Chapter 7วันทำงานวันใหม่อีกวันเริ่มขึ้นแต่เช้าตรู่ พนักงานทั้งหลายต้องฝ่าการจราจรที่คับคั่งมาทำงานตามปกติ ยกเว้นก็แต่นภเกตน์ซึ่งที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน และตฤณซึ่งนอนมันในห้องทำงานนั่นเอง
ร่างสูงตื่นก่อนเวลาเข้างานกว่าชั่วโมง เขาอาบน้ำแต่งตัว ลงไปซื้ออาหารเช้าขึ้นมานั่งรับประทานบนโซฟาในห้องทำงาน ระหว่างนั้นประตูก็เปิดออกผาง
“ไอ้ตฤณณณณ!”
“เฮ้ย! ไอ้แหลม มีไรวะ แหกขี้ตามาล้างหน้าไก่เหรอมึง”
“ล้างหน้ามึงน่ะเซ่ กูแย่แล้วอ๊ะ มึงต้องช่วยกูนะ!” ธนากรปราดเข้าไปกระโดดทับคนที่นั่งอยู่บนโซฟา จนตฤณหงายหลังผลึง
“ไอ้เว้รรรร มีเรื่องอะไรบอกกูดีๆ ก็ได้ ชิบหาย ไข่แดงในแซนด์วิชกูร่วงเลยเห็นมั้ย!”
ธนากรเอื้อมไปหยิบเศษไข่แดงที่ร่วงอยู่บนพื้นห้องกลับมายัดใส่ปากเพื่อน “เอ้า ไข่มึง แล้วหุบปากฟังกู๊...”
“แหวะ! มึงเอาไข่ตกพื้นมาให้กูกินทำม้อยยยย” ตฤณดิ้นพราดๆ จะผลักคนบนร่างออกก็ตัวหนักเหลือเกิน ใช้มือเดียวยันออกไปแทบไม่ขยับ “มึงออกไปจากตัวกูก่อน!”
“ไม่! มึงต้องสัญญาก่อนว่าจะช่วยกู กูแย่แล้ว แย่จริงๆ นะมึง!” ธนากรไม่พูดปล่าว หากยืดคอไปกัดแซนด์วิชในมือของตฤณด้วย
“อ้าว ไอ้เวร! มึงจะมาขอร้อง หรือจะมาหาเรื่องกะกูวะ!”
“กูหิวนี่ แม่งเอ๊ย! ตะลอนเทียวรับเทียวส่งลูกค้ามาทั้งคืน ก็ไอ้โพรเจกต์ของบริษัทดาต้าโปรอ้ะ!”
แกร็ก... บานประตูห้องทำงานเปิดออกกว้าง
ร่างโปร่งมาถึงห้องทำงานพอดีกับเวลาเริ่มงาน ทว่าภายในห้องนั้น มีชายหนุ่มจากฝ่ายขายกับผู้ช่วยของตนนอนกอดรัดฟัดกันนัวเนียอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกโพลง “เฮ้ย!”
“เฮ้ย!” ...ชิบหายแว้ว! “ไอ้แหลม มึงออกไปก่อนเร้ว!!” จากนั้นทั้งสองก็กระเด้งตัวออกจากกันอย่างรวดเร็ว แล้วลุกขึ้นพรวด “ผู้จัดการ!”
“คุณตฤณ!” นภเกตน์อ้าปากเพื่อจะต่อว่า ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ธนากรก็ถลาเข้ามาหา
“คุณนภเกตน์ครับ! มาพอดีเลย ผมมีปัญหาด่วนเรื่องโพรเจกต์ใหญ่ของดาต้าโปร คุยกันตอนนี้เลยได้มั้ยครับ!”
ชายหนุ่มผิวขาวอ้ำอึ้ง ใจนึกอยากจะด่าตฤณให้สาแก่ใจก่อน แต่นี่เวลางาน เรื่องงานต้องมาก่อน เขาจึงแค่หันไปถลึงตาร่างสูงอย่างคาดโทษ แล้วหันกลับมาตอบธนากร “เชิญ”
“คือว่าอย่างนี้ครับ...” ธนากรไม่รอช้า พอนภเกตน์นั่งลง เขาก็ร่ายยาวทันที “โพรเจกต์ดาต้าโปรนี่ เรายื่นเสนอให้ลูกค้าพร้อมกับอีกบริษัท ทางดาต้าโปรเลือกบริษัทเรา มีการตบปากรับคำกันเป็นอย่างดี แต่พอนัดจะเซ็นสัญญากัน กลับต่อรองว่า อีกบริษัทยื่นข้อเสนอว่าจะส่งงานก่อนบริษัทเราสิบวัน ทางนั้นก็เลยต้องการให้บริษัทเราส่งโพรเจ็กต์ให้ได้ในเวลาเดียวกันด้วย”
“เฮ้ย! โพรเจกต์ใหญ่ขนาดนั้น ที่วางแผนไว้ก็เสร็จก่อนแค่อาทิตย์เดียวเองนะไอ้แหลม วิศวกรของเรามีไม่พอหรอก” ตฤณใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนสนิท ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับเสียงค่อย
“ไอ้ตฤณ คุณมึงอย่าพูดแบบนี้สิครับ กูใจเสียนะ”
นภเกตน์ลุกไปยังโต๊ะทำงานของตน ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ของโพรเจกต์นั้นกลับมาตรวจดู “วิศวกรต้องใช้เวลาติดตั้งและทดสอบอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง แต่ต้องบวกเวลาที่ใช้ในการเดินทางอีก”
“บางแห่งอาจเข้าสองไซต์ได้ในหนึ่งวัน เราคงต้องวางแผนกันใหม่ ร่นระยะทางกับเวลาลงอีก ทำงานวันเสาร์อาทิตย์ด้วย” ตฤณเสริม
“คุณธนากร ขอทางเราปรึกษากันก่อนได้มั้ย”
ธนากรส่ายหน้ารัวๆ แล้วทำปากสั่นระริก... “ผม... ผม... ตอบตกลงกับเขาไปแล้วน่ะสิครับ โฮวววว.... คุณนภเกตน์!! ผมจำยอมต้องรับปากไป แล้วยังต้องพาทางนั้นไปเลี้ยงอาหารชุดใหญ่ ผมถึงได้สัญญามาเป็นรายลักษณ์อักษรเนี่ยครับ”
“อ้าว! คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!”
“โธ่ ก็นี่มันโพรเจกต์อลังการดาวล้านดวง นอกจากกำไรมหาศาลแล้วก็ยังสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเราไปอีกหลายปีเลยนะครับ ต่อให้ผมไม่ตอบตกลง หัวหน้าผมก็ตอบแทน ต่อให้หัวหน้าผมไม่ตอบแทน คุณพีรพัฒน์ก็ตอบรับแทนอยู่ดี”
“แล้วพวกวิศวกรที่ต้องออกไซต์จะยอมเหรอ คุณตฤณ คุณธนากร... ออกไซต์งานต่างจังหวัด นั่งรถตลอดแล้วทำงานทั้งวันทั้งคืนอีก” นภเกตน์นึกเป็นห่วง เพราะถ้างานนี้เสร็จไม่ทันละก็... คราวนี้เรื่องใหญ่แน่ๆ
ตฤณถอนหายใจ “ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันปฏิเสธไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องทำงานกันหนักหน่อย... ไอ้แหลม คุณมึงเตรียมงบไว้ดูแลวิศวกรทุกคนกับเบี้ยเลี้ยงสำหรับทำงานนอกเวลาด้วย” เขาหันไปทางผู้เป็นนาย “ส่วนพวกวิศวกรทั้งหลาย เดี๋ยวผมจะพูดกับพวกเขาให้เองครับ ผู้จัดการไม่ต้องกังวล”
“จะให้ผมไม่กังวลได้ยังไง”
ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปยังหน้าห้อง เขาเปิดประตูแล้วตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย! ใครยังไม่ได้ไปไซต์ลูกค้า เข้ามานี่ด่วน!”
ไม่นานวิศวกรเกือบครบทุกนายก็วิ่งกรูกันเข้ามาในห้อง จนพื้นที่ดูแคบไปถนัดตา
“ที่พี่เรียกพวกนายเข้ามานี่ เพราะมีเรื่องสำคัญจะต้องคุย โพรเจกต์ของดาต้าโปร...” ชายหนุ่มผิวสีแทนอธิบายปัญหาให้กับทุกคนได้ฟัง และขอความร่วมมือ “...นี่คืองานของพวกเราทุกคน เพื่อตัวเรา เพื่อบริษัท คงจะเหนื่อยสักหน่อย แต่พี่ขอให้เราตั้งใจและช่วยกัน ได้มั้ย!”
“ได้ครับ!” เสียงตอบรับพร้อมกันดังลั่น
ดวงตากลมใสหยุดอยู่ที่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยของตน ใบหน้าคมเข้มดูจริงจังและหนักแน่น ท่วงท่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้จะดูไม่เข้ากับเสื้อผ้าโทรมๆ เหลืองๆ ส่งกลิ่นหืนๆ เอาเสียเลย แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นภเกตน์รู้สึกว่าผู้ช่วยของตนก็พึ่งพาอะไรได้บ้างเหมือนกัน เพราะถ้าให้เขาเป็นคนพูดกับเหล่าวิศวกรทั้งหลายละก็ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย เขาไม่ได้เป็นที่รักของพวกลูกน้องเหมือนกับตฤณซะด้วยซี
ตฤณเดินมายืนเคียงข้างร่างโปร่ง แล้วโน้มตัวไปกระซิบ “พูดอะไรสักหน่อยสิครับ บอกขอบคุณพวกเขา แล้วยิ้มสักหน่อย”
“ทำไมผมต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยเล่า” ผู้เป็นนายหันไปส่งสายตาดุให้
“เอาน่ะ เชื่อผมสักครั้ง”
นภเกตน์ขมวดคิ้ว แล้วอ้ำอึ้ง “....” ...ก็ในเมื่อมันเป็นงานของทุกคน... แล้วทำไมเขาจะต้องขอบคุณด้วยล่ะ
แต่ผู้ช่วยผิวสีน้ำผึ้งยังคะยั้นคะยอไม่เลิก “เร็วสิ แค่นี้ทำไม่ได้รึไงครับ”
“รู้แล้วน่ะ” ร่างโปร่งค้อนขวับใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้มบางๆ “ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ”
...เป็นครั้งแรกที่เหล่าวิศวกรภายใต้การปกครองยอมเงยหน้าขึ้นสบสายตากับนภเกตน์ พวกเขาพยักหน้าพร้อมยิ้มตอบแบบเขินๆ แต่ทำให้ผู้เป็นนายรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด
...ขอบคุณ... เป็นแค่คำพูดง่ายๆ สั้นๆ แต่กลับทำให้หลายสิ่งหลาย อย่างรอบๆ ตัวเขาเปลี่ยนแปลงไป รอยยิ้มบางที่ร่างโปร่งพยายามฝืนค้างไว้ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆ จากส่วนลึกของหัวใจ โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้ตฤณ ขอบใจมากนะมึง” ธนากรกระโดดกอดเพื่อนรักอีกครั้ง
“เออๆ ไม่ต้องกอดได้มั้ยมึง”
“งั้นกูไปนะ มีประชุมที่สำนักงานใหญ่ดาต้าโปร” ธนากรปล่อยแขนออก แล้วหันไปหานภเกตน์กับวิศวกรคนอื่นๆ “ขอบคุณ ขอบคุณทุกคนมากครับ พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ ผมขอเชิญคุณนภเกตน์กับวิศวกรทุกคนไปกินเลี้ยงสักหน่อยนะครับ ร้านเนื้อย่างเกาหลีดีมั้ยครับ กินกันให้แดดิ้นไปเลย ถือเป็นการเลี้ยงเรียกพลังก่อนเริ่มโพรเจกต์ครับ”
“เฮ้! กินฟรีๆ” เหล่าวิศวกรส่งเสียงเฮกันลั่น
ตฤณส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เอ้า ใครมีงานก็ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่กับผู้จัดการจะวางแผนการเดินทางของทุกคนให้ แล้วพี่จะเรียกมาประชุมกันอีกที”
เมื่อทุกคนทยอยกันออกจากห้องไปแล้ว ร่างสูงก็สั่งให้เลขาช่วยจัดการหากระดานไวต์บอร์ดให้ จากนั้นก็วาดตารางงาน พร้อมกับพิจารณาระยะทางกับเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปพลาง
“อืม... แผนการแรกคือเราจะเข้าเริ่มงานกันที่สำนักงานใหญ่และสาขาย่อยในภาคกลาง ภาคตะวันออกและตะวันตกก่อน แล้วค่อยกระจายออกไปแต่ละภาคพร้อมๆ กัน แต่ถ้าคงแผนการเดิมไว้ แล้วเร่งจัดการในภาคอื่นๆ ทีหลัง มันก็ยังไม่น่าจะทัน... เราจะต้องลดจากแผนงานสามสัปดาห์ ให้เสร็จภายในสองสัปดาห์” ตฤณเปรย
“งั้นคงต้องเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศสินะ เอาภาคตะวันตกไปรวมกับใต้ แล้วเอาภาคตะวันออกไปรวมกับอีสาน อืม... ก็จะเหลือแต่ภาคกลาง” นภเกตน์ถอนหายใจ “แต่วิศวกรของเรามีไม่พอ...”
“ถ้าหากผมกับผู้จัดการออกไปจัดการกับส่วนกลางเอง... แต่ละสาขาพื้นที่ห่างกันไม่มาก ถ้าคุณกับผมเข้าไปจัดการได้ถึงสองหรือสามสาขาต่อหนึ่งวัน ก็น่าจะเสร็จทันเวลาพอดี” ร่างสูงหยุดชั่วครู่ แล้วหันไปสบสายตากับเจ้านาย “ว่าไงครับ”
“ก็จริงของคุณ... ”
นั่นเป็นคำตอบที่ตฤณไม่คาดคิด เขานึกว่าจะโดนส่งออกไปจัดการกับภาคกลางคนเดียวซะอีก “ฮะ...”
“ในเมื่อทุกคนเสียสละร่วมมือช่วยกันทำโพรเจกต์ขนาดนี้แล้ว ผู้จัดการอย่างผมคงจะนั่งอยู่เฉยๆ ดูทุกคนวิ่งวุ่นไม่ได้...”
“.....” ...มายพระ เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้ากูวะ!
“ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวให้คุณหลินจัดการทำเอกสารตารางเวลาออกมาเลย ส่วนคุณกับผมลงไปตรวจดูอุปกรณ์ในห้องเก็บสินค้ากัน จะได้รู้ว่าทางเราพร้อมส่งคนออกเดินทางไปติดตั้งอุปกรณ์ได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่”
“คะ... ครับ” ร่างสูงส่ายหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะก้าวขายาวๆ ตามหลังเจ้านายไป
ทั้งสองเดินตามกันไปยังประตูทางออก แต่จู่ๆ นภเกตน์ก็หยุดกึก แล้วหันไปพูดเสียงกึ่งดุกับผู้ช่วยของตน “แล้วก็... คุณตฤณกับคุณธนากร... อย่าทำอะไรรุ่มร่ามแบบเมื่อเช้านี้อีกนะ”
ตฤณหลุดหัวเราะลั่น “ผู้จัดการ! ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ ไอ้แหลม เอ๊ย ธนากรก็เหมือนกันครับ!”
สีหน้าของผู้เป็นนายบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย เขาไม่โต้ตอบอะไร แค่เดินนำออกจากห้องไปเท่านั้น
“เอาล่ะ อุปกรณ์พร้อมจัดส่ง จ้างช่างในท้องที่ให้ติดตั้งอุปกรณ์ไว้ในตู้เก็บอุปกรณ์ได้เลย” นภเกตน์วางหูโทรศัพท์ลงหลังจากสั่งงานเสร็จ ก่อนจะลุกเดินไปยังห้องแล็บ ซึ่งตฤณได้เรียกลูกน้องที่ยังไม่ได้ออกไซต์งานมาช่วยกันติดตั้งระบบจำลองขึ้น
ระหว่างที่ทุกคนกำลังแกะกล่องอุปกรณ์ขึ้นมาจัดวางกันอย่างฉุกละหุก บวรวิทย์ หนึ่งในวิศวกรตะโกนขึ้น “เคเบิลไม่พออะพี่ ต้องเข้าหัวปลั๊กเองไปก่อน”
“ไปเบิกเครื่องปอกสายกับคีมเข้าหัวมาจากแผนกเคเบิลสิ” ชายหนุ่มผิวสีแทนตะโกนตอบมาจากตรงด้านหลังตู้อุปกรณ์ที่เขากำลังก้มงุดอยู่
“เสียเวลา ไม่ต้องหรอกพี่ ใช้คัตเตอร์ก็ได้ คีมเข้าหัวที่แผนกเราก็มี” รุ่นน้องตอบพลางเดินดุ่มๆ ไปหยิบคัตเตอร์และอุปกรณ์สำหรับเข้าหัวปลั๊กรุ่นเก่าๆ ที่มีสำรองอยู่ในแผนกมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เขานั่งลงบนกล่องขนาดใหญ่แล้วปอกเปลือกหุ้มสายเคเบิลออกอย่างระมัดระวัง พอเงยหน้าขึ้น เห็นผู้เป็นนายเปิดประตูเข้ามา เขาจึงรีบหันไปบอกกับรุ่นพี่ที่แสนเคารพ “ผู้จัดการมาแล้ว พี่ตฤณ”
“ยังติดตั้งอุปกรณ์ไม่เสร็จครับผู้จัดการ คุณนั่งรอสักครู่ก่อนนะ” ร่างสูงที่ในมือถือไขควงโผล่หน้าออกมาจากหลังตู้เก็บอุปกรณ์ ก่อนจะผลุบกลับไปทำงานต่อ
นภเกตน์กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ซึ่งเหล่าวิศวกรที่ยังไม่ได้ออกไปไซต์ลูกค้ารวมตัวกันทำงานอยู่นับสิบนาย บนพื้นมีกล่องใส่อุปกรณ์วางระเกะระกะจนพื้นที่ภายในห้องดูแคบไปถนัดตา วิศวกรบางคนนั่งอยู่บนพื้น บางคนก็นั่งบนกล่อง นภเกตน์จึงเลือกที่จะไปนั่งลงบนกล่องข้างๆ บวรวิทย์ จากนั้นก็หันไปมองลูกน้องที่กำลังเข้าหัวปลั๊กให้กับสายเคเบิลอย่างคล่องแคล่วด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่นึกว่าลูกน้องของตนจะทำได้ว่องไวราวกับเป็นพนักงานมาจากแผนกเคเบิลยังไงยังงั้น
...ทำไมมองเหมือนจะหาที่ถูเอาเลขจากตัวเขาแบบนั้นกันวะ... บวรวิทย์คิดหนักอยู่ในใจ แต่ก็พยายามยิ้มสู้ “อะ... เอ่อ... ผู้จัดการ มี... อะไร... รึเปล่า... ครับ”
นภเกตน์ตวัดสายตาขึ้นมอง “เปล่า” พอตอบแล้วก็เคลื่อนสายตาลงมาจ้องมองที่มือของลูกน้องผู้โชคดีต่อ
“อยาก... ละ.. ลอง... ทำ... บ้าง... มั้ยครับ” บวรวิทย์ลองถาม พร้อมกับส่งอุปกรณ์ที่วางอยู่ข้างๆ ให้ด้วยมือที่สั่นน้อยๆ
“เฮ้ย! อย่าเลย เดี๋ยวทำแล้วพัง เสียของ เสียเวลาด้วยนะครับผู้จัดการ” คนที่ยืนอยู่หลังตู้เก็บอุปกรณ์โผล่หน้าออกมาบอก เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้อีกฝ่ายโมโห แต่งานเคเบิลนั้นไม่ใช่ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นจะมีแผนกที่รับผิดชอบดูแลเรื่องเคเบิลแยกออกไปทำไมกันล่ะ
หากผู้เป็นนายไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ เขาคิดว่าตฤณกำลังท้าทาย จึงยื่นมือออกไปรับสายเคเบิลที่บวรวิทย์ส่งให้ “เอามาสิ” ...ที่จริงแล้วเขาเคยเข้าหัวสายเคเบิลตอนเรียนครั้งเดียว แถมนั่งทำอยู่นานกว่าจะได้สักหัว เรื่องการใช้แรงงานเป็นเรื่องที่ร่างโปร่งไม่ถนัดเอาซะเลย แต่ถ้าเขาปฏิเสธก็เสียราคาของคำว่าอัจฉริยะหมดน่ะซี ร่างโปร่งค่อยๆ จัดการปอกเปลือกหุ้มสายเคเบิลอย่างระมัดระวัง
ภายในสายเคเบิลเส้นหนึ่งประกอบไปด้วยสายไฟเล็กๆ แปดเส้น ขั้วทองแดงต้องสัมผัสกับทั้งแปดจุดในหัวเคเบิล หรือ ปลั๊ก สายเคเบิลเส้นนั้นจึงจะใช้งานได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ชำนาญและไม่ได้มีอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ เพื่อใช้ในการทุ่นแรง
แกร๊ก... แกร๊ก... (เสียงคีมหนีบหัวปลั๊กให้แนบสนิทกับสายเคเบิล)
...เสร็จไปหนึ่งเส้น... มือขาวเอื้อมไปหยิบอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณมาตรวจสอบ เพื่อทดสอบดูว่าสายเคเบิลที่เขาเพิ่งเข้าหัวปลั๊กไปนั้นใช้งานได้หรือไม่
...shit! สัญญาณมาไม่ครบ แปลว่าไอ้หัวปลั๊กที่ทำไปนั้นใช้งานไม่ได้...
นภเกตน์เงยหน้าขึ้นแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ซึ่งเหล่าวิศวกรที่มองเขาอยู่ในตอนแรกก็พากันหลบสายตาแวบ
ร่างโปร่งจัดการตัดสายเคเบิลออกแล้วลองเข้าหัวใหม่อีกครั้ง
แกร๊ก... แกร๊ก...
...shit!! ยังใช้ไม่ได้อีก!
แกร๊ก... แกร๊ก...
“ฮึ่ย!” นภเกตน์เริ่มกระฟัดกระเฟียด... ให้ตายสิ ของง่ายๆ แค่นี้ทำไมคนเก่งอย่างเขาถึงทำไม่ได้กันนะ
“ผะ... ผู้จัดการครับ เอ่อ... เดี๋ยว... ผมทำเอง... ดีกว่า นะ... ครับ” บวรวิทย์เอ่ยอย่างนอบน้อม แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งรู้สึกเสียหน้า นภเกตน์ส่งสายตาดุๆ ให้ แล้วก้มหน้าก้มตาเข้าหัวเคเบิลต่อไป
แกร๊ก... แกร๊ก...
กองของหัวเคเบิลและเศษสายเคเบิลที่ถูกตัดออกเริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีวี่แววว่านภเกตน์จะเข้าหัวสายเคเบิลได้สำเร็จ
“shit!” ผู้เป็นนายเริ่มสบถออกเสียง ใบหน้าหวานซับสีเลือด จนพวกลูกน้องที่ร่วมห้องรู้สึกถึงอารมณ์คุกรุ่น พวกเขาสบสายตากันอย่างหวาดๆ เกรงว่าเมื่อเจ้านายโมโหแล้วจะพาล เดี๋ยวพวกเขาจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย หลายคนเริ่มขยับลงมาจากกล่องที่นั่ง แล้วไปนั่งเบียดกันอยู่เป็นกระจุกบนพื้นห้อง
“เฮ้ย!!!” เมื่อร่างสูงก้าวออกมาจากทางด้านหลังตู้เก็บอุปกรณ์ก็ชนเข้ากับเหล่าลูกน้องที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนเข้าอย่างจัง “พวกเอ็งมานั่งเบียดกันทำไมวะเนี่ย!” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เขาหันไปทางที่เจ้านายกำลังนั่งควันออกหูอยู่ “ผู้จัดการเล่นอะไรน่ะครับ! ทำอะไรของคุณเนี่ย เคเบิลยาวเป็นเมตร เหลือสั้นไม่ถึงฟุต หัวปลั๊กน่ะ แพงนะครับ เข้าแล้วเจ๊งเยอะแยะขนาดนี้ เปลืองไม่เข้าเรื่อง” ตฤณบ่นแบบไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
นภเกตน์ค้อนขวับ ทั้งเสียหน้าทั้งหงุดหงิด แล้วยังเจ็บมือด้วย “.....” ...แต่ก็เถียงไม่ออก
“.....” ร่างสูงโน้มตัวลง พลางหยิบสายเคเบิลที่เข้าหัวใหม่คาไว้ในมือขาวขึ้นมาส่องดู “อืม... อันนี้น่าจะใช้ได้” เขาใช้กรรไกรเล็มปลายสายเคเบิลอีกครั้ง ก่อนจะส่งคีมให้กับอีกฝ่าย แล้ววางมือประกบหลังมือขาว “หนีบอีกที เบาๆ นะครับ”
แกร๊ก...
ร่างโปร่งยกสายเคเบิลขึ้นดู แล้วรีบเอาไปเช็กกับอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณ “โอ๊ะ! ใช้ได้แล้ว!” เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าพวกลูกน้องในห้องต่างจ้องมองตนกันอยู่เป็นตาเดียว พอหันไปทางตฤณ อีกฝ่ายก็กำลังยิ้มมุมปากอย่างน่าสงสัย
“เคเบิลยาวฟุตกว่าๆ แค่นี้จะใช้ทำอะไรได้ครับ คุณผู้จัดการ... ผมติดตั้งแล็บเสร็จแล้ว เริ่มงานกันเถอะครับ เสียเวลามาเยอะแล้ว”
...ฮื้ยยย.... เสียหน้า เสียเซลฟ์ที่สุด ไอ้หมอนี่ตั้งใจหักหน้ากันนี่!... ผู้เป็นนายเหวี่ยงเคเบิลเส้นสั้นจุ๊ดในมือทิ้งไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก “รู้แล้วน่ะ” จากนั้นก็ลุกเดินไปยังกระดานไวต์บอร์ดที่ตั้งอยู่ในห้อง “เราเริ่มจากวาดเน็ตเวิร์กไดอะแกรมก่อนละกัน”
ตฤณลอบหัวเราะเบาๆ ...แบบนี้ค่อยดูเป็นมนุษย์ขึ้นมาหน่อย ถ้าไอ้เจ้านายหน้าจืดนี่ไม่มีข้อเสียเลย เขาคงเชื่อไปแล้วว่าเป็นหุ่นยนต์ตั้งโปรแกรมมา
TBC~*อร๊ายยย ผู้ชายเค้าเริ่มน่ารักใส่กันแล้วน้าาาา
เจ้านายพอจะเห็นความดีที่ซุกซ่อนไว้(ลึกมาก)ในตัวตฤณ ส่วนตฤณก็เริ่มจะเห็นความน่ารักในตัวเจ้านาย แบบนี้คงอีกไม่นาน... <-- ไม่นานทำไม
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ