- Eternal Sunshine 2 -แสงสีส้มทองทอประกายอ่อนใกล้ลับขอบฟ้า นกกาบินกลับรัง ท้องทุ่งเขียวขจีไหวเป็นระลอกคลื่นตามแรงลม ให้บรรยากาศเรียบๆง่ายๆไม่พลุกพล่าน
ทิเบตหยุดมองไปรอบๆตัวแล้วสูดอากาศเย็นระรื่นชื่นใจเข้าทรวงอก
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกปลอดโปร่งแบบนี้...
พอขึ้นเรือนก็เห็นอาหารถูกจัดวางเต็มโต๊ะยาวใหญ่ทำจากไม้มะค่าแผ่นหนาเป็นนิ้วขนาดสิบสองคนนั่ง กลิ่นอาหารทำเอาคนเพิ่งเดินกลับเรือนท้องร้องจ๊อกๆ พร้อมกับมองหญิงสูงวัยแปลกหน้าสองคนอยู่บนเรือนเพิ่มขึ้นมา
ข้าวหอมเห็นทิเบตทำหน้าสงสัยจึงอธิบายก่อนที่เจ้าตัวจะถาม
“คนเกล้าผมนั่นป้าปราณีเพื่อนบ้านใกล้ๆกัน ส่วนอีกคนป้ายุพาก็เพื่อนบ้านแต่ไกลหน่อย”
ท้ายเสียงแปร่งสะดุด หากผู้เป็นแขกก็ได้แต่ยิ้ม ยกมือไหว้ทั้งสองคน
“ป้าณีทำอะไรมาฝากหอม?”
ข้าวหอมเข้าไปกอดเอวหญิงวัยประมาณสี่สิบปลายๆอย่างกันเอง จนอีกคนที่มาด้วยกันค้อนขวับ
“เอาไก่ทอดมาให้จ้ะ ป้าไม่รู้ว่าพี่เรามา”
“ถ้าป้าณีรู้จะไม่เอามาให้หอมกินเหรอ” ข้าวหอมชิงพูด
“ดูพูดเข้า พี่เราเขาก็ต้องทำกับข้าวแล้วสิ เดี๋ยวจะเหลือ”
“ไม่เหลือหรอก แค่ไอ้ขันกับไอ้แก้วก็หมดแล้ว”
เด็กหนุ่มหัวเราะกิ๊กจนป้าณีนึกอยากหยิกเสียทีหนึ่ง
“นี่ลูกหอม ป้าก็เอาแกงป่าไก่บ้านมาฝากจ้ะ เอามาเผื่อเยอะเลยนะ อยู่กันแต่หนุ่มๆไม่มีแม่บ้านก็แบบนี้ล่ะ น่าสงสารลูกหอมจริงๆ”
เสียงแหลมแทรกกลางปล้อง ข้าวหอมเบ้ปากก่อนจะหันไปยิ้มเสแสร้ง
“ป้ายุก็เอาแกงไก่มาฝากด้วยเหรอ ลำบากป้ายุแย่ บ้านไกลแบบนั้นยังเอามาฝากอีก”
“โธ่ลูก ไกลกันที่ไหน แค่หัวโค้งนี่เอง แล้วป้าก็แกงเองไม่ลำบากหรอก ลูกหอมชอบกินมะเขือใช่มั้ยป้ายุใส่มาเยอะเลย”
ยุพาซึ่งดัดผมหยิกฟูทาปากแดงจีบปากจีบคอพูด พลางยกถ้วยแกงให้อีกฝ่ายดู
ข้าวหอมแสร้งทำเป็นชะเง้อมองนิดหนึ่ง นิดเดียวเท่านั้นก่อนจะเบ้หน้าอีกรอบ
“หอมไม่ชอบกินมะเขือขื่นล่ะป้ายุ แกงนี่ไม่กินได้มั้ยป้า”
หางตาเห็นป้ายุค้อนวงโต ริมฝีปากบางซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์เงียบๆก่อนจะถูกมือคนข้างตัวหยิกเข้าที่เอว
“อุ้ย!”
เงยหน้าขึ้นก็เห็นป้าณีขมวดคิ้วปราม ข้าวหอมจึงขยับตัวให้ห่างจากดัชนีพิฆาตที่ทำให้เจ็บๆคันๆ
“ป้ากลับก่อนนะหอม กำนันฉันกลับก่อนนะ”
ป้าณีหันไปร้องบอกเจ้าของเรือนอย่างกันเอง
“อ้าว! ไม่กินข้าวกันก่อนเหรอป้าณี” ข้าวหอมคว้าแขนอีกฝ่าย
“ไม่ล่ะ ป้าต้องกลับไปดูเจ้าเหมียวมัน แค่เอากับข้าวมาให้เท่านั้นล่ะ”
เจ้าเหมียวคือหลานป้าณีซึ่งลูกสาวเอามาให้เลี้ยง ส่วนตัวเองก็ทำงานอยู่กรุงเทพคอยส่งเงินมาให้ทุกเดือน ข้าวหอมจึงปล่อยมือแล้วหันไปหาป้ายุพา
“ป้ายุจะกลับเลยมั้ย”
คำพูดเสียมารยาทหลุดออกจากปากโดยไม่ต้องคิด ทว่าไม่ได้ทำให้ยุพาสะดุ้งสะเทือน ยังคงจีบปากจีบคอยิ้มจิกตาใส่อีกฝ่าย
“ยังจ้ะ ป้าจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยเลย นะกำนัน”
ท้ายประโยคยุพาหันไปยิ้มหวานให้เจ้าของเรือนหน้าฝืดเฝื่อนพยักหน้ารับแกนๆ ทำให้ลูกชายต้องแสยะปากน่าเกลียด
ทิเบตซึ่งมองเหตุการณ์อยู่อดขำอีกฝ่ายในใจไม่ได้ ก็หน้าตานั่นบ่งบอกอารมณ์รักเกลียดอย่างไม่ปิดบังเอาเลย ก่อนจะหันซ้ายหันขวาจนข้าวสวยถาม
“หาอะไรหมอทิ”
“หาที่ล้างมือน่ะครับ”
“ล้างมือทางโน้นจ้ะ”
ข้าวสวยบอกชายหนุ่มรุ่นน้องแล้วหันไปหาน้องชายที่กำลังเดินเข้าครัว เลิกความคิดตอแยป้ายุพา
“แล้วจะไปไหนล่ะเรา”
“เอาข้าวให้ไอ้โก๊ะ”
“กินเสร็จก่อนแล้วค่อยไปให้ก็ได้หอม วันนี้มีแขกนะ”
ข้าวหอมเกาศีรษะแกรกๆด้วยไม่ค่อยชอบใจนัก ก่อนจะหันไปใช้ลูกสมุนเอาข้าวให้สุนัขกินจนได้ ท่ามกลางสายตาดุๆของพี่สาว หากเจ้าตัวหันหลัง เดินผิวปากสบายอารมณ์
ไปยังโต๊ะกินข้าว กระทั่งอิ่มท้องกำนันสิงห์จึงใช้ไอ้แก้วไปหยิบเหล้าขาวตั้งวงกับแขกและลูกชายคนโต ให้นิภาต้องเอ่ยท้วง
“อย่าดีกว่ากำนัน เดี๋ยวขับรถขับลากลับไม่ไหว”
“เอาน่าแม่นิภา นานๆมาทีฉันก็ต้องเลี้ยงเต็มที่ แล้วถ้ากลับไม่ไหวก็นอนมันที่นี่ล่ะ เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องมาอีกแต่เช้า”
“แต่พ่อกำนัน...”
นิภายังลังเล จนกำนันทำเสียงขึ้นจมูก และตั้งท่าลากทิเบตอยู่ดื่มให้ได้
“ลูกผู้ชายกินแค่นี้ไม่เมาหรอกน่า ใช่มั้ยพ่อทิ”
คนถูกมัดมือชกยิ้มรับแล้วหันไปยิ้มกับมารดาอย่างจำยอม แล้วจึงหันไปร่วมวงกับเจ้าบ้านอีกครั้ง
ข้าวสวยเห็นบิดายื้อให้แขกอยู่ดื่มด้วยก็ส่ายศีรษะแอบบ่นในใจ หาเรื่องดื่มเหล้าน่ะสิ! เพราะระยะหลังมานี้จะพยายามให้บิดาลดการดื่มเหล้า ด้วยอายุมากขึ้นสุขภาพก็มีแต่เสื่อมลงๆ เมื่อเห็นว่าคงห้ามไม่ได้จึงชวนนิภากับข้าวเม่าไปนั่งทานผลไม้ใกล้ราวระเบียงมองเห็นลานหน้าเรือนกว้างขวางด้วยไฟจากหลอดนีออนเป็นระยะ
ข้าวหอมมองป้ายุพาไม่มีท่าทีจะลากลับบ้านก็ให้คันปากตงิดๆ แก่จนปูนนี้แล้วยังคิดจะหาผัวอยู่ได้ ร่างโปร่งคิดในใจเพราะหากพูดออกไปเป็นได้ถูกหยิกจนเนื้อเขียวแถมถูกพ่อด่าอีกต่างหาก ทว่าความปากไวก็ทำให้เจ้าตัวอดเหน็บป้าหัวฟูไม่ได้
“ป้ายุมืดแล้วไม่กลับบ้านเหรอ”
ยุพายิ้มแยกเขี้ยวจิกตาใส่เด็กหนุ่ม “บ้านอยู่แค่นี้จะรีบกลับไปไหนล่ะ”
“ก็เขาจะกินเหล้ากันแล้ว เดี๋ยวป้ายุจะรำคาญเปล่าๆ คนกินเหล้าพูดมากกันทั้งนั้น”
“ป้าก็กินด้วยเลยล่ะกันจะได้คุยกันรู้เรื่อง” ยุพาหัวเราะใส่หน้าอีกฝ่าย
เสร็จกัน...ไม่น่าเปิดทางให้เลย ข้าวหอมตีอกชกตัวที่เสียท่าให้ยัยป้ามหาภัยจนได้ แต่ยังไม่ยอมแพ้
“เดี๋ยวก็ดึก ไม่มีใครไปส่งป้าหรอกนะ”
“ป้ากลับเองได้จ้ะ”
ด้วยรู้ว่าไอ้เด็กเหม็นนี่เกลียดตัวเอง ยุพาจึงเกลียดอีกฝ่ายจับใจนัก หากไม่สามารถออกนอกหน้าได้ จึงได้แต่ทนให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนถากถาง เพราะหากกำนันสิงห์ตกหลุมที่วางไว้ก็จะมีสมบัติไว้ใช้ไปตลอดชาติ
“ชิ...”
ไล่ก็ไม่ไป ทำไมพ่อถึงทนคนแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ นี่ถ้าเกิดพ่อหลวมตัวไปคว้ามาเป็นแม่เลี้ยง เขาคนหนึ่งล่ะที่จะอาละวาดให้เรือนพังเลย ข้าวหอมละความสนใจจากป้าหัวฟูหันไปหาวงเหล้า ความคิดบางอย่างจุดประกายขึ้นในสมองก่อนจะย่องเดินออกไปเงียบๆ และกระดิกนิ้วเรียกลูกสมุนให้ตามออกไป
“พ่อ เขาจะกินได้เหรอไอ้เหล้าแบบนี้น่ะ”
ข้าวสารถามเมื่อเห็นบิดาตั้งใจรินเหล้าขาวกลิ่นฉุนส่งให้แขก
“เอาน่า แรกๆก็แปลกๆ กินๆไปแล้วจะติดใจพ่อทิ ฮ้าๆ”
กำนันเอ่ยด้วยครึ้มอกครึ้มใจ “ไอ้เหล้าฝรั่งแบบนั้นมันสู้ของไทยๆเราไม่ได้หรอก หรือพ่อทิกินไม่ได้ ฉันจะได้เอาเหล้าฝรั่งออกมา เอาไว้เลี้ยงแขกนี่ละ แต่ฉันเห็นว่าคนกันเอง เอาเหล้าขาวเรานี่ล่ะถึงใจดี”
ทิเบตรับแก้วเหล้าขึ้นจอริมฝีปาก ได้กลิ่นฉุนแรงหากก็ยกขึ้นดื่ม ด้วยสมัยเรียนก็เคยดื่มกับเพื่อนบางเหมือนกัน เรียกเสียงพอใจจากกำนันสิงห์ได้มากโข
“ลูกผู้ชายมันต้องยังงี้”
“มันเกี่ยวอะไรล่ะพ่อ” ข้าวสารท้วง
“บ๊ะ ไอ้นี่”
กำนันหันไปเขม่นบุตรชายที่ขัดคอ แล้วจึงหยิบขวดเหล้าเติมให้ชายหนุ่มอีก
“พอก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวเมาเร็ว”
“เอาน่า ค่อยๆดื่ม”
ทิเบตมองคนสูงวัยรินเหล้าจนเต็มแก้วส่งให้อีก คราวนี้เขาจึงทำเพียงแค่ยกขึ้นจิบ เพราะขืนกระดกหมดเป็นได้ถูกเติมจนเต็มแก้วอีก อีกอย่างดื่มมากๆมันบาดคอไม่เหมือนเหล้ายี่ห้ออื่น แล้วจึงเหลียวหน้าลูกชายคนเล็กของกำนันสิงห์ ซึ่งพอเริ่มตั้งวงดื่มเหล้าก็ไม่เห็นตัว
“แล้วหอมล่ะครับ” ทิเบตถามกำนันสิงห์ หากคนตอบกลับเป็นข้าวสาร
“มันไม่กินเหล้าหรอกคุณ”
“เหรอครับ แล้วไปไหนซะล่ะเนี่ย”
ทิเบตยืดตัวมองไปทางมารดาก็ไม่เห็นคนที่กำลังถามหา
ข้าวสารเห็นชายหนุ่มรุ่นน้องถามถึงน้องชายตนไม่ขาดปาก รู้สึกเขม่นตาขวาแปลกๆ ต้องยกมือขึ้นนวดเปลือกตาตัวเองเบาๆแล้วตอบอีกฝ่ายเสียงทื่อๆ
“มันคงเล่นกับหมาอยู่ใต้ถุนเรือนล่ะคุณ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”
“ใช่ๆคงไปเล่นซนล่ะจ้ะ เด็กคนนี้อยากรู้อยากเห็นจะตาย”
ฉันนี่ล่ะอยากจะหักคอไอ้เด็กปากร้ายนั่นให้ตาย ยุพาได้ทีแขวะอีกฝ่ายทางอ้อม
ทิเบตพยักหน้ารับ “ดูเขาจะรักสุนัขมากนะครับ”
“สุดสวาทขาดใจเลยล่ะ ถ้าไปแกล้งหมามัน มันโกรธตาย”
ข้าวสารคุยพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบแล้วเหลือบมองป้ายุที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับไอ้โก๊ะ จนไอ้หอมมันโกรธนักโกรธหนาที่ไปด่าหมามันบ่อยๆเวลามาที่เรือน เสียงหัวเราะคิกคักของข้าวหอมพร้อมลูกสมุนดังมาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเรือน ข้าวสารจึงเหลียวมอง
“ตายยากจริงๆ”
ผู้เป็นพี่บ่นด้วยไม่ค่อยอยากให้น้องชายมาร่วมวงเหล้า เพราะแม้จะคออ่อนกินแต่กับแกล้มแต่ก็ร่วมวงด้วยทุกครั้ง หากครั้งนี้เขากับไม่อยากให้มาร่วมวง
“ถืออะไรมาด้วยล่ะลูก”
กำนันถามบุตรชายถือขวดติดมือกันมาคนละขวดสองขวด
“กะแช่พ่อ ไปเอาบ้านลุงอาบมา”
คนเป็นลูกแสร้งทำท่าป้องปากกระซิบ หากใบหน้ายิ้มร่า แล้วหันไปขยิบตากับทิเบตให้พี่ชายเขม่นอีกรอบ
“ไอ้หอมมันไม่ดีนา...”
ผู้เป็นกำนันปรามบุตรชาย ด้วยเป็นสุราที่ยังไม่ถูกกฎหมาย
“โธ่พ่อ ลุงอาบเขาทำไว้เลี้ยงแขกเกี่ยวข้าว ไม่ได้ทำไปขายซะหน่อย เนี่ยล่ะภูมิปัญญาชาวบ้านขนานแท้ อร่อยกว่าเหล้าขาวของพ่ออีก”
“อะ! เอ็งกินไปแล้วเรอะ เดี๋ยวก็หัวทิ่มหรอก”
กำนันสิงห์ส่งเสียงเข้ม นัยน์ตาเริ่มแดงฉ่ำ
“แค่ชิมพ่อ เนี่ยสิบห้าวันพอดีแป๊ะ กำลังอร่อยเลย”
หากคนเป็นลูกยังคงแถไถ่เลี่ยงการถูกดุ
“อืมๆวันกำลังดี เฮ้ย!ไม่ใช่ เดี๋ยวลูกบ้านจะมาว่าข้าเอา” กำนันส่งสายตาดุ
“โห...อย่าเถรตรงนักเลยพ่อ เขากินกันทั้งบ้านทั้งเมืองล่ะ”
“บ๊ะ แล้วจะไปตามเขาทำไมล่ะ”
“งั้นพ่อไม่กินใช่มั้ย หอมกินเอง พ่อจะได้ไม่ผิดกับลูกบ้านพ่อไง ไอ้ขันไปเอาแก้วมาดิ๊” ข้าวหอมหันไปสั่ง
“เฮ้ย!ไอ้ลูกคนนี้ เอามาแบบนี้มันก็ผิดกันทั้งเรือนอยู่แล้วล่ะ”
“ไงก็ผิดแล้ว งั้นกินก่อนแล้วค่อยว่ากันที่หลังพ่อ”
ลูกชายยิ้มเจ้าเล่ห์ ค่ำมืดแบบนี้ไม่มีตำรวจที่ไหนจะมาจับเหล้าเถื่อนถึงบ้านกันหรอก
กำนันสิงห์อ่อนอกอ่อนใจในความเจ้าเล่ห์แสนกลของบุตรชาย ไม่ใช่อยากจะต่อว่าเรื่องกะแช่นัก เพราะก็กินมาแต่ยังหนุ่ม หากเดี๋ยวนี้มีกฎหมายเข้ามากำกับเลยลำบากใจในความก่ำกึ่งของความถูกต้องตามกฎหมายและวิถีชีวิตแต่ดั้งแต่เดิม
เลยตามเลยละกัน...
“คุณทิ ลองดื่มกะแช่มั้ยครับ ลุงอาบทำอร่อยนะ”
พอพ่อยอมแพ้ก็ยิ้มร่าหันไปชวนแขกทันที
“กะแช่?”
“เคยดื่มมั้ยครับ ทำจากข้าวเหนียวหมักกับน้ำตาล” ข้าวหอมบอกคราวๆ
“เคยแต่ได้ยินนะ แต่ไม่เคยดื่ม”
ทิเบตมองเด็กหนุ่มรินน้ำสีขาวขุ่นส่งให้ ชายหนุ่มรับมาดมได้กลิ่นหวานๆปน แอลกอฮอล์โชยขึ้นจมูกแล้วจึงยกจิบ ลิ้นได้รสขมปนหวานก่อนจะเหลือบมองคนจ้องตาไม่กะพริบ คอยลุ้นผล
“รสชาติดี”
ทิเบตยิ้มให้อีกฝ่าย ดวงตากระจ่างใสยิ้มตอบจนเห็นฟันขาวแล้วคะยั้นคะยอให้ดื่มอีก
“เฮ้ยไอ้หอม ทางนี้ๆ”
เสียงข้าวสารดังขัด สั่นแก้วให้น้องชายรินกะแช่ให้ตนเอง
“อ่ะ”
ข้าวหอมเหลือบมองพี่ชายแวบหนึ่ง แล้วจงใจกระแทกปากขวดกับแก้วเหล้าดังกึกๆ ด้วยตั้งแต่เย็นรู้สึกว่าถูกพี่ชายเขม่นบ่อยๆ ตอนเจอกันที่โรงสียังดีอยู่แท้ๆ
หรือเป็นเพราะคนนั่งข้างๆ...ข้าวหอมชำเลืองมองใบหน้าทิเบตเริ่มแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์นิดหนึ่งแล้วหลุบมองพื้น ...
ความคิดบางอย่างแล่นปราดเข้ามาในสมอง หากเจ้าตัวสลัดออกรวดเร็วก่อนจะยกขวดกะแช่ขึ้นกระดกหลายอึก
คิดมากเกินไปแล้วพี่...
“ดูท่าจะไม่เลิกง่ายๆนะน้า สวยว่าน้าอาบน้ำนอนที่นี่เถอะจ้ะ ห้องหับเยอะแยะ”
นิภามองตามข้าวสวยไปยังวงเหล้าซึ่งหัวเราะกันครื้นเครง ก็ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ อีกอย่างนานๆจะเห็นลูกชายคนโตของเธอปล่อยตัวสบายๆแบบนี้ จึงตกปากรับคำค้างคืนโดยมีข้าวสวยนอนค้างเป็นเพื่อน แล้วจึงเดินไปเอากุญแจรถจากบุตรชายเพื่อนำกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาผลัดเปลี่ยน
“อย่าดื่มจนเพลินนะลูก แม่ไปนอนก่อน”
ทิเบตพยักหน้ารับ หากในความเป็นจริงที่เห็นอยู่นี้คงทำยาก ด้วยพอหมดแก้วเป็นเติม กำนันสิงห์แกคอทองแดงจริงๆ ในขณะที่ข้าวสารก็ไม่น้อยหน้าพ่อนักหรอก ส่วนข้าวหอมนั้นหน้าตาแดงก่ำ แต่ยังยกจิบเรื่อยจนผู้เป็นพี่ชายออกปากเตือน
“ไอ้หอมพอได้แล้ว เดี๋ยวไม่สบาย”
“เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง” ข้าวหอมท้วงเสียงพร่า
“อย่างแกนิดเดียวก็ไม่น่าจะกินแล้ว เลิกๆแล้วไปนอนไป”
ข้าวสารไล่ส่ง ปกติก็ไม่ให้ดื่มอยู่แล้ว แต่วันนี้เผลอแผล็บเดียวยกขวดกระดกซะงั้น ดูสิ ตาปรือจะหลับอยู่แล้ว
“โธ่...นั่งเฉยๆไม่กินก็ได้”
คำพูดของข้าวหอมทำเอาเส้นเลือดในสมองของคนเป็นพี่ปูดโปน
ไอ้ที่อยากอยู่เนี่ย อยากอยู่เป็นเพื่อนพี่มัน หรืออยากอยู่กับไอ้หน้าหล่อกันแน่!
“ยังจะมาพูดอีกไอ้คออ่อน จะหลับอยู่แล้ว ไปๆ ไอ้ขันไอ้แก้ว เอาลูกพี่เอ็งไปนอนไป แล้วเอ็งค่อยกลับมากินต่อ”
ถูกพี่ไล่เอาซึ่งๆหน้าก็ทำเอาข้าวหอมหน้าตึง บอกลาทิเบตก่อนจะหันไปมองป้ายุพานั่งกลั้นยิ้มเยาะตาเขียว แล้วกระแทกเท้าเดินเข้าห้องไปทันที ไม่ทันให้ลูกสมุนลุกไปส่ง
“น้องมันอยากนั่งอยู่ด้วยไม่ให้นั่งไปล่ะ”
กำนันสิงห์ซึ่งกำลังครึ้มได้ที่เอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้หวังคำตอบมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่าวันนี้บุตรชายคนโตดูแปลกๆ
“ให้ไปนอนล่ะดีแล้วพ่อ แล้วดูสิกินเหล้าเข้าไปด้วยเดี๋ยวก็ชักตายกันพอดี”
“พอๆไอ้สารไม่ต้องไปแช่งน้องมันเลย”
“พ่อก็เป็นซะแบบนี้ ตามใจกันจนเหลิง วันก่อนไปเจอลุงอาบ ลุงแกบอกว่าเห็นไอ้หอมไปเตร่ๆแถวบ่อนไก่ อีกไม่นานคงเห็นมันเอาลูกไก่โต้งมาเลี้ยงเข้าสักวัน”
“หือ” กำนันครางเสียงสูงเหมือนไม่เชื่อ
“ไม่หงไม่หือล่ะพ่อ เผลอๆมันอาจฝากไอ้ขันไอ้แก้วเลี้ยงแล้วก็ได้”
“น่าๆไว้ข้าจะถามมันเอง”
ข้าวสารมองหน้าบิดาแล้วส่ายศีรษะ เรื่องนี้คงหายเข้ากลีบเมฆอีกตามเคย ต้องรอเห็นลูกรักลูกหลงหอบไอ้โต้งเข้าบ่อนนั่นล่ะถึงจะเชื่อ
“เอ๊า!พ่อทิเมาซะแล้วเรอะ นั่งเงียบเชียว”
กำนันสิงห์หันไปคุยกับแขกแทนบุตรชายที่ชอบขัดคอ
ทิเบตหัวเราะเบาก่อนจะตอบ “ฟังพ่อๆลูกๆคุยกันก็เพลินดีเหมือนกันครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก พี่มันหวงน้องมัน”
“ใครหวง” ข้าวสารรีบส่งเสียงท้วง “แค่กลัวว่ามันจะไปทำใครเขาเดือนร้อนต่างหาก ไม่เข็ดหรือพ่อ ตอนเด็กๆมันเล่นพาไอ้ขันไอ้แก้วไปเล้าไก่บ้านแม่ใจ เอาไข่ไก่มาปาเล่นกันซะงั้น แล้วยังอีกร้อยแปดพันเก้าที่มันก่อเรื่องไว้น่ะ”
“เออน่าๆ เอ็งก็ช่างจำจริง ตอนนั้นไอ้หอมมันยังเด็ก”
“เด็กไม่เด็ก พ่อแก่แม่แก่แถวนี้ ลับหลังเขาก็เรียกมันว่าไอ้เหม็นกันหมดแล้วล่ะพ่อ”
ข้าวสารเอ่ยฉายาที่บรรดาลุงๆป้าๆซึ่งเคยถูกข้าวหอมทำฤทธิ์ทำเดชตอนเด็กให้ไว้
“ยิ่งพูดน้องแกก็ยิ่งไม่มีดีเลยสิไอ้สาร”
พอถูกบิดาย้อน ข้าวสารก็ได้แต่เอ่ยเสียงอ่อย
“...ไม่ใช่อย่างนั้น มันเรียนก็ดี งานการก็ช่วยทำ แค่ไม่อยากให้พ่อตามใจมันมากก็เท่านั้น”
“พูดไปพูดมาก็ไม่พ้นห่วงมัน”
กำนันสิงห์พึมพำยิ้มหนวดกระตุก เพราะอายุห่างกันมาก ข้าวสารก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อคนหนึ่งของข้าวหอม พอมีเรื่องอะไรก็วิ่งโร่ไปเป็นคนแรก เสียอย่างเดียว
มันขี้บ่นจริงๆ
“ไงพ่อทิ ฟังวีรกรรมของลูกชายฉัน”
ทิเบตยิ้มร่า กับการได้รู้เรื่องราวอีกฝ่ายมากขึ้น พร้อมๆกับความเอ็นดูในวีรกรรมน่าตีนั้น วีรกรรมที่เขาได้แต่นึกอยากทำอยู่ในใจสมัยเด็กๆ
“ตอนเด็กๆคงซนน่าดูนะครับ”
“โอ๊ย...ซนมาก มีแผลกลับมาทุกที พอไม่ให้ไปก็ปีนหน้าต่างตกลงมาแขนหลุดเป็นนานสองนาน”
“โฮ้ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“เล่าสามวันก็ไม่จบหรอก ฮ้าๆ” กำนันหัวเราะร่วนพลายยกแก้วขึ้นดื่ม
เสียงคุยเบาๆเคล้าเสียงหัวเราะเป็นระยะๆจนเลยเที่ยงคืนมาไม่น้อย ทิเบตซึ่งเริ่มครองตัวไม่อยู่นั่งเอียงไปข้างหนึ่ง ส่วนกำนันสิงห์ก็มีดวงตาแดงก่ำฉ่ำเหล้า และข้าวสารเองก็นั่งคอพับคอตกเป็นพักๆแล้ว
กำนันสิงห์เห็นว่าเหล้าเริ่มจะกินคน แทนที่คนกินเหล้าจึงยอมสลายวง
“ไอ้ขัน เอ็งพาพ่อทิเขาไปนอนไป บนโต๊ะนี่พรุ่งนี้เช้าค่อยตื่นมาเก็บ ข้าก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” แล้วหันไปมองยุพาซึ่งนั่งหน้าแดง “เสร็จแล้วเอ็งก็ไปส่งแม่ยุพาเขาด้วยล่ะ”
สิ้นคำพูดกำนันสิงห์ ยุพาก็กระฟัดกระเฟียดเดินลงส้นลงจากเรือนไม่รอให้ใครไปส่ง หากก็ไปไม่ได้ไกล เพราะพอลงบันไดมาก็เดินตัวเซไปนอนแปะบนร้านใต้ถุนเรือนนั่นเอง
ทิเบตเดินตัวเอียงตามไอ้ขันไปยังห้องนอน ส่วนข้าวสารเดินกลับไปยังครัวด้วยหิวข้าวขึ้นมาตงิดๆ กำนันมองเห็นดังนั้นจึงค่อยเดินไปยังห้องนอนของตัวเองบ้าง ทิ้งให้ไอ้ขันกับไอ้แก้วพาทิเบตไปห้องนอนยืนงงกลางทางว่าจะให้แขกนอนพักห้องไหน เพราะยังไม่ได้กวาดถูให้ และเพราะความมึนเมาสมองลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดไม่ออกว่าจะพาไปนอนห้องไหนจึงหันหน้าปรึกษากันเองเท่าที่สมองจะทำงาน
“ให้นอนห้องเรามั้ย” ไอ้ขันเอ่ยถามเสียงอ้อแอ้
“เอ้ย...เขาเป็นแขกให้นอนกับเราเดี๋ยวกำนันด่าตาย”
ไอ้แก้วค้าน น้ำเสียงขาดๆหายๆ
“งั้นห้องพ่อกำนัน” คนตาปรือจะปิดถามอีก
“บ้านเอ็งสิ เดี๋ยวก็ถูกไล่แตะออกมาหรอก” คนค้านขยี้ผมตัวเอง
“ห้องพี่สารล่ะ” ไอ้ขันพยายามเค้นสมองคิดสุดฤทธิ์
“พี่เขานอนกับลูกเขาไม่ใช่เรอะ เบียดกันตาย” คราวนี้ไอ้แก้วเริ่มทรงตัวไม่อยู่เอนไปพิงไหล่เพื่อน
“งั้นห้องพี่หอมแล้วกัน นอนคนเดียว เอ็งว่ามั้ยไอ้แก้ว”
“เออๆเอาไงก็เอา ข้าจะไม่ไหวแล้ว อยากนอนวะ”
เพราะความขี้เกียจจัดห้องให้แขก ทั้งสองจึงพาร่างสูงที่ยืนมึนไม่พูดไม่จาตรงไปห้องนอนลูกพี่ทันที
บนเตียงสี่เสามีผ้าลูกไม้คลี่ลงมากันยุง ร่างสูงนั่งงงอยู่จนได้ยินเสียงประตูปิดลงนั่นล่ะ จึงทิ้งตัวบนที่นอนนุ่มซึ่งมีร่างเล็กนอนอยู่ข้างๆ เปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้นในหัวหมุนวิ้งๆ วันนี้เขาดื่มหนักไปจริงๆ แถมกะแช่นั่นดูมีดีกรีไม่น้อยเลย
“ร้อน”
ทิเบตปลดกระดุมเสื้อและคลายเข็มขัดออก ระบายลมหายใจกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ยาวยืด การได้นอนตอนเพลียๆนี้มันสบายจนบอกไม่ถูก เลยเผลอครางเสียงแผ่วแล้วพลิกศีรษะไปหาสายลมเย็นซึ่งพัดหอบความหอมละมุนจากภายนอกเข้ามาภายในห้อง เปลือกตาปิดสนิทสูดความหอมระรื่นชื่นใจชั่วขณะจนความมึนงงเริ่มลดน้อย ร่างสูงจึงขยับคลายความเมื่อยขบ
“หอม...”
ความหอมอุ่นต่างไปจากเมื่อครู่โชยแทรกผ่านความรู้สึกให้ศีรษะทุยพลิกกลับไปหาแล้วสูดความหอมนั้นเงียบๆ
เสียงเสียดสีของผ้าดังขึ้นเมื่อคนนอนข้างๆขยับตัว เรียกความสนใจให้เปลือกตาหนักหรี่ปรือลืมขึ้น สายตาพร่าเลือนมองฝ่าความมืดสลัวเห็นเค้าโครงหน้าขาวลอยเด่นอยู่แค่คืบ หางตาเหลือบเห็นมุ้งขาวไหวไปมาตามแรงลมอ่อน แล้วริมฝีปากได้รูปก็คลี่ยิ้ม
ใบหน้านวลในมโนภาพตอนพบครั้งแรกนั้นเปล่งประกายด้วยหยาดเหงื่อ แววตาซุกซนเจิดจ้า ทำให้คนมองเผลอยิ้มตาม แม้เบื้องหลังความเจิดจ้าร่าเริงจะเต็มไปด้วยความแสบซ่าก็ตาม วีรกรรมที่ได้ฟังในวงเหล้าล้วนแต่สร้างความรู้สึกขบขันแกมเอ็นดู
ตัวก็เล็กเท่าลูกหมาทำวางกล้ามไปทั่วตำบล!
ลมหายใจอุ่นปนกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆปะทะใบหน้าคมคายหากเจ้าตัวไม่ได้เบี่ยงหลบ ยังคงสูดลมหายใจร่วมกัน สูดความหอมละมุนของกลิ่นกาย ด้วยดีกว่ากลิ่นสาบตัวเองซึ่งยังไม่ได้อาบน้ำ กำลังเพลินไปกับความคิดของตัวเอง ชายหนุ่มก็ต้องสะดุด
“...!”
“อือ...”
จมูกโด่งปลายเชิดรั้นปะทะเข้ากับใบหน้าแล้วค่อยๆถูไถอย่างไม่รู้ตัว ทิเบตผงะศีรษะออกทันที เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านอย่างแรกเจอ สายตาจับจรดมองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจอาการกระตุกของตัวเอง และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พลิกหันหลังให้ เอาแต่เพ่งมองใบหน้านวล
เพื่ออะไร? จะมองให้มันเกิดอะไรขึ้น
แล้วดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆลืมขึ้นประสานกับชายหนุ่ม ริมฝีปากบางยกยิ้มคล้ายคนยังไม่ตื่นเต็มตา และหลงเหลือร่อยรอยความฝันดีบนใบหน้า ก่อนจะเคลื่อนเข้าหา ฝั่งจมูกลงบนแก้มทิเบต
ใบหน้านี้ที่ติดตาฝังใจเพียงแรกเจอ หากต้องเก็บความประทับใจนั้นไว้ให้ลึกสุดหยั่งถึง และแม้ว่านี่คือฝัน ก็ขอโอบกอดความรู้สึกนั้นให้กับใจดวงเล็กๆที่ไม่มีวันจะได้เปิดเผย...ชั่วชีวิต!
ข้าวหอมเลื่อนริมฝีปากบาง ขยับช้าๆลงต่ำเข้าครอบครองเรียวปากกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ ประกายไฟจุดเล็กๆบัดนี้ก่อเกิดเป็นสายธารลาวาไหลวนลวกร่างกายทิเบตให้เป็นอัมพาตชั่วขณะ ปล่อยให้ลิ้นเล็กอุ่นชื้นไล้เลียขอบปากตามอำเภอใจ
ข้าวหอมยกแขนขึ้นดึงรั้งศีรษะอีกฝ่ายจนประกบจูบได้ถนัดถนี่ ครั้นรู้สึกถึงแรงขืนตัวไว้ก็กระตุกเอาจนได้
“อืม...เฉยๆสิ”
เสียงครางเอาแต่ใจไม่ได้ดึงสติคนตัวใหญ่ที่กำลังหลุดลอยออกทะเลกลับเข้าฝั่งจากการโอ้โลมด้วยริมฝีปากสีสดแวววาวบรรจงพรมจูบไปทั่วใบหน้า กอปรกับฤทธิ์แอลกอฮอล์สะสมมากมายในร่างกาย ยิ่งทำให้อารมณ์ชายหนุ่มกระเจิดกระเจิง
ก็คนมันเมา! มาจูบ มาลูบ มาคลำ ก็จบกัน...
แรงตอบรับแผ่วเบาแล้วค่อยๆหนักขึ้น ส่งผลให้คนที่ยังสะลึมสะลือเหมือนอยู่ในฝันแสนอบอุ่นอ่อนหวานเปิดเปลือกตาขึ้น
ใบหน้ากำลังถูกชายหนุ่มที่เพิ่งจากลาในวงเหล้าเกลือกกลั้วพร้อมกับดุนดันลิ้นร้อนฉุนกลิ่นเหล้าขาวเข้าไปในโพรงปาก หากไม่อาจขยับหนีได้คล่องตัวด้วยอาการมึนศีรษะ ข้าวหอมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองดื่มเหล้ามากเกินไปตามที่พี่สารทัก
“อืม”
เสียงครางจากลำคอหนาขณะยกกายขึ้นทาบทับร่างเล็ก พร้อมลากมือไปตามชายโครงก่อนสอดเข้าไปสัมผัสผิวขาวนุ่มเต็มมือ
“คุณทิ!”
คนตัวเล็กซึ่งไม่คาดคิดว่าจะได้รับสัมผัสรุ่มร้อนจากชายหนุ่มผงะ สองมือรั้งใบหน้าคมคายออกห่าง สองสายตาประสานกันพร้อมเสียงลมหายใจหอบถี่ กลิ่นอายมึนเมาโอบล้อมทั้งสองคนไว้ด้วยกัน ประกายแวววาวแห่งดวงตาสะท้อนเต้นไหวระริกท่ามกลางความมืดสลัว หากไม่ได้บดบังความว้าวุ่นของจิตใจทั้งสองดวงได้เลย
ไม่มีคำอธิบายถึงการกระทำ แต่ความรู้สึกซึ่งนอนนิ่งใต้ก้นบึ้งของจิตใจกำลังดิ้นรนให้ตัวมันเองโผล่พ้นขึ้นมาเบ่งบานก่อนเวลาอันควร ด้วยหวาดหวั่น หากผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว จะเหลือเพียงความว่างเปล่าและหนาวเหน็บ
เงาดำมืดผวาเข้าหากัน ดูดกลืนคลึงเคล้นกันและกัน โดยมีเสียงจิ้งหรีดเรไรช่วยกันประโคมขับขานท่วงทำนองความวิเวกเปล่าเปลี่ยว จนเงาตะคุ่มๆนั้นซ้อนทับกันเป็นหนึ่งเดียว
มือเล็กแหวกสาบเสื้อเชิ้ตเข้าไปสัมผัสแผงอกหนา ริมฝีปากบางจูบปลายคางสากแล้วเกลือกกลั้วไปทั่วใบหน้า รับรู้ถึงปลายลิ้นอุ่นชื้นของอีกฝ่ายลากไล้จากขมับไปถึงซอกคอ ความรู้สึกที่จับต้องสัมผัสได้ไม่ใช่เพียงแค่จินตนาการให้ความรู้สึกน่าลุ่มหลงมัวเมายิ่งกว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกาย เสื้อยืดตัวบางถูกมือใหญ่ถลกขึ้นไปถึงคอแล้วประกบจูบปลายยอดอกขบดึงเบาๆ ก่อนจะลากไล้ปลายนิ้วไปตามแนวราบลงสู่หน้าท้องเรียบและผลุบหายไปใต้ขอบกางเกงวอร์ม
“อา...”
เสียงครางสอดประสานท่ามกลางความร้อนแรงของอารมณ์ในความมืดมิด จนไม่รู้สึกถึงเสียงประตูถูกเปิดออก
แป๊ะ!
เสียงสวิทซ์ไฟดังขึ้น ความสว่างเข้าขับไล่ความมืดมิดในฉับพลัน
ข้าวสารตาปรือจากอาการมึนเมาผสมง่วงนอนเพ่งมองไปยังมุ้งขาวบางไหวตามแรงลม บนเตียงซึ่งน่าจะมีแต่ร่างน้องชายของตนนอนอยู่กลับมีชายหนุ่มร่างใหญ่คร่อมทับ หัวใจคนเป็นพี่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“พ่อ!"TBC
สนุกมั้ยขอเสียงหน่อยยย
จะมาต่ออาทิตย์ละสองถึงสามตอนนะคะ
Spoil ตอนหน้า