ตอนที่ 13 มาเสิร์ฟแล้วค่าาาาาาาา แถมภาพตัวละครด้วย ^^
เขากำลังโกหกคนรัก
อนิรุทธ์รู้ตัวดีว่ากำลังโกหกคำโตกับคนรักของเขา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก เขาเคยเป็นคนพูด ว่าอย่าปิดบังอะไรกัน
แต่ตอนนี้เขากำลังปิดบังเรื่องของผู้ชายคนนั้นไว้
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปหรือไม่ หากเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจผิดไปเอง มันก็จะทำให้ผู้ชายคนนั้นเสียหาย และทำให้เด็กน้อยของเขาต้องตกใจโดยที่ไม่จำเป็น
มีเพียงคนเดียวที่จะให้คำตอบแก่เขาได้
คิดได้เช่นนั้น อนิรุทธ์ก็ลุกขึ้นเดินไปปิดม่านที่หน้าต่างบนบานประตูและจัดการล็อกลูกบิดไว้ก่อนจะหันกลับมา เขาสูดลมหายใจลึก เรียกขานผู้ที่ไม่มีชีวิตอย่างระมัดระวัง
“ผมรู้..ว่าคุณมองดูผมอยู่ รบกวนมาปรากฏตัวหน่อยได้ไหมครับ? ผมอยากคุยกับคุณ”
สิ้นเสียงของเขา อนิรุทธ์ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกทั้งกายและความรู้สึก
ไม่รู้เขาอุปทานไปเองหรือไม่ แต่เหมือนกับไฟที่สว่างอยู่บนเพดานมันหรี่ลง พร้อมกับการปรากฏกายของคนที่เขาต้องการอยากพูดคุย
ความไม่พอใจฉาบอยู่บนใบหน้าของร่างโปร่งแสง
“เขา...เป็นคนที่ฆ่าคุณเมื่อสี่สิบปีก่อนจริงๆหรือครับ?”
น้ำเสียงที่ถามออกไปอย่างสุภาพ ถูกตอบกลับด้วยลมที่พัดกรรโชกขึ้นมาในห้องอย่างน่าประหลาด แสงไฟนีออนที่หรี่อยู่แล้วกะพริบติดๆดับๆ
‘คุณกำลังทำสิ่งที่ผิดพลาด’
เสียงนั้นก้องขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งแสงที่เปลี่ยนไป จากรูปลักษณ์ที่ใส่เสื้อสีขาวยืนอยู่ตรงหน้ากลับกลายเป็นร่างที่เปลือยเปล่าซึ่งมีรอยบาดแผลฉกรรจ์ตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้า หนักสุดก็คือตรงกลางลำกาย เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผลพวกนั้น
มันเป็นร่างกายที่ถูกทำร้าย
วิญญาณของศราวินเมื่อสี่สิบปีที่แล้วแสดงให้เขาเห็นร่องรอยที่ถูกทำร้ายจากผู้ชายคนนั้น
“เราเป็นแพทย์..ถึงเขาจะทำเลวระยำแค่ไหน เราก็ต้องช่วยเขา ผมรู้ว่าคุณเข้าใจข้อนี้ และก็รู้ว่าผมเองก็ไม่อาจอภัยให้กับสิ่งที่เขาทำกับคุณไว้ได้”
อนิรุทธ์พูดพลางขยับเดินเข้าไปหา มือของเขายื่นไปหมายจะแตะที่ต้นแขนของอีกฝ่าย แต่เขาไม่สามารถแตะต้องร่างกายของวิญญาณหนุ่มได้
ศราวินเงยใบหน้ามาหาเขา ดวงตายังคงแข็งกร้าว...
‘แล้วคุณ...จะเสียใจ’
เสียงสะท้านก้องก่อนร่างวิญญาณนั้นจะหายไปพร้อมกับดวงไฟที่เปิดสว่างเป็นปกติ
อนิรุทธ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขายกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองด้วยความรู้สึกที่อยากอาเจียนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
‘แล้วคุณ...จะเสียใจ’
คำนี้ที่วิญญาณหนุ่มพูดออกมา มันทำให้เขากลัวว่าจะต้องสูญเสียศราวินไป
อนิรุทธ์รีบก้าวไปที่โต๊ะทำงานและหยิบเอามือถือขึ้นมาโทรหาเด็กหนุ่ม อีกมือก็หยิบเอาเสื้อสูทของตัวเองมาสวมและออกจากห้องทำงานไปทันทีโดยไม่สนใจงานที่คั่งค้างอยู่บนโต๊ะ อารมณ์เป็นห่วงทำเอากระวนกระวายจนสติแทบหลุด
ยิ่งศราวินไม่รับสายโทรศัพท์ ก็ยิ่งพาให้เป็นห่วงมากขึ้น
ศัลยแพทย์หนุ่มถึงกับวิ่งไปยังลานจอดรถโดยไม่สนใจคำทักทายของใครก็ตามระหว่างทาง ขึ้นรถได้เขาก็รีบถอยรถออกจากที่จอดและมุ่งตรงไปยังหอพักของเด็กหนุ่มทันที
ไฟในห้องที่เปิดสว่างและเสียงสายน้ำสาดกระทบกับผนังทำให้คนที่เป็นห่วงต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองไปยังมือถือที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง ศราวินคงจะไม่ได้ยินเสียงที่เขาโทรมาหา
เมื่อรู้ว่าคนรักปลอดภัยดี ศัลยแพทย์หนุ่มก็ทิ้งตัวนั่งลงตรงปลายเตียง มือใหญ่ยกทาบอกและนวดเบาๆ เพิ่งรู้ว่าความกลัวทำให้ปวดในอกได้ขนาดนี้
“อาจารย์มาเร็วจังเลยฮะ”
เด็กหนุ่มเดินตัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายเปล่าเปลือยมีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวนุ่งไว้ที่เอว มือหนึ่งใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้เรือนผมที่เปียกชุ่ม หยดน้ำไหลจากเรือนผมลงมาเกาะที่บ่า อีกมือนั้นเอาตะกร้าผ้าที่เพิ่งซักมือเข้าเอวไว้ ดูก็รู้ว่าเพิ่งซักผ้าและอาบน้ำสระผมไปพร้อมกัน
“อยากเห็นหน้าคุณน่ะ เลยรีบมา” เสียงทุ้มบอกอย่างออดอ้อนพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้น เด็กหนุ่มวางตะกร้าผ้าลงแล้วเดินไปให้เขากอด
“ปากหวานจังนะฮะอาจารย์ ถ้าซันละลายลงไปกองกับพื้นจะทำยังไงกัน?”
เด็กหนุ่มเย้าด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะทรุดนั่งลงบนหน้าขาของอีกฝ่ายตามแรงดึง อนิรุทธ์ยกมือขึ้นไล้วงแก้มที่ยังเย็นอยู่อย่างแสนรักรอยยิ้มนั้น
“ตกลง...มีอะไรหรอฮะ?” ศราวินถามย้ำอีกครั้งเพราะติดใจกับสีหน้าของอนิรุทธ์ ดูราวกับอีกฝ่ายมีอะไรปิดบังเอาไว้
อนิรุทธ์เม้มริมฝีปาก สองจิตสองใจว่าจะเปิดเผยความลับดีหรือไม่ เขารักรอยยิ้มของเด็กหนุ่ม ไม่อยากนำพาเอาเรื่องร้ายมาให้ทุกข์ใจ
แต่ถ้าไม่เตือนอะไรเลย ก็คงไม่ดีแน่...
“ผมมีเรื่องที่จะบอกคุณ...”
คนฟังเลิกคิ้วและปล่อยให้อนิรุทธ์จับมือเอาไว้โดยที่ไม่เอ่ยขัด
ศัลยแพทย์หนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ผู้ชายคนนั้น...คนไข้เตียง 1915... เขาเป็นฆาตกรเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว”
ศราวินนิ่งอึ้งไป ใบหน้าซีดเผือก เขาพอจะเดาได้ตั้งแต่คำแรกที่อนิรุทธ์พูดออกมา...
“อาจารย์..รู้ได้ยังไงฮะ?”
ไม่ต่างจากที่คาดเดาเอาไว้ว่าจะต้องถูกถามเช่นนี้ และเขาก็เลือกที่จะบอกไปตามตรง แม้มันจะดูเป็นเรื่องที่ยากเกินความเชื่อ แต่เขาก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งวิญญาณของศราวินแสดงภาพให้เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มคุยกับวิญญาณของอนิรุทธ์หรือเรียกได้อีกอย่างว่าวิญญาณของเขาที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อสี่สิบปีก่อน ในตอนอยู่ที่คอนโดของเขา
“วิญญาณของศราวิน...บอกให้ผมรู้”
เด็กหนุ่มกะพริบตา ทำท่าประหลาดใจ
“วิญญาณของอาจารย์อนิรุทธ์ก็เคยมาหาซันเหมือนกัน..”
“ผมรู้...เพราะคืนนั้นศราวินก็มาหาผมด้วยเหมือนกัน เขาทำให้ผมเห็นภาพที่อาจารย์อนิรุทธ์คุยกับคุณ”
ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆที่วิญญาณทั้งสองชื่อเหมือนตนเอง แต่ก็เข้าใจดีว่าชื่อที่พูดกันออกไปนั้นหมายถึงใคร
“แล้ว..เขามาบอกอาจารย์เมื่อไหร่หรอฮะ?”
“ตอนที่จะทำการผ่าตัดน่ะ เขามาห้ามไม่ให้ผมทำการผ่าตัดให้กับผู้ชายคนนั้น”
“แต่อาจารย์ก็ยังผ่าตัดช่วยผู้ชายคนนั้น..”
เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆก่อนเงยสบตาอนิรุทธ์
“เพราะเราไม่สามารถทิ้งให้เพื่อนมนุษย์ตายไปโดยไม่ช่วยเหลือไม่ได้สินะฮะ”
อนิรุทธ์พยักหน้า
“ใช่..ถึงเขาจะเลวทรามแค่ไหน เราก็ต้องช่วยเขา”
“ฮึ..ซันเข้าใจนะฮะอาจารย์ แต่ก็แอบหวังใจให้เขาทรมานจนตายเหมือนกับคนๆนั้น...คิดแบบนี้ได้นี่ ซันเป็นเด็กไม่ดีจริงๆสินะฮะ”
เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับบ่ากว้างก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักอก อนิรุทธ์ยกมือลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม เข้าใจดีถึงความรู้สึกเคียดแค้นที่ศราวินรู้สึก
“สัญญากับผมนะ..ว่าคุณจะระวังตัว และคุณจะไม่ไปพบหน้าเขา เวลาราวน์..ก็ให้ข้ามช่วงเตียงนั้นไป”
“ทำไมล่ะฮะ? อาจารย์กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายซันอย่างนั้นหรอฮะ?”
อนิรุทธ์พยักหน้า นัยน์ตาที่ถูกบังไว้ด้วยแว่นสายตาสะท้อนความเป็นห่วงออกมา
“ผมเป็นห่วงคุณ คุณหน้าเหมือนกับเด็กคนนั้นมาก ถ้าคนร้ายคนนั้น เกิดจำหน้าเหยื่อของตัวเองได้ แล้วมาเห็นหน้าคุณเข้า...”
“เขาจะลุกขึ้นมาบีบคอซันให้ตายเลยสินะฮะ” เด็กหนุ่มยิ้มหยันก่อนจะขยับกายลุกขึ้นยืนและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“คนบริสุทธ์ต้องกลัวคนเลวด้วยหรอฮะ? ซันไม่กลัวเขาหรอกนะฮะอาจารย์ ซันจะไปยืนต่อหน้าเขา ให้เขาเห็นหน้าชัดๆ จะดูว่าเขาจำได้หรือเปล่าว่าครั้งหนึ่งเคยทำเลวระยำอะไรเอาไว้!”
“ซัน..คุณไม่กลัว แต่ผมกลัวนะ” อนิรุทธ์พูดพลางลุกขึ้น เขารั้งต้นแขนเพรียวให้คนรักหันมามองหน้าตัวเอง
“ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรอย่างวู่วามเลยนะ ถ้าคุณถูกทำร้าย จะทำยังไงกัน?”
อนิรุทธ์ปรามด้วยความเป็นห่วง สองแขนเลื่อนลงมากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
“ถ้าคุณเป็นอะไรไป...ผมจะอยู่ได้ยังไง”
คนในอ้อมแขนมีทีท่าอ่อนลง ศราวินยกมือขึ้นกอดตอบ
“ก็ได้ฮะ...”
อนิรุทธ์กดจูบลงกลางกระหม่อมแทนคำชมที่เด็กหนุ่มยอมว่านอนสอนง่ายกับคำขอของเขา เขาคงทนไม่ได้ หากจะต้องเกิดเรื่องซ้ำรอยอย่างเมื่อสี่สิบปีที่แล้วอีกครั้ง
“ว่าแต่...อาจารย์ทานอะไรมาหรือยังฮะ? หิวหรือเปล่า? ซันโทรไปสั่งอาหารจากร้านข้างล่างมาให้ดีหรือเปล่าฮะ?”
“ไม่ล่ะ แค่กาแฟที่คุณชงให้ก็พอ”
ศราวินยิ้มให้กับคำหวานนั้น
“งั้นอาจารย์ไปอาบน้ำก่อนนะฮะ ซันจะชงกาแฟไว้ให้”
บอกแล้วทำท่าจะผละไปหยิบเอาผ้าขนหนูให้ แต่ก็ถูกเกี่ยวเอวเอาไว้
“ไม่อาบด้วยกันอีกรอบสักหน่อยหรอ?”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วก่อนยิ้มหวานให้
“ไม่ดีกว่าฮะ ซันต้องไปตากผ้าอีก”
อนิรุทธ์พยักหน้าแล้วโอบร่างบางเข้ามาจูบที่หน้าผากเบาๆก่อนผละออก เขารับเอาผ้าขนหนูมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ศราวินมองไล่หลังไปพลางอมยิ้มก่อนที่จะเดินไปเสียบปลั๊กกาน้ำร้อนและสวมเสื้อผ้าแล้วจึงออกไปตากเสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จ
เด็กหนุ่มใช้เวลาไม่นานนักในการตากผ้า เช่นเดียวกับอนิรุทธ์ที่ใช้เวลาอาบไม่นานเช่นกัน ศัลยแพทย์หนุ่มรับเอาเสื้อผ้าที่ศราวินส่งมาให้ แต่เขาไม่ได้สวมมัน อนิรุทธ์วางเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ที่ปลายเตียง มองดูคนรักที่นุ่งเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงบ็อกเซอร์ซึ่งกำลังหยิบแก้วกาแฟมาชงให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดด้านหลัง
“อืม...หอมจัง”
อนิรุทธ์พูดพลางกดปลายจมูกโด่งลงกับผิวอ่อนบริเวณซอกคอของร่างบาง เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างชอบใจ
“กาแฟยังไม่ได้ใส่น้ำเลยนะฮะอาจารย์”
“ผมหมายถึงตัวคุณต่างหากที่หอม”
ศราวินไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาจารย์ของเขาจะมีคำพูดที่หวานเลี่ยนเช่นนี้ได้ เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ วางมือจากแก้วกาแฟที่ยังไม่ได้กดน้ำและหันมาหา
“หอม..แต่กินแล้วไม่อิ่มท้องเหมือนกาแฟนะฮะอาจารย์”
“งั้นต้องลองพิสูจน์ดูแล้วสิ”
อนิรุทธ์บอกแล้วฉกจูบที่ริมฝีปากนุ่ม แขนแข็งแรงโอบรอบแผ่นหลังบางของคนที่เบียดกายอยู่กับอก ศราวินหลับตารับจูบแสนหวานที่อบอุ่นและยอมให้อนิรุทธ์ล่วงล้ำลูบไล้ไปทั่วกาย
เรือนผมที่ยังคงเปียกชุ่มไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่ดี อนิรุทธ์ใช้นิ้วสางเส้นผมเปียกนั้นอย่างเพลินใจ ขณะเดียวกันก็แต้มจูบไปตามลำคอขาว อีกมือก็ซุกซนไปตามผิวเนียน ร่างน้อยในอกสะท้านกับสัมผัสของเขา ศราวินครางแผ่วเบาพลางไล้มือไปตามผิวอกกว้างที่ยังคงมีหยาดน้ำเกาะพราวอยู่
ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกันและกัน ความวาบหวามใจมันก็เกิดขึ้นทุกครั้ง
อนิรุทธ์ยิ้มให้กับร่างให้อ้อมแขน เขาดึงให้เด็กหนุ่มไปที่เตียงและจัดการถอดเสื้อยืดตัวหลวมที่อีกฝ่ายสวมทิ้งไป เหลือเพียงบ็อกเซอร์สีเข้มที่หลุดตามไปในเวลาไม่นานนัก อนิรุทธ์แต้มจูบกับบ่าขณะที่มือก็ลูบไล้แผ่นอกบาง ปลายนิ้วบดคลึงกับยอดอกสีชมพูสวย ศราวินแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากอุ่น มือข้างหนึ่งลูบกลุ่มผมนุ่มไปด้วย เขารู้สึกดีเสมอเมื่อถูกสัมผัสด้วยมือคู่นี้
“ขอบคุณ...ที่ไม่รังเกียจซันนะฮะ”
ศราวินกระซิบเสียงแผ่ว เคยนึกกลัวว่าอนิรุทธ์จะรังเกียจร่างกายที่เคยถูกคนอื่นล่วงล้ำ แต่การที่อีกฝ่ายแสดงออกว่าต้องการเขาเช่นนี้ มันทำให้เขาตื้นตันในอก
“เด็กโง่...ผมจะรังเกียจคุณได้ยังไงกัน”
อนิรุทธ์บอกเสียงนุ่มและปลอบประโลมคนคิดมากด้วยสัมผัสที่แสนอบอุ่น เขาโอบกอดร่างเล็กไว้และพรมจูบที่หน้าผากเนียนสองสามครั้ง แขนเรียวโอบกอดเขาไว้ราวกับจะแทนคำบอกว่าขอฝากชีวิตไว้กับเขาด้วยความไว้ใจ
“ซันรักอาจารย์มากนะฮะ...”
“ผมรู้...ผมก็รักคุณมากเช่นกัน”
ศัลยแพทย์หนุ่มยืนยันด้วยจูบแสนหวาน เขาลูบต้นขาอ่อนและยกให้เด็กหนุ่มชันขาไว้ นิ้วซุกซนกอบกุมส่วนอ่อนไหว ลูบไล้และหยอกล้อกับมันจนแข็งขึง เด็กหนุ่มยังคงกอดเขาเอาไว้ ริมฝีปากบางครางเสียงสั่น ทว่าเป็นเสียงของความสุขสม ก่อนเสียงครางนั้นจะขาดหายไปเมื่อเด็กหนุ่มขบเม้มริมฝีปากไว้แน่น มีแต่เสียงที่ครางในลำคอดังขึ้นเบาๆ
“อ๊ะ” ทันทีที่ปลายนิ้วสอดแทรกเข้าไปข้างใน สะโพกกลมก็เกร็งกระตุก อนิรุทธ์หยุดนิ้วที่บุกรุกและมองไปยังใบหน้าที่แดงกล่ำ
“เจ็บหรือเปล่า?” อนิรุทธ์ถามอย่างห่วงใย เด็กน้อยของเขาส่ายหน้าก่อนจะยันกายด้วยศอกที่เท้าลงกับเตียงนุ่ม
“มันเสียวน่ะฮะ..” ศราวินบอกอย่างขัดเขิน ดวงตากลมโตมองไปยังหว่างขาตัวเองที่ยังคงมีมือใหญ่สัมผัสอยู่ ปลายนิ้วของอนิรุทธ์ยังคงสอดคาอยู่กับบั้นท้ายของเขา เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกเขินจนหน้าร้อนไปหมด
“แต่รู้สึกดีใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนแยกขาให้กว้างกว่าเก่า อนิรุทธ์สอดนิ้วเข้าลึกกว่าเก่า ช่องทางนั้นค่อยๆขยายทีละน้อยและเปียกชุ่ม อีกมือก็กอบกุมแท่งหวานที่สั่นระริก คนที่นอนอยู่มองเขากระทำกับร่างกายส่วนล่างอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา เร่งเร้าให้แนบชิดเป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อช่องทางนั้นพร้อมรับแล้ว อนิรุทธ์ก็ขยับสะโพกเข้าใกล้
“อาจารย์ฮะ..” เสียงเรียกทำให้อนิรุทธ์หยุดชะงักมือที่กำลังจะปลดผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่และเงยหน้าขึ้นมอง เด็กหนุ่มขยับกายลุกจากท่านอนมานั่ง ขาเรียวขยับถอยออกมาเล็กน้อย ศราวินเอื้อมมือไปปลดผ้าขนหนูที่คนรักนุ่งอยู่ มือสัมผัสเข้ากับท่อนเนื้อแข็งแรงที่พองตัวอยู่ ใบหน้าหวานแดงซ่านไปจนถึงลำคอ
อนิรุทธ์โอบเอวคนรักไว้ ดึงเด็กหนุ่มที่ทำท่าจะก้มลงมาให้ลุกขึ้นมาคร่อมตักเขาไว้ ศราวินทำท่างุนงงนิดหน่อยก่อนจะยิ้มหวานให้เขา
ความแข็งร้อนสอดผ่านปากทางเข้าไปด้านใน คนที่สะท้านสั่นวางมือลงกับบ่ากว้าง ริมฝีปากเผยออ้ารับจูบที่แนบลงมาอย่างร้อนเร่าควบคู่กับการขยับโยกที่สอดคล้องกัน
นาทีนี้..ศราวินเข้าใจแล้วว่าการเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่รัก มันมีความสุขมากกว่าทำกับคนที่ไม่ได้รับมากแค่ไหน
อนิรุทธ์ทำให้เขาอบอุ่นในหัวใจ รู้สึกถึงความอ่อนโยนและทะนุถนอม ขณะเดียวกันก็รู้สึกเร่าร้อนและปรารถนา อยากแนบชิดร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ตลอดไป
ศัลยแพทย์หนุ่มป้อนจูบให้กับคนรักอีกครั้งง มือหนาพยุงเอวบางที่ส่ายขึ้นลงอยู่บนตักเอาไว้ก่อนจะดันให้เด็กหนุ่มกลับลงไปนอนหงาย เสียงครางครึมดังสอดคล้องกับเสียงหนั่นเนื้อที่กระทบกัน เด็กหนุ่มแยกขาออกให้กว้างกว่าเก่าเพื่อที่จะรับการสอดให้เข้ามาลึกในกายตน
“อะ..อาจารย์..”
ศราวินครางเรียก ยิ่งกระตุ้นให้ความรู้สึกมันเอ่อล้น อนิรุทธ์ดันสะโพกแนบชิดแล้วเลื่อนหน้ามาซุกไซ้ซอกคอ มือข้างหนึ่งประคองสะโพกให้ได้องศา ส่วนอีกข้างรูดเร้าแกนกายของเด็กหนุ่มไปด้วย ศราวินจิกมือลงกับหมอน เสียวซ่านไปทั้งทั้งกาย
และที่ยิ่งไปกว่าความเสียวซ่าน ก็คือความสุขสม อนิรุทธ์ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
เมื่อปลายทางอยู่ไม่ไกลเกินจะคว้าไว้ ทั้งสองก็ช่วยกันเพื่อเอื้อมไปหา ก่อนไขว่คว้ามันไว้ในอุ้งมือพร้อมกัน
“อ๊า...เลอะอีกแล้ว” ถึงจะเป็นคำบ่น แต่คนพูดก็ระบายรอยยิ้มไว้บนใบหน้าก่อนจะหยีตาเมื่อถูกจูบที่ข้างแก้มอย่างนุ่มนวล
(ต่อ)