(ต่อ)
!!.. แรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ทำแหวนที่กำลังยกส่องกับแสงหลุดจากมือ..หายไปไหนไม่รู้ มองหาที่พื้นรอบๆ ตัวก็ไม่เห็น ผมเลยตัดใจล้วงโทรศัพท์มากดรับสายก่อน เดี๋ยวค่อยหาแหวนทีหลัง..
“ครับ?” เป็นเหมยลี่นั่นเองที่โทรมา..
ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ ก็แค่เกือบสองชั่วโมงเองนี่หว่า ยังไม่หมดเวลาสักหน่อย ..ว่าแต่นี่ผมเสียเวลาเดินดูนั่นนี่ไปเกือบสองชั่วโมงเชียวเหรอ? ป๊าดดดด
“ตอนนี้เหมยเลิกเรียนแล้วนะ” เสียงจากปลายสายว่างั้น “พอดีแล็บเสร็จเร็วน่ะ”
“อ้าวเหรอ? แล้วฟ้าประทานล่ะ?”
“หายไปแล้ว..”
“ห๊ะ?!”
“จริงๆ เลิกมาประมาณครึ่งชั่วโมงได้แล้วล่ะ แต่พอดีเหมยถูกอาจารย์เรียกไปคุย เลยไม่มีโอกาสโทรบอกฉายน่ะ”
“เฮ้ย!” ผมถึงกับตาเหลือก
ครึ่งชั่วโมงแล้วเรอะ?! ถ้ามันจะมาก็น่าจะใกล้ถึงแล้วนะเนี่ย!
แต่ว่ามันอาจจะไม่ตรงกลับมาที่นี่เลยก็ได้นี่หว่า
เหอะ..ยังไงก็รีบเผ่นก่อนดีกว่า
“ฉาย เป็นอะไรรึเปล่า? ตอนนี้อยู่ที่ไหนน่ะ?” เสียงเหมยชักร้อนรน คงเพราะได้ยินผมร้องเมื่อกี๊
“ไม่ๆ ไม่เป็นอะไร งั้นแค่นี้ก่อนนะเหมย เรารีบ” ผมกดวางสายโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบยังไง มองกล่องแหวน(ที่ตอนนี้ไม่มีแหวน)ในมือแล้วก็ให้คิดหนัก...
เอาเว้ย! กูไม่ได้ขโมยนี่หว่า มันคงหล่นอยู่แถวๆ นี้แหล่ะ เดี๋ยวไอ้เอี้ยนั่นก็คงจะเจอเอง ..คิดได้ดังนั้นก็โยนกล่องเปล่ากลับที่เดิม ปิดลิ้นชัก ปิดประตูตู้ เตรียมตัวโกยเถอะโยม
หลายคนอาจสงสัยว่าผมจะหนีทำไม? ในเมื่อไอ้เอี้ยนั่นมันเป็นคนเต็มใจให้ผมขึ้นมาค้นห้องเอง? ..ตามหลักแล้วก็ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ครับ ผมไม่จำเป็นต้องหนี ผมมีสิทธิ์อันชอบธรรม แต่หลังจากได้รู้จักเอี้ยฟ้าประทานในระดับหนึ่ง(จากร้อยระดับ) ผมก็มีความเชื่อฝังหัวอยู่อย่างหนึ่งคือ ที่ไหนมีเอี้ยฟ้าประทาน ที่นั่นไม่มีสวัสดิภาพและความปลอดภัย.. แล้วผมก็ควรจะอยู่ให้ห่างมันเอาไว้
เพราะงั้นตอนนี้คงไม่เป็นไร ถ้าผมจะงัดกลยุทธ์ที่ 36 มาใช้..
ไม่มีอะไรดีกว่า..หนี!
!!!
“ชิบหายล่ะ!” แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าแม้แต่ปรมาจารย์สงครามอย่าง ซุนวู ก็ช่วยอะไรกูไม่ได้แล้วนาทีนี้!
ปัดโธ่! ไอ้ผมก็อุตส่าห์รีบวิ่งตาลีตาเหลือกมาที่ลิฟต์ แต่ต้องตาแทบถลนเมื่อเห็นว่าลิฟต์ของ วิลลี่ วองก้า ตัวนั้นมันกำลังพาใครสักคนขึ้นมาที่นี่!
โธ่เว้ย! แล้วมันจะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่ไอ้เจ้าของห้อง?!
ผมต้องรีบมองหาทางหนีทีรอดทางอื่น.. บันไดหนีไฟ ใช่แล้ว! บันไดหนีไฟไง! ว่าแต่ไอ้บันไดหนีไฟที่ว่ามันน่าจะอยู่ตรงไหนล่ะ? เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะไม่มี แต่..มันอยู่ตรงไหนวะเฮ้ย?!
มันน่าตลกไหม.. ที่ห้องแบบสตูดิโอโล่งกว้างชนิดมองเห็นแทบทุกซอกทุกมุม พาโนราม่าซะขนาดนี้ ผมกลับหาทางหนีไฟไม่เจอ? แม้แต่ห้องน้ำผมก็ยังหาไม่เจอเลย ถึงผมจะค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องซ่อนอยู่ที่ผนังห้องด้านใดด้านหนึ่งแน่ๆ แต่ผมไม่มีเวลาที่จะมาเดินเคาะหาแล้ว นาทีนี้นาทีฉุกเฉิน!
ผมรีบวิ่งกลับไปส่วนที่เป็นห้องนอน ตรงไปที่เตียง(อ่ะ ไม่ใช่ว่าผมจะไปนอนรอมันหรอกนะ คิดอะไรกันอยู่ครับท่านผู้ชม?) แล้วเอื้อมไปหยิบดาบญี่ปุ่นมาถือไว้ให้อุ่นใจเล่มหนึ่ง
เอาวะ! ในเมื่อไม่มีที่ให้ซ่อน กูก็จะสู้ล่ะนะ!
ผมขยับไปยืนอยู่หลังฉากกั้น กระชับดาบในมือแน่น นิ่งรอฟังเสียง..คิดว่าความรู้สึกของซามูไรที่จะมาลอบสังหารโชกุนก็คงประมาณนี้ล่ะมั้ง
“.........” เสียงมันออกจากลิฟต์มาแล้ว ถอดรองเท้า...รองเท้า? เฮ้ย! รองเท้ากูก็ยังอยู่ตรงนั้นนี่หว่า? แง่ง!! ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะหึๆ หึๆ ด้วยแหล่ะ
เป็นอันว่าภารกิจลอบสังหารนี้ล้มเหลว? ..ผมเลยได้แต่ยืนแกว่งดาบในมือเล่นเซ็งๆ
“มานานแล้วเหรอ ซันนี่?” เสียงมันลอยเข้ามาโดยที่ผมยังไม่เห็นตัว
“กูชื่อ ซันชายน์!” ผมตอบกลับเสียงแข็ง ..ไอ้เวรนี่มันพูดไม่เคยจำเลยหรือไงวะ? บอกหลายครั้งแล้วว่ากูชื่อ ซันชายน์!
“หาเจอมั้ยล่ะ?” มันถามไปเรื่อยโดยไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด “แต่เดาว่า..ไม่”
“งั้นมึงก็บอกมาสิว่ามันอยู่ไหน?” ผมก้าวออกจากฉากกั้น เอาปลายดาบคมกริบไปวางพาดไว้บนบ่าของมันพอดี
“โอ๊ะยะๆ...” มันมองหน้าผมสลับกับคมดาบผ่านเลนส์สีชา
บ๊ะ! ไอ้นี่..อยู่ในบ้านมึงก็ยังจะใส่แว่นกันแดดอีกเรอะ? จะเท่ห์มาให้จิ้งจกมันกรี๊ดหรือไงวะ?
“แบบนี้มันอันตรายนะ...เกิดพลั้งพลาดหัวหูหลุดไปจะทำยังไง?”
“ไว้ให้มันหลุดจริงแล้วกูจะคิดอีกที” มันขยับถอยออกไป แต่ผมก็ยังเอาดาบจ่อคอมันไว้ “แต่ตอนนี้มึงบอกมาก่อนดีกว่าว่าเมมโมรี่การ์ดอยู่ที่ไหน?”
เมื่อหาแล้วไม่เจอ กูก็ขอขู่เอาด้านๆ แบบนี้ล่ะวะ!
“มันเป็นเกม...ซันนี่” มันส่ายหน้าช้าๆ ทั้งที่มีดาบจ่อคอหอยมันก็ยังดูชิวๆอยู่ “บอกก็ไม่สนุกสิ...มึงตกลงเองนะว่าจะเล่น”
“แต่กูไม่อยากเล่นแล้ว กูเบื่อ! เสียเวลามากเลยเนี่ย แทนที่จะได้ไปทำอะไรที่มันเป็นสาระมากกว่านี้”
และตอนนี้กูก็เมื่อยแล้วด้วย ดาบมึงแม่ง...หนัก!
“แล้วไอ้สาระที่ว่าของมึงมันคืออะไรล่ะ?” มันถามผมพลางขยับถอยไปอีก แน่นอนว่าผมก็ตามอีก
“อะไรก็ตามที่ไม่ใช่การมาเล่นเกมงี่เง่าบ้าบอกับมึงแบบนี้”
“..มันเป็นเกมที่ดีนะ”
“งี่เง่า! ..เฮ้ย?!” แล้วตอนที่ผมไม่ทันระวังตัว ไอ้เอี้ยฟ้าประทานก็ใช้ความไวเหนือแสงกระโดดหนีจากปลายดาบผมไปคว้าเอาดาบอีกเล่มบนหัวเตียงมา
ทำได้ไงวะ? ปกติออกจะเฉื่อยชาแท้ๆ
ตอนนี้เราเลยถือดาบประจันหน้ากันอยู่.. ถ้าใครเคยดูการ์ตูนหรือหนังเกี่ยวกับซามูไรของญี่ปุ่นก็คงจะพอนึกภาพออก เท่ห์ใช่ไหมล่ะ? เวลาเห็นพระเอกกับตัวร้ายมันตั้งท่าจะสู้กันน่ะ มีลมพัดผ่านมา วิ้วๆ~ ให้ผมกับเสื้อผ้าปลิวสะบัดเล็กน้อยพอให้ได้ฟิลล์ แมร่ง เท่ห์โคตรๆ
ตอนเด็กๆ ผมก็เคยเอาไม้มาใช้แทนดาบแล้วไล่ฟาดซินเหมือนกัน ก็คนมันอยากเท่ห์แบบนั้นบ้างอ่ะ.. แต่มาตอนนี้สิ มีของจริงอยู่ในมือ และอยู่ในมือฝ่ายตรงข้ามด้วย พอเห็นคมดาบเงาวับของอีกฝ่ายสะท้อนเงาของตัวเองแบบนี้แล้วมัน
เท่ห์ไม่เท่ห์ไม่รู้ล่ะ แต่กูชักป๊อดแล้วว่ะ เกิดกลับบ้านไปแบบไร้หัวนี่ พี่กูจะไม่กลัวแย่เหรอวะ? หึยยย..
“จะลองดวลกันหน่อยมั้ย ซันนี่?” ไอ้เอี้ยนั่นชวนผมเนิบๆ “แต่บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ออมมือนะ”
“แล้วกูมีทางเลือกมั้ยล่ะ? ไอ้เอี้ย!” ผมกระชับดาบในมือแน่นขึ้น ..ดวลก็ดวลเด้!
“ก็วางดาบลงสิ”
“แล้วให้มึงเอาดาบมาจ่อคอกูงั้นเหรอ?”
“..ช่วยไม่ได้” มันพูดแค่นั้นแล้วพุ่งเข้ามาฟาดดาบกลางหัวผมเลย
!!.. ยังๆ หัวผมยังอยู่ดี เพราะผมเอาดาบรับไว้ทันพอดี ประกายไฟตอนที่โลหะกระทบกันสว่างวาบ พร้อมๆ กับใจของผมที่หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
แรงสั่นสะเทือนแล่นลิ่วจากปลายนิ้วขึ้นมาถึงหัวไหล่..
แมร่งเอ๊ย! มันเอาจริงเลยนี่หว่า
ผมใช้ดาบปัดดาบมันออกไป แล้วตั้งหลักใหม่ คราวนี้ผมเป็นฝ่ายโจมตีมันบ้าง ผมฟันแสกหน้าท่าเดียวกับที่มันฟันผม แน่นอนว่ามันเองก็รับได้ ผมรุกต่อเนื่อง มันก็ปัดป้องเอาไว้ได้ ประกายไฟสว่างแปลบปลาบน่าหวาดเสียว
แล้วมันก็เห็นผลเมื่อผมตัดสินใจแทงดาบเบี่ยงไปทางซ้ายต่อเนื่องจากท่าตีแสกหน้า ไอ้เอี้ยฟ้าเอี้ยวตัวหลบได้ทันแต่ก็ไม่พ้นซะทีเดียว ปลายดาบของผมถากแก้มซ้ายมันเป็นแผลเล็กๆ ยาวประมาณนิ้วเศษ ผมแอบนึกโล่งใจเงียบๆ ที่มันไม่ได้เป็นอะไรมาก อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเป็นฆาตกร
“..ไม่เลว สำหรับมือสมัครเล่น” มันพูดพลางยกหลังมือขวาขึ้นปาดเลือดออกจากแก้ม
คราวนี้มันกลับมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง การลงดาบของมันเร็วมาก แรงมาก ไม่มีออมมืออย่างที่มันพูดจริงๆ มือทั้งสองข้างของผมเริ่มชา แขนเริ่มสั่น เสี้ยววินาทีที่ผมเห็นคมดาบของมันสะท้อนแสงอยู่เหนือหัว ผมรีบกระโดดหลบ..
พ้นไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ดาบของเอี้ยฟ้าฟันฉากกั้นห้องนอนขาดเป็นสองซีกทันที ผมไม่แน่ใจว่ามันทำจากวัสดุอะไร แต่คงไม่ใช่กระดาษแน่ๆ และตอนนี้มันก็ขาดเป็นสองซีกไปแล้ว!
ลองคิดสภาพดูสิ...ถ้าเมื่อกี๊ผมเกิดหลบไม่ทันขึ้นมาล่ะ?
ถ้าดาบนั่นไม่ได้ฝังคมลงบนฉากล่ะ?
ผมหันกลับไปมองไอ้เอี้ยฟ้าแบบตื่นๆ ไม่รู้ว่าแววตาที่อยู่หลังแว่นนั้นเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ใจได้เลยคือ มันตั้งใจจะฆ่าผม! มันเกือบจะฆ่าผมได้แล้วด้วย!
วินาทีนี้เองที่ผมเพิ่งตระหนักได้ว่าชีวิตผมกำลังตกอยู่ในอันตรายของจริง!
ไอ้เอี้ยฟ้าประทานบุกเข้ามาอีกแบบไม่ให้ผมตั้งตัวติด ปลายดาบของมันเฉี่ยวหลังมือซ้ายผมไป รู้สึกเจ็บแปลบจนเผลอปล่อยดาบหลุดลงพื้น หันมาอีกทีดาบของไอ้ฆาตกรเลือดเย็นนั่นก็จ่ออยู่ที่คอผมแล้ว
!!!
“เช็คเมท”
ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอลำบาก เห็นหน้าซินลอยวาบเข้ามาในหัว..
นี่ผมจะต้องมาตายที่นี่จริงๆ เหรอเนี่ย? ..ผม..ยังไม่ได้คืนดีกับซินเลย...ยังไม่ได้ขอโทษเลย ..ผมยัง..ยังตายไม่ได้หรอก.. !!
“ไม่ได้..จะฆ่าเหรอ?” ผมหลุดถาม เมื่อเห็นไอ้เอี้ยฟ้าประทานลดดาบลง และถอยออกไป
“เพื่ออะไร?” มันยักไหล่ แล้วเดินไปเก็บฝักดาบมาใส่
ผมอาศัยจังหวะนั้นฟาดลูกเตะสูงใส่มันทันที ถึงมันจะยกมือมากันหัวเอาไว้ได้ แต่ก็ยังเสียหลักล้มลงไปบนที่นอนอยู่ดี ผมกระโดดข้ามขายาวๆ ของมัน ตั้งใจจะวิ่งไปที่ลิฟต์ แต่กลับถูกไอ้บ้านั่นคว้าเอวเอาไว้ได้ก่อน มันเหวี่ยงผมกลับไปทางเตียง..
จะดีมากเลยถ้ามันจะกรุณาเหวี่ยงผมให้แรงกว่านี้อีกนิด ผมจะได้ไปหล่นบนเตียงนุ่มๆ แทนที่จะมากระแทกกับขอบเตียงจังเบอร์แบบนี้ ..จุกจนร้องไม่ออก
ตัวผมไถลลงไปกองกับพื้น แทบไม่อยากจะลุกเหอะ แต่นาทีนี้จะมามัวนอนสำออยก็ไม่ได้ ผมต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผมพยุงสังขารที่เริ่มระบมลุกขึ้น แต่กลับถูกมันกระโดดเข้ามาทับจนต้องทรุดลงไปอีกรอบ
“เอี้ยเอ๊ย!!” ผมเหวี่ยงหมัดซ้ายตรงออกไปทั้งที่ถูกคร่อมอยู่นั่นแหล่ะ (..ทำไมพักนี้ผมถูกมันคร่อมบ่อยจังวะ?!) แต่ในท่าที่เสียเปรียบแบบนี้ ทำให้มันรับหมัดผมได้ไม่ยาก
ไอ้เอี้ยฟ้าบีบข้อมือผมแน่นจนปวดหนึบ เลือดที่แผลตรงแก้มของมันเริ่มแห้งแล้ว(แต่เลือดที่หลังมือผมเพิ่งเริ่มไหล) แว่นตาของมันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นดวงตาสีดำสนิทของมันใกล้ๆ ขนาดนี้..
ช่างเป็นแววตาที่มืดมิดว่างเปล่า..
เป็นความมืดที่ไร้ขอบเขต ไม่มีจุดสิ้นสุด ไร้ชีวิตชีวา..ไม่ต่างอะไรกับห้องนี้
ผมเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในนั้นเพียงเลือนลาง..
“อ๊ะ!” ผมเผลอหลุดเสียงออกมาเมื่อถูกลิ้นร้อนชื้นของไอ้บ้านั่นไล้เลียเลือดจากแผลที่หลังมือซ้าย ไล่เรื่อยมาจนสุดปลายนิ้ว...แต่ละนิ้ว ก่อนจะกลับไปดูดบริเวณบาดแผลอีกครั้ง
“เจ็บ!” ผมบอกมันเคืองๆ พยายามกระตุกแขนกลับแล้ว แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อย ..นี่มึงเป็นยุงหรือไง? มาดูดเลือดกูอยู่ได้ สัด! ปล่อยสิโว้ย!
มึงทำให้กูชักรู้สึกแปลกๆ แล้วนะ!
“ซันนี่..” มันเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกไปจากเดิม สีหน้าก็เปลี่ยนไปจากเดิม.. และในแววตาคู่นั้น...ผมก็เห็นเงาของตัวเองชัดขึ้นกว่าเดิมด้วย
นี่เลือดของผมไปปลุกสัญชาตญาณผียุงของมันเข้าแล้วหรือไง? อย่าบอกนะว่านาทีต่อไปคือมึงจะแปลงร่าง..??
“เฮ้ย! นี่มึงจะไปไหน?!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ไอ้เอี้ยฟ้าประทานก็พรวดพราดลุกขึ้น โดยที่ข้อมือของผมก็ยังอยู่ในมือของมันเหมือนเดิม มันลากผมมาที่บาร์ เปิดตู้เล็กที่อยู่ด้านบน หยิบกล่องอะไรบางอย่างสีขาวๆ ออกมา
“ต้องทำแผลก่อน” มันหันมาบอกด้วยสีหน้ามึนๆ อันเป็นโหมดปกติของมัน
อ้าว? แล้วเมื่อกี๊มันอะไรวะ? ผมตาฝาด? หรือว่าฝันกลางวัน?
แล้วตกลงว่านี่มึงกำลังจะทำแผลให้กูเหรอ..???
TBC. 
~ค่อยๆ รักกัน แรงๆ~