“แต่ผมก็ยอมเสียคุณไปไม่ได้ ให้ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่จะเป็นเจ้าของคุณคนเดียวได้ไหม?...ผมไม่อยากยกคุณให้กับใคร และจะไม่มีวันยกคุณให้ใครเด็ดขาด”
ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นน้องสาวของผมเองก็ตามที
อนิรุทธ์ได้แต่คิดประโยคหลังอยู่ในใจ
หากปล่อยเด็กหนุ่มไป มันจะเป็นสิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิต
“อย่าห่วงเลยฮะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
ศราวินชะงัก เสียงที่ตอบไม่ใช่เขา เด็กหนุ่มมองสบตาอนิรุทธ์ รอบกายที่มีแสงสว่างจากดวงไฟในลานจอดรถกลับมืดลง หางตาเห็นเงาบางอย่างอยู่นอกรถ พอทั้งคู่หันไปก็พบกับวิญญาณทั้งสองยืนอยู่
ทั้งอนิรุทธ์และศราวินต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายเห็นวิญญาณที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาลงจากรถและเดินมายืนอยู่ตรงหน้าวิญญาณทั้งสอง รูปลักษณ์ที่เหมือนกันสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดให้ไม่น้อย
“มีอะไรอย่างนั้นหรอ? พวกคุณถึงได้มาหาเราที่นี่?”
อนิรุทธ์ถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง เขาจับมือเด็กหนุ่มที่เดินมาอยู่ข้างกันเอาไว้ นัยน์ตาของวิญญาณทั้งสองดูนิ่งสงบแต่แฝงไว้ด้วยความอาฆาต
ฉับพลันนั้น ภาพวิญญาณทั้งสองก็หายไปจากสายตา อนิรุทธ์มารู้สึกตัวอีกทีว่าไม่ใช่วิญญาณทั้งสองหายไป แต่เป็นตัวเขากับศราวินต่างหากที่ถูกบังตาเอาไว้และกำลังถูกพาไปที่ไหนสักแห่ง
มือของเขายังคงจับมือของศราวินเอาไว้
ในความมืดค่อยๆมีภาพปรากฏ ทันทีที่ภาพนั้นชัดเจน มือของอนิรุทธ์ก็ถูกบีบไว้แน่น
ภาพของใครบางคนกำลังถูกข่มขืนจากผู้ชายหลายคน ไม่ใช่เพียงแค่ถูกข่มขืนเท่านั้น แต่ยังถูกทำร้ายอย่างรุนแรงอีกด้วย เหยื่อพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่สามารถหนีไปจากสัตว์นรกพวกนี้ได้
อนิรุทธ์ตระหนักได้ว่ามันเป็นภาพของศราวินที่ถูกทำร้ายเมื่อสี่สิบปีก่อน ได้เห็นภาพนี้กับตาก็ยิ่งตอกย้ำว่ามันโหดร้ายเพียงใด
“พวกคุณ...มาทำให้พวกเราเห็นภาพพวกนั้นทำไม?” อนิรุทธ์ถามออกไป เขาจับมือเล็กที่สั่นเทาไว้แน่น ภาพนั้นหายไปในความมืด
เพียงไม่นานก็เห็นแสงอีกครั้ง ดวงตาคู่คมหลังแว่นกะพริบสองสามครั้งแล้วจึงพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ปลายเตียงของคนร้าย รอบกายไร้แสงสว่างและมืดเสียจนอนิรุทธ์คิดว่าตัวเองอยู่ในมิติที่มีเพียงแค่เขา ศราวิน วิญญาณทั้งสองและคนร้ายเท่านั้น เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่ม ก็เห็นว่าศราวินกำลังมองไปที่วิญญาณและคนร้ายนั้น อนิรุทธ์จึงมองไปบ้าง
ผู้ชายคนนั้นหลับอยู่ แต่ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีที่อนิรุทธ์หันไปมอง มันคงรู้ว่ามีใครมองอยู่ จึงได้หันมามองทางพวกเขา
สีหน้าหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทา ไม่ต่างจากที่เห็นเด็กหนุ่มเมื่อเช้า มันดิ้นขลุกขลัก ดึงแขนและขาที่ผูกอยู่กับราวเตียงจนเกิดเสียงดังกึงกัง
“มึงมาทำไมอีก!! จะหลอกหลอนให้กูตายเลยหรือไงกัน!!”
ดำรงตวาดเสียงดังลั่น แต่เป็นเสียงที่สั่นเทาเพราะความกลัว ทั้งมือและแขนก็กระชากไปมาจนแดงไปหมด เสียงผ้าถูกฉีกดังขึ้น อนิรุทธ์เห็นว่าผ้าที่มัดข้อมือของดำรงกำลังจะขาดก็รีบคว้าคนรักให้มายืนข้างหลังตน
“ฉันจะมาเอา...ชีวิตของคนที่ฆ่าฉัน..”
เสียงนั้นเย็นยะเยือกและแฝงไว้ด้วยความอาฆาต อนิรุทธ์รู้สึกขนลุกขึ้นมา เขาหันไปมองวิญญาณของตัวเอง วิญญาณของเขามองไปยังคนร้ายด้วยสีหน้าชิงชัง
ก็พอเข้าใจได้อยู่ว่าเพราะอะไร
“ยะ..อย่า กูผิดไปแล้ว กูขอโทษ! ยกโทษให้กูด้วย!”
ศราวินมองไปยังคนที่ละล่ำละลักขอโทษ ดำรงกระชากจนผ้าที่ผูกข้อมือไว้มันขาด สองมือยกไหว้ท่วมหัว ปากพร่ำขอโทษจนดูไม่จริงใจ มันก็แค่ขอโทษเพราะกลัวตาย ไม่ได้ขอโทษเพราะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“คนเลวอย่างแก..มีชีวิตอยู่ต่อมาอีกสี่สิบปีนี่...มันมากเกินไปแล้ว!”
เสียงของวิญญาณตวาดลั่น มันก้องกังวานราวกับอยู่ในที่แคบ เสียงก้องนั้นยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่เท่ากับมือขาวที่ยื่นไปจับลำคอของผู้ชายคนนั้นด้วยความรวดเร็ว เพียงเสี้ยวนาทีดำรงก็หน้าเขียวเหมือนขาดอากาศหายไป สองมือตะกุยมือที่บีบคอตัวเองเอาไว้จนเล็บขูดผิวเนื้อเป็นแผลยาวตามการจิกของปลายนิ้ว สองขาถีบดิ้นรนไปมา
วิญญาณของเหยื่อกำลังจะเอาชีวิตคนที่ฆ่าตัวเอง
ทั้งอนิรุทธ์และศราวินมองอย่างตื่นตระหนก ไม่คิดว่าคนร้ายจะถูกเอาชีวิตต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“อึ่ก...อึก...”
ร่างบนเตียงชักกระตุกและตาเหลือกเป็นสัญญาณว่าใกล้จะหมดลม
ขณะที่อนิรุทธ์คิดว่ามันคือชะตากรรมที่คนร้ายคงต้องรับมันไป ศราวินที่อยู่ข้างหลังเขากลับโผเข้าไปกอดแขนวิญญาณของตัวเองที่กำลังลงมือฆ่าผู้ชายคนนั้น เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยความสมเพชเวทนา
“อย่า! อย่าฆ่าเขาเลยนะครับ!”
“ซัน..” อนิรุทธ์ครางเรียกคนรักแผ่วเบา ไม่คิดว่าศราวินจะหยุดยั้งวิญญาณเช่นนี้
“หมอ...ผู้ชายคนนี้เป็นคนฆ่าคุณกับผมเมื่อสี่สิบปีที่แล้วนะ”
วิญญาณของอนิรุทธ์ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้น ประโยคนั้นทำให้ศราวินต้องหันไปมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ
“หมายความว่า...”
ทั้งตัวเขาและอนิรุทธ์ต่างก็เป็นคนในตำนานที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งอย่างนั้นหรอ?
“ถึงพวกเราจะกลับมาเกิดใหม่และได้รักกันอีกครั้ง แต่ผู้ชายคนนี้...ก็ยังเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณอย่างโหดร้ายเมื่อชาติที่แล้ว คุณจะให้อภัยมันอย่างนั้นหรอ?”
ศราวินหยุดชะงัก วูบหนึ่งที่มือจะคลายจากแขนของวิญญาณตัวเอง เด็กหนุ่มหันมองมาสบตาคนรัก
“ผมรู้...ว่าเขาเลว แต่การฆ่าคน..มันเป็นบาปนะฮะ”
ความเงียบเกิดขึ้น ศราวินถอยห่างจากวิญญาณของตัวเอง สายตามองอย่างอ้อนวอน
“ถึงเอาชีวิตของเขาไป...มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ถ้าพวกคุณคือเราสองคนจริง พวกเราก็ได้กลับมารักกันแล้วไงฮะ”
ถึงแม้จะพูดอ้อนวอนแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าวิญญาณของศราวินเองจะไม่คิดเช่นนั้น มือที่บีบคอคนร้ายอยู่ก็ไม่คลายแรงลงเลย
“ขะ..ขะ..ขอโทษ! กูขอโทษ!! ปล่อยกู! กูจะไปขอขมา อึ่ก!!..กูจะขอขมามึง จะไปมอบตัวด้วย ปล่อยกูเถอะ!”
คนที่ยังคงพนมมือท่วมหัวรีบพูดแทรกขึ้น ศราวินมองแล้วรู้สึกสมเพชเป็นที่สุด จริงอยู่ที่คนแบบนี้สมควรหายไปจากโลกใบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากให้มันกลายมาเป็นบาปที่ติดตัว
“พวกคุณ...รู้หรือเปล่าฮะ ว่าหลังจากที่พวกคุณตายไป คนพวกถึงพวกคุณว่ายังไง รู้บ้างหรือเปล่าฮะว่าดอกฟอร์เก็ตมีน็อตมากมายที่วางอยู่ที่อนุสรณ์สถานน่ะ..คนที่เขานำมาวางไว้ให้ เขาเอามาวางเพราะอะไรกัน?”
ศราวินโพล่งออกไป และนั่นก็ทำให้แววตาของวิญญาณทั้งสองอ่อนลง
“ก็เพราะเรื่องของพวกเราเมื่อสี่สิบปีก่อนมันกลายมาเป็นตำนานของที่นี่ มันเป็นเรื่องที่โรแมนติกเพราะพวกเขาคิดว่าพวกเราคือตัวแทนของความรักที่นิรันดร์ ไม่คิดบ้างหรอฮะ ว่าพวกเขาคิดผิดหวังแค่ไหน ถ้าได้รู้ว่าหัวใจของคนที่เป็นตัวแทนความรักที่นิรันดร์ กลับยังมีความอาฆาตแค้นและยังเอาชีวิตผู้ชายคนนี้อีก”
ศราวินยื่นมือไปอีกครั้ง เขาจับมือวิญญาณของตัวเองเอาไว้และพยายามแกะมันออกจากคอของคนร้าย
“ผมไม่ได้คิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้สมควรตาย สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำมันเลวร้ายและยากที่จะให้อภัย แต่อย่าทำให้เขากลายมาเป็นบาปของพวกเราอีกเลยนะฮะ”
สิ้นคำพูด รอบกายก็มืดสนิท วินาทีต่อมา..ศราวินและอนิรุทธ์ก็รู้ตัวว่ามายืนอยู่ในห้องที่คอนโดของอนิรุทธ์ เบื้องหน้ายังคงมีวิญญาณของทั้งสองยืนอยู่
อนิรุทธ์กับศราวินหันมาสบตากัน และต่างก็มองเห็นคำถามที่อยากรู้ในข้อเดียวกัน
“ขอโทษนะครับ ผมอยากรู้ว่าพวกคุณเป็นอะไรกับพวกเรากันแน่ คุณบอกว่าพวกเราก็คือพวกคุณกลับชาติมาเกิด แล้วทำไมยังมีพวกคุณอยู่..ในรูปวิญญาณแบบนี้?” อนิรุทธ์ถามพลางโอบเอวคนที่ยืนข้างกายเอาไว้
“พวกเราคือวิญญาณของความทรงจำ..”
คำตอบดังขึ้นจากกายโปร่งแสงที่หน้าตาเหมือนผู้ถาม เมื่อเห็นคนที่มีชีวิตและลมหายใจทำหน้าไม่เข้าใจจึงอธิบายต่อ
“มนุษย์เรามีวิญญาณอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่งคือวิญญาณของจิตใจ มีเกิด มีดับ มีเวียนว่าย ที่มาเกิดเป็นพวกคุณได้อีกครั้งเพราะวิญญาณแห่งจิตใจได้ดับลงและเวียนว่ายมาเกิดใหม่ ส่วนก็คือวิญญาณของความทรงจำ..” วิญญาณของอนิรุทธ์โอบเอววิญญาณของคนรักและเดินเข้ามาใกล้คนที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“เมื่อชีวิตดับสูญ วิญญาณสองส่วนจะแยกจากกัน นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เมื่อวิญญาณของจิตใจกลับมาเกิดใหม่ ก็จะจำเรื่องเมื่อชาติที่แล้วไม่ได้”
วิญญาณของศราวินอธิบายบ้าง สีหน้าเคียดแค้นหายไปแล้ว มีแต่เพียงความเศร้าสะท้อนอยู่ลึกๆในแววตา
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมถึงมีแต่พวกคุณที่ยังมาปรากฏกาย ..คือผมหมายถึงว่า ที่โรงพยาบาลหรือที่อื่นๆก็มีคนตายอยู่ทุกวัน แต่วิญญาณของความทรงจำของพวกเขาถึงได้ไม่มาปรากฏกายล่ะฮะ?”
วิญญาณทั้งสองยิ้มบางๆให้
“หากไม่มีห่วง วิญญาณของความทรงจำจะค่อยๆเลือนหายไปในเวลาไม่นาน แต่พวกเรายังคงอยู่ เพราะยังมีห่วง...และรอที่จะให้วิญญาณของจิตใจได้กลับมาคู่กันอีกครั้ง”
“แล้ว..พวกคุณก็จะอยู่กับเราแบบนี้ตลอดไปใช่ไหมฮะ? พวกคุณทำให้เราเห็นเรื่องในชาติที่แล้วได้หรือเปล่า?”
ศราวินถามอย่างตื่นเต้น เขาเองอยากรู้ว่าชาติที่แล้วเขากับอนิรุทธ์รักกันได้อย่างไร
“แล้วคุณล่ะ...อยากรู้เรื่องในอดีตด้วยหรือเปล่า?”
สายตาสามคู่จับจ้องที่อนิรุทธ์ ศัลยแพทย์หนุ่มพยักหน้าอย่างแทบไม่ต้องใช้เวลาคิด
“ครับ..ผมอยากรู้”
น้ำเสียงหนักแน่น ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ถึงจะรู้ว่าในอดีตมีส่วนที่จะทำให้ทุกข์ใจก็ตามที แต่ก็อยากจะรู้...เรื่องราวความรักที่มีให้แก่กัน
“ได้โปรด...ผมอยากรู้ว่าเราเคยรักกันยังไง..ถ้าเคยมีอะไรที่ทำผิดพลาด เราจะได้ไม่ทำเช่นนั้นอีก”
คำพูดและรอยยิ้มละไมของศราวินอาจเป็นตัวกระตุ้นให้วิญญาณทั้งสองเข้าใจก็เป็นได้ วิญญาณทั้งสองจึงพยักหน้า บรรยากาศที่ดูเยือกเย็นดูอบอุ่นขึ้น
ท่ามกลางสายตาที่เฝ้ามอง วิญญาณทั้งสองก็เปลี่ยนไป ร่างโปร่งแสงค่อยๆเลือนลง เหมือนฟองอากาศจำนวนมากที่หายไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เหลือบางสิ่งลอยอยู่ในอากาศ มันเป็นเหมือนผลึกแก้วที่ส่องประกาย ดูงดงามและบริสุทธ์
ขณะที่เฝ้ามองมันก็ลอยเข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่งมันทะลุเข้าไปอยู่ในอก
ทั้งสองยกมือขึ้นทาบอก
รู้สึกเหมือนได้อะไรบางอย่างที่ขาดหายไปกลับคืนมา
อนิรุทธ์และศราวินหันมามองหน้ากัน ต่างก็รับรู้ความรู้สึกในใจซึ่งกันและกัน
“ผมขอโทษ..ที่ทำให้คุณต้องเจอกับเรื่องแบบนั้น” ปลายนิ้วยกขึ้นเกลี่ยผิวแก้ม นัยน์ตาบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคิดบ้าๆในชาติที่แล้ว ว่าอยากให้อีกฝ่ายได้มีครอบครัวจึงบอกเลิกและทำให้เด็กหนุ่มต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น
“ไม่เป็นไรฮะ..ซันเองก็ผิด ที่ทำให้อาจารย์ต้องมาตายด้วยกัน”
เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่เศร้าและแฝงด้วยความรู้สึกผิด
“แต่มันก็ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดมา”
อนิรุทธ์พูดแล้วแนบจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก เด็กหนุ่มยิ้มบางและโอบกอดเขาไว้ รับรู้ซึ่งไออุ่นของความมีชีวิตซึ่งกันและกัน
“ขอบคุณนะฮะ...ที่ไม่คิดอยากให้ผมไปมีครอบครัวกับผู้หญิงอื่นอีก”
เด็กหนุ่มพูดเสียงอู้อี้กับไหล่กว้าง อนิรุทธ์หัวเราะเบาๆแล้วกอดร่างเล็กให้แน่นขึ้นอีก
ถึงแม้ดูว่าเรื่องจะจบแล้ว
แต่ทำไมใจของเขาถึงได้กลัว...
กลัวว่ามันจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นอีกครั้ง
-TBC-
อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วน้า เป็นกำลังใจให้น้องซันกับจารย์รุทด้วยนะคะ ^^
