มาต่อตอนที่สี่แล้วนะคะ หวังว่าจะยังมีคนอ่าน

..............
.........................
ตอนที่๔
จากข้อมูลที่มี..สมมติฐานคือ..“เป็นรุ่นพี่” ก็น่าจะใช่นะตัวป่วน คุณนิรนามแกแทนตัวเองว่าพี่กับแกตลอดเลยนี่
“น่าจะต่างคณะด้วยว่ะ เราว่า อาจจะเป็นอักษร เพราะพอพวกเราไปเรียนวิชาเลือกกันที่อักษรวันจันทร์บ่าย พอเช้าวันถัดมาก็เริ่มมีดอกไม้ส่งมาให้แก” วิเคราะห์ได้ดีมากเพื่อนนุ่น
“เขาต้องรู้จักกับเด็กคณะเราด้วย” แผนมันว่าอย่างนั้น อืม..น่าเชื่อๆ
“เออเนอะ ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่าพวกเราเข้ามาเรียนแถวนี้เฉพาะวันอังคาร พฤหัส แล้วก็ศุกร์ แถมยังรู้เวลาอีกว่าพวกเราจะมานั่งตรงนี้ตอนไหน” ไอ้เพื่อนนุ่นมันพยักเพยิดเข้ากับไอ้แผนเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว
“เฮ้ย...เช็คตารางเรียนทางเว็บสำนักทะเบียนก็ได้ม้าง” อืมๆๆตัวป่วนมันมีเหตุผล
“รู้ตารางเรียนก็ใช่ว่าจะรู้นี่ว่าพวกเรามักจะมาถึงกี่โมง นั่งโต๊ะตรงไหนเป็นประจำ ชั้นว่าคุณนิรนามแกต้องมีสายเป็นเด็กคณะเราแน่ๆอ่ะ” เพื่อนนุ่นมันยังเชื่ออย่างนั้นอยู่
.....
..
“สันนิษฐานให้กว้างๆไว้ก่อน เอางี้นะ นุ่นกับป่วนคิดอะไรออกก็เขียนไว้ด้วย ต้องไปแล้ว เดี๋ยวไปสอนสาย ไม่อยากให้น้องคอย” เพื่อนแผนมันเก็บหนังสือมาซ้อนกัน เหน็บดินสอกดไว้ที่กระเป๋าเสื้อแล้วลุกขึ้นยืน
ตัวหนาๆสูงๆที่ลุกขึ้นยืนนั้นบังแสงจากแดดยามบ่ายแก่ๆจนเกิดเงาทาบไปเกินความยาวของโต๊ะเสียอีก
“ป่วนจะกลับก่อนรึจะรอ?” ก่อนจะก้าวไปทางหน้าประตูมันก็หันกลับมาถามตัวป่วน
“เลิกทุ่มครึ่งเองนี่ เดี๋ยวคุยกับไอ้นุ่นแป๊บๆก็ได้เวลาแล้วมั้ง กลับพร้อมกันเหอะ”
“โอเค.”
“เดี๋ยว แผน..”
“..?..”
“จะบอกว่าชั้นกับป่วนจะรอกินข้าวนะ พอใกล้ๆเวลาแผนเลิกก็โทร.มาแล้วกัน อยากกินส้มตำสวนหลวงอ่ะ”
“ตกลง” แล้วไอ้แผนก็ส่งสายตาเยิ้มๆมาให้ไอ้นุ่นที่มองไม่เห็นเพราะนั่งหันหลังให้ประตูร้าน แต่ไอ้ตัวที่เห็นชัดน่ะ คือไอ้ตัวป่วน
แล้วพอเห็นอย่างนั้นมันก็ตั้งใจว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยไอ้คุณแผนเพื่อนรักให้ถึงที่สุด
............
...
อีกสิบนาทีสองทุ่ม ตัวป่วนกับเพื่อนนุ่นเดินคุยกระจุ๋งกระจิ๋งมาถึงร้านขายส้มตำ ลาบ น้ำตก เจ้าประจำที่มาฝากท้องบ่อยๆตั้งแต่เทอมแรก
พอป่วนกับนุ่นเดินมาด้วยกันอย่างนี้นี่ยิ่งชัดว่าไอ้ตัวป่วนมันเป็นผู้ชายไซส์มินิเหลือเชื่อ น้ำหนักตัวมันน้อยกว่าไอ้นุ่นอีกล่ะมั้ง
ที่พวกนี้มันรู้จักร้านนี้เพราะรุ่นพี่ที่คณะมักพามาเลี้ยงหลังเลิกกิจกรรมที่เด็กปีหนึ่งมักจะต้องอยู่ทำกันจนดึกดื่น
ส่วนสภาพของร้านน่ะหรือครับ อย่าได้หวังว่าจะได้เปิดประตูกระจกแล้วพาร่างงามๆเข้าไปปะทะลมจากเครื่องปรับอากาศเย็นๆเชียว
เพราะร้านส้มตำที่ไอ้คุณนุ่นมันเรียกร้องอยากกินน่ะ เป็นร้านรถเข็นริมถนนที่คนกินต้องอาศัยแสงไฟจากหลอดตะเกียบที่แขวนอยู่สองสามดวงทั้งที่มีโต๊ะอยู่เกือบสิบโต๊ะ
คาดว่าเจ้าของร้านจะตั้งใจให้ลูกค้ามองเห็นของที่ยกมาเสิร์ฟไม่ชัดแน่ๆ
“แผนเอาไรอีกป้ะ? สั่งตำปูปลาร้าเผ็ดพิเศษ ตำปูเด็กน้อย ต้มแซบ คอหมูย่าง แล้วก็เสือร้องไห้ไปแล้วอ่ะ” เพื่อนแผนมันมาถึงแล้วครับ สงสัยเหาะมาจากวิทยา
“นุ่นแม่ง กินเผ็ดเวอร์อ้ะแก อิเผ็ดพิเศษนั่นแกกินกะไอ้แผนไปเลย รู้ว่าเพื่อนชอบแม่งก็สั่งมายั่วน้ำลาย ใจร้ายว่ะ” ไอ้ตัวป่วนมันน่าสงสาร กินเผ็ดไม่ได้แต่ก็ชอบนัก จกนิดจกหน่อย แล้วก็ต้องดื่มน้ำตามทีละสองสามแก้ว
“โห่..ส้มตำเด็กน้อยของแกไง กินเข้าไปสิ ชั้นไม่แย่งแกหรอก โฮะๆๆๆ” ไอ้นุ่นนี่ก็ช่างทับถม แค่กินเผ็ดไม่ได้แค่เนี้ยทำจิกกัดเพื่อน
“เอาตับหวาน แล้วก็น้ำตกหมูครับพี่” ไอ้แผนมันก็นิ่งๆของมันตามเคย เพื่อนมันอีกสองคนจะจิกกัดกันแค่ไหนมันก็ไม่เคยสะดุ้งสะเทือน
“พวกแกสั่งข้าวเหนียวกันยัง?”
“สั่งแล้ว คนละกระติบนะ” ป่วนมันตอบไปมือก็ทำหน้าที่แจกจานแจกช้อนส้อมไป ส่วนเพื่อนนุ่นก็คีบน้ำแข็งใส่แก้วแล้วแจกน้ำ
พออาหารมาเท่านั้นแหละ อย่างกับแร้งลง ไอ้พวกนี้นี่มันใช้พลังงานทำไรไปหมดหว่า กินกันไวเกิ๊น
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีความเร็วก็ตก
“พี่ครับ เสือร้องไห้อีกหนึ่ง ตับหวานอีกหนึ่ง” ไม่ใช่ใครหรอก เสียงไอ้ตัวป่วนน่ะ เห็นมันตัวบางๆอย่างนั้นกินเก่งอย่างกับเลี้ยงพยาธิไว้สักครึ่งท้อง
“เอาซุปหน่อไม้ด้วย” เพื่อนนุ่นสั่งไปก็เคี้ยวคอหมูย่างชิ้นหนาเท่าฝาบ้านตุ้ยๆ ปากงี้มันเชียว
“พี่คร้าบ ซุปหน่อไม้เพิ่มอีกอย่าง” ไอ้ตัวป่วนก็เห็นดีเห็นงาม เรื่องกินนี่ไม่มีทักท้วงกันหรอก
“เออ สรุปพวกแกคุยกันตอนชั้นไม่อยู่ได้เรื่องอะไรเพิ่มรึเปล่า?”
“เราสองคนคิดตรงกันว่าควรเริ่มจากคนที่เรียนคลาสเดียวกับพวกเราที่อักษรนะแผน ชั้นว่าคุณนิรนามของไอ้ป่วนมันอาจจะเป็นใครสักคนในนั้น”
“ไม่ใช่ของชั้นเว้ย แกตั้งชื่อให้ก็ต้องของแกสิ”
“บ้าดิ เขามาจีบแกนี่หว่า บอกไม่ใช่ๆอย่างนี้แล้วทำไมเขาให้อะไรมาแกก็เก็บไปทุกอย่างเลยล่ะ ทั้งดอกไม้ทั้งกลอน ไม่เห็นยกให้ชั้นสักอย่าง ทำไมยะ ไม่ชอบคนแต่ชอบของงั้นสิ”
“ก็....หงะ นุ่นอ้ะ”
“เถียงไม่ออกล่ะสิ ป่วนเอ๊ย ชั้นจะบอกอะไรให้นะ ถ้าแกไม่คิดอะไรกับเขา แกก็จะโยนของเขาทิ้งไปได้ง่ายๆ ถึงไม่ยกให้ใครแกก็คงไม่เอาไปเก็บไว้หรอก”
“อย่ามา ชั้นก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักหน่อย”
“เออ ไม่พิเศษหรอกนุ่น ไอ้ป่วนมันแค่เอาไอ้กุหลาบขาวนั่นไปห้อยหัวเตรียมทำดอกไม้แห้ง ส่วนเดซี่ช่อใหญ่นั่นได้สิทธิ์อยู่ในแจกันโต๊ะกาแฟที่ห้องรับแขกกับอีกส่วนเข้าไปปักแจกันอยู่ในหัวเตียงมันเท่านั้นแหละ”
“ไอ้แผน เงียบปากไปเลยเมิง” อ้าวๆ ไอ้นี่เขินแล้วไปลงกับคอหมูย่างเว้ยเฮ้ย นี่กะเคี้ยวจนน้ำย่อยในกระเพาะไม่ต้องทำงานเลยมั้ง ก้มหน้างุดๆจิ้มของกินใส่ปากเอาๆ
“เร้ออออออออออ โห..ไม่พิเศษเลยเนอะ แล้วมาลัยดอกรักล่ะแกวางไว้ข้างหมอนรึเปล่า?” ไอ้คุณนุ่นนี่ก็ล้อไม่เลิก เพื่อนมันก้มหน้าจนจะทะลุลงไปใต้โต๊ะแล้วก็ไม่เห็นใจบ้างเลย
“พี่คร้าบ เก็บตังค์”
“อ้าว ไอ้ป่วน ช่างกล้านะแก เถียงไม่ได้เลยชิ่ง โฮะๆๆๆๆ”
“เออดิ เห็นอย่างนี้ชั้นก็อายเป็นนะเว้ย แม่ง ล้ออยู่ได้”
“สองร้อยสิบสองบาท เอามาสองร้อยพอ” พวกมันเลิกเถียงกันแล้วรีบยื่นเงินให้พี่คนเก็บตังค์อย่างเร็ว เดี๋ยวเขาเปลี่ยนใจไม่ลดให้
เคยมีมาแล้ว ตอนแรกลดราคาให้ พอหยิบเงินช้าพี่แกคิดเต็มราคาซะงั้น แกว่าทำให้เสียเวลาไปบริการลูกค้าโต๊ะอื่น
“ว้า......ลืมอ้ะ” ตอนกำลังจะย้ายตัวเองออกจากร้านพร้อมกับกระเพาะอาหารที่เต็มจนเกือบล้นตัวป่วนมันก็ส่งเสียงง้องแง้งของมันออกมา
“ไรของแก ลืมเรื่องไร?” เพื่อนนุ่นก็ถามทันที ในขณะที่เพื่อนแผนมันแค่ปรายตามอง
“สองทุ่มเค้กลดราคาไง ครึ่งราคาเลยนะ เสียดายอ้ะ”
“เออ จริงด้วย รีบไปดูกันเผื่อยังเหลือ”
“เหลือไรล่ะ จะสามทุ่มแล้วเนี่ย กว่าจะเดินกลับไปอีก เศร้าอ่ะ อยากกิน banana fondant” ตัวป่วนมันเริ่มคร่ำครวญแล้วครับ
“เนื้อช๊อคโกแล๊ตนุ่มๆหนืดๆ สอดไส้กล้วยหอม ฮือ...พลาดอ้ะ อยากกินๆๆๆ”
“เออ ชั้นก็อยากกินชีสเค้กเหมือนกันแหละ ร้านนี้ชีสเค้กอร่อยอย่างเวอร์ เง้อ...” นี่เสียงไอ้คุณนุ่น บ่นไปแถมเอฟเฟ็คท์เสียงครางหงิงๆด้วย
“พอเลยพวกแกสองคน นุ่นก็กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวกว่าจะถึง ดึกแล้วจะอันตราย เดินเข้าซอยอีก” แผนมันพูดซะเป็นจริงเป็นจัง
“แผนอ้ะ อย่าดุดิ ชั้นมีพ่อคนเดียวก็พอแล้ว”
//อย่าไปทำปากยื่นใส่ไอ้แผนมันนุ่น เดี๋ยวมันจะอยากเป็นพ่อแกขึ้นมาจริงๆ// เสียงความคิดตัวป่วนมันน่ะครับ แหม..คิดเหมือนผมเลย
“ไปนุ่น เราเดินไปส่งป้ายรถเมล์” เห็นมั้ยครับ ป่วนมันเถียงกับเพื่อนนุ่นลับฝีปากไปงั้นเอง ที่จริงมันห่วงเพื่อนมันจะแย่
“ไม่ต้องเลย จะย้อนไปย้อนมาทำไม เดี๋ยวพวกแกสองคนก็ต้องเดินกลับมาขึ้นรถฝั่งนี้อยู่ดี” ก็บอกแล้วไอ้นุ่นมันมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองเสมอแหละ มันว่ามันมีดีที่หนังหน้า ป้องกันได้ทั้งมนุษย์ทั้งอมนุษย์
“งั้นก็ได้ ถึงบ้านแล้วโทร.มานะ มิสคอลล์ก็ได้” ไอ้คุณแผนสั่งเสียงเรียบ
“เจ้าค่ะ คุณพ่อ” มะเหงกไอ้คุณแผนพลาดเป้าไปเฉียดฉิว ขณะที่ไอ้คุณนุ่นวิ่งกระโปรงปลิวไปถึงทางม้าลายแล้ว
“แกแน่ใจจริงๆแล้วหรือวะแผน?”
“หืม?”
“ชั้นว่าแกแพ้ทางไอ้นุ่นมันนะเว้ย ถ้าเป็นแฟนกันขึ้นมาจริงๆแกได้เข้าสมาคมเกลียมัวแน่ว่ะ”
“หึๆ” ไอ้แผนมันไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก นอกจากส่งเสียงหัวเราะเขย่าขวัญออกมาเบาๆ
........
....
คุณว่า...วันถัดมาที่เป็นวันอังคาร ตัวป่วนมันจะได้ดอกไม้อะไร??
“เพราะพี่รู้ว่าเจ้าชอบจึงสรรให้ เจ้ากลอยใจได้อิ่มหนำดั่งใจหนา
เค้กชิ้นนี้ยินสำเนียงเสียงแก้วตา ที่บอกว่ามันนุ่มลิ้นชวนลิ้มลอง”..โปรดติดตามตอนต่อไป..