ท่อนแขนทั้งสองโอบรัดเอวยกขึ้นมาอยู่บนร่างแกร่ง ทำให้ผมต้องกอดรอบคอ พันขารอบเอวเขาไว้พยุงตัว
โดยมีมือเขาช้อนสะโพกไว้เต็มมือ ทันใดนั้นเขาก็จ้วงความใหญ่โตเข้ามาอย่างดุดัน
ผมแหงนหน้าไปข้างหลังอ้าปากร้องออกไปอย่างไรบ้างไม่รู้ ทั้งร่างแข็งทื่อจากแรงปะทะของคลื่นหรรษาประหลาด
มันเร่าร้อนรุนแรงส่งให้ผมล่องลอยขึ้นไปในที่สูง....สูงมากๆจนใจหวิวซ่านมันจี้ดๆเจ็บปวดกึ่งๆสุขสม
ผมอ้อยอิ่งในอารมณ์นั้นจนกระทั่งตกลงวูบ...
พี่อาคีรายกตัวผมขึ้นแล้วกระแทกซ้ำอีกครั้ง อีกครั้ง....และอีกครั้ง อย่างตะกละตะกลาม
เขากำลังฉีกผมเป็นชิ้นๆด้วยความหื่นกระหายอันบ้าคลั่ง
ผมจิกเล็บลงบนแผ่นหลังและร้องออกไปสุดเสียงทุกครั้งที่โดนโยนขึ้นลงตามจังหวะ จนร้อนผ่าว
เหงื่อกาฬพรั่งพรูออกมาเปียกชื้นทั้งตัว
ขณะปั่นป่วนไปกับจังหวะโรมรันไม่หยุดนั้น
ผมเห็นเงาดำทาบบนผนังห้องสีเทาของร่างสองร่างเกี่ยวกระหวัดกันและกำลังแสดงท่าทางที่น่าอาย
ผมตะลึงงันกับภาพที่เห็น นั้นทำให้วินาทีต่อมาผมถึงกับระเบิดละอองของความสุขสมออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ผมร้องสุดเสียงนั้นทำให้ต้องรับการจู่โจมด้วยพละกำลังมหาศาลกระแทกกระทั้นจนสะเทือนไปทั้งตัว
ผมรับรู้จากการเกร็งของกล้ามเนื้อในวงแขน พี่อาคีรากำลังเดินไปสู่สุดสูงสุดแล้ว
ทว่าเขากลับหยุดเสียดื้อๆ เขาทิ้งผมลงบนโซฟา ความหรรษาที่ส่งผมล่องลอยกลางอากาศล่มลงสู่นรกทันที
ผมไม่รู้เลยว่าสบถออกไปได้ยังไง
เขาจับผมพลิกคว่ำหน้าลง มือดึงสะโพกขึ้นแล้วตบลงมาเสียงดังสั่น ไม่อย่าเชื่อเขาทำให้ผมสะท้านหวิวขึ้นมาทันที
ก่อนจะโจนเข้ามาสู่ความอุ่นเปียกชื้นในตัวผม ......ผมหลับตานิ่งตอบรับเชื้อไฟคลื่นความสุขที่ถูกต่อเติมอีกครั้ง
“Fuc….” พี่อาคีราสบถคำหยาบเสียงพร่ากระเส่าออกข้างหู ขณะนำความแข็งขืนเข้าออกซ้ำแล้วซ้ำอีก
พร้อมๆกับลมหายใจหอบฮักแรงๆ“เราทำให้ฉันไม่อยากหยุดเลย...”
ความผิดผมเหรอ??
มือแข็งๆคว้าข้อมือผมทั้งสองข้างแล้วดึงไปข้างหลังทำให้ผมต้องแอ่นตัวขึ้นตอบโต้ทุกครั้งที่เขาทิ่มแทงลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า
เติมเต็มความหฤหรรษ์อย่างไม่หยุดหย่อน เขาแข็งแรงคล่องแคล่ว ควบขี่ผมด้วยความต้องการเร่าร้อนรุนแรง
แต่ล่ะครั้งโยกได้ลึกขึ้น แรงขึ้น เร็วขึ้น จนผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกเขา....เขา...และเขา
ผมถึงจุดสุดยอดไม่รู้ตั้งกี่ครั้งกว่าจะทำให้ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเก
ร่างแกร่งตระตุกเฮือกอยู่หลายสิบครั้งแล้วปลดปล่อยเมล็ดพันธ์ออกมามากมาย
ผมวูบไปก่อนที่เขาถอนตัวออกไปด้วยซ้ำ
รู้สึกอีกครั้งตอนได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้า พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นรองเท้าหนังกับกางเกงสีเทาเงินกลีบคมๆอยู่ห่างไปเล็กน้อย
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว ผมรวบรวมแรงลุกขึ้น
“โอ้ยยย....”
เอวผม....เจ็บไปหมด ที่แย่กว่านั้นคือช่วงล่างผมไม่รู้สึกอะไรเลย พอตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ก็ต้องใจหายวาบ
สองขาผมมีคราบเลือดเป็นปื้น บนเบาะสีดำก็ยังมี นี่ผม.....จะตายรึเปล่า??
ขณะที่กำลังมึนงงกับชีวิตอยู่นั้น พี่อาคีราเข้ามาวางบางอย่างบนโต๊ะ
“....ไปหาหมอซะ”
แบงค์สีเทาหลายใบพับครึ่งอยู่ตรงหน้า วินาทีนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างเฉาะเข้าที่อกผมอย่างจัง.....
เหมือนเลือดทะลักออกมาจนรู้สึกได้ว่าเลือดของตัวเองอุ่นแค่ไหน
นั้น.....ค่าตัวผม
“จะให้คนไปส่งไหม” เขาพูดทั้งที่ยืนหันหลังให้ เหมือนผมเป็นตัวอะไรสักอย่าง
..........................................
......................
ผมคิดไม่ออกว่าควรพูดอะไร คิดไม่ออกจริงๆ ที่ทำได้คือหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้เร็วที่สุด
ไม่สนด้วยว่าจะเจ็บขนาดไหน แล้วออกไปจากห้องนี้ ผมแทบจะวิ่งด้วยซ้ำแต่แข้งขามันไม่มีแรงเลย
พอออกมานอกบ้านได้ มันก็หมดแรงผมทรุดฮวบลงนั่งแปะกับพื้นอิฐทางเดินไปยังประตูรั้ว
หัวใจมันเต้นแรงแทบจะระเบิดออกมาข้างนอก แต่มือกลับเย็นจนสั่น
ผมกำลัง......
กำลังจะตายด้วยแรงอัดอั้นจากข้างใน
ก้อง....สิท อย่างน้อยสองคนนั้นก็ไม่ได้ข่มขืนผม พวกเขา....
ตุ๊บ...
ผมสะดุ้ง มีลูกบอลสีแดงกลิ้งมาชนหัวเข่ากระดอนกลับไปหาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
เธอสวมชุดสวยสีชมพูในมือกอดตุ๊กตาหมี ดวงตาสดใสราวกับดาวประกายพรึก
“หวัดดีค่ะ”
ผมทำได้แค่เค้นยิ้มให้เธอ
“พี่เป็นใคร...ลูกน้องพ่อเหรอคะ”
พ่อ?? ผมส่ายหน้า
“ครูคนใหม่”
ผมส่ายหน้าอีก
“พี่เลี้ยงคนใหม่ของหนู”
ผมส่ายหน้าอยากจะลุกแล้ว แต่ขาไม่มีแรงเลย
“พี่เป็นไรไหม” มือน้อยๆยื่นมาเช็ดที่ใต้ตา นี่ผมร้องไห้เหรอ... “พี่ไม่สบายเหรอ”
“น้องโอมี่” เสียงตะโกนลั่นมาจากตัวบ้าน ผมหันไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพอเห็นว่าเด็กผู้หญิงคุยกับผมอยู่
เธอก็ทำหน้าขมึงตึงรีบจ้ำพรวดมากระชากแขนน้อยๆออกห่างจากผมจนเด็กร้องลั่น
“อย่าเข้าใกล้มันนะ”
“โอมี่เจ็บอะ”
“เงียบนะ น้าบอกกี่ครั้งแล้วคนพวกนี้มันสกปรก อย่าเข้าใกล้เดี๋ยวติดเชื้อโรคมันหรอก”
เธอหันมาจิกตาใส่ผมทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เหมือนเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอ้าปากจะพูดอะไรได้
แรงจะเดินยังไม่มีเลย ได้แต่มองดูเธอลากแขนเด็กคนนั้นเข้าบ้านสวนทางกับผู้ชายอีกคน
เขาคนนั้นในมือถือแบงค์พับครึ่งอยู่ พอเห็นหน้าผมเขาก็ยิ้มโบกมือให้มาหา
ผมรีบลุกขึ้นหนีออกไปจากที่นั้น ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น อย่างเดียวที่ต้องการคือไปให้พ้นๆซะ
กลับถึงบ้านได้อย่างแรกที่ทำคือ อาบน้ำล้างคราบไคลออกให้หมดทุกซอกทุกมุมแล้วซุกตัวนอน
ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันทำร้ายผมเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว
ผมภาวนาให้ลืมมันไปซะ ลืมให้หมด..แต่คุณๆก็คงรู้ว่ามันยากแค่ไหน....
เรื่องบางเรื่องถึงตายก็ลืมไม่ลงจริงๆ
ติดตามตอนต่อไป
