เรื่อง :: ไม่มีรุกแท้ในหมู่เกย์ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
#คุยกับฟัก
มีคนอ่าน 29 คน 29 คอมเม้นต์
แช่ง ลุ้นให้มีเมียเล่นเบี้ยนตีฉิ่ง รถไฟชนกัน โดนหมาคาบไปแดก
มีแช่งให้อีพีทมาสอยเด็ก ฯลฯ : ประมาณกว่าๆ 23 คอมเมนต์
ระบุเจตารมณ์ ไม่ได้อีก : ประมาณ 5 คอมเมนต์
ให้กำลังใจคุณฟัก : 1 คอมเมนต์
นี่หรือเมืองพุทธ
ข้อ 9 : มิสเปรู ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
“พี่พัชครับ?”
“ครับ แค่ก แค่กๆ พี่ พี่โอเคครับ ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณมากครับ”
ฟักยกมือขึ้นส่งสัญญาณว่าตัวเองยังไหว เขาแกล้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือดูก่อนจะท่าทางตกอกตกใจ
อีพีททำท่าจะหันมามองทางนี้แล้ว
ไม่นะไม่ ไม่ไม่ม่
“โอ้ ตาย พี่ลืมไปว่าวันนี้พี่ต้องไปงานต่อน่ะครับ ถ้าอย่างนั้น ถ้าน้องลีวายส์ยังไม่เข้าใจตรงไหนโทรไปถามพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ นี่นามบัตรพี่นะครับ” เขายื่นนามบัตรส่วนตัวพร้อมเบอร์โทรให้ไป ก่อนจะค่อยๆเอี้ยวตัวออกไปอีกทางของร้าน เพื่อไม่ให้เจอคู่ขาเก่าที่ยืนหน้าลอยอยู่ตรงหน้าร้าน
ความจริงในผับก็ค่อนข้างมืด แถมยังปิดไฟเอากันอีก พีทอาจจะจำฟักไม่ได้ก็ได้มั้ง
แต่เขาเสือกจำแม่งได้ขึ้นใจเชียวล่ะ
ถึงความเสียดายยังมีอยู่มาก แต่เพื่อความปลอดภัย ฟักคิดว่าความชัวส์เป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ถ้าโป๊ะแตกขึ้นมาแล้วแก้สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้ มีหวังเหยื่อที่กำลังติดเบ็ดได้หลุดหนีกระเจิดกระเจิงไปไกลกู่ไม่กลับ ทำให้ต้องรีบสละยานจรลีออกมาจากที่แห่งนั้นแทบจะทันที
วันพระไม่ได้มีหนเดียว
ไม่เป็นไร
ถ้าเขาไม่ตายด้วยเหตุกะทันหันซะก่อน ก็ยังมีเวลาอีกมากในการเปเด็ก
แต่มันน่านักเชียว
ตอนนั้นกำลังมันส์ๆเลย
อีพีทนะอีพีท
อายุปูนนี้แถมการงานที่ทำ กว่าจะมีเด็กหลงเข้ามาในวงจรมันยากแค่ไหนหล่อนรู้ไหม
ฟักทาครีมด้วยแรงแค้น หลังจากการอาบน้ำที่ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าของเขา ฟักยังนอนไม่ได้เด็ดขาดเพราะต้องบำรุงตั้งแต่เซลล์เล็บจรดปลายเส้นผม กว่าจะได้นอนจริงๆรวมเวลาแล้วหลายชั่วโมง อยากให้เข้าใจวัยที่ไม่ได้มีฮอร์โมนพลุ่งพล่านตลอดเวลาเป็นกิจวัตร อะไรที่เคยเต่งเคยตึงมันย่อมมีประสิทธิภาพไม่เท่าตอนวัยละอ่อนอยู่แล้ว
ตึ๋ง!
เสียงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ ฟักหยิบขึ้นมาดูด้วยสายตานิ่งๆ เพราะหน้าที่กำลังมาร์คอยู่ส่งผลให้เขาขยับมากไม่ได้
Levi 's : ดีค้าบๆ
เด็กทัก
..เด็กทักมา
…เด็กทักมา
วรั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
Patchara : ดีครับน้องลีวายส์
Patchara : ไม่เข้าใจตรงไหนหรือเปล่าถามพี่ได้นะ ฮ่าๆ
Levi 's : ป่าวๆครับ เข้าใจแล้วค้าบ แต่ว่าอยากมาขอบคุณพี่พัชเฉยๆ
เป็นเด็กดีที่ไม่ลืมบุญคุณคนซะด้วย น่ารักน่าชัง ฟักคุยกับเด็กไปควบคู่ด้วยการนั่งดูรูปโปรไฟล์น้องเขาเป็นกับแกล้ม อยากจะกดไลค์แม่งทุกรูป แต่เกรงว่าเขาจะหาว่าเรียกร้องความสนใจ
Patchara : ไม่เป็นไรครับ ตั้งใจสอบนะ สู้ๆ
Levi 's : >,.<
Levi 's : ทีแรกว่าจะโทรมา แต่ผมเกรงใจ กลัวพี่พัชอาจจะหลับแล้ว
Patchara : อ้อ ไม่เป็นไรครับ
Patchara : แต่ถ้าสอบตกมา พี่ทำโทษ อิอิ
Levi 's : งะ พี่พัชไม่ทำหรอก พี่พัชใจดี
ไม่รู้อะไรซะแล้ว
ถ้าคะแนนออกมาไม่คุ้มกับที่เขาสอนไปล่ะก็ สงสัยต้องทำโทษด้วยการเปิดคอร์สสอนติวเพิ่มเติม ฉบับถึงเนื้อถึงตัว ไม่เสียตังค์ แต่เสียตัว แค่พูดก็คันยุบยิบละ ตลอดคืนเขาคุยกับเด็กเพลินจนลืมแม้กระทั่งเวลาล้างหน้าทีเดียวเชียว
“คุณพัช ช่วงนี้หน้าตาแจ่มใสขึ้นนะคะ แอบมีอะไรดีๆหรือเปล่า”
นั่นเป็นประโยคของชะนีนางหนึ่งในออฟฟิศ เขาได้ยิ้มตอบ แม้ในใจจะรู้สึกคับพองอย่างห้ามไม่อยู่ ผิวเขามันอิ่มเอมเป็นปกติ ถือว่าชะนีนางนี้ตาเพิ่งมีแวว แล้วยิ่งเรียกได้ว่าช่วงนี้ฟักแทบจะเหมือนกลับไปอายุสิบสี่อีกครั้ง เพราะเขาได้เจอน้องลีวายส์แทบทุกเย็น
หลังจากการเจอพีทวันนั้น เขาก็เริ่มเป่าหูเด็กให้ลองไปหาอะไรกินที่อื่นเพิ่มเติม เพราะคะแนนน้องออกมาถือว่าดีเยี่ยม ทำให้ในเวลาต่อมา เด็กเริ่มวางใจและระยะห่างระหว่างเราลดลงเข้าเรื่อยๆ
มีลุ้นไงบอกแล้ว
“อืม น้องลีวายส์พอจะทราบแผนกพวกกีฬาของที่นี้มั้ยครับ”
เขาเริ่มต้นด้วยการทำเป็นพูดคุยเรื่องจิปาถะระหว่างการติวเข้มข้นหรืออาจเป็นช่วงหลังติวเสร็จแล้วก็ได้ แต่ควรคุยตอนใกล้จะติวเสร็จดีกว่า เด็กมันจะได้ไม่ลืม เพราะถ้าไปพูดหลังติวเสร็จ เผื่อว่าเด็กมันมีธุระไปที่อื่นต่อเดี๋ยวจะค้างเติ่งกันเปล่าๆ อุตส่าห์ว่าจะได้เด็กควง กลายเป็นว่าเดินตากแอร์กลับบ้านคงไม่ดีแน่
“รู้จักครับ พี่จะซื้ออะไรเหรอ”
“พี่ว่าพี่จะไปดูรองเท้าสักหน่อย”
“อ๋อ พี่ไปโซนB25 แล้วเดินต่อไปตรง”
“เดี๋ยวนะ คือ จริงๆพี่แทบไม่รู้เส้นแถวนี้เลยน่ะสิ” ฟักแกล้งยิ้ม เขาเคยเดินที่นี้แค่นับครั้งไม่ทวนเอง
“งั้นเดี๋ยวผมพาไปครับ วันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนต่ออยู่แล้ว”
มันต้องอย่างนี้เด็กน้อย
“พี่พัชสนใจเรื่องกีฬาด้วยเหรอครับ”
“ก็ไม่เท่าไหร่นะ เพราะพี่อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดขนาดนั้น แบบชอบเล่นขำๆคลายเครียดจากที่ทำงานมากกว่า บางทีพี่ก็ทำงานนั่งทั้งวัน มันก็ปวดเมื่อยเป็นธรรมดา นี่พี่ก็ว่าจะซื้อรองเท้าไปลองวิ่งดู”
“อ๋อ ครับ ว่าแต่พี่ดูตัวไหนไว้หรือยัง”
“ยังเลย พี่กะจะมาเอาด่านหน้านี่แหละ ฮ่าๆ พี่ไม่ได้ซีเรียสหรือติดแบรนด์อะไร” เขาเกือบจะเอ่ยปากบอกไปแล้ว แต่ดูอีกที อย่าเพิ่งดีกว่า แกล้งทำเป็นใสใสในวงการนี้เพื่อให้เด็กมันได้เผยอะไรออกมาบ้างก็น่าจะดีเด็กพาเขาเดินไปเรื่อยๆ เหมือนแฟนเดินด้วยกันเลย ใครผ่านไปผ่านมาก็ดูออกหมดสิ เหมาะสมกันซะขนาดนี้
“งั้นอยากได้แบบไหนเหรอครับ ลองบอกมาก่อน เผื่อผมช่วยแนะนำได้” เด็กถามเขาด้วยรอยยิ้ม
“พี่อยากได้แบบ ใส่สบายๆ นุ่มๆ แต่ก็ฟิต…พอดีกับเท้า”
เขาก็ตอบกลับเสียงทุ้มและยิ้มละมุนไม่แพ้กัน
เด็กน้อยยิ้ม ดูแล้วเป็นรอยยิ้มขัดเขิน ก่อนจะรีบเบี่ยงสายตาหลบเขาด้วยท่าทีน่ารักน่าชัง
นั่นมันแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ฟักเริ่มพูดคุยกับเด็กมาขึ้นไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องเรียนของเด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว แต่ส่วนมากเด็กมักจะทักเขามาก่อน ถ้าพูดถึงในพวกโซเชียลมีเดียนะ เขาวางตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ชะนีคิดไว้เยอะ เขาไม่ค่อยได้ทักเด็กก่อน ทั้งๆที่ใจอยากจะคุยด้วยแทบตาย
วันถัดๆมาที่เด็กขอให้เขาติวหนังสือให้ต่อ เขาแกล้งบอกลีวายส์ว่ากำลังกินร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในห้างชั้นสาม กลายเป็นการโน้มน้าวอ้อมๆว่าให้เด็กขึ้นมาหาหน่อย และเด็กก็มาจริงๆ
“กินด้วยกันมั้ย?” ฟักเชิญชวน
เด็กอึกอักไปครู่หนึ่ง คาดว่าเกิดจากการเกรงใจ
“ไม่เป็นไรๆ พี่เลี้ยง อยากกินอะไรสั่งได้เลย ถือว่าเลี้ยงค่าที่พาพี่ไปดูรองเท้าละกัน”
“ขอบคุณครับพี่พัช” กล่อมอยู่ไม่นาน เด็กเลยตอบตกลง เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ที่รู้ๆคือเด็กมันแดกเก่งมากเลย เรียกได้ว่ามากินที่นึงคุ้มจริงๆ
หรือไม่ก็เมื่อวันศุกร์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา
เขาก็เพิ่งถอยเสื้อกีฬากับรองเท้าคู่ใหม่เอี่ยมให้เด็กไป
“ไม่เป็นไรพี่ ผมใส่ได้ คู่นี้มันก็ยังดีๆอยู่เลย”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็ซื้อพอดีเนี่ยะ รับไปเถอะ”
“แต่ผม เกรงใจอะครับ เอ่อ”
เพราะก่อนหน้านั้นเขาแอบเห็นรองเท้ากีฬาที่เด็กใส่มา ค่อนข้างเก่าลงไปบ้างแถมยังมีรอยชำรุดให้เห็นมาเนืองๆ เขาเลยแกล้งถามนู่นนี่ไปเรื่อย ก่อนจะค่อยๆวกเข้าเรื่องรองเท้า และเดินไปดูแผนกนี้กับลีวายส์อีกครั้ง แน่นอนว่าเขาก็เลยแสดงตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดี ซื้อให้เด็กไปสักคู่
“มันลดราคา ซื้อคู่นึง คู่ถัดไปลดห้าสิบเปอร์เซ็นเลยนะ เอาไปเถอะ เลือกเลย พี่ให้”
แต่เพื่อความแนบเนียนเขาเลยทำเป็นซื้อของตัวเองไปด้วยแล้วแกล้งบอกว่ามันลดราคาพอดี
ลีวายส์ขอบคุณเขา รอยยิ้มใสๆแฝงความเกรงใจยิ่งทำให้หัวใจพองโต
หรือจะวันนั้นที่เขาพาเด็กไปดูหนังเรื่องใหม่ล่าสุดระบบทรีดีแบบซาวด์แทร็ก ดูให้มันสะใจไปเลย ทีแรกเด็กแค่บ่นๆว่าจะไป แต่ก็ไม่ได้เพราะบอกว่าเงินไม่ถึง หลังติวให้เด็กเสร็จเขาเลยพาเด็กไปดูโดยอ้างว่าได้ตั๋วฟรีมาสองใบพอดี แต่หาคนดูด้วยไม่ได้ เขาเลยได้ข้ออ้างไปดูหนังกับเด็กสองต่อสอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องลีวายส์ มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ”
หรือจะวันนี้ที่เด็กมันนั่งทำหน้าเครียดเศร้าสร้อยเศร้าซึมราวกับโลกนี้ไม่มีใครที่ให้ที่พึ่งแก่เด็กน้อยได้อีกแล้ว ฟักเลยถามด้วยความเป็นห่วง เขากลัวว่าเด็กอาจจะมีเรื่องไม่สบายที่บอกใครไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาก็จะได้โอกาสทำคะแนนได้ฟรีๆและง่ายดายกว่าเดิม
“ผม…” เด็กน้อยเหลือบตามองเขา ก่อนจะเบนหนี “ผมอาจจะมาติวกับพี่พัชไม่ได้แล้วนะครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” แล้วเขาจะได้เจอเด็กแซ่บๆถูกใจแบบนี้อีกเมื่อไหร่วะ อุตส่าห์เลี้ยงมาซะขนาดนี้แล้ว จะบอกว่าไม่มาเจออีกได้ไง ไม่ยอมโว้ย!
“คือ”
เขาพยายามสบตาเด็กและสื่อให้เห็นว่าผู้ใหญ่คนนี้ช่วยเหลือได้ไว้ใจได้ แต่เด็กก็จะยังไม่กล้าเอ่ยปาก ฟักส่งยิ้มอ่อนๆเพื่อให้กำลังใจไม่ให้น้องลีจังรู้สึกกลัวหรือถอยห่างออกไป กลับมาลูกกลับมา
“อ่า ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องคิดมาก ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้เสมอนะ ไม่เข้าใจก็ค่อยโทรมาหาพี่ก็ได้เนอะ”
“ผม ผม คือ ช่วงนี้ผมมีปัญหานิดหน่อยครับ”
เขามองเด็กไม่ละสายตาอย่างตั้งใจ
“ผมอาจจะไม่ได้เรียนต่อ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมมาหลายปีแล้ว ทุนที่ได้ก็ไม่พอกับค่าเทอมโรงเรียนเอกชน ที่บ้านผมกำลังมีปัญหา ตอนนี้มันสุดๆจริงๆ อาจารย์เขาก็บอกว่าถ้าค้างมากกว่านี้คงไม่ได้แล้ว ผมเลยเครียดไม่รู้จะทำยังไง เพราะอีกปีผมก็จะจบแล้ว ถ้าย้ายโรงเรียนตอนนี้มันก็คงวุ่นวาย”
“พี่พัชพอจะรู้จักงานพิเศษหรืออะไรก็ได้มั้ยครับ คือ ถ้า ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ผมไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟังก็เลยไม่รู้จะไปปรึกษาใครแล้ว”
“ค่าเทอมเราเท่าไหร่”
เขายิ้ม
“เดี๋ยวพี่จ่ายให้เอง”
TBC
[27/07/2557]