เมียหลวง ตอนที่ 10https://www.youtube.com/v/d82wuJf34GYเพล้ง!“แก้วแตกเลย”
ผมนี้มันซุ่มซ่ามจริงๆเลย อยู่ดีๆปัดมือไปโดนแก้วน้ำที่ตั่งไว้เฉยเลย ดีนะที่อยู่ในห้องครัวเก็บกวาดง่ายหน่อย ผมก้มลงจัดการกับเศษแก้วที่ตกบนพื้น
“อ่ะ!”
ผมได้แต่อุทานออกมาเบาๆเพราะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาและมีอาการหน้ามืดเลยต้องนั่งลงข้างกองเศษแก้วที่แตกอยู่ ผมคิดว่าเลือดอาจไปเลี้ยงสมองไม่พอ หรือไม่เมื่อคืนผมคงนอนดึก แต่ผมไม่ชอบอาการแบบนี้เลย มันทำให้ผมรู้สึกตัวเองอ่อนแอ
พอรู้สึกดีขึ้นผมก็จัดการกับเศษแก้วจนเสร็จเลยไปนั่งพักผ่อนให้ห้องรับแขกพรางมองนาฬิกาบนฝาผนังไปด้วย สมาทด์นอนหลับไปเกือบ 5 ชั่วโมงแล้ว ผมจัดการซักเสื้อผ้าและทำกับข้าวจนเสร็จและรอเขาตื่นแต่เขาก็ยังนอนเหมือนตายอยู่บนห้อง แต่ก็ดีผมจะได้พักอีกสักหน่อย
ตอนนี้ผมคงไม่มีแรงไปสู้รบปรบมือกับเขาหรอกครับ แค่จนเดินให้มั่นคงยังยาก ผมได้แต่นั่งหลับตาและปล่อยให้ความคิดของตัวล่องลอยออกไป
มันมาถึงเร็วเกินไป ผมคิดว่าอีกสักเดือน หรือสองเดือน แต่มันไม่ใช่ หลายครั้งที่ผมพยายามจะลืมสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ แต่ต่อให้พยายามลืมแค่ไหน แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับว่าผมไม่สามารถหนีมันได้เลย
ผมไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ได้อย่างไง ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากอะไรและมันเกิดขึ้นได้ไง มารู้ตัวอีกทีผมก็มีมันอยู่ในหัวแล้ว ตอนนั้นผมพยายามจบชีวิตตัวเองอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั่งมันมักจะมีรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจเสมอ สุดท้ายผมก็เริ่มที่จะพยายามไขว้คว้าให้ได้รอยยิ้มนั้นมาครอบครอง แม้มันจะผิดบาปขนาดไหน จะต้องทำร้ายใครอีกสักกี่คน ผมก็ไม่แคร์
แต่ดูตอนนี้สิ ผมทั้งอ่อนแอแถมยังไร้ค่ายิ่งกว่าเศษฝุ่นเสียอีก ขนาดหมายังไม่แล แต่ก็เอาเถอะ ต่อให้ต้องร้องไห้จนหมดน้ำตาหรือต้องเจ็บกว่านี้อีกสักกี่เท่า ผมก็จะดูแลผู้ชายคนนี้ให้ดีที่สุด
ติ้ด! ติ้ด!
เสียงข้อความทำให้ผมหลุดจากภวังค์ และหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่แสนจะน่ารำคาญนั้นขึ้นมาดู ข้อความสั้นๆนั้นทำให้ผมถึงพูดไม่ออก เขาจะส่งข้อความมาทำไม ผมไม่เคยต้องการความหวังดีของเขา
-นุ-
ผ่าตัดเถอะ เพื่อตัวนายเอง
ผมกดลบข้อความทิ้งก่อนที่จะปิดเครื่องแล้วโยนไว้ข้างๆตัว จะตามมาหลอกหลอนอะไรตอนนี้นะ ผมยังเหลืออะไรให้ทำอีกเยอะ ถ้าผมยังไม่เห็นสมาทด์มีความสุขจริงๆสักที ผมก็ยังคงไม่หมดห่วงหรอก
ต่อให้ต้องฝืนร่างกายที่ค่อยๆอ่อนแอลงไปขนาดไหน ผมก็จะอยู่ดูแลเขาไปเรื่อยๆให้เขามีความสุขจริงๆสักที ผมเฝ้ารอวันที่สมาทด์จะยืนได้เอง ไม่ต้องใช่ผู้หญิงสารเลวแบบนั้นมาเป็นที่พึ่งทางใจ ผมเฝ้ารอมาตลอด แต่ผมกับรู้สึกว่ามันจะไม่มีวันมาถึง เพราะสมาทด์ยังคงหลับหูหลับตาเชื่อเพื่อที่เขาจะมีที่พึ่งทางใจ ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไม เพราะอะไร สมาทด์ถึงยังได้ยังฝั่งหัวเชื่อทุกคำพูดของผู้หญิงคนนั้น ทั่งที่ทุกคนก็ต่างพยายามทำให้เขาตาสว่าง
โครม!เพล้ง!เสียงโครมครามที่ดังมาจากชั้นบนทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะวิ่งอย่างเร่งรีบพาตัวเองขึ้นยังที่เกิดเหตุ ผมค่อยๆเปิดประตูเข้าไปอย่างเกรงๆ สภาพห้องที่หมดเพิ่งจัดใหม่ดูไม่จืด โคมไฟที่มันควรจะตั่งอยู่หัวเตียงกับมานอนกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นข้างเตียงอย่างหมดสภาพ นาฬิกาปลุกกับแจกันก็สภาพไม่ต่างกับโคมไฟเมื่อครูสักเท่าไหร่ ผมละสายตาจากพวกมันแล้วปรับโฟกัสไปยังเจ้าของห้องที่นั่งกดโทรศัพท์เหมือนพยายามจะติดต่อใครสักคนอยู่อย่างหัวเสีย
“สมายด์รับโทรศัพท์พี่หน่อย”เขาพึมพำออกมาเป็นชื่อของสมายด์
“ทำอะไรน่ะสมาทด์”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว
ร่างสูงที่กำลังนั่งโทรศัพท์อยู่บนเตียงถึงกับหันมามองผมที่ยืนอยู่หน้าประตู พอสายตาเขาสบเข้ากับผมแววตาของเขาก็ก้าวขึ้นแล้วร่างกายสูงใหญ่ก็ลุงขึ้นจากเตียงเดินมากระชากตัวผมแล้วผลักผมลงไปนอนกองกับเศษซากที่เขาทำลายมันลงไปกับมือ
“มึงใช่ไหมที่ทำให้สมายด์ไม่รับโทรศัพท์กู มึงใช่ไหม!”ดวงตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าที่บึ่งตึงที่เหมือนกับปีสาจที่ค่อยจะขย้ำเหยื่อมันทำให้ผมกลัวจนไม่กล้าขยับตัวหนี
“สมาทด์พูดอะไรน่ะพี่ไม่เห็นเข้าใจ”ผมปฏิเสธเขาเสียงสั่น
“โกหก คนอย่างมึงเนี้ยนะไม่รู้”สมาทด์ตะคอกและกระชากคอเสื้อผม
“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะสมาทด์ พี่บอกให้ปล่อย”ผมไม่ตอบคำถามเขาแต่เลือกจะให้เขาปล่อยผมแทน
“กลัวเหรอ มึงกลัวเป็นด้วยเหรอ ห๊ะ! กูถามอะไรมึงก็ตอบมาสิว่ะ!”
เขาไม่ลดน้ำเสียงที่ดุดันลงเลย มือของเขาตะปรบเข้ามาที่คางของผมแล้วบีบอย่างแรง ตาของเขาแดงก่ำทำให้ผมกลัวไปหมดจนลนลานมือไม้สั่น เขายิ่งเห็นผมกลัวก็บีบคางผมแรงขึ้น
“มึงแบบนี้ทำไมมึงสะใจมากใช่ไหม ที่ทำให้กูเจ็บได้ขนาดนี้”
“พี่ไม่เคยทำร้ายสมาทด์ พี่หวังดีกับเราเสมอ สมาทด์กำลังเข้าใจพี่ผิด”ผมใช้มือทั้งสองข้างกุมมือของเขาที่บีบคางผมไว้แล้วค่อยๆลูบให้เขาใจเย็นลงและพูดกับเขาอย่างนุ่นนวล
“หวังดีเหรอ เหอะ!เก็บความหวังดีของมึงไว้เถอะ กูไม่เคยต้องการ”
“มึงเข้าใจไหม ว่า กู ไม่เคย ต้อง การ”
ร่างกายของผมชาและมึนงงกับสิ่งที่ได้รับ ไม่รับรู้สึงแรงกระแทกที่ผมได้รับจากการผลักของเขา ผมมองเขาที่เดินหันหลังแล้วเข้าห้องน้ำไป
ผมได้แค่นอนนิ่งมองเพดานสีขาวที่มีเพียงความว่างเปล่าเหมือนจิตใจของผมตอนนี้ ผมปวดไปหมดทั่งใจมันเจ็บปวดเหมือนเลือดกำลังไหลออกมาเรื่อยๆจากรอยกรีดของมีดที่แหลมคม
ผมค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นและพาร่างกายที่บอบช้ำออกจากห้องอย่างล่องลอย พอผมเริ่มมีแรงเขาก็กลับมาทำร้ายและทำลายมันลงไปทุกครั้ง
“ละ เลือด”ผมพึมพำออกมาเสียงสั่นๆใช่มือที่เรื่องอีกข้างแตะที่จมูกดู ไม่นะ ผมยังไม่พร้อม ขอเวลาอีกนิดเดียว ได้โปรดเถอะ ผมยังอยากกอดเขา อยากบอกรักเขา อยากเห็นหน้าเขา
ผมทรุดตัวลงกับบันไดและซุกหน้าลงกับฝามือ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาและเอาแต่ตั่งคำถามกับตัวเอง ถ้าวันหนึ่งเขาไม่มีผมคอยดูแล เขาจะอยู่ได้ไหม ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไง เขาจะเสียใจไหม
เสียใจก็ต้องหาย บ้างครั่งก็ยอมทำอะไรโง่ๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองเพื่อที่จะได้ยืนอยู่ข้างๆคนที่เรารัก ขอบคุณที่ยังอ่านและติดตามอยู่ ขอโทษนะฮ่ะที่มาต่อที่ละเล็กละน้อย
เพราะความไม่มีวินัยของคนเขียนเอง ทำให้ไม่มีเวลาเลย
รักคนอ่านทุกคนนะฮ่ะ ขอบคุณฮ่ะ