ตอนที่ 20
ซ้อมถือธงเสร็จตอนหกโมงก็ต้องบิดมอไซต์ไปทำฟอมูล่าต่อ จริงๆแค่ถือธงไม่ได้เยอะเหมือนพวกดรัมเมเยอร์ทำให้ซ้อมแค่ครั้งสองครั้งก็เสร็จ แต่นานตรงที่ซ้อมกับขบวนใหญ่มากกว่า
สุดท้ายคนที่โวยวายก็ไม่ได้สิทธิพิเศษสักคน ยกเว้นเชอร์เบทที่ไม่ต้องรวบผมก็ได้เพราะเป็นจุดขายของผู้ชายที่ติดโพลใหม่ล่าสุดของมหาลัย ‘หนุ่มเซอร์อันดับ 1’
“เอก…ซ้อมต่อหรอ”
เก็บธงเรียบร้อยก็เดินมาถาม….คนควงคทาหันมาพยักหน้าให้
“เหมือนตอนนั้นเลยดิ….”
คนฟังกระพริบตา ก่อนจะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มจางๆ…
“สี่โมงเหมือนกัน…แต่เป็นสนามฟุตบอลไม่ใช่ในห้องประชุม”
หัวเราะเบาๆ
“กี่ปีแล้ววะ”
“ห้า”
“เอามาลองหน่อยดิ ไม่รู้จำได้หรือเปล่า”
รับคทามาทดลองควง….
“เกือบจำไม่ได้”
……เรื่องวันวาน
….กับการพบกันครั้งแรก
….สนามฟุตบอล
…..ดรัมเมเยอร์สีฟ้า
….กับดรัมเมเยอร์สีแดง
‘โยนแบบนี้ดิวะ เนี่ยโยนให้ตรงๆ แขนมึงต้องตึงหน่อย’
ผู้ชายหัวเกรียนเพราะเรียน ร.ด. ขยับมือให้เด็กผมรองทรงสูงหน้านิ่งดูเป็นตัวอย่าง เพราะสีฟ้าเลือกดรัมช้าก็เลยมาซ้อมช้าไปหลายวัน ดรัมอีกสี่สีที่เหลือก็มีแต่ผู้หญิง เขินกันหมดที่จะต้องมาสอนเด็กหน้าหล่อจากสีฟ้า ภาระเลยตกมาที่ดรัมเมเยอร์สีแดง ผู้ชายคนเดียว…
ปั้ก!
‘เฮ้ย ให้โยนขึ้นฟ้าแล้วรับ ไม่ใช่โยนใส่หัวกู’
ถลึงตาใส่ แต่ปฏิกิริยาตอบรับแค่เป็นหน้าที่ยังนิ่งเหมือนเดิม
‘ขอโทษครับ’
ชัดเจน ไม่มีกั๊ก …วัยนี้ปกติไม่ค่อยขอโทษกันง่ายๆแต่ไอ้เด็กตัวซีดที่เตี้ยกว่าหนึ่งฝ่ามือกลับทำเอาไปไม่ถูก แถมยังเดินไปหยิบคทามา
ควงมาโยนมั่วตั้วตามประสา
โกรธไม่ลง…
เลยต้องสอนมันต่อ หลายวันเข้าก็ทำได้ในที่สุด
‘อะไรวะ’
วันสุดท้ายมือซีดมันส่งซองสีขาวให้
‘เปิดดิ’
ยักคิ้วกวนกลับมาซะด้วย …. มันเป็นคนพูดน้อยแต่มีเล่นหูเล่นตาบ้างตามประสา
เปิดซองมาก็เจอบัตรสมาชิกสารพัดร้านเป็นสิบๆ
‘ให้กูทำไม’
‘ขอบคุณ’
‘แค่ซ้อมให้ เปลืองเปล่าๆ พ่อมึงผลิตเงินได้หรอวะ ไร้สาระชิบหาย มึงดูถูกน้ำใจกูหรอ’
โกรธจนกระชากคอเสื้อมันเข้าหาแล้วต่อยเข้าไปที่หน้านิ่งๆหนึ่งหมัด…
‘นายเต็งหนึ่ง !!!!!!!!!!!!!!!’
อาจารย์เดินผ่านมาพอดี…
เด็กหัวเกรียนหน้าดุกับเด็กตัวซีดแก้มช้ำนั่งตรงข้ามกันพอดีที่ห้องประชุมเล็ก….มีผู้อำนวยการกุมขมับอยู่หัวโต๊ะเพราะคนมีเรื่องกันดันเป็นคนไม่ธรรมดากันทั้งคู่
โทรเรียกผู้ปกครองมากันทั้งสองฝ่าย เพราะถามแล้วไม่ตอบทั้งคู่ คนโดนต่อยก็ไม่พูดสักคำ คนไปต่อยเขาก็เอาแต่ทำตาวาวโรจน์โหดเกินวัย
‘ผู้ปกครองเต็งหนึ่งมาแล้วค่ะ ผอ.’
ผู้ชายร่างสูงผมยาวประบ่าสีดำสนิทมัดเป็นจุกเล็กๆเดินเข้ามานั่งลงข้างลูกชายตัวเอง
‘สวัสดีครับคุณธารธารา’
‘สวัสดีครับ ผอ. ไงไอ้เสือไปต่อยรุ่นน้องหรอ’
ลูกมีเรื่องแต่ยังยิ้มระรื่น
‘ครับ’
‘เฮ้อ….ทำไมลูกมึงต้องต่อยลูกกูด้วยวะ’
เสียงคนมาใหม่ทำเอาคนมาก่อนเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่อผู้ปกครองอีกฝ่ายเป็นชายผิวซีด ในชุดสูทสีน้ำเทายิ้มอ่อนเดินมานั่งตรงข้าม
‘ที่แท้ก็คนกันเอง ลูกมึงโตเร็วนี่’
‘หึ … ไงเอก โดนต่อยได้ไงล่ะเนี่ย …หน้าช้ำหมด เอาน่าชีวิตลูกผู้ชายต้องมีต่อยตีกันบ้างไม่งั้นน่าเบื่อตาย ผอ.ครับ ผมไม่ติดใจอะไร เอกล่ะว่าไง’
ส่ายหัว…
‘มึงล่ะลูกรัก’
ธารธาราหันไปถามลูกชายที่ยังตาวาวโรจน์
‘ต้องขอโทษผมมาก่อน’
‘ไปต่อยเขาจะยังให้เขาขอโทษอีก’
‘นั่นสิ เอกไปทำไรให้เราล่ะ?’
‘ให้มันต่อยผมยังดีซะกว่า เพราะเจ็บตัวแปปเดียวก็หาย แต่เจ็บใจมันไม่มีวันหาย ผมไม่ได้อยากจะก้าวร้าวแต่มันดูถูกน้ำใจผม’
‘ผมเปล่า หรือถ้าทำ … ก็ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นครับพ่อ’
ผู้ใหญ่มองหน้ากันก่อนจะบอกให้เด็กๆเล่า
‘นี่ฝาแฝดมึงหรอธาร?’
‘ลูกในไส้ของแท้เลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ลูกมึงไม่เหมือนมึงเท่าไหร่นะอัคร’
‘เขาได้แม่มา….เอาล่ะ เอกขอโทษพี่เขาซะ รู้ใช่มั้ยว่าพี่เขาโกรธเพราะอะไร คราวหลังลูกต้องไม่ทำอีก’
‘ขอโทษครับ’
‘โอเคยังไอ้เสือน้อย’
‘ครับพ่อ ผมไม่ติดใจแล้ว’
‘เอาล่ะในเมื่อโกรธกันก็ต้องมีแผนกระชับมิตร’
‘แบบรุ่นเราน่ะหรอ’
เอกอัคราหัวเราะเบาๆ
‘เออสิวะ ผิดที่มึงมัวแต่หวงลูกไม่ยอมพามาแนะนำบ้าง พอโตหน่อยตัดขาดเพื่อนฝูง ลูกมันเลยไม่รู้จักกันซะงั้น’
‘ตอนเด็กๆก็วิ่งเล่นด้วยกันอยู่แท้ๆ เอาล่ะว่าไงก็ว่างั้น’
เด็กสองคนประสานสายตากันด้วยความไม่เข้าใจ
‘ทะเลาะกันก็ต้องอยู่ด้วยกันจนกว่าจะดีกัน!!!’
และแล้วยอาทิตย์แรก…นายเต็งหนึ่งก็ต้องลากกระเป๋าเข้าไปอยู่ในคฤหาสนฤนาฏกับเด็กชายเป็นเอก สลับกับที่เด็กชายเป็นเอกต้องลากกระเป๋าไปอยู่เพนเฮาส์หรูของบ้านชวนันท์อาทิตย์ต่อมา
เพราะไม่เคยมีน้อง…เต็งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าลดทิฐิไปตอนไหนคอยแต่จะพาเด็กผู้ชายตัวเตี้ยกว่าไปด้วยเสมอ สอนทำนั่นทำนี่ อยู่กันจนรู้ว่าน้องชายคนนี้ชอบกินเค้ก
เพราะเป็นลูกคนเดียว…การมีพี่เป็นผู้นำสอนทำหลายๆเรื่องก็เปิดโลกทัศน์ของคุณชายเป็นเอกที่วันๆมีแต่เล่นเปียโนกับคุณแม่ ดื่มน้ำชายามบ่ายกับคุณพ่อให้ได้ทำอะไรสนุกๆ อย่างการฟันดาบ หรือเรียนศิลปะการต่อสู้…แม้จะไม่เอาอ่าวจนสุดท้ายก็เลิกสอนกลายเป็นไปนั่งดูคนพี่ซ้อม…
คนพี่ก็ยอมสละเวลามานั่งรอคนน้องซ้อมเปียโน…
รู้อีกที….ก็เผลอจูบคนน้องไปซะแล้ว…เพราะทนเสียงหัวใจตัวเองเต้นเป็นกลองรัวไม่ไหว….
คนน้องกระพริบตาปริบๆก่อนจะทำตัวเหมือนเดิ เหมือนไม่เคยมีจูบนั้น….จนคนพี่ใจแป้วเพราะคิดว่าคนน้องไม่ได้คิดตรงกัน….เปล่า…น้องเขินจนทำตัวไม่ถูก…เลยได้แต่ตีเนียนทำตัวเหมือนเดิม
แต่บ่อยเข้า….ก็อยากจูบอีก….หลายครั้ง…หลายครา ….จากจูบไม่เป็นก็จูบจนเชี่ยวชาญ….จนทนไม่ไหวที่อีกฝ่ายดูจะไม่มีการตอบรับอะไรเลยนอกจากยอมให้จูบ
‘เอก…คบกันมั้ย’
พูดไปในที่สุดในห้องซ้อมเปียโน….
มือเรียวชะงัก
‘กูจริงจังนะ กูชอบมึง….คบกันปะ’
ไม่ตอบ….แต่พยักหน้า ก่อนจะเริ่มเล่นเปียโนต่อ…. เล่นทั้งๆที่มือสั่นจนโดนมือหนาดึงมือไปกุมไว้แทน
‘ขอจูบอีกนะ…’
พลั่ก!!!!!!
คนเป็นลูกกลืนน้ำลายเอื้อกที่คุณเอกอัครมาดเนี้ยบในชุดสูทสตั้นหมัดหนักๆปะทะแก้มซ้ายของคุณธารธาราจนหัน แต่ตัวบางกว่าเลยไม่แรงพอให้ล้มลงไปกองกับพื้น
‘มึง!!! โอ้ยยยยยยยยยย แล้วไปจีบกันตอนไหนวะหา !!!! ลูกมึงจีบลูกกูตอนไหน แล้วทำไมมึงไม่แยก!!!!’
‘ซี้ด..กูก็พึ่งรู้ตอนมันพากันมาบอกนี่แหละ’
‘แม่งเอ้ยมึงยอมได้ไง มึงยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดอีกรอบได้ไงวะ!!! รอบเดียวไม่พอหรอ’
‘กูก็นึกว่ามิตรภาพลูกผู้ชาย แม่งเจ็บชิบหาย มึงไม่คิดว่าลูกมึงจีบลูกกูก่อนบ้างรึไง!!’
‘เอก บอกพ่อ!! ใครจีบใคร’
‘ผมจีบน้องก่อนครับ’
พลั่ก!!!
โดนไปอีกหมัด
แต่คนโดนกลับเป็นคนที่เงียบมาตลอดแต่เอาตัวเข้าไปกันไว้…
‘พ่อ อย่าทำหนึ่ง’
เสียงเรียบ…แม้จะลงไปกองกับพื้นแล้ว แต่ก็ลุกขึ้นมาบังอีกคนไว้
‘อาอัครต่อยผมก็ได้ครับ เอกหลบไปเลยมึง’
‘หนึ่ง…อย่าดื้อ!!!’
คนน้องกระแทกเสียง
‘มึงจะมาปกป้องกูทำไม กูแมนพอ หลบสิวะ’
ดันออก…แต่อีกฝ่ายก็ขืนตัวไว้ กลายเป็นยื้อกันไปมาจนผู้ใหญ่ปรอทแตกอีกรอบ
‘โธ่เว่ย!!! เรื่องบ้าไรวะเนี่ย’
เพล้ง….แจกินคริสตัลบนโต๊ะถูกปัดหล่น
หัวเสีย…
‘เอาน่า เด็กมันแค่รักกัน ไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างอแงนะอัคกี้…’
‘ไปไกลๆกูเลยไอ้ธาร’
กลอกตาก่อนจะเดินหนี
‘อาจจะดีกว่าตอนนั้นก็ได้ ให้โอกาสเด็กมันหน่อย….อย่าให้มันซ้ำรอยตอนนั้น’
‘มันไม่ง่ายนะไอ้สัส กูมีลูกคนเดียว น้องกูก็ไม่มีสักคน!! แล้วมึงยังจะให้ตระกูลกูจบที่ตรงนี้รึไงวะ!!!’
‘เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีกว้างไกล มามะใจเย็นๆ เดี๋ยวกูพูดให้ฟังนะอัคกี้’
‘แล้วจะมาเดินชิดกูทำไมเนี่ย…ปล่อยดิ๊สัส’
…ภาพสุดท้ายที่เด็กสองคนเห็นคือ ‘อัคกี้’ ถูกโอบเอวเดินออกไปจากห้องรับแขก….
‘มึงจะเข้ามาบังทำไมเนี่ย ถูกต่อยแค่นี้กูไม่ตายหรอก’
ลูบแก้มขาวที่แดงช้ำจนน่ากลัว
‘ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง’
‘ขอบคุณนะ’
พยักหน้า…
ปากอุ่นจูบลงแผ่วเบาที่แก้มช้ำ…ก่อนจะไล่มาที่ปลายคาง….และจรดลงที่ริมฝีปากบาง….
เป็นครั้งแรก…ที่น้องน้อยตัวเตี้ยกว่าหนึ่งฝ่ามือ ดูจะสูงขึ้นมาอีกแล้ว….
‘สูงขึ้นรึเปล่า?’
‘มั้ง…ไม่รู้สิไม่ได้สังเกต’
พยักหน้าหงึกๆ… ไม่ได้คิดอะไร….จนสุดท้ายก็ด่าตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าคิดเร็วกว่านี้ก็คงดี
เต็งหนึ่งปี 1 …. เป็นเอก ม.6 กับการวัดส่วนสูง…
‘เอก มึงสูงเท่าไหร่วะ กูสูง 175’
‘…. 176’
‘………………’
หนึ่งเซ็นเองไม่เป็นไร….
เต็งหนึ่งปี 2 …. เป็นเอกปี1 กับการวัดส่วนสูง…
‘เอก ปีนี้สูงเท่าไหร่ละ?’
‘178’
มองใบตรวจสุขภาพในมือ…. 176.5
เริ่มกลืนน้ำลาย…
เต็งหนึ่งปี3 …. เป็นเอกปี2 กับการวัดส่วนสูง…
‘เอกมึงหยุดสูงยังวะ’
‘180’
………
‘หนึ่ง!’
เป็นเอกรีบเข้าไปห้ามคนที่กำลังเอาหัวโขกกำแพงด้วยความไม่เข้าใจ
=====================================================
ย้อนอดีตกันเรียบร้อยนะคะ <3 เป็นเอกไม่ได้มาดนิ่งพูดน้อยมาแต่แรกนะคะ 5555 แต่ถ้าเทียบกับคนอื่น เออก็น้อยอยู่ดี แต่เมื่ก่อนพี่แกมีโมเม้นยักคิ้วหลิ่วตานะเออ
ขอลา 1 วีคไปสอบค่า ตอนหน้ามาเริ่มต้มมาม่ากัน อิอิ
ปล. อย่าลืมมาเล่นเกมส์ชิงรางวัลที่แฟนเพจแบมกันนะคะ จุ้บๆ