(ต่อ)
ผมนั่งเงียบมาตลอดทางกว่าจะหาแท็กซี่ได้จากสีลมจนถึงบ้านเสียเวลานานมากครับ แต่จะให้พี่ธันเอาออดี้ไปน่าจะเสียเวลาหาที่จอดกับฝ่าดงแป้งตามถนนไปมากกว่าเราถึงใช้บริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งถ้าย้อนเวลากลับไปใหม่ เมื่อเห็นผมในสภาพนี้พี่ธันอาจยอมขับออดี้ไปเสียเวลามากกว่า
หนาวโคตรผมนั่งตัวสั่นเบียดกระจก พี่ธันบอกให้แท็กซี่ลดแอร์แล้วลดแอร์อีกจนพี่คนขับแทบจะเปิดกระจกแทนแล้วผมก็ยังหนาว อาจเป็นเพราะเสื้อมันบางเกินไปจนเหมือนนั่งแก้ผ้าอยู่รอมร่อ กว่าจะมาถึงบ้านพัก ผมก็ปากสั่นมือเขียวเหมือนคนใกล้ตายเต็มแก่
“ไปอาบน้ำอาบท่า”
พี่ธันสั่งเสียงเรียบ ผมเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ของผู้ชายมีอายุกับหมาทั้งห้าไปโดยไม่ปริปากเถียง เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างจากุซซี่ของเจ้าบ้านแล้วนอนแช่ให้ตัวอุ่นสักพักค่อยอาบน้ำสระผม เดินออกมาอีกครั้งก็เห็นเสื้อบอลของพี่ธันกับกางเกงขาสั้นของตัวเองวางอยู่แล้ว พี่ธันไปอาบน้ำอีกห้อง เป็นอ่างจากุซซี่เหมือนกันแต่เอาไว้อาบน้ำหมาโดยเฉพาะ ที่รู้เพราะพอผมอาบน้ำเสร็จอีกฝ่ายก็นั่งเป่าผมรออยู่ตั้งแต่แรก
“พี่ธันเช็ดผมให้หน่อย”
ผมสวมเสื้อกับกางเกงเรียบร้อยครับก่อนไปอ้อน พี่ธันสบตาผมในกระจกแล้วขยับตูดที่นั่งครองเก้าอี้หน้าตู้กระจกคนเดียวให้พอมีที่บ้าง ผมเดินไปนั่งตรงหน้า เหมือนนั่งตักอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ แผ่นหลังชิดแผ่นอก พี่ธันเช็ดผมให้ไม่ถนัดหรอกถ้าผมไม่เตี้ยเสียขนาดนี้ พอผมหมาด ๆ อีกฝ่ายก็สามารถเอาคางมาเกยที่หัวผมได้สบาย ๆ
“โดนทำอะไรบ้าง”
“อะไร.. ไม่นี่ครับ”
“อย่าโกหก”
ผมหลบสายตา บอกก็ตายไม่บอกก็ตาย เลยตัดสินใจไม่ถูกว่าควรบอกไหม ที่จริงเรื่องแบบนี้มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เราไม่ควรเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว สงกรานต์กับการลวนลามเนี่ย พบได้ทั้งในหญิงและชายไม่เลือกเพศทั้งนั้น
“ก็ กอด หอมแก้ม ลูบตัวแล้วก็...”
“จับไข่?”
สัสครับ พี่ธันเองก็โดนเหมือนกันแน่ ๆ ถึงได้ตอบได้เต็มปากเต็มคำแบบนั้น ไม่สิ ไอ้พี่ธันนี่แหละน่าจะเป็นตัวไปจับของคนอื่นเขาด้วยซ้ำ
“ปอก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นสูง ทำไมไม่ระวังตัว แล้วพี่บอกอะไรไปทำไมไม่ทำตาม เสื้อตัวนั้นทิ้งไปได้เลยนะ อย่าให้เห็นว่าใส่อีก”
สลดสิครับ จะเถียงอะไรได้ พี่ธันจ้องผมในกระจก สักพักก็โอบเอวผมไว้หลวม ๆ “ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้าเลย หลอกไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้ตีหน้าเศร้าสักหน่อย ผมขอโทษ”
“อุตส่าห์ถนอมแทบแย่ คิดแล้วแม่งหงุดหงิดว่ะ เสือกไปโดนคนอื่นจับคนอื่นล้วง”
ท่าทางจะหัวเสียจริง แต่ยังไม่ถึงกับโกรธเกรี้ยวอย่างที่กลัว ส่วนหนึ่งอาจเพราะผมชิงอ้อนก่อน อย่าบอกให้ใครรู้เลยนะครับว่าผมกลัวพี่ธันโกรธขนาดนี้
“แล้วพี่มี่เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่รู้ พอแยกออกมาได้ก็ด่ามันไปเหมือนกัน แต่งตัวล่อตะเข้”
“ก็ได้ตะเข้ที่ตั้งใจจะล่อไปช่วยไว้จนหลงกับผมนี่ครับ”
“อะไร ไม่ได้จะทิ้งสักหน่อย ก็หันมาคว้ามือไปด้วยกันแล้ว”
“มือใครก็ไม่รู้ จูงผิดคนยังมีหน้ามาแก้ตัวอีก”
“สรุปนี่ใครต้องด่าใครวะ เดี๋ยวจะโดน”
พี่ธันแกล้งกดคางลงบนหัวผมแรงก่อนผละออก ผมสะบัดตัวหนีส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “โดนอะไร อย่าดีแต่ปากได้ปะครับ”
เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงเลยครับที่ผมพูดไปแบบนั้น ตาของพี่ธันก็วาวโรจน์ ผมเด้งตัวออกจากตักมันเกือบไม่ทัน ที่จริงก็ไม่ทันหรอก ถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน
“พูดอะไรน่ะ”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ผมเหนื่อยแล้ว ขอนอนนะ”
ผมทำท่าโยเยนิดหน่อยพี่ธันก็ปล่อยมือ พุ่งหลาวลงบนเตียงได้ก็เผลอหลับแทบจะในนาทีถัดมา เหนื่อยจริง ๆ ครับ เล่นน้ำถนนสีลมไม่กี่ชั่วโมงเนี่ย ผมได้ยินเสียงเปิดแอร์ สักพักพี่ธันก็ถอนหายใจก่อนล้มตัวลงนอนข้าง ๆ
อากาศแม่งยังไม่เลิกหนาวอีกเรอะ?
ผมขดตัวเข้าหากันกอดผ้าห่มไว้แน่น ไม่น่าเป็นฤดูร้อนได้ ถ้าบอกว่าผมตื่นมาในนิวยอร์กตอนหิมะกำลังโปรยปรายก็คงเชื่อ ติดก็แต่ตอนลืมตาขึ้นมาดันเห็นรอตไวเลอร์ตัวใหญ่นอนกระแซะอยู่เลยรู้ทันทีว่าตัวเองไม่ได้บินไปอยู่ที่ไหน นอนสูดดมขนหมาเข้าปอดอยู่ข้างบ้านตัวเองนี่แหละเป็นนานสองนาน
“พี่ธัน...เอาหมาไปนอนข้างนอก”
เสียงผมแห้ง กว่าจะเปล่งแต่ละประโยคได้ก็แสบคอสุด ๆ เสียงเซรามิคกระทบกันก่อนพี่ธันจะเรียกหมาออกไปข้างนอกแล้วปิดประตูห้องนอน วันนี้พูดง่ายแฮะ
“ตื่นมากินข้าวก่อนปอ จะได้กินยา”
“ยังไม่หิวเลย”
“ทำข้าวต้มปลาให้ ลุกเร็ว อย่าให้ดุ”
ผมปรือตาขึ้นเปิด พี่ธันถือถ้วยเซรามิคสีขาวไว้ในมือยืนถอดเสื้ออยู่ หนาวขนาดนี้ทำไมไม่หาอะไรมาใส่วะครับ “ไม่หนาวเหรอ”
“ไม่ ไม่ได้ป่วยเหมือนเรานี่ ลุกเลย จะกินเองหรือจะให้ป้อน”
ผมหยัดตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดทั้งร่าง สงสัยจะป่วยอย่างที่เจ้าของบ้านบอกจริง ๆ
“ป้อนหน่อยสิครับ”
นี่ถือเป็นสิทธิพิเศษของคนป่วย ผมชอบอ้อนพี่ธันตอนป่วย เหมือนกับตัวเองได้กลับไปเป็นเด็กเล็ก ๆ อีกครั้งที่อีกฝ่ายจะตามอกตามใจ พี่ธันยิ้ม เขาไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้วไม่ว่าผมจะขออะไร ผมเองก็เหมือนกัน แม้ว่าปกติจะกินน้อยขนาดไหน แต่ถ้าเป็นฝีมือพี่ธันล่ะก็ซัดเกลี้ยงตลอด พี่ธันทำกับข้าวอร่อย ชอบทำแต่ของที่ถูกใจผมด้วย ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายเป่าแล้วป้อนยิ่งเจริญอาหาร มีเลอะปากบ้างพี่ธันก็จะเอาทิชชู่มาเช็ดให้ดูแลเทคแคร์ดีสุด ๆ ทำท่าเหมือนคนป่วยใกล้ตายใช่ไหมครับ ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่ไข้หวัดเพราะเล่นสงกรานต์ธรรมดา ๆ
ไข้สำออย อินทรีชอบบอกผมอย่างนี้ เขาเคยมาเยี่ยมผมตอนมัธยมที่ป่วยจนไม่ได้ไปเรียนหนึ่งครั้ง พอมาเห็นพี่ธันป้อนข้าวป้อนน้ำให้ก็ยิ้มหยัน เพราะทันทีที่พี่ชายข้างบ้านกลับไปผมก็ลุกขึ้นมาตีดอทกับมันได้สบาย ๆ จากนั้นถ้าผมป่วยมันก็ไม่เคยมาเยี่ยมผมอีก บอกว่ารอซองงานศพทีเดียววันที่พี่ธันจับได้ว่าผมแกล้งอ้อนเลยดีกว่า
“เช็ดตัวหน่อยไหม”
ผมพยักหน้า พี่ธันลุกจากเตียงเอาชามไปเก็บก่อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกะละมังน้ำอุ่น ผมแอบเอายาทิ้งเรียบร้อยแล้วพี่ธันจะได้คิดว่าผมกินยาจนหมดแล้วไม่ต้องมาบังคับกันให้เสียอารมณ์ บอกแล้วครับว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก นอนพักเต็มที่เดี๋ยวก็หายแล้ว
เสียงหยดน้ำไหลโครกจากผ้าลงกะละมังดังขึ้นก่อนแขนผมจะถูกดึงไปเช็ด สัมผัสอุ่นชื้นไล่มาเรื่อย ๆ ตามผิวกายที่ร้อนกว่า เสื้อของผมถูกถลกขึ้น พี่ธันค่อย ๆ เช็ดลงบนผิวอย่างเบามือ ผมหลับตาลงจนคล้ายจะดิ่งสู่นิทราไปแล้วแต่สัมผัสหยุ่นที่ตามมาบนหน้าท้องทำให้ผมตื่น
ริมฝีปาก???
พี่ธันไม่เพียงเช็ดตัวให้ผม แต่ไล่ริมฝีปากไปจูบตามผิวเนื้อทุกครั้งที่ผิวผ้าลากผ่าน หัวใจผมเต้นแรง แต่ไม่กล้าลืมตา ไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เช็ดตัวให้พี่ธันทำอย่างนี้หรือเปล่า เริ่มไม่แน่ใจว่าที่หลอกอ้อนแต่ละครั้งนี่ใครได้กำไรกันแน่
เขาจูบเบา ๆ จากสะดือไล่ขึ้นสูง สักพักสัมผัสหยุ่นชื้นของริมฝีปากก็แตะลงบนยอดอก ปลายลิ้นอุ่นแตะเกลี่ยเบา ๆ แต่กลับทำให้ผมรู้สึก ลมหายใจผมเริ่มขาดช่วง ผ้าที่เคยใช้ลากไล้ไปบนผิวเพื่อลดอุณหภูมิของร่างถูกทิ้งไว้แค่บนหน้าท้อง พี่ธันเลื่อนริมฝีปากขึ้นมาสูง ขบที่ไหปาร้า ไซซอกคอ หอมที่แก้มก่อนจบทุกอย่างที่ริมฝีปาก
พี่ธันจูบผมอีกแล้ว..เขาไม่ได้หยุดแค่จูบเบา ๆ แม้คิดว่าผมหลับ แต่กลับสอดนิ้วหัวแม่มือเข้ามาที่มุมปากเพื่อง้างมันออก ผมเริ่มร้องประท้วง ลักหลับกันแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน พยายามใช้ลิ้นดันออกไปแต่กลายเป็นจูบดีฟคิสทั้งจากปากและนิ้ว ผมยิ่งดัน ปลายนิ้วยิ่งสอดเข้าลึก สุดท้ายเลยดูดนิ้วเข้ามาด้วยพร้อม ๆ กับปลายลิ้นอีกฝ่ายที่ฉกเข้าโลมเลียภายในอุ้งปากอย่างช่ำชอง
“อื้อ....”“ไม่นอนต่อเหรอ”
พี่ธันถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ มือข้างที่ว่างเลื่อนไปจับเจ้าหนูของผมผ่านเนื้อผ้า เฮ้ยเดี๋ยว มันเกินไปแล้วนะครับ “พี่ธัน!”
“ครับ?”
ผมเม้มปากแน่น ทำมากกว่านี้โกรธจริง ๆ นะครับ ถึงจะเคยถูกพี่ธันจับแล้วแต่นั่นมันก็ตอนเด็ก ๆ อีกอย่าง อารมณ์ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้วด้วย พี่ธันไม่รอให้ผมตอบ เขายิ้มแล้วงับที่ปลายคางก่อนยืดตัวมาจูบ มือข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้หมอนดันท้ายทอยเพื่อบังคับจังหวะ ส่วนอีกข้างที่ว่างก็ลูบไล้วนไปมาบนผิวของผมอย่างเอาแต่ใจ
“อึ๊…”
ผมเผลอสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเลื้อยลงต่ำอีกแล้ว มิหนำซ้ำ รอบนี้แทรกตัวผ่านขอบยางยืดไม่ให้มีอะไรกั้นกลางอีกต่างหาก
“อย่าจับ!” คราวนี้ผมผวาร้องเต็มที่เลยครับ พี่ธันยิ้มกวนประสาท จากที่ลูบไล้ในทีแรกเปลี่ยนเป็นคว้าหมับเต็มไม้เต็มมือ ไอ้ผมยิ่งกึ่ม ๆ อยู่โดนมันทำแบบนี้ก็แพ้ราบคาบเลยสิ
“จับคืนสิ”
“ไม่!”
จะบ้าเหรอครับ ใครจะไปทำ ไอ้พี่ธันเลิกคิ้วขึ้น กระชับมือหนักกว่าเก่าจนร่างกายผมแข็งขืนขึ้นเต็มที่ ผมจิกมือกับเบาะเตียง เกร็งไปทั้งตัว ไม่มีแรงจะไปต้านทานอะไรทั้งนั้น พี่ธันสั่งให้ขยับขากางออก ให้ยกก้นเพื่อถอดกางเกงก็ดันทำตามแต่โดยดี เป็นลูกไก่ในกำมือไปแล้วทำไงได้ สุดท้ายก็ตะแคงซุกใบหน้าลงบนหมอนเมื่อพี่ธันใช้ปลายลิ้นเลียและขบที่ยอดอกของผมอีกรอบ
“อ๊ะ!...ซ.ซ...”
จากตอนแรกที่คิดว่าหนาวตอนนี้กลายเป็นร้อนไปทั้งร่าง หลังจากต่อต้านในทีแรกผมก็เริ่มขยับเข้าหาตามจังหวะการขยับมือของอีกฝ่าย พยายามกลั้นเสียงครางตัวเองเต็มกำลัง แต่มือที่ทั้งกำทั้งขยำบนอกบ้าง สะโพกบ้างก็ทำให้ลำบากเต็มทน
สะโพกเริ่มขยับไหวรุนแรงขึ้นตามแรงปรารถนา
“..พ...พี่ธันครับ ...พอก่อน...มันจะ..”
“จะปล่อยก็ปล่อยมาเลย...” พี่ธันกระซิบข้างหู “บอกแล้วไงว่าอยากเล่นน้ำ”
ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ผมจะด่าสักแปดตลบ แต่ตอนนี้ที่ผมทำได้ก็เพียงแค่ครางเสียงกระเส่า จิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนแทบจะหลุดออกมาคามือ พี่ธันเร่งมือและกำมันแน่นมากขึ้นจนได้ยินเสียงจังหวะการขยับ ท้ายที่สุดผมก็แพ้ราบคราบ หลับตาแน่นพอ ๆ กับที่เม้มปากกลั้นเสียงให้ดังแค่ในลำคอ ความปรารถนาพุ่งถึงขีดสุด โรยรินออกมาเป็นหยดน้ำสีขาวขุ่นเต็มมืออีกฝ่าย
“ข้นเชียว”
ไอ้ห่าพี่ธัน! ขออภัยในความไม่สุภาพครับแต่ผมโมโหจริง ๆ ถูกลักหลับแทนที่ตื่นมาแล้วอีกฝ่ายจะสำนึกผิดกลายเป็นทำต่อเสียอย่างนั้น ผมพยายามดันพี่ธันออก แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะขำ
“ขี้อาย.. ขี้อาย..”
“อายบ้าอะไรล่ะครับ พอเถอะ ผมจะนอนแล้ว”
ไม่อยากมองหน้าเลยไอ้บ้านี่ รังแกคนป่วยลงคอ ทีหลังไม่อ้อนมันแล้ว เสียเปรียบชะมัด
“เดี๋ยวสิ ตื่นมาฟังก่อนว่าทำไมถึงถูกลงโทษ”
“ลงโทษอะไรล่ะครับ พี่ธันหื่นเองอย่ามาหาข้ออ้างเลย”
เจ้าของบ้านหัวเราะ เอื้อมมือไปหยิบทิชชู่ที่หัวเตียงมาเช็ดคราบคาวที่ผมปลดปล่อยไว้
“..หนึ่งคือไม่ฟังคำสั่ง ใส่เสื้อบางไปเล่นน้ำ สองคือไว้ใจคนอื่นง่ายเกินไป สามคือป่วยแล้วยังนอนแช่น้ำในอ่างตั้งนาน สี่คือที่บอกว่าพี่ดีแต่ปาก ห้าคือยาเมื่อกี๊ พี่เห็นนะว่าเอาไปทิ้ง”
อ้อ เดี๋ยวนี้พัฒนาจากไม่โกรธมาเป็นลงโทษแบบนี้แล้วเหรอวะครับ โคตรเอาเปรียบเลยอะคนเรา “และหก เวลาพี่อยู่ใกล้เรา อยากทำแบบนี้ทุกที”
“ก็หื่นนั่นแหละ!” ผมพยายามตะโกนเสียงดังแต่เพราะไม่สบายเลยกลายเป็นลูกแมวขู่ฟ่อ พี่ธันยิ้มรับหน้าบาน ไม่ได้กระดากอายที่โดนด่าเลยแม้แต่น้อย
“เพราะงั้น ทีหลังพูดอะไรให้ฟังกันบ้าง ไม่งั้นจะโดนเยอะกว่านี้” ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พลิกตัวนอนตะแคงข้าง ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ทว่าพี่ธันกลับโน้มตัวลงมาจูบที่กกหู แล้วดึงผ้าขึ้นช่วยห่ม “ยกเว้นเสียแต่เราจะชอบให้ทำ”
ไอ้บ้าพี่ธันทำผมผมไข้ขึ้นอีกแล้ว...
มันร้อนหน้าไปหมดเลย!
เป็นนิยายที่หาสาระโคตรไม่ได้เลย
โนพล็อตสุด ๆ แถมยังห่างหายการเขียนฉากวาบหวิวมานาน ติชมกันได้นะคะ น้อมรับเสมอ สงกรานต์เราเคยไปสีลมครั้งนึงเลยเขามาเขียน (หนึ่งในสตรีผู้ที่ซึ่งอันรอคอยการลวนลามผู้ชายสุด ๆ) กลับมาเป็นอีสุกอีใสเลยค่ะ ไม่รู้ใครแม่งอำมหิตมาก ไม่หายโรคแล้วไปแพร่เชื้อ (ไปปีเดียวจากนั้นก็ออกต่างจังหวัดหมดเลย)
วันหยุดยาวนี้มาซะเยอะ นังปอมันก็ร้ายนะฮะ ไม่ใช่ย่อย ได้ทีออดอ้อนออเซาะพี่ธันเชียว! จะมาว่าพี่ธันหื่นคนเดียวได้ไง!!
สุดท้าย ใครไปเล่นน้ำระมัดระวังเรื่องการแต่งกายกับทรัพย์สินกันด้วยเน่อะ บ้านไหนเมืองไหนฝนตกก็เล่นน้ำฝนกันไปแทนแล้วกัน
ใครอยู่บ้านก็ขอให้มีความสุขกับการอ่านกันถ้วนหน้า
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่า
เจอกันใหม่วันแรงงาน 1 พ.ค.นะ