เมียหลวง ตอนที่ 11
“เลิกส่งข้อความมาเถอะนุ”
(.......)
“ถือว่าเราขอ.....ไม่ใช่นะ”
(.......)
“มันไม่ใช่เรื่องของนุเลยนะ ถ้าเราพร้อมเมื่อไหร่เราจะไปเอง”
(.......)
“อย่าพูดเหมือนกับว่านุไม่เคยทำร้ายเรา พอเถอะหยุดหาอ้างมาทำให้ตัวเองดูดีได้ไหม”
(........)
“หยุดพูดว่ารักเราเถอะ คนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอก”
(.........)
“ขอบคุณที่เป็นห่วงเรา แต่เราไม่เคยขอให้ใครมาเห็นใจเรา”
(........)
“แค่นี้นะ....เราไม่สะดวกคุย"
ติ้ด!
ผมจบบทสนทนากับอดีตคนเคยรักอย่าไร้เยื่อใย บางครั่งเขาทำให้ผมอยากจะอาเจียนกับคำพูดที่สวยหรูงดงามกับคำว่ารักที่ลวงโลกของเขา แต่ก็นะผมน่ะตาสว่างมานานแล้ว และตอนนี้คนที่ผมรักก็ไม่ใช่เขาแล้ว
เรื่องของผมกับเขาจบไปนานแล้ว นานพอที่จะลืมไปแล้วว่าช่วงเวลาครั่งนั้นเป็นอย่าไร ถ้าไม่ใช่เพราะตัวของนุที่ทรยศความเชื่อใจทั่งหมดของผม ทุกวันนี้คงดีกว่านี้แน่ แต่ก็นะคนเราเปลี่ยนสันดานที่เป็นอยู่ไม่ได้หรอก ผมเข้าใจ
จะเรียกว่าผมเป็นคนมีกรรมก็ได้นะ ความรักของผมแต่ละครั่งมักไม่เคยสวยงาม นุ สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับผม ผมกับเขาความสัมพันธ์ของเราจะเรียกว่าความรักก็คงยังไม่ใช่ มันคงเป็นความผูกพันที่เกินขอบเขตมากกว่า ผมกับเขาเราไม่เคยคบกันจริงๆจังๆ
ผมจะไปรื้อฟื้นทำไม ในเมื่อเรื่องมันจบไปแล้ว ใช่ ช่วงเวลาดีสำหรับผมกับเขามันจบไปนานแล้ว ตอนนี้ก็เราก็แค่คนแปลกหน้าของกันและกัน
วันวาเลนไทน์ปีนี้ ผมคงต้องปล่อยให้ผ่านเลยไปเหมือนที่แล้วๆมา เทศกาลแห่งความรักเหรอ ผมไม่คู่ควรกับมันหรอก จะให้ผมไปแอบเซอร์ไพรส์ สมาร์ทนะเหรอ สั่งให้ผมไปหาหมอยังง่ายกว่า ผมไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวของผม ผมรักเขานะแต่จะให้ไปทำอะไรที่ผมยังไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมายังไง ผมว่าผมไม่ทำดีกว่า
อารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขาทำให้ผมขยาด พักหลังๆ ผมจะให้ต้าเพื่อนเขาคอยดูแลตอนที่เขาไปเรียน อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนดีๆอย่างต้าและคนอื่นๆ ถ้าผมจากไปก็คงหมดห่วงได้บ้าง
สมาร์ทเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยพูด และค่อนข้างจะเก็บตัวมากกว่าแต่ก่อน แต่มันก็ดีอย่าง ที่เขาไม่ตะคอกและทำอะไรรุนแรงกับผม แต่ผมไม่ชอบเลย เขาเหมือนร่างกายที่ไร้วิญญาณ ไร้จิตใจ
ผมคงทำได้แค่มอง ถึงแม้ว่าผมอยากจะเป็นคนที่คอยอยู่ข้างกายเขามาแค่ไปไหนวันที่เขาเจ็บปวด และเสียใจ แต่คนอย่างผมก็คงทำได้แค่นี้ ได้แค่มองอย่างเป็นห่วง
ผมสับสนกับความคิดของตัวเอง เพราะบางครั้งผมก็อยากให้เขาจดจำผมตลอดไป แต่บางครั้งผมก็อยากให้เขาลืมคนอย่างผมไปซะ ผมไม่อยากให้เขามีความทรงจำที่เลวร้าย อย่างน้อยความทรงจำที่เขามีกับคนรักอย่างสมายด์ก็ยังดีกว่าความทรงจำสีเทาๆอย่างผม
อาการของผมเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมปวดหัวไปหมด อย่างกับหัวจะระเบิด ผมอาจไม่ตายหรอกถ้าผ่าตัด แต่ผมจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมต่างหาก นี้ล่ะสิ่งที่ผมกลัวที่สุด ผมไม่อยากเป็นภาระของใคร ผมไม่ต้องการทำให้ใครต้องลำบาก ดูแลผม แค่ทุกวันนี้ผมก็ทำให้เขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว
ผมมองผนังห้องรับแขกสีเทาหม่นด้วยสายตาที่เจ็บปวด ผมพยายามจนถึงที่สุดแล้ว และตอนนี้ร่างกายของผมก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว มันอ่อนล้าและอ่อนแรงจนแทบจะยืนตัวขาตัวเองไม่ไหวแล้ว ร่างกายเน่าๆของผมมันคงจะหมดสภาพแล้วละ
“กลับมาแล้วครับ”
เสียงของเขาทำให้หมดหลุดจากภวังค์ดึงตัวเองจากอารมณ์เศร้าหมอง ตีสีหน้ายิ้มแย้มตอนรับเขาอย่างที่ปกติเคยทำ ปกปิดเรื่องที่แย่ๆไว้ข้างหลังอย่างมิดชิด
“ดีครับพี่เกมส์”
“เป็นไงบ้าง เรียนหนักไหมวันนี้”
“หนักดิ่พี่ แต่ไอ้สมาร์ทน่ะขนาดขาดบ่อยมันยังเรียนรู้เรื่องเลยพี่ ผมละเกลียดมันจริงๆ”น้องต้าพูดพลางผลักอกสมาร์ทอย่างรังเกียจ
“ก็มึงมันโง่นิไอ้ต้า”สมาร์ทพูดพลางโยนกระเป๋าเป้ใส่ต้า
“ทานอะไรกันมาหรือยัง”
ผมถามทั้งสอนคนแล้วลุกจากโซฟา พาตัวเองเดินไปคว้ากระเป๋าของสมาร์ทที่ตกตรงพื้นมาปัดๆแล้ววางมันไว้บนโซฟา
“ยังเลย”
สมาร์ทตอบเรียบๆและเดินไปเข้าไปในครัวเหมือนจะหาของกิน ผมเลยเดินตามเข้าไปเพื่อจะทำอาหารให้เขาทาน
“สมาร์ทจะอยากทานอะไรเดี๋ยวพี่ทำให้”
ผมถามเขาที่เปิดตูเย็นค้างไว้แล้วก้มลงไปค้นหาอะไรสักอย่าง
“ไม่ต้องเดี๋ยวทำเอง”
“งั้นพี่ช่วยเราเอาไหม”
“กินข้าวยัง”
ผมงงกับคำตอบที่กลายเป็นคำถาม อย่างไม่ทันตั่งตัว
“เอ่อ..ยังเลยพี่ไม่ค่อยหิวนะ พี่ว่าจะขึ้นไปนอนแล้วล่ะ” ผมตอบเขาเลียงๆเพราะช่วงนี้ผมไม่ค่อยอยากอาหาร ทานเข้าไปแล้วมักจะอาเจียน อาการของผมหนักจริงๆ ผมภาวนาอย่าให้เขาสังเกตเห็นมัน
“เรียกไอ้ต้าให้ที แล้วอย่าแอบขึ้นไปนอนล่ะ รอกินข้าวพร้อมกูก่อน”
สมาร์ทสั่งผมพลางค้นของในตู้เย็นต่อไปอย่างขมัคเขม้น
ผมมองเขาด้วยความแปลกใจละคนสงสัยแต่ก็ไม่พูดออกไป เลือกที่จะเดิมไปตามน้องต้าและนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพักผ่อน สมาร์ทแปลกไป หลังจากเรื่องของสมายด์ที่จบลงไปแบบเงียบกริบ จนตัวผมเองยังสับสนว่าสมายด์เคยมีตัวตนอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า เพราะสมาร์ดและคนอื่นๆที่รู้จักไม่เคยมีใครพูดถึงสมายด์เลย ผมเลือกที่จะไม่ถามและเลือกจะไม่สังเกตความเปลี่ยนไปนี้ เพราะผมกลัวเหลือเกินว่ามันจะกลายเป็นแค่ความฝันลมๆแล้งๆของผม
แค่ผมหลับตาและลืมขึ้นมามันอาจจะจางหายไป
ผมกลัวเหลือเกิน
ได้โปรดเถอะให้ผมได้อยู่กับเขาอีกนิด จะแลกด้วยอะไรคนไร้ค่าไร้ราคาอย่างผมก็ยอม ขอแค่ต่อเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดของผมให้ยาวนานอีกสักหน่อย
อาจดูงี่เง่าและไร้สาระสิ้นดีสำหรับการกระทำหลายๆอย่างของคนโง่งมอย่างผม ที่ทำอะไรมามากมายให้กับคนที่ไม่เคยเห็นค่ากับการกระทำของผมเลย
ผมเลิกที่จะตัดพ้อต่อว่าชะตากรรมที่แสนขื่นขมของตัวเอง เดินมาขนาดนี้แล้ว จะเจ็บปวดอีกสักหน่อยคงไม่เท่าไหร่ ไหนๆหัวใจเน่าๆของผมก็แหลกเละไปนานแล้ว จะมาคร่ำครวญเพื่ออะไร
นาฬิกายังคงเดินต่อไป ช่วงเวลาต่างๆล่วงผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป ลมหายใจก็คงจะไม่ต่างกัน เมื่อคาดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปมันก็หวนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างร้ายแรงจนเจ็บปวด ยิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องผิดหวังและเจ็บปวดมากเท่านั้น แต่มนุษย์อย่างเราๆถึงจะรู้ถึงกฎข้อนี้ แต่ก็ยังดิ้นรนที่จะต่อต้านและฝืนกฎเกณของธรรมชาติ ขัดขืนต่อโชคชะตา แม้รู้ว่าไม่มีทางที่จะชนะแต่ก็ขอแค่ได้พยายามบ้างก็ยังดี
เนื้องอกไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับผมแต่มันอาจน่ากลัวสำหรับคนอื่นๆ ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ ผมไม่ใช่คนแข็งแรงแถมเกิดมาก็ค่อนข้างจะสุขภาพไม่ดี ป่วยบ่อยๆจนบ้างครั้งต้องหยุดเรียนติดต่อกันหลายวัน เรื่องพวกนี้มันเรื่องปกติของผม ผมยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนเด็กผมเคยป่วยหนักต้องหยุดเรียนเป็นเดือนๆ หมอก็ได้แต่บอกให้คนครอบครัวทำใจ เพราะผมคงจะอยู่ไม่ได้นาน ผมมีโรคแทรกซ้อนตลอด ผมไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ สถานที่ผมเข้าออกเหมือนบ้านหลังที่สองก็คือโรงพยาบาล ผมใช่ชีวิตเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่บ้านกับโรงพยาบาล มันไม่ได้แย่ ผมมีเพื่อนเป็นหนังสือ มีคนรู้จักเป็นคุณพยาบาลหลายคนที่ผลัดเปลี่ยนมาดูแลผม
ผมไม่เคยหายขาดจากอาการป่วยที่เป็นอยู่ แต่ผมก็ออกปากบอกกับครอบครัวให้เลิกและหยุดพยายามจะรักษาชีวิตของผมได้แล้ว ผมอยากใช่ชีวิตในแบบของผม ผมรู้ว่าพ่อกับแม่และคนอื่นๆรักผมมาก แต่สักวันผมก็ต้องจากไป ผมแค่อยากไปโรงเรียนอยากมีเพื่อน อย่างน้อยก็ให้ได้คุ้มค่ากับชีวิตที่เกิดมาพร้อมความบกพร่องของร่างกายอย่างผม ทุกคนในครอบครัวต่างยอมรับในเหตุผลของผม ดูเหมือนพวกเขาทำใจได้ ผมได้เข้าเรียนในโรงเรียน ผมเคยคิดว่ามันคงพอแล้วสำหรับชีวิตของผม แต่พอได้รู้จักคนคนหนึ่งความคิดของผมก็เปลี่ยนไป
ผมอาจเหมือนคนบ้าที่พร้ำเพ้อ พูดวนเวียนไปมาจนน่าปวดหัว ผมแค่อยากบอกว่า ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันเสมอ มันอยู่ที่ว่าจะทำใจยอมรับได้มาน้อยแค่ไหน
ผมทำใจยอมรับเรื่องนั่นมานานแล้วล่ะ การตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย ผมก็แค่หายไปจากชีวิตของเขา มันอาจเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำสำหรับเขา สำหรับการผ่าตัดมันอาจหายขาดร้อยเปอร์เซ็นถ้าเนื้องอกยังไม่โตมากนัก ผมก็หวังว่ามันคงจะเป็นตามนั้น ผลตรวจของผมล่าสุดก็ตอนต้นปีที่แล้ว ขนาดมันเท่าเมล็ดถั่วเขียว แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องภาวนาขออย่างให้มีอาจก็แทรกซ้อนเหมือนที่ผ่านมา ไม่งั้นผลที่ออกมาคงเลวร้ายสุดๆ
อยากอยู่กับเขาให้นานกว่านี้
อยากจะบอกความรู้สึกทั้งหมดที่มี
อยากจะเป็นคนที่คอยกอดปลอบเขาเวลาที่ทุกข์ใจ
ขอแค่นี้มันคงไม่มากเกินไปใช่ไหม ? อย่าโกรธเขาเลยยยยยยย เขายอมรับผิดทุกอย่างงงง 555
อ่านคอมเม้นแล้วเอาหัวโขกโต๊ะแรงๆ 3ที
ขอบคุณนะฮ่ะที่ยังอ่านอยู่ และติดตามอยู่