Chapter 12
ถ้าหากตอนนั้นตัวของครีแวนนั้นเลือกความตายตัวของเขาก็คงไม่ต้องมานั่งสิ้นหวังและสมเพชตัวเองแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็รู้มาตลอดว่าชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีแดงดั่งเปลวเพลิงนั้นมองชีวิตของร่างโปร่งบางเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงในอาณัติตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ทำไมตัวของเขากลับรู้สึกว่าบางครั้งชายคนนั้นก็แสดงความอ่อนโยนบางอย่างออกมา มันไม่ใช่ความสงสารและความเห็นใจมันเป็นการกระทำที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ว่าคน ๆ นั้นทำเช่นนี้เพื่ออะไร หากแต่มพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชายที่มีนามว่าเฮลาสเปรียบเสมือนเชือกที่ดึงเขาออกจากเหวลึก แต่ทำไม…ตอนนี้เชือกเส้นนั้นกับถูกตัดขาดและทำให้ร่างของเขาร่วงหล่นลงมาก้นหุบเหวอีกครั้ง
ไม่เคยรู้สึกเลยว่าการที่ถูกคน ๆ นึงที่มีอิทธิพลต่อชีวิตปล่อยทิ้งไว้เพียงคนเดียวมันเงียบเหงาและรู้สึกเศร้าใจขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นน้องสาวหรือคนอื่น ๆ ที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังมันจะรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้ตัวของครีแวนนั้นรับรูสึกความรูสึกเจ็บปวดพวกนั้นได้หมดแล้ว ใบหน้าขาวยังคงเชิดหน้ามองไปทางด้านนอกหน้าต่างดวยความทระนง ทว่าหากใครได้จ้องมองดวงเนตรสีไพลินที่ถูกประดับอยู่บนใบหน้าสวยที่ราวกับถอดแบบมาจากรูปสลักหินก็คงรู้ว่าร่างโปร่งบางผู้แสนงดงามคนนี้กำลังรูสึกเช่นไร ริมฝีปากสีสดเม้นเข้ากันจนแทบจะเป็นเส้นตรง มือบอบบางที่ถือแก้วนำดื่มอยู่นั้นเกิดรอยร้าวและแตกออกจนบาดลึกลงไปบนผิวกายสีน้ำนมของตน ซึ่งครีแวนก็ไม่คิดที่จะใส่ใจอะไรกับมันมากเขายังคงปล่อยให้หยาดโลหิตสีชาดที่เกิดจากบาดแผลบนผ่ามือตนนั้นไหลลงสู่พื้นพรมที่มีสีเฉกเช่นเดียวกัน
ครีแวนยังคงนั่งเหม่อลอยมองออกไปที่หนาต่างอีกสักพัก ไม่นานนักบานประตูสีทึบที่เชื่อมกับห้องทำงานของชายหนุ่มร่างสูงก็ถูกเปิดออกซึ่งผู้ที่เดินเข้ามาด้านในนั้นมิใช่คนอื่นเลยนอกจากคนที่เป็นตนเหตุทำให้ตัวของครีแวนกลายเป็นคนที่ไร้ชีวิตไร้จิตวิญญาณเช่นนี้
นับจากตอนที่เฮลาสเอ่ยพูดกับครีแวนนั้นเวลามันก็ผ่านมาแล้วร่วมสองอาทิตย์และในระยะเวลาสองอาทิตย์นั้นครีแวนปฏิเสธที่จะพูดคุยกับชายหนุ่มร่างสูงผู้นี้ทุกทางจนชายหนุ่มร่างสูงผู้มีเรือนผมสีแดงนั้นจนใจที่จะพูดคุยกับร่างโปร่งบาง จึงทำให้ทุกครั้งที่เฮลาสก้าวเข้ามาในห้อง ๆ นี้เพื่อดูแลคนป่วยที่แสนดือดึงบรรยากาศโดยรอบนั้นจะดูอึดอัดขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายสิบเท่า ซึ่งเฮลาสก็ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มร่างโปร่งบางผู้หงุดหงิดง่ายและเอาแต่ใจนั้นทนความรู้สึกที่เกิดขึ้นพวกนี้ได้ยังไงทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนความเงียบเพียงแค่ช่วงวินาทีเดียวคน ๆ นี้ก็ไม่สามารถอดทนได้
นัยน์เนตรคมกริบมองแผ่นหลังบางที่ดูผอมแห้งกว่าปกติ พลันสายตาตนก็ไปเจอหยดโลหิตที่ไหลรินออกมาจากมือบอบบางนั่น ความวิตกกังวลที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวของเฮลาสมันก็ปะทุขึ้นขาแกร่งทั้งสองข้างนั้นรีบสาวเท้าเข้าไปหาร่าง ๆ นั้นพร้อมกับประชากมือบางที่ยังคงกำเศษแก้วน้ำนั่นขึ้นมา
คิ้วเรียวขมวดเป็นปมแน่น เนตรคมสีเปลวเพลิงส่งสายตาติเตียนที่แฝงไปด้วยความห่วงใยไปให้ร่างโปร่งบาง ซึ่งการตอบโต้ของร่าง ๆ นั้นก็คือความเงียบงันรวมไปถึงไพลินน้ำงามที่ประดับอยู่บนดวงหน้าขาวนั้นก็ไม่ได้หันมามองตอบโต้ชายร่างสูงเหมือนครั้งก่อน ๆ ใบหน้าสวยนั้นยังคงนิ่งสนิทและไร้ความรู้สึก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เฮลาสไม่คุ้นชินเอาเสียเลยเพราะตัวของเขาชอบที่จะฟังเสียงหวานนั้นโวยวายและนัยน์เนตรคู่งามส่งสายตาอาฆาตมาเสียมากกว่า
ร่างสูงค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพรมนิวกร้านบรรจงหยิบเศษแก้วที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายออก มันเป็นการกระทำที่แสนนุ่มนวลและอ่อนโยน หากแต่สิ่งที่เฮลาสกระทำลงไปนั้นมันทำให้ตัวของเขารู้สึกแย่ยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้าสวยยังคงเหม่อมองไปนอกหน้าต่างแม้ภายในใจหยาดนำตามันจะไหลรินออกมา ทว่าดวงเนตรที่แสนเศร้านั้นกลับไม่มีหยาดนำตาไหลรินออกมาสักหยดเดียว
ครีแวนพลาดที่ให้อีกฝ่ายเข้าก้าวเข้ามาในชีวิตของตนมากมายขนาดนี้ คน ๆ นี้ก้าวเข้ามาจนมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้ครีแวนไม่อย่าจะสูญเสียไป มือบางชักมือออกจากการกอบกุมของมือแกร่งและปฏิเสธที่จะให้อีกฝ่ายนั้นทำแผลให้ เพราะตัวของเขานั้นอยากให้หยาดเลือดพวกนี้ไหลออกจากฝ่ามือของเขาไปให้หมด เขาจะได้ตาย ๆ ไปสักที ทว่าชายหนุ่มร่างสูงกลับไม่ยอมให้ครีแวนทำเช่นนั้น มือกร้านเอื้อมไปคว้ามือบอบบางนั้นและกอบกุมมันตนแน่นยิ่งกว่าเก่า ก่อนเขาจะแหงนใบหน้าของตนขึ้นมาสบตากับดวงเนตรสีไพลิน หากมองเพียงชั่วครู่เฮลาสก็รับรู้แล้วว่าร่าง ๆ นี้กำลังสับสนซึ่งเหตุผลที่ร่าง ๆ นี้กำลังรู้สึกแบบนั้นแม้จะเป็นตัวของเฮลาสเองก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าภายในใจของคนตรงหน้านี้กำลังรู้สึกเช่นไร มือกร้านที่เป็นอิสระค่อย ๆ ยกขึ้นมาไล้แก้มนวลนั่นก่อนจะกดเพื่อให้ร่างตรงหน้าตนโน้มศีรษะลงมา
ริมฝีปากคมสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มนั่นเพียงช่วงครู่พลันมือบอบบางอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดันให้เฮลาสนันผละออกและก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้จะได้สัมผัสกับริมฝีปากสีสดนั่งอีกครั้ง ฝ่ามือนั่นก็หวดตบลงไปที่แก้มสากของอีกฝ่ายเต็มแรง รอยแดงจากการประทะเกิดขึนทันทีที่มือบางละออกใบหน้าสวยนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ซึ่งไม่ใช่แค่ครีแวนคนเดียวที่ไม่พอใจตัวของเฮลาสก็ไม่เข้าใจความไร้เหตุผลของอีกฝ่ายเช่นกัน
มือกร้านที่กอบกุมมือที่บาดเจ็บของอีกฝ่ายถูกเจ้าของกระชากเข้าหาตัวซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างโปร่งบางที่ไม่ไดยึดเกาะอะไรไว้เซลงไปซบที่แผ่นอกกว้างทันที “บอกฉันสิว่านายเป็นอะไร…ครีแวน” เสียงทุ้มเข้มกล่าวถามพร้อมกับเอ่ยนามของร่างที่อยู่ในอ้อมแขน ส่วนมือกร้านอีกข้างถูกยกขึ้นไปลูบเบาที่เรือนผมสีน้ำเงินเข้มแปลกตา
ถ้าร่างในออมแขนไม่เอ่ยบอกว่าตนไม่พอใจอะไร ตัวของเฮลาสก็ไม่สามารถรับรู้ความคิดของอีกฝ่ายได้แม้เขาจะคาดเดาการกระทำหรือความรู้สึกของคนอื่นได้ แต่กับคน ๆ นี้ คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานั้น ตัวของเฮลาสไม่สามารถทำความเข้าใจหรือคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เลย มือกร้านออกแรงกระชับแน่นขึ้นไปอีกหากแต่ร่างในอ้อมแขนนั้นกับดิ้นรนเพื่อให้ตนเป็นอิสระ
ซึ่งเฮลาสก็เลือกที่จะไม่ขัดใจร่างโปร่งบางร่างนี้มือแกร่งคลายวงแขนแต่มืออีกข้างกยังกอบกุมขอมือบางที่บาดเจ็บนั่นอยู่
“ปล่อยฉัน…” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่ฟังดูเป็นเอกลักษณ์ของร่างตรงหน้านั้นเอ่ยขึ้นแม้มันจะแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถรอดพ้นโสตประสาทการรับฟังของเฮลาสได้ มือแกร่งยังคมกอบกุมขอมือบางนั้นแน่นแทบคำปฏิเสธ ซึ่งมันทำให้ครีแวนต้องกัดฟันและกระชากมือของตนออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางเมนเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บ ใบหนาขาวซีดนั้นพยายามที่จะตีสีหน้าเป็นปกติเพื่อไม่ให้ชายร่างสูงตรงหน้ารับรู้ความเจ็บปวดของตน หากแต่ความผิดเพี้ยนไปแค่นิดเดียวของใบหน้าสวยร่างสูงสง่านั้นกลับจำได้หมด เฮลาสไม่คิดที่จะฝืนรังขอมือบางนั้นไวกับตน มือกร้านค่อย ๆ คลายมือตนออกพร้อม ๆ กับใชมืออีกข้างประครองร่างโปร่งบางไม่ให้หงายหลังไปกระแทคกับเก้าอี้ “อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวฉันไปเรียกคนมาทำแผลให้” ริมฝีปากหนาเอื้อนเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะยันกายตนให้ลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกไปจากห้อง
นัยน์เนตรสีไพลินไดแต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปแต่ผู้เป็นเจ้าของดวงเนตรคู่นั้นกลับเลือกที่จะนั่งอยู่นิ่ง ๆ และรอคอยให้คนที่ชายร่างสูงนั้นเรียกเข้ามาทำแผลให้กับตน
ใบหนาสวยก้มมองฝ่ามือตนที่ถูกพันด้วยเทปสีขาวสะอาด ซึ่งคนที่ทำแผลให้เข้าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคาร์เร่หลายชายเพียงคนเดียวของคน ๆ นั้น ซึ่งเมื่อเด็กหนุ่มเหนบาดแผลที่เกิดขึ้นคิวเข้มที่อยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาทั้งแต่เยาว์วัยนั้นก็ขมวดเป็นปมแน่น เดกหนุ่มแทบจะวิ่งออกไปเรียกผู้เป็นน้าชายมาถามถึงเหตุผลที่ร่างโปร่งบางนั้นบาดเจ็บหากแต่ร่างสูงที่ยังไม่โตเต็มที่นั้นกับถูกมือเรียวบางรั้งไว้เสียก่อน ใบหน้าสวยส่งรอยยิ้มอ่อนตอบไปและนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มใจเย็นและยอมทรุดตัวลงเพื่อนนั่งทำแผลให้แก่เขา
ครีแวนรู้ว่าคาร์เร่นั้นล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่สับสนของเขาหากแต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ร่างสูงร่างนี้จะฉลาดปราดเปรื่องมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ฉลาดมากพอที่จะคิดตามเกมส์ที่เต็มไปด้วยกลโกงของน้าชายตนทันมันถึงทำให้คาร์เร่ไม่สามารถช่วยอะไรครีแวนได้เลย เพราะเขารับรู้เพียงแค่ว่าน้าชายของตนนั้นจะกลับรัสเซียในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ รวมไปถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างโปร่งบางนี้เขาไม่ล่วงรู้เลยสักนิดเดียว และถ้าหากให้คาร์เร่คาดเดาในสิ่งที่น้าชายของตนจะทำต่อไป คน ๆ นั้นคงตัดสินใจที่จะทิ้งร่างโปร่งบางนี้ไปแน่นอน เด็กหนุ่มไม่อยากที่จะคิดเช่นนั้นแต่เท่าที่เขาทราบคน ๆ นั้นมักที่จะเขี่ยบางสิ่งที่ตนเองเบื่อแล้วทิ้งไปให้พ้นทางเดินของตน ซึ่งการคงอยู่ของ ‘ครีแวน เดอ เมอร์เรส’ ในตอนนี้คือสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับคน ๆ นั้นแน่นอน แต่มันก็มีบางสิ่งที่ดูผิดแปลลกไปจากปกติ เพราะทุกครั้งที่ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นจะกลับรัสเซียหรือจะบินไปติดต่อธุรกิจที่ไหนคาร์เร่จะเป็นคนจัดการทั้งหมดแต่ครั้งนี้คน ๆ นั้นกลับปฏิเสธที่จะให้เขาทำธุรการทั้งหมดและที่สำคัญไปกว่านั้นการกลับรัสเซียโดยที่ไม่คิดจะกลับมาที่นี่มันเป็นการตัดสินใจที่น่าสงสัยเสียจริง
มือกร้านปล่อยมือออกจากขอมือบางก่อนจะเดินตรงไปเปิดประตูห้องเพื่อให้เด็กสาวเข้ามาหาผู้เป็นพี่ชาย ร่างเล็กนั่นวิ่งเข้าไปหาร่างโปร่งบางด้วยสีหนาและแววตาที่เป็นห่วงแต่มันก็อยู่เพียงช่วงครู่เท่านั้น ใบหน้าเศร้าและเหงาหงอยนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างออกมา นัยน์เนตรคมสองสีมองใบหน้าน่ารักนั่นอยู่นาน ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าการที่น้าชายของตนชอบมองใบหน้าสวยที่มักเปลี่ยนไปตามอารมณ์ต่าง ๆ ของร่างโปร่งบางนั้นทำไม นั่นก็คงเป็นเพราะใบหนาที่แปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์มันทำให้ความตึงเครียดและความรู้สึกหนักอึ้งนั้นหายไปนั่นเอง
คาร์เร่ได้แต่ยืนมองเด็กสาวและผู้เป็นพี่ชายของเธออยู่อย่างนั้น แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเหตุผลที่เด็กหนุ่มคนนี้มองไปยังคนทั้งคู่นั้นก็คือเขาต้องการมองใบหน้าของเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีน้ำเงินเข้มแปลกตาที่แปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์ต่าง ๆ บางทีนี่อาจจะเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรมในตระกูลฟีเลทัสก็ได้กระมังที่ชอบมองใบหน้าของคนที่พิเศษสำหรับตัวเองมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป
กาลเวลานั้นค่อย ๆ ดำเนินอย่างเชื่องช้าซึ่งเวลาที่ผ่านไปนั้นมันเหมือนกับเป็นมีดนับร้อยนับพันเล่มที่ค่อย ๆ พุ่งเข้ามาทิ่งแทงในจิตใจของครีแวน แม้ใบหน้าสวยยังคงนิ่งสนิทเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าจิตใจของร่าง ๆ นี้นั้นมันช่างอ่อนแออย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน
ครีแวนขังตัวเองอยู่ในห้องของชายร่างสูงผู้มีเรือนผมสีแดงชาดมาตลอดสามอาทิตย์ ซึ่งเรียกได้ว่าตั้งแต่ครีแวนได้รับรู้เรื่องราวจากริมฝีปากหนานั่น ร่างโปร่งบางนั้นก็ไม่คิดที่จะย่างกรายออกไปทางด้านนอกเลยสักก้าวเดียวและเช่นเดียวกับชายร่างสูงหลังจากที่คน ๆ นั้นเจอเหตุการณ์ในวันนั้นวันที่เขาบีบแก้วจนแตกคามือ ชายคนนั้นก็ไม่คิดที่จะย่างกรายเข้ามาภายในห้อง ๆ นี้ซึ่งเป็นที่พำนักของตนเลยสักก้าวเดียว
แต่ความจริงแล้วเรื่องที่อีกฝ่ายจะจากไปนั้นครีแวนสมควรจะดีใจเสียมากกว่า หากแต่ทำไมร่างโปร่งบางร่างนี้กับไม่รู้สึกดีใจที่จะได้อิสรภาพกลับคืนมาเลยสักนิด ซ้ำเขายังเจ็บปวดมากกว่าเสียอีกที่ตนได้รับรู้เรื่องราวพวกนั้น หรือมันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากโดนคนอื่นมองด้วยสายตาสมเพชเวทนาว่าถูกชายคนนั้นทิ้งให้อยู่ที่นี่ หรือเป็นเพราะเขาไม่อยากที่จะโดนคนอื่น ๆ มองว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ชายคนนั้นเบื่อและกำลังจะทิ้งขว้าง… ซึ่งตัวของครีแวนก็ไม่อาจเขาใจได้
ร่างโปร่งบางยังคงนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความหยิ่งทระนงนั้นในตอนนี้มันกลับดูเศร้าหมองและจิตใจนั้นกำลังอ่อนแอ
และถ้าหากให้นับวันเวลาแล้วหละก็วันนี่นี่หละที่เป็นวันที่ชายร่างสูงคนนั้น ‘เฮลาส ฟีเลทัส’ จะเดินทางจากประเทศนี้ไปโดยไม่มีการหวนกลับมา…ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อตนคิดเช่นนั้น แม้ใจนั้นอยากจะเอ่ยรั้งอีกฝ่ายไม่ให้จากไปแต่ทิฐิในตัวของครีแวนนั้นยังคงมีมากกว่า
แม้จะไม่อยากสูญเสียแต่ถ้าตนได้ตามที่หวังไว้มันจะเป็นอย่างไรกันเล่า ‘ในเมื่ออีกฝ่ายเบื่อและต้องการที่จะทิ้งเขาไป’ ต่อให้เขาไปอ้อนวอนขอร้องขนาดไหนความรู้สึกของคน ๆ นั้นก็ไม่อาจที่จะกลับคืนมาได้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะยอมตามที่เขาร้องขอมันก็เป็นแค่การยื้อเวลาต่อไปเท่านั้น…และมันคงต้องมีสักสักวันคน ๆ นั้นก็จะเขี่ยเขาทิ้งไปอย่างไม่ใยดีซึ่งสภาพแบบนั้นมันดูน่าสมเพชยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก สู้เขายอมถอยออกห่างตั้งแต่ตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ
มือบางพลางแตะไล่วนตามขอบถ้วยน้ำชาก่อนที่จะละไปจับที่หูของถ้วยและยกมันขึ้นดื่ม ชาอุ่น ๆ และรสชาติของมันทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของครีแวนสงบลงได้ แต่มันก็สงบลงได้สักพักหนึ่งเท่านั้นเพราะแค่เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีความว้าวุ่น เศร้าหมองนั้นก็กลับคืนมาอีกเช่นเดิม ไม่มีอะไรที่จะทำให้ตัวของครีแวนนั้นลืมเลือนเรื่องของคน ๆ นั้นได้แล้วหรืออย่างไร ทำไมคน ๆ หนึ่งที่เข้ามาในชีวิตไม่ถึงสามเดือนดีกับตราตรึงอยู่ในความทรงจำของร่างโปร่งบางได้ถึงขนาดนี้
ความรู้สึกที่ครีแวนมีให้อีกฝ่ายนั้นมันไม่ใช่ความรู้สึก ‘รัก’
มันไม่ใช่ความรู้สึก ‘หลงใหล’
และที่สำคัญมันไม่ใช่ความรู้สึก ‘เถิดทูนหรือบูชา’
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคน ๆ นั้นเลยสักนิดแต่ทำไมตัวของเขาถึงตัดความสัมพันธ์กับชายร่างสูงคนนั้นไม่ขาด ไม่สิแค่คิดจะตัดเขาก็ยังทำไม่ได้เลย
ครีแวนยังคงนั่งเงียบอยู่ภายในห้อง พลันเสียงบานประตูนั้นค่อย ๆ เปิดอ้าออกพร้อม ๆ กับร่างสูงของเด็กหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสองสี
“ครีแวน…เออคุณควรลงไปชั้นล่างสักหน่อยนะครับ น้าชายของผมกำลังออกเดินทางแล้ว” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยดังและเมื่อเดกหนุ่มเอ่ยจนจบประโยคบรรยากาศโดยรอบของครีแวนนั้นเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ใบหน้าสวยเบนกลับไปมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม ทั้งสีหน้าและแววตาของเขาพยายามที่จะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติมากที่สุด
“ทำไมฉันต้องไป มีความจำเป็นอะไรกัน” ริมฝีปากบางพูดออกไปห้วน ๆ เพื่อแสดงให้เดกหนุ่มเห็นว่าเขาไม่ได้รูสึกหวั่นไหวอะไรกับคำพูดพวกนั้นเลยสักนิด หากแต่ครีแวนนั้นจะรู้ตัวบ้างไหมว่าทุกประโยคที่ตนเอ่ยออกไปน้ำเสียงนั้นมันสั่นเครือขนาดไหน
“คุณ..คงไม่อยากโดนบังคับใช่ไหมครับ” ริมฝีปากหนาของเด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอีกครั้ง ซึ่งประโยคนี้ทำให้ครีแวนเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา ‘โดนบังคับ ? ใครจะมาบังคับเขากัน ไม่สิใครหน้าไหนที่คิดจะมาบังคับเขากันต่างหาก’ นัยน์เนตรคู่งามส่งแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยออกไป พลันคำตอบทั้งหมดก็ถูกเฉลยเมื่อบานประตูห้องเปิดกว้างอีกครั้งพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวคน ๆ หนึ่งที่ครีแวนไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ ‘เฮลาส ฟีเลิทัส’
ร่างสูงสง่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างโปร่งบาง ใบหน้ากร้านคมนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจ “ฉันให้คาร์เร่มาตามทำไมไม่ลงไปตามที่สั่ง” เสียงทุ้มตะโกนกร้าว มือกร้านเอื้อมไปคว้าข้อมือบางไว้แน่น แต่มีหรือที่ครีแวนจะยอมให้อีกฝ่ายมาขึ้นเสียงและใส่อารมณ์กับเขา ท่อนแขนเรียวบางพยายามกระชากมือของตนกลับแม้มันจะทำให้ตนรู้สึกเจบปวดจากการระบมของบาดแผลแต่ครีแวนก็ไม่คิดที่จะสนใจมัน
“ทำไมต้องให้ฉันไปส่งนายหรือไง ฉันไม่ใช่ญาติของนาย ลูกน้องของนาย หรืออีตัวของนายนะ” ริมฝีปากบางเอ่ยตอกกลับ แต่ดูเหมือนมันไม่สามารถทำอะไรใบหน้าที่ดานชาของร่างสูงนี้ไดเลยสักนิดแต่ที่ยังดีที่เฮลาสยังมีมารยาทมากพอที่จะยอมฟังครีแวนนั้นเอ่ยออกมาจนจบประโยคและเมื่อเสียงหวานที่สั่นเครือนั้นเอ่ยจบลงประโยคเด็ดที่ถูกงัดออกมาเป็นไม้ตายสุดท้ายของดอนหนุ่มก็ถูกเอ่ยดัง
“นายไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแต่นายเป็นของ ๆ ฉัน…นายเป็นของ ๆ ฉันคนเดียวและตลอดไป” ราวกับว่ามีหยาดน้ำอุ่นสาดเข้ามากระทบกับใบหน้าสวย พลันแก้มขาวก็ขึ้นสีแดงก่ำ พร้อม ๆ กับร่างโปร่งบางที่ค่อย ๆ เซตัวเข้าไปอยู่ในวงแขนแกร่ง
‘ทำไม…ตัวเขาไม่มีแรงเลย…’ ครีแวนเอ่ยถามตนเองหากแต่ตอนนี้สติที่เคยมีอยู่กับตัวนั้นช่างพล่ามัวเหลือเกิน มือบางพยายามยันกายออกห่างจากร่างสูง ทว่าร่างทังร่างกับไรเรียวแรง ใบหน้างดงามแหงนหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมนั้น พลันรอยยิ้มชั่วร้ายก็พริ้มพรายออกมาจากริมฝีปากหนา
เมื่อเห็นรอยยิ้มเช่นนั้นครีแวนก็รู้ตัวแล้วว่าตนนั้นถูกอีกฝ่ายเล่นงาน ใบหน้าสวยหันไปมองยังกาน้ำชาที่ถูกนำมาเสริฟสลับกับหันมามองยังใบหน้ากร้านคม นัยน์เนตรคู่งามนั้นจ้องมองชายร่างสูงที่ประคองร่างของตนไม่ให้ทรุดลงไปกับพื้นด้วยสายตาราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ดูเหมือนฤทธิยากที่อยู่ในนั้นมันจะซึมลึกเข้าไปในระบบประสาททั้งหมดของครีแวนเสียแล้ว การดิ้นรนของครีแวนดำเนินต่อไปได้อีกครู่หนึ่งในที่สุดสติที่ลางเลือนนั้นก็ดับวูบลงและสิ่งที่ปรากฏชัดในตัวเนตรของร่างโปร่งบางนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็คือ รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของชายคนนั้น…ชายหนุ่มร่างสูงที่แสนจะแข็งประด้างและชั่วร้ายที่สุดเท่าที่ครีแวนเคยเจอมา
‘นี่เฮลาส…ที่นายยิ้มแบบนั้นมาให้ ฉันคิดเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมว่านาย…ก็ไม่อยากสูญเสียฉันไปเช่นเดียวกับฉันที่ไม่อยากสูญเสียนาย’
ร่างโปร่งบางที่จมเข้าสู่ห้วงนิทราถูกมือแกร่งช้อนตัวและอุ้มขึ้นมาแนบชิดกับแผ่นอก ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังโอบอุ้มร่าง ๆ นั้นหันกลับมาส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับผู้เป็นหลานชาย
“กว่ายานอนหลับขั้นรุนแรงจะออกฤทธิ์…นี่ผมคิดว่าอาจจะมีการฆ่ากันตายก่อนได้กลับรัสเซียซะแล้วสิ” เสียงทุ้มที่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มดีเอ่ยดังก่อนเขาจะทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“นั่นสิ…ใครจะไปคิดว่าเจ้าสัตว์เลียงตัวนี้จะดื้อดึงและทิฐิสูงขนาดนี้ ดีที่เตรียมแผนสำรองเอาไว้ไม่งั้น มีหวังกำหนดการเลื่อนหมดแน่ ๆ ฉันไม่ชอบอะไรที่ผิดพลาดซะด้วยสิ” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยกลั้วหัวเราะก่อนจะกระชับวงแขนตนให้ร่างโปร่งบางนั้นเข้ามาแนบชิดกับแผ่นอกตน นัยน์เนตรคมสีเปลวเพลิงพินิจมองใบหนาสวยที่หลับสนิทอยู่เพียงครู่ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้อง
แผนการนี้ถูกวางไว้ตั้งแต่วันแรกที่ครีแวนนั้นกลับมายังคฤหาสน์แห่งนี้ในสภาพโชกเลือด เฮลาสนั้นตั้งใจอยู่แล้วว่าถ้าขอบเขตการปกครองของตระกูลราดอล์ฟตกอยู่ในเงื้อมือของตระกูลฟีเลทัสทั้งหมด ตัวของเฮลาสก็คิดที่จะกลับสู่บ้านเกิดที่ตนจากมา ซึ่งตัวของชายร่างสูงนั้นไม่คิดที่จะกลับไปคนเดียวโดยทิ้งของ ๆ ตนเอาไว้ที่นี่อยู่แล้ว
ดังนั้นแผนการหลอกร่างโปร่งบางนั้นก็ถูกสร้างขึ้น โดยตัวของเฮลาสเองและทุก ๆ คนในคฤหาสน์นั้นล่วงรู้ถึงแผนการทั้งหมด ซึ่งยกเว้นคนเดียวนั่นก็คือร่างโปร่งบางผู้ที่จะเป็นเหยื่อของแผนการนี้ และการที่เขาไม่ค่อยได้โผล่หน้าเข้ามาวนเวียนและก่อกวนร่างโปร่งบางของเขานั่นก็เป็นเพราะการยื่นขอสัญชาติให้หนุ่มลูกครึ่งที่ตอนนี้หลับใหลในอ้อมแขนของเขารวมไปถึงผู้เป็นน้องสาวมันยากเอาเรื่อง แม้เขาจะใช้อำนาจทางการเงินเข้ามาช่วยแล้วมันก็ยังคงยากลำบากอยู่ดี นัยน์เนตรคมก้มลงมองใบหน้าขาวนั้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะพาร่างที่หลับใหลนั้นไปกับตน…
และในตอนนี้สัมภาระรวมไปถึงคนที่กลับไปยังรัสเซียก็ครบถ้วนเสียที เครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ทะยานขึ้นสู่ฝากฟ้าและค่อย ๆ บินออกห่างจากน่านฟ้าประเทศอังกฤษ
กาลเวลานั้นได้หมุนวนจนแสงอาทิตย์นั้นสาดส่องเข้ามายังหนาต่างอีกครั้ง ร่างโปร่งบางที่หลับใหลค่อย ๆ ลืมตาตื่นใบหน้าสวยนั้นปรายตามองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความสงสัยนั่นก็เพราะหลังจากที่ครีแวนโดนวางยาจนหมดสติไปเขาก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยสักนิดเดียวว่าชายร่างสูงที่สุดแสนจะน่าหมั่นไส้คนนั้นทำอะไรกับเขาบ้าง มือบางค่อย ๆ ยันกายเขยิบไปที่ขอบเตียงขาทั้งสองข้างค่อย ๆ ก้าวแตะลงไปยังพื้นพรม ในตอนนี้ครีแวนรู้สึกว่าตัวของเขานั้นยังคงนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มหลังเดิมของชายร่างสูงที่ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ
ร่างโปร่งบางนั้นสาวเท้าตนเดินไปรอบ ๆ ห้อง นัยน์เนตรคู่งามนั้นปรายตามองพวกเครื่องเรือนต่าง ๆ ที่จัดอยู่ภายในห้อง พลันความคิด ๆ หนึ่งก็แล่นเข้ามาภายในสมอง ‘ถึงแม้มันจะเหมือนแต่ก็ยังคงแตกต่าง เพราะห้อง ๆ นี้ถึงจะเหมือนกันกับห้องของหมอนั่นแต่มันก็มีบางจุดที่ยังแตกต่าง เขาถูกพามาสถานที่แห่งไหนกัน’ เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นร่างโปร่งบางก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเก่ามือบางพยายามเอื้อมไปคว้าอาวุธประจำกายขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว หากแต่ก่อนที่คมมีดจะถูกชักออกมาเล่นกับแสง บานประตูไม้สีดำสนิทที่ราวกับถอดแบบมาจากห้อง ๆ นั้นถูกเปิดออกพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของชายหนุ่มที่ครีแวนไม่คิดว่าเขาจะอยู่ ณ ที่แห่งนี้
“เฮลาส ฟีเลทัส นายทำอะไรกับฉัน แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน” เสียงหวานตะโกนกร้าวร่างโปร่งบางนั้นเร่งสาวเท้าเดินไปประจันหน้ากับเจ้าของใบหน้ากร้านคมนั่น ซึ่งชายหนุ่มร่างสูงนั้นได้แต่คลี่รอยยิ้มจาง ๆ ให้และส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ มือกร้านค่อย ๆ เอื้อมขึ้นไปลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเรือนผมสีน้ำเงินแปลกตาเบา ๆ พลันความโกรธทั้งหมดนั้นก็แปรเปลี่ยนเปนความเขินอายใบหน้าสวยนั้นสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น และนั่นก็ยิ่งเป็นการกระทำที่ทำให้เฮลาสได้ใจ มือกร้านอีกข้างหนึ่งถูกยื่นไปโอบรอบเอวบางให้เข้ามาแนบชิด เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู
“นายคิดว่าฉันจะทิ้งของที่เป็นของฉันไว้หรือยังไง ส่วนเรื่องที่ตอนนี้นายอยู่ไหน...นายอยู่ในห้องนอนของฉัน” แม้ประโยคแรกจะเรียกสีชาดขึ้นมาแต่งแต้มบนดวงหน้าขาวได้อีกครั้ง หากแต่ในประโยคสุดท้ายครีแวนถึงกับอยากจะฝืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งนั้นแล้วประเคนหมัดให้ไปเสียหนึ่งหมัด ทว่าชายหนุ่มร่างสูงนั้นรู้ทันมือกร้านกระชับอ้อมกอดตนให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเก่าและยอมเอ่ยตอบคำถามที่อีกฝ่ายอยากรู้ “รัสเซีย...ตอนนี้เราอยู่รัสเซีย”
สิ้นเสียงทุ้มราวกับว่าโลกทั้งโลกของครีแวนที่เคยหมุนอยู่ตลอดเวลานั้นหยุดลง ใบหน้าสวยเอี้ยวหันกลับไปมองใบหน้าของชายร่างสูงด้วยความงุนงง นัยน์เนตรคู่งามนั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ตัวของร่างโปร่งบางเลือกไม่ถูกว่าจะถามคำถามไหนก่อนดี นัยน์เนตรคมสองคู่นั้นจ้องมองซึ่งกันและกันอยู่ช่วงระยะหนึ่งพลันใบหน้ากร้านคมก็ค่อย ๆ โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากสีสดที่เตรียมตัวจะเอ่ยถามคำถาม รสสัมผัสที่ครีแวนได้รับมันยังคงหอมหวานและนุ่มละมุนก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงจนแทบจะเผาไหม้คนทั้งสองคนเป็นเถาธุลี และเมื่อริมฝีปากหนานั้นผละออกคำตอบที่ครีแวนอยากจะรู้ทั้งหมดก็ถูกส่งผ่านมาทางริมฝีปากคมของชายร่างสูงผู้นี้เรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงก่ำด้วยความเขินอาย ก่อนร่างบอบบางของตนนั้นนั่นจะถูกมือแกร่งสวมกอดอีกครั้ง
“ถึงนายจะทำแบบนี้ไม่ว่าจะกี่ครั้ง…ฉันก็ยังคงเกลียดนายอยู่ดี เฮลาส ฟีเลทัส ไอคนเจ้าเล่ห์” เสียงหวานพึมพำออกแผ่วเบาก่อนมือทั้งสองเขาจะถูกยกขึ้นไปกอดตอบชายหนุ่มที่ตนเอ่ยปากบอกว่าเกลียดนั่นแน่น
………………
บางครั้งคำว่ารักมันไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา…เพราะว่ามันสามารถสัมผัสได้จากการกระทำของคนทั้งสองคน
ฉันเกลียดนาย ‘เฮลาส ฟีเลทัส’ แต่ฉัน…ก็อยากอยู่กับนายตลอดไปเช่นกัน
- End -
ข่าวสารที่ตองการสอบถาม