ต่อ
เสียงแมลงหนวกหูเหลือเกิน แดดแรงอาบผิวร้อนผ่าวไปหมด
หน่ำซ้ำกระเป๋าเป้หนักขึ้นเรื่อยๆจนลากไม่ไหวต้องแบกขึ้นหลังแทน
น้ำหนักร่วม 30 กิโลทำให้แต่ล่ะก้าวนั้นหนักหนากว่าเขาจะก้าวพ้นเนิน
สายลมเย็นพัดมาพร้อมกับความประหลาดใจ ไอร้อนที่อบอวลถูกพัดจางหายไปทันที
เมื่อเห็นสีเขียวสดเป็นผืนยาวลงไปถึงสระกว้างและต้นส้มเรียงเป็นแถวเป็นแนว
เครื่องฉีดน้ำพุ่งขึ้นสูงเหมือนน้ำพุ สีเขียวสดของต้นไม้ใบหญ้าทำให้ลืมความร้อนไปหมด
รูนมองด้วยสายตาก็รู้ว่าที่นี่ประสบความสำเร็จกว่าที่คาดมาก มัน.....
ปรี๊นนนนน......
“เหวอ!!” ร่างเล็กตกใจรีบหลบรถจิ๊บพุ่งพรวดจากไหนมาไม่รู้ ล้มกลิ้งลงในพงหญ้า
น้ำหนักเป้ข้างหลังทำให้เขากลิ้งหลุนๆไม่รู้ตั้งกี่ตลบ กว่าจะแน่นิ่งในที่สุด
แฮ่ก....
แฮ่ก....
นึก....นึกว่าจะตายแล้วสิ รูนนอนมองท้องฟ้าสีฟ้าใสอยู่นาน
นี่มันอะไรกันวะ...เพิ่งมาวันแรกก็เจอดีแล้วเหรอ เขาทิ้งกระเป๋าเป้ไว้ก่อน
ค่อยๆยันตัวขึ้นปัดขี้ฝุ่นเศษหญ้าออกจากตัว แขนขามีแต่รอยถลอกโดนหญ้าบาดเป็นรอยแดงๆเต็มไปหมด
แถมข้อเท้าก็เจ็บแปล้บๆ ถ้าฝืนเดินอีกล่ะก็ได้บวมหนักกว่านี้แน่
โชคเขาไม่ร้ายเกินไป นั่งรออยู่ข้างทางครู่ใหญ่ๆก็มีรถผ่านมา ช่วยพาไปส่งถึงออฟฟิส
“คุณรูน??...ขอโทษที ผมจำวันผิดไปหน่อย นึกว่าคุณจะมาพรุ่งนี้”
คุณบุญสร้างเป็นหนุ่มใหญ่วัย 40 เศษหน้าตาชาวบ้านแถบนี้แท้ๆเลย
แกนั่งโต๊ะทำงานในห้องพอเห็นหน้าเขาก็เหวอเลยทีเดียว รีบลากเก้าอี้มาให้เขานั่ง
“ขาเป็นอะไร?”
“หลบรถน่ะครับ คงพลิกน่ะ”
“แย่จัง....ผมขอโทษด้วยนะ ช่วงนี้งานยุ่งจนผมหัวหมุนไปหมด” แกกดน้ำเย็นจากตู้มาให้ รูนยกดื่มรวดเดียวหมดแก้วเลย
เฮ่อ....รอดตายไปที
“ท่าทางคุณคงเหนื่อย ผมพาไปห้องพักก่อนดีไหม แล้วค่อยมาคุยเรื่องงานกันตอนอาหารเย็น”
“ดีครับ” รูนมีกำลังขึ้นอีกโขเลย เขายกกระเป๋าเป้ขึ้น
ก่อนจะเห็นคนในห้องกระจก ความคุ้นในสายตาทำให้หัวใจเขาเต้นตึกตัก “นั้น.....??”
“อ้อ...นั้นเจ้านายของทุกคนที่นี่ ไว้ผมจะแนะนำให้รู้จักทีหลัง”
ไม่เลย....ไม่จำเป็นเลย เขารู้จักดีทุกคนเลย ลูกหลานสายตรงของบ้านโรจน์แสงจันทร์
สี่พี่น้อง ไอดิน กลิ่นฟ้า หยดพิรุณ ยลสุริยะ เจ้าพวกนี้....
คอยดูเถอะ จากนี้ไปคงหัวเราะไม่ออกแน่ ถ้าเจอเขาเสียก่อน
“มาเถอะครับ” คุณบุญสร้างช่วยเขาถือกระเป๋า
“นายครับ นาย...” หนุ่มร่างเล็กสวมแต่กางเกงยีนต์ตัวเดียววิ่งพรวดเข้ามาในออฟฟิส “จับมันได้แล้วครับ ไอ้มิ่งน่ะ”
“มันอยู่ไหน” ทั้งสี่คนลุกออกไปดู สีหน้าสนุก ตื่นเต้นทำให้ทุกคนในออฟฟิสลุกออกไปกันเป็นแถว
กระตุ้นความอยากรู้ของรูนด้วยเช่นกัน
“มีอะไรกันหรือครับ”
“อ๋อ จับคนงานขโมยของได้แล้ว พวกเขาจะทำโทษมัน”
“อะไรนะ?” ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน เขาลืมเรื่องที่อยากพักผ่อนไปหมด รีบตามออกไปดูด้วยคน
ลานกว้างหน้าตึกออฟฟิสมีคนงานรุมล้อมเป็นวง มีผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาบวมบูดถูกมัดคุกเข่าอยู่
“ไงล่ะ ไอ้มิ่งหนีได้ตั้ง 3 วันเก่งจริงนะมึง”
“คุณดิน ผมขอโทษ...ผมต้องใช้เงินจริงๆ พ่อผมต้องผ่าตัดหัวใจ”
“หุบปากไปเลย!” เขาตวาดเสียงดัง กระทั่งรูนที่อยู่ข้างหลังยังสะดุ้ง เสียงดังยังกะฟ้าผ่า
นี่เหรอนักเรียนเกรียตินิยมจากเยล ในประวัติออกจะเรียบร้อยแท้ๆ
“เงินรักษาพ่อมึง กูช่วยไปตั้งเท่าไร หา?? มึงเอาไปเล่นไก่ชนจนหมดนึกว่ากูไม่รู้เรอะ
โกหกหน้าตายยังไงกูไม่ว่า แต่กล้ามาขโมยของในไร่ มึงอยากตายนักใช่ไหม”
“ขอโทษครับ คุณดิน.... ผมขอโทษ” ผู้ชายคนนั้นร้องไห้เป็นเด็กๆเลย ทุกคนจะรู้สึกเหมือนที่รูนรู้สึกหรือเปล่า
ว่ากลัวแทนผู้ชายคนนี้ เขาจะเจออะไรนะ
“เอามันแขวนกับต้นไม้ พรุ่งนี้เฆี่ยนมัน 50 ไม้”
“คุณดิน...คุณ...” พวกผู้ชายเข้ามาลากเขาออกเชือกเส้นใหม่พันรอบตัวเขาก่อนโยนขึ้นไปคล้องต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ
“เดี๋ยวก่อน....เดี๋ยว” รูนโผล่พรวดเข้าไป “พวกคุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“อะไร?? ใครกันเนี่ย”
“เขาขโมยของคุณ คุณก็จับเขาส่งตำรวจสิ จะจับเขาแขวนแล้วเฆี่ยนกันเองได้ยังไง บ้านเมืองมีกฎหมายนะ”
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขาและเจ้านายของทุกคน ไอดินหันมามองเขาเต็มตัว
รูนตัวแข็งค้างอยู่กลางบันไดอยู่อย่างนั้น ไอดินในรูปถ่ายพร้อมประวัติ ดูดีออกเป็นเด็กเนิร์ดนิดๆ
แต่นี่....ใบหน้าคมเป็นผู้ใหญ่ ผิวกร้านแดด แววตาดุ ริมฝีปากเม้มเหมือนคนอารมณ์บูดตลอดเวลา
ยิ่งมีรอยแผลที่ปลายคางด้วย ทำให้ยิ่งดูเหมือนเจ้าพ่อขาโหดเสียมากกว่า
“ฮะฮะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เขาดีดนิ้ว เปาะ! คนงานก็ลากชายผู้โชคร้ายออกไป
สี่พี่น้องตรงมาหาเขา รูนจะถอยหลังแต่โดนกระชากแขนลงมา
“โอ้ยย...” เท้าเหยียบพื้นแรงไปทำให้เจ็บจี้ดขึ้นมา เมื่อยืนกับพื้นเท่าๆกัน เขาตัวเล็กจ้อยเหมือนเด็ก
สี่พี่น้องยืนล้อมเขาราวกับเสือล้อมเหยี่อ และกำลังจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ นิ้วแข็งๆบีบปลายคางให้เงยหน้าขึ้น
“เราเป็นใคร หรือ?”
“เอ่อ....เขาชื่อรูนครับ... รูน เอฟเฟอร์ นักการบัญชีที่มาใหม่” คุณบุญสร้างบอกอยู่ข้างหลัง
“รูน....ชื่อน่ารักสมกับตัว” คนที่ว่าคือ กลิ่นฟ้า ท่าทางเป็นมิตรกว่า
เขาพยายามเอามือออกจากคางตัวเอง แต่มือข้างเดียวก็ยังเอาชนะไม่ได้เลย
“แต่ฉันไม่ชอบคนชอบแทรก...ทีหน้าทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
“คุณสั่งผมได้ในเรื่องของงานเท่านั้น นอกเหนือจากงานผมไม่จำเป็นต้องฟังคุณ ปล่อยมือ...เดี๋ยวนี้”
รูนเค้นเสียงตอบโต้อย่างไม่กลัวเกรง โดยเฉพาะคำสุดท้ายเขาเจาะจงใส่คนตรงหน้าตรงๆ
...............................................
....................................
หึหึ...มีเสียงหัวเราะเบาๆจากคนรอบข้าง อะไร?? มีอะไรน่าขำกัน
“กล้าดี”
“โง่เสียมากกว่า”
อะไร?? พูดเรื่องอะไรกัน รูนพลั่กคนอื่นๆให้ออกห่าง แต่ไม่มีใครขยับเลย
“ผมจัดการเอง”
“ไม่ต้อง...” ไอดินลากแขนเล็กให้ตามเขามา รูนมองบุญสร้างให้ช่วย แต่เขากลับก้มหน้าหลบสายตา
มือแข็งๆลากเขาแรงทำให้ต้องเขย็งเท้าตามให้ทัน นั้นยิ่งทำให้เจ็บข้อเท้าหนักขึ้นไปอีก
ร่างสูงใหญ่กว่าลากเขาออกไปด้านหลังตึก ขึ้นบันไดไปชั้นสอง ข้างบนมีแบ่งห้องเล็กๆอยู่หลายห้อง
เปิดประตูเข้าไปเป็นห้องโล่งๆ มีเพียงเตียงและโต๊ะให้เท่านั้น รูนโดนพลั่กเข้ามากลางห้องพอเขาหันไปมองเท่านั้น
เพี้ยะ!
ฝ่ามือตบจนหน้าหัน ชาวูบไปทั้งแถบเลย ร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจมากกว่าเจ็บ
“ทีหลัง....ห้ามสะเออเหมือนวันนี้อีก เข้าใจไหม” ไอดินชี้หน้าว่า รูนหันมามองหน้าอย่างโกรธจัด
พ่อแม่เขายังไม่เคยตบสักกะแปะ มันกล้า....มันกล้าตบเขา!
“ไอ้สัด มึงกล้าตบกูเหรอ” เขาเตะเข้าหน้าแข้งยาวๆนั้นสุดแรง
ผัวะ!
ไอดินถึงสะดุ้ง เขาเผลอไปนิดเลยเจอหมัดเล็กๆชกเข้าที่โหนกแก้มอีกทีเขาเซถอยไปก้าวหนึ่ง
รูนตามมาเสยเข่าใส่กล่องดวงใจจังๆ
“อุ๊บ!” ร่างสูงตัวงอเป็นกุ้งเลย เขาฉวยโอกาสพลั่กล้มลงบนฟูกเปลือยๆ แล้วตามไปคล่อมบนตัว
“มึง....” รูนจิกผมขึ้นง้างหมัดแล้ว ก็นึกขึ้นได้ นี่เขา....กำลังชกเจ้านายอยู่
โอ้....ตายโหงแล้ว “เอ่อ....คือ...”
ไอดินมองหน้าสายตาน่ากลัวสุดๆ อุ้งมือใหญ่จิกผมเขาลงมาอยู่เบื้องล่างแทน
ร่างหนักอึ้งกดทับเอาไว้ มือบีบคอเขาสุดแรง
“มึง....กล้าขึ้นเข่าใส่กูเหรอ”
รูนหายใจไม่ออก คุณตาครับ....ขอโทษจริงๆ มาถึงวันแรกผมก็ทำเรื่องเสียแล้ว...
(ติดตามตอนต่อไป)
