ตอนที่ 4
เก้าโมงเป๊ะ เป็นเอกจอดเทียบบิ๊กไบท์หน้าอาคารสภานิสิตแต่ไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนเพราะไม่เคยมา เลยยืนพิงมอไซต์หยิบแก้วกาแฟสตาร์บัคที่ห้อยกับรถมาดื่ม ไม่ได้ชอบแบรนด์นี้เป็นพิเศษแต่มันขายที่ล่างคอนโด สะดวกที่สุด
สักพักก็มีเวสป้าสีสนิมบิดมาจอดใกล้ๆ สภาพรีบสุดๆเพราะตื่นสาย ร่างกายที่เรียกว่าวิ่งผ่านน้ำ ผมยังหมาดชื้นระต้นคอ แต่คิ้วเข้มขมวดแน่นจนคนมองเผลออมยิ้มก่อนจะเบือนหน้าหนีทันทีที่มันหันมาสบตา
“อ้าวมากันแล้วทั้งสองคน ทางนี้เลยค่ะ พี่เต็งหนึ่งขอบคุณนะคะที่มา ส่วนเป็นเอกขอบใจนะที่มาช่วย แหะๆปีเดียวกันขอเรียกสนิทนิดนึงนะเอก”
ทีมงานผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ตาดุแอบเหล่คนตัวซีดก็สรุปได้ว่ามันหล่อเหมือนเดิม…เสื้อเชิ้ตนิสิตสีขาวปล่อยชายกับกางเกงยีนส์สีฟ้าซีดพับข้อเท้าแบบพวกศิลปกรรมมันใส่และรองเท้ากังฟูสีขาว ขนาดมันจะติสท์มันยังหล่อ
ส่วนตัวเอง … เสื้อกล้ามสีดำเสื้อชอปกางเกงยีนส์สีดำตัวเดิมและรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ใกล้โละทิ้งเข้าไปทุกที
เดินตามมาถึงด้านในก็เจอทีมงานเตรียมตัวอยู่ ได้เสื้อมาคนละตัว เป็นเอกสีขาว…เต็งหนึ่งสีเทา
เป็นเอกตั้งใจจะเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนแต่โดนอีกคนยักคิ้วกวนตีนใส่แล้วเปลี่ยนเสื้อโชว์เรือนร่างไม่สนว่าสาวไหนจะแอบมอง จึงตัดสินใจเปลี่ยนบ้าง…แล้วก็แอบขำเมื่ออีกฝ่ายถลึงตาใส่… อยากกวนตีนดีนัก
‘กูหวง’
เสียงกระซิบดังข้างหู…
‘รู้จักกันหรอ’
กระซิบตอบ…ดั่งมีดแทงใจ
“มาแต่งหน้าเซ็ตผมหน่อยค่ะหนุ่มๆ มาหาเจ๊มาเร้ววววว”
เต็งหนึ่งไม่ต้องทำอะไร เพราะลุคเซอร์อยู่แล้วแค่เซ็ตผมหน้าให้เป็นทรงและมัดผมเป็นจุกเล็กๆที่ท้ายทอย ลงแป้งบางๆให้หน้ารับแสงก็จบ ถึงได้มีเวลาว่างมานั่งขำคนโดน ‘จัดเต็ม’
ผมทรงวีคัตที่เปิดหน้าตลอดถูก ‘ยำ’ ใหม่หมด ให้พองฟูเล็กน้อยเซ็ตเปิดหน้าเกลี้ยง แว่นถูกถอดออกเติมด้วยรองพื้นและแป้ง… เพราะผิวซีดไป…ต้องเพิ่มความเข้ม ตาสวยที่ซ่อนหลังเลนส์มาตลอดกระพริบตาปริบๆเมื่อผงแป้งเข้าตา ฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อคนแต่งหน้าแอบกริ๊ดใส่เบาๆ
‘หล่ออ้ะ อร้ายยย เจ๊ชอบบบบบ สเปคเลย อยากได้อยากโดน !!’
พึมพำขอบคุณเบาๆแล้วรีบลุกหนีไปยืนไกลๆทันที ส่วนเต็งหนึ่งก็นั่งขำก๊ากอยู่คนเดียว
กว่าจะแต่งหน้าผู้หญิงเสร็จก็เกือบสิบเอ็ดโมง แดดกำลังแรงก็ยกทัพไปรถรางมหาลัยไปที่ถนนเส้นหลังที่บรรยากาศดีที่สุดในมหาลัย ก็เริ่มจากถ่ายรวมก่อนแล้วก็ให้สาวๆถ่ายเดี่ยวเพราะเริ่มร้อนเดี๋ยวหน้าจะเยิ้ม ส่วนผู้ชายทนแดดทนลม(เต็งหนึ่งคนเดียว) ก็นั่งลงกับพื้นซีเมนต์รอคิว ส่วนเป็นเอกก็ยืนกอดอกมองดินฟ้าอากาศ
“แหมสองหนุ่มไม่คุยกันหน่อยหรอคะ พึ่งรู้จักกันวันนี้ใช่มั้ย?”
“ครับ”
กลอกตากับคำตอบไอ้ตัวซีด ก่อนจะพูดตัดบท
“ร้อนด้วยแหละเลยไม่มีอารมณ์คุยเท่าไหร่ ใกล้เสร็จยังอ่ะ”
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวให้เอกถ่ายก่อนนะคะ เพราะของหล่อเบอร์หนึ่งนี่จะเยอะมากแถวมีชอปวิศวะด้วยใช้คุ้มแน่นอน เอาให้ยอดขายเสื้อพุ่งกระฉูดไปเลย คิคิ”
ถามสุขภาพกูยัง ร้อนโว้ย !
สักพักเป็นเอกก็ได้ไปถ่ายก่อน แม่งดูหล่อ ดูดี หน้าจะนิ่งไปหน่อยแต่เซ็ตผมแล้วมันหล่อ หล่อกระชากตับกระชากไตยิ่งไม่ใส่แว่นอีก…ใจเต้นเลยไง
“พี่หนึ่งมาถ่ายคู่ผู้ชายหน่อยครับ”
ก็เดินไปถ่ายปกติ แต่มันก็มีให้กอดคอ มองหน้า ทำเป็นช็อตเผลอ เผลอของเป็นเอกคือเดินหนึ่งก้าวส่วนเต็งหนึ่ง…ด้วยความหมั่นไส้เลยแกล้งทำหน้ากวนตีนยกขนเตะขาอีกฝ่ายเบาๆเรียกสีหน้าเอือมระอา แต่คิดว่าตากล้องคงถ่ายทันเพราะยกนิ้วให้
จากนั้นก็งานยาก… อยากให้กอดอกคู่กันแล้วยิ้มทะเล้น … เป็นเอกคนยิ้มยากถ่ายอยู่หลายช็อตก็ยังไม่ถูกใจช่างภาพ… สุดท้ายก็เลยกลายเป็นยิ้มหนึ่งคนกับอีกคนที่ทำสีหน้ารำคาญสุดๆ… และมันคงรำคาญจริงๆเพราะเป็นรูปสุดท้ายที่มันยอมให้ถ่าย
จากนั้นก็เต็งหนึ่งฉายเดี่ยว แม่งใช้คุ้มจริงๆ มีเอาช็อปพาดบ่า ใส่ช็อปทับ สารพัด ร้อนก็ร้อนกว่าจะเสร็จก็บ่ายสองคนอื่นรวมถึงไอ้เอกก็กลับหมดแล้ว ห่า! ทิ้งเขาเป็นแรงงานพม่าอยู่คนเดียว
“หมอบ ผมบอกให้พวกคุณหมอบ !!!”
นี่ล่ะหนทางคลายเครียด วิศวะจบรับน้องไปแล้วแต่ยังเหลือวิ่งเอาเกียร์อยู่ดี เฮดว้ากปีสามอย่างเต็งหนึ่งก็ต้องทำหน้าที่ ไอ้พวกปีสี่อย่างพี่จอมก็นั่งกระดิกตีนเลย แต่สนิทกับพวกพี่จอมเท่านั้นแหละเพราะเรียนเครื่องกล แต่พวกฝั่งโยธามีแต่หน้าหวานๆ ไอ้ม่อนงี้ ไอ้โอมงี้ แดกน้ำตาลกันหรอวะ มิน่าโยธาแทบไม่ส่งคนเป็นว้าก หลุดมาอยู่แค่สองคน
“ใครให้คุยกัน ทำเป็นเล่นหรอคุณ ? ตลกหรอ หา !!!!”
สัส แสบคอโว้ย!
แต่ตอนนี้เข้าโหมดหน้าดุ แล้วไอ้พวกคณะอื่นที่ไม่เกี่ยวแต่เสือกมานั่งสลอนเต็มอาคารใกล้ๆส่องกล้องมาถ่ายนี่เป็นเหี้ยไรกัน
“พี่พิชครับ เอาไง”
พี่พิชประธานคณะปีสี่กำลังมองไปทางเดียวกัน คณะอื่นสลอนเต็มระเบียงตึกวิศวะ วิศวะทั้งคณะมันอยู่นี่กันหมดอยู่แล้วทุกชั้นปีทุกสาขา
“เดี๋ยวพี่ไปไล่เอง มึงคุ้มน้องไป”
สักพักทีมว้ากจุฑาเทพของปีสี่ก็เดินทำหน้าโหดไปกวาดคนลงจากตึก ต้องรอให้ค่ำอีกหน่อยเพราะตอนนี้บางคณะมันยังเรียน รถก็ยังเยอะ ให้น้องปีหนึ่งไปวิ่งคงลำบากทั้งคนวิ่งทั้งรถ ปีสองก็ต้องประกบสายตัวเองให้วิ่งจนรอด ปีสามที่ไม่ใช่ว้ากก็เป็นสวัสดิการพยาบาล ปีสี่ยืนคุม
เส้นทางวิ่งคือครึ่งมหาลัย ให้วิ่งทั้งมหาลัยตายห่าพอดี คณะวิศวะอยู่ฝั่งตะวันออกวิ่งไปโซนเหนือชนรัฐศาสตร์เลี้ยวตัดผ่านเศรษฐศาสตร์ลงใต้ไปวิทยาศาตร์แล้วเลี้ยวกลับมาวิศวะ เจ็บใจตรงต้องไปผ่านรัฐศาสตร์!!!!!! ป่านนี้แม่งคงกลับไปแล้ว
“ตั้งแถว ! ดูต้นคอคนข้างหน้าไว้ อย่าออกนองทาง ข้างๆก็เอาไปด้วยกัน วิ่งพร้อมกันอย่าทิ้งเพื่อน! อย่าทิ้งพี่! อย่าทิ้งน้อง! เข้าใจมั้ย
!!!!!!!!”
“ครับ/ค่ะ !!”
“รวมปีสองแปดร้อยกว่าคนเสียงมีแค่นี้หรอ !!! อายผมมั้ยคนเดียวเสียงยังดังกว่าพวกคุณเลย !!”
สักพักก็เริ่มปล่อยน้องวิ่ง ไอ้แมทคุมกลาง ไอ้สก๊อตช่วยคุมหลัง แบ่งกันไปคุม มีว้ากรวมสี่สิบคน ช่วยกันล้อมน้อง สวัสดิการปีสามก็ต้องวิ่ง ปีสี่เท่านั้นที่นั่งสบาย
เพราะเป็นเฮด ความรับผิดชอบก็ต้องมากหน่อย วิ่งนำขบวน! แถวคณะตัวเองไล่ไอ้พวกมาดูออกไปได้แต่พอวิ่งผ่านคณะชาวบ้านตามถนนนี่กล้องเพียบ แล้ววิ่งเด่นมาคนแรกเสื้อคลุมว้ากสีดำสนิทรองเท้าผ้าใบกับเสื้อโซตัสสีดำข้างใน แล้วถ้ากูเป็นลมใครจะช่วยกูวะ !!! เด็กข้างหลังมันยังมีเพื่อนมีอะไรกอดคอ ไอ้นี่วิ่งหน้าเริ่ดอยู่คนเดียว!
“กริ๊ดดดดดดพี่เต็งหนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ใครกริ๊ดวะ อย่ากริ๊ดกูเขินกูยิ้มไม่ได้กูโหดอยู่ไอ้เหี้ย!! เวลาอื่นสิวะ!!!! อย่ายิ้มนะสัสกัดปากไว้ กัดปากไว้เชี่ยหนึ่งอย่าหลุด รูปมึงยิ้มเขินจะเต็มเพจส้นตีนบ้าบอเลยนะเว่ย เสียการปกครอง !! ยังต้องวิ่งอีกหลายวัน อย่าหลุดนะสัส
“พี่หนึ่งเท่จังเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มองทางนี้หน่อยค่ะ”
มองไม่ได้โว้ยกูวิ่งนำขบวนอยู่ ! เคยได้ยินประโยคนี้มั้ย ‘หลงทางเสียเวลา หลงสบตาเสียการทรงตัว’ เดี๋ยวกูเขินแล้วเผลอเซขึ้นมาอายเลยนะเว้ยอายยย แล้วก็มีอันเกือบจะล้มคะมำจริงๆเมื่อวิ่งถึงคณะรัฐศาสตร์แล้วต้องหยุดเพราะ Kawasaki Ninja 1000 ABS จอดขวางอยู่ โดยเจ้าของรถก็ยังนั่งคร่อมคุยกับเพื่อนกลุ่มมันไม่ได้แยแสกองทัพวิศวะที่วิ่งผ่านมาทางนี้เลย แล้วไอ้ฝ่ายจราจรที่ส่งมาเคลียทางไปไหนวะ!!!
“พลๆ ไหนมึงบอกทางโล่ง”
วอถามมันก่อนจะยกมือให้ขบวนวิ่งหยุด
“มันบิดมาเร็วมากกูห้ามไม่ทันว่ะ”
ตอบผ่านวอกลับมา … เอกมันไม่ได้โง่นะโว้ยมึงตั้งป้ายไม่ทันก็บอกกู !!! เพราะกูพึ่งเห็นเด็กทีมมึงวิ่งเอาป้ายมากั้นทางเนี่ย
“เออกูเคลียเอง”
“ตั้งขบวน ! ใครให้นั่ง ตั้งแถวรอ ยืนเข้าระเบียบ !!!!”
สักพักว้ากคนอื่นก็เริ่มตะโกนสั่งตาม แม่งเอ้ยต้องชะงักเพราะต้องไปเจรจากับมันเนี่ย แต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อนมันคงไม่สวนมานะว่าใครให้คุยด้วย
“เฮ้ยโทษนะ…”
“อ้าวไงพี่หล่อเบอร์หนึ่งเอาเค้กมาส่งหรอ ได้ทักสักที เค้กพี่อร่อยมากเลยว่ะ”
ไอ้ตี๋หน้าเอ๋อๆสอดขึ้นมา ไอ้สัสเค้กช่างแม่งมึงดูก่อนว่าคนเป็นพันวิ่งตามกูมาเนี่ย
“ขอบคุณนะ แต่ช่วยเขยิบรถหน่อยได้ปะ”
สบตามันก่อนจะชี้ให้ดูว่ากูยกทัพมาหน้าคณะมึงแล้วครับ…
“อ่าวเชี่ย หลบเค้าดิ๊เอก เดี๋ยวพวกกูไปรอบนตึกมึงเอารถไปจอดก่อนไป”
เพื่อนมันอีกคนไล่ต้อนกลุ่มมันขึ้นตึก คนเริ่มมุง… หนึ่งทุ่มแล้วพวกมึงไม่กลับบ้านกันรึไงไอ้พวกรัฐศาสตร์ !!
“ลานจอด”
“เออจอดให้กูหน่อย ขอโทษที่มาคุยกับมึง …”
“ทางนั้น”
มันชี้นิ้วทะลุผ่านกลุ่มวิศวะแปดร้อยคนไป… พอมองตาม.. เออไอ้เหี้ยลานจอดอยู่ด้านหลังขบวนวิ่ง !!!
“มึงก็เขยิบให้กูหน่อยเหอะ กูต้องวิ่งต่อ”
“หนึ่ง …”
“ว่า?”
“ไม่อายหรอคุยกับกู”
มันใช่เวลามาถามมั้ยยย ไอ้เชี่ยเอกปัญญาอ่อน !!!!!!!!!!!!!!!!! ทะเลาะไรตอนนี้
“อายเหี้ยไรละ มึงนี่กูบอกกี่รอบละว่ากูกลัวมึงคิดมากไม่ใช่กู เร็วๆรีบย้ายได้แล้ว มึงดูดิ๊คนเป็นพันรอมึงเนี่ย”
“ขี้เกียจ”
กวนตีน .. ตอนนี้คนเริ่มมุงแล้วไงว่ามันติดอะไรไม่ไปต่อสักที คณะอื่นก็เริ่มตามมากริ๊ดแล้วไง คนเขาก็เห็นหมดไงว่าสองคนยืนซะชิดอยู่กลางถนนเนี่ย ไอ้ตัวปัญหาหน้านิ่งก็ไม่เขยิบให้สักที เพื่อนมันก็มายืนมองละว่าทำไมมันไม่ย้ายสักที
“มึงจะเอาไงกูต้องไปต่อ”
“…”
“เร็วๆดิวะ”
“กูจอดของกูทุกวันตรงนี้”
“ขยับให้แปปเดียวเอง กูขอล่ะ นะเอกนะ”
กัดปากแน่นเพราะเผลอพูดจาอ้อนมัน แต่ไอ้คนฟังก็ไม่สะเทือนสักเศษเสี้ยว…ก็แค่เลิกคิ้วกลับมา ไอ้ตายด้าน!
“ยิ้มดิ”
“ยิ้มเหี้ยไรกูว้ากอยู่ มึงหลบได้ยัง”
“อายหรอ”
“กูไม่ได้อาย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เชี่ยหลุดตะคอก คนหันมองกันพรึ่บ
“….มึง”
“มึงจะพูดไรอีก”
“หน้า…”
“ห้ะ”
“โหดเนอะ”
กวนตีนนนนนน
“ไอ้เชี่ย หลบ! เยอะไปละไวๆ”
สุดท้ายก็ยกขาถีบรถราคาเกินครึ่งล้านเบาๆให้เจ้าของรถทำหน้าเอือมใส่
“หนึ่ง…”
ยังอีก ยังจะลีลา!!!
“ขอยาวๆทีเดียวเร็วๆสัส”
ลุ้น…. ลุ้น…
“ถ้ามึงอายกูจะบอกเอง”
“บอกไรวะ …”
เชี่ย ลุ้นนนนนนนนนนนนนนนนน
“บอกรัก”
“ห้ะ !!!!!!!!!!!!!!”
“ไอ้เชี่ยมึงเปิดวอให้คนทั้งคณะเป็นสักขีพยานว่ามึงโดนไอ้เบอร์สองจีบหรอวะไอ้เชี่ยหนึ่ง กูให้มึงไปเจรจาขอผ่านทางไม่ได้ให้ไปจีบกันโว้ย”
เสียงสก๊อตด่าผ่านวอกลับมา…
เชี่ย….เผลอลุ้นจัดกำมือแน่นกดเปิดวอ .. เสียงมันดังผ่านทุกวอ … สตาฟส่วนมาก พี่ว้าก พยาบาล.. ปีสี่ … ปีสาม… น้องบางส่วน แม่งได้ยินหมดแล้ววววววววววววววววววววว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด ฉันได้ยินเป็นเอกบอกรักพี่หนึ่งงงงงงงงงงง”
เสียงกริ๊ดมาจากระยะร้อยเมตรไกลๆก่อนจะเริ่มขยายมาใกล้ตัว ส่วนตัวคนพลาดนี่ทรุดลงไปนั่งยองๆกุมขมับ
“มึง .. มันหน้าไม่อาย !!”
“แต่มึงอาย”
คนละเรื่องกันโว้ยยยยยยยย ใครให้มันฟิวส์ขาดจนทำร้ายกูขนาดนี้ ไอ้เชี่ยเอกกกกกกกกกก ตอนนี้ไม่ได้อายแต่ตอนนี้กูเขินแล้วว พ่องงง
เต็งหนึ่งเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด ก็ยังทำหน้านิ่งก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อยหยิบหมวกกันน็อคมาสวมแล้วยอมบิดบิ๊กไบท์ออกไปอีกทางให้ ไม่สนว่าทิ้งคนตัวดำหน้าแดงไว้กลางสายตาแซวจากทั่วทุกสารทิศ การปกครองที่เสียหมดจนไม่กล้าหันไปมองน้องข้างหลัง ได้แต่ก้มหน้าวิ่งต่อ…
“มึง ปกติวิศวะกับรัฐศาสตร์มันไม่ค่อยจีบกันนะ”
“เชี่ยแมทหุบปาก!!!”
น้องแยกย้ายแล้ว แต่ทีมงานยังสุมหัวประชุมกันต่อ ระหว่างรอคนหมดก่อนเพราะจะได้ประชุมสะดวกพวกเหี้ยนี่ก็แซวไม่หยุด
“มึง มันรวยนะเว่ย สบายไปสิบชาติ”
“เชี่ยก็อตมึงเลิกพูด”
“มันหล่อนะ มีแฟนหล่อไงมึง”
“เชี่ยพล เพราะมึงนั่นแหละ กางป้ายห้ามผ่านทางไม่ทันสาสสสสสสสสสสสสสสส”
“อ่าว ก็ดีไง มึงจะได้ขายออกสักที หน้าดุๆแบบมึงนานๆทีมีคนมาจีบ แถมไอ้เหี้ยหล่ออันดับสองนั่นหน้ายากกว่ามึงอีกว่ะ ก๊ากกก ขนาดตอนพูดไรนะจะจีบๆสักอย่างหน้าแม่งเหมือนจะต่อยมึงมากกว่าอีก ฮ่าๆ”
“เออไม่น่าเชื่อว่าแม่งจะด้านขนาดกล้าจีบมึงกลางงานวิ่ง เหนือชั้นจริงๆ ประกาศตัดหน้าคู่แข่งในคณะทีเดียวเกลี้ยง ฉลาดชาติเจริญ แถมแฟนคลับรอบทิศรู้เรื่องรวดเดียวจบ แม่งวางแผนการใหญ่พวกนี้ใจต้องนิ่ง อนาคตมึงไกลแล้วไอ้หนึ่ง”
เชี่ยพี่จอม …
“หล่อ รวย ฉลาด เหยดดด เอาแม่งเลยเชื่อกู”
“พอๆ เอาเหี้ยไรล่ะเชี่ยก็อต ประชุมโว้ยประชุม พี่พิชญ์ไม่ต้องมายิ้มแซวผม ประชุมครับพี่ประชุมมมม”
“ก็ดีนะ เผื่อจะได้สนิทกับรัฐศาสตร์มากขึ้น เห็นว่าเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สงสัยจะลองสนามมาสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคณะ”
“พี่พิชโอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พอออออออออออออออออออออออออออออ”
กว่าจะประชุมเสร็จ กว่าจะเลิกแซว แม่ง แซวจนกูจะเลิกอายแล้วเนี่ย…. ไม่รู้อีกฝ่ายจะถูกแซวบ้างมั้ย แต่คงไม่ หน้าแข็งยิ่งกว่าหินใครจะไปกล้าแซว
“เฮ้ยมึงดูนี่ รูปคู่แห่งปี”
ไอ้แมทเดินมากอดคอพลางส่งไอโฟนใส่มือ
‘ร่วมด้วยช่วยกันลุ้นให้ ‘เป็นเอก’ สอยหัวใจ ‘เต็งหนึ่ง’ มาครอบครองให้สำเร็จกันเถอะ!! ’ แคปชั่นเวอร์ๆพร้อมรูปถ่ายจากดานข้างที่มันนั่งคร่อมอยู่บนบิ๊กไบท์ ขายาวๆแตะพื้นหันหน้ามามองผู้ชายหน้าเข็มที่กำลังนั่งยองๆเสยผมหน้าขึ้นจ้องตากลับ โอ่ยยยยย ไอ้เหี้ยยย คอมเม้นทะลุยาวเป็นพัน
“กูลาตาย”
“ฮ่าๆๆ ปัปปี้เลิฟสุดๆ ไม่เขินดิเพื่อนไม่เอา หูมึงแดงหมดแล้วเนี่ย ไปๆรีบกลับ วอมเสียงด้วยพรุ่งนี้วิ่งต่อ”
“เออบาย”
สุดท้ายก็บิดเวสป้ากลับไปจอดที่คอนโด มองบรรดารถเยอแยะของไอ้เอกแล้วอยากจะทุบทิ้งแม่งให้หมด เพราะพ่อกับแม่มันไม่อยู่แล้ว พ่อมันชอบสะสมรถ … เลยมีรถราคาแพงสิบคันจอดนิ่งอยู่ที่คอนโดนี่แต่มันไม่ยอมขับสักคัน เสียตังให้ช่างมาซ่อมบำรุงกับขับทุกอาทิตย์เพื่อถนอมเครื่องยนตร์ ค่าซื้อที่จอดก็ไม่ใช่ถูก เพราะพี่เล่นเหมาทั้งชั้น แถมทำอย่างกับโชว์รูม เพราะกั้นกระจกนิรภัย ชั้นอื่นขับผ่านก็ได้แต่มองอึ้งๆ เวสป้าแก่ๆเลยได้อานิสงค์เบียดเข้าไปจอดข้างบิ๊กไบท์คันใหญ่ด้วยประการฉะนี้ กดล็อครหัสปิดประตูกระจกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปต่ออีกชั้น
แผลใจ…ของเป็นเอก… จอดนิ่งทุกคันมาแปดเดือน เพราะคนขับไม่อยู่แล้ว
เข้าห้องมาวันนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว คนที่นอนอ่านการ์ตูนประจำไม่ได้อยู่ที่โซฟาแต่นั่งเล่นเปียโนอยู่ คุณชายมั้ยล่ะเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กเพราะคุณแม่ชอบ
“กินข้าว”
มองเลยไปที่ครัวก็เห็นกับข้าวง่ายๆวางอยู่ ดันยืนเหม่อมองมันนานไปหน่อย…
“กินยังล่ะมึง”
“รออยู่”
“ป่ะกินข้าว เหนื่อยชิบหาย”
นั่งลงที่ประจำข้างกัน ไม่นั่งตรงข้ามเหมือนเดิมเพราะกินช้าในระดับหอยทากชนะ ต้องอีกฝ่ายตักกับข้าวให้ ซึ่งมันก็ดี สบายดี
เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะทะเลาะกับมันหรือคุยอะไร กินเสร็จก็ปล่อยมันจูงมือขึ้นห้องนอน ไอ้ตัวซีดก็มีมุมน่ารัก รู้ว่าเขาจะเหนื่อยสุดช่วงรับน้องก็มาถูหลังให้ มานวดให้
“สบายว่ะ… แรงอีกนิด อื้อ…”
“พอ”
“อีกนิดน่า…”
“ไปนอน”
ห่า.. กำลังสบาย ก็ต้องลุกตามมันไปแต่งตัว เป็นอันรู้กันช่วงนี้งดกิจกรรมบนเตียงเพราะต้องใช้พลังเยอะมากในการว้ากน้อง คุมน้อง วิ่งเกียร์วิ่งช็อปอีกยาวไกลทั้งอาทิตย์ ถ้ายังจะเอาอีกกูตายก่อน
วันนี้แปลก … มันไม่นอนหันหลังให้ .. แต่มันมันนอนซุกอกแทน
“อยากโดนกูเอารึไง”
“…..”
“เงี่ยนหรอมึง”
พลั่ก!... โดนทุบข้อหากวนตีน
จุ้บ
“จุ้บเหี้ยไร”
แอ๊บโหดไปงั้น… แต่จุ๊บมันกลับ
“จุ้บเหี้ยหนึ่ง”
“ปากนะปาก เดี๋ยวกูตีปากฉีก”
“…”
ไม่ตอบแค่ทำหน้าเอือมแล้วนอนซุกลงไปที่แผ่นอกกว้างต่อ เต็งหนึ่งหัวเราะแผ่วๆก่อนจะดึงแขนซีดมากอดเอวแล้วฮัมเพลงเบาๆ จนกระทั่งไอ้ซีดมันเริ่มซน
“เอก ไม่เอา.. กูต้องวิ่ง”
“เอก … อย่าจับดิสัส…”
“ไอ้เอก … อะ … อา…”
“อื้อ …… เอก … ”
“เบาๆ .. อะ … อา …”
เบาเหี้ยไรมึงยั่วกูเอง … เต็งหนึ่งมีคติว่า .. จะทำอะไรต้องเต็มที่… งานนี้ก็เลยจัดเต็ม
“หนึ่ง … อา …”
“ซี้ด….เอกอย่าตอดไอ้สัส…”
………. แตะขอบฟ้า ……….
… สลบเหมือดตอนตีสาม… พรุ่งนี้เรียนเจ็ดโมง … บ่ายเข้าช็อป .. เย็นนำน้องวิ่ง … ร่างพัง …
…ช่วงสลึมสลือร่างกายยังอุตส่าห์ฝืนสังขารตื่นมาหายาหาผ้ามาเช็ดตัวให้อีกฝ่าย เงี่ยนก็เงี่ยนทีหลัง ปล่อยมันขย่มเองอยู่หนึ่งน้ำ…จัดเองอีกหนึ่งน้ำ แทบสลบเหมือด……
========================================
สวัสดีค่า จบไปอีกตอน อิอิ
เรื่องนี้แบมพยายามมากที่จะให้มันดูสมูท ไปแบบเรื่อยๆเอื่อยๆ อยากจะลองเขียนแนวนี้ดูเพราะอยากลองพัฒนาตัวเอง ก็ถ้าใครอ่านนิยายแบมมาหลายๆเรื่องก็อาจจะรู้สึกนะคะว่าเรื่องนี้สมูทขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ (มั้ง) แหะๆ
ก็คาดหวังกับเรื่องนี้ค่อนข้างสูงเพราะเหมือนท้าทายตัวเองด้วย ยังไงขอกำลังใจด้วยนะคะ
กดเม้นกดโหวต หรือมาพูดคุยกันได้ในแฟนเพจนะคะ ชุ้บๆ