กว่าจะเข็นเรื่องนี้ออกมาได้ ปวดหัวจริงๆ แต่เราอยากได้แฟตาซีแบบไทยๆบ้าง ขอหน่อยเถอะนะ
แต่ขอรับประกันว่า หื่น โฮะ โฮะ โฮะ

ขณะนี้กำลังอัพเดทนะคะ กรุณาอย่าเพิ่งปาดจนกว่าจะเห็นคำว่า ติดตามตอนต่อไป หรือ

เรื่องสั้นตอนที่ 29 เหยื่อมาร
พระพายโชยแผ่วเบานำกลิ่นดอกพวงแพรหอมเย็นอ่อนจางชวนให้เพลิดเพลินใจแก่ผู้ที่ได้ยล
แดดแจ่มจ้าในเช้าวันอันสดใสทอดแสงผ่านประตูเรือนรับรองอาบพื้นไม้แดงเงาวับสะท้อนสีชาดผ่องไปทั้งห้อง
สายลมพัดมู่ลี่ไม้ไผ่ไหวเบาๆเป็นช่วงเวลาเดียวกับเมฆลอยเลื่อนบดบังแสงแดดทำให้ความแจ่มจ้าอ่อนเบา
รับกับบรรยากาศเงียบสงบของแมกไม้เขียวจัดนอกเรือนรับรอง
เสียงใบไม้ไหวยังไม่อาจแทรกเข้ามาในความเงียบงันภายใน ที่แม้แต่เสียงลมหายใจยังเด่นชัด
ปลายนิ้วเรียวลูบเนื้อไม้บนโต๊ะไปมาใส่ความสนใจเป็นอย่างมากเป็นการกลบเกลื่อนบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ
ทันใดที่มีเสียงเคลื่อนไหวภายนอกห้อง เจ้าของมือเรียวบางขาวกระจ่างหยุดมือหันมาประสานอยู่หน้าตักอย่างระวัง
ทาสหญิงในชุดสีมอซอ 2-3 คนเข้ามาฝีเท้าเงียบกริบราวกับวิญญาณ
เข้ามาลดมู่ลี่กลางห้องลงกั้นทำให้รู้ในทันทีว่า คู่สนทนานี้ต่างเพศกัน
“เอามู่ลี่ขึ้น” คำสั่งนี้ทำให้ทาสหญิงที่กำลังดึงมู่ลี่เกือบถึงพื้นแล้วต้องชะงัก
นางทั้งสองไม่ปริปากบ่นรีบม้วนขึ้นตามคำสั่งที่ออกจะผิดจารีตนี้เงียบๆ
ดวงตาสีนิลกระพริบอย่างครุ่นคิดก่อนตัดสินใจเหลือบขึ้นมองตามมู่ลี่ไม้ไผ่สีสดม้วนสูงขึ้น ผ้าไหมเนื้อดีม่วงงามตา
ดิ้นทองลายดอกไม้วิจิตรงามตาขับให้ผิวกายสตรีผู้สูงศักดิ์ผุดผาดงามตามีสง่าราศี
ผมดำเกล้ามวยเรียบขับผิวผ่องงามดุจดอกไม้แรกแย้ม แลดวงตาคมกล้าแผงด้วยอำนาจของนางพญา
“ท่านผู้นี้คือ ท่านหญิงดาหราวาตี ภริยาท่านเศรษฐีอัศวบดี พระญาติท้าวสียะตรา” ข้ารับใช้สูงวัยกล่าวแนะนำ
ในฐานะผู้น้อยและแขกผู้มาเยือนจึงเป็นฝ่ายยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม
นางดาหราวาตีเป็นหญิงงามวัยกลางคน หากเปรียบเหมือนดอกไม้ก็เป็นกุหลาบที่บานสะพรั่งเต็มที่
ผิวกายผุดผ่องไม่แพ้ดรุณีแรกรุ่น อีกทั้งฉลาดเฉลียวสามารถครองเรือนฝ่ายสามีที่วายชนน์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
โดยมิได้สมรสใหม่เลย นางแลตามองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสนใจ
ผมสีดำปานราตรีกาล หากยาวสยายดุจเส้นไหม งดงามวาววับยามต้องแสงดูไหลลื่นดุจสายน้ำหลากมีชีวิตชีวา
ดวงตาเป็นประกายแสดงอารมณ์จริงจังผิดกับใบหน้าอ่อนวัยกระจ่างใส ยิ้มน้อยหงอยเหงาประดับริมฝีปากสีเข้ม
นั่งอยู่ห่างตรงนี้ยังได้กลิ่นผิวหอมสุคนธ์รื่นชื่นชม สมเป็นชาวเผ่านนทิการ
“ส่วนทางนี้คือ...” บ่าวเฒ่าจะแนะนำให้ นางยกมือห้ามพลางไล่ให้ออกไปเสีย ในห้องจึงมีเพียงเจ้าบ้าน
แขกผู้มาเยือนและทาสอีก 2-3 คน เวลานี้ลมพัดเอื่อยๆแสงแดดจับม่านไม้ไผ่ริมที่ปลิวไหวแผ่วเบา
“เจ้ามีชื่อเรียงเสียงใด?”
“ณภูริ ขอรับ”
“เป็นชาว นนทิการ”
“ขอรับ”
“อายุเท่าใดแล้ว”
“วันเพ็ญ เดือน 5 นี้ก็ครบ 21”
“อายุมากกว่าบุตรข้า 2 ปี” นางกล่าวพลางพยักหน้าด้วยความสนใจ “เจ้ามีคู่ครองหรือ มีบุตรหรือไม่”
“ยังมิเคยขอรับ”
“ข้าเคยได้ยินว่า ชาวนนทิการจะมีคู่หมายตั้งแต่เด็ก และจะครองคู่กันไม่เกิน 18-19 มิใช่หรือ”
นางขยับพัดในมือไล่ความอบอ้าวออกไป
ดวงตาสีสดใสเหลือบมองไปทางอื่นอย่างเศร้าสร้อย “ผู้น้อยคงไร้วาสนาจะมีคู่”
“จริงเหรอ” นางพึมพร่ำเบาๆ หายากที่พบชาวนนทิการที่ครองพรมจรรย์อยู่ ด้วยความเป็นชนเผ่าที่พิเศษกว่าชนเผ่าอื่น
เมื่อครั้งบรรพกาล มีดินแดนแห่งบุรุษที่ครองคู่กันเอง พวกเขามีผมดำยาวผิวพรรณงดงาม
สามารถให้กำเนิดทายาทที่ แข็งแรงสมบูรณ์งดงามด้วยประการทั้งปวง และด้วยความที่เป็นที่หมายปองของผู้คนทั่วหล้า
หลายร้อยปีให้หลัง กษัตริย์องค์หนึ่งยกทัพตีอาณาจักรเล็กๆแห่งนี้จนล่มสลายเพียงเพื่ออยากครอบครองกษัตริย์ชาวนนทิการ
หลังจากนั้นสายเลือดตรงก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่ว
ชาวนนทิการหากครองคู่กันเองลูกหลานก็ยังคงเป็นชาวนนทิการที่สามารถมีทายาทสืบทอดได้
หากครองคู่กับเผ่าอื่น ลูกหลานก็จะเป็นคนปกติ ไม่มีคุณสมบัติให้กำเนิดทายาทเองได้อีกต่อไป
แต่จะได้เพียงใบหน้าที่งดงามกว่าชนเผ่าอื่นเท่านั้น ตรงนั้นแหละที่นางดาหราวาตีต้องการ หลานชายที่งดงามกว่าใคร
“ที่เรามาพบกันในวันนี้....คิดว่าเจ้าคงรู้ถึงความประสงค์ของข้าใช่หรือไม่”
“ขอรับ....ส่วนความประสงค์ของข้าน้อย ท่านก็คงรับรู้เช่นกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว” นางดาหราวาตีโบกพัดในมือสั่งให้ทาสหญิงยกกล่องไม้เก่าๆขนาดพอดีมือ มาเปิดให้ดู
ภายในมีถุงแพรสีแดงภายในบรรจุเหรียญเงินจำนวนมาก
“ข้าจะจ่ายให้เจ้าครึ่งหนึ่งก่อน ที่เหลืออีกครึ่งจะมอบให้ในวันที่เจ้าส่งมอบทารก”
“ก่อนจะตกปากรับคำ ข้าน้อยต้องขอเรียนเรื่องหนึ่ง”
“ว่ามาสิ”
“เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ จำต้องร่วมมือกันด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย ข้ามิอาจฝืนใจใครได้
หากบุตรของท่านร่วมห้องไม่ถึง 7ทิวาราตรี ข้าก็มิอาจรับประกันผลที่จะเกิดขึ้นได้ และถ้าเกิดกรณีที่ไม่สำเร็จขึ้น
ท่านต้องจ่ายสินไหมทดแทนแก่ข้าน้อยเต็มจำนวน”
7 วันมิใช่กฎตายตัว หากเพื่อความมั่นใจว่าจะปฏิสนธิ หลังจากนั้นอีก 9 เดือนถึงจะให้กำเนิด
นางดาหราวาตี เม้มปากด้วยความหนักใจ ข้อแม้นี้ทำให้ระลึกถึงอุปสรรคใหญ่ขึ้นมาจนได้
หากไม่มีเวลาให้คิดมากอีกต่อไปแล้ว “ข้าเข้าใจดี ตกลงตามที่เจ้าว่าเถิด ”
“งั้นข้าน้อยขอครึ่งหนึ่งนี้ไปก่อน”
“ข้าจะให้คนไปเตรียมห้อง เจ้าพร้อมเมื่อไร?”
“คืนนี้” วาจาสั้นและห้วน บ่งบอกถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่ นางดาหราวาตีพยักหน้ารับรู้ ต่างคนต่างแยกย้ายไปคนล่ะทาง
ณภูริหอบกล่องไม้ออกมานอกเรือน แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้างและแสงอาทิตย์เจิดจ้าราวกับมีใครที่เบื้องบนมองอยู่
บุรุษหนุ่มทอดถอนใจยาวราวกับเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
เขาตรงไปยังรถม้าเก่าคร่ำคราที่จอดใต้ร่มเงาไม้ใหญ่มีลมพัดโชยทั้งที่แสงแดดแรง
“พี่ภูริ” เด็กหนุ่มร่างเล็กนั่งขีดๆเขียนๆกับพื้นดินแห้งๆเล่นลุกขึ้นอย่างดีใจ สิ่งแรกที่เข้าหาเขาได้ก่อนเป็นกล่องไม้ขนาดเหมาะมือ
“รีบนำไปไถ่ตัว ลุงสุธนกับวาทินเร็วเข้า”
“พี่ภูริ เงินตั้งมากมายปานนี้”
“ไปเถอะ แล้วไปรอฟังข่าวที่ชายป่าประจิม หากภายใน7 วันข้าไม่กลับไปล่ะก็
พวกเจ้าล่วงหน้าไปก่อน แล้วข้าจักตามไปภายหลัง”
“ทำเช่นนั้นได้ไร จะให้พวกเราทิ้งพี่ไว้ที่นี่หรือ”
“อย่าห่วงเลย ลุงสุธนและวาทินรู้ว่าข้าจะปลอดภัยดี เจ้ารีบไปเถอะ มะรุม ชักช้าแล้วทั้งสองคนจะไม่ปลอดภัย”
บุรุษหนุ่มรุนหลังให้เด็กน้อยขึ้นบนนั่งบนรถม้า
“แล้วพี่ต้องรีบตามมานะ” มะรุมเสียงสั่นจะร่ำร้องไห้แล้ว เขาตบสะโพกม้าเบาๆ มันก็ดึงรถม้าเก่าคร่ำคราออกเดินทาง
โดยมีสายตาหวาดกลัวของเด็กน้อยคอยมองจนลับสายตาไป
ณภูริยืนมองเงาไม้ที่ไหวเอนลู่ตามแรงลมรู้สึกพรั่นพรึงแลโดดเดี่ยวที่สุดก็ครานี้ ญาติเขา พี่น้องเขา
พวกพ้องเพียงไม่กี่คนที่เหลือในโลกเขาไม่อาจปล่อยให้ทั้งคู่ถูกจองจำในคุกด้วยเหตุผลโง่ๆ
ที่ขี้เมาทั้งหลายใส่ใคร่หาเรื่องวิวาทหรอก แต่จะรอสู้คดีก็ไม่ได้
หากมีคนล่วงรู้ว่าทั้งคู่เป็นชาวนนทิการ คงต้องถูกข่มเหงจนตายจากเดนคนนับร้อย
นี้เป็นพรหรือคำสาบนะที่พวกเขาต้องคอยหลีกหนีจากเงื้อมือคนที่พยายามฉกฉวยผลประโยชน์จากสายเลือดนี้
เขาชิงชัง เขาเกลียด ทว่า....ครานี้กลับจำต้องยอมขายตัวตนเพียงให้อยู่รอด
ณภูริลูบไล้ใบหน้าเอาความคิดและคราบน้ำตาออกไปให้พ้น เขาเลือกแล้วแลต้องทำให้ถึงที่สุด
******************