มาแว้วจร้า......................ขอโทดน๊า
เค้าติดสอบจร้า....

Older Brother .......05
(กูนัดให้แล้ว วันนี้บ่ายสองอย่าลืม แค่นี้แหละ) ไอ้แมนโทรมาคอนเฟิร์มนัดในวันนี้กับผม และวางสายไป
“.......................” ไม่รู้ทำไมพอเราไม่มีอะไรทำ ลีวายส์มันก็ชอบทำตาปริบๆใส่ผมอยู่เรื่อย พอผมจะเดินไปส่วนไหนของห้องที่พ้นสายตามัน ร่างเล็กก็จะเดินตามมาทันที
“นี่ มึงกลัวกูหายมากหรอ หื่ม” ผมถาม เอนตัวพิงกรอบประตูระเบียง
“ฮะ!!!” ร่างเล็กตอบเต็มปากเต็มคำ ทีแรกผมคิดว่ามันจะก้มหน้าเงียบซะอีก ผมเลยนั่งยองๆลงตรงหน้ามัน
“ฟังนะ.....กูบอกว่าจะเลี้ยงดู....เอ่อ ดูแลกูก็จะทำและกูจะไม่ผิดคำพูด แต่ถ้าอยู่กับกูก็ต้องอยู่จนกว่ากูจะอนุญาติให้ไป มึงไม่มีสิทธิไปจากกู เข้าใจมั้ย” ผมบอก จ้องหน้าร่างเล็กที่มองจ้องมาเช่นกัน
“ฮะ...ลีวายส์จะอยู่กับพี่ธาร จะอยู่ตลอดไปฮะ” ร่างเล็กพูดเสียงดังฟังชัด ก่อนจะเข้ามาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ “ลีวายส์สัญญา”
“หึ! จำใส่หัวไว้ก็แล้วกัน” ผมพูดจบ จูบปากมันเน้นๆ ทีนึ่งก่อนจะถอนริมฝีปากออก ร่างเล็กมองอย่างงงๆ หึ กูทำอะไรผิดอีกเนี่ย
วันนี้ผมกับลีวายส์ออกมาซื้อของเข้าครัว เหอะๆ ก็เมื่อวันก่อนผมคิดว่าจะออกมาซื้อพวกขนมอะไรไปเก็บไว้ติดห้องบ้าง แต่ก็ไม่ได้มา วันนี้ก่อนจะถึงเวลานัดของไอ้แมนผมเลยแวะซื้อก่อน
“ลีวายส์......ต้องกดเงินมั้ยฮะ” ร่างเล็กถาม มันนั่งอยู่ในรถเข็น ที่จริงตัวมันเกือบไม่จุแล้วแหละ แต่ผมไม่อยากให้เดินเกะกะเลยให้นั่งอยู่ในนั้น
“ไม่ต้องอวดรวย กูเลี้ยงมึงไหว” ผมบอกมองหาของใช้จำเป็นที่ใกล้จะหมดเพื่อจะได้ไม่ต้องออกมาซื้อหลายรอบ
“ลีวายส์เอาอันนี้กับอันนี้ได้มั้ยฮะ” ลีวายส์ เอื้อมมือไปหยิบเอาขนมสองถุงขึ้นมา
“ไม่ได้ เอาอันเดียวพอ ของไม่มีประโยชน์”
“แต่วันก่อนลีวายส์เห็นพี่ธารสูบบุหรี่ มันไม่มีประโยชน์” ลีวายส์ยืนกอดอกทำปากยื่นแบบงอนๆ
“เสือก! ไม่คือไม่ ถ้าไม่ฟังก็ไม่ต้องเอาทั้งสอง” เท่านั้นแหละรีบเก็บถุงนึ่งไว้ที่เดิมก่อนจะกอดอีกถุงไว้อย่างหวงๆ เฮ้ออออ
ผมเลือกซื้อทั้งของใช้ ขนมและนมต่างๆ ครบ ไปจ่ายตังและเดินออกจากช้อป เดินมาได้สักระยะเห็นร้านขายเสื้อผ้าเด็ก หันไปมองร่างเล็กข้างๆที่มือกำชายเสื้อผมไว้ หึ ถ้าเดินแบบนี้มันไม่ปล่อยเลยล่ะ กลัวกูทิ้ง
ผมเดินตรงไปยังร้านนั่น มองผ่านเข้าไปมีเสื้อเด็กแบรนด์ดังมากมาย ผมคิดว่าลีวายส์น่าจะซื้อไว้บ้างเพราะผมก็ไม่ได้สนใจจะดูมากนักว่ามันมีเสื้อผ้ามากี่ตัว หรือแบบไหนบ้าง
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ พาน้องมาซื้อเสื้อหรอคะ เชิญเลือกได้ตามสบายเลยค่ะ” พนักงานสาวสายยิ้มรับ แต่กูไม่ใช้พ่อมันครับ อยากบอกนะแต่ช่างเหอะ
“ไม่ใช่คุณพ่อฮะ เป็นพี่ชาย” ลีวายส์บอก ยิ้มหวานให้พนักงานสาว ยั่วสาวป่ะเนี่ย
“ค่ะ สาวน้อย” หึ ประโยคนั้นทำให้ร่างเล็กหุบยิ้มทันที มันหันมายุ้หน้าใส่ผมที่ยืนกลั้นหัวเราะนิดๆ
“ไม่ใช้ผู้หญิงหรอก ผู้ชายคับ” ผมบอก พนักงานหน้าเหวอ ปากค้าง ก่อนจะปรับสีหน้าเดินนำไปเลือกเสื้อผ้า
“ผมเลือกไม่ถูก ช่วยเลือกให้สองสามชุดนะครับ” ผมบอก เธอจึงจูงลีวายส์ไป ตอนแรกร่างเล็กไม่ยอมไปเพราะจากมุมที่ผมนั่งรอมันมองไม่เห็นผม ผมถึงเดินตามมันไปด้วย
“เอาสีไหนดีค่ะ สองแบบนี้มีสองสีค่ะมีสีฟ้ากับสีชมพู ส่วนอีกแบบมีสีน้ำตาลสีเดียวค่ะ” พนักงานหันมาถามผม
“ลีวายส์ชอบ สีนี้ เอาสีนี้ฮะ เอาสีนี้” ร่างเล็กชี้ไปยังเสื้อตัวสีชมพูซึ่งผมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
“เป็นตุ๊ดหรอไง เอาสีฟ้า!!!”
“ไม่เอา ลีวายส์ชอบสีชมพู”
“ไม่เอาสีนี้ เช็คบิลเลย” ผมบอกขัด ลีวายส์ก้มหน้า เงียบไปจนน่าใจหายกับท่าทางของมัน ผมมองดูร่างเล็กนิ่งๆ
“เออ.....สีชมพูแบบนี้เป็นของผู้ชายนะคะ ผู้ชายใส่ได้ หรือจะเอาเป็น สีชมพูแบบนึ่ง แล้วก็สีฟ้าแบบนึ่งดีมั้ยคะ” พนักงานพูดบอก ทำให้ลีวายส์ยอมเงยหน้าขึ้น ผมพยักหน้าให้และยืดบัตรเพื่อเช็คบิล
“เฮ้อออ มีลูกก็งี้ล่ะนะ คุณพ่อมือใหม่ คึคึ” ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาในห้องพักทำงานของผับ ไอ้กายก็ปากหมาใส่ทันที ผมโยนขนมไปให้มัน ที่ซื้อมาเผื่อเมื่อกี้
“หวัดดีฮะ พี่กายคนสวย” ลีวายส์ยกมือไหว้พร้อมกับคำทักทายที่ผมพึ่งสอนไปตอนลงจากรถเมื่อกี้ ผมรู้ว่าเดี๋ยวพอมาถึงไอ้กายมันจะปากหมาใส่ผมเลยเตรียมไว้และมันก็ทำได้ดี
“ไอ้อีธาร มึงสอนลีวายส์หรอ ไอ้เหี้ย”
“หึ ทำไมก็มึงสวยจริง ไม่เชื่อไปถามไอ้พี่หมอสิ” ผมพูดบอก มองมันอย่างล้อๆ ก็พี่หมอน่ะแกชอบผู้ชาย ผมเห็นสอยได้สอยเอา แล้วแบบไอ้กายนี้ผมว่าน่าจะโดน
“ไอ้หมอนั่น แหวะๆๆๆ หน้าก็งั้นๆ กูไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นหมอ แมร่ง” มันพูดออกมาเหมือนไม่สน แต่ท่าทางครุ่นคิดของมันบอกได้ว่าสนสุดๆ
“งั้นวันนี้มึงพาลีวายส์ไปทำแผลด้วย กูมีธุระ”
“ไม่/ไม่ฮะ” ไม่ใช่แค่เสียงของไอ้กายคนเดียวที่ตอบแต่เป็นร่างเล็กที่นั่งสนใจขนมกับเกมในโทรศัพท์ไอ้กายก็หันขวับมาตอบด้วย
“กูไปแป๊บเดียว เดี๋ยวกูจะกลับมารับ” ลีวายส์หน้างอใส่ แต่ไอ้กายมันทำหน้าอย่างไม่เข้าใจ “กูมีธุระสำคัญ พูดให้รู้ฟัง กูไม่ทิ้งมึงหรอก”
“จริงๆนะฮะ....สัญญา” ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมรู้ทันทีว่าควรทำยังไงให้มันเชื่อฟัง
“จุ๊บ! สัญญา” ผมจูบหน้าผากมันเบา ร่างเล็กยิ้มกว้างให้ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆไอ้กายอีกครั้ง
“แหมๆ มีสันยงสัญญา มั๊วๆ................โอ๊ย!!! ไอ้ธาร” มันส่งเสียงแซว ผมเลยขว้างกล่องขนมเข้าให้ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะออกไปตามนัดกับไอ้แมน
“คิคิ”
“หัวเราะหรออออ......ลีวายส์ มาให้ฟัดซะดีๆ ฮ๊ากๆๆ”
“คิคิ...อ่าๆๆ คิคิๆ อ่า..อ่าๆๆ” กลับมาหวังว่าจะไม่เจ็บตัวจนได้เลือดอีกนะ
ผมไปหาไอ้แมนที่สนามแข่งพูดคุยกับมันเกี่ยวข้อมูลบุคคลที่เราจะไปพบไม่นานเรากันถึงยังสถานที่นัด เป็นร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งมีห้องส่วนตัวไว้สำหรับนักธุรกิจมานั่งพูดคุยกันแต่วันนี้มันไม่ได้มาทำธุรกิจ
ผมมาถึงก่อนเวลาสิบนาที มีเด็กของไอ้แมนมาด้วยสองสามคน อย่างน้อยต้องมีคนระวังหลังให้บ้าง เพราะคนที่จะมาพบเป็นพวกมีอิทธิพลไม่น้อย จากข้อมูลของไอ้แมนพวกนี่มีธุรกิจเกี่ยวข้อกับการพนันและค้าขายอาวุธ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าถูกกฎหมายหรือเปล่าเพราะผมไม่ได้สนใจ และหวังว่าผมจะจบแค่เรื่องนี้ก็พอ
เมื่อถึงเวลานัดบุคคลที่ว่าก็มาถึง ดูเหมือนจะรุ่นพี่ผมไม่กี่ปีเพราะดูจากหน้าตาแล้วยังหนุ่มอยู่ น่าจะยี่สิบปลายๆ เขามากันสองคนอีกคนหน้าตาคล้ายกันแต่ต่างกันที่เรียวหน้าหวานกว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะมายุ่งเกี่ยวกับอะไรพวกนี้เลยเพราะหน้าดูถือว่าดีทีเดียว
“เรามาเริ่มกันเลย ผมชื่อโอ๊ค ผมว่าพวกคุณคงรู้บ้างแล้วมั่งว่าผมทำธุรกิจอะไรซึ่งแต่ต่างจากพวกคุณที่ทำผับบาร์น่ะนะ” คุณโอ๊คคงจะให้เด็กสืบข้อมูลของเราเช่นกันพระยังไงรู้เขารู้เราไว้ยอมดีกว่าและผมรู้พวกมันไม่ยอมเสียเปรียบแน่
“เข้าเรื่องเถอะ ผมคงไม่ต้องแนะนำตัว” ผมพูดบอกเพราะอยากจบเรื่องนี้เต็มที
“โอ๊ต! นี่คือสัญญามีลายเซ็นคุณน้ำทิพย์ เป็นลายลักษณ์อักษร ว่าได้ยืมเงินผมไปสามแสนแปดหมื่น แต่เธอไม่เคยส่งจ่ายแม้แต่ดอกสักบาท” คุณโอ๊ครับเอกสารจากคนข้างๆที่ชื่อโอ๊ต และส่งมันมาให้ผม หึ!
“นี่ของปลอม ผมมาเจอคนผิดหรอเปล่า” ผมพูดบอกเสียงเรียบ อย่าลืมซิผมเรียนนิตินะไม่ใช่แค่ว่าความอย่างเดี๋ยว แค่ลายเส้นบิดพลิ้วทำไมผมจะมองไม่ออก
“หึ+ ผมก็กะไว้แล้ว คุณเรียนนิตินี่นา หึ โอ๊ต!” คุณโอ๊ครับเอกสารแผ่นใหม่จากเจ้าของชื่อที่เรียก มาส่งให้ผม ผมตรวจดูอย่างล่ะเอียดและอ่านทุกตัวอักษรในสัญญา และทุกอย่างถูกต้อง อีพี่สาวตัวดีมันติดหนี้สามแสนแปด นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ย
“ตกลงผมจะรับผิดชอบเอง คุณว่ามาเลยผมจะเอาเงินมาให้ได้ที่ไหนยังไง”
“เดี๋ยวสิ......ผมมีข้อเสนอ” คุณโอ๊คพูดบอกซึ่งผมก็คิดไว้แล้วว่ามันต้องมี “เด็กนั่นที่อยู่กับคุณน่ะ ถ้าคุณจะยอม.....”
“ไม่!!! ผมรับผิดชอบเป็นตัวเงิน เด็กไม่เกี่ยว ถึงสัญญาจะถูกต้องแต่คุณไม่มีสิทธิในตัวเด็กและไม่มีสิทธิมาลักพาตัวเด็กไปเหมือนวันก่อน” คุณโอ๊คนิ่งเงียบไป ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“โอเค...แต่ผมรับเงินสดนะ ส่วนสถานที่ไว้นัดเจอกันอีกที”
“ได้ ผมขอเวลาอาทิตย์หนึ่งคุณจะคิดดอกเพิ่มเท่าไหร่ก็ว่ามา แต่ทุกอย่างต้องจบ” เราพูดคุยกันต่ออีกสองสามประโยคและต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับ
“มึงคงไปยอมเสียงเงินกว่าสี่แสนฟรีๆ หรอใช่มั้ยวะ” ไอ้แมนถามผม ตอนที่เรานั่งรถกลับใกล้จะถึงผับในอีกไม่กี่นาที
“มึงก็รู้ กูเป็นทนายหัวหมอ” ผมยิ้มมุมปากกับความคิดของตัวเองที่ผุดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อน “มึงว่าน้องชายมันหน้าสวยมั้ยวะ คุณโอ๊ตน่ะ” ผมถามไอ้แมนยิ้มๆ ผมรู้เพราะมันมองคุณโอ๊ตอยู่ตลอด
“ก็งั้นๆ ไอ้กายสวยกว่า แต่ถ้าให้ฟรีกูเอา เหอะๆ”
“มึงอาจจะได้ฟรีๆก็ได้ใครจะไปรู้” มันหันมามองหน้าผม ยกยิ้มมุมปากเพราะเราคงมีความคิดตรงกัน หึ!
“ลีวายส์ล่ะ” ผมมาถึงผับไม่นาน หลังจากคุยกับเด็กในร้านที่ทำงานอยู่ด้านล่างก็ขึ้นมาบนห้องพัก แต่ไอ้กายนั่งอยู่คนเดียวไม่เห็นลีวายส์นั่งเล่นกับมัน เลยถามดู
“แหม เดี๋ยวนี่มาถึงถามหาแต่ลีวายส์ล่ะ กะกูนี่ลืมแล้ว” ไอ้เซฟเดินออกมาจากห้องน้ำ แขวะผมเข้าให้
“พี่ธารรรรรรรรร” ลีวายส์วิ่งออกมาจากหลังโต๊ะทำงานก่อนจะวิ่งเข้าเข้ามากอดขาผม
“อย่าหนีนะ แฮ่ๆ มาให้กัดซะดีๆ แฮ่ๆ” ไอ้เซฟวิ่งตามหลังมาทำท่าขย้ำร่างเล็กที่วนไปหลบอยู่ข้างหลังผม
“ฮ่าๆ อี้ พี่ธารช่วยด้วย ฮ่าๆๆ พี่เซฟจะกินลีวยส์ คึคึ ฮ่าๆๆๆ อ๊าก” ลีวายส์กระโดดขึ้นบนโซฟาก่อนจะเกาะขึ้นมาบนหลังผม
“หยุด!!!!!!!” ทุกอย่างหยุดชะงักเมื่อผมตะคอกเสียงดังใส่เข้าให้ ไอ้เซฟสะดุดล้มนั่งพับเพียบลงกับพื้นไอ้กายวางโทรศัพท์ในมือลงและหันมาสนใจผม ส่วนร่างเล็กบนหลังผมรีบลงมานั่งบนโซฟาดีๆ ก้มหน้าแบะปากกำมือตัวเอง
“เอ่อ....ก็ตะคอกซะ แมร่ง!!!” ไอ้กายเดินมานั่งข้างๆลีวายส์ร่างเล็กกอดหมับเข้าและซุกหน้าหาไอ้กายทันที พร้อมกับสะอื้นเบาๆ
“ไม่ต้องไปโอ่มัน เมื่อวันก่อนมันได้แผลจำได้มั้ย หื่ม มานี่มา” ผมดึกลีวายส์ออกจากตัวไอ้กายก่อนจะนั่งยองๆมองร่างเล็ก
“อึกๆ....ลีวายส์....เปล่าเจ็บ อึกๆ อืออออออ” และมันก็ร้องไห้อีกตามเคย
“ไม่ต้องร้อง ตัวเองยังไม่หายดี จะหาแผลใหม่หรือไง หื่ม” ผมพูดบอก ผมไม่ได้คิดจะดุด่าร่างเล็กหรอก แต่แผลมันยังไม่หายดี ผมไม่อยากให้มันมีแผลเพิ่ม
“อึกๆ ....ฮะ...อึก....อึก” ลีวายส์หยุดร้อง ผมอยู่ทำงานต่ออีกสักพักถึงจะกลับ และต้องแวะส่งไอ้กายอีกตามเคย
“มึงน่ะ กูว่าหาแฟนเหอะ กูขี้เกียจแวะส่งมึงแล้วเนี่ย” ผมพูดบอก เราอยู่บนรถโดยลีวายส์นอนหลับอยู่บนตักไอ้กาย
“แฟนเหี้ยรัยล่ะ โอ๊ย ผู้หญิงสมัยนี้แมร่งหาดีได้ที่ไหน พอจะดีก็ดีเกิ๊นน” มันบอกกลับทำหน้าหยี ผมรู้หรอกว่ามันน่ะ ไม่ได้สนใจใครมานานแล้ว กิ๊กกั๊กก็ไม่ค่อยมีกะเค้าเท่าไหร่ ไม่เหมือนพวกผม
“ไม่ชอบผู้หญิง ก็หาผู้ชายสิวะ ง่ายดี” ผมบอกอีกลอบมองมันนิดๆ มันทำหน้าเหวออ้างปากค้าง
“ไอ้บ้า!!! ไม่เอาหรอก ชิส์ ถึงแล้วลงล่ะ”
กลับถึงคอนโดผมอุ้มลีวายส์ขึ้นมาบนห้องและตรงเข้าไปวางร่างเล็กในห้องนอน ก่อนจะพาตัวเองไปอาบน้ำ พรุ่งนี้จะพาลีวายส์ไปโรงเรียน ไม่รู้ว่าจะงอแงหรือเปล่า แต่คงไม่หรอก เพราะลีวายส์ดูแล้วน่าจะเข้ากับคนอื่นได้ดี ดูจากไม่กี่วันนี้ลีวายส์ก็สนิทกับไอ้กายละไอ้เซฟมากขึ้น
ผมออกมาจากห้องน้ำมองร่างเล็กที่นอนขดคู้เข้าไปในผ้าห่ม นึกขึ้นได้ว่าต้องเช็ดตัวให้มันซะหน่อย เลยไปเตรียมผ้าชุดน้ำมาเช็ดให้
“ลีวายส์.....ตื่นมาเช็ดตัวมา” ผมดึงร่างเล็กเข้ามาในตักแต่มันไม่ยอมตื่น ช่วยไม่ได้เช็ดทั้งที่หลับเนี่ยแหละ
ผมถอดเสื้อลีวายส์ออกร่างเล็กบิดตัวหนีเล็กน้อย พอผ้าเย็นๆสัมผัสกับเนื้ออ่อนนุ่นลีวายส์ถึงกับซุกหน้าเข้าหาผม ผมมองร่างเล็กขาวเนียนอย่างช่างใจก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผิวนุ่นน่าสัมผัสมันทำให้อารมณ์ผมฟุ้งซานขึ้นมา
ผมกัดฟันตัวเองและฝืนอารมณ์ไว้ ลีวายส์เล็กเกินไปที่จะรับเรื่องแบบนี้ได้ ผมเองก็คงบ้าไปแล้วที่อารมณ์วูบไหวไปกับมัน ผมเช็ดตัวในลีวายส์ต่อจนเสร็จโดยไม่กล้าที่จะเช็ดท่อนล่างของร่างเล็กให้ ผมกลัวว่า เกิดหน้ามืดขึ้นมาจะทำอะไรบ้าๆเข้า
“พี่....ธาร....พี่.....ธาร.....ใจ..ร้าย” ร่างเล็กละเมอเสียงแผ่วออกจากปาก ผมยิ้มมุมปากก่อนจะเกลี่ยแก้มใส่เบาๆ
“กูใจร้าย....อืม.....ฟอด!” ผมหอมร่างเล็กเข้าให้ทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงแม้ว่าปากเล็กสีสดจะบอกว่าผมใจร้ายแต่ลีวายส์ก็ยิ้มบางออกมาพร้อมกับประโยคนั้น
ผมหาเสื้อมาใส่ให้ร่างเล็กก่อนจะขยับเข้าหาร่างเล็กข้างๆและกอดเอาไว้ เมือผมสัญญาว่าจะดูแลมันผมก็จะมองสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ให้มันก็แล้วกัน แต่ถ้ามันคิดจะไปถึงเวลานั้น ก็อย่าหวังว่ามันจะไปได้ง่ายๆ เพราะมันคือ......เด็กของผม
เช้า.................
“อ่ะชุดนักเรียน ไอ้กายเพิ่งเอามาให้ ไปใส่ไปเดี๋ยววันนี้ต้องไปโรงเรียนแล้ว” ผมบอกพร้อมกับส่งชุดนักเรียนไปให้
มันเป็นเสื้อขาวปกสีเขียวมีไทเย็บติดสำเร็จรูป และกางเกงลายสก๊อตสีเขียวเช่นกันใส่กับรองเท้าผ้าใบสีขาว แบ๊วได้อีกเด็กกู ลีวายส์มองชุดด้วยสายตาแพรวพราวก่อนจะยิ้มดีใจและรับไปใส่ทันที
“สวยจังฮะ เย้ๆ ไปโรงเรียนๆ ลีวายส์ชอบไปโรงเรียน” ลีวายส์แต่ตัวเส็จเรียบร้อย เหอะ ทีแรกคิดว่าจะออกมาแย่หน่อยแต่พอใส่แล้วก็น่ารักดี หึ ดูเหมือนมันจะใส่อะไรก็น่ารักไปหมดน่ะนะ
ผมมาส่งลีวายส์ที่โรงเรียน ที่นี่ผู้ปกครองต้องเซ็นชื่อทุกครั้งที่มาส่งตอนเช้าและมารับตอนเย็น ผมก็ไม่เคยมาหรอแต่คนเยอะดีเลยเดินตามๆเค้ามาจนถึงห้องเรียนลีวายส์ มันรู้สึกอายนิดๆจากสายตาที่ผู้คนมองมา ต่างจากร่างเล็กที่กำลังจูงมือผมอยู่ เพราะมันดูจะตื่นเต้นมากกว่า
“เด็กใหม่หรอค่ะ หวัดดีค่ะ น่ารักจัง คุณพ่อเซ็นชื่อตรงนี้เลยค่ะ”กูเกลียดคำนี้จริงๆ พ่อๆๆ เฮ้ออออ เพราะผมใส่ชุดนักศึกษา ร่างบางที่คาดว่าน่าจะเป็นคุณครูของลีวายส์เลยบอกยิ้มๆ
“พี่ชายฮะ พี่ชาย...........ไม่ใช่พ่อซะหน่อย” ลีวายส์พูดบอกคุณครู ร่างบางทำปากยื่น ก่อนจะพูดบ่นเสียงเบากับประโยคหลัง คุณครูร่างบางถึงกับหัวเราะออกมา
“อ่าๆ ค่ะๆ พี่ชายก็พี่ชายค่ะ เอ่อ โรงเรียนเลิกบายสามโม่งครึ่งนะค่ะ เรามีสองพิเศษให้นักเรียน สำหรับผู้ปกครองที่เลิกงานช้าหรือติดธุระค่ะ ก็สามารถมารับได้จนถึงห้าโมงค่ะ”
“ขอบคุณครับ เอ่อ ถ้าหากเป็นคนอื่นอ้างว่าจะมารับกรุณาโทรแจ้งผมก่อนนะครับ หรือไม่ถ้าผมจะให้ใครมารับผมจะโทรมาแจ้งนะครับ ผมไม่อนุญาตให้ใครมารับนอกจากผม” ผมพูดบอก
“ค่ะ ได้ค่ะ”
“ไม่เอา พี่ธารต้องมารับลีวายส์นะฮะๆๆ” ลีวายส์เขย่าแขนผมไปมา ทำหน้าง้อนสุดๆ
“รู้แล้วๆ กะ.....พี่มารับ โอเค๊” ผมเกือบพูดคำหยาบเพราะความเคยชินออกไปต่อหน้าครูแหนะ บางที่มันก็ไม่เหมาะถ้าไม่ใช้คนสนิทหรือที่สาธารณะ เขาจะมองกูยังไงล่ะ เฮ้อออ (ก็เพิ่งคิดได้)
“ฮะ ลีวายส์จะต้องใจเรียน จุ๊บ...จุ๊บ บายๆ” ลีวายส์ดึงมือผมให้ก้มลงก่อนจะจุ๊บแก้มซ้ายขาว และโบกมือให้และวิ่งเข้าห้องไป
“นี่!.......อย่างวิ่ง.......เฮ้ออออ” คุณครูร่างบางมองหน้ายิ้มๆก่อนจะหันไปคุยกับผู้ปกครองคนอื่นต่อ
วันนี้ผมมีเรียนสิบโมง เลยแวะมารับไอ้แมนที่สนาม มันนอนนี่แหละ บ้านมีคอนโดซื้อแต่ไม่เคยกลับ ไม่นอนที่ผับก็นอนคอพับอยู่ที่อู่
“ไอ้เหี้ย” นี่คือคำแรกที่ออกจากปากผมเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของมัน คล้ายกับผ่านการรบราฆ่าฟันกันมาอย่างหนัก ก่อนจะเหล่มองที่ยังร่างบางที่มีผ้าห่มปิดไว้เพียงแค่ท่อนล่างเท่านั้น ผมรีบปิดประตู่ก่อนจะไปนั่งรอในห้องทำงานแทน
ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมมันชอบกินเด็กแถมต้องเป็นเด็กผู้ชายด้วยมันถึงจะเอา แต่ก็อย่างที่บอกใครมานอนกับมันนี่แมร่ง กูไม่ให้ก่อนสามครั้ง ไอ้แมนมันบ้าชอบรุ่นแรงเกิน เด็กคนไหนจะทนไหวล่ะ เหอะ ผมเลยเห็นมาเปลี่ยนเด็กบ่อยเป็นว่าเล่น
“หวัดดีเหี้ย มาแต่เช้า” มันเดินออกมาพร้อมกับเดินผ่านไป มีร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อกี้เดินมาข้างๆ และส่งร่างเล็กขึ้นรถไปกับเด็กในสนามของมัน “ลูกมึงอ่ะ” ผมกลับมานั่งคุยกับผม
“ลูกเหี้ยสิ....กูไปส่งโรงเรียนแล้ว” ผมพูดบอก ชงกาแฟในถ้วยดื่ม
“กูให้เด็กไปสืบแล้ว พวกมันมีขายปืนแบบพวกค้าอาวุธด้วย เห็นว่าจ่ายให้ตำรวจไม่น้อยว่ะ” ไอ้แมนพูดบอก
“หึ มึงคิดว่ามีอย่างอื่นอีกมั้ย ไม่งั้นมันคงไม่คิดจะเอาลีวายส์” ผมพูดบอก ผมคิดว่าพวกนี้ต้องทำอะไรที่ครอบคลุมกันไปด้วย เปิดบ่อน ค้าอาวุธ และค้าคน
“อันนี้ไม่แน่ใจแต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามี พวกสารเสพติด บอกตามตรงกูไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกมันมากนัก เพราะถ้าพลาด มันอาจจะจบเราหรือไม่มันก็จะดึงเราเข้าไปเป็นพวกมัน”
ใช่ พวกที่ทำธุรกิจแบบนี้มันจะเห็นผมประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากเราเข้าไปเกี่ยวหรือรับรู้เรื่องของพวกมัน มันก็จะจบเราด้วยกันตามฆ่าทิ้งซะหรือไม่ถ้าหากเรามีประโยชน์กับมัน มันก็จะหาวิธีดึงเราไว้ให้เป็นพวก แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใดผมจะไม่ยอมให้มันเป็นไปเด็จขาดเพราะตอนนี้ผมไม่ได้มีตัวคนเดียวอีกแล้ว
“กูจะจบมันได้ ถ้ามีมึง” ผมบอกยกยิ้มมุมปากให้ไอ้แมน ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับ
<<<<<TBC>>>>>>
เอาไปแบบมั่วๆก่อน เราไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไรพวกนี้เลย
พยายามคิดตามให้เห็นภาพกันน้าาาาา
อีธาร : เด็กกู (มันกลายเป็นคำติดปากนายไปแล้ว)