เรื่อง :: ไม่มีรุกแท้ในหมู่เกย์ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
ข้อ 7 : ลูกวัวเนื้อนุ่ม
รอแทบไม่ไหว
ฟักไม่เคยใจจดใจจ่อกับการเลิกงานขนาดนี้มาก่อน
เขารีบเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จสรรพเรียกได้ว่าตั้งแต่เย็นนี้ยันพรุ่งนี้งานของเขาแทบไม่มีอะไรตกค้างเลยแม้แต่น้อย
อะไรที่ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมขนาดนี้น่ะเหรอ
เด็กไงเด็ก
มันกระสับกระส่ายอยากรอให้เวลาผ่านไปให้ถึงตอนเย็นเร็วๆ
ทั้งวันเขาเผลอลอบยิ้มลอบเลียริมฝีปากเหมือนปอบจนเพื่อนๆนีมันสงสัยเกือบผิดสังเกต แต่ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวและสันดานเดิมของฟักนั้นไม่เคยหวั่นเกรงกับอะไรง่ายๆอยู่แล้วนอกจากผู้ชายตรงสเปค เขาเลยเนียนๆทำเป็นส่งยิ้มพูดจานุ่มๆไปทีสองที เพื่อนนีก็เขินดิ้นบิดไปบิดมากันหมด เขารู้สึกมาตลอดว่าอีพวกนี้มันเหมือนจะแอบจ้องจะงาบเขาอยู่บ่อยๆ แต่เสียใจ เขาเซฟตัวเองดี
หลังเลิกงานก่อนไปที่ร้านกาแฟร้านเดิม เขาไม่รอช้าที่จะโบะหน้าก่อนลงสนามแข่งเสมอ อย่างน้อยๆเขาก็แทบไม่ต้องโดดแดด ส่งผลให้น้ำหอมที่ฉีดไว้อ่อนๆยังคงส่งกลิ่นติดกายอยู่ตลอด เขาเพียงแค่ซับเหงื่อซับหน้าและแตะน้ำหอมอีกหน่อยๆนิดๆพอให้ดูเหมือนเป็นกลิ่นกายจากการอาบน้ำ กลิ่นแบบนี้นี่แหละที่มีเสน่ห์มากกว่าการพ่นน้ำหอมราวกับยาฆ่าหญ้ากว่าเป็นไหนๆ
เขารับไมได้กับพวกที่ไลฟ์สไตล์แบบมนุษย์ป้ามาก บางทีลูกหลานก็ควรจะบอกแกหน่อยว่ามันมากไป ถ้าฉีดจนฉุนเป็นกลิ่นโรงงานผลิตยีนส์ขนาดนั้น มึงอาบเถอะ แนะนำ
ฟักเดินเตร่ๆอยู่ในห้างสักพักเดินดูเสื้อบอลกางเกงบอลแถวแผนกเครื่องออกกำลังกาย ความจริงเขาสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้วด้วยรวมไปถึงพนักงานหน้าตาคมๆคนนั้นด้วยเหมือนกัน ทำให้เขาเผลอออกนอกเส้นทางจากร้านกาแกมาที่แผนกนี้ก่อน
จะว่าไปน้องหนูมัธยมก็เล่นบาส เพราะฟักเห็นว่าเด็กถือลูกบาสพกติดกายอยู่บ่อยๆ
แหม แต่เดี๋ยวก่อนนะ
นี้ยังไม่ทันไรก็คิดจะซื้อของล่อเด็กซะแล้ว แย่จริงๆแย่จริงๆ
ยังไม่ได้ๆ ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าเด็กมันจะติดเหยื่อ
ของอย่างนี้มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เขากลัวพลาดอีก หัวใจเขาไม่ได้ทำด้วยเหล็กด้วยกล้าเสียเมื่อไหร่ เจ็บแล้วจำเจ็บแล้วปวดเป็นเหมือนกัน
แต่จากที่ดูๆแล้ว
เด็กที่ฟักเล็งดูยังไงก็เด็กผู้ชายแท้ๆหรือเปล่าคนนึง
คนนี้ยังดูไม่มีพิษมีภัย ฟักยังเดาไม่ออกเท่าไหร่ คงต้องค่อยๆลองเขี่ยๆลองหยอดๆดูก่อน ถ้าได้พูดคุยมากกว่านี้ฟักเชื่อว่าเรดาร์ของเขาต้องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกว่านี้แน่ๆ
ฟักตัดอกตัดใจจากแผนกกีฬาและพนักงานคนนั้นก่อนเดินจากมา ความจริงเวลามาเดินห้างทีไรเขามักจะถูกลอบมองอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเขาก็แอบชอบใจนิดหน่อย เหมือนเป็นการเช็คเรตติ้งไปในตัว ถึงแม้คนที่มองมันจะเป็นชะนีซะส่วนมากก็ตามทีเถอะ แต่นั่นก็ทำให้เขามั่นใจอย่างนึงแล้วว่าเขาดูดีมากพอสมควร
กระทั่งมาถึงจุดหมาย โชคดีที่โต๊ะที่เขานั่งประจำยังเหลืออยู่หนึ่งโต๊ะ วันนี้คนเยอะกว่าปกติเมื่อเทียบกับหลายๆวันที่ผ่านมา ฟักเดินไปวางของก่อนตรงไปสั่งกาแฟ เขายิ้มทักทายพนักงานด้วยสีหน้าแจ่มบาน เขามาบ่อยจนพนักงานจำหน้าได้ เป็นการดีอย่างหนึ่งถึงความมีมนุษย์สัมพันธ์ บางครั้งเขาก็ได้เครื่องดื่มแบบจุใจ ชงแบบเน้นๆน่าดื่มทั้งคนทำทั้งกาแฟ
ฟักเดินกลับไปนั่งประจำที่เตรียมตัวออกรบแบบจริงจัง เขามองนาฬิการอเวลาอย่างจดจ่อ
ฝนทำท่าจะตก
เมฆครึ้มๆก่อตัวเหนือท้องฟ้า แย่ๆ เด็กก็ยังไม่มาสักที อย่าเพิ่งมางี่เง่าแถวนี้นะฟ้านะ
โอ๊ะ
แต่ทว่า พูดปุ๊บก็มาปั๊บ
เขาเบี่ยงสายตาแกล้งทำเป็นจิบกาแฟและกดโทรศัพท์เหมือนไม่ได้จงใจมารอเด็กน้อยเลยยย
“เอ่อ พี่ครับ พี่ครับ”
เสียงแตกเนื้อหนุ่มเรียกพี่ๆ หัวใจฟักเต้นไม่เป็นระส่ำ ต่อมน้ำลายเริ่มทำงานมากกว่าปกติ เขาพยายามเก็บอาการและเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เรียกตน
วันนี้พ่อหนูน้อยมาพร้อมกับลูกบาสอีกเช่นเคย
แต่กางเกงน้ำเงินของหนูดูท่าจะสั้นกว่าเดิมหรือเปล่า
เด็กสมัยนี้มันโตเร็วจริงๆ
สมัยเขาถ้าพูดถึงความสั้น แน่นอนว่าสำหรับน้องนีนี้มีเทรนด์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังไม่วิวัฒนาการลามปามมาถึงผู้ชาย ทว่าปัจจุบันหรือเรียกได้ว่าบุญตาสำหรับเขาจริงๆที่เด็กมันคงขี้เกียจเปลืองเงินซื้อกางเกงใหม่กัน แถมตัวก็สูงยาวเข่าดีกันทั้งนั้น ฟักเห็นแล้วอยากจะเดินไปลูบแข้งลูบขาให้รู้แล้วรู้รอด
“อ้าว ครับ เรานั่นเอง ว่าไงเอ่ย”
ฟักยิ้มอย่างเป็นมิตรมากมาก เขาลดโทรศัพท์ในมือลง เด็กน้อยรีบยกมือไหว้เขาก่อนจะคืนเงินสำหรับค่ากาแฟเมื่อวาน
“ขอบคุณนะครับ”
“ครับไม่เป็นไร แล้ววันนี้ไม่ดื่มสักแก้วเหรอครับ” เขาแกล้งพูดแหย่ๆล้อเล่น เพราะในร้านตอนนี้แทบไม่มีโต๊ะว่างเลย
“อ๋อ พอดีโต๊ะมันเต็มแล้วอะครับพี่” เด็กหัวเราะเบาๆอย่างเขินๆ
โอ๊ย
แดดอาทิตย์ก็ไม่แรง ในร้านแอร์ก็ออกจะเย็น แต่ทำเขาถึงได้รู้สึกจะละลายล่ะซี่ขนาดเน้
ซ่า~
ฝนตก
หลังจากที่เด็กกำลังทำท่าจะไม่อยู่ เราทั้งคู่ก็หันกลับมามองหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เด็กน้อยหัวเราะแห้งๆ
ขนาดฟ้าฝนยังเป็นใจให้เราอยู่ด้วยกัน คิดดูนะคิดดู
“สงสัยผมคงต้องอยู่แล้วแฮะ ฮ่าๆ”
ละลาย
รอยยิ้มของเด็กแรกรุ่นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“นั่งรอหาอะไรดื่มจนกว่าฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับก็ได้น้องครับ นั่งนี่ก็ได้นะ ไม่เป็นไร” ฟักอมยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดีและดูเฟรนลี่แมนๆสุดๆ เหมือนไม่ได้คิดจะลวนลามน้องเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เขาก็ยังไม่ประมาทพยายามเก็บอาการมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วโว้ย
เด็กพูดขอบคุณเขาก่อนจะเดินไปสั่งเครื่องดื่ม เขาพยักหน้ายิ้มๆอย่างไม่อะไรมาก แล้วก้มกดโทรศัพท์ต่อ ทว่าหลังจากที่น้องกางเกงน้ำเงินหันหลังให้เท่านั้นแหละ อย่างแรกที่เหล่เลยคือไอ้ขายาวๆของน้องนี่แหละที่โดนใจเขา กล้ามเนื้อแขนขาสวยแบบเด็กผู้ชายวัยกระเต๊าะ ผิวก็ขาว ผมเกรียนๆก็เริ่มยาวนิดๆตามกาลเวลา กางเกงน้ำเงินสั้นๆบวกกับเสื้อที่แอบชุ่มเหงื่อบวกหน้าใสๆด้วยแล้ว
และที่สำคัญฟักยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าน้องเขาดัดฟันอีกต่างหาก!
ตายๆ
ถ้าได้ชิมสักที ความอมตะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลย
ยาอายุวัฒนะดีๆนี่เอง
น้องกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสุดเร้าใจไม่ต่างจากตัว ฟักรีบเบี่ยงสายตาก่อนแกล้งยกกาแฟขึ้นมาจิบเพื่อกลบเกลื่อนความคันเมื่อครู่
“ว่าแต่น้องเรียนตรงใกล้ๆนี้ใช่มั้ยครับ?”
“อ๋อครับ ใช่ครับ”
“อื้อ ถ้างั้นเราก็เป็นรุ่นน้องพี่เลยนะ”
“หื้อ? พี่เคยเรียนที่นี้เหรอครับ?”
“ครับ ถ้าบอกรุ่นไปนี่น้องรู้อายุพี่ได้เลยนะ”
เด็กหัวเราะ เขาสังเกตได้ตั้งแต่แรกแล้วเรื่องตัวย่อโรงเรียนที่ปักอยู่บนหน้าอกเสื้อก่อนจะลามไปยันเสื้อกล้ามข้างในของน้อง แต่เขาแค่แสร้งทำเป็นไม่อะไร เพราะไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสได้พูดคุยไปกว่านี้ และอาจเป็นเพราะว่ามัวแต่ดูสัดส่วนเรื่องร่างเด็กจนเกินไปด้วยแหละ
“แล้วเรียนเป็นไงบ้างครับ เอ้อ อาจารย์มีนายังอยู่มั้ย?”
“อ๋อ ยังอยู่ครับๆ เมื่อเช้าผมเพิ่งโดนจารย์เขาด่าอยู่เลย ฮ่าๆ”
“แหนะ เรื่องทรงผมป้ะ?” ฟักหัวเราะพร้อมกับสบโอกาสชี้ไปที่ทรงผมของเด็กตรงหน้า การได้คุยเรื่องเก่าๆถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นแต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นรุ่นน้องในสถาบัน รู้สึกอบอุ่นอบใจยังไม่รู้ ฟักเริ่มอยากจะไปส่งน้องเขาเข้าโรงเรียนทุกๆเช้าเลยจริงๆนะให้ตาย
“ผมอยู่6/4อะ”
“พี่ก็ห้องสี่เหมือนกัน ยังไม่เคยย้ายห้องเลยด้วย”
“เฮ้ย จริงดิพี่”
“เออ จริงดิ ความจริงถ้ามีอะไรปรึกษาพี่ได้นะเรื่องเรียนหรือมหาลัยอะ พี่ไม่ได้ไปเยี่ยมโรงเรียนนานแล้วเหมือนกัน ว่างๆคงต้องไปบ้างแล้วสิยังงี้”
เด็กน้อยดูสนอกสนใจเขามากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ไม่เคยคุยกับเด็กแล้วรู้สึกเบิกบานเท่านี้มาก่อน
ราวกับว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน
ทุกๆอย่างดูจะเข้าอกเข้าใจกันไปเสียหมด ฟักรู้สึกว่าฟักมาถูกทาง ฝนยังคงตกพร่ำๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กยังคงยืดยาว
เขาไหลบทสนทนาไปได้เรื่อยๆอย่างเป็นธรรมชาติและไม่น่าอึดอัดสักนิด คุยกันไปคุยกันมาจนเครื่องดื่มในมือหมด แต่ก็ยังคุยกันได้ต่อดูท่าจะไม่จบลงง่ายๆ ตอนนี้ฟักพยายามจับสังเกตว่าน้องเขาจะเป็นหรือไม่เป็น ทว่าทุกอย่างก็ดูปกติดี เขาแลกเฟสกับน้องเพราะเริ่มคุยกันถูกคอมากขึ้นและไว้ปรึกษาเรื่องเรียนหรืออื่นๆเพิ่มเติมได้เสมอ ความจริง น้องเขาก็น่ารักดี หากไม่ติดเบ็ดก็ไว้มองเป็นอาหารตาก็ถือว่าคุ้มเสีย
“ว่าแต่คุยมาตั้งนาน น้องชื่ออะไรเหรอครับ?” ในจังหวะกำลังลื่นๆฟักเลยเนียนถาม
“ผมชื่อลีวายส์ครับ”
“ชื่อเดียวกับแบรนด์กางเกงใช่มั้ย?” ฟักเลิกคิ้ว แกล้งถามหยอกๆ
“นั่นแหละครับ ฮ่าๆ แล้วพี่ล่ะครับ?”
“พัชระครับ เรียกพี่พัชก็ได้”
ฟักหัวเราะยิ้มก่อนจะหัวเราะตามอย่างอารมณ์ดี เขายกเครื่องดื่มที่เพิ่งสั่งมาใหม่ขึ้นดื่มต่อก่อนจะพูดคุยกับรุ่นน้องกางเกงน้ำเงินมีหัวข้อสนทนามากมายที่เขารู้สึกว่าเย็นนี้ยังคงอีกยาวไกลจริงๆ เด็กน้อยดูไม่ระมัดระวังตัวและเป็นคนสบายๆคนนึง น้องจึงอาจไม่รู้เลยว่าขาอ่อนน้องนั้นขาวและน่ามองขนาดไหน
17-18
รู้ไหมว่ามันน่าเคี้ยวขนาดไหน
ลีวายส์
จะว่าไปก็
อยากรู้จังว่าอย่างอื่น
จะฟิตเหมือนชื่อไหมน้า
TBC
[05/07/2557]