ตอนที่ 12
เพลงบรรเลงหวานละมุนเปิดคลอไปทั่วห้องพร้อมกลิ่นขนมหวานที่ลอยมาจากห้องครัว ปลุกให้คนที่นอนทอดตัวบนโซฟางัวเงียขึ้นมา
มือซีดขยี้ตาป้อยๆวางคางลงบนพนักโซฟากระพริบตามองไปทางห้องครัว ได้ยินเสียงเครื่องครัวกระทบกันไปมา
สุดท้ายก็หาวหวอดก่อนจะลุกขึ้นเดินช้าๆผ่านเปียโนหลังใหญ่ไปยืนเกาะอกพิงขอบประตูห้องครัวที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำขนมเค้ก…
เต็งหนึ่งในชุดบอลพร้อมผ้ากันเปื้อนสีฟ้าพาสเทลกำลังเลือกท๊อปปิ้งแต่งหน้าเค้กอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
ผมยาวถูกมัดรวบด้วยยางปลาโลมาขึ้นโชว์รอยไถข้างสองข้างชัดเจน ผมหน้าติดกิฟลายปลาหมึกสีชมพูไม่ให้ผมปรกหน้า กิฟปลาหมึก…ของพี่สาวเต็งหนึ่ง…ยางปลาโลมาของเป็นเอก
ยืนมองแผ่นหลังกว้างก้มๆเงยๆกับสารพัดของตกแต่งก็หาวอีกรอบ…ขายาวก้าวเก้าไปก่อนจะวางคางลงบนไหล่หนาแล้วหลับตาลง
“ไง อยากกินแล้วหรอ รอแปป”
“….”
คิ้วเริ่มขมวด มือชะงักเมื่อรู้สึกน้ำหนักที่กดลงมามันเริ่มเยอะขึ้น
“เอก?”
“….”
“เอก…”
“….”
หลับ!
จะขำหรือจะโกรธก็เลือกไม่ถูก ก็ต้องยอมวางอุปกรณ์ในมือลงหันไปกอดอีกคนไว้แทน โยกตัวไปมาเบาๆตามจังหวะเพลง คนถูกดึงไปทางนั้นทีทางนี้ทีเริ่มกระพริบตาปริบๆอีกครั้ง
“ง่วงหรอหืม”
พยักหน้าแล้วซุกหน้าลงที่ซอกคอหอมแป้งเค้ก
“จะกินเค้กเลยมั้ย แช่เย็นแปปนึงก็กินได้ละ”
“อื้อ”
ตอบรับแต่เขยิบตัวเดินไปที่โต๊ะแล้วจ้องมอง กระต่ายตัวอ้วนที่เต็งหนึ่งบีบครีมสีชมพูนมซะน่ากิน นิ้วซีดยืนไปจิ้มกระต่ายทั้งตัวทันที!
“เอก !!!!!!!!!!!!!!! กูบรรจงตั้งนานไอ้สัสสส”
คนมีตัวกระต่ายทั้งตัวติดนิ้วรีบเอาเข้าปากแล้ววิ่งออกจากห้องครัวทันทีพร้อมนัยน์ตายิ้ม มีคนคิ้วขมวดโวยวายวิ่งตามมาโดดล็อคคอ
สองร่างกลิ้งหล่นลงบนโซฟาพร้อมกัน
คนหน้าเข้มก้มหน้าลงใช้ปากและลิ้นแย่งชิงครีมจากปลายลิ้นของคนขี้ขโมย…นานจนมั่นใจว่าได้กระต่ายคืนกลับมาทั้งตัว
เสียงหอบเบาๆจากหัวขโมยที่เกือบหายใจไม่ทัน…
แต่เจ้าของครีมก็ยังคงเรียกดอกเบี้ยคืนครั้งแล้วครั้งเล่า…
เสียงครางต่ำผสมกลิ่นครีมหวานลอยละล่องคลอกับเสียงเพลงบรรเลง
สันจมูกสูดดมไปทั่วต้นขาขาวซีด…ฟันขบเม้มทำรอยจางๆถึงซอกขาด้านใน
มือซีดขยุ้มไปทั้งกลุ่มผมยาว…
ขายาวถูกรั้งขึ้นพาดบ่า…ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
สองร่างเปลือยนอนคว่ำบนพรมหน้าโซฟาเรียวขาตวัดเกี่ยวกันไปมาใต้ผ้าแพรผืนบางที่ปิดไว้ตั้งแต่บั้นเอวลงไป มีเค้กปอนด์ใหญ่อยู่ตรงหน้าและช้อนสองคันในมือ
วันหยุด…ของกันและกัน
เต็งหนึ่งสะลึมาะลือตื่นขึ้นมากลางกองผ้าแพรแขนแกร่งควานหาคนข้างตัวก็ไม่มีใคร เงยหน้าขึ้นมามองไปรอบๆก็ไม่เห็น เค้กครึ่งปอนด์ที่วางอยู่ก็หายไปแล้ว
ร่างสูงลุกขึ้นจากกองผ้าหยิบบ๊อกเซอร์มาสวมก่อนจะเดินตามหาอีกครึ่งของชีวิตที่หายไปไหนสักที่
เสียงดนตรียังคงดังคลอไปทั่วห้อง ก่อนจะเห็นร่างสูงตัวซีดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงระเบียง แผ่นหลังขาวมีร่องรอยรักประปราย นั่งกอดเข่าอวด
เรียวขาเนียนใต้บ๊อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนกัน
เค้กที่หายไปวางอยู่โต๊ะไม้กลมด้านหน้า ช้อนอยู่ในมือเรียวกำลังละเลียดกินเค้กที่พร่องไปจากเดิมค่อนข้างเยอะ
ทรุดตัวลงนั่งข้างกัน…เอียงหัวพิง
“ตื่นก่อนก็ไม่ปลุก”
“…”
ตาสวยหันมามองกลุ่มผมนิ่มที่พิงอยู่ที่ไหล ก้มหน้าลงหอมแรงๆ… แล้วกินเค้กต่อ
“เค้กเปื้อนหัวกูมั้ยเนี่ย”
ลูบหัวป้อยๆ
เป็นเอก…ผู้ชายบ้าของหวาน
“ไม่เลี่ยนหรอวะ กูกินนิดเดียวก็เลี่ยนละ”
ทำได้ กินได้…แต่ไม่ได้กินเยอะเหมือนไอ้ซีดนี่ ที่ทำไม่ได้แต่กินได้ไม่มีวันเบื่อ
“อร่อย”
เงยหน้ามองตาสวยที่ตอนนี้นัยน์ตายิ้ม…อดยิ้มตามไม่ได้ทุกที
“คนทำหล่อ”
“เพ้อเจ้อ”
“กูไม่หล่อหรอ?”
ส่ายหน้า
“เสียใจว่ะ”
“กล้อง”
“อยากถ่ายรูป?”
พยักหน้าแรงๆ
“เออแปปป”
อยู่กันมานาน จะถ่ายรูปคู่ที่ไม่ได้มีบ่อยๆ ยิ่งไม่ชอบถ่ายรูปทั้งคู่
ร่างหนาเดินไปหยิบกล้องโพลารอยด์สีฟ้าพาสเทลที่พี่สาวเคยซื้อให้กับกล้องดิจิตอลและขาตั้งออกมา เอาให้ครบทุกแบบ
….รูปจากกล้อง…ผู้ชายใส่บ๊อกเซอร์สองคนนั่งข้างกัน มีเค้กแหว่งๆอยู่บนโต๊ะและมีม่านระเบียงที่ปลิวตามแรงลมกับผืนหญ้าเทียมเป็นฉากหลัง
…รูปโพลารอยด์…ผู้ชายไม่ใส่เสื้อสองคนหันหน้าเข้าหากันมีเค้กก้อนใหญ่อยู่ตรงกลางระหว่างริมฝีปาก…
“ไปนัดมอกัน”
ทุกวันอาทิตย์กลางคืนมหาลัยจะจัดถนนคนเดินให้นักศึกษามาออกร้านและพวกพ่อค้าแม่ค้า ปกติเต็งหนึ่งไม่ชอบเดินเพราะคนเยอะ เป็นเอกยิ่งไม่เดินเข้าไปใหญ่เพราะซื้อทุกอย่างในห้าง…
สองร่างบนเวสป้าสีสนิมขับมาช้าๆตามถนนรถติดของกรุงเทพมหานคร
คนขับ…เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินรองเท้าแตะ
คนซ้อน…เสื้อยืดสีเทากางเกงยีนส์สีซีดพับขาและรองเท้าแตะ…ยี่ห้อเดียวกัน
ตาสวยมองปลาโลมาที่ร้อยติดกับยางปลิวไปตามลม…พลอยสีดำจากตาปลาวาววับล้อกับแสงไฟ
“กินนี้ดิ อร่อยดี”
จิ้มลูกชิ้นปลาส่งให้ เป็นเอกหันมางับเข้าปากก่อนจะมองสายไหมในมือคนขายที่กำลัวม้วนรอบไม้จนฟูฟ่อง
“อยากกินหรอ”
“เอาสีฟ้า”
“ลุงครับ ขอสีฟ้า โตๆเลย”
“ได้เลยพ่อหนุ่ม”
สักพักเป็นเอกก็ได้สายไหมสีฟ้ามาถือ เคยเห็น…แต่ไม่เคยกิน เลยได้แต่มองเพราะดูมันบอบบางจนไม่กล้าแตะ
“กินไปเลย เดี๋ยวมันแฟ่บ เข้าปากเคี้ยวๆอร่อยดี”
“กินยังไง”
ขำ…แต่ก็หันไปจับมืออีกคนที่ถือก้านสายไหมแล้วก้มหน้าลงงับไปคำโตๆ
“ง่ายๆ กินเข้าไปเลย”
ปากบางอ้ากว้างก่อนจะกัดไปคำโต…
“มีแต่อากาศ”
กับหวานเลี่ยนๆ…ที่เคี้ยวไม่เต็มคำ
“เออ มันก็แบบนี้แหละ ไปๆไปเสื้อกัน”
ลากคนใส่แต่เสื้อแพงไปดูเสื้อตัวละ 150 สารพัดเสื้อทั้งเสื้อคู่และเสื้อคี่
“เอาเปล่า?”
ถามเพราะเห็นจับเสื้อลายกราฟฟิคสีน้ำเงิน
ส่ายหัว..
“ชอบก็ซื้อได้นะเว่ย”
“ผ้าไม่ดี”
ตีนแทบกระตุก ตัวละร้อยห้าสิบมันยังจะเลือกคุณภาพผ้า เจ้าของร้านนี่มองตาคว่ำ
“เรื่องมากวะ มานี่ป่ะเดินต่อ”
ลากคนหน้านิ่งให้รีบเดินออกมา รองเท้านี่ยิ่งต้องเดินข้าม มันใส่แต่ละยี่ห้อใช่ธรรมดาที่ไหน
“เป็นเอก เต็งหนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
เสียงเรียกให้ทั้งสองหันขวับไปมอง จนกระทั่งเบิกตากว้างทั้งคู่ที่เจอร้านเสื้อมหาลัย…ที่มีป้ายไวนิลหน้าเขาสองคนเด่นหราอยู่ด้านซ้าย และผู้หญิงอีกสองคนด้านขวา แถมมีป้ายสแตนขนาดเท่าคนจริงๆให้คนผ่านไปผ่านมาได้ถ่ายรูปด้วย
“อะไรวะน่ะ”
“มาๆ มาแวะร้านมหาลัยเลยจ้า ออกร้านมาจะเดือนไม่เคยเห็นมาเดินกันเลยยย มาช่วยขายหน่อยเร้ว”
ทีมงานผู้หญิงเดินเข้ามาลากแขนซีดให้ตามเข้าไปในบูธ มือซีดก็คว้ามือหนาไว้ทันลากเต็งหนึ่งให้ตามกันเข้ามา รุ่นน้องที่กำลังถ่ายรูปกับป้ายสแตนก็รีบวิ่งเข้ามาออกันหน้าร้านเพื่อขอถ่ายรูปนายแบบทั้งสองจริงๆ
“ซื้อเสื้อค่า เสื้อเท่ๆที่นักศึกษาทุกคนต้องใส่ค่า วันนี้นายแบบมาช่วยขายด้วยนะค้า”
เป็นเอกยืนงงก่อนจะถูกเรียกให้ช่วยม้วนเสื้อแล้วผูกโบว์…ไม่ใช่ถุงแต่ผูกโบว์แทน อีกหนึ่งไอเดียลดโลกร้อน
มือเรียวมัดโบว์เงอะงะจนเต็งหนึ่งเข้าไปช่วยมัดอีกที
“กริ๊ดดดด จับมือกันด้วยอ้ะ!!!”
เสียงกริ๊ดยิ่งเรียกให้คนเข้ามามุงมากกว่าเดิม กว่าคนจะหาย ร้านจะปิดก็เกือบเที่ยงคืน ทีมงานขายเสื้อเลยเลี้ยงน้ำคนละถุง…
สองร่างเดินข้างกันพร้อมถุงน้ำแดงและถุงน้ำเขียว
มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าซับไปตามไรผมชื้นของอีกคนที่หน้าแดงระเรื่อเพราะความร้อนและคงจะเหนื่อย มัดซะเยอะจนพัฒนาจากมัดโบว์เบี้ยวๆก็กลายเป็นมัดพอใช้ในที่สุด
“เหนื่อยมั้ยน่ะ”
“อื้อ”
หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้อีกฝ่ายบ้าง…สองสายตาสบกันก่อนจะยิ้มเล็กๆออกมาทั้งคู่
“พี่หนึ่งสวัสดีค่า !!!”
เสียงทักทำให้ทั้งสองชะงักลดมือลง หันไปมองสาวน้อยหน้าตาน่ารักวิ่งเข้ามาหา
“อ้าวหยก”
“หยกมาขายของกับเพื่อนค่ะ เห็นพี่หนึ่งแวบๆแต่คนเยอะมากกก เข้าไปทักไม่ได้เลยยย”
เป็นเอกมองคนที่เคยเห็นไกลๆ…จนมามองใกล้ๆ…น่ารัก…เหมือนกระต่าย
“เออพี่ก็งงเหมือนกัน แล้วนี่หยกกลับยังไง กับเพื่อนหรอ”
“กลับแท็กซี่เหมือนเดิมค่า แหะๆ พอดีเพื่อนจะไปกินกันต่อ แต่หยกมีสอบย่อยตอนเช้าอ้ะ”
เต็งหนึ่งคิดว่าคงต้องไปส่ง แต่ผู้ชายสองคนบนเวสป้าก็แน่นแล้วคงเบียดเอาอีกหนึ่งคนไปด้วยไม่ได้ แต่ถ้าจะไปส่งเองแล้วกลับมารับเป็นเอกนี่ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ คราวก่อนแค่ยางรัดผมเป็นเอกยังไม่ยอม ถึงไม่พูดไม่อะไรแต่ดูก็รู้ว่ามันก็คงไม่ชอบ…คิดไปคิดมา…สรุป
“เอก งั้นมึงไปส่งน้องเขาก่อนได้ปะ กูรอนี่…”
ให้ไปด้วยกันทั้งคู่จบ
“อือ”
เป็นเอกเดินนำหยกไปที่รถ ส่งหมวกกันน็อคให้อีกฝ่ายที่ยังทำหน้างงแล้วยิ้มเจื่อนๆรับหมวกไปสวม
“ติดดีๆ”
มือเรียวช่วยติดหมวกให้หลังจากยัยกระต่ายยังทำไม่ได้สักที
“ขะ…ขอบคุณนะ”
พยักหน้าแล้วสตาร์ทรถ รอจนคนซ้อนนั่งเรียบร้อยก็ค่อยๆบิดออกมา เกร็ง…เพราะไม่เคยมีผู้หญิงซ้อนมาก่อน
“เอ่อ… หอเราเลี้ยวแยกเมื่อกี้”
“อือ”
วกกลับไปทางเดิม
“คือ… ซ้ายไม่ใช่ขวา”
คิ้วเริ่มขมวด…แต่ก็เลี้ยวกลับให้
“ขอแวะเซเว่นแปปนึงได้มั้ยอ่ะ….”
จอดให้…
“ขอโทษนะแต่เรามีของต้องซื้อจริงๆ แปปนึงนะ”
ร่างเล็กวิ่งเข้าไปในเซเว่นไม่กล้าสบตา เป็นเอกยืนรออยู่ข้างรถมองคนตัวเล็กที่เหมือนกระต่ายลุกลี้ลุกลนวิ่งหยิบของมาจ่ายตัง พอหันมาสบตาก็สะดุ้งหันกลับไปอีกทาง
ซื้อผ้าอนามัย…
หน้าขาวซีดร้อนผ่าวเมื่อเผลอมองของในมือคนตัวเล็ก พอๆกับที่หยกก็รีบซ่อนถุงไว้ข้างหลังไม่กล้าสบตาเข้าไปใหญ่…
“ปะ ไปเลยมั้ย…”
เสียงหวานกระซิบแผ่วเบา
“อะ…อือ”
ออกรถอีกครั้งไปจนถึงหอ ก็ต้องเป็นเอกเหมือนเดิมที่ถอดหมวกให้เพราะเจ้าตัวมือสั่นจนถอดไม่ออก
“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไร”
ครืน… ครืน….
เสียงฟ้าร้องดังก่อนฝนห่าใหญ่จะตกลงมาทันที
“อย่าพึ่งไปมั้ย ฝนตกแรงมาก”
งงที่ฝนตกลงมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ไม่ได้”
“เพราะพี่หนึ่งรออยู่หรอ”
“อือ”
“เป็นแฟนกันจริงๆหรอ”
พยักหน้า…
“เธอชอบพี่หนึ่งมากแค่ไหน”
ตากลมโตจ้องเขม็ง ปากบางกัดแน่น…ความจริงที่ยังยอมรับไม่ได้ว่าแพ้ผู้ชายหน้านิ่งตัวซีดคนนี้
“ไม่ได้ชอบ”
“หมายความว่ายังไง”
“รัก…มาก”
“แต่เธอเป็นผู้ชาย…ทำไมต้องมารักพี่หนึ่งด้วย”
“เปล่า”
“พูดยาวๆได้มั้ย !”
“หนึ่ง…รักเราก่อน”
คำตอบที่เรียกน้ำตาให้คนฟัง
“เธอดีตรงไหน ฮึก… เป็นผู้ชายแท้ๆ สูงกว่าพี่หนึ่งอีกด้วย ฮือ… ไม่น่ารักสักหน่อย”
หนึ่งมีคนมาชอบเยอะ…แต่ไม่เคยมีมาร้องไห้ต่อหน้าเขาแบบนี้…ตอนเด็กๆเวลาร้องไห้แม่กับพ่อจะดึงมากอด…แขนยาวรั้งเอวบางเข้าหาแล้วกอดไว้แน่นๆ
มือเรียวยกลูบผมยาวสลวยช้าๆ
“นิ่งนะ…”
“ฮึก.. ฮืออออ”
เสียงฝนกับเสียงร้องไห้ดังประสานกันจนแทบแยกไม่ออก ความชื้นที่หลังมาจากหยาดฝน ความชื้นที่อก…มาจากน้ำตา
“ขอโทษนะ”
คนฟังพยักหน้าทั้งน้ำตา…เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆนั่นแหละ หัวใจคน…จะบังคับได้ยังไง
= ========================================
-...- อย่าใจร้ายกับน้องหยกเลยเนอะ
มาแล้วน้าาาา คิดถึงจัง ตอนนี้หวานๆกันไป .. ก่อนอะไรๆจะแย่ลง 5555555555 เอ้ะเราไม่ได้หลุดพูดอะไรไปใช่มั้ย