เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น  (อ่าน 172287 ครั้ง)

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
ขอบคุณ คุณ Andreas นะครับที่อนุญาติให้นำเรื่องนี้มาลงไว้ที่บอร์ดนี้
ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน

เป็นเรื่องที่สร้างกระแสความรักในบรรยากาศเมืองเหนือเลย
เป็นความรักที่น่าประทับใจและประสบการณ์ที่เตือนใจเพื่อนๆได้ดีมากๆ
เป็นเรื่องยอดเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้เพื่อนได้ติดตามกันนะครับ
เพราะตัวเรื่องอ่อนหวาน ละเมียดละไมมากๆ
ฝากไว้ในอ้อมใจอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
*****************************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านซ้ายบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0
***********************************************************************************************

อยากหลับฝัน
แพท สุธาสินี พุทธินันทน์
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/blueberrycpie/Pat+Suthasinee+-+02.wma[/wma]******************************************************************************************

เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น  (Boy's Love)

ผู้แต่ง : andreas




คำอธิบายเรื่อง

ความรักของเขาทั้งสองคน....ยิ่งใหญ่และมั่นคง.....แม้เพศสภาพแห่งความเป็นชายก็มิอาจกั้นขวาง ขอทุกท่านจงเป็นพยานในความรักของทั้งสองคน....เติบโตไปกับความอ่อนหวาน....และคุณค่าของรักแท้

1. แนะนำตัวละคร

ฟ้าลั่น

    ประธานชั้นปีของนักศึกษาคณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งทางภาคเหนือของไทย ฟ้าลั่นเป็นหนุ่มร่างสมส่วนและแข็งแรง ความสูงประมาณ 180 cm.  มีผิวขาวสะอาด หน้าตาหล่อเหลาคมคายประกอบเคราเขียวครึ้มข้างแก้มที่เจ้าตัวมักโกนเรียบร้อย  ดวงตาหวานของฟ้าลั่นโตกลมสวยงามมีประกายสดใส   ซึ่งหลายคนมักจะไม่สังเกตเห็นเนื่องจากฟ้าลั่นมักจะใส่แว่นเพื่อปิดปังความงามของดวงตาตนเองอยู่เสมอ

    การอบรมสั่งสอนด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมของบุพการี ทำให้ฟ้าลั่นเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย และมักจะเงียบขรึมยามเมื่ออยู่กับคนหมู่มาก แต่เมื่ออยู่กับคนที่สนิทๆแล้วพบว่าฟ้าลั่นเป็นคนที่สนุกสนาน ค่อนข้างจะช่างอ้อนและเจ้าเล่ห์เอาการอยู่เหมือนกัน

    ด้วยความที่เป็นบุตรคนเดียวของครอบครัวที่ประกอบด้วยบิดาซึ่งเป็นนายแพทย์ และมารดาซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จึงทำให้ฟ้าลั่นคิดเสมอว่าอยากมีน้องชายน่ารักๆ ซักคนเอาไว้เป็นเพื่อนยามที่ตนเองเหงา หรือเมื่อยามที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเวลาที่บิดามารดาไปทำงานหรือไปประชุมต่างประเทศ


ภูผา

    เลขานุการหนุ่มของสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับฟ้าลั่น ภูผาเป็นชายหนุ่มร่างสะโอดสะอง มีความสูงประมาณ 170 cm. ผิวขาวอมชมพู หน้าตาน่ารัก ริมฝีปากแดง และมีรอยยิ้มที่ทำให้คนที่อยู่รอบข้างมีความสุขเสมอ

                ภูผาเป็นหนุ่มอารมณ์ดี อ่อนโยน มีเมตตา ร่าเริงสนุกสนานทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ภูผามักทำให้คนที่พบเห็นตนเองเป็นครั้งแรกประทับใจอยู่เสมอ นั่นเองจึงไม่แปลกว่าใครๆถึงพากันรักและชื่นชมภูผากันตลอดมา

    แม้ว่าภูผาจะมีเพียงมารดาที่อบรมเลี้ยงดูตนเองมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากบิดาได้เสียชีวิตไปเมื่อตนเองยังเด็ก แต่ภูผาก็ไม่รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย หรือคลาดแคลนความรักความอบอุ่นแต่อย่างใด เพราะเค้ายังมีคุณยาย คุณตา และเหล่าน้าๆ ทั้งหลายให้ความรักความเอ็นดูเสมอมา

    แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นภูผาเป็นเด็กที่สุดในบ้านหลังใหญ่ จึงมีความฝันเสมอว่าอยากได้พี่ชายที่น่ารัก อ่อนโยน มาอยู่เป็นเพื่อนตนเองยามที่ต้องนอนคนเดียวทุกคืน

  
ศิวะ

    นายกสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกันกับทั้งภูผาและฟ้าลั่น ศิวะหรือพี่เสือเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาธรณีวิทยา เป็นชายหนุ่มที่สาวๆทั้งมหาวิทยาลัยหมายปองเนื่องจากใบหน้าที่หล่อเหลา ผิวสีแทนที่ตอกย้ำความเป็นชายที่เร่าร้อน ความสูงที่มากกว่า 180 cm. ร่างกายที่แข็งแรงงดงามของนักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย ประกอบกับเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย เป็นผู้นำ เอาจริงเอาจัง แต่มักจะดูแลน้องๆและเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดีเสมอ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2010 19:14:37 โดย THIP »

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
ตอนที่ 2 ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

9 ธันวาคม......เวลาปัจจุบัน

ท้องฟ้าด้านนอกของอพาทเมนต์ ในมหานครลอนดอนยังคงครึ้มไม่แจ่มใส เพราะเมฆฝนมาปกคลุมโดยตลอด มิยอมให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาเพื่อสร้างความสว่างไสวและขับไล่ความหนาวเย็นให้หายลงไป  สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาบางๆ เกิดเป็นฝอยละอองน้ำขนาดเล็กจับต้องอยู่บนพื้นถนน

ภูผาบางลืมตาขึ้นช้าๆ ในอ้อมกอดของอีกร่างที่สูงใหญ่มีมัดกล้ามเนื้อสวยงาม สัมผัสแห่งการกอดรัดถูกถ่ายทอดเข้าหากัน....คนที่ถูกกอดรับรู้ได้ถึงไออุ่นและความรักที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างหมดหัวใจ

แม้ภายนอกห้องพักจะหนาวเย็นจับใจเพียงใด แต่ในห้องพักขนาดกลาง.....บนเตียงนุ่มในห้องนอน....กลับอบอุ่นด้วยไอความร้อนของร่างกายชายหนุ่มทั้งสองคน ตรงกันข้ามกับพื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่ถูกให้ความอบอุ่นโดยเครื่องทำความร้อนหรือฮีตเตอร์ที่จำเป็นต้องเปิดไว้ยามขณะเข้าสู่ฤดูหนาวเช่นนี้

“ในที่สุด....วันนี้ก็มาถึงแล้วซินะ” ภูผาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และผ่อนออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะแกะอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดตนเองอยู่ออกอย่างแผ่วเบา เพราะกังวลว่าชายหนุ่มผมยาว เจ้าของดวงตาที่หวานซึ้ง....ผู้ที่กุมหัวใจทุกห้องของตนจะตื่นขึ้นมา 

“เอ.....จะปลุกฟ้าลั่นดีหรือป่าวนะ” อีกครั้งที่ชายหนุ่มร่างบางพูดกับตนเอง หลังลุกขึ้นจากเตียงได้สำเร็จ โดยไม่ได้รบกวนคนที่นอนอยู่แต่อย่างใด ดวงตาทั้งคู่ของภูผามองทอดไปสู่ชายหนุ่มที่นอนหลับสบายบนเตียง เพราะว่าคงเพลียจากงานเลี้ยงฉลองที่เพื่อนๆเป็นคนจัดให้เมื่อคืน ภายหลังที่สามารถผ่านการสอบ comprehensive โดยที่อาจารย์ที่ปรึกษากรุณาเดินมาบอกด้วยตนเองหลังสอบเสร็จว่า คณะกรรมการคุมสอบมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ได้รับปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ สมกับการทุ่มเทตลอดเวลาเกือบห้าปีที่ผ่านมา

ภูผายังไม่ได้ตอบคำถามตัวเองเรื่องที่จะปลุกหนุ่มผมยาวที่ตนเองเรียกว่า “ฟ้าลั่น” ดีหรือไม่ เนื่องจากต้องจัดการทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ และแต่งตัวให้เสร็จก่อน เพื่อเตรียมตัวไปสอบ comprehensive สำหรับปริญญาเอกเช่นกัน  ณ ห้องประชุมภาควิชาพันธุวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

ภูผาเดินเบาๆ บนพรมสีเทาอ่อนผืนหนาที่ปูตลอดพื้นห้องพัก มุ่งหน้าเข้าสู่ห้องน้ำ  จัดการทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายสดชื่น และมีพลังสำหรับการสอบที่อาจเรียกได้ว่ายากที่สุดในชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น 

หลังจากอาบน้ำและเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อย ภูผาก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดพันกายช่วงล่าง เผยให้เห็นรูปร่างท่อนบนที่แข็งแรง ผิวสีขาวสะอาด อมชมพู น่าทะนุถนอม ดวงหน้าที่งดงามออกหวานเกินบุรุษทั่วไป ริมฝีปากแดงเป็นธรรมชาติ รวมทั้งรอยยิ้มหวานที่แฝงความอ่อนโยนยามหันไปมองหนุ่มผมยาวที่ยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง

ภูผาฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆที่ฟ้าลั่นเป็นคนเลือกให้บนช่วงอกและลำตัว ก่อนที่จะสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน และสวมกางเกงยีนส์สีดำเนื้อหนานุ่ม เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย โดยไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดหนังสีดำสนิทอย่างดี

หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่สวมใส่ เจ้าตัวก็หันหน้าออกจากกระจก เดินกลับไปยังเตียงที่ฟ้าลั่นนอนอยู่

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานทุกครั้งที่ได้จ้องมองใบหน้าที่คมเข้มของคนรักที่นอนหลับอยู่บนเตียง แม้ว่าจะไม่ได้เห็นดวงตาที่โตกลมงดงามและหวานซึ้ง เพราะเจ้าตัวกำลังหลับอยู่ แต่เครื่องหน้าที่คมคาย คิ้วเข้ม และเคราเขียวครึ้มที่โกนออกอย่างเรียบร้อย ก็ทำให้คนหน้าหวานอย่างภูผาอดใจไม่ไหวที่จะก้มหน้าลงไปหอมแก้ม และจูบริมฝีปากบางของคนรัก......คนที่มีความสำคัญต่อหัวใจตนเองตลอดเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา

 “อืม......ขโมยจูบเราหรือครับ....หมอก” หนุ่มผมยาวซึ่งดูเหมือนว่าจะหลับสบายลืมตาขึ้นมา ตวัดแขนทั้งสองข้างโอบกอดหนุ่มหน้าหวานที่นั่งอยู่บนเตียงสู่อ้อมกอดของตน

“นึกว่าจะไม่จูบลาเสียแล้ว” หนุ่มผมยาวพูดต่อ ขณะที่ยังกอดร่างบางซึ่งบัดนี้นอนทับลงมาบนตัวเขาทั้งตัว

“ไม่ได้ขโมยจูบซักหน่อย ก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วนี่นา” ภูผากล่าวตอบพลางส่งยิ้มหวานให้ฟ้าลั่น

“จะไปสอบแล้วหรือครับ” ฟ้าลั่นถามต่อ ทั้งๆที่ยังกอดร่างบางอยู่แนบอก จมูกโด่งสวยของตนยังคงซุกไซร้อยู่ที่แก้มใสและซอกคอของคนรักตลอดเวลา

“อืม....ครับ ตัวสุดท้ายแล้ว” ภูผาตอบฟ้าลั่น และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน เพราะเกรงว่าเสื้อผ้าที่ตัวสวมใส่จะเกิดรอยยับไปมากกว่านี้

“ปล่อยได้แล้ว..ฟ้าลั่น....เสื้อหมองยับหมดแล้ว...”ภูผากล่าวเตือนฟ้าลั่น ส่งผลให้หนุ่มผมยาวรีคลายวงแขนปลดปล่อยร่างบอกออกจากอกในทันที

“ขอโทษครับหมอก..ลืมไปครับว่าหมอกกำลังจะไปสอบ” ฟ้าลั่นกล่าวขอโทษ พร้อมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

“แล้วจะไปฉลองหรือกับเพื่อนหรือเปล่าครับ หมอก” ฟ้าลั่นพูดต่อเป็นคำถาม

“ถ้าหมอกจะไป ฟ้าลั่นไปด้วยนะครับ” ฟ้าลั่นส่งสายตาอ้อนวอนไปยังคนรักของตน ที่บัดนี้แกล้งทำคิ้วผูกโบว์ เพราะกำลังสงสัยว่า ฟ้าลั่นจะตามไปด้วยสาเหตุใด เพราะต่างคนก็มีเพื่อนฝูงที่สนิทคนละกลุ่มแยกตามคณะที่ตนเองเรียนมาตลอดเกือบห้าปี อีกอย่างฟ้าลั่นก็เคยพบหน้าเพื่อนๆของภูผาทุกคน และแต่ละคนก็ไว้ใจได้กันทั้งนั้น ภูผายังไม่เห็นเหตุผลที่ฟ้าลั่นจะขอตามไปเลี้ยงฉลองด้วย

“ก็ฟ้าลั่น อยากไปนี่ครับ ไปดูแลหมอกด้วยงัย” ฟ้าลั่นพูดต่อ เพราะเห็นว่าคนรักของตนยังคงแสดงทีท่าสงสัยอยู่ จนทำให้เขาต้องบอกความคิดของเขาเรื่องเพื่อนๆของภูผา

“ก็เพื่อนๆหมอกน่ะ โดยเฉพาะใครนะ ...อืม...... นายคริส น่ะ ไว้ใจได้เสียเมื่อไหร่ เห็นมองหมอกที่ไร ตาเยิ้มทุกทีเลย” ฟ้าลั่นบอกตามที่ตนเองสังเกต เพราะด้วยความที่ไม่ไว้ใจเพื่อนของภูผาคนนี้ซักเท่าไหร่  เนื่องจากการเลี้ยงฉลองแบบนี้ มักจะต้องให้บุคคลสำคัญของงานเมาทุกครั้ง ฟ้าลั่นไม่อยากให้ใครมาฉวยโอกาสกับคนที่ตนเองรัก แม้จะทราบว่าภูผาสามารถควบคุมตนเองในเรื่องการดื่มได้เป็นอย่างดี แต่ฟ้าลั่นชอบที่จะกันไว้ก่อนดีว่าแก้ และที่สำคัญงานนี้เป็นงานฉลองการสอบเสร็จ ซึ่งต้องมีการดื่มกินอย่างสนุกสนาน ฟ้าลั่นจึงต้องการที่คอยดูแลและปกป้องภูผาตลอดงานเลี้ยงนั่นเอง

“นะ หมอก....นะครับ” หนุ่มตาหวานลงจากเตียงเดินมาโอบกอดภูผาจากด้านหลัง พร้อมกับเอาคางของตนเองวางบนศีรษะของคนรัก และไม่ลืมที่จะก้มหน้าลงมาสูดความหอมของแก้มภูผาอีกตามเคย

“อืมก็ได้ แต่ขอเตือนว่า ฟ้าลั่นอย่าไปทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนหมอกนะ เดี๋ยวเพื่อนๆหมอกจะคิดว่า เอาพ่อมาคุม” คนยิ้มหวานกล่าว และไม่ลืมที่เอียงคอ ส่งรอยยิ้มและสายตาล้อเลียนกลับมาหาคนที่โอบกอดตนเองอยู่ด้านหลัง

“อ้าว ปกติไม่ได้เป็นพ่อหรือ หมอก..... ก็พ่อคุณงัยล่ะ” ฟ้าลั่นแกล้งภูผากลับไปบ้าง ส่งผลให้คนฟังยิ้มหน้าแดง

“อย่างนั้นหมอกจะโทรมาบอกแล้วกันว่าจะไปเลี้ยงที่ไหน เมื่อไหร่ ..... ตอนนี้ฟ้าลั่นไปนอนก่อนเถอะ หมอกจะไปสอบแล้ว” ภูผากล่าวกับคนรัก ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นและแข็งแรงนั้น

ภูผาเดินไปยังราวแขวนเสื้อคลุม หยิบเสื้อโค๊ทสีดำสนิทขึ้นมาสวม และเดินต่อไปหยิบกระเป๋าที่บรรจุอุปกรณ์และสิ่งของที่จะต้องใช้ในการสอบขึ้นมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดประตู โดยไม่วายจะหันมาส่งยิ้มหวานให้ฟ้าลั่นที่ยืนโชว์รูปร่างแข็งแรง โดยที่ตลอดทั้งตัวสวมใส่เพียงกางเกงในบิกินีสีขาวตัวเล็กเท่านั้น

“โชคดีนะครับ หมอก” ฟ้าลั่นกล่าวคำอวยพรให้คนรัก และมอบรอยยิ้มหวานกลับไป

หลังจากภูผาออกไปแล้ว ฟ้าลั่นก็ล้มตัวลงนอน อมยิ้มให้กับความน่ารักของภูผาที่มักจะมาขโมยจูบตนเองทุกครั้งที่นอนหลับ ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีแล้วตั้งแต่ทั้งสองคนนอนห้องเดียวกันและเตียงเดียวกัน ขณะศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ฟ้าลั่นจำไม่ได้ว่าเริ่มรักภูผาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอรู้สึกตัวเองก็พบว่ารักหนุ่มหน้าหวานที่แสนร่าเริงคนนี้ไปแล้ว ฟ้าลั่นรักภูผามาก รักจนหมดใจทั้งดวงที่เขามีอยู่  และไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนที่ภูผาในหัวใจของตนเองได้...

ไม่เคยรู้....ว่ารักนั้น...สำคัญไฉน
รู้แต่ว่า....ดวงใจ.....คำนึงหา....
เคยเว้าวอน...สายลม.....ช่วยนำพา
เคยเว้าวอน.....ดารา....ให้บอกทาง

พอได้มา...ว่ารัก....ประจักษ์แจ้ง
ว่าอบอุ่น...ดังแสง....ตะวันฉาย
จึงทอรัก ....ถักไว้....แนบชิดกาย
แม้วางวาย....มิอาจพราก....รักจากกัน


ความรักความผูกพันที่ทั้งสองมีให้กันนั้น มันแนบแน่นและยาวนานเหลือเกิน จนกระทั่งฟ้าลั่นเองก็ยังไม่เข้าใจว่าตนเองเปลี่ยนมารักชายหนุ่มที่ชื่อภูผาได้อย่างไร ทั้งๆที่ตนเองก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงและไม่เคยที่จะหลงใหลในความงดงามทางร่างกายของชายคนอื่นๆแม้แต่คนเดียว....แต่สำหรับภูผานั้น คือ...ข้อยกเว้นของหัวใจ

ฟ้าลั่นไม่เคยสนใจชายคนอื่นๆ นอกจากภูผา หลายครั้งฟ้าลั่นและภูผาไปเที่ยวด้วยกัน มักจะมีชายหนุ่มหลายคนให้ความสนใจทั้งคู่เสมอ แต่ฟ้าลั่นเองไม่เคยที่จะสนใจ ออกจะรำคาญด้วยไม่น้อยที่มีผู้ชายมาทำรุ่มร่ามกับตนเอง คงมีแต่ภูผานั่นแหละที่เพราะความร่าเริงและเป็นมิตรของตนเอง จึงมักจะส่งยิ้มหวานกลับไปหาคนเหล่านั้นทุกครั้ง จนบางครั้งเองก็ก่อให้เกิดเรื่องยุ่งๆ จนสร้างความเข้าใจผิดแก่คนเหล่านั้น เพราะหลายคนคิดว่าทั้งภูผาและฟ้าลั่นก็สนใจในตัวพวกเขาและอยากหาความสนุกไปด้วยกัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ต้องหาโอกาสชิ่งหนีจากสถานการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ..... บ่อยครั้งเข้าฟ้าลั่นจึงต้องเอ่ยปากห้ามภูผายิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่ทำทีมาสนใจทั้งคู่เพื่อตัดปัญหาต่างๆที่จะตามมา

ฟ้าลั่นยอมรับกับตนเองเสมอว่า ภูผาเป็นชายคนเดียวที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์เพศตอบสนองขึ้นมา นอกจากนั้นก็เป็นภาพผู้หญิง ภาพนางแบบนุ่งชุดว่ายน้ำหรือผู้หญิงเซ็กซี่ที่เห็นตามนิตยสารต่างๆ ฟ้าลั่นจึงตระหนักได้ว่าตนเองยังเป็นผู้ชายอยู่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ เพียงแต่ข้อยกเว้นของหัวใจที่มาตกหลุมรัก.....หนุ่มหน้าหวานที่ชื่อภูผาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นนั่นเอง

 ข้อเท็จจริงที่ฟ้าลั่นยังคงเป็นผู้ชายอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น ภูผาเองก็รับรู้และเข้าใจฟ้าลั่นมาตลอด ดังนั้นเจ้าตัวดีจึงมีการวางแผนให้ฟ้าลั่นได้อยู่ใกล้ผู้หญิงเซ็กซี่ที่เป็นเพื่อนของตนเองอยู่บ่อยๆ  ไม่รวมถึงการวางแผนกับเพื่อนผู้หญิงหน้าตาดีๆ หุ่นดี ให้ทำการลวนลามฟ้าลั่นบ้างในบ้างครั้ง และอาจมีการเลยเถิดไปบ้าง เนื่องจากรู้ดีว่าฟ้าลั่นเป็นผู้ชายและไม่อาจทนต่อการเล้าโลมได้ในบางครั้ง ประกอบกับสังคมของฝรั่งแตกต่างจากสังคมไทย การมีเซ็กส์สำหรับคนที่นี่คือเรื่องปกติ และถือว่าเพื่อความสนุกและคลายเครียด ไม่ได้คิดเป็นเรื่องจริงจังแต่อย่างใด

“หมอกไม่หึงเราหรือ” ฟ้าลั่นเคยถามภูผาเมื่อเขาจับได้ว่าภูผาร่วมมือกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทมอมเหล้าเขา จนทำให้เขาต้องมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสนุกปากของตนเองที่ไปบอกภูผาว่า เพื่อนผู้หญิงของภูผาน่ารัก เซ็กซี่ดี โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าคนช่างวางแผน....คนรักของเขานั่นเองที่ไปคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นว่าฟ้าลั่นสนใจอยู่ และโชคก็เข้าข้างเพราะผู้หญิงคนนั้นก็สนใจฟ้าลั่นเหมือนกัน เรื่องราวเลยมาจบบนเตียงอย่างสมปรารถนาทั้งสามคน

“ไม่หึงหรอก ก็ฟ้าลั่นเป็นผู้ชายนี่นา ก็ต้องมีอะไรกับผู้หญิงบ้างซิ”

“อีกอย่างหมอกรู้ว่า ฟ้าลั่นจะไม่มีวันรักผู้หญิงเหล่านั้นหรอก ก็เลยไว้ใจงัย” คำตอบง่ายๆหลุดจากปากของภูผา หลังจากฟ้าลั่นเปิดปากถามในตอนเช้าหลังจากที่มีเซ็กส์กับผู้หญิงคนนั้นทั้งคืน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีแรกที่มาเรียนปริญญาโทและเอกที่นี่นั่นเอง

หลังจากนั้นเป็นต้นมาภูผาเองก็เปิดโอกาสให้ฟ้าลั่นมีความสัมพันธ์กับสาวๆหลายๆครั้ง แต่ก็มักเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทั้งๆที่ภูผาเองยินยอม แต่คนมีปัญหาก็คือฟ้าลั่นนั่นเอง เนื่องจากฟ้าลั่นไม่อยากทำอะไรที่เป็นการดูเหมือนนอกใจภูผาบ่อยครั้งนัก แม้จะรู้ดีว่าภูผายินยอมก็ตาม 

ภูผาเองก็ทราบว่าฟ้าลั่นคอยปฏิเสธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งฟ้าลั่น โดยวางแผนให้พบเจอและมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับเพื่อนตัวเองบ่อยๆ โดยที่ฟ้าลั่นไม่รู้ตัวเลยแม้ว่าตนเองจะเป็นคนช่างวางแผนก็ตาม เพราะงานนี้แพ้ทางคนที่รักสุดใจ....คุณภูผาเสมอ

หลังจากนอนอมยิ้ม....คิดถึงความน่ารักและวีรกรรมแปลกๆของคนรักที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษแห่งนี้ตลอดเกือบห้าปี ฟ้าลั่นก็หวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ทั้งสองรู้จักกันเป็นครั้งแรก.... นอนด้วยกัน ทะเลาะกัน ง้อและคืนดีกัน รวมถึงเรื่องราวทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทุกภาพและความทรงจำสอดประสานกันอย่างลงตัว เชื่อมดวงใจของทั้งคู่ไว้จนมิอาจแยกกันได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องตามมาเรียนที่เดียวกับคนรักคนเดียวและตลอดไปที่ชื่อ....... นายภูผา ภัทรโภคิน

เหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น ณ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ถักทอเป็นร่างแหโอบล้อมหัวใจของสองหนุ่มเข้าหากัน ประตูหัวใจถูกเปิดออก และรับเอาความรักของทั้งคู่ใส่ไว้จนเต็ม จนเกิดเป็นปฏิญาณรักที่แนบแน่นและมั่นคง แม้เพศสภาพแห่งความเป็นชายของทั้งสองก็ไม่อาจกั้นขวาง

เพราะรักที่บริสุทธิ์ เกิดขึ้นและจะดำเนินไป ตราบใดที่ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน...........


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2006 17:49:39 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
อ่านแล้วขอร้องช่วยกันคอมเม้นต์หน่อยนะครับ
ผมจะได้รู้ว่าเพื่อนๆอ่านกันแล้วจะได้ลงต่อ

ปล.กว่าจะขอมาลงได้แต่ละเรื่องยากมากนะครับ หือหือ  :monkeysad:
สงสารผมก็กดโหวตให้หน่อยนะครับ เอิ้กๆ
แต่ถ้าความดีความชอบยกให้คุณ Andrea ทั้งหมดเลยครับ
 :piglove2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

ลงตั้งหลายเรื่อง ต้องใช้เวลานะจ๊ะ หนูบลูกว่าจะตามอ่านได้หมดอะ :3043:








ปล.


ยังงัยก็เปงกำลังใจให้บลูนะค้าาาบ :yeb:

พูห์คับ

abcd

  • บุคคลทั่วไป
น่านสิคุณบลู เราก็อยากอ่านนะ ตะว่ามันต้องใช้เวลาอ่ะ  ลงให้จบไปที่ละเรื่องม่าได้เหรอ  ตอนนี้ก็งงจะแย่แร้ว :really2:
 อ่านเรื่องนั้นต่อเรื่องนี้ อ่านไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน  เหงจายเราหน่อยเถอะนะคุณบลู  :try2:  (เอ๊ะ..ต้องเหงจายคุณบลูสิ เราอ่านอย่างเดียวนี่หว่า คิกคิก)

แต่เรื่องนี้อ่านแร้วก็สนุกดี  :yeb:

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
ได้ครับต่อไปผมจะโพสทีละเรื่องละกันนะครับ
แต่ที่เอามาโพสก่อนอยากดูความสนใจของเพื่อนๆอ่ะครับ
ผมจะรอจนบ้านพักอลเวงจบนะครับ
แล้วถ้ามีคอมเม้นต์สิบคนว่าอยากจะอ่านต่อเมื่อไหร่ผมจะมาโพสต่อนะครับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อิอิ  อ่านถึงนี่ละ  ทำไมหลาย ๆ เรื่องถึงเกิดขึ้นที่ภาคเหนือ มช ด้วยเนอะ  มีมนต์ขลังจริง  ๆ  แต่ละเรื่องก็น่ารัก ๆ ซะด้วยสิ

ไม่มาโพสต่อแล้วเหรอ  หลอกให้อ่าน  :impress3:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้มีตะแน๋ว คุณหมูพูห์ คุณมูมู่น้อย คุณโยโย่ ได้4คนแระ :try2: ยังไม่รวมคนที่อ่านเจ๋ยๆแร้วไม่ลงชื่อ  ช่วยลงชื่อกันหน่อยเถอะก๊าบ

เด๋วคุณบลูไม่ยอมเอาเรื่องมาลงต่อ  :monkeysad:   ถ้านับคุณนุเปง2คนได้ป่าวคุณบลู   :kikkik:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
คุณบลูที่ร้าาาาก :kikkik:

ลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอครับ


มาต่อด่วนเลยครับ :yeb:

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
หมูพูห์  ก็บอกว่าตามอ่านไม่ทันนี่น่า ผมเลยกะว่าจะลงทีละเรื่อง

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  งานยุ่งหรือครับ พักนี้ผมไม่รอแล้วน้า อ่านให้ทันนะครับ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  เอามาโพสยั่วคนอ่านต่อ คิกคิก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เห็นความรักที่สวยงามจริงๆ

บทที่ 3 เมื่อเราต้องนอนห้องเดียวกัน

26 พฤษภาคม.....อดีตที่ผ่านมา

การรับน้องรถไฟของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดเป็นหนึ่งในกิจกรรมรับน้องที่พี่ๆลูกช้างชั้นปี 2 3 และ 4 จัดให้น้องๆลูกช้างชั้นปีที่ 1 เพื่อคอยดูแลและให้การช่วยเหลือเหล่าลูกช้างตัวน้อยที่ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคเหนือให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางคือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อย่างอบอุ่น

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่คือบ้านหลังใหญ่ที่ลูกช้างตัวน้อยๆ ต้องใช้ชีวิตไปอีกสี่ปี .......เป็นบ้านที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าสักอันงดงาม โอบอุ่นไปด้วยความรักของลูกช้างทุกรุ่นทุกคณะ .....และเต็มไปด้วยศรัทธาแห่งความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุดอยสุเทพ............

เช้าวันนี้.........ขบวนรถไฟรับน้องที่ประกอบไปด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะอุสาหกรรมเกษตร ได้เทียบปลายทางบริเวณชานชาลาสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเดินทางอันยาวนานนับ 15 ชั่วโมง ที่อบอวนไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน นับตั้งแต่สถานีต้นทางคือหัวลำโพง

เมื่อรถไฟเทียบชานชาลา....พี่ๆลูกช้างทุกคณะที่มากับขบวนรถไฟ รวมถึงที่มารอรับน้องที่สถานีก็ต่างบูมคณะต้อนรับน้องใหม่อย่างพร้อมเพรียง ไล่ลงไปตามแต่ละคณะ.... จากนั้นจึงอนุญาตให้น้องๆลงจากขบวนรถไฟ เดินไปขึ้นรถที่เตรียมไว้เพื่อเดินทางต่อไปยังมหาวิทยาลัย โดยที่ข้าวของสัมภาระของน้องๆทุกคน จะถูกลำเลียงลงจากรถไฟ ขึ้นไปบนรถคณะพี่ๆสวัสดิการ

“น้องหมอก อยู่หออะไรหรือครับ” พี่เสือหรือพี่ศิวะ... นายกสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ถามภูผาขณะที่รถกำลังเคลื่อนเข้าสู่ประตูรั้วมหาวิทยาลัย

“อยู่หอ 1 ชายครับพี่เสือ” ภูผากล่าวตอบ พลางส่งยิ้มหวานให้พี่เสือเพราะความประทับใจในความอ่อนโยนของพี่เสื่อที่มีต่อน้องๆทุกชั้นปีตลอดการเดินทางโดยรถไฟที่ผ่านมา

ทุกๆคนต่างสังเกตเห็นว่า พี่เสือในฐานะนายกสโมสรนักศึกษา คอยดูแลเอาใจใส่น้องๆทุกคนเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงจนกระทั่งถึงสถานีเชียงใหม่  แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่านับตั้งแต่รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง ดวงตาที่งดงามแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าของศิวะก็มักจะคอยจับจ้องดวงหน้าหวานของภูผาตลอดเวลาทำกิจกรรมหรือแม้แต่ยามพักผ่อน

ตลอดการเดินทางที่ยาวนานบนรถไฟ...........นี่เป็นครั้งแรกที่ศิวะได้มีโอกาสพูดคุยกับภูผาสองต่อสอง

“หรือครับ ดีแล้วครับ พี่เคยอยู่หอหนึ่งมาก่อนครับ...ก็สบายดี แล้วตอนนี้หอหนึ่งก็เป็นหอแรกที่ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ว่าน้องหมอกต้องชอบครับ” ศิวะบอกภูผา พลางมองสำรวจดวงหน้าหวานของภูผา และหยุดลงที่ริมผีปากบางสีชมพูสด

“มันน่าขโมยจูบเสียจริง” ศิวะคิดในใจ

ศิวะยอมรับว่าเมื่อแรกพบดวงหน้าและรอยยิ้มแสนหวานจากภูผา หัวใจของเขาก็เต้นแรงจนยากที่จะควบคุม แม้ว่าศิวะจะผ่านพบรุ่นน้องและรุ่นพี่ ตลอดจนเพื่อนๆหลายคนทั่วทั้งมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีใครจะทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้

“พี่เสื่อมองอะไรหรือครับ” ภูผาถามด้วยความสงสัย เพราะรู้สึกว่าศิวะเอาแต่จ้องหน้าตนเองอยู่

“มองคนน่ารักครับน้องหมอก” ศิวะตอบกลับอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นสาเหตุให้เขาหน้าแดงขึ้น ออกอาการเขินอายเป็นที่สุด

“พี่เสือชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลยครับ” ภูผาไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังกับคำพูดของศิวะ

ศิวะหยุดสนทนากับภูผาชั่วคราวเพราะยังคงเขินไม่หาย แต่ก็แนะนำให้ภูผามองออกไปนอกหน้าต่างรถเพื่อดูทัศนียภาพของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยามเช้า ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับรถของคณะวิทยาศาสตร์ได้เคลื่อนผ่านประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัย และหยุดลงที่บริเวณหน้าศาลาธรรมเพื่อให้พี่ๆชั้นปีนำน้องใหม่ลงสักการะพระประธานและพระภูมิประจำมหาวิทยาลัย

แสงแดดอ่อนๆ ไล่ไปตามแผ่นกระเบื้องหลังคาสีแดงเข้มของศาลาทรงไทยประยุกต์แบบล้านนา ตัดกับพื้นผนังสีขาวนวลประดับไปด้วยบานประตูและหน้าต่างสลักลวดลายงดงามลงสีแดงสด รอบๆศาลาธรรมถูกล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยสีเขียวสะพรั่ง บ้างก็อวดดอกงามสีสันฉูดฉาดราวกับจะบ่งบอกความตื้นเต้นที่จะได้เห็นลูกช้างเชือกใหม่ๆ เข้ามาอาศัยอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา

น้ำพุที่อยู่ด้านหน้า ก็กำลังเต้นระบำรับกับแสงนวลของพระอาทิตย์ยามเช้าที่สดใส ภาพบรรยากาศที่เงียบสงบนี้ล้วนทำให้เกิดความศรัทธาแก่ภูผายิ่งนัก

ณ บัดนี้......ภาพนักศึกษาใหม่ไม่กี่สิบคนที่มีพวงมะลัยดอกมะลิขาวสดส่งกลิ่นหอมอ่อนๆสวมคอ กำลังก้มกราบพระประธาน ด้านในศาลา.....จัดเป็นภาพที่สวยงามและมีความหมายสมบูรณ์ในตนเอง.....คือสิ่งสะท้อนศรัทธาแห่งศาสนา......ศรัทธาแห่งมหาวิทยาลัย

ภายหลังนมัสการพระประธานเสร็จสิ้น พี่ๆก็จัดการแบ่งน้องๆออกเป็นกลุ่มตามหอ โดยที่หอหก ห้า และหอหนึ่งชายอยู่กลุ่มเดียวกัน หลังจากนั้นพี่เสือก็นำรถกระบะมารับน้องๆทั้งกลุ่มไปส่งตามหอโดยที่มีรถอีกคันบรรทุกกระเป๋าน้องๆขับตามไป

“ขอบคุณครับพี่เสือ” ภูผากล่าวขอบคุณภายหลังที่ลงจากรถและพี่ๆสวัสดิการส่งกระเป๋ามาให้ เพื่อเตรียมแยกย้ายขึ้นห้องของตนเอง

“น้องหมอกอยู่ห้องเลขที่เท่าไหร่ครับ” ศิวะถาม

“ห้อง 409 ครับ”
“งั้น.......เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับไปกินข้าวเย็นนะครับ ประมาณหกโมงเย็นพี่จะมารับครับ” ศิวะต้องกระซิบบอกภูผาเนื่องจากไม่อยากให้น้องๆคนอื่นได้ยิน

“ครับ แล้วหมอกจะรอ” ภูผากล่าวรับคำชวน พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้พี่เสือด้วยความเคยชินอีกตามเคย แล้วจึงเดินกลับมาขนกระเป๋าขึ้นหอตามลำพัง

เวลาเดียวกับที่ภูผาและเพื่อนๆกำลังเพื่อเตรียมจะขึ้นหอพัก รุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ก็นำน้องคณะชั้นปีที่หนึ่งมาส่งที่หน้าหอพอดี ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับคณะอื่นๆที่รับน้องรถไฟมาขบวนเดียวกันด้วย

ภูผาเดินถือกระเป๋าเดินทางเดินขึ้นหอ  เนื่องจากกระเป๋าที่ค่อนข้างใหญ่และหนักจึงทำให้ภูผาเดินขึ้นบันไดไปชั้นสี่อย่างไม่ถนัดนัก ขณะที่กำลังยกกระเป๋าขึ้นบันไดชั้นที่สอง ภูผาก็ได้ยินเสียงนุ่มของชายหนุ่ม
ที่คาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันดังขึ้นมาจากข้างหลังของตนเอง

“ให้เราช่วยยกดีกว่า ท่าทางจะหนักมาก” ชายหนุ่มที่เดินขึ้นบันไดตามหลังภูผาเอ่ยบอก พร้อมกับเดินขึ้นมายกกระเป๋าใบใหญ่ด้วยมือข้างเดียว และมืออีกข้างถือกระเป๋าใบขนาดกลางของตนเอง

“ขอบใจมาก” ภูผารีบบอก และเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนใหม่ผู้อาสาช่วยเหลือตน

สิ่งที่ภูผาพบเห็นคือชายหนุ่มหน้าตาคมคาย สวมแว่นสายตากรอบสีดำสนิท ภายใต้กรอบแว่นนั้นคือดวงตากลมโตหวานมีประกายสดใส นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีผิวหน้าขาว มีร่องรอยการโกนเคราข้างแก้มอย่างเรียบร้อย  ใบหน้าที่หล่อเหลารวมถึงรูปร่างที่สมส่วนแข็งแรง ความสูงที่มากกว่าภูผาเองตั้งเกือบคืบ

ความประทับใจเมื่อแรกพบทำให้ภูผาเผลอยิ้มหวานให้อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่เป็นไรหรอก นายอยู่ชั้นไหนล่ะ” เพื่อนใหม่ใจดีถามต่อ โดยไม่รู้ตัวว่าคนฟังกำลังมองสำรวจใบหน้าและรูปร่างตนเองอย่างไม่ตั้งใจ

“ชั้นสี่น่ะ แล้วนายล่ะ” ภูผากล่าวตอบพร้อมส่งคำถามกลับ

“ชั้นเดียวกันเลย อย่างนั้นเรายกขึ้นบันไดไปให้จนถึงชั้นสี่เลยแล้วกัน พอถึงนายก็ลากกระเป๋าไปตามทางเดินได้แล้ว กระเป๋านายมีล้อ คงลากได้ไม่มีปัญหา” เขาหันกลับมาตอบ แล้วก็เดินยกกระเป๋านำขึ้นบันไดไปยังชั้นสี่ โดยให้ภูผาเดินตามขึ้นบันไดมา

“เอ้า....ถึงแล้ว” เพื่อนใหม่บอก หลังจากวางกระเป๋าลงบนพื้น แล้วหันมาหาภูผาที่อยู่ด้านหลัง

“ขอบใจนายอีกครั้งนะ” ภูผาบอก แล้วเดินมาจัดการดึงเอาแกนลากกระเป๋าออกมา

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราไปหาห้องพักก่อนนะ หวังว่าคงได้เจอกันอีก” เพื่อนใหม่ใจดีคนเดิม ยกมือโบกลาพลางเดินนำหน้าไปหาห้องพักของตนเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าภูผาเองก็ลากกระเป๋าเดินมาตามทางเพื่อไปยังฝากตึกเดียวกัน

ภูผาเดินตามมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง แล้วก็พยายามเปิดประตูห้องโดยใช้กุญแจที่แม่บ้านหอพักให้มา

ภูผาเดินอ่านหมายเลขห้องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูเดียวกันกับเพื่อนใหม่ ที่บัดนี้ยังไม่สามารถเปิดประตูได้

“อ้าว....นายก็อยู่ห้องนี้หรือ” เด็กหนุ่มร้องทัก

“อืม... ห้อง 409 ห้องนี้แหล่ะ” ภูผาพยักหน้ารับ

“เราลองใช้กุญแจเราไขดูดีกว่า กุญแจนายอาจมีปัญหาก็ได้” ภูผาเสนอ แล้วจึงใช้กุญแจตนเองเปิดประตูห้องออกอย่างง่ายดาย

“สงสัยกุญแจมีปัญหาแน่เลย” เด็กหนุ่มบ่น พลางเดินตามหลังภูผาเข้ามาในห้อง

“นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อหมอก” ภูผาเริ่มแนะนำตัว

“ยินดีที่รู้จักนะครับ เราชื่อฟ้าลั่น” ฟ้าลั่นบอกชื่อของตนเอง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าหวาน ริมผีปากสีแดงอมชมพูรวมถึงแก้มใสๆของเพื่อนใหม่ที่บัดนี้จะต้องนอนอยู่ห้องเดียวกันกับเขาไปตลอดหนึ่งปี

ทั้งสองคนแนะนำตัวแล้วก็ซักถามถึงคณะที่ตนเองกำลังจะเรียน รวมถึงประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ซึ่งทำให้ภูผาทราบว่าฟ้าลั่นเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์

และที่น่าแปลกใจก็คือทั้งสองคนเกิดวันเดียว เดือนเดียวและปีเดียวกัน เพียงแต่ฟ้าลั่นเกิดก่อนภูผาแค่ประมาณสามชั่วโมงเท่านั้น ทั้งคู่มีอุปนิสัยค่อนข้างคล้ายกัน เพียงแต่ภูผาดูจะร่าเริงมากกว่าฟ้าลั่นอยู่สักหน่อย

ห้องพักของสองหนุ่ม ค่อนข้างผิดไปจากปกติเล็กน้อย เพราะโดยปกติห้องพักแต่ละห้องจะมีสามเตียง ชึ่งก็หมายความว่าจะต้องมีนักศึกษาสามคนอยู่ร่วมกัน แต่เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ชอบอยู่หอในมหาวิทยาลัย จึงทำให้บางห้อง อย่างเช่นห้องที่ภูผาและฟ้าลั่นอยู่ไม่มีนักศึกษาคนที่สามมาอยู่ด้วย ถือว่าเป็นการโชคดีของสองหนุ่มเพราะจะได้อยู่อย่างสบายไม่อึดอัดจนเกินไป

ฟ้าลั่นและภูผาช่วยกันทำความสะอาดห้องและอุปกรณ์ที่หอพักจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งคู่เป่ายิ้งฉุบกันเพื่อเลือกเตียงนอน ผลปรากฏว่าภูผาแพ้ต้องนอนเตียงสองชั้น ฟ้าลั่นที่ชนะได้นอนเตียงเดี่ยว  ทั้งสองคนช่วยปูเตียงให้เรียบร้อยและนำสำภาระของออกจากกระเป๋าเพื่อจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนเวลารับประทานอาหารกลางวัน

ความประทับใจในอัธยาศัยไมตรีในเริ่มแรกของทั้งคู่ แม้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาแสนสั้น แต่ก็สามารถก่อให้เกิดความผูกพันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะภูผาอยากมีพี่ชาย และฟ้าลั่นอยากมีน้องชาย เมื่อทั้งสองมาเจอกันจึงเติมเต็มความฝันแต่ละคน......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2007 07:41:26 โดย b|ueB[o]YhUb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






beaches

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับคุณ blue boy ที่แนะนำให้มาอ่านครับ

โห...เรื่องราวและภาษาหวานมากๆๆ
ถามได้ไหมครับว่า เป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง

ผู้แต่งบรรยายคุณลักษณะของตัวละคร แบบเห็นภาพมาก
ยังแอบคิดเหมือนกันว่าทุกอย่าง perfect มากอ่ะ

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ช่ายแร้วคุณบลูช่วงนี้ตะแน๋วกะลังยุ่งมากมาย  แต่ก็แวะเข้ามาอ่านนะ แต่ก็อ่านได้ทีละเรื่องอ่ะ 
แต่มะเปงไรนะคุณบลูลงเรื่องปายเลยม่ายต้องระตะแน๋วหรอก เด๋วตะแน๋วตามอ่านเองง่ะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
แทงยูค้าบบบบ คุณเรย์ :yeb:




ปล.


มาเร่งเพราะเหงว่าบ้านพักฯจบแล้นอะ

คริคริ :kikkik:

พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อา.....  เอามาต่อตั้งนานแล้วก็มะบอก  เรย์นิ   มาต่อได้เลยนะคะ   เค้าตามอ่านอยู่  ว่าแต่คนแต่งบรรยายได้ละเอียดดีเนอะ  :yeb:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ภาษาสวยจัง ยังกะนวนิยายแน่ะ เหอเหอ  :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
หนูบลูค้าบบบบ


มาต่อเร็วๆ เลยนะค้าบบบบบบ


 :seng2ped:


พูห์ :teach:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
คุณบลูครับ...

กรุณาอย่าเพิ่งโพสต์บทที่ 4 นะครับ.... เช็คเมลล์ก่อนนะครับ...

Andreas

 :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
สวัสดีครับคุณ andreas ดีจายจังทีแวะเข้ามาเวปนี้ด้วย เพื่อนๆคงดีจายกัน
เพื่อนๆครับ คุณ andreasจะเอาเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ เพื่อหาเงินเข้าวัดพระบาทน้ำพุ....ดังนั้นจึงขอร้องให้ช่วยกันรักษาต้นฉบับด้วยนะครับ..
ถ้าจะมีการคัดลอกหรือไปเผยแพร่ที่ใดกรุณาติดต่อคุณ andrea ก่อนนะครับ
ถ้าเรื่องนี้ตีพิมพ์แล้วก็อยากให้เพื่อนๆทำบุญร่วมกันนะครับ

คุณandrea บอกว่าเนื่องจากมีแฟนๆ นักอ่านบอกว่า เรื่องนี้ใช้ภาษาหวานมากๆ ....คุณ andrea ก็เลยชักจะตัวลอยครับ....แต่เมื่อพิจารณาตามความจริงแล้วก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่มาก...ดังนั้นคุณ andrea จึงเริ่มที่จะแก้ภาษาใหม่....พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม....และแทรกกลอนหวานๆ ลงไปแทนบ้างบางส่วนครับ....

อยากให้เพื่อนๆได้อ่านในสิ่งที่ผมคิดว่า...."ดีที่สุดสำหรับความสามารถของคุณ andrea แล้วครับ"...



เพื่อนๆรอหน่อยนะครับ คุณ andrea จะค่อยๆทยอยส่งเรื่องนี้มาลงอีกทีนะครับ



*********************************************************************************


บทที่ 4 เมื่อเราต้องนอนเตียงเดียวกัน

ในบางครั้ง.......สำหรับคนสองคนนั้นต้องใช้เวลานับสิบปีถึงจะรู้สึกผูกพันซึ่งกันและกัน .......แต่สำหรับบางคู่....แม้เพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน.... หัวใจของทั้งสองกลับประสานลงตัวอย่างแนบแน่น ......และสื่อความรู้สึกที่ดีให้กันได้รับรู้

การเปิดใจเข้าหากันฉันท์เพื่อนของภูผาและฟ้าลั่น คือหนึ่งในพลังขับเคลื่อนหัวใจให้ยึดเหนี่ยว....กระหวัดไว้เมื่อแรกพบ.....

******************

ก่อนเปิดเทอม ศิวะต้องเตรียมงานรับน้องคณะจึงไม่ค่อยมีเวลามาหาภูผามากนัก เพราะหลังจากที่ทั้งคู่ไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเป็นครั้งแรก ศิวะก็ดูเหมือนจะหายไป แต่ก็ยังพอมีเวลาจะมาทิ้งโน้ตแสดงความห่วงใยไว้ให้ภูผาที่ใต้หอเสมอ

หลังจากรับน้องรถไฟเสร็จก็จะมีเวลาเหลืออีกประมาณเกือบอาทิตย์กว่าจะเปิดเทอม ในช่วงเวลานี้....ลูกช้างน่ารักคู่ใหม่.....ภูผาและฟ้าลั่น.....จึงเลือกที่จะออกเดินสำรวจมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้ที่จำเป็นที่กาดสวนแก้วด้วยกันในเวลาว่าง

ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่รวมถึงความอ่อนโยนและความสุภาพของฟ้าลั่น ได้สร้างความประทับใจอย่างยิ่งให้กับภูผา .....หลายครั้งภูผารู้สึกราวกับว่าตนเองได้พี่ชายที่แสนดี....ที่เคยฝันถึงไว้ มาอยู่เคียงข้าง

ฟ้าลั่นก็เช่นกัน เขามักจะอดยิ้มไม่ได้กับความร่าเริงของภูผา....รวมถึงความเป็นเด็กน้อยที่มีอยู่ในตัวของภูผาอย่างเหลือล้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือความจริงใจและความห่วงใยที่ภูผามีให้กับเพื่อนใหม่เช่นเขาตลอดเวลา สังเกตได้จากว่าภูผามักจะเอ่ยชวน หรือไม่ก็นั่งรอตนเองไปกินข้าวที่ตลาดฝายหินเสมอ.........

หัวใจของฟ้าลั่นยามนี้มีเต็มไปด้วยความสุขและดีใจ.....เพราะดูเหมือนว่าเขาได้น้องชายน่ารักไว้ในครอบครองเช่นกัน

นับจากนี้........อีกหลายปี....กว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าความรัก...ความผูกพันที่เกิดขึ้นฉันท์พี่น้องนี้จะพันธนาการหัวใจทั้งสองดวงให้เดินไปด้วยกัน..... ก้าวผ่านนาทีที่เจ็บปวด น้ำตา และความสุข จนแปรเปลี่ยนไปเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ที่ชายสองคนจะมีให้กันและกันตราบชีวิตจะดำเนินไป

ดังนั้น....เกือบทุกเย็นก่อนเปิดเทอม นักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มหรือเดินเล่นอยู่บนสันอ่างแก้ว....อ่างเก็บน้ำภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่... จะได้พบเห็นเด็กหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวสูงหุ่นดี หน้าตาคมคาย ใส่แว่นกรอบสีดำสนิท จะเดินมาพร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคนที่สูงน้อยกว่าเกือบคืบ....เด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ นอกจากนั้นยังจะเห็นขบวนของสุนัขมหาวิทยาลัยเดินตามมาคลอเคลียเล่นด้วยไม่ห่าง เนื่องจากภูผามักจะซื้ออาหารและขนมที่ อมช. มาให้พวกมันได้กินทุกครั้ง

*****************

อาทิตย์แรกของการเปิดภาคการศึกษานั้นเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย เพราะนักศึกษา....ลูกช้างเชือกใหม่....ต้องทำความคุ้นเคยกับการลงทะเบียนเรียน....การหาห้องเรียน...รวมถึงกิจกรรมรับน้องที่พี่ๆลูกช้างจัดเตรียมไว้ให้

ฟ้าลั่นและภูผาอยู่คนละคณะกันจึงทำให้ต้องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องแตกต่างกัน .....การรับน้องของคณะวิทยาศาสตร์มักเน้นเรื่องการเล่นเกมส์หรือความสนุกสนานเสียเป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากคณะวิศวกรรมที่ยังคงยึดในระบบโซตัสอยู่ ดังนั้นทุกคืนภูผาจึงเห็นฟ้าลั่นกลับมาที่หอพักด้วยสภาพที่เหงื่อโทรมกาย เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน แต่กระนั้นฟ้าลั่นก็มิได้แสดงท่าทางย่อท้อออกมาให้เห็นแต่ประการใด คงจะมีแต่อาการหิวโหยซึ่งก็ไม่เป็นปัญหา เพราะภูผาได้ซื้อข้าวเย็นใส่ห่อไว้ให้ฟ้าลั่นรอเสมอยามเมื่อเสร็จจากการรับน้อง บางครั้งก็จะอยู่รอเป็นเพื่อนเดินไปกินบะหมี่สำเร็จรูปที่เปิดขายหลังเที่ยงคืนที่หอสามชายเสมอ

“พรุ่งนี้เราต้องไปรับน้องนอกสถานที่นะฟ้าลั่น” ภูผาบอกฟ้าลั่นในคืนวันศุกร์แรกของการเปิดภาคเรียน

“เราก็เหมือนกัน นายไปที่ไหนหรือหมอก” ฟ้าลั่นตอบ พร้อมส่งคำถามกลับ

“ไม่รู้เลย แต่รุ่นพี่บอกว่าบนดอยอะไรซักอย่างนี่แหละ แต่ต้องไปค้างคืนด้วย” ภูผาตอบพลางนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่ที่เป็นคนรับผิดชอบงานกล่าวให้ฟัง

“เราก็ไป แต่ไม่ได้ค้างคืน คงต้องกลับมานอนที่หอ” ฟ้าลั่นบอก

“ดีจัง....เราต้องไปนอนบนดอย....นายได้กลับมานอนหอ....เฮ้อ....เราไม่ชวนคุยด้วยแล้ว....รีบนอนดีกว่า เก็บแรงไว้ไปปีนดอย.....Good Night แล้วกัน” ภูผากล่าวเสร็จแล้วจึงลุกขึ้นจากเตียง...เดินไปปิดไฟเพื่อเตรียมเข้านอน

ภูผามักจะเป็นคนปิดไฟเสมอเนื่องจากไม่อยากให้ฟ้าลั่นลุกจากที่นอนเพื่อเดินไปปิดไฟ เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหนาวถ้าต้องลงจากเตียงมา เนื่องจากฟ้าลั่นมักจะสวมเพียงกางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้นเวลานอน

ตอนแรกๆภูผาก็เขินหน้าแดงทุกครั้งเวลาเห็นร่างกายแข็งแรง....กำยำของฟ้าลั่น ซึ่งมีเพียงกางเกงในปกปิดของสงวนเท่านั้น แต่พอผ่านไปวันสองวันก็เริ่มชินเพราะเป็นธรรมดาที่ผู้ชายจะไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ ประกอบกับภูผาก็มิเคยคิดกับฟ้าลั่นในทำนองชู้สาวแต่ประการใด ดังนั้นภูผาจึงสมารถทำตัวเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

ฟ้าลั่นทราบดีว่าภูผามักเขินเวลาที่เห็นเขาในสภาพเกือบเปลือยในตอนแรกๆ แม้ว่าจะแอบกังวลใจบ้างเพราะเกรงว่าภูผาจะเข้าใจผิดคิดเป็นอย่างอื่น เนื่องจากเขาพอเดาได้ว่าหนุ่มหน้าหวานที่แสนร่าเริงคนนี้อาจเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน  แต่หลังจากที่ภูผาไม่ได้แสดงอาการหรือกระทำการสิ่งใดที่เป็นการบ่งชี้ว่าภูผาชอบเขาในลักษณะแบบชายรักชาย จึงทำให้ฟ้าลั่นเกิดความสบายใจ จนทำให้สามารถเปลือยกายให้ภูผาเห็นบ่อยๆ ได้โดยปราศจากความกังวลทั้งสิ้น   

ในคืนวันอาทิตย์หลังจากที่ภูผากลับจากรับน้องนอกสถานที่....ก่อนเข้านอนฟ้าลั่นก็สังเกตเห็นภูผามีลักษณะท่าทางที่แปลกออกไป....และนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง

จนกระทั่งเลยเวลานอนปกติมาเกือบหนึ่งชั่วโมง....ประโยคแฝงอาการอ้อนน้อยๆ ก็ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากคู่สวยของภูผาให้ฟ้าลั่นได้ยิน

“ฟ้าลั่น..... นายรู้ใช่มั้ยว่าเรารักนายแบบเพื่อนสนิทและก็แบบพี่ชายอ่ะ” คนพูดเริ่มพูดช้าๆ พลางเก็บซ่อนอาการเขินอายเอาไว้

“อืม.....รู้แล้วหมอก....ทำไมล่ะ” ฟ้าลั่นหันหน้ามายังคนพูด

“งั้น....เอ่อ ..... เอ่อ .....เรานอนเตียงเดียวกับนายได้หรือป่าว” หนุ่มหน้าหวานเริ่มพูดตะกุกตะกัก แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเขินและความกังวลใจเต็มที่

“ก็รุ่นพี่เค้าเอาเรื่องผีที่อยู่ในหอมาเล่าให้ฟังตอนรับน้องน่ะ.....เลยแบบว่า...เอ่อ......”

“กลัวผีว่างั้น” ฟ้าลั่นต่อประโยคให้จบทันที

“ก็ทำนองนั้นน่ะ...... น๊า น๊า .....เรานอนด้วยนะ แค่ไม่กี่คืนเอง ไว้หายกลัวแล้วก็จะกลับมานอนเตียงตัวเอง” คนหน้าหวานอ้อนวอน โดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานไปให้อย่างเอาใจเหมือนทุกๆครั้ง

ฟ้าลั่นแกล้งทำเป็นนิ่งคิด..... เพื่อรอดูปฏิกิริยาลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย พร้อมกับแอบยิ้มในใจ เพราะขำเนื่องจากไม่คิดว่าภูผา.....คนที่แสนจะร่าเริงจะเป็นคนที่กลัวผีขนาดนี้

“อืม ก็ได้” คำอนุญาตที่หลุดจากปากฟ้าลั่น ทำให้ภูผายิ้มหน้าบาน เพราะหมายถึงว่าตนเองจะต้องนอนหลับฝันดี เพราะไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล่าที่แสนน่ากลัวอีกต่อไป

“แต่ว่า....มีข้อแม้นะ.....” ฟ้าลั่นยักคิ้วยื่นข้อเสนอ

“นายต้องเป็นหมอนข้างให้เราด้วย.....ไม่อย่างนั้นก็ต้องนอนคนเดียว...” ฟ้าลั่นเอ่ยบอกข้อเสนอ

“อืม ก็ไม่เป็นไร .....เป็นเพื่อนกัน กอดกันก็ไม่แปลก...เน๊อะ” ภูผาไม่ขัดข้อง....และลุกขึ้นจากเตียงนอนของตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนบนที่ว่างข้างๆ ฟ้าลั่นในทันที

เมื่อภูผาล้มตัวลงนอน..... ฟ้าลั่นก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอาแขนของตนโอบกอดร่างภูผาไว้อย่างหลวมๆ และดึงร่างบางของภูผาให้ชิดเข้ากับหน้าอกอันแข็งแรงของตน

“ดีจัง ไม่ได้นอนกอดหมอนข้างมาหลายวันแล้ว” ฟ้าลั่นพูดเบาๆข้างหูภูผา ก่อนที่จะหลับตาลงสู่นิทราอย่างรวดเร็ว

ไม่มีใครจะทราบได้ว่า....... อ้อมกอดที่อบอุ่นในคืนนี้ของฟ้าลั่นจะนำการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ตามมาในอนาคต...... หัวใจสองดวงเริ่มเปิดประตูเข้าหากันอย่างช้าๆ ภายใต้อ้อมกอดบริสุทธิ์ที่ต่างคนคิดว่า.......เพราะความเป็นเพื่อนจึงกอด.......เพราะความเป็นพี่น้องที่โหยหาจึงให้กอด......ยามที่ร่างกายกำลังหลับใหล....แต่หัวใจสองดวงกลับสื่อสารกันทั้งคืนโดยที่เจ้าของมิได้รับรู้แต่ประการใด

กระหวัดเกี่ยวร้อย....เอ่ยถ้อยสิเนหา.....
ประตูเปิด....ฤาทัยสนทนา
ยามร่างกายา...หลับใหลในพลัน....

กระหวัดเกี่ยวร้อย...ล่องลอยในฝัน
สองชาย....ดวงใจชาลพัน
สู่วัน...สู่วาร....นิรันดร

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฟ้าลั่นก็ไม่ยอมที่จะให้ภูผานอนคนละเตียงกับเขา แม้ภูผาจะบอกว่าหายกลัวแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เพราะฟ้าลั่นติดใจในหมอนข้างใบนี้เสียแล้ว เรื่องที่จะต้องมานอนคนเดียวอีกจึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมเด็ดขาด

อาจเป็นเพราะต้องนอนคนเดียวมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เพราะบิดาและมารดาฝึกให้เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ดังนั้น เมื่อเวลาที่มีใครคนหนึ่งที่โหยหาโดยตลอด มาอยู่ข้างกายในทุกค่ำคืน....จึงทำให้ฟ้าลั่นติดใจ และไม่อยากสูญเสียความรู้สึกดีๆนี้ไป

สำหรับภูผา..... แม้จะบอกเสมอว่าตนเองมิได้เป็นเด็กขาดความรักในครอบครัว แต่ในใจลึกๆกลับไม่สามารถปฏิเสธความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในยามที่อยู่ในอ้อมกอดของฟ้าลั่นตลอดทั้งคืนได้ ดังนั้นภูผาจึงเต็มใจที่นอนในอ้อมกอดที่แข็งแรงของฟ้าลั่นตลอดไปเช่นกัน

อ้อมกอดแห่งรัก.....ทอถักประสาน
เชื่อมรัก...ผูกพันยาวนาน....
สำเริงสราญ....โอบอุ่นในดวงใจ

*****************




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2006 14:46:19 โดย b|ue B[o]Y hUb »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาอ่านอีกคนคับ........... :angellaugh2:

ภาษาสวยเหมือนเขียนนิยายเลย...........ชอบคับ :impress3:

ขอบคุณนะคับคุณบลู.......ที่เอาเรื่องดีๆมาหั้ยอ่าน :yeb:

จารออ่านต่อคับ........... :really2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
หวานมั้กมัก


อยากมีแบบนี้บ้างจัง


ขอบคุณAndreas สำหรับเรื่องหวานๆนะครับ   :myeye:


ขอบคุณครับหนูบลู ที่เอามาลงให้ :yeb:


พูห์ :teach:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
...... หัวใจสองดวงเริ่มเปิดประตูเข้าหากันอย่างช้าๆ ภายใต้อ้อมกอดบริสุทธิ์ที่ต่างคนคิดว่า.......เพราะความเป็นเพื่อนจึงกอด.......เพราะความเป็นพี่น้องที่โหยหาจึงให้กอด......ยามที่ร่างกายกำลังหลับใหล....แต่หัวใจสองดวงกลับสื่อสารกันทั้งคืนโดยที่เจ้าของมิได้รับรู้แต่ประการใด

กระหวัดเกี่ยวร้อย....เอ่ยถ้อยสิเนหา.....
ประตูเปิด....ฤาทัยสนทนา
ยามร่างกายา...หลับใหลในพลัน....

กระหวัดเกี่ยวร้อย...ล่องลอยในฝัน
สองชาย....ดวงใจชาลพัน
สู่วัน...สู่วาร....นิรันดร
.
..
...
อ้อมกอดแห่งรัก.....ทอถักประสาน
เชื่อมรัก...ผูกพันยาวนาน....
สำเริงสราญ....โอบอุ่นในดวงใจ


 :-[           ชอบค่ะ  รออ่านน๊า :angellaugh2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
หวานจริง ๆ ค่ะ  อ่านแล้วบอกไม่ถูก  รู้สึกอิ่มใจอะคะ  อิอิ   :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ผมปรับแก้บทที่2-3 ให้เป็นแบบ rewrite แล้วนะครับ

อิอิ รอกันหน่อยนะครับเพื่อนๆ
คุณ andreas ปกติผมก็เห็นไม่ค่อยว่าง
ไม่รู้จะ rewrite ได้เร็วขนาดไหน
เอิ้กๆ

ขอผลบุญส่งให้คุณ andreas มีความสุขมากๆนะครับ
 :yeb:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2006 14:22:28 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ที่พิมพ์ไว้หาย อิอิ อีกรอบ

][GobGab][   :3043:

หมูพูห์ ได้ข่าวมาอีกแล้วนิน่า  ขอบคุณมากๆเลยครับที่เข้ามาให้กำลังใจผมอยู่ตลอด  :confuse:

GoneOn  หายไปไหนหวา  :3129:

มูมู่น้อย  แอบฝันว่าอยากมีซะคนรึป่าว หาเอานะแถวห้องสีชมพู เอิ้กๆ  :love2:

***********************************************************************************************

อยากหลับฝัน
แพท สุธาสินี พุทธินันทน์
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/blueberrycpie/Pat+Suthasinee+-+02.wma[/wma]******************************************************************************************


บทที่ 5 ตำแหน่งเลขาที่มาพร้อมกับหัวใจ

............................................ณ เมืองพิมานเหนือธารแม่ปิง
............................................อิงแอบภูพิงค์พนาสวรรค์
............................................ฉายเวียงเชียงใหม่ สดใสดังดวงตะวัน
............................................ประทีปสวรรค์ แสงแห่งการศึกษา

............................................ทุกคนภาคเพียรสอนเรียนสุขในใจ
............................................ไปสู่จุดหมายด้วยใจศรัทธา
............................................เพื่อตนเพื่อชาติ เพื่อแคว้นดินแดนลานนา
............................................นี่คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 (ประทีปลานนา....เพลงประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.........บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ สถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุดอยสุเทพ ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญต่อเมืองเชียงใหม่เพราะเป็นที่มั่นของความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของคนทั่วไป

ด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมในดวงใจของลุกช้างรุ่นแรกๆ ภายหลังจากก่อตั้งมหาวิทยาลัย จึงได้ริเริ่มชวนกันเดินขึ้นดอยไปนมัสการพระบรมธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลและขอพรให้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา

หลังจากนั้นเป็นต้นมาได้มีการสืบทอดกิจกรรมนี้เนื่องมาทุกปี จนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

กิจกรรมเดินขึ้นดอยสุเทพ หรือ ที่เรียกว่า “ลูกช้างขึ้นดอย” จะจัดขึ้นทุกปีก่อนสอบกลางภาค โดยมีนักศึกษาปัจจุบันเข้าร่วมพิธี รวมถึงบรรดารุ่นพี่ที่จบการศึกษาแล้วพากันกลับมาร่วมกิจกรรมกับรุ่นน้องหรือไม่ก็กลับมาเยือนมหาวิทยาลัย.....บ้านที่จากไปนานอีกครั้ง

การเดินเท้าของนักศึกษาทุกคณะรวมทั้งสิ้นเกือบหมื่นคน เริ่มแต่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยจนกระทั่งหยุดลงที่บริเวณหน้าพระธาตุเป็นระยะทางกว่า17 กิโลเมตร จำเป็นต้องใช้ความสามัคคี.... ความอดทน....มิตรภาพ....และ พลังกายรมถึงแรงใจอย่างมาก เพื่อที่จะทำให้การเดินทางบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

การเดินขึ้นดอยของคณะวิทยาศาสตร์เป็นไปด้วยความยากลำบากและเน้นการดูแลจัดการมากเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นคณะใหญ่ มีนักศึกษามากกว่าสองพันคน ภูผาและเพื่อนๆรวมถึงพี่ๆทุกชั้นปีจึงต้องพยายามช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันเพื่อให้การเดินทางแห่งความเพียรและมิตรภาพประสบความสำเร็จ 

บ่อยครั้งที่เพื่อนผู้หญิงหลายคนเป็นลมหรือไม่สบาย ก็จะมีเพื่อนทั้งชายและหญิงหรือรุ่นพี่ที่เดินขนาบข้างคอยให้ความช่วยเหลือ ทำการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที .......ภาพที่เกิดขึ้นสามารถถ่ายทอดความห่วงใย....ความรัก....และความงดงามของเพื่อนต่อเพื่อน...และพี่ต่อน้องได้ชัดเจน อีกทั้งยังตราตรึงเข้าไปในหัวใจของภูผา

ดังถ้อยคำที่ว่า....เกียรติศักดิ์ของวิทยา....คือเกียรติแห่งรัก.....คือเกียรติแห่งมิตรภาพที่ยั่งยืน...... 

หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมเดินขึ้นดอยแล้ว นักศึกษาทุกชั้นปีก็ต้องเตรียมตัวที่จะสอบกลางภาคในอีกหนึ่งเดือนถัดมา โดยที่ช่วงสองสัปดาห์ก่อนสอบกลางภาคเรียนที่หนึ่งนั้นถือเป็นเวลาที่เคร่งเครียดสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เกือบทุกคน เนื่องจากต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ และด้วยความที่ข้อสอบนั้นจะแตกต่างจากการสอบในสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นอย่างมาก ประกอบกับหลายๆวิชามักจะใช้ข้อสอบอธิบายเป็นหลัก จึงทำให้นักศึกษาต้องอ่านหนังสือหลายรอบเพื่อที่จะสามารถตอบอธิบายหลักการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับคำถามในข้อสอบได้

ดังนั้นยามค่ำคืนทั่วมหาวิทยาลัย.......ม้าหินอ่อนใต้หอทุกหอรวมถึงภายในอาคารเรียนคณะต่างๆ จะถูกจับจองโดยนักศึกษาเป็นกลุ่มๆ เพื่อนั่งอ่านหนังสือและติวหนังสือร่วมกัน สำหรับเด็กเอ็นทรานส์ที่มาจากต่างจังหวัดด้วยแล้ว การเข้ากลุ่มติวหนังสือกับเพื่อนๆนั้นอาจจะเกิดปัญหาอยู่บ้าง เพราะเด็กเกือบครึ่งคณะเป็นเด็กโควตาที่จบมาจากโรงเรียนในเขตภาคเหนือ ซึ่งพบว่า บ้างก็ยกกลุ่มจากโรงเรียนเดิมเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังนั้นพวกนี้จึงสนิทสนมกันก่อนแล้ว

ภูผาไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเข้ากลุ่มเพราะเขาก็สนิทกับกลุ่มเด็กที่เอนทรานส์เข้ามาด้วยกัน บ่อยครั้งที่คิมและเปียโนสองคู่ซี้ชื่อดังแห่งคณะวิทย์ รวมถึงเพื่อนในกลุ่มต่างออกปากชวนภูผาไปติวหนังสือด้วยกันซึ่งภูผาก็มิเคยตอบปฏิเสธแต่อย่างใด

ทุกครั้งหลังจากที่ติวหนังสือเสร็จ ภูผาจะกลับมาอ่านหนังสือทบทวนอีกรอบในห้องพักตนเอง และก็เพื่อจะรอนอนพร้อมกับฟ้าลั่นนั่นเอง 

เพราะระบบโซตัสของคณะวิศวกรรมศาสตร์ทำให้ฟ้าลั่นต้องอยู่รวมกับเพื่อนเป็นกลุ่ม และช่วยติวหนังสือสอบให้เพื่อนๆหลายคน พอหลังจากติวให้เพื่อนเสร็จแล้ว เขาก็กลับมานั่งอ่านหนังสือต่อในห้องกับภูผา.....หมอนข้างหน้าหวานของเค้าเสมอ

“อ่านอะไรอยู่หรือหมอก” ฟ้าลั่นเปิดประตูห้องเดินเข้ามา พลางส่งคำถาม หลังจากเพิ่งกลับมาจากติวหนังสือให้เพื่อน

“แคลคูลัส .....วิชาอะไรก็ไม่รู้ยากมากๆ ยิ่งไม่เคยเรียนมาด้วย.....งงจริงๆ” ภูผาเอ่ยปากบ่นทันที

“อ้าว แล้วไม่ได้เรียนมาตอนมอหกเหรอ.......อ๋อ ลืมไปว่านายสอบเทียบเลยไม่ได้เรียน.....ไหนดูหน่อยซิ.....เดี๋ยวจะสอนให้” ฟ้าลั่นเสนอตัวพร้อมกับหันไปมองหน้าหมอนข้างพูดได้ของตนเอง เขาจึงได้เห็นแววตาดีใจที่เปล่งประกายออกมารวมถึงรอยยิ้มหวานที่แถมมาให้อีก

ฟ้าลั่นอธิบายหลักการคร่าวๆในหัวข้อที่ภูผาไม่เข้าใจเพียงไม่กี่นาที เขาก็พบว่าภูผาสามารถต่อยอดและทำแบบฝึกหัดทบทวนต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จนกระทั่งเขาต้องออกปากชมว่า

“เก่งจังหมอก เราอธิบายนิดเดียว นายก็ทำได้แล้ว”

“แหม....... ชั้นนี้แล้วครับ คุณฟ้าลั่น แค่นี้ทำไม่ได้ก็ไม่ใช่นายภูผาผู้น่ารักแล้ว” คำพูดและท่าทางภูมิใจตนเองของภูผาซึ่งคล้ายกับเด็กๆยามถูกผู้ใหญ่ชมเชย ทำให้ฟ้าลั่นหัวเราะออกมาเบาๆ......บุคลิกแบบนี้เองของภูผา ทำให้ฟ้าลั่นอดคิดไม่ได้ว่าเค้าคงได้น้องชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักมาอยู่ข้างกายจริงๆ

ฟ้าลั่นเดินหยิบหนังสือมาอ่านบนโต๊ะของตนเองที่ติดกับภูผา ด้วยความที่อยากเรียกร้องความสนใจจากภูผาบ้าง เขาจึงทำเป็นไม่เข้าใจวิชาภาษาอังกฤษที่ตนเองอ่านอยู่

“หมอก ดูหน่อยซิ ว่าข้อนี้ทำไมต้องใช้ present prefect continuous ล่ะ”

ภูผาเงยหน้าจากแบบฝึกหัดแคลคูลัส หันมามองหนังสือที่ฟ้าลั่นยืนมาให้ดู

“อืม...... ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่อ่านแล้วมันต้องใช้ tense นี้อ่ะ” ภูผาตอบตามที่ใจคิด

“อ้าว..... ทำไมอธิบายไม่ได้ล่ะ เห็นไปเรียนอังกฤษตั้งสองปี” ฟ้าลั่นแกล้งทำเป็นสงสัย

“ก็อ่านแล้วมันต้องใช้แบบนี้น่ะ...... อธิบายไม่ได้อ่ะ” คนตอบกำลังหงุดหงิด เพราะไม่สามารถให้คำอธิบายได้กระจ่างชัดนัก ด้วยความที่ตนเองเรียนภาษาอังกฤษโดยผ่านการใช้งานจริงขณะที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนใน High School ที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้ไม่สามารถอธิบายหลักไวยากรณ์ได้อย่างแม่นยำนัก

“ก็เพราะมันใช้ในกรณีที่เหตุการณ์เกิดอย่างต่อเนื่องในอดีตแล้วยังคงดำเนินต่อจนกระทั่งบัดนี้น่ะซิ.....แค่นี้ก็ตอบไม่ได้” คนที่แกล้งถามกลับอดไม่ได้ที่ตอบคำถามตนเสียเอง

“เอ๊ะ......นายรู้แล้วมาถามทำมัย......แกล้งเราเหรอ.......ไอ้ฟ้าลั่นบ้า..................ดีงั้นคืนนี้ไม่ต้องมากอดเลย นอนคนเดียวไปแล้วกัน” หนุ่มหน้าหวานกล่าวอย่างงอนๆ พลางก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสือของตน

“โอ๋....โอ๋....อย่างอนเลยนะหมอกน๊า....... น้องหมอกคนดี........เราไม่อยากนอนคนเดียวอ่ะ” ฟ้าลั่นเริ่มง้อ พร้อมกับลุกจากเก้าอี้มายืนข้างหลังภูผา ก่อนเอาคางวางบนศีรษะแล้วก็กอดหมอนข้างพูดได้ของเขา ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นน้องชายเขาจริงๆเข้าเสียแล้ว

“ปล่อยๆ ปล่อยได้แล้ว” เจ้าตัวดีร้องบอก พลางแกะมือฟ้าลั่นออกจากตัว

“เดี๋ยวใครเห็นเค้าก็คิดว่าเรากับนายมีอะไรกันพอดี...... ไม่ได้นะ เราก็อดมีแฟนซิ......ม่ายเอา.....อย่ามากอดเค้าซิ.......” ภูผาส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับเคียงคอส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ฟ้าลั่นที่ยืนอยู่ข้างๆ  แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา เนื่องจากต่างฝ่ายยังอยากจะมีแฟนด้วยกันทั้งคู่

ช่วงสัปดาห์สอบกลางภาคผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟ้าลั่นและภูผาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนหลายๆคนเห็นเป็นภาพชินตา เมื่อเห็นฟ้าลั่นก็ต้องเห็นภูผา เมื่อเห็นภูผาก็ต้องเห็นฟ้าลั่น......แม้หลายคนจะสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็คิดไปว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้น

สองสัปดาห์หลังจากการสอบกลางภาคเป็นเวลาของเสียงหัวเราะและน้ำตา เนื่องจากจากมีการประกาศคะแนนสอบ .......ที่เรียกว่าเวลาแห่งเสียงหัวเราะก็สำหรับพวกที่ได้คะแนนผ่าน mean แน่นอนว่ารวมภูผาและฟ้าลั่นเข้าไปด้วย ..........และที่เรียกว่าเวลาน้ำตา เพราะหลายคนที่ต้องผจญภัยใต้ mean ยิ่งดำลึกมาก หมายความว่าตก mean มากๆ ก็จะร้องไห้มากกว่าธรรมดา........

ศิวะติดตามดูคะแนนสอบของภูผามาตลอด ก็รู้สึกประทับใจกับคะแนนที่ภูผาได้ในระดับเกือบท๊อปทุกวิชา รวมถึงประทับใจในอัธยาศัยที่เสมอต้นเสมอปลายของภูผา.....สำหรับศิวะแล้ว...ภูผาน่ารักสำหรับหัวใจเขาเสมอ

เมื่อศิวะทราบว่าภูผาเป็นเด็กเรียนเก่ง เขาจึงมีความคิดที่จะชวนให้ภูผามาทำงานสโมสร และเพื่อให้ตนเองได้มีโอกาสใกล้ชิดภูผามากขึ้น โดยที่สักวัน....เขาอาจจะได้เป็นคนครอบครอง...หัวใจที่งดงามของภูผาดวงนี้

เย็นวันหนึ่ง หลังเลิกเรียนวิชาเคมี..... ภูผาเดินผ่านสโมสรนักศึกษาที่อยู่ชั้นล่างของตึก เมื่อศิวะที่นั่งทำงานอยู่ในสโมสรเห็นภูผาจึงรีบเดินเข้ามาคุยด้วยทันที

“น้องหมอกครับ” ศิวะเรียกเบาๆ

“น้องหมอกมีเวลาว่างให้พี่มั้ยครับ”

“ครับ พี่เสือมีอะไรหรือเปล่าครับ” ภูผาถามพร้อมส่งยิ้มให้

“คือพี่อยากให้น้องหมอกมาเป็นเลขาสโมสรน่ะครับ เนื่องจากเลขาพี่คนเก่าเค้าประสบอุบัติเหตุทางการศึกษาน่ะครับ” ศิวะพูดต่อ แต่แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเพราะคนฟังกำลังทำคิ้วผูกโบว์เพราะความสงสัย

“ก็ประสบอุบัติเหตุทางการศึกษา ก็คือ โดนรีไทร์งัยครับน้องหมอก”

“อ๋อ.......” ภูผาลากเสียงยาวแสดงความเข้าใจ

“ทำไมถึงเลือกผมละครับ รุ่นพี่คนอื่นก็มีตั้งเยอะไม่ใช่หรือครับ” ภูผาถามด้วยความแปลกใจ

“ก็พี่อยากให้น้องหมอกมาช่วยงานพี่นี่ครับ” ศิวะยังคงยึดวัตถุประสงค์เดิม

“พี่แค่อยากให้น้องหมอกมาอยู่ใกล้ๆพี่ มาทำงานกับพี่นี่ครับ” ศิวะพูดต่อเบาๆอย่างอายๆ เนื่องจากยังเห็นภูผาแสดงทีท่าสงสัยอยู่

ในที่สุด....ศิวะก็รวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย กระซิบเบาๆกับภูผา

“พี่ชอบน้องหมอกครับ..... อยากให้น้องหมอกมาอยู่ใกล้ๆพี่นี่ครับ” ศิวะพูดออกไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่เคยเป็นฝ่ายบอกความในใจของตนแก่คนอื่นๆ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสาวๆหรือหนุ่มๆรุ่นน้องมาบอกรักตนเองก่อนเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่ตนเองตัดสินใจพรั่งพรูความในใจออกมาก่อน แถมยังต้องบอกกับผู้ชายเสียอีก งานนี้จึงเป็นงานที่ค่อนข้างยากสำหรับตัวเขาที่สุด

หลังจากได้ยินศิวะกล่าวมาตามตรง ก็ทำให้ภูผาตกใจและประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่าพี่เสือผู้ใจดีและอ่อนโยนจะมาหลงรักตน  เนื่องจากได้ข่าวว่าพี่เสือหรือศิวะมีแฟนหลายคนมาก

แม้ภูผาจะยังรู้สึกยังสับสน เพราะส่วนหนึ่งก็ประทับใจในความอ่อนโยนของพี่เสือ แต่ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเขาชอบศิวะหรือไม่

“เอาเป็นว่าผมยินดีช่วยงานพี่เสือครับ”

“แต่หัวใจของผม.....มันอาจจะยังไม่มีใครในตอนนี้ .....แต่ก็ให้โอกาสคนที่จะมาคว้ามันไปเสมอครับ” คำตอบที่กลั่นกรองออกมาจากจิตใจของภูผา ทำให้ศิวะโล่งอกและยิ้มออกมา เนื่องจากกลัวว่าภูผาจะโกรธหรือบอกปฎิเสธเพราะว่าตนเองมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งศิวะหมายถึงฟ้าลั่นนั่นเอง เนื่องจากเห็นสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ

“พี่จะพยายามครับ” ศิวะกล่าวตอบอย่างหนักแน่น พร้อมรอยยิ้มกว้าง และถือโอกาสเดินเข้ามาโอบไหล่ภูผาเบาๆ

หัวใจดวงน้อย.....เฝ้าคอยใฝ่หา....
รักแท้เติมเต็ม....นำพา.....
บรรจุอุรา...ให้อิ่มใจ.....

จะใช่คนที่ฝันถึงหรือไม่....ใคร่จะรู้
ได้แต่เฝ้าถามดู...ดาราเอ๋ย....
จันทร์เจ้ากลับบอกแทน....เป็นคำเปรย....
ว่าเจ้าเอย....เจ้าจะพบรักแท้......ในเร็ววัน......


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2006 06:33:01 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อืมมม มาต่อและ

ขอบคุณคับ


พุห์ :teach:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ตามถึงนี่ด้วย  เรื่องนี้บรรยายละเมียดละไมดีจริง ๆ ภาษาสวยมาก ๆ เลย  ตามต่อคะ  :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เอาบรรยากาศมาฝากกันนะครับ

ลูกช้างขึ้นดอย

บรรยากาศทางขึ้นอันงดงาม


ภูผาและฟ้าลั่นอยู่คู่กันเสมอ

เหมือนใกล้กันเพียงใด ความจริงหากไกลเกินเอื้อมถึง

ถึงปากทางขึ้น

เป้าหมายลิบๆ

และแล้วพวกเราก็ทำได้


ภาพ กระสินธุ์และอื่นๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2006 06:21:01 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
โธ่ บลู

หลอกให้ดีใจ นึกว่ามาโป้ดต่อ

แต่ไม่เปงไร ขอบคุรนะครับ สำหรับรุปสวยๆ


พุห์ :teach:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
คิดเหมือนหมูพูห์อะ  นึกว่ามาต่อเรื่องแล้ว  แง แง  อยากอ่านต่อจัง    :impress:

ขอบคุณสำหรับรูปสวย ๆ นะคะ  สวยมาก ๆ  :monkeylove2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด