ตอนที่ 23
“เดี๋ยวไปรับนะตอนเย็น”
“กลับเอง”
“ไม่เอา จะได้ไปกินข้าวด้วยกันเลยไง”
“…”
“นะ?”
“อือ… ก็ได้”
ยิ้มเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความหนักใจ…วันนี้วันแรกที่เป็นเอกต้องไปฝึกงานหลังจากขอผัดผ่อนเป็นหลังสอบ ซึ่งก็สอบเสร็จหมดแล้วก็คงต้องไป
กำหนดการฝึกงานคือช่วงเย็นหลังเลิกเรียนทุกวันกับวันเสาร์เต็มวัน…และวันนี้วันเสาร์
“เหนื่อยก็อย่าฝืน ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะ มีอะไรก็บอกกู”
คนฟังกระพริบตาปริบๆ
“หนึ่ง”
“หือ ว่าไงไม่สบายใจที่จะไปหรอ ไม่ต้องไปก็ได้นะ”
ถ้าเป็นหมาคงมีหูงอกแล้วหางกระดิกระริกระรี้
“….ไม่ได้ไปเป็นกรรมกร”
….คนอุตส่าห์เป็นห่วง!
“ชิ…”
….สะบัดหน้าหนี
“อยู่บ้าน”
“เออก็อยู่ตลอดแหละ”
“….อย่าเหงานะ”
หันหน้ากลับมา
“เอก…”
ผู้ชายตัวสูงโปร่งขยับเข้ามากอดแน่น
ไอ้คนพูดน้อยต้องการกำลังใจ…
มันเองก็คงกังวลกับการทำงานจริงๆ…
“ตั้งใจล่ะ เรียนรู้งานเยอะๆ กูอยู่ตรงนี้นะ”
พยักหน้าหงึกๆก่อนจะผละออก
สองร่างเดินข้างกันไปจนถึงบิ๊กไบท์
มองจนอีกคนบิดออกไป…
“เฮ้อ…สู้ๆนะเอก”
“ส่งผัวไปทำงานหรอมึง”
หันขวับไปเจอหน้าสก๊อตยื่นออกมาจากเบนซ์ทะเบียนสถานฑูต
“ไอ้เหี้ยมาตอนไหน! แล้วรู้ได้ไงว่าต้องมาชั้นนี้”
“เอ้าก็วันก่อนมึงบอกกูให้ขับมาจอดชั้นนี้ แม่งอย่างกะโชว์รูมไอ้สัส แล้วให้จอดตรงไหนวะ? ข้างๆเฟอรารี่ได้ปะ?”
สก๊อตชี้ไปที่เฟอรารี่สีแดงคันสวยที่มีที่จอดว่างข้างๆ
“ได้ๆ กูเปิดให้”
เดินไปกดรหัสเปิดประตูกระจกให้เพื่อนถอยจอด
แมทกับสก๊อตเดินลงจากรถมาพร้อมกัน
“แม่งรถมึงหรอวะหนึ่ง สวยๆแพงๆทั้งนั้นแต่ละคัน”
“ของไอ้เอกมัน”
“รถหรูขนาดนี้ขับแต่มอไซต์ เชื่อเขาเลย”
“ไปๆติวหนังสือ เลิกเล่นเกมส์ได้ละเชี่ยแมท”
“มันเล่นที่ไหน คุยกับผัวอยู่ เบื่อว่ะมีเพื่อนกับเขาสองคนเสือกมีผัวกันหมด”
พลั่ก!
ฝรั่งโดนถีบ…
“หนึ่ง มึงเลิกทำตัวเหมือนจะมีคนมาฆ่ามึงได้ปะ”
ฝรั่งเซ็ง…แม่งเล่นสั่นขาทำหน้าตาเลิ่กลั่กใครมันจะไปอ่านหนังสือลง
“หัวร้อนหรอมึง”
แมทปาข้าวโพดคั่วเสร็จ
ตอนนี้สามคนนั่งกันอยู่หน้าโซฟาหนังสีขาวหน้าทีวี มีถังป๊อปคอร์นกับเหยือกเปปซี่เป็นพรอบล้อมรอบด้วยกองหนังสือและชีทสารพัดวิชา
“มึง กูโทรหาเอกแปป”
หมับ! ฝรั่งมือไวกระชากเพื่อนกลับมานั่งที่เดิม
“เฮ้ยไรวะ”
“มึงจะโทรรอบที่ห้าละ ให้มันทำงานทำการเหอะเดี๋ยวทางนั้นเขามองมันเป็นเด็กไม่ตั้งใจ วันๆเอาแต่โทรศัพท์”
“เห็นด้วย มันไปฝึกงานนะไม่ได้ไปรบ อย่าเวอร์ดิวะ”
มันไปฝึกงานในที่ๆคนจะฆ่ามันเนี่ยนะ…
ได้แต่คิดในใจแต่ไม่ได้พูด…เพื่อนสองคนนี้ไม่ได้รู้อะไรด้วย
“เฮ้อ…”
“เอาน่า ตอนเย็นจะไปหามันไม่ใช่รึไง รีบติวดิจะได้รีบไป ไอ้แมทก็ต้องไปหาผัวเด็กมันอีก”
“เชี่ยก๊อต หุบปากไป”
สองคนทะเลาะกัน…กับอีกคนที่ยังกังวลเวอร์วังอลังการ
สี่โมงครึ่งเวสป้าสีสนิมจอดในที่จอดของห้างเรียบร้อยพร้อมเดินไปรอที่อาคารห้าชั้นที่เชื่อมต่อไปทางด้านหลังห้าง
นั่งรออยู่ตรงล๊อบบี้เพราะไม่สามารถผ่านทางเข้าตึกที่ต้องใช้บัตรพนักงานแสตมป์เข้าไป
รออยู่สามสิบนาทีจนเห็นผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทกับกางเกงสแลคเดฟสีเลือดหมูและรองเท้าหนังด็อกเตอร์มาร์ตินสีดำเดินออกมา
จากลิฟต์ ผ่านที่กั้นออกมา
“เอก”
เจ้าของชื่อหันมามองก่อนเดินเข้ามาหา
“เป็นไงบ้าง”
“เฮ้อ..”
ถอนหายใจหนักๆ
“เหนื่อยหรอ ไปกินข้าวกันป่ะค่อยว่ากัน”
พยักหน้า…
สองร่างเดินเข้าห้องไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีห้องรับรองสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
สั่งอาหารเรียบร้อยคนผิวซีดก็เอนตัวพิงกับบ่าหนาทันที
“ไม่โอเคหรอหือ”
ลูบหัวเบาๆ
“ยาก”
“ทำงานก็แบบนี้แหละเนอะ เป็นไงบ้างล่ะได้ทำอะไรมั่ง”
“ฝ่ายบริหารธุรกิจ”
เม้มปาก…
เป็นเอก…ไม่ได้มีหัวด้านบริหารสักนิด
“ค่อยๆฝึก กูเป็นกำลังใจให้”
“อื้อ…”
คนเหนื่อยเงยหน้าช้อนตาขึ้นมา…
จุ้บ…
ก้มหน้าลงไปจุ้บเบาๆ
“เอาอีกทีปะล่ะ หึหึ”
“สอง”
“สัส…โลภนะมึง…”
แถมให้อีกหนึ่งเลยแล้วกัน…
หลังจากนั้นเวลาก็เริ่มไม่ตรงกัน…เต็งหนึ่งเข้าสู่เทศกาลสอบอย่างเต็มตัวส่วนเป็นเอกเรียนเสร็จก็ต้องไปฝึกงานทุกวันจนถึงสองทุ่ม…เลิกงานพร้อมพนักงานที่เข้าโอที
ไฟสลัวที่เปิดสว่างอยู่แค่โต๊ะไม่กี่ตัวในแผนกบริหารธุรกิจที่มีคนทั้งหมดยี่สิบห้าคน ตอนนี้เหลือแค่สี่ห้าชีวิตที่ยังเหลือทำโอที รวมถึงน้องใหม่อย่างเป็นเอกที่จองโต๊ะริมสุดติดเครื่องถ่ายเอกสาร
ทำเลไม่ดี…แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
อาของเขาไม่ได้ให้ฝึกงานเล่นๆแต่เอาให้เหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ตั้งแต่ฐานแล้วค่อยๆเปลี่ยนไปเรียนรู้ด้านอื่น
จะเป็นผู้บริหารก็ต้องรู้เรื่องทุกฝ่ายให้ดี
“เอก เอกสารที่ให้ทำสรุปเสร็จรึยัง”
“ยังครับ”
“เฮ้อ…จะสองทุ่มแล้ว ช่วยเร่งมือด้วย”
รุ่นพี่ร่วมแผนกที่ถูกมอบหมายให้เทรนด์งานเริ่มบ่นเพราะวันก่อนเด็กฝึกงานก็ล่อไปสามทุ่มกว่า เขาก็อยากกลับไปนอนบ้างเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าหัวหน้าแผนกขอไว้แล้วจะเพิ่มเงินพิเศษให้ก็คงไม่ทำ
“ครับ”
ตาสวยหลุบมองเอกสารที่มีแต่ตัวเลข…ทั้งค่าเฉลี่ยน เปอร์เซ็นต์ ร้อยละ สารพัด… แล้วยังมีชาร์จเปรียบเทียบรายได้ระหว่างไตรมาสที่เขา
พึ่งรู้เมื่อวันก่อนว่าไตรมาสคือระยะเวลาสามเดือน
กว่าจะเสร็จ…ก็เลยไปสองทุ่มกว่า
ขายาวเดินไปที่โต๊ะรุ่นพี่ที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดเล่นคอมรออยู่ วางชาร์จสรุปงานลงก่อนจะยืนรอเงียบๆ
งานที่ให้ทำเป็นพวกเอกสารเก่าๆของหลายปีก่อนที่ให้ลองทำเพื่อฝึกฝน…
“ไปรอที่โต๊ะก่อนไป”
ตรวจรายงานวันต่อวัน…ไม่เข้าใจว่าบริษัทรับเจ้าเด็กฝึกงานมาทำไม เพราะปกติรับแต่ช่วงเด็กมันปิดเทอมไม่ใช่ให้มาทำตอนเย็น
“ครับ”
นั่งรออีกครึ่งชั่วโมง…ก็โดนเรียกไปตำหนิเรื่องที่พลาด ที่เขียนไม่เข้าใจ หรือเขียนจนอ่านไม่ออกเสร็จก็กลับบ้านได้ เหลือสองคนสุดท้ายในแผนกเหมือนเดิม
“เฮ้อ…เหนื่อยโว้ย!!!”
ตาสวยกระพริบปริบๆมองรุ่นพี่ที่ยืนหาว ชายเสื้อตอนนี้หลุดลุ่ยแปลกตาไปจากเดิม
“มองอะไร?”
“…”
“พูดน้อยไปมั้ย? มีปฏิสัมพันธ์หน่อยดิ๊”
“พี่…”
“ว่า?”
“แปลกดี”
คนเทรนด์งานที่มาดเนี้ยบตลอดเวลาถึงกับงง กูแปลกตรงไหน?
“ยังไงวะ”
“…ใจดี”
“เอ้า แล้วกูต้องใจร้ายรึไง”
“…”
ไม่ตอบแต่แค่พยักหน้า….คนหน้าดุที่ใจดี
“ไม่ได้ใจดีโว้ย กูเทรนด์งานให้มึงกูได้เงินพิเศษเข้าใจมั้ยไอ้เด็กเส้นก๋วยจั้บ”
“ก๋วยจั้บ?”
งง
“ก็…มึงมีเส้นไงถึงได้ทำงานที่นี่ มันเข้าง่ายที่ไหนวะ ตอนกูมาสมัครถามกูละเอียดยิบ ฝึกงานก็ยังยาก”
“…”
เป็นเอกพยักหน้านิดๆ ได้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทตัวเองเพิ่มอีกอย่าง…มีระบบการรับสมัครที่เข้มงวด
“ดีนะว่าเงินดี คุ้มค่า ไม่งั้นกูกลับไปปลูกผักอยู่บ้านนอกแล้ว”
“ทำไม ผัก?”
“แล้วทำไมผักไม่ได้?”
“ผักอะไร?”
เป็นเอก…ชั่วแวบนึกถึงคำพูดแมทให้ชวนคนอื่นคุยบ้าง…
“มึงกวนตีนกูหรอ! ห้ะ!”
“ยังไง”
ไม่เข้าใจ
“ห่าเอ้ย กูไปละ”
แยกย้ายกันหน้าลิฟต์แต่ก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่ดีเพราะที่จอดรถพนักงานมันก็มีแค่ที่เดียว
“มึงขับรถมา?”
“ครับ”
“กลับดีๆ พรุ่งนี้เจอกัน”
ยกมือไหว้รุ่นพี่ก่อนจะเดินนำไปที่ป้อมยามลานจอดรถเพื่อเอาหมวกกันน็อค…พนักงานที่ขับมอไซต์มาสามารถฝากหมวกไว้ที่ป้อมยาม
สวมเรียบร้อยก็ขึ้นคร่อมบิ๊กไบท์ที่จอดไม่ไกลแล้วบิดออกมา
“ห่า เด็กอะไรบ้านรวยวจังวะ ขับบิ๊กไบท์”
เกาหัวแกรกๆแล้วเดินไปที่รถญี่ปุ่นของตัวเอง ไม่ได้คิดต่อเลยสักนิดว่าไอ้เด็กบ้านรวยที่เทรนด์งานให้ทุกวันจะมีบทบาทสำคัญในอนาคต
กลับบ้านก็ยังอุตส่าห์ไปบ่นในเฟสบุคว่าเด็กเส้นก๋วยจั๊บที่ทำงานแม่งทำงานโคตรช้า!!!
======================================
ตอนนี้เป็นเหมือนน้ำนิ่งๆ....ที่เราเทลงหม้อ อุวะฮะฮ่า!!!