ตอนแรก นึกว่าเรื่องแบบนี้จะไม่มีใครมาอ่านซะแล้ว แต่ก็มีคนหลงมาอ่านจนได้

อิอิ
ยังไงช่วยให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะครับ เขียนตุนไว้ซักพักแล้ว แต่ว่าต้องสอบ เดี๋ยวเขียนไม่ทันอ่ะครับ
วันนี้ก็ยาวขึ้นมาแล้ว มีอะไรก็คอมเมนท์ได้นะครับ

ตอนที่ 2 ไม่ใช่กระทั่ง...จุดเริ่มต้น
“เอก มาทำอะไรอ่ะ” เสียงใครไม่รู้ ดังมาจากข้างหลัง ขณะที่เราทั้งสี่คนกำลังเดินออกไปทานข้าว
“มาเล่นเทนนิสเหรอ” ที่แท้ก็บ๊อบนี่เอง บ๊อบเป็นเพื่อนบ้าน และเพื่อนที่มหาวิทยาลัย แต่ผมก็ไม่ค่อยสนิทกับบ๊อบ เพราะความชอบไม่ตรงกันเอาซะเลย เขาชอบกีฬา แต่ผมชอบดนตรี เขาชอบเที่ยว แต่ผมชอบอยู่บ้าน ก็เลยไม่สนิทกันเท่าไร แต่ผมก็ยังอาศัยรถเขาติดกลับบ้านเสมอๆ เพราะผมยังขับรถไม่เป็น
“ใครอ่ะ น่ารักดี” พี่เต้ถามผมหลังจากที่เราห่างออกมาซักพักใหญ่แล้ว
“บ๊อบครับ บ้านใกล้กัน แล้วก็เรียนที่เดียวกัน” ผมตอบ แล้วก้มหน้าเดินมุดๆ ไป ไม่รู้ทำไมรู้สึกแปลบๆ นี่ผมรู้สึกอะไรกับคนที่เพิ่งรู้จักได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“เดี๋ยวไปกินอะไรกันดี” พี่รันถามขึ้น หลังจากเห็นผมก้มหน้างุดๆ อยู่พักใหญ่
“แล้วแต่สิครับ” พี่เต้ตอบขึ้นมา
“เจ้าบ้านมีอะไรแนะนำไหม” พี่รันหันมาถามความเห็นผม
“ตรงนี้ก็มีร้านบาเล่ย์ แต่ว่ามันแพงไปหน่อย แล้วก็มีข้าวต้มเป็ดตรงหน้าปากซอยก็อร่อยดีนะครับ”
“งั้นไปกินข้าวต้มเป็ด” ก็แล้วกัน
ผมจำไม่ได้แล้วว่าตลอดการกินข้าว คุยอะไรกันไปบ้าง เพราะผมได้แต่อายสายตาที่จ้องมองมา ไมรู้ทำไม อาจะเป็นเพราะกลัวเขารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร หรืออาจเป็นเพราะสายตานั้นแสดงอะไรบางอย่าง แต่ที่จำได้ คือ พี่เต้ทำให้ผมกลับบ้านไปด้วยความว้าวุ่นใจเป็นที่สุด
พี่เต้ขับรถมาส่งที่บ้าน หลังจากผมลงจากรถ ผมก็รู้สึกกระวนกระวาย จนในที่สุด
“ฮัลโหล พี่รัน”
“ผิดคาดแฮะ นายโทรมาหลังนายเต้แน่ะ” นี่ขนาดไม่ได้พูดอะไรยังอ่านใจออกหมดขนาดนี้ เฮ้อ ปิดอะไรพี่แกได้บ้างเนี่ย
“มีอะไรก็บอกมาเถอะครับ ถ้าไม่มีอะไร ผมจะได้ไม่หวังต่อ”
“เขาว่านายก็น่ารักดี แต่อยากเป็นพี่ชายนายมากกว่า” อ้าว ซะงั้น พี่ชายคนที่ร้อยแปดเหรอครับ เฮ้อ
คือ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ ตั้งแต่มัธยมแล้ว ถึงผมจะดูกล้าๆ แต่จริงขี้อายมาก และด้วยความที่ผมขี้อายมาก และกลัวความสัมพันธ์กับคนที่ชอบจะเปลี่ยนไป ผมจึงไม่เคยบอกความในใจกับใครที่ผมเคยแอบชอบเลยแม้แต่คนเดียว ผมได้แต่ดูห่างๆ เอาใจช่วยให้พี่แต่ละคนมีความสุข และปล่อยให้เวลาพัดพาความรู้สึกเหล่านั้นจางไป
ผมจำได้ว่าคนที่แอบชอบคนแรก เป็นพี่ที่สอนร้องเพลง จนบุญพาวาสนาส่งได้ไปออกเทปกับค่ายยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่ง ผลงานก็พอใช้ได้ครับ มีคนชื่นชอบ และยอดขายก็มากพอที่จะทำให้ได้ออกอัลบั้มสอง แต่ก็จอดแค่นั้น มีอัลบั้มพิเศษอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ออกอะไรมาอีก คนนี้เป็นคนแรกที่กล้ากับผมมากๆ คือไม่ได้จีบ แต่.... (ละไว้)....ทำเอาผมเสียความรู้สึกกับเขาไปนานทีเดียว ตอนนี้ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรพี่เขาอีกแล้ว เพราะวันนั้นเขาก็ไม่ได้ฝืนใจอะไรเอก แล้วพี่เขาก็ขอโทษซะมากมาย ก็เลยไม่ว่าอะไร ตอนนี้ผมก็คิดกับพี่เขาแค่พี่ชายคนหนึ่ง
ส่วนอีกคน คนนี้ก็สอนร้องเพลงที่เดียวกันกับคนแรก แต่หล่อมากๆ ตอนแรกเอกแอบชอบเขา เพราะหน้าตาจริงๆ แต่หลังจากได้พูดคุยแล้ว พี่เขานิสัยดีมากครับ เหมาะกับการเป็นพี่ชาย จนเราก็ได้ทำใจว่าอย่าคิดเกินเลยเลยดีกว่า เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ด้วยแหละ เอกก็เลยไม่ได้คิดอะไร ผ่านไปหลายปีจนเข้ามหาวิทยาลัย ก็เพิ่งมีคนบอกว่าเขาเป็นแฟนกับผู้ชายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนั้นผมก็เลิกคิดกับพี่เขาแบบนั้นไปซะแล้วล่ะครับ แต่ก็นะ แอบเสียดายอ่ะ(แต่แฟนพี่เขาคนนั้นน่ารักเหมือนกันนะ เอกก็รู้จัก สรุปพี่เขาก็เป็นพี่ชายที่น่ารักทั้งสองคนเลย)
ว่าแต่ นี่ผมจะต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันเป็นครั้งที่เท่าไรกันล่ะครับ เหนื่อยเหมือนกันนะ
“ลองเอาเบอร์ไปคุยแล้วกัน” พี่รันเองก็แอบลุ้นอ่ะดิ
“ครับ” หลังจากนั้น ไม่นานพี่รันก็ส่งเบอร์เข้ามาให้ ผมนั่งคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจโทรไป
“สวัสดีครับ พี่เต้”
“หวัดดี เอกเหรอ”
“ใช่ครับ คือ จะชวนพี่เต้ไปดูหนังอ่ะครับ”
“ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างอ่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ” เสียงพี่เต้กรอกมาตามสาย
“ครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ” เจอแบบนี้เข้า ผมเองก็หมดแรงเหมือนกันนะครับ แต่ก็เอาน่ะ ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ถ้าจะลองคุยกับพี่เขาดูเรื่อยๆ ก็คงไม่เสียหายอะไร
หลังจากนั้น ผมก็โทรไปหาพี่เขาเรื่อยๆ ครับ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าอะไร ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วเวลาก็พัดให้เราห่างกันไปในที่สุด ผมได้เจอคนใหม่ และก็เลิกรากันไปอย่างไม่ดีนัก(ก็คนแรกที่เล่าให้ฟังน่ะแหละครับ) เจอคนที่ผ่านมาผ่านไปจนผมเหนื่อยซะเหลือเกิน ขี้เกียจคิดเรื่องรักแล้ว ตั้งใจเรียนดีกว่า
และเหมือนเรื่องราวจะจบลงตรงนั้น แต่เปล่าครับ มันยังไม่มีอะไรเริ่มต้นเลย