Poes ป้าตุ๋มสามโคก จะดูซิว่าคราวนี้จะมาจิ้มได้ไวอีกป่าว 555+ ไอ้พวกจิ้มตรูดชาวบ้าน

RN ป้าแป๋ว แกจะเสี่ยงโชคลอยน้ำไปไหน หาคำได้คล้องจองกันได้น้อ เริ่ดค้า
Ferfa คุณน้องนานๆโผล่มาที อิอิ ขอบคุณที่ขำเด้อ
ken_krub แฮปปี้นิวเยียร์ด้วยน้าคุณเคน เชื่อมะ บางครั้งเราแอบสงสัยว่าคุณเคนอ่านอ่ะป่าว 55+ แต่เราเชื่อว่าคุณเคนอ่านนะ สังเกตุเอาจากทู้ไหนไม่มีข้อความให้กำลังใจจากคุณเคนแปลว่ากระทู้นั้นไม่ได้อ่าน ขอบคุณนะ
nartch นารทเท่ร้ากกก หายไปนาน เรื่องนี้น่าสงสารกันทุกคนจริงๆ ด้วยอ่ะ อะไรจะขนาดนั้นเนอะ เฮ้อ
19NT อ่านต่อเลยว่าเอาหมอธารไปไหน สงสารธารก็น่าสงสาร แต่กิ่งไผ่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะน้องตาล แงแง
pupper รักน้อง pupper จริงๆ เม้นต์ได้ยาวสมใจพี่มากๆ เริ่ดๆๆ ใกล้จบแล้วน้า แต่ละคนก็มีปมกันไปคนละแบบเนอะ
อ่านต่อเลยค้าบบ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 38 Timeless / ทรยศ (PART 2)
สายตาสีน้ำตาลมองดูท้องฟ้าใกล้สาง สีน้ำเงินจางๆตัดขอบฟ้าที่ทอสีดำ สายลมหนาวโชยต้องร่างให้สั่นทะท้าน จนต้องห่อไหล่เข้าหากัน เหลือบมองผู้ที่หลับสนิทไม่สะทกสะท้านกับสายลมหนาว ต้นธาราหดกายให้เล็กลง ถึงแม้ว่าจะง่วงแต่เพราะยุงและความหนาวเหน็บทำให้ไม่อาจข่มตาหลับ ดวงหน้าที่อิดโรยยิ่งเผือดซีด วงแขนกอดรัดตัวเองเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ทว่าลมหนาวยังพัดผ่านผิวราวกับจะกรีด ดูท่าเสียงขยับตัวคงจะปลุกให้ใบหน้าเยียบ
เย็นตื่นขึ้น มองดูร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
“ไม่หนาวหรือ?”ต้นธาราตัดสินใจถาม เขาทนหนาวมาทั้งคืน นอนแทบไม่หลับ ปวดเมื่อตัวไปหมดผิดกับคนที่จับเขามาซึ่งนอนหลับได้อย่างสบาย
“ไม่...”คำตอบเย็นชา สายตาเหลือบดูฟ้า ลุกขึ้นบิดกาย
ต้นธาราหนาวจนไม่อาจขยับตัว เขาคิดว่าคงจะแข็งตายไปทั้งสภาพแบบนี้แต่ก็ยังทนมาจนถึงรุ่งสาง
“ต้องขอโทษคุณหมอที่ไม่อาจก่อไฟให้ได้ ทนหนาวสักคืนคงไม่ตาย”
คำพูดที่แฝงนัยประชด ต้นธาราสะดุ้งเลยทีเดียวเมื่อได้ฟัง เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างกับกิ่งไผ่ ทว่าไม่มีเสียงใดๆหลุดไปเลย สายตาสีดำมองท้องฟ้ากะเกณฑ์เวลาอยู่ในใจ
“ลุกไม่ไหวหรือ?”
หันมองผู้ที่ยังนั่งทื่อ ต้นธาราลุกขึ้น รู้สึกเหน็บชาไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว
“จะพาไปไหนกันแน่?”
มองหนทางที่มีแต่ป่ากับป่า ในใจหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่อถูกพาเดินเข้าไปในป่าลึกโดยที่ไม่มีอะไรจำเป็นในการดำรงชีพติดตัวมา
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคุณหมอ รับรองว่าผมจะไม่พาคุณไปตายแน่ๆ”
คำว่าตายช่างเอ่ยออกจากริมฝีปากของกิ่งไผ่ง่ายดาย ต้นธารากลืนน้ำลายลงคอ
“ทำไมถึงดูไม่หวั่นเกรงกับความตายล่ะ?”ถามอย่างสงสัย
กิ่งไผ่แสยะยิ้มจนต้นธารามองแล้วเกรงในรอยยิ้มนั่น“ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาจนชาชิน มองดูคนอื่นตาย ทุกอย่างสูญสิ้น สิ่งที่ผมทำก็ทำเพื่อตัวเองและเพื่อครอบครัวที่ผมรักเท่านั้น!ความตายก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย”
“เพื่อตัวเองและเพื่อครอบครัวงั้นรึ....”
กิ่งไผ่ผงกศีรษะช้าๆ แววตาสีดำหม่นลง ต้นธาราเขยิบเข้ามาใกล้ร่างของกิ่งไผ่ สายตาสีดำสนิทมองอย่างระแวดระวัง
“ดูท่าคุณมีเรื่องให้แบกรับเยอะสินะครับ?”
ไร้ซึ่งคำตอบ กิ่งไผ่เดินหนีเสีย ปล่อยให้ต้นธาราเดินตาม คุณหมอไม่เข้าใจในตัวของคนที่จับตนมา แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในฐานะเชลยก็ตามแต่ก็ไม่ได้บังคับหรือเข้มงวด อาจจะคิดว่าเขาคงไม่มีปัญญาที่จะหวนกลับละมั้ง
“เราจะไปที่ไหน? คุณคิดจะเอาผมไปเป็นตัวประกันเพื่ออะไร? หากไม่เป็นอย่างที่คาดล่ะ?”
กิ่งไผ่หันมองคนที่พูดกล่อมตน ไม่รับฟังคำใดๆทั้งสิ้น เขายึดในความคิดของตัวเอง แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็ตาม
“ผมรู้ว่าทางฝั่งไทยต้องตามมาแน่นอน”
ต้นธาราก็อับจนปัญญา เดินตามเงียบๆ รู้สึกคอแห้งผากได้แต่อดทนเท่านั้น
“คุณหมออาจจะเหนื่อย แต่เดินอีกสักสองชั่วโมงก็จะได้พัก”
ได้ฟังคำๆนั้นต้นธาราโล่งใจ เขาอดทนแม้จะเหน็บเหนื่อย เดินไปหอบไป แสงอาทิตย์ค่อยๆฉายจับฟ้า อรุณใหม่มาเยือน ต้นธาราอยากจะทรุดนั่ง แต่ในใจก็บอกให้ทน มองคนที่เดินนำเหมือนไม่มีความเหน็ดเหนื่อย ต้นธาราไม่อาจเห็นเหงื่อโทรมหน้าคนเดินนำ ทั้งคู่เดินไปถึงริมธารที่ไหลเอื่อยๆ กิ่งไผ่พยักเผยิบให้ต้นธาราไปล้างหน้าพักผ่อนเสีย ส่วนตัวองทรุดอิงรากไม้ ..ที่ผ่านมาไม่เคยมีความเหนื่อย อ่อนเพลียเช่นนี้เลย ทอดมองคนที่กวักน้ำล้างหน้าและดื่มอย่างกระหาย กิ่งไผ่จึงลุกไปดื่มบ้าง
“เวียงนวรัฐะอยู่ไกลไหม?”
“ไกล...แต่เราจะไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งก่อน ที่นั่นจะเชื่อมไปถึงเวียงนวรัฐะได้สะดวก พ้นจากเขตป่านี้ก็เป็นถนน เราจะออกไปยังทิศทางนั้น”กิ่งไผ่อธิบายช้าๆในระหว่างที่กวักน้ำขึ้นมา
“แล้วพวกด่านตรวจล่ะไม่กลัวรึ?”ต้นธาราถาม
กิ่งไผ่ยิ้มน้อยๆ“ไม่...ทางฝ่ายไทยคงคิดว่าเราหลบหนีในป่า แต่ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีแผนผมอาจถูกมองออก”
สายตาสีดำสนิทก้มมองแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้ว ต้นธาราสังเกตเห็นสายตาคู่นั้นจึงเลี่ยงข้อมือให้พ้นจากสายตา กิ่งไผ่ไม่พูดอะไร ลุกขึ้น พร้อมอออกคำสั่ง
“เราต้องออกเดินทางก่อนค่ำนี้ไม่งั้นลำบาก”
กิ่งไผ่กล่าว เดินลุยป่าต่อเหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย ต้นธาราเดินตามห่างๆ สภาพป่าเริ่มจะโปร่งขึ้น แสงแดดแผดแรงกล้า เหงื่อชุ่มจนเหนียวเหนอะไปหมด เดินมากี่ชั่วโมงแล้วไม่รุ้เลย สองขาได้แต่ทำตามตามสมองสั่ง จวนเจียนจะล้มหลายครั้ง ได้แต่ทน...ทนเพียงคำเดียว ฝ่ายกิ่งไผ่ที่เร่งฝีเท้าไม่สนใจคนเบื้องหลังว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร ใจสั่งให้ออกไปจากป่าโดยเร็วเท่านั้น
“อีกไม่ไกลก็จะออกไปได้แล้ว”
กิ่งไผ่หันมาบอก มองใบหน้าเผือดไร้สีเลือดทรุดนั่งลง เหงื่อไหลท่วมใบหน้า กลีบปากบางสั่นระริกคล้ายกับจะหอบเอาอากาศเข้าไปไม่ทัน
“คุณหมอ...”กิ่งไผ่เรียก
ต้นธารารู้สึกวิงเวียน อยากอาเจียน กำมือแน่นคล้ายกับจะฝืนอาการทั้งหมด ส่ายหน้าไปมา ดวงตาพร่าพรายมองแหวนสีทองสะท้อนเข้าดวงตา
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร”ต้นธาราฝืนลุกขึ้นโดยการพยุงของกิ่งไผ่
“แน่ใจนะ?”
แม้ว่าจะรีบร้อนสักเพียงไหน อาการของตัวประกันต้องใส่ใจ หากตายตอนนี้ทุกอย่างก็จบสิ้น ต้นธาราผงกหัวให้คำมั่นใจ กิ่งไผ่เห็นดังนั้นจึงปล่อยให้ต้นธาราเดินต่อเอง ถึงแม้ว่าจะช้าไปบ้าง
สิ่งที่ยึดเหนี่ยวในใจของต้นธาราคือการกลับไปหาผู้เป็นที่รัก ไม่อยากให้เสียใจ ไม่อยากให้โกรธเคืองผู้ที่นำตัวเองมา ด้วยล่วงรู้ว่ามันคงมีความนัยซ่อนอยู่ในการจับเป็นตัวประกัน เขาฝืนทนอาการทั้งหมดจนกระทั่งไปถึงถนนจึงทรุดยังพื้นลาดยางมะตอย มองถนนว่างเปล่า กิ่งไผ่เก็บปืนซ่อนไว้ มองดูรถที่จะผ่านมา เขาเฝ้ามองคนใบหน้าซีดนั่งหมดแรงเหลียวมองดุป่าที่จากมา ถอนใจน้อยๆ
“นั่น...คงช่วยเราได้”
กิ่งไผ่โบกรถ ก่อนเข้าไปเจรจายังรถที่จอดรับ เป็นรถขนส่งผักไปยังตลาดของพวกชาวเขา กิ่งไผ่เจรจาอยู่นาน เขาหันมองต้นธาราที่นั่งหน้าซีดกุมอดไว้ สีหน้าร้อนรนใจ ภาษาชาวเขาดูคล่องปรื๋อ ก่อนจะเข้ามาประคองร่างที่อ่อนแรง
“เก่งนะที่พูดให้เขายอมได้”คุณหมอเอ่ยชมทำนองแดกดันอย่างระโหย
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณด้วย”กิ่งไผ่ตอบกลับหน้าตาย
“จะไปไหนล่ะ?”
เอ่ยกระซิบถามเบาๆหลังจากขึ้นรถ เขามองดูชายแก่ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับ ต้นธารายิ้มให้ ชายแก่หันมายิ้มเห็นเหงือกคล้ำแดง
“แม่ฮ่องสอน”
ต้นธาราถามด้วยความตกใจ “จะไปได้ไง?”
เดาความคิดของคนๆนี้ไม่ออกเลย มองดูด้านนอกรถ ชายแก่ขับไม่เร็วนัก กิ่งไผ่คุยกับตาแก่ด้วยภาษาชาวเขาซึ่งต้นธาราก็ฟังไม่ออก
“หลับไปก่อนเถอะ”กิ่งไผ่หันมาบอกเสียงอ่อน
ต้นธารามองใบหน้าขรึม เขาไม่กล้าหลับเลยเมื่อเห็นสายตาราวกับมีบางอย่างในใจ เขากุมมือตัวเองไว้แน่น
“กลัวว่าแหวนจะหายรึ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”
ต้นธาราได้ฟังก็สะดุ้งโหยง ไม่กล้าที่จะหลับแต่ว่าความอ่อนเพลียทำให้เปลือกตาบางค่อยๆปิด
------------------------------------------------
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร พอต้นธาราลืมตาตื่นสิ่งที่เขาสำรวจดูก็คือแหวน พบว่ามันยังอยู่ดีอยู่จึงโล่งใจ เขามองกิ่งไผ่ที่เผลองีบหลับ มองชายชราที่ชี้มือโบ๊เบ๊บอกต้นธาราด้วยภาษาชาวเขาซึ่งคุณหมอได้แต่งุนงง พอเห็นป้ายบอกว่าเป็นเขตแม่ฮ่องสอนก็เข้าใจจึงเขย่าตัวของกิ่งไผ่ขึ้น ดวงตาสีดำตื่นจากนิททรา กิ่งไผ่ลงจากรถ เขามองต้นธาราก่อนจะหยิบเงินให้ ฝ่ายต้นธารามองสงสัยว่าอีกฝ่ายจัดการหาเงินมาได้อย่างไร พอชายแก่รับเงินเสร็จก็รีบขับรถตีกลับ กิ่งไผ่จึงหันมาเอ่ยกับต้นธารา
“ผมเอามาจากบ้านพักของคุณเองแหละ คงไม่คิดว่าผมออกมาตัวเปล่าหรอกนะ”
ต้นธาราไม่พุดอะไร เขามองดูคนที่พาเดินอีกแล้ว ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยให้เห็นเหมือนเคย กิ่งไผ่ก็พาต้นธาราลัดเลาะมายังบ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
“เราจะพักที่นี่สักคืนก่อนออกเดินทางไปยังเขตชายแดน”กิ่งไผ่เอ่ย หยุดอยู่หน้าประตูบ้านหลังเล็ก มองดูมันแล้วหวนคิดถึงอดีตที่เคยอยู่กับธีรเดช
“บ้านใคร?”
ต้นธาราสงสัย ฝ่ายกิ่งไผ่ไม่ตอบอะไร เขาสั่งให้ต้นธาราอยู่ที่นี่ก่อนจะหายไปไม่นานนัก มาพร้อมกับชายร่างเล็ก
ยื่นกุญแจให้
“รบกวนนายจันอีกแล้ว”
“การที่ได้ช่วยนายกิ่งไผ่ผมดีใจ เออ จริงสิครับนายกิ่งไผ่รู้ยังครับว่าท่านนายพลถูกจับตัวไป”
กิ่งไผ่ผงกหัว นายจันมองดูเสี้ยวหน้าสะสมความเครียดเคร่งก่อนวัยอันควร
“แล้วนายกิ่งไผ่ถูกปล่อยมาหรือครับ”นายจันเอ่ยถามอย่างงุนงง
“เปล่า...หนีมาน่ะ ช่วยเก็บข่าวให้ดี ฉันไม่ทำให้นายจันเดือดร้อนหรอก”
กิ่งไผ่เอ่ยเมื่อเห็นแววตาตกใจของนายจัน
“ครับ...ครับได้ครับ”
กิ่งไผ่ไขกุญแจเข้าไปในบ้านหลังเล็ก บอกให้ต้นธาราที่ยืนนิ่งตามมา สายตาสีน้ำตาลสำรวจดูบ้านอย่างงุนงง
“คุณหมอคุณมีโอกาสพักสบายๆก็แค่คืนนี้ เชิญพักก่อนเถอะ พักบ้านหลังนี้ไม่ต้องห่วงหรอก”เสียงบอกติดจะห้วนๆ
ต้นธาราจำต้องนั่งลง เขามองดูนอกหน้าต่าง ก่อนไพล่มองร่างที่ล้มตัวนอนหลับเหมือนหลับสนิท ต้นธาราจึงเอนหลังพิงปลายเตียง เขาคิดจะหนีแต่พอลุกขึ้นพบสายตาเย็นชาและคำพูดข่มขู่
“ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากยิง คุณหมออยู่เงียบๆเถอะ!”
ต้นธาราจำต้องทรุดนั่งลง เกิดความเงียบเมื่ออีกฝ่ายหลับไปโดยที่ยังมีปืนข้างกาย หากขู่และก็พูดถึงขนาดนั้นแสดงว่าคงเอาจริง เขาจึงนอนเก็บเอาแรงเสียดีกว่า พอหลับก็รู้สึกระบมขาไปหมด ต้องตื่นขึ้นมานวดให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย รู้ว่ามันต้องเกิดจากการเดินทางไกล ต้นธาราเหม่อฟังเสียงลมหายใจสงบของอีกฝ่าย ชายหนุ่มลูบแหวนสีทองสัมผัสเย็นชืดติดข้อนิ้วให้ความรู้สึกโหยหาคนเคียงข้าง รู้สึกอ้างว้าง ต้นธาราถอนใจ เขาขยับกาย ผ่านมาคืนหนึ่งแล้วทางนั้นจะเป็นเช่นไรนะ คุณหมอลุกขึ้น เขากระหายน้ำ เดินหาน้ำพบกับตุ่มใบเล็กๆวางไว้บนชั้นเตี้ยๆ ภายในนั้นบรรจุน้ำฝนเย็นชื่นใจ คุณหมอดื่มน้ำแล้วคิดถึงเรื่องสำคัญได้
...ยาที่ต้องกิน หมอประจำที่ต้องไปพบ...
แววตาสีน้ำตาลเปี่ยมด้วยความกังวล อีกครา มองไปยังคนที่หลีบอยู่ คิดจะหนีพอขยับกายก็เหมือนกับจะรู้ว่าเขาจะหนี ไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่านั้น กอดเข่าตัวเอง หลับตาลงอ่อนแรง กิ่งไผ่ซึ่งนอนตื่นเต็มตาเห็นคุณหมอนอนพิงปลายเตียงก็ลุกขึ้นมาเขย่าตัว
“ไปนอนข้างบนก็ได้”
หากต้นธาราส่ายหัว เขามองใบหน้ากิ่งไผ่เป็นทำนองร้องขอ
“คิดจะให้ปล่อยรึ ผมบอกแล้วว่าข้อเสนอนั้นผมไม่อาจทำได้”
“รู้...ถึงขอไปคุณก็ไม่ปล่อย เพียงแต่จะบอกว่าผมป่วยอยู่ จำเป็นต้องมียารักษาอาการ ไม่งั้นคุณคงได้แต่ศพกลับเวียงของคุณ!”
“ยารึ?”
“ใช่ เอามาให้รึเปล่า?”ต้นธาราถาม เขาอุตส่าห์คิดว่าอีกฝ่ายคงนำมาให้เหมือนกับที่ขนเงิน ขนปืนมา
“อยู่ในถุง ผมเอามาไม่กี่แผงหรอกจัดการชีวิตให้ดี”
กิ่งไผ่ลุกจากเตียงออกไปล้างหน้า แล้วย้อนกลับมาหาต้นธารา
“เย็นนี้มีแต่ไข่เจียว”
อะไรเขาก็กินได้ทั้งนั้นแหละ ต้นธาราคิด เพราะกำลังกลุ้มใจอาการตัวเอง มือบางกุมแผงยาไว้...เพราะที่กิ่งไผ่นำติดมามันเหลือแค่สามแผง เขาต้องกินบำรุงเพื่อให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว
“เหม่ออะไร?”กิ่งไผ่เรียก เมื่อไม่ได้คำตอบ
“ทำอะไรมาผมก็กินได้หมดแหละ”
ต้นธาราตอบ วางแผงยาสำคัญลงในถุงก่อนลุกขึ้นไปยังโอ่งน้ำด้านนอก เงาปรากกฎบนผิวน้ำเผยให้เห็นใบหน้าปริวิตก กลับเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมหวน กิ่งไผ่ตั้งจานข้าวไว้ ต้นธาราทรุดนั่งทานเงียบๆ พออิ่มกิ่งไผ่ก็เป็นฝ่ายเก็บล้าง ต้นธารามองเฉยๆ เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย การเคลื่อนไหวอีกฝ่ายแผ่วเบา แม้จะไม่ควบคุมให้อยู่ใต้อาณัติ พอขยับกายหมายจะออกไปข้างนอกก็ต้องหยุดเพราะสายตาเยียบเย็นสะกดให้หยุดไว้
“วันพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
ต้นธาราลุกขึ้น เข้านอนอย่างว่าง่ายเหมือนเด็กๆ สายตาไม่ละสำรวจผู้ที่จับตนมา กิ่งไผ่หลับลงได้ง่ายดาย ต้นธาราถอนใจ อยู่กับความเงียบเหงา เขาไม่ชอบเอาเสียเลย ต้นธารที่ไม่อาจข่มตาหลับลงนั่งเซื่องซึม หยิบยาเข้าปาก รอคอยให้ฤทธิ์ยาออกฤทธิ์จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากนัก สายตาค่อยๆหรี่ลงพร้อมกับห้วงสำนึกสุดท้าย
------------------------------------------------