[ Fiction DEG DIE And TOSHIYA]
รักอยู่หนใด... ใยปล่อยให้(กู)เหงา ...(เน่าสนิท!!!จบในตอน)
คืนนี้ท้องฟ้าเงียบเหงา พระจันทร์มีเพียงเสี้ยว ดวงดาวส่องแสงริบหรี่ ไม่มีเสียงลมพัดผ่านใบไม้ ไร้แม้กระทั่งนกกลางคืนสักตัวบินโผไปมา
เขาทอดถอนความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ด้วยการระบายลมหายใจยาว หากสีหน้ายังแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและแววตาที่ดูใจดีปนเงียบขรึมตามแบบฉบับของตัวเอง ใช่เขาใจดีและสามารถใจร้ายเลือดร้อนขึ้นมาได้ในขณะเวลาเดียวกัน ซึ่งมันจะติดตามเขาไปเสียทุกอริยาบถ- ใครๆก็มักจะบอกกับเขาเช่นนี้เสมอ
ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง ในมือถือกระดาษสีขาวสะอาดเอาไว้
***** หากแม้นสักวันจะได้เจอเธอ
หากแม้นว่าเธอยังคงรอคอย
การเดินทางตามหาของฉัน
คงจะไม่ลำบาก และ เหนื่อยเช่นนี้
วอนฝากสายลมและเกลียวคลื่น
เป็นสะพานเชื่อมจากจุดที่ฉันยืน
ซัดสาดคลื่นความเหงา เย็นยะเยือก ที่เกาะกุมข้างใน
ไหลลอยออกจากดวงใจโดดเดี่ยว เดี่ยวดาย
สู่ 2 มือที่โอบอุ้ม ช่วยโอบกอด ความอ้างว้างของฉันที
ใจดวงนี้ทั้งเหงา และต้องการคุณ...มาคู่กาย *****
*** ผู้ที่เก็บขวดนี้ได้กรุณาติดต่อกลับด่วนนะครับ
[ DIE ] Pacific Capital Plaza Building 6F
4-8-6 Roppoingi Minatoku
Tokyo JAPAN 106-0032 ***
นิ้วยาวเรียวคลี่กระดาษที่ข้างในมีคำพรรณนาถูกถ่ายทอดเขียนลงไป สายตาไล่ตรวจดูความเรียบร้อยไปทีละคำ ตามตัวหนังสือบรรจงแกมหวัดอีกครั้งเพื่อความถูกต้องและแน่ใจ ก่อนที่จะม้วนเข้าเป็นแฝงยาวยัดใส่ลงในขวดแก้ว ปิดฝาให้สนิท
ข้างในนั้น บรรจุความรู้สึกนึกคิดที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งหัวใจดวงเหงาของเขาเอง...
เข็มนาฬิกาบนข้อมือบอกยามย่างเข้าเวลาของวันใหม่ ใบหน้าอ่อนโยนนั้นระบายรอยยิ้มพร่างพราย นานๆทีถึงจะให้ตัวเองได้ปลดปล่อยแบบนี้ ค่อยๆคุกเข่าลงบนพื้นผิวทราย
ยามรัตติกาลไร้แสงของดวงดาวกระจ่าง ผืนผ้าสีครามอันกว้างใหญ่ไพศาล รวมถึงพระจันทร์เสี้ยวสีนวล ช่วยเป็นพยานรับรู้การกระทำและคำพูดของผม
“ถ้าคำอธิฐานของฉันเป็นจริง ...ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน? เมื่อใดก็ตามที่เก็บความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เข้าใจความรู้สึกตัวตนของฉันได้...ฉันจะรักเธอ”
ชายหนุ่มกุมขวดแก้วจรดริมฝีปากเอาไว้มั่น พึมพำประโยคขึ้นมา ก่อนที่จะยิ้มกว้างให้กับท้องฟ้า สายลมหนาวเย็น และทะเลกว้างใหญ่เบื้องหน้าอีกครั้ง
ปลดโซ่ตรวนที่หนักหน่วง ปล่อยความคิด อ้างว้างทั้งหลายแหล ลงสู่ผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาท่ามกลางช่วงเวลายามน้ำขึ้นของค่ำคืน
ขวดแก้วใบใส ค่อยๆไหลไปตามเกลียวคลื่น ซัดออกห่างจากตัวเขาไปทุกทีๆจนไม่สามารถมองเห็นความแวววาวของขวดใบสวยได้อีก เสมือนว่ามันกำลังทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอยู่ด้วยความตั้งใจ และเพียรพยายามอย่างมากที่จะมองหาใครสักคนพอที่จะมีคุณสมบัติดีพอตามที่เจ้าของปรารถนาและต้องการ
แล้วเสียงระบายลมหายใจอย่างปลอดโปร่งก็พ่นยาวออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นปัดทรายออกจากกางเกงยีนส์
เดินมุ่งหน้ากลับคอนโดที่พักด้วยหัวใจอิ่มเอิบ มีความหวัง...
เขาบ้าไปหรือเปล่านะ? มีเวลาว่างมากมายหรืออย่างไรกันถึงได้มานั่งทำเรื่องแบบนี้?
ชายหนุ่มส่ายศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ควันบุหรี่สีขาวพ่นออกมาจากริมฝีปากเป็นทางยาว
มันไม่ใช่ความบ้า แค่จิตวิญญาณที่สัมผัสกับความอ้างว้าง โดดเดียวเดี่ยวดายมาตลอดช่วงเวลาอายุ 27 ปีของเขามันช่างเหงาเหลือเกิน ความรู้สึกละเอียดอ่อนอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน มันเป็นความอ่อนไหวที่ทำให้เขาสัมผัสกับวิญญาณความเงียบเหงาได้ไวกว่าผู้คนรอบข้างก็เท่านั้น
เพราะในส่วนลึก เขาโหยหา ต้องการใครซักคนมาอยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อน เป็นคู่คิด เป็นคนรัก ใครสักคนที่เข้าใจเยียวยาและนำเอาความเหงาเหล่านี้ออกไปจากใจของเขา
“กลับมาแล้วครับ...”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่เปิดประตูเข้าสู่ห้องที่มีบรรยากาศของความเหงา กลิ่นอายความอ้างว้างไร้ชีวิตชีวาคุกรุ่น ปกคลุมรายล้อมให้หนาวเหน็บหัวใจ บีบคั้นความรู้สึกให้โหยหาต้องการความใกล้ชิดมากขึ้นไปอีก
... ... ...
... ... ... ... ...
เสียงของความเงียบตอบกลับมาทุกครั้ง...
ทุกวัน...
ทุกเวลา...
เขาปรารถนาที่จะได้ยินการตอบรับที่มีตัวตน เสียงหัวเราะ หรือ เห็นการขยับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในห้องที่รอคอยนี้
ชีวิตของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยงาน และภาระหน้าที่รับผิดชอบ กลายเป็นคนที่ไร้หัวใจ เย็นชาต่อเรื่องของความรัก จริงๆแล้ว เขาไม่ได้เย็นชาไร้ความรู้สึกหรอกนะ เพียงแต่...ช่วงเวลาที่ใครคนนั้นเดินเข้ามาหา เธอไม่ใช่คนที่ใช่ของเขา และที่สำคัญ เขาเป็นคนที่เปิดเผย จริงใจ และไม่เคยฝืนความรู้สึกตัวเอง
มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะหยุดความสัมพันธ์เอาไว้แค่เพื่อนเท่านั้น
แล้วตามหาคนที่ใช่คนนั้นไปตามทางของจิตใจและความรู้สึกเป็นหลัก แม้ว่าจะไม่เคยเจอเลยก็ตาม...
ทางเดินที่เต็มไปด้วยความเหงา เกิดขึ้นได้แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนหรือเพื่อนฝูงมากมาย เกิดขึ้นได้ทุกทีทุกเวลา เพราะมันเกิดออกมาจากหัวใจ เมื่อไหร่กันถึงจะปรากฏตัวมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปให้เขาเสียที
ต้นฤดูหนาวในกลางเดือนธันวาคม เหมันต์ที่สร้างความหนาวเหน็บให้ร่างกาย สร้างบรรยากาศหงอยเหงาให้กับจิตใจ จะผ่านมันไปด้วยดี หรือลมหนาวจะทรมานบาดผิวเนื้อให้โหยหาความอบอุ่นจนต้องตายนะ เขานั่งเงียบทั้งตัวลงบนโซฟา พาจิตใต้สำนึกเข้าสู่ภวังค์ความนึกคิดอันไร้ขีดจำกัดต่อไปเรื่อยๆ
เสียงโทรศัทพ์ปลุกชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟางัวเงียลุกขึ้นมารับอย่างเสียไม่ได้
“ฮัลโหล...ว่าไงครับ?” ผ้าห่มถูกสลัดให้พ้นตัว
...นี่นอนในห้องนั่งเล่นอีกจนได้ เมื่อคืนสงสัยจะคิดมากจนเผลอหลับไป
[กี่โมงแล้วดาย มีซ้อมไม่ใช่หรอ?] เสียงราบเรียบของผู้ทรงอำนาจในวง เรียกความรับผิดชอบของหน้าที่การงาน สั่งการให้สมองตื่นตัวเต็มที่
“คาโอรุ รอซักชั่วโมงนะจะรีบไป อ้อ! มาครบกันหมดแล้วเหรอ?”
[ก็ยังเหลือนายกับโทชิยะ กำลังให้ชินยะโทรตามหมอนั้นอยู่ นายรีบมาแล้วกันดายคิดว่าเดี๋ยวโทชิยะคงมา]
“อื่ม...แล้วจะรีบไปนะ” ดายปิดโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นจากโซฟา สลัดศีรษะไล่อาการง่วงหง่าวหาวนอนให้หมดไป สาวเท้าก้าวยาวๆเข้าห้องน้ำหวังให้น้ำอุ่นๆไล่ความเมื่อยล้าและหนาวเย็นแต่ทว่า...ยังไม่ทันจะได้ลงแช่ในอ่างน้ำที่มีไอร้อนลอยขึ้นจับกระจกข้างผนังจนเป็นฝ้ามัว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังลั่นขึ้นมาเสียก่อน
“มาแล้วครับๆ” เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินทั้งเนื้อตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้แค่นั้น
“อ้าว!โทชิยะมาได้ยังไงเนี้ย” ตกใจเสียไม่ได้เมื่อเห็นร่างของเพื่อนร่วมวงยืนพิงผนังข้างห้องยันตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้ม เจ้าตัวดูสั่นและผิดปกติอย่างเห็นชัด
“ฮื้อออ...มาได้ก็แล้วกันดาย”น้ำเสียงอ้อแอ้บอกว่าเพื่อนสะลืมสะลือสติเหลือไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แพขนตาหนาระนาบลงกับผิวแก้มรอบดวงตาชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำมากมาย
“เอ้ย!ทอตจิเป็นอะไรไป ดื่มอะไรกันนักหนา ดูซิแล้วแบบนี้จะซ้อมกันยังไง มีหวังคาโอรุบ่นยาวแน่ท็อตจิๆ”ดายเข้าช่วยพยุงร่างบางเข้ามาในห้องก่อนที่อากาศหนาวเย็นจะทำให้ร่างบางสั่นมากกว่านี้ พยายามเรียกสติไปหลายๆครั้ง
“ดาย...ดาย ฉันอกหัก ฉันอกหักแล้ว!ฮึก!!”สองมือจับแขนแกร่งของดายเอาไว้ ก่อนที่จะโผเข้าหาแผ่นอกกว้างใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวในยามอ่อนแอ น้ำตาก็ไหลพร่างพลูลงมาช่วยยืนยันคำพูดของเจ้าตัว
“ท็อตจิใจเย็นๆ ใจเย็นนะ...ไม่เป็นอะไรแล้ว...”ชายหนุ่มลูบหัวลูบหลังให้ร่างบางกอดตอบหวังปลอบโยนให้ผ่อนคลายจากความเจ็บปวดที่ได้รับลงบ้าง
“ดายไม่เหลือแล้ว เธอไปจากฉันแล้วดาย เธอไปแล้ว…” น้ำอุ่นๆที่รู้สึกได้ตรงหน้าอกช่างไหลออกมามากมายเหลือเกิน ใครกันนะทำผู้ชายที่น่ารักใจดี ขี้เล่นที่สุดในวงคนนี้ร้องไห้ได้
ความน่ารักที่เขาได้แต่แอบมอง ความสวยงามที่น่าหลงใหล ใยธรรมชาติสร้างความวิจิตรเหล่านี้บนเรือนร่างและดวงหน้าของบุรุษเพศผู้นี้ ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ลังเลแม้ซักนิดที่จะผูกสัมพันธ์มากกว่าเพื่อน แต่ทว่า ร่างตรงหน้าในตอนนี้เป็นผู้ชาย เป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้
“ท็อตจิตั้งสมาธิหน่อยซิ! มีอะไรบอกฉันได้มั้ย? ตัวนายเย็นมากเลยนะ ไปตากน้ำค้างที่ไหนมา?รอเดี๋ยวนะจะไปเอาผ้าห่มมาให้” ดายพึ่งจะตะหนักได้ว่าเนื้อตัวของร่างบางเย็นเฉียบเขารีบผละออกจะไปเอาผ้าห่มในห้องนอนออกมาคลุมให้
“ไม่นะดาย ไม่เอา...ได้โปรด อย่าพึ่งไปไหน อย่าไปไหนในตอนนี้เลยนะอย่าไป..ให้ฉันอยู่แบบนี้ ฮืออ”นิ้วมือเย็นรีบคว้าแขนแข็งแรง ซุกตัวแล้วกอดไว้แน่น ร่ำไห้ออกมาอีก ดายได้แต่จนใจนึกสงสัยสาเหตุนานับประการที่ทำให้โทชิยะเสียความเป็นตัวเอง ทั้งยังความเป็นห่วงมากมายที่เขามักมีให้คนๆนี้มากกว่าเพื่อนทุกคนในวง
“อื่ม...ไม่ไปก็ไม่ไปแต่นายต้องเล่าให้ฉันฟังนะว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาโอบร่างบางไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม ลูบหัวลูบหลังคอยปลอบใจอยู่ข้างๆสรรหาคำพูดที่พอจะทำให้โทชิยะรู้สึกดีขึ้นมาและหยุดร้องไห้ลงไป ผ้าห่มผืนเก่าของตัวเองที่เคยใช้ จับมันขึ้นมาคลุมหลังให้ความอบอุ่นแก่ร่างบาง โอบกอดอยู่นิ่งๆเป็นเพื่อนรอจนกว่าเจ้าตัวจะสงบลง
จนเจ้าตัวพอที่จะเรียบเรียงคำพูดเล่าถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมดให้ได้ฟัง ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาทำให้ร่างบางหลงรักได้ไม่ถึงเดือน แล้วก็สลัดทิ้งไปเพียงเหตุผลแค่ว่า...โทชิยะอ่อนไหวเกินไป ไม่สมเป็นลูกผู้ชาย เอาแน่นอนไม่ค่อยได้เท่านั้น
“ฉันผิดมากเลยหรือดาย ฉันผิดที่ร้องไห้อ่อนแอแบบนี้หรือดาย” นัยน์ตาแดงกล้ำ หากคำพูดที่บอกออกไปจะกระทบกระเทือนจิตใจอีก ร่างบางคงได้ปล่อยโฮออกมาอีกเป็นแน่
“ไม่เลยท็อตจิ ไม่ใช่เลยนะ นายอ่อนไหว แต่ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอซักหน่อย ในเมื่อเธอคบนายแค่เพียงผิวเผิน ไม่ได้มองลงไปถึงตัวตนของนาย ฉันว่านายอย่าคิดมากอีกเลยน้า~~ ไม่มีค่าอะไรเลยที่จะคร่ำครวญให้เสียน้ำตาแบบนี้” ดายนึกสงสารร่างบางจับจิต ความใจดี อยากทำให้หายเศร้า ทอดน้ำเสียงอ่อนโยน เอ่ยปลอบเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล
“แต่ฉันเจ็บดาย ฉันเจ็บใจ เสียใจฮึก!!! รู้ไหมมันเจ็บ...ฮืออ?”โทชิยะร้องไห้คร่ำครวญออกมา สองมือทุบตีที่อกกว้างเบาๆ
“มันจะหายไปในเวลาไม่ช้าท็อตจิ...ให้เวลากับมันแล้วกลบมันซะอย่าให้มันมาทำร้ายนายได้อีก”
“ฉันทำไม่ได้ ฉันอยากเจอเธอ ฉันอยากเจอ...ดาย ...ฮืออออ...ทำไมๆ ทำไมฉันต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ตลอด”
“เข้มแข็งหน่อยซิโทชิยะ! ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเจ้าหล่อนถึงได้หนีไป ถึงนายจะหน้าตาดีนิสัยดีแค่ไหน แต่เมื่อผู้ชายเป็นหลักยึดให้กับเจ้าหล่อนไม่ได้ เธอก็คงไม่ไม่คบกับนายต่อไปหรอก!!ลุกขึ้นมาดูตัวเองได้แล้ว ร้องไห้คร่ำครวญแบบนี้สมกับที่ถูกเธอว่ามามั้ยโทชิยะ!!!”ดายสลัดร่างบางจนหลุดลุกขึ้นเดินหนี ตัดสินใจใช้คำพูดเด็ดขาดหวังให้ร่างบางได้สติ ถึงจะดูใจร้ายแต่เขาทนเห็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีก ไม่ว่าเมื่อไหร่ จะเรื่องอะไรก็มาเอะอะโวยวายร้องไห้กับเขาทุกที
“ก็ฉันมันเป็นแบบนี้ นายจะให้ฉันเป็นแบบไหนดาย จะให้ฉันทำยังไง ฉันไม่เข้มแข็งยืนหยัดได้แบบนาย เย็นชาได้แบบดายหรอก!คนใจร้าย!!เคยสนใจผู้คนรอบข้างบ้างไหม ใครจะเป็นยังไงเคยรับรู้บ้างมั้ย!!!?ฉันไม่น่ามาหานายเลย นายอ่อนโยนใจดีกับฉันมาตลอด ที่แท้มันไม่ใช่ซักนิด นายมันไม่เคยมองคนใกล้ตัวหรอก ที่ฉันเป็นแบบนี้วิ่งมาหานายๆก็ยังไม่เข้าใจเลย อัยบ้า!นายจะให้ฉันวิ่งไปให้คาโอรุมันด่าเอาหรือไง ว่าให้แต่คนอื่นงี่เง่า!! ทีตัวเองทำตัวไร้สาระพวกนี้ทำไมไม่รู้จักมองตัวเองบ้าง!!!”
เมื่อถูกว่าก็เลยโกรธจนพาลตรงเข้าขวางหน้าต่อว่าทั้งน้ำตาและคำพูด มือล่วงเอากระดาษสีขาวที่ยับยู่ยี่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาปาออกใส่ใบหน้าขรึมเต็มๆ
“ท็อตจิ มันจะพาลมากไปแล้วนะ ใจเย็นๆหน่อยซิ!!!”ดายไม่ได้ฉุกใจคิด เก็บกระดาษแผ่นนั้นกำเอาไว้แน่นแค่นั้น ตอนนี้เขากำลังรับมือกับคนที่ไม่มีเหตุผลคนหนึ่ง ไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากไปกว่าร่างบางเบื้องหน้า
“ไปทำให้หัวเย็น ตัวเย็นลงหน่อยไหม? เอาล่ะฉันว่านายไปอาบน้ำทำใจให้สบาย แล้วเราค่อยมาพูดกันดีกว่า โอเคฉันขอโทษ ฉันอาจจะปลอบนายได้ไม่ดีนัก เอาเป็นว่ารอให้ใจเย็นแล้วเราค่อยมาพูดกันดีกว่านะท็อตจิ”ดายเดินเข้าหาร่างบางอีกครั้ง ฉุดแขนให้เดินตามเข้าห้องน้ำ
“ดาย...ชะ...ชั้นอยากรู้นั้นที่ดายถืออยู่มันใช่ของดายไหม?...ฉันขอโทษ มันสับสน ปนกันไปหมดแล้ว...ดายดูมันทีใช่มั้ยดาย ใช่ของดายหรือเปล่า?”โทชิยะลำล่ำละลักรีบบอกเมื่อเดินตามแรงฉุดของดาย
“อะไรท็อตจิ?” ดายหันกลับมาถาม จ้องมองลงไปในดวงตาคู่สวยแดงกล่ำ
“ที่ดายถืออยู่ใช่ของดายไหม ฉันเก็บได้เมื่อเช้านี้เองขวดยังอยู่ในรถ” เจ้าตัวปาดน้ำตาลวกๆหยุดร้องไห้ ชี้ไปที่กระดาษที่ดายกำอยู่ในมือ
ดายสะดุ้งเฮือก มือสั่น ในตอนนี้ไม่กล้าคลี่มันออกมาดู
อะไรกัน ต้องรวบรวมความกล้าหาญมากมายเชียวหรือ ถึงจะเปิดได้...
ลายมือตวัดเอียงทำมุมสี่สิบห้าองศานั้น ไม่ต้องอ่านแค่เห็นเขาก็รู้และจำได้ ก็ในเมื่อมันพึ่งจะถูกเขียนผ่านไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
“ทะ...โทชิยะ เก็บมันได้ที่ไหน” เป็นเขาเสียเองที่พูดตะกุกตะกักทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“แถวๆที่นั่งดื่ม กำลังจะลงเล่นน้ำตอนเช้า ฆ่าตัวตายเพราะอกหัก ก็พอดีเจออัยบ้าสลดหดหู่ เซ็งชีวิต ไหลมาปะทะหน้าแข้งพอดี ก็เลยเตะเจ้าคนขี้เหงาลอยตุ๊บป่องอยู่ในทะเลไปสองสามที หัวเราะให้กับความปัญญาอ่อนนั้นอีกตั้งนาน อยากมีอะไรไม่พูดออกมาบ้างนี่ เห็นเพื่อนฝูงเป็นตัวอะไรกันไปหมด...” คำพูดที่ว่าให้ทั้งเล่นและจริงจังอยู่ในที
ดายมักปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองอยู่เสมอ ภายใต้ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม แต่ในจิตใจไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรและมีปัญหาอะไร
ปิดหูปิดตาจากผู้คนรอบข้าง เคยมองบ้างไหมว่าเขาก็คนหนึ่งที่ห่วงใยและอยากเข้าใกล้แค่ไหน
ที่เมามายคร่ำครวญก็ผสมๆกันทั้งเรื่องดายและเรื่องตัวเอง ผู้หญิงคนเดียวเขามั่นใจว่าไม่ได้ทำให้เขาโวยวายเสียใจได้เท่านี้แน่
ดายไม่เคยเปิดใจรับเขา อย่างมากก็แค่น้องชายหรือไม่ก็เพื่อนเท่านั้น เส้นบางๆที่กั่นความรู้สึกของร่างสูงคืออะไรกัน ความรู้สึกแบ่งแยกในเรื่องเพศ? ความเป็นผู้ชายอย่างนั้นหรือ? ปิดกั้นตัวเองจากผู้ชายหรือหญิงสาวมากมายที่เข้ามาหา แล้วจะมาบ่นว่าเหงาอะไรกัน? ไม่เข้าใจ เขามันไม่ดีพอตรงไหน? แน่ใจว่าดายสนิทกับเขาและคุยกับเขามากที่สุดแต่แล้วนี่ดูสิ ทำเรื่องแบบนี้ อาศัยโชคชะตา เชื่องมงาย กับพรมลิขิต แทนที่จะปรึกษาเขาซักคำก็ไม่มี
โทชิยะทั้งโกรธ เสียใจ และสับสนปนกันไปหมด ไม่สามารถแยกแยะได้ถูกในเวลานี้
ที่ร้องไห้เป็นเต่าเผาไปเมื่อซักครู่ก็เพราะเห็นหน้าเจ้าของกระดาษแผ่นเจ้าปัญหาหรือเพราะเหล้าเข้าปากแล้วน้อยใจกันแน่ โกรธตัวเองที่ไม่สามารถเข้าใจผู้ชายที่เรียกได้ว่าสนิทด้วยที่สุดคนนี้ได้ใช่ไหม
เสียใจกับความทุ่มเทที่ไม่เต็มร้อย ให้กับความรักของตัวเองใช่หรือเปล่า
สับสนกับความรู้สึกที่ว่าจะ ดีใจดีหรือไม่ที่เก็บเจ้ากระดาษนั้นได้ หรือว่ากำลังหวาดกลัวความสัมพันธ์ต่อไปจากนี้อย่างนั้นหรือ
ดายเงียบไปนานมากจนเขาอึดอัด ยืนนิ่งเหมือนหุ่นไล่กาไปต่อหน้าต่อตา ดูท่าทางร่างสูงจะจริงจังต่อสิ่งที่กระทำลงไปมาก ปฏิกิริยาไม่ตอบสนองนี่คงบอกเขาได้ว่าดายคงกำลังช็อค ไม่เชื่อว่าคนที่เก็บได้จะเป็นเขาเอง แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก ไม่แปลกที่ดายจะไม่ตกใจ ขนาดตัวเองยังตกใจเลยไม่น่าเชื่อว่าดายจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย
เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แค่อยากรู้ว่าดายเหงามากเลยหรือ ...
อ้างว้างโดดเดี่ยว คิดว่าตัวเองอยู่แค่เพียงลำพัง ไม่มีใครพอที่จะพูดคุยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้เชียวหรือ...
คิดว่าคนรอบข้างรวมทั้งเขาคนนี้ไม่เคยมอง ไม่เคยสนใจเข้าใจแบบนั้นหรือ...
เคยคิดรักใครบ้างหรือเปล่าดาย? เคยเปิดใจรับความรักจากใครบ้างหรือเปล่า...?
โทชิยะหันหลังกลับ เดินไปนั่งที่โซฟาฉวยเอาผ้าห่มผืนที่ดายใช้ขึ้นมาคลุมตัวเองด้วยความหนาวบ้าง เมื่อสติเริ่มกลับมาครบ เขาหยิบโทรศัพท์ของดายบนโต๊ะ กดหาหัวหน้าวง บอกเหตุผลที่ขอหยุดพร้อมดาย
ดายไม่สบาย ปากแข็งไม่ยอมบอกนาย ก็เลยโทรตามฉันมาดู คาโอรุก็ไม่ได้ว่าอะไรสั่งให้ดูแลกันให้ดีๆก็แค่นั้น
“ถึงกับต้องเตะฉันเล่นกลางทะเล...มันดูตลกมากเลยหรือท็อตจิ?” ดายตามมานั่งลงข้างๆ เอามือขยี้เส้นผมนิ่มมือของโทชิยะเล่น แต่ว่าใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
“ตลกมากเลยดาย!เจ้าขวดนั้นทำฉันเจ็บหน้าแข้งอยู่นานสองนาน อกหักจากแฟนไม่เท่าไหร่ แต่นี่ดันมาเจ็บหน้าแข้งเพราะขวดของนายเข้า ฉันก็เลยมีสภาพอย่างที่นายเห็นนี่ไงละ...”ร่างบางหยุดพูดหันหน้าหนีไม่ยอมสบตากับร่างสูง
..............
.................
........................
“มันเหงามากเลยหรือดาย…?”
... ....
“ฉันไม่ดีพอที่จะอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา ทำให้นายสบายใจได้บ้างเลยหรือ?...”น้ำตาของเขาคลอขึ้นมาอีก
... ... ...
“รู้ไหมที่บอกว่าเจ็บใจ…ที่ร้องไห้ก็เพราะว่า...”น้ำใสๆไหลออกมาแทนคำพูดที่จะพูดออกไป ดายจับร่างบางให้หันหน้ามาคุยกัน เผลอมองใบหน้างดงามด้วยความตกใจ เอื้อมมือบรรจงใช้เรียวนิ้วเช็ดไล้น้ำตาออกให้เบาๆ กลัวว่าถ้าเขาสัมผัสถูกผิวแก้มบางใสแรงๆอาจจะทำให้ผิวละเอียดนั้นระคายเคืองได้
“เพราะอะไร....ท็อตจิ” ดีใจใช่ไหมคนที่เจอกระดาษนั้นคือโทชิยะ ไม่ใช่ใครอื่นที่ไม่เคยรู้จัก เขาควรจะดีใจที่เป็นโทชิยะถึงจะถูก
“เพราะนาย...ไม่เคยมองฉันเลยดาย...สายตานายมันไม่เคยมีเงาของฉัน ฉันมันก็ได้แค่เพื่อนร่วมวง เป็นได้แค่คนที่คอยสร้างปัญหามาให้ดายช่วยแก้ ทำได้ก็แต่เรื่องยุ่งๆ”
ยิ่งพูดนิ้วมือเรียวยิ่งเช็ดน้ำตาให้เท่าไหร่ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเท่านั้น
มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน ความรู้สึกตีบตัน คับแน่นหน้าอก แอบรักแอบชอบโดยไม่รู้ตัว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้แต่มองตามร่างสูงมาตลอด
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ เพราะอยากใกล้ชิด เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะอยากให้สนใจ
เขาถลำตัวถลำใจคิดล้ำหน้ามากกว่าความเป็นเพื่อน....
แล้วในความใกล้ชิดสนิทสนมคุ้นเคยที่มีให้ ดายช่างไม่รู้บ้างเลยว่ามันแฝงอะไรมากกว่าที่เห็น
เขา ...เพื่อนคนนี้ มันคิดมากเกินกว่าความเป็นเพื่อนไปแล้ว
.....
....
............
( ไปอ่านต่อข้างล่างนะฮะ ยาวมากๆๆพยายามหน่อย เอาใจสู้สุดฤทธิ์ )กลัวไม่มีคนอ่าน