...........................................................................
...........................................
...................
......
วันนี้มันต้องเป็นวันซวยอะไรวะ!!!
ผมกับไอ้ฟาร์นั่งมองหน้ากันตาปริบๆท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุปลายเดือนกุมภาพันธ์กลางลานกว้างๆหน้าคณะที่แสงแดดส่องทั่วถึง...ไม่ครับ พวกผมไม่ได้บ้ามานั่งร้อนโง่ๆกันอย่างไร้สาเหตุหรอก.. หลังจากที่สอบไฟนอลอันโหดร้ายผ่านพ้นไปแล้วแทนที่ผมกะไอ้ฟาร์จะได้ไปฉลองที่ร้านเค้กหน้ามอกันให้หนำใจ(ผมไม่ได้หน่อมแน้มครับ แต่ฟาร์มันไม่ดื่ม)ดันต้องมานั่งตากแดดตากลมแบบนี้...
มันเพราะอิกะเทยแม๊กซ์!!!!!!! ผมตวัดสายตาไปมองอิตุ๊ดสาว(พยายาม)พราวสเน่ห์ที่ยืนท้าวเอวอยู่กลางลานคณะผม หล่อนเจิดจ้าด้วยเสื้อนักศึกษารัดติ้วแทบเห็นหัวนมทุกเม็ดเข้าคู่กับเดฟที่ลีบติดขาซะจนกูอยากจะไล่ให้มันใส่ถุงน่องแทนกางเกงเหอะ เหลือบตามาข้างล่างก็เจอรองเท้าหนังหัวแหลมเฟี้ยวที่ไม่รู้ว่ามันจะเอาไว้ไปเจาะผนังบ้านใคร อิแม๊กซ์กำลังท้าวเอวชี้บงการให้เพื่อนๆอีกกว่า50ชีวิตที่หน้าหงิกไม่ต่างจากผมนั่งเข้าที่ให้มันเรียบร้อย
“เอาล่ะๆ” มันปรบมือเรียกร้องความสนใจพลางแผดเสียงแจ๋นแหล๋น “ชั้นว่าพวกแกคงมากันเยอะพอควรแล้ว เริ่มคุยเลยดีกว่าเพื่อนใครไม่มาก็ไปบอกกันเอาเองด้วยนะยะ”
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นด้วยกับมัน เริ่มซะทีเหอะมึง...กูร้อน
“พวกเราคงสอบปลายภาคเสร็จกันหมดแล้วใช่มั้ย” หลายคนพยักหน้าแบบเอือมๆและอีกหลายๆคนไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง ไม่ต้องถามนะว่าผมกะไอ้ฟาร์อยู่ในพวกไหน “ดีใจด้วย...เราจะได้เป็นพี่ปีสามกันแล้ว”
“อิแม๊กซ์มึงอย่ามาลีลา เดี๋ยวกูต้องไปจองตั๋วรถกลับบ้าน”
“นั่น!!!หยุดเลย หยุดเดี๋ยวนี้...Stop now!!” อิแม๊กซ์ชี้หน้าไอ้กล้วยที่เกาหัวอย่างงงๆว่ามึงจะเสียงดังทำไม “นี่แหละที่ชั้นกำลังจะบอกพวกแก”
“วันเสาร์ที่จะถึงนี้คณะเราจะมีงานบายเนียร์เลี้ยงลารุ่นพี่ปีสี่ที่กำลังจะจบไปในปีนี้ และรุ่นพี่ให้ชั้นมากำชับว่า
ต้องเห็นหน้าทุกคนในงานด้วย”
สิ้นเสียงก็มีเสียงบ่นระงมตามมากันเป็นพักๆบางคนก็บ่นว่าแทนที่สอบเสร็จจะได้รีบกลับบ้านซะที(ผมเป็นหนึ่งในนั้น) บางคนก็บ่นว่าไม่อยากไปงาน(อันนี้ไอ้ฟาร์) แต่ก็มีบางคนที่ฮือฮาตื่นเต้นกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย
“เงียบก่อนๆ...พวกแกฟังรายละเอียดงานให้จบก่อน พวกเราปีสองไม่ต้องทำอะไรเหมือนสมัยอยู่ปีหนึ่งนั่นแหละเพราะงานนี้พี่ปีสามชีเตรียมเอาไว้หมดแล้ว เรามีหน้าที่แค่ไปงานกันให้ครบเท่านั้น”
ผมก้มลงมาซุบซิบกับฟาร์ “ไม่ไปก็ไม่มีใครรู้หรอก” มันรีบพยักหน้าเห็นด้วยใหญ่
“แล้วใครที่คิดจะหนีงานเหมือนปีที่แล้ว” เอ๊ะ..มันหูทิพย์รึไงวะ “ก็ขอบอกว่าหล่อนทำไม่ได้แน่ๆ เพราะงานนี้เจ๊สมศักดิ์แกมาตั้งหนังสือให้ลงชื่อเข้างานทีละคนเลย และเจ๊จำหน้าพวกเธอๆๆๆได้ทุกคน” มันว่าพลางชี้นิ้วไปเรื่อยๆ
แค่ได้ยินชื่อเจ๊สมศักดิ์ไอ้ฟาร์ก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อกแล้ว...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้มันโดนหมายหัวไว้เต็งหนึ่งเลย(จำได้มั้ยครับเจ๊กะเทยที่พยายามจีบไอ้ฟาร์อยู่น่ะ) ความคิดที่ผมกับมันจะหนีงานเหมือนปีที่แล้วก็ริบหรี่ลงไปทุกที
“ที่สำคัญตอนนี้พวกแกมีเวลาอีกสามวันเพื่อเตรียมชุดไปงาน” นั่นเปลืองเงินกูอีก อิแม๊กซ์กางมือหมุนตัวเองไปรอบๆเหมือนเต้นรำ คือมึงไม่ต้องท่าเยอะได้มั้ยกูขอเนื้อๆ “เราจะเปิดฟลอร์เฟื่องฟ้ากัน พวกแกต้องไปรื้อวิชาลีลาศตอนม.ปลายขึ้นมาใส่สมองใหม่”
สิ้นเสียงอิแม๊กซ์ก็ตามมาด้วยเสียงฮือฮาไม่หยุด ขนาดผมกับไอ้ฟาร์ยังตาค้างมองหน้ากันเลย เว่อร์ไปมั้งปีที่แล้วยังแค่แต่งตัวธีมโจรสลัดไปงานเฉยๆ(เพื่อนผมบอกครับ ผมกะไอ้ฟาร์ไม่ได้ไปหรอก เหอะๆ) แต่แลดูแม่สาวในคณะจะวี๊ดว้ายกระตู้วู้กับออกหน้าหน้าเหลือเกิน
“โอเค..วันงานทุกคนต้องมาประชันคอสตูมกันนะยะ ธีมงานเป็นแนววินเทจแบบไทยๆ ..อ๊อ รุ่นพี่บอกชั้นว่าพวกแกจะควงเด็กนอกคณะมางานก็ได้นะแต่ต้องหน้าตาดีเท่านั้น ขอขีดเส้นใต้คำว่าหน้าตาดี!! ส่วนอ้ายอีตัวใดที่เหี่ยวเฉาไร้คู่ก็มาแต่ตัวเปล่าๆของหล่อนนั่นแหละ” มันจีบปากจีบคอพูดซะจนผมอยากเอาตีนยันสักที “ใครควงคู่เป๊ะๆมาเชิญมารับรางวัลได้ที่เจ๊ๆทั้งหลายเลย งานนี้เจ๊ทุ่มสุดตัว”
ผมเห็นฟาร์กรอกตาขึ้นฟ้าด้วยสีหน้าหน่ายเซ็งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่รู้ทำไมพวกสาวๆถึงได้ชอบพวกเทศกาลเสียเงินอะไรพวกนี้นักนะ งานนี้คงจะงัดเครื่องเพชรตกทอดจากบรรพบุรุษขึ้นมาประชันกันเลย
“คอยดูนะมึง” นวลสาวโจ๊กประจำคณะ มันชอบทำอะไรบ้าๆที่ไม่น่าเชื่อว่าคนหน้าดีอย่างมันจะทำได้ “กูนะจะกลายร่างเป็นวนิดาให้พันตรีประจักษ์ตะลึงพริ้งเพริดไปเลย” มันทำสีหน้าเพ้อฝันแล้วหมุนตัวไปรอบๆเรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆที่ลานได้
“แม๊กซ์แกก็แต่งเป็นแม่พิสมัยสิ เอ๊ะ...หรืออย่างแกต้องคุณหญิงแม่นะ?? ฮ่าๆๆๆ” เอาแล้วไงนวลมันยิงมุกกัดอิแม๊กซ์เข้าจนได้ งานประจำมันเลยครับกัดกับกะเทยเลย(แต่กัดแบบขำๆนะครับ)
“ไม่ย่ะ...ชั้นจะเป็นพันตรีประจักษ์ให้แกควงนั่นแหละอินวล ส่วนแกมันก็วนิดาที่มีผัวเป็นตุ๊ด ว้ายยยยยยยยยยยย~” ฟังมันเถียงกันเพื่อนในคณะก็อดขำไม่ได้ครับ
“พวกมึงก็พยายามกันเข้านะ ปริศนาอย่างกูคงไม่ลดตัวไปคุยด้วยหรอก” เอาแล้วครับเพลงสาวขวัญใจผมก็ร่วมเอ็นจอยเพ้อฝันไปด้วยคน “ไหนๆใครอยากเป็นท่านชายพจน์ให้กูมั่ง”
ผู้ชายนี่ยกมือกันให้รึ่มครับ ผมยังยกเลยขำๆตลกดีว่ะ ผมชอบเพลงตรงที่มีความเป็นธรรมชาติเนี้ยแหละครับ
“อะไรๆอิไปป์แกอยากเป็นท่านชายพจน์หรอยะ” อิกะเทยแม๊กซ์เสือกเล็งเรดาร์มาทางกูละ คิดว่าผมจะยอมแพ้มันเหรอ ไม่มีทางซะหรอก เรื่องเถียงนี่ผมไม่เคยแพ้ใคร(ภูมิใจมาก)
“ทำไมกูจะเป็นไม่ได้ล่ะ?? ทีพันตรีประจักษ์แม่งยังเป็นตุ๊ดได้เลย”
“เปล่าหรอก..ชั้นกลัวว่า
จากท่ายชายพจน์จะกลายเป็นนังพจมาน ถักเปียเดินถือชะลอมเข้ามาในงานน่ะสิยะ”
สิ้นเสียงจากมันเพื่อนทั้งคณะก็หัวเราะกันจนตัวงอทำเอาผมเสียเซลฟ์ไปไม่น้อย หนอยยยยย...มึงอย่าคิดนะว่ากูจะยอมแพ้
“มึงกลัวกูแต่งออกมาหล่อกว่ามึงล่ะสิ เฮ้อออออ...มึงเนื้ยนะน่าสงสารจริงๆเป็นตุ๊ดที่ไม่สวยแถมยังไม่หล่ออีก”
“หนอยยยยย..อิไปป์ นั่นปากเหรอยะ”
“ก็เห็นอยู่ว่าปากยังจะมาถามอีก” ผมยักคิ้วกวนตีนให้มัน ชอบเวลามันวี๊ดว้ายเนี้ยแหละครับ ตลกดี ฮ่าๆๆๆๆๆ “แล้วดูกางเกงมึงเข้าสิแม๊กซ์ เลือดมึงเดินลงไปเลี้ยงนิ้วหัวแม่โป้งตีนไหวมั้ยวะ กูดูผ่านๆนึกว่ามึงโดนปลิงยักษ์ดูดขา”
“อิไปป์!!! ถ้ามึงจะปากเสียขนาดนี้มึงมาเป็นตุ๊ดเหมือนกูเลยดีกว่า”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์ มันหยามกันเกินไปแล้วเว่ย!!!!!!ผมยืนกอดอกยักคิ้วกวนตีนขั้นแม๊กซ์ให้อิแม๊กซ์ดับดิ้น “ตอนแรกกูก็ว่าจะเป็นอยู่ แต่พอเห็นมึงแล้วกูอนาจจนไม่อยากเป็นน่ะ”
“อิไปป์!!!! อิเลว!!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมสัมผัสได้ถึงสายลมแห่งชัยชนะที่พัดผ่านข้างแก้ม ผมหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เถียงชนะกะเทยก็ทำให้ผมมีความสุขได้ครับ อ๊อ..ไม่ต้องตกใจครับผมเถียงกับแม๊กซ์มันบ่อยจนเพื่อนในคณะชินกันหมดแล้วครับ ชินไม่พอนะพวกมันยังชอบฟังอีกต่างจาก ถ้าจะประสาท!!!
ผมเห็นคนปรบมือให้ผมกันใหญ่ (แอบเห็นไอ้กล้วยตบจนมือแดงเลย มันคงสะใจน่าดู)ผมโค้งขอบคุณผู้ชมที่มาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม แหม...แฟนคลับเยอะพอตัวนะเนี้ยเรา ฟาร์เหลือบมองผมอย่างเอือมๆ แหม..ทีเมื่อกี้ล่ะทำหน้าตื่นตาตื่นใจอย่างกับได้ชมละครเวทีมิวสิเคิลอย่างนั้นแหละ ผมค่อยๆย่อตัวลงเพื่อจะนั่งลงกับพื้น...
“ไปป์!!!!!” เสียงทุ้มๆนั่นตะโกนเรียกผมจากด้านหลังลาน ครับ...ไปป์นั่นชื่อผมคนเดียว แล้วพวกมึงจะหันกันทำซากอะไรทั้งคณะวะ!!!!!!
ร่างสูงๆของภคินยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่สนใจสายตาคนทั้งคณะที่ทิ่มแทงด้วยความสงสัยว่ามึงโผล่มาทำอะไรที่นี่ ผมมองมันตาค้างยังไม่ทันจะพูดอะไรมันก็พูดต่อทันที
“กลับห้องเราเหอะ...กูร้อน” ครับ..ประโยคธรรมดา แต่หัวสมองคนฟังนี่สิที่มันไม่ธรรมดา ผมได้ยินเสียงซุบซิบรอบตัวมันพูดอะไรแบบ’ห้องเราอ่ะแก’ หรือไม่ก็ ‘ร้อนอะไรวะ’ โอ๊ยยยยยยย..หัวพวกมึงจะล้ำลึกเกินไปมั้ย ฟาร์จ้องหน้าผมเหมือนจะคาดคั้นว่ามึงมีอะไรปิดบังกูอยู่ใช่มั้ย...ผมเลยกระซิบบอกมันว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟังให้หมดเลย ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังมันนะครับแต่ไม่มีโอกาสจะเล่าจริงๆ...อยู่ๆจะให้เล่าว่าผมรู้สึกดีกับคนที่พร่ำบอกว่าเกลียดมันก็ยังไงๆอยู่
แต่ตอนนี้ผมต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตกเป็นขี้ปากคนทั้งคณะเสียก่อน เพลงเดินเข้าไปทักทายมันก่อนใครเพื่อน ทำเอาผมรู้สึกหน่วงๆแถวอก สงสัยว่าจะไม่ชอบที่เห็นเพลงสนิทกับมันล่ะมั้ง ผมเดินไปมองมันตาเขียวปั๊ด..ไอ้นี่ใครใช้ให้มึงมาเปิดตัวอลังการที่คณะกูวะ
“มาทำไมวะ” แม่งเห็นกูหน้าบึ้งยังเสือกมายิ้มโชว์อีก
“กลับห้องกัน” มันยกมือมาลูบหัวผม แต่ผมเบี่ยงหน้าออก
“ทำไมไม่โทรบอกก่อน” เห็นมันทำหน้าเหมือนกลัวผมโกรธก็รู้สึกแย่นิดๆที่พาลไปโกรธใส่มัน ผมเลยเอียงหัวให้มันลูบได้สะดวก
“ก็ผ่านมาพอดี แล้วตังมือถือกูหมดแล้วว่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันมารับผมหรอกช่วงหลังๆมานี่พอมันเลิกเรียนมันก็โทรหาผมบางวันก็กลับพร้อมมันบ้าง บางวันก็ไปส่งผมแล้วออกไปทำงานที่เซเว่น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณชายมีรถรับส่งยังไงชอบกล ถึงจะเป็นมอไซต์เน่าๆก็เหอะ
“กลับก่อนเลย กูไปกินเค้กกับฟาร์เดี๋ยวกลับเอง” แอบเห็นมันทำหน้าเซ็งๆแว๊บนึงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันบอกลาอะไรเพลงนิดๆหน่อยๆก่อนจะเดินไปที่รถจอดอยู่
“ภคิน!!!” ผมตะโกนเรียกมันเพราะรู้สึกผิดนิดๆที่ให้มันมาฟรี(ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดผมแท้ๆเลยนะ) มันหันกลับมาทำหน้าเบื่อโลกใส่ เอ่อ...แล้วกูเรียกมันไว้ทำไมวะ
“เอ่อ...บ๊ายบายนะ” ผมยกมือมาโบกหยอยๆให้มัน....ปัญญาอ่อนชะมัดเลย กูทำอะไรวะเนี้ย!!! ผมเห็นมันหลุดหัวเราะแล้วยิ้มกลับมาให้ทำเอาใจชื้นขึ้นมาหน่อย พอหันหลังมาก็เจอสายตาเพื่อนในคณะที่ทิ่มแทงเข้าไปถึงตับไตไส้พุง
“มองเหี้ยไร พวกมึงไม่กลับบ้านกันรึไง”
“อย่ามานอกเรื่องนะยะอิไปป์” คู่รักคู่แค้นอย่างอิแม๊กซ์เดินแหวกฝูงชนเข้ามาอย่างเต็มสูบ มึงไม่ต้องทำหน้าตื่นตาตื่นใจขนาดนั้นก็ได้อิแม๊กซ์
“อะไรมึง”
“อิไปป์แกร้ายกาจมาก” แม๊กซ์ชี้หน้าผมแล้วจีบปากจีบคอพูด “นี่เป็นตุ๊ดทั้งทีแกเล่นถึงเดือนมหาลัยเลยเหรอยะ ตุ๊ดรุ่นพี่อย่างชั้นยอมแพ้แกจริงๆ”
“ตุ๊ดเหี้ยไร กูเป็นรูมเมทมันเฉยๆเว่ย”
“อุ๊ยต๊าย...หลับนอนห้องเดียวกันด้วย” มันท้าวเอวพร้อมจิกกัดผม “ชั้นแดกข้าวไม่ได้แดกหญ้านะอิไปป์ รูมเมทเชี่ยไรมีลูบหัวกันแถมยังมารับถึงคณะอีก นี่แกแย่งแฟนดาวนิเทศเลยเหรอยะ โอ้ มาย ก๊อด!!!ชั้นต้องให้แกสอนมารยาให้ชั้นบ้างแล้วแหละ”
“กูว่าแค่นี้มึงก็มารยาพอแล้วนะอิแม๊กซ์”
“ไม่เท่ามึงมั้ง เอาซะเดือนมหาลัยเลยนะยะ”
เออ..รอบนี้กูยอมโดนมึงน็อคเอ้าท์ก็ได้!!!! ผมขี้เกียจเถียงกับมันแล้วหันไปตะโกนเรียกฟาร์ให้ไปรอรถไปหน้ามอกัน มันวิ่งดุ๊กๆจนผมเด้งเหมือนรอเวลานี้มานานแล้ว ผมสบสายตาหลายคนที่มองมาทางผม
“กูไปหาไรกินละ บายนะพวกมึง”
ว่าแล้วก็ลากแขนไอ้ฟาร์ชิ่งออกมาหน้าด้านๆซะเลย ไอ้ฟาร์ช้อนตามองหน้าผมเหมือนอยากจะจับผิดอะไรสักอย่าง
“ไปป์..มึงรู้ใช่มั้ยว่ามึงจะเจอบทสัมภาษณ์ที่ร้อนแรงยิ่งกว่าวู้ดดี้เกิดมาคุยซะอีก”แหม...ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี้ย!!!
TBC
มาอย่างว่องเลยค่ะ บอกแล้วว่าไม่ดอง
มีคนไม่ประทับใจพระเอกเค้าด้วยอ่ะ ยอมไม่ได้เลยต้องส่งคินมาเรียกเรตติ้งเอาตอนนี้
อยากเม้าท์ว่ามุกเรื่องอิ้งตอนที่แล้ว(ที่อ่านซัมไทม์ว่าโซมิติเมท อ่านฮันนี่ว่าโฮนี่)เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในรั้วมหาลัยนะคะ แต่ไม่ใช่คณะที่ชื่อศิลปกรรม และขอสงวนนามคณะไว้มาณ.ที่นี้...
ตอนหน้าเจอกันวันที่10ค่ะ
นอกเรื่อง...วันนี้เตรียมเชียร์ชาลเก้ แพ้ช่างมันขอให้เล่นให้เต็มที่
เพราะตอนนี้ราชันที่เราเชียร์ทั้งสองกำลังจะตกรอบ(ตกไปแล้ว1)เลยเศร้าจิตช่วงนี้
PS.คุณlollionlypop >>ดีใจมากค่ะที่มีคนชอบพระเอกซะที ฮ่าๆๆๆ
คุณnxlove >>บ่ได้ป้อจายสักคนเลย ก้ายขนาด

ดิทๆอีกรอบ ขอแสดงความยินดีกับน้องที่แอดติดทุกคนนะคะ
ไม่ติดไม่เป็นไรนะลูก อย่าเครียด หนูอาจจะเครียดช่วงนี้ แต่ชีวิตมันต้องเดินตามหาคว