เพิ่งบ่นตอนอัพเรื่องมนตราทาสบำเรอเมื่อเช้ามาหยกๆว่าไม่มีใจจะเขียนเรื่องสั้น พูดไม่ทันขาดคำก็ไปเจอแรงใจจากคุณ prince tae เรื่องเล่ห์ร้าย
ไม่รู้มาได้ยังไง แต่เหมือนมีอะไรมาสะกิดต่อมจิ้นของเรา ยังไงก็ตามขอบคุณคุณ prince tae ด้วยที่เรื่องของคุณทำให้เรามีกำลังใจด้วย ถึงเรื่อง
ที่เขียนนี้ไม่เกี่ยวกันก็ตาม 555

ของแบบนี้นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป แต่พอมาแล้ว แค่10 นาทีเราก็ได้เรื่องมาแล้ว ดีใจจัง ดีใจเอ้ย ดีจ้ายจัง
เรื่องสั้นที่ 10 มนต์รักทะเลใต้
ร้อน....
หิวเหลือเกิน.....
มองไปทางไหนก็มีแต่ทะเลเวิ้งว้างสุดขอบฟ้า แดดกลางหัวเปรี้ยงๆแทบจะทำให้แห้งเป็นปลาแดดเดียวได้ ท่ามกลางทะเลกว้างมีเรือเร็วจอดคว้างลอยนิ่ง สิ่งมีชีวิตบนเรือพยายามนั่งนิ่งรักษาพลังงานไว้ ร่มสีเหลืองกับร่มสีขาวเกยกันราวกับคู่รักในช่วงเวลาหวาน จู่ๆลมพัดเอาร่มทั้งสองลอยหวืดไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยยยยย....” ด้วยความตกใจและพยายามจะคว้ามันกลับคืนมาทำให้ร่างผอมบางกระโดดลงจากเรือ ตูมมมม.....
“ไอ้กัน....มึงทำอะไร รีบขึ้นมา เร็วๆๆ” คนบนเรือรีบคว้าแขนเพื่อนลากกลับมา “มึงทำบ้าอะไรว่ะ”
“บ้าอะไร นั้นร่มของเรานะ ไม่มีกันแดดแล้วทำไงล่ะ” กันย์นที หันไปมองร่มสองคันที่ลอยละลิ่วไปตามแรงลมก่อนร่วงลงบนผืนน้ำแล้วลอยห่างออกไป “ปัดโธ่เว้ย!!!!”
“ไม่เอาน่า ช่างมันเถอะ” นนทร์ดึงเพื่อนให้กลับขึ้นมาบนเรือ ลมพัดมาเย็นก็จริงแต่ก็ไม่ช่วยให้พวกเรารอดจากไอแดดที่แผดเผาตลอดเวลา ยิ่งเคลื่อนไหวพวกเขาก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งหิว
“โธ่เว้ยๆๆๆ รู้งี้กูไม่น่าตามใจมึงเลย” กันย์บ่นดังๆ
“อะไร??.....มึงจะโทษกูเหรอ”
“เอ่อสิ! ถ้ามึงไม่อุตริอยากดูโน่นดูนี่ ดูห่าเหวอะไรของมึงล่ะก็ เราก็ต้องมาติดแหง็กที่นี่เป็นวันๆหรอกเว้ย เรือตัวเองแท้ๆก็เสือกไม่ดูเกย์น้ำมัน แล้วเสือกไม่เอาน้ำมาด้วย”
“ใครจะไปรู้เล่าว่าน้ำมันหมด กูไม่ได้จัดการเองทุกอย่างนี่หว่า แล้วก็ไม่ใช่ความผิดกูคนเดียวด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะมึงอยากจัดงานเลี้ยงที่ทะเลนี่ด้วย เป็นไงล่ะนี่ไงทะเล!!! ทะเลของมึงไง”
ผัวะ!!! นนทร์ชกเพื่อนด้วยความเหลืออด กันย์หมดความอดทนเหมือนกันเขาโผเข้าใส่ชกมวยวัดแบบงูๆปลาๆโดนกันคนล่ะตุ๊บล่ะตั๊บ เรือลำเล็กหมุนคว้างเป็นวงตามแรง
ผัวะ... ร่างผอมบางล้มกระแทกก้นจ้ำเบ้าจังๆ
“โอ้ยยย.....”
“ไอ้สัด”
“มึงล่ะไอ้ทุย”
“ไอ้เฮีย” สองหนุ่มเถียงไปเถียงมาก็ถีบกันไปถีบกันมาคนล่ะอึ่กล่ะอั๊ก ยิ่งทะเละก็ยิ่งเหนื่อยสุดท้ายนอนแผ่หมดแรงทั้งคู่ ไม่ว่าจะโทษกันยังไงพวกเขาก็โดนแดดเผาอย่างเท่าเทียม หนีไปไหนก็ไม่ได้ เรื่องของเรื่องมาจากงานวันเกิดของกันย์นที เจ้าตัวเอ่ยว่าอยากจัดงานที่ทะเล เอาเป็นที่รีสอทร์หรือโรงแรมไหนก็ได้
นนทร์ที่เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเขาสองคนก็เป็นเพื่อนกันมานาน มีธุรกิจเกี่ยวดองกันด้วย ฐานะนั้นจัดว่าเศรษฐีมีเงินเหลือเฟื้อ พ่อเขาซื้อเรือยอร์ทไว้ลำ เขาเลยขออนุญาตจัดงานเลี้ยงกลางทะเลพร้อมเพื่อนๆอีกกลุ่มใหญ่ เรือมีคนขับให้พร้อม พวกเขาลอยลำกลางทะเลในคืนพระจันทร์เต็มดวง สนุกกันทั้งเหล้าเบียร์ ผู้หญิงกันโต้รุ่ง
เช้าแรกของวันที่อายุครบ 18 ของกันย์ นนทร์อยากถ่ายรูปอาทิตย์แรกเป็นของขวัญให้เพื่อน สองหนุ่มเลยแอบออกเรือมาตอนที่ไม่มีใครตื่น พวกเขาแล่นเรือออกมาได้ชั่วครู่ก็พบว่าน้ำมันหมด เรือลอยคว้างตั้งแต่ตีห้าจนสาย บ่ายก็ไม่เห็นวี่แววใครจะตามมาเจอเลย
“เราจะตายกันที่นี่” กันย์ว่าเสียงแหบแห้ง
“ไอ้เวร.....กูไม่ยอมตายที่นี่หรอกเว้ย”
เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากตายเหมือนกัน กันย์นึกก่อนหน้ามืดหมดสติไปทั้งอย่างนั้น ชายหนุ่มจมอยู่ในห้วงของความทรมานอย่างไม่รู้จบ คอนั้นแห้งเป็นผง เหนื่อย ร้อนด้วย....
“กัน....กัน ตื่นเร็ว” มือแข็งๆเขย่าเขาแรงๆ ทำให้รู้สึกตัวขึ้นเห็นท้องฟ้าสีอ่อนลง ลมที่พัดมาเย็นกว่าปกติไม่มีไอแดดแล้วด้วย ร่างเล็กจะลุกขึ้นแต่เรี่ยวแรงนั้นไม่มีเอาเสียเลย เขากระเสือกกระสนพลิกตัวคว่ำหน้าลงแล้วยันตัวขึ้นช้าๆ สิ่งที่รับรู้ได้คือ ตอนนี้เย็นมากจะค่ำแล้ว ท้องฟ้าท้องทะเลยังเวิ้งว้างเหมือนเดิม แต่พอเขาหันไปหานนทร์ก็ต้องตาโต เมื่อเห็นเกาะอยู่เบื้องหน้า เกาะจริงๆด้วย
“เกาะ??”
“เอ่อ รอดแล้วมึง” เขาสะกิดให้ช่วยกันกวักน้ำให้เรือไปถึงเกาะเร็วๆ พลังงานมากมายมาจากไหนไม่รู้ทำให้สองหนุ่มพายด้วยมือแบบลืมตายมาถึงชายหาดจนได้ นนทร์ทิ้งตัวลงจากเรือนอนแผ่กลางผืนทรายอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต พวกเขาไม่ตายแล้ว แผ่นดินอยู่นี่
“ฮะฮะฮะ...”
“น้ำ......น้ำอยู่ไหน” กันย์คลานขึ้นมาได้ก็รวบรวมแรงยืนขึ้น ที่นี่ต้องมีน้ำสิ แต่เบื้องหน้าเป็นภูเขาป่ารกชัฏมองทางไหนก็ไม่มีทางเดินเลย
“กัน ทางนี้” เพื่อนชี้ให้ดูชายหาดที่ยาวไปจนสุดขอบ อาจจะมีทางเดินต่อไปได้ เขาตัดสินใจเชื่อเพื่อนตามกันไปด้วยเรี่ยวแรงอ่อนลงเรื่อยๆ กว่าจะอ้อมชายหาดมาได้ก็ลากขาแทบตาย น้ำ....ถ้าไม่ได้น้ำล่ะก็ เขาตายแน่
“กัน.....นั้น” นนทร์ดีใจสุดขีดที่เห็นกระท่อมโทรมๆที่ปลูกไว้หลังแนวต้นมะพร้าวไม่ไกลนักแสดงว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ ทั้งคู่รีบวิ่งเท่าที่มีกำลังไปยังที่หมาย และยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นคอกไก่อยู่ใกล้ๆ มีคนอาศัยอยู่จริงๆ
โครม! สองหนุ่มพังประตูเข้าไปสิ่งแรกที่มองหาคือ ห้องครัว ตุ่มน้ำใบเขื่องสูงเกือบถึงอกตั้งอยู่มุมห้อง นนทร์ปราดเข้าไปหา ขณะที่กันย์คว้าหม้อมาตักดื่ม อึกๆๆๆๆๆๆๆๆ แบบไม่ลืมหูลืมตา
เพล้ง.... นนทร์รื้อค้นหาอาหารใส่ท้อง ปลาย่างค้างคืนหรือปลาตากแห้งแขวนไว้กับขื่อ เขากระชากลงมาหมด สองหนุ่มกินและกินอย่างหิวโหย ของมีเท่าไรก็เหมือนไม่พอ ทั้งคู่ค้นไปทั่วจนข้าวของพวกแป้ง พริก กระเทียมกระจายเต็มพื้น ยังดีมีน้ำตาลให้พวกเขาเล็มเลียกินแทนของหวาน
“เฮ้ยยยยยย!!!” เสียงดังเหมือนฟ้าถล่มลงมา สองหนุ่มตกใจจนถุงน้ำตาลร่วงจากมือ ประตูห้องครัวมีร่างหนึ่งยืนจังก้าในมือถือมีดพร้าคมวาววับ ตัวเปล่าเปลือยผิวดำแดงสวมแต่กางเกงปุปะผมเผ้าหนวดเครายาวรุงรังไปหมด ที่น่ากลัวที่สุดคือดวงตาที่จ้องมองมาราวกับคนบ้า
“แว็กกกก....” นนทร์แหกปากร้องลั่นก่อนวิ่งไปที่หน้าต่าง กันย์ตกใจลุกไม่ขึ้น เขารีบก้มลงเอามือป้องหัวไว้ตอนไอ้บ้านั้นถลาเข้ามา มันกระชากเสื้อของนนทร์จากด้านหลังเหวี่ยงกลับเข้ามา ร่างผอมบางกว่าชนเข้ากับตู้กับข้าวทำจากไม้ไผ่หักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาล้มคว่ำหมดสติไป
เจ้าของบ้านจับมัดติดกับเสาให้แน่นหนาก่อนจะเห็นอีกคนกำลังคลานหนีออกไป กันย์ที่กลัวจนเข่าอ่อนเขาคลานอย่างอ่อนแรง นึกกลัวว่าเขาไม่น่ามาที่นี่เลย ไม่น่าเลย
“เฮ้ยยย” เสียงน่ากลัวนี้ดังอยู่เหนือหัว
“อย่า....อย่าทำผม ผมกลัวแล้ว”
“มึงเป็นใครว่ะ” มันกระชากคอเสื้อด้านหลังให้หันกลับมา แต่เสื้อเจ้ากรรมดันขาดง่ายยังกะกระดาษ แค่ทีเดียวหลุดออกไปทั้งชิ้นเลย กันย์ร้องลั่นเขาดิ้นหนีไปได้แค่ก้าวเดียวก็โดนกระชากล้มลงกับพื้น ร่างกำยำแข็งแรงกว่าจับกดลงกับพื้นดินแข็งๆด้วยการนั่งคล่อม จับสองมือตรึงไว้เหนือหัวชายหนุ่มสะอื้นไห้อย่างไม่อาย เขาต้องตายแน่ๆแล้ว ตายแบบอนาจด้วย
“อย่าทำผม.......อย่าทำผม”
เสียงร้องไห้กระซิกน่ารักกับแผ่นอกขาวๆหัวนมสีชมพูสะท้อนขึ้นลงต่อหน้า ทำให้คนมองเสียสมาธิไปเลย กลิ่นหอมๆของผิวยั่วกิเลสของคนที่ปลีกวิเวกมานานอย่าง สุรสิงห์เหลือเกิน 14 เดือนแล้วที่เขาไม่ได้หาความสุขเลย
“อึ่ก...” กันย์สะอื้นอยู่ก็รู้สึกได้ถึงความเงียบ เขาค่อยๆหันไปมองคนที่คุกคาม น้ำตาจางแล้วก็ต้องใจหายวาบที่เห็นดวงตาวาววับน่ากลัว ไอ้บ้านั้นเลียปากตัวเองแผล่บ...
คุณพระช่วย เขากำลังจะถูกกิน!!!!
(ติดตามตอนต่อไป)
