เรื่อง :: ไม่มีรุกแท้ในหมู่เกย์ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทส่งท้าย
“คุณพัชระคะ”
“ครับ”
“พักแล้วยังไม่ไปกินข้าวอีกเหรอคะ?”
“อ่อ ว่าจะไปพอดีครับ คุณนิ้งล่ะ?”
ฟักยิ้มรับเพื่อนร่วมงานสาวสวยประจำออฟฟิศ ตั้งแต่เข้ามาเริ่มงาน เขาว่าเธอช่างเป็นมิตรกับเขาอย่างโจ่งแจ้ง
เงินเดือนที่นี้น้อยกว่าที่เก่านิดหน่อยแต่ฟักก็โอเค เขาไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้แล้ว เพราะถ้าเทียบกันกับสภาพแวดล้อมเขารู้สึกดีกว่าเยอะ
ฟักเดินตามหญิงสาวไป เธอชอบมาชวนเขาไปกินข้าวเที่ยงอยู่บ่อยๆ เขาก็ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง หลังๆมานี่เห็นคนลือๆกันว่าพวกเขาเป็นแฟนกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เขาได้แต่ส่ายหน้าเมื่อมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆเข้ามาถาม ไม่ว่ายังไงคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมันก็เขาทั้งนั้น ถ้าตอบรับ ฝ่ายผู้หญิงจะเสียหายหากเธอไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าเกิดฝ่ายหญิงดันชอบเขาอยู่ แต่เขาไม่ตอบรับ ก็กลายเป็นว่าเขาเป็นไอ้งั่งที่ดูใจเธอไม่ออก
เกิดเป็นชายใครว่าไม่ลำบาก ยิ่งโดยเฉพาะคนเนื้อหอมอย่างเขาด้วยน่ะนะ อยู่เฉยๆยังมีปัญหาเขามาวุ่นวาย
“คุณนิ้งกินอะไรดีครับ” เมื่อถึงร้านอาหาร ฟักมองดูเมนูก่อนถามสาวข้างๆ
“เส้นเล็กน้ำใสล่ะกันค่ะ”
“อ่าได้ครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเลยนะ” เขายิ้มแกล้งๆเธอ น้ำเสียงติดตลก เธอตาโตก่อนจะยิ้มอย่างแปลกใจ
“ไม่เป็นไรค่ะๆ นิ้งไม่อยากรบกวนคุณพัชเลย”
“งั้นคราวหน้าคุณนิ้งก็เลี้ยงผมดีมั้ยครับ?”
“โอเคค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ “เย็นนี้คุณพัชไปไหนหรือเปล่าคะ”
“ผมมีนัดกับเพื่อนน่ะครับ คุณนิ้งมีอะไรหรือเปล่า?”
“อ่อ เปล่าคะ ถามดูเฉยๆ” เธอหัวเราะแห้งๆ
อาหารมาเสิร์ฟพอดีฟักจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่ได้เดินหน้าจีบเธอจริงจังแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะเป็นเพื่อนกันกับนิ้ง อีกอย่างเขาไม่จำเป็นต้องพูดตรงๆว่าเขาไม่ได้ชอบเธอหรืออะไรเทือกนั้นๆเพราะถ้าทำอย่างนั้นมันก็หมดสนุกพอดีสิ อย่างน้องน้อยก็น่าจะเป็นตัวช่วยในเรื่องงานเขาได้หลายๆอย่าง
งานใหม่ไม่น่าเบื่อนักแต่ก็ไม่ได้ง่ายดายจนเกินไป
ส่วนเรื่องเก่าๆ อย่างเช่น น้ำ น้ำเหรอ เขาไม่รู้เหมือนกัน ได้ข่าวมาแว่วๆว่าเธอย้ายงานกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัดเพราะทนกระแสสังคมไม่ไหวล่ะมั้ง ใครทนอยู่ได้ก็นับถือเลย อีกทั้งหัวหน้าคงไม่ใจดีให้พนักงานที่มีเรื่องมีราวใหญ่โตเดินตัวปลิวอยู่ในบริษัทหรอก
หลังจากทานอาหารกับหญิงสาวเสร็จเขากลับเข้าทำงานกระทั่งถึงเวลาเลิก ฟักเห็นรถคนคุ้นตาของเพื่อนเก่ามาจอดอยู่ข้างๆบริษัท
“ไงมึง”
“เออ”
ฟักทักกลับเมื่อเข้าไปนั่งในตัวรถ ไอ้เพื่อนคนนี้มันเกิดนึกครึ้มอะไรไม่รู้จู่ๆเมื่อวานคืนไอ้ต๊อบโทรมาเขาเพื่อจะชวนไปข้างนอก ฟักเห็นว่าช่วงนี้ตัวเองก็ไม่มีธุระอะไรมากเลยตอบตกลง อีกอย่างเขาไม่ได้เที่ยวมานานแล้วเหมือนกัน
“ไปไหนดี” ไอ้ต๊อบเป็นคนขับรถ ฟักเอนหลังพิงเบาะก่อนจะพักสายตา
“มึงชวนกู มึงก็คิดสิ”
“พรุ่งนี้มึงทำงานกี่โมง” ไอ้ต๊อบถาม
“เก้าโมง”
“เออ งั้นโต้รุ่งกัน”
“มึงจะชวนกูแดกข้าวต้มไง?” ฟักว่าขำๆแต่หน้าตาย
“พ่อมึงสิ มึงก็ช่วยให้ความร่วมมือกับกูหน่อยดิไอ้คุณพัชระครับ นานๆทีจะได้ออกมาด้วยกัน ทำเหมือนไม่อยากไปไหนงั้นแหละ งั้นที่หลังมึงไม่ต้องรับสายกูละกันนะ”
“เจอกันทุกวัน อย่างกับบ้านมึงไกลจากบ้านกูมากกก”
“เออน่า แก่แล้วขี้บ่นว่ะมึง”
“สัด”
ก็ตั้งแต่มีงานมีการทำกันแถมเขายังย้ายที่อยู่ไกลจากอีกฝ่ายมากทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลาติดต่อกันเท่าไหร่กระทั่งจนตอนนี้ คำด่า ทีนานๆทีจะได้หลุดออกจากปากฟักบ้าง เขาหัวเราะ รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเพื่อนคนนี้ เขาเหมือนได้เป็นตัวเอง
แต่ก็แค่แวบเดียว
ฟักลืมตาก่อนมองกระจก เขาก็ยังไม่มีตีนกานะ อิต๊อบแม่งปากหมา
“ไปร้านเดิมละกัน มึงจำทางได้มั้ย ปิดไปยังวะ” ฟักถาม
“จำได้ๆ ยังไม่ปิดๆ”
เขาไปหาอะไรกินกับไอ้ต๊อบต่อจนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิทเหลือแค่แสงไฟหลากสีในเมือง มันสั่งจึงเริ่มสั่งเครื่องดื่มมา พวกเขานั่งดื่มไปเรื่อยๆมากกว่าจะลุกไปดีดดิ้นเหมือนสมัยมหาลัย กระนั้นก็เถอะ ฟักก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นเขาแค่เข้าเลขสามแล้วเฉยๆ
“ร้านนี้แม่งมีแต่เด็กแจ่มๆ” ไอ้ต๊อบพูดตามเยิ้มๆจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมยุ่งๆเหมือนขี้เกียจเซ็ทเป็นสไตล์ประจำตัวมันเลยก็ว่าได้
“เด็กผู้ชายที่ยื่นกุมเป้าตรงนั้นอะนะ” เขาเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“คุวย” ไอ้ต๊อบสำลัก มันหันกลับมาด่า ฟักหัวเราะสะใจเบาๆ เขาว่าไอ้ต๊อบนี่มันสเปกทั้งชายทั้งหญิงหลายๆคนเลย แล้วยิ่งมันไว้หนวดนิดๆแบบนี้ด้วยแล้ว น่าเสียดายจริงๆที่มันดันเป็นเพื่อนเขาซะก่อน
“กูนึกว่ามึงจะค้นพบตัวเองแล้ว”
“กูยังอยากมีหลานให้แม่อุ้ม”
“เออ ดีๆ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะปรายตามองไปทั่วๆร้านๆโดยไม่เจาะจงใครเป็นพิเศษ
“ว่าแต่มึงเถอะ”
“อะไร”
“แล้วเด็กมึงอะ”
“คนไหนวะ” ฟักพูดเรียบเรื่อย เขายกแก้วดื่มอย่างไม่ใสใจ
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ไอ้ต๊อบคาดคั้น มันจ้องตาไม่กระพริบ
“เปล่า”
“วันที่มึงคุยวันนั้นไง”
“กูจำไม่ได้”
“มึงจะอ้างว่ามึงเมาใช่มั้ย กูรู้ทัน”
“ไม่รู้ กูจำไม่ได้ ต๊อบ มึง คนนั้นนมใหญ่ เขามองมึงด้วย” ฟักชี้ไปที่ผู้หญิงนุ่มน้อยห่มน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะของพวกเขา
“ฟักมึงอย่าเปลี่ยนเรื่องดิ๊”
เสียงเพลงในร้านดังมากพอถ้าเขาจะทำเป็นไม่ได้ยิน ก็คงจะแนบเนียนอยู่
“มึงก็ดูชอบน้องเขาไม่ใช่เหรอ”
“เสือก”
“นั่นไง กูว่าแล้ว ปากนะมึงไม่ใช่คุวย แข็งอยู่ได้ กูขอร้อง”
“กูคบกับมึงได้ยังไงนะ” ฟักส่ายหน้า ไอ้ต๊อบเลิกคิ้วเข้มๆของมันเป็นการกวนตีนให้เขาหมดความอดทนบวกกับหน้าตาเถื่อนๆแบบนั้นด้วยแล้ว คำว่ากวนตีนคูณสองเข้าไปเลย
ถึงไอ้ต๊อบมันจะเป็นคนพูดขวานผ่าซากแต่มันก็จริงใจกับเขาเสมอ หลายๆในนิสัยที่ทำให้พวกเขาเป็นเพื่อนกันได้แถมยังสนิทกันมาก ถ้าเล่าย้อนก็คงจะยาวเกินไปหน่อย แต่ฟักรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะไอ้ต๊อบมันเป็นห่วง
“กูอุตส่าห์ดีใจที่เห็นมึงได้เมียเป็นตัวเป็นตนสักที”
เหมือนตาขวาฟักจะกระตุกนิดหน่อย
“ทำอย่างกับมึงอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด”
“มึงไม่กลัวน้องเขาเสียใจเหรอ”
“ถ้ากลัวกูจะทำเหรอ” แอลกอฮอล์ทำฟักปากไวเสมอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆอย่างไม่สะทกสะท้านมากนัก
“สรุปมึงเลิกจริงๆเหรอ ทำไม? กูไม่เข้าใจ”
ต๊อบจ้องเขากระทั่งมันเอนตัวพิงเก้าอี้ก่อนจะยกแก้วดื่มอึกใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น หมายถึงวันนั้นนั่นแหละ อย่างที่รู้ๆกัน พอเขาวางสายแล้วกลับไปเล่นเกมกับไอ้ต๊อบต่อ มันก็เอาแต่ถามหาเหตุผลเขาไม่หยุดกระทั่งตอนนี้มันก็ยังไม่เลิก จนเขาคิดสงสัยว่ามันเป็นคนโดนทิ้งหรือไงกัน?
“ก็อย่างที่มึงได้ยิน กูเบื่อ”
“โอเค กูไม่ถามเซ้าซี้ก็ได้ แม้ที่กูทำทั้งหมดจะเป็นเพราะเป็นห่วงมึงก็เถอะนะ”
“ทำไมกลายเป็นมึงงอนกูวะ” เขาหัวเราะเบาๆกับท่าทางขี้น้อยใจที่ไม่เข้ากันเลยกับหน้าตาเพื่อนคนนี้ “เอ้า พูดด้วยไม่พูดด้วย”
พูดจบแค่นั้นเขาก็ทำเป็นไม่สนใจไอ้ต๊อบอีก
พายเหรอ
ยังไงซะเขาคิดว่าถ้าพายกลับไปคบผู้หญิงมันน่าจะดีกว่าอยู่แล้ว
อีกทั้งสัญญาที่ให้กับพีทไว้มันก็เข้าทางเขาพอดิบพอดี
กำลังโตเลย แถมยังเป็นความหวังของครอบครัว มีลูกมีหลานให้พ่อแม่อุ้มก็น่าจะชื่นใจกว่าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
เพราะกลัวไง ถึงต้องทำแต่เนิ่นๆ
พายสอบเสร็จแล้ว คงเหลือแค่รอผล ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นไง เพราะเขาไม่ได้สนใจหรือติดต่อกับทางนั้นอีก ยังไงซะฟักรู้ว่าเขาไม่มีวันมองหน้าทั้งพีททั้งพายติดอีกแน่ๆ
ก่อนหน้านี้เขาก็แค่ไปเล่นละครให้กำลังใจเด็กคนหนึ่งเพื่ออนาคตที่ดีก่อนจะค่อยๆทำสิ่งที่ดีกว่าคือการตัดขาดซะ
พายไม่เหมาะกับเขา เขาไม่เหมาะกับพาย แม้จะมีความรู้สึกดีๆอยู่นิดหน่อยแต่มันก็มีหลายอย่างที่ฟักยังต้องฝืน
ตอนนี้พายจะเป็นไงก็ช่าง ใครจะเป็นไงก็ช่าง เขาสนแค่ตัวเองก็พอแล้ว
เขารู้นิสัยตัวเองดี ว่ายังไงมันก็ไม่รอดหรอก ฟักยังรักสนุก เขาคิดอย่างนั้น และจุดประสงค์ในทีแรกเขาไม่ได้ต้องการคบใครจริงจัง เขาแค่หาคู่นอนไปเรื่อยๆ หลังๆมานี่เองที่เขาออกจะทำตัวแย่ผิดหลักเกณฑ์ตัวเองมากไปหน่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ฟักกลับมาเป็นคนเดิม
ก็นั่นแหละ
เขาเบื่อ
“เฮ้ย ไอ้พัช”
เงียบไปไม่นาน ไอ้ต๊อบก็กลับมาถามเขาอีกครั้ง
“มึงไม่รู้สึกอะไรแล้วจริงๆเหรอ”
“...”
“ถ้าไม่รู้สึกอะไร...งั้นถามหน่อย”
"มึงร้องไห้ทำไมวะ?"
END
[04/03/2558]