของตัวเองลงบนพื้น ริมฝีปากแยกเป็นรอยยิ้มไม่คลายจนผมยังเจ็บแก้ม แต่มันก็หยุดไม่ได้เสียที...
เงยหน้าขึ้นมองผู้ร่วมห้องทุกคนที่ต่างมีสีหน้ายินดีปรีดา.. ผมรู้ว่าบางคนญาติพี่น้องก็ใช่จะมีเวลาว่างมาเยี่ยมเยียนบ่อยนัก บางคนก็ได้แค่คุยกันผ่านโทรศัพท์ น้อยคนนักที่จะมีคนมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำและเรื่องทานข้าวร่วมกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง..
“..สิบโมงแล้วพวกมึง..รีบไปกันได้แล้ว..” เสียงร้องบอกต่อกันทำให้ผมลุกพรวดขึ้นตามเสียงนั้น เดินตามก้นพี่ๆทั้งหลายที่ยังส่งเสียงเฮฮาเป็นระยะ..ด้วยหัวใจที่ยินดีปนคาดหวัง..
“ เขาให้ทำอะไรบ้างน่ะ..” หลายรายพอยืนต่อแถวกันแล้วก็ชักจะขยับตัวยุกยิก เหมือนตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ไม่แตกกันยืนชะเง้อคอมองไปมองมาด้วยความอยากรู้และความตื่นเต้น..
“..จะชะเง้อคอไปไหน เตี้ยๆแบบมึงชะแง้ให้ตายก็ไม่เห็นหรอก..” ชิชะ..น้ำเสียงปากหมาคงที่และถาวรแบบนี้เป็นใครคงไม่ต้องบอกล่ะมั้ง แต่ก็ช่าง ว่าไปก็เท่านั้นวันนี้ผมอารมณ์ดี จะได้พบกับคนที่รัก แล้วจะมาหงุดหงิดเพื่ออะไรกันล่ะ
“..แหม...พี่..ใครๆเขาก็ตื่นเต้นกันสิ ไม่ได้มีคนมาเยี่ยมทุกอาทิตย์เหมือนพี่นี่หว่า..” พี่เบิร์ดที่อยู่ห้องขังตรงข้ามกันร้องทักอย่างร่าเริงและกวนตีน ส่วนตัวเองก็ยืนแด๊ดแด๋อยู่ข้างหน้าสักสองสามคิว..
“..แล้วไง..ดีกว่าไม่มีใครมาเหมือนมึง..”
“..จิ๊....ขอให้เจอกล้วยยยยยยยยยยยยย สักวัน “ ว่าไม่พอยื่นนิ้วกลางมาให้อีก..เอาเข้าไป ..
“..เชี่ยนี่อยากโดนตีนรึไง..” โว๊ะ...ลืมรึไงว่าเขาไม่ให้ก่อเรื่อง เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอก !!..
“..เงียบดิ๊พวกมึง..เถียงกันหาพ่อ..”เสียงจิ๊จ๊ะดังมาข้างหลัง พอหันไปดูก็เห็นพี่วิทย์ยืนรออยู่พร้อมกับพรรคพวก แถมไอ้คนข้างหลังผมทำท่าจะกระโจนเข้าไปหาเรื่องคนที่ยืนลอยหน้าลอยตาไม่ห่าง
“..พี่..ไม่อยากเจอแฟนก็ตามใจ..” ผมเอ่ยลอยๆพลางหันไปมองหน้า “..แล้วไม่ใช่แค่พี่จะไม่ได้เจอน่ะ พอมีเรื่องก็จะไม่ได้เจอกันทั้งหมดนี่ล่ะ..”
ว่าแล้วก็หันไปมองหน้า แถมรู้สึกได้ว้าทุกสายตาก็จับจ้องไปยังสองหัวหน้านี่เช่นกัน
“..รอดตัวไปน่ะมึง..” รอบนี้หันมามองหน้าแล้วเหมือนจะฟัง แต่ก็คงเพราะรู้ น่ะสิ ว่าจะซวยกันหมดอย่างที่ว่าจริงๆ..
“..เอ้าๆๆ..เดินเรียงกันเข้าไปน่ะ..เข้าแถวกันดีๆล่ะ “ ผู้คุมสั่งพร้อมกับเปิดประตูออกช้าๆ พวกผมก็กรูกันเดินเข้าไปยังบริเวณที่จัดไว้ให้เยี่ยม ที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่หนาตา มีนักโทษหลายรายนั่งอยู่กับครอบครัว พุดคุยหัวเราะกันยิ้มแย้มแจ่มใสบรรยากาศแห่งความสุขนั้นทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ ตาก็พยายามกวาดมองหาคนที่ตัวเองอยากเจอ
“..เนม..ทางนี้..!!” เสียงทักนั่นทำให้ผมหันขวับไปมอง ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างด้วยความดีใจ และรีบสาวเท้าไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นมะม่วงทันที..
แกร๊ก...
เสียงปิ่นโตสีเหลืออ่อนลายดอกไม้วางลงบนพื้นหิน พร้อมกับข้าวของแต่ละอย่างที่วางลงช้าๆ อาหารแต่ละอย่างเตรียมมาพร้อมสรรพถูกบรรจงวางลงตรงหน้า ทำให้คนมองยิ้มรับอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีเข้มทอดมองวงหน้าหวานของหญิงสาวตรงหน้า..
แว่วเสียงผู้คุมประกาศอะไรบางอย่างดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะครืน แม้ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร แต่บรรยากาศดีๆนี้ก็ทำให้เขาหัวเราะตามได้ไม่ยาก
“..ผู้คุมเขาพูดอะไรเหรอ?..” เสียงถามนั้นทำให้เขาหันไปมองหน้า ก่อนจะส่ายหัว..
“..ไม่รู้สิ..”
“..อ้าว?..” คนฟังมีสีหน้างวยงง.. “งั้นโตหัวเราะทำไม..”
“ ก็อารมณ์ดี..” ออกปากพลางทอดสายตามองกับข้าวตรงหน้า ..แล้วเลยไปมองสบตาหวานๆของหญิงสาวคนรัก เธอยิ้มให้เขาน้อยๆ..ก่อนจะชีชวนไปยังอาหารเบื้องหน้า..
“..เขาบอกให้ทานข้าวได้แล้ว..กินสิ..เรื่องอื่นไว้ทีหลัง..”
“..เรื่องอะไร?..เรื่องอื่น หืม?..” ว่าพลางส่งสายตาล้อเลียน ทำเอาคนสบตาแก้มแดงเรื่อขึ้นทันที แต่สาวเจ้าก็ค้อนขวัก..
“..กินๆไปเลยน่ะ กินให้หมดด้วย ไม่หมดจะงอน..”
“..โห...งั้นกินไม่หมดดีกว่า ตั้งเยอะขนาดนี้..”
“..โตบ้า...”
คำตอบรับนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขจากผู้ฟัง..
“..ป๋า...มาทำไมว่ะ?..” ถามพร้อมกับปลายเท้ายกขึ้นพาดกับโต๊ะ..จงใจเอาปลายเท้าชี้หน้าบิดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง..
“..ก็เค้าส่งจดหมายมาเรียก..ทำไม มาไม่ได้เหรอ ไอ้หมา..” ผู้โดนปลายเท้าชี้หน้าก็พอกัน เอาบุหรี่ที่สูบอยู่มาจี้ตีนลูกชายซะงั้น..
“..โอ้ยยยยยยยยยย... เจ็บน่ะ !! แล้วอย่ามาเรียกไอ้หมา เอาภาษาบ้านเกิดตัวเองมาเรียกทำไมว่ะ.. “ โวยพลางก้มลงปัดๆปลายเท้าตัวเองที่โดนปลายบุหรี่จิ้ม ดีที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้จงใจทำอะไรรุนแรง ไม่อย่างนั้นคงได้เจ็บแสบๆร้อนๆกันไปอีกนาน..
“..ใครบอกให้เอาตีนมาชี้หน้าป๋าล่ะว่ะ ไอ้ลุกหมา.. “ คนเป็นพ่อทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ พลางหันไปหยิบบุหรี่อีกมวนมาสูบหน้าตาเฉย..
“..ขอโทษน่ะครับ..ขอความกรุณางดสูบบุหรี่สักครู่น่ะครับ..” ผู้คุมที่ดูท่าจะมองการพบกันของพ่อลูกคู่นี้มาพอสมควรแล้วก้าวเท้าออกมาห้าม เนื่องจากบุหรี่ถือเป็นข้อห้ามไม่ให้นักโทษมีไว้ในครอบครอง แม้ว่าลับหลังพวกมันจะหาสูบกันเป็นล่ำเป็นสัน แต่กะจะมาสูบต่อหน้าต่อตา กํคงต้องห้ามกันหน่อย..
“..ไม่เป็นไรหรอกน่า พ่อหนุ่ม..ฉันรู้หรอกว่าเขาห้ามไม่ให้พวกมันสูบ ฉันไม่ให้มันหรอกน่า..” ว่าพลางดีดขี้บุหรี่ไปตรงหน้าลูกชายที่กอดอกหน้าบึ้งใส่..
“..ถึงไม่ให้ก็ไม่ได้ครับ เพราะจะเป็นการรบกวนผู้อื่น..” ผู้คุมเอ่ยค้าน ให้คนฟังถอนหายใจเฮือกรับ แล้วเอานิ้วเคาะปลายบุหรี่ให้เศษของมันตกลงเบาๆ..บนมือของลูกชายตัวเอง..
“..ว๊ะ !!.ไอ้ป๋าบ้านี่ มาที่นี่จะหาเรื่องกันใช่มั้ยเนี่ยยยยยยยยยย..”
“..หึ....” เสียงร้องในลำคอแผ่วเบา กอดอกพิงผนังซีเมนต์ สายตามองไปยังลานกว้างที่บัดนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนหลายหลาก สีหน้ามีความสุขของเหล่านักโทษ บรรยากาศของการพบกันอีกครั้งช่างน่ามองนัก..
ทว่าอีกมุมหนึ่งของความปลื้มปิติยินดี และเสียงหัวเราะแห่งความสุขสม กลับมีนักโทษไม่น้อยที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่เบื้องหลัง บ้างก็นั่งคุยกัน บ้างก็กอดอกมองภาพแห่งความยินดีนั้น..ราวกับจะตอกย้ำตัวเอง..ว่า..เป็นผู้ที่ “ถูกลืม” ถูกลืมเลือนและทอดทิ้งจากครอบครัว ตลอดจนญาติพี่น้อง หรือกระทั่งคนรัก...
มุมหนึ่งของความสุขก็ยังคงปะปนด้วยความเศร้าสร้อยระคนเหว่ว้า การถูกลืมเลือนสำหรับพวกเขาเป็นเรื่องปกติ ทว่ามันก็น่าอิจฉาและแสลงใจไม่น้อย..ที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนอื่นๆที่ไม่ถูกทอดทิ้ง..ได้มองเห็นภาพของผู้ที่ยังมีคนรออยู่เบื้องหลัง หาใช่ถูกตัดหางปล่อยวัดทิ้งไว้เดียวดายเช่นตน..
กึก..!!
ฝีเท้าเดินมาหยุดลงเบื้องหน้า ทำให้เงยหน้าไปมอง..สบตาสีนิลที่คุ้นเคย ความอบอุ่นอาทรในแววตานั้นมองตรงมายังที่ตรงนี้ พร้อมกับคำถามแผ่วเบา..
“..มาเยี่ยมได้ไหม?..”
ฮ้า.... ช่างมีความสุขเหลือหลาย..
ผมนอนตีพุงสบายใจเฉิบบนตักแม่ตัวเองอย่างไม่รู้จักอายแล้วในตอนนี้ หลังจากกินอาหารฝีมือแม่ที่แสนอร่อยจนพุงกาง แล้วนอนหนุนตักแม่พลางฟังแม่เล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นข้างนอกไปพลาง ลูบหัวผมไปพลาง..
“..แล้วน้อง..” ผมออกปากถามแม่เรื่องน้องสาวที่ผมไม่เห็นแม่แต่เงา..
“..น้ำไปเรียนพิเศษจ๊ะ..” แม่ตอบกลับมาแบบนั้น ทำให้ผมพยักหน้าหงึก แล้วหันไปกอดเอวแม่ เอาหน้าซุกพุงซะเลย..
“..อ้อนแม่ใหญ่เชียว..อายคุณอาเขามั่งสิ..” แม่ว่าพลางพยักเพยิดไปทางคุณอาที่ว่า คุณอาสินธรที่อยู่ข้างบ้านที่รักผมเหมือนลูก เป็นคนจัดการดูแลอะไรหลายๆอย่างให้กับผมจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี..
“..ไม่เป็นไร ๆ..รู้น่ะว่าคงเหงา..” คุณอาว่าพลางหัวเราะเบาๆ สายตากวาดมองไปโดยรอบด้วยแววตาใคร่รู้ปนยินดี..
“..ว่าแต่ไม่ค่อยเห็นสาวๆมาเยี่ยมเลยน้า ส่วนมาเป็นพ่อแม่สิเนี่ย “
“..อาจะหลีสาวเหรอ??..” ผมถามตาโต ทำเอาคนฟังยกมือเขกหัวผมเบาๆ..
“..เจ้าคนนี้นี่..เดี๋ยวไม่ยกนิ่มให้น่ะ..” ว่าพลางหัวเราะเบาๆอย่างเหนือกว่า..
“..โห..ลูกอามาจีบผมเองน่ะ..แล้วนี่ไปไหนล่ะ ตะกี้ยังอยู่นี่อยู่เลย..” ผมหันซ้ายหันขวามองหา”นิ่ม” เด็กสาวข้างบ้านที่มาพร้อมกับลุงสินธรผู้เป็นพ่อ..
“..อืม..เห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำนี่...” รายนี้ไม่ห่วงลูกตัวเองเท่าไหร่ ชะเง้อคอมองไปมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นสุดๆ..
“..เนมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!!!!!!!!!!!!!!! “ เสียงร้องดังลั่นชนิดที่ว่าแหวกรู้หูทำให้ผมสะดุ้ง ลุกพรวดมาจากตักแม่ทั้งที่ออกจะนุ่มสบาย ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหล่นตุ๊บลงมาบนตัว พร้อมๆกับกลิ่นหอมจางๆ..
“..นิ่ม !!..” ผมร้องเมื่อเห็นคนที่ยืนแป้นแร้นอยู่เบื้องหน้า นิ่มลูกสาวคุณอาสินธร เด็กสาวข้างบ้านที่ตามจีบผม ตอนนี้เอ่อ..เธอเดินแกมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับเรียกชื่อผมดังลั่น และหอบกุหลาบแดงช่อเบ้อเริ่มมาโยนให้ผม..
...คือความจริงแล้วเขาคงไม่อยากโยน แต่เผอิญหกล้มหลุดมือมากกว่า..
“..สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ้า..” เจ้าตัวยิ้มร่า มองหน้าผมตาหวานทำเอาผมได้แต่เกาหัวแกรกหัวเราะฝืดๆ.. แว่วเสียงหัวเราะกับเป่าปากรอบๆกายแล้วยิ่งกระดากใจเข้าไปใหญ่..
“..อ้อ...ขอบใจๆ..” ผมรับงึมงำ ก้มมองดอกกุหลาบสีแดงช่อโต..ก่อนจะยื่นให้เธอกลับ..
“ เอ๋...? “
“..ความจริงไม่ต้องซื้อมาซะมากขนาดนี้ก็ได้ ยังไงเราก็เอาเข้าไปไม่ได้อยู่ดี สู้เอาของกินมาดีกว่า.. “ผมว่าพลางยิ้มบางๆให้ “..ถึงจะเป็นของนิ่ม แต่ถ้าเอาให้เราก็แสดงว่าเป็นของเรา..งั้นก็ขอให้กลับแล้วกัน..แฮปปี้วาเลนไทน์.. “
“แหม..เนมล่ะก้อ ~~” ยัยนี่อายม้วน ทำเอาผมหัวเราะขำ..
“..อะแฮ่มๆ...ไม่เอาให้พ่อสิน่ะ..” รายนี้ก็งอนลูกซะหน้าตาเฉย..
“..พ่อไม่น่ารักเหมือนเนมนี่..เนม..เค้าซื้อช็อคโกแลตมาให้ตัวด้วยล่ะ..” ว่าพลางยื่นกล่องสีชมพูหวานมาให้ผม ผมพยักหน้ารับขอบคุณ มันคงเป็นการให้ที่สวยงามอยู่หรอก ถ้าไม่ได้มาส่งให้กันในคุกนี้น่ะ..
“..หนุ่มๆสาวๆนี่ดีจังน้า..” อาสินธรว่าแล้วหัวเราะเบาๆ.. “ ถึงจะเป็นที่นี่ก็เถอะ ยังไงวันแห่งความรัก ก็เป็นวันแห่งความรักอยู่ดี..โอ้..คู่หนุ่มสาวนั่นสมกันดีนี่...”
อาสินทรว่า ทำให้ผมมองตาม ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ที่แท้ก็จอมมารคนเดิมในมาดไม่เหมือนเดิม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สวีตกับแฟนจนผมแอบเอียน เหอะ..
“..เนมๆ...แล้วเราจะมาเยี่ยมเนมอีกได้ไหม?..” นิ่มหันมาถามผม..
“..ได้สิ..แต่ต้องมากับพ่อ ไม่งั้นก็มากับน้าแก้วน่ะ..ห้ามคนเดียว ไม่ดี..”
“..อื้ม..งั้นเราไปน่ะ..เราต้องไปเรียนพอเศษต่อแล้ว..” นิ่มว่าพลางลุกขึ้น พลางสาวเท้าเดินจากไผพร้อมอาสินธร..
“..แปลกจังน่ะครับ..” ผมมองตามร่างของสองคนนั้น..พูดออกมาเบาๆ..
“..อะไรล่ะหือ?..”
“.ผมนึกว่า..อาสินธรจะรังเกียจ ..แล้วนิ่มก็จะกลัวผม..แต่พวกเขากลับยังเหมือนเดิม..แปลกจัง..” ผมหัวเราะๆเบา..แต่ก็อดปวดแปลบในใจไม่ได้..
“..แม่ก็ไม่รู้..แต่แม่ดีใจที่พวกเขายังเหมือนเดิมกับเรา..” แม่ว่าพลางลูบไหล่ผมเบาๆ..
“..ผมอยากให้คนอื่นเหมือนเดิม อยากให้พวกเขามองผมเหมือนเดิม เป็นคนเดิม..” ผมกระซิบแผ่วเบา รู้สึกเจ็บแสบตรงลำคอ..
“..ทุกคนจะ...เป็น..เหมือนเดิม..ถ้าลูกกลับไป..น่ะ...” แม่บอก..แต่น้ำเสียงสั่นไหว กับดวงตาที่หวาดหวั่นนั้นทำให้ผมอดปวดใจไม่ได้..
“..แม่...ผม..จะเป็นคนดีน่ะครับ..จะทำให้ได้ ถึงแม้จะอยู่ในที่แบบนี้ก็ตาม..” ผมกระซิบ..กอดเอวแม่ไว้แน่น..
“..แม่รู้..ว่าหนูทำได้..” แม่ยิ้มให้ผมพลางหยิบช๊อคโกแลตของนิ่มในกร่อนที่ผมแกะออกมาหย่อนลงปากผมที่อ้ารับ..
“..เนม..แม่จะมาเยี่ยมหนูได้อีกเมื่อไหร่?..” แม่ถามผมเบาๆ..พลางลูบหัวช้าๆ..
“..ต้องครบสามเดือนก่อนครับ..” ผมบอกพลางกลืนช๊อคโกแล๊ตของนิ่มลงคอ..แล้วลุกขึ้นมองหน้าแม่ตัวเอง..
“..คิดถึงแม่จัง..” ผมกอดเอวผู้หญิงที่รักที่สุดในชีวิตไว้ ซบหน้าลงกับไหล่ผอมๆของแม่..
“..อืม..แม่รู้...”
“..แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆน่ะ...”
“..จ๊ะ..แม่รู้...”
“...แม่....ผมรักแม่น่ะครับ...”
“..แม่รู้..ลูก..”
ผมยิ้มน้อยๆ..ขณะที่ทอดกายลงกับตักของผู้เป็นมารดาอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้ม พยายามซึมซับเอาความรักและความอบอุ่นให้มากที่สุด เพื่อเป็นกำลังใจในวันต่อไป..
“ป๋า !! ถ้าจะมาชวนทะเลาะน่ะ กลับบ้านไปเลยไป..” เสียงตะโกนแสนคุ้นหู ทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะหลุดหัวเราะพรืดแบบหยุดไม่อยู่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า..
ก็พี่วิทย์ขี้โวยคนเดิมที่ตอนนี้ทำหน้าแบบไม่รู้ว่าจะอึ้งหรือจะอายหรือควรโมโหดี เพราะในมือของผู้ชายวันกลางคนที่หน้าตามีแววคล้ายกันพอควรมีดอกกุหลาบดอกหนึ่งในมือ..
“..ชวนทะเลาะอาราย..อาวิทย์..ป๋างานยุ่งอุตส่าห์มาเยี่ยมทั้งที จะพูดดีๆกับพ่อไม่ได้ใช่มั้ย?..” คำพูดของคนเป็นพ่อทำเอาคนฟังชะงัก แต่พอมองเห็นดอกกุหลาบเจ้าปัญหาในมือบิดาเท่านั้นแหละ วิทย์ก็ร้องว้ากต่อ..
“..แล้วพ่อบ้านไหนมันเอาดอกกุหลาบมาให้ลูกมั่งว่ะ !!ไปไกลๆเลยน่ะ ..”
“..ทำไม?..ก็เขาบอกว่าเอามาให้คนที่รักนี่..เอ็งไม่รักป๋ารึไง?..” คำถามนั่นทำเอาคนฟังชะงัก แก้มขึ้นสีหน่อยๆ มองพ่อตนเองที่ยังถือดอกกุหลาบไว้ในมือแล้วนึกอยากโบกตาแก่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่ซักโป๊ก แต่ก็จนใจเพราะทำไม่ลง เขาเลยเอื้อมมือควักกระเป๋ากางเกง..ยืนดอกกุหลาบพลาสติกสีแดงที่เยินๆไปไม่น้อยมาตรงหน้าผู้เป็นบิดา..
“..ใครว่าไม่รักล่ะว่ะ..แต่แก่ๆอย่างป๋าน่ะ เอาดอกเยินๆนี่ไปเลย..เอาตีนทำมากับมือ..”
โต๊ะม้าหินอ่อนสีขาวใต้ต้นมะม่วงที่ผลิใบเป็นร่มเงามีร่างของสองหนุ่มนั่งนิ่ง ทั้งสองคนในชุดนักโทษสีกากีมองหน้ากันไปมาท่ามกลางความอึกทุกครึกโครมของบรรยากาศโดยรอบ แต่โต๊ะนี้กลับเงียบกริบ..
“..ไม่มีใครมาเยี่ยมรึไง?..” ออกปากถามพลางเท้าคางมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย..
“..จะมีใครมาล่ะ..” ว่าพลางหันไปมองโต๊ะที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกคุ้นหู..กันย์ยิ้มน้อยๆเมื่อเหลือบเห็นท่าทีขัดเขินปนโมโหของคนไข้รายประจำ ก่อนจะหันมาหาอีกรายที่นั่งเท้าคางไปทางอื่นไม่มองมาสักนิด..
“..แต่ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่..” เอ่ยพลางสะกิดให้คนเหม่อหันมามองหน้า “..ถึงจะโดนตราหน้าว่าโดนทิ้ง ก็ไม่เห็นจะน่าสน..ในเมื่อเมฆยังมีพี่อยู่ทั้งคน “
“..แต่ยังไงก็อยากให้มีคนมาเยี่ยมอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ?..” ฟังแล้วก็ว่าไปอีกเรื่อง..
“..ก็ใช่..”รับคำพลางมองไปยังบรรยากาศโดยรอบ.. “..แต่ถึงไม่มีใครมา มันก็ไม่น่าเศร้าเท่าไหร่หรอก..”
“..หึ....”คนฟังโคลงหัวแล้วหันมามองหน้าคนพูดเงียบๆ..
“..บอกแล้วไง..ว่าแค่นี้ก็พอแล้ว...”
กล่องของขวัญสีหวานถูกแกะออก พร้อมๆกับช๊อคโกแล๊ตสีหวานข้างในทำให้คนได้รับยิ้มออกมา มือเอื้อมหยิบมันเข้าปากพลางมองหน้าคนตรงหน้า...
“..ทำเองเหรอ?..”
“.แน่สิ..ทำเองอยู่แล้ว..” หญิงสาวยิ้มภูมิใจ..
“..อืม..ก็ว่า..รสชาติเหมาะกับที่กิ้งทำจริงๆ..” คนได้ฟังคำตอบกวนออกไปทันที ส่วนคนฟังก็ตีหน้าบูด ทำท่าจะดึงเอาของในกล่องนั้นกลับ..
“ว่าอย่างนี้ไม่ต้องกินน่ะ.. “
“..แนะ..อย่างอนสิ..พูดเล่น..” ว่าแล้วหยิบมาวางเหมือนเดิม พลางกุมมือเล็กนุ่ม ไว้ด้วยสองมือ..พร้อมๆกับสบตาคู่หวานด้วยรอยยิ้ม..
“..เพราะกิ้งทำ..ก็เลยอร่อยไปทุกอย่างเลยไง..” เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ขณะที่คนฟังชะงัก แก้มขึ้นเป็นสีจัด..ยิ่งเมื่อมือหนาไล้แก้มขาวเบาๆก็ยิ่งขึ้นสี..
“..แฮปปี้วาเลนไทน์..”
“..อืม..แฮปปี้วาเลนไทน์...” กิ้งก้มหน้าหลบสายตาคมคู่นั้น..ขณะที่คนมองก็อมยิ้ม พลางหยิบขนมในกล่องมากินอีกครั้ง..
“.หวานแปลกกว่าทุกที..ใส่อะไรไปข้างในเหรอ?..” ออกปากถาม กิ้งชะงัก หันมามองหน้าพลางยิ้มหวาน..
“..มันเป็นกล้วยราดช๊อคน่ะ..”
แกร๊ง.......
......HaPpY VaLaNtinE Day’s””...
“..วันนี้อารมณ์ดีสุดๆเลยน้า ~~..”
“..แน่สิว่ะ ได้เจอครอบครัวทั้งที..”
“..ว่าแต่แม่มึงให้อะไรมาว่ะ?..”
“..ผ้าขนหนูเว้ย กับสบู่ใหม่ตั้งเยอะ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น กุฝากไว้ที่กองพัสดุ ไม่มีทางที่มึงจะจิ๊กไปได้หรอกไอ้สัด..”
เสียงพูดคุยล้งเล้งของบรรดาพี่ๆทั้งหลายดังขึ้นในห้องขังหลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมเยือนของครอบครัวในวันพิเศษแห่งนี้ บรรยากาศแห่งความสุขความยินดีเหมือนจะยังตกค้างอยู่ไม่น้อย ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนยังไม่จางหาย เสียงพูดคุยหยอกล้อกันด้วยความยินดียังดังแซงแซ่..
“..มึงได้อะไรมาว่ะไอ้เนม..แหม..ตัวเท่าเมี่ยง มีสาวหอบกุหลาบมาให้ช่อเบ้อเริ่ม..ดูแล้วอิจฉาโว้ย !!..” พี่ทินเดินมาหาผมพลางออกปากทัก
“..หึ ถึงผมตัวเล็กก็หล่อน่ะพี่..หล่อเกาหลีอ่ะ ไม่รู้จักรึไง..” ผมว่าพลางหัวเราะหึหึ
“..เหอะ..หลงตัวเอง..ยืดเลยน่ะมึง..” ว่าพลางยกมือเฉดกลาบผมเบาๆแบบว่าพอรู้สึก..
“..สู้พี่ตะ.....” น้ำเสียงเย้ยเยาะที่จะเอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้คุณพี่โตหยุดลงแค่นั้น พร้อมกับความเงียบยาวเหยียด และสายตางวยงงที่ตามมา..
..ผมส่งสายตาเป็นเชิงไม่อาจทราบได้ให้พี่ทินและพรรคพวกทันที ตาก็มองไปยังท่านผู้นำที่ตอนนี้ นั่งซุกอยู่กับมุมห้อง หยิบรูปถ่ายอะไรสักอย่างมาดูแล้วบ่นงึมงัมกับตัวเอง..
“..เหี้ยพี่โตเป็นไรว่ะ???...”
......HaPpY VaLaNtinE Day’s””...
กลับมาแล้ว..
กลับมาเขียนต่อเลยเหรอ..เปล่า..มาเขียนต่อตอนปลายเดือนเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เอาตอนพิเศษที่นั่งพิมพ์สดมาลงไว้ก่อน แบบว่าแฮปปี้วาเลนไทน์ไงค่ะ..
ถึงจะช้าไปหน่อยก็หยวนๆแล้วกัน เพราะเราไม่ว่างจริงๆ นี่ว่างจากการสอบประมาณสี่วัน รีบเข็นมาให้อ่านเลยน่ะเนี่ย .. ตอนแรกกะจะเอาตอนพิเศษที่เขียนไปแล้วมาลง แต่มันยังไม่สมบูรณ์ดี บวกกับอยากเขียนตอนวาเลนไทน์ซักหน่อย ตอนนี้เลยบังเกิดขึ้น..
ปอลอ..เรื่องในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้องเรื่องหลักน่ะจ๊ะ..
