ตอนที่ 32
เป็นเอกและเอกบดินทร์ถูกล็อคด้วยกุญแจข้อมือที่ไม่รู้ว่าเอกรินทร์ไปหามาจากไหน ทั้งสองถูกล็อคมือไว้ด้านหลังนั่งอยู่กับพื้นในห้องนอนเอกรินทร์
“พวกมึงมันเลว”
เอกบดินทร์แค่นเสียงใส่พี่สองคนที่ยืนกอดอกมอง
“แกเลือกเองดิน ความรักทำให้แกตาบอด”
อรุณแสดงสีหน้าที่เป็นเอกไม่เคยเห็น…เย้ยหยัน…
“ใครกันแน่ที่ตาบอด อิจฉาพี่อัครที่ได้แต่งกับวลัลลนา หึหึ”
“หึ…แล้วแกเองล่ะ ก็ไม่ต่างกันไม่ใช่รึไง เขาก็ไม่เลือกแก!!!!”
อาอรุณ…ก็รักแม่
“พอแล้ว! เลิกทะเลาะกันสักที มาคิดดีกว่าว่าจะเอายังไงกับสองคนนี้”
เอกรินทร์ที่ปกติจะทะเลาะกับเอกบดินทร์กลับกลายเป็นครุ่นคิด…
“ฆ่ามันเลยพี่”
“ไม่ได้! จะฆ่าเอกไม่ได้ เงื่อนไขพินัยกรรมต้องมีมัน หึ… ดวงแข็งเหลือเกินนะ ไม่รู้ว่าพ่อเห็นดีเห็นงามอะไรในตัว…หลานนอกไส้”
หลาน…ที่ไม่ได้มีสายเลือดนฤนาฏกลับได้ทุกอย่าง…ทั้งๆที่เขาก็ทำงานหนักกลับได้แค่สาขาย่อยในต่างประเทศแถมยังต้องขึ้นตรงต่อ
หลานที่ทำงานไม่เป็นนี่อีก
“ก็ทำให้มันเป็นบ้า เหมือนที่เราเคยทำไง ใช่มั้ยล่ะดิน…แกไงที่รับอาสาทำให้มันบ้า แต่แกก็พลาดแถมยังจะช่วยมันอีก!!! แกมันทรยศ ทำไม? รู้สึกสงสารที่มันเป็นลูกเมียเก่าแกหรอ เมียที่พี่อัครมาคาบไปไง!!!”
“ไอ้เหี้ยเอ้ยยย กูเกิดมาเป็นพี่น้องร่วมตระกูลกับมึงได้ยังไงวะ!!!”
เอกบดินทร์กัดฟันกรอด
“ฆ่ามัน…”
“อะไรนะพี่ริน”
“ฆ่าไอ้ดินซะ ส่วนเป็นเอก…อยู่เงียบๆก็ดีอยู่แล้ว เป็นโรคจิตเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้ว อยากลองดีใช่มั้ย? งั้นก็สร้างสถานการณ์ให้มันเป็นคนฆ่าดิน หึหึ แล้วเราก็บอกมันฆ่าเพราะคลุ้มคลั่งจะได้ส่งมันไปอยู่ในโรงบาล…”
เอกรินทร์แสยะยิ้ม
“มันไม่ตายแต่ก็ดูแลกิจการไม่ได้ ก็เหลือแค่เราสองคน”
“พี่…จะฆ่าไอ้ดินเลยหรอ”
เอกอรุณชะงัก ถึงยังไงก็น้องแท้ๆคลานตามกันมา
“ทำไม? หรือไม่กล้า? งั้นฉันทำเอง หึ….ฆ่าพี่อัครยังทำมาแล้ว วลัลลนาที่น่าสงสารก็ดันตายไปด้วย ฆ่าอีกสักคน…คงไม่ตายหรอก”
“อะไรนะ พี่รินเป็นคนฆ่าพี่อัคร?”
อรุณหน้าซีดเผือด…
“ก็เออสิวะ จะให้มันอยู่เป็นหนามยอกอกทำไม ลูกนอกไส้แท้ๆเสือกทำงานดีทุกอย่าง แกที่เป็นลูกแท้ๆเคยได้อะไรบ้างล่ะอรุณ”
“ผมนึกว่าพี่แค่จะแย่งสมบัติจากเอก…ทุกอย่างพี่วางแผนแต่ต้น…”
“ถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ หรือแกอยากตายแบบไอ้ดิน !!!”
เอกรินทร์เปิดลิ้นชักข้างทีวีหยิบปืนออกมาจ่อหัวอรุณ
“ไม่ๆ ผมแค่ตกใจ…”
ปืนลดลงก่อนจะยกจ่อหัวเอกบดินทร์
“ไอ้ดิน…มึงทรยศกู”
“กูเคยอยู่กับมึงแต่แรกหรอ”
แค่นเสียงตอบ
“มึงเกลียดพี่อัครกูรู้!!!”
“มึงรู้แค่นั้นไง….ไอ้โง่”
ปัง!!!!
กระสุนนัดแรกถูกยิงเข้าที่ต้นแขน
เป็นเอกเบิกตากว้างมองเลือดข้นๆทะลักออกมาจากแขนของอาดิน
“อึ่ก….”
“มึงจะห่วงไอ้เด็กผิดเพศนี่ทำไม? เป็นหลานสืบสายเลือดของพ่อเสือกเป็นเกย์ให้อับอายขายขี้หน้า! ทำแต่เรื่องงามหน้า! ให้ไปฝึกงานเผื่อจะคิดได้ก็เสือกทำงานไม่เป็น โง่ชิบหาย!”
เอกรินทร์ตะคอกใส่หน้าเป็นเอก…
เป็นเอกเงยหน้าเบิกตากว้างมองใบหน้าน่าเกลียดของเอกรินทร์ที่แสยะยื้ม…ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เอกรินทร์เป็นอาที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งเข้าใจและให้คำปรึกษาทั้งสองการบ้านตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆเพราะประจำอยู่สาขาต่างประเทศ
….นี่คือความในใจของเอกรินทร์ทั้งหมด
“อุตส่าห์ให้ไอ้ดินพาไปทำให้เป็นบ้าจะได้บอกคนอื่นว่าป่วย สมบัติจะได้เป็นของพวกเรา นฤนาฏจะได้แข็งแกร่งต่อไป เป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จ ไอ้ดินก็ดันทรยศ!!! แม่งเอ้ย!!!”
ปัง!!
กระสุนอีกนัดทะลุไปที่ช่วงเอวของเอกบดินทร์….ร่างโปร่งสะดุ้งอีกครั้งก่อนจะหมดสติไป
เป็นเอกกระพริบตาปริบ…หน้าซีดเผือด…เงยหน้ามองผ่านไปด้านหลังของเอกรินทร์….เอกอรุณที่กำลังเดินถอยหลังไปเรื่อยๆพยายามจะไปที่ประตู
อาอรุณกำลังจะหนี…
ปัง!!!
อีกนัด…ที่เอกรินทร์ยิงทะลุหัวของเอกอรุณ
“คนทรยศต้องตาย!! ไม่ต้องห่วงนะเป็นเอก…หลานจะกลายเป็นฆาตกรสองศพในคืนนี้ แถมจะเพิ่มรสชาติด้วยการบอกว่าหลานสารภาพว่าฆ่าพ่อตัวเอง! แกฆ่าพี่อัคร เป็นเอก แกฆ่าพี่อัคร!!! ฆ่าพ่อตัวเอง!!!“
“ไม่! ไม่จริง… ผมไม่ได้ทำ…”
เป็นเอกปากแห้งผาก เสียงตะโกนของเอกรินทร์ดังก้องอยู่ในหัว….น้ำตาไหลทะลักออกมาทั้งๆที่ไม่มีเสียงสะอื้น…ร่างกายเกร็งไปทั่วร่าง…
“มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นมั้ง”
เสียงบุคคลที่สามดังขึ้นพร้อมกับธารธาราที่เดินเข้ามาตามเจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุธครบมือ ที่มุ่งไปที่เอกรินทร์คนเดียว
“ตำรวจ?”
“วางอาวุธลงซะ ขณะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมไว้หมดแล้ว!!!”
“ใครแจ้งตำรวจ ไอ้ดิน? หรือว่าเป็นแก ไอ้หลานเลว!!!”
เอกรินทร์จ่อปืนไปที่หัวเป็นเอก
“ใครเข้ามามันตาย!!!”
ธารธาราเม้มปากแน่น…มองเอกบดินทร์ที่หมดสติแต่ยังหายใจแผ่วๆกับเป็นเอกที่….ดูเปลี่ยนไป ตาคมมองผ่านร่างเอกรินทร์ไปที่ระเบียง…ประตูระเบียงกำลังถูกเปิดโดยผู้ชายชุดดำ
เอกรินทร์ไม่ได้ลืมล็อค…แต่เพราะคนของเขาเตรียมตัวมาแต่แรกจึงได้ลอบเข้ามาทำลายกลอนประตูระเบียงทุกห้องเผื่อเรื่องไม่คาดคิดเอาไว้…และผลจากความรอบคอบทำให้เงาร่างสีดำเดินผ่านเข้ามาเงียบๆ
“แกจะให้ทำยังไงถึงจะยอมปล่อยเอกกับดิน”
ส่งเสียงเครียดเพื่อเบี่ยงความสนใจ
“ถอนกำลังไปให้หมด!! ออกไปจากบ้านกู!! เร็วๆไม่งั้นกูยิงมันหัวกระจุยแน่!!!”
เงาร่างสีดำเขยิบเข้ามาใกล้…ก่อนที่เอกรินทร์จะรู้ตัวสันมือแข็งแรงก็สับลงที่ท้ายทอยของเอกรินทร์จนล้มลงไปนอนกับพื้น แล้วใช้ปลายเท้าเตะปืนไปทางตำรวจที่บางส่วนรีบเข้ามาจับตัวผู้ต้องหาทันที
เอกบดินทร์ที่ถูกแพทย์สนามที่ธารธาราติดต่อมาย้ายออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วเพราะต้องนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ศพของเอกอรุณถูกย้ายออกไป ก่อนที่ผู้ชายชุดดำจะหยิบกุญแจมือบนโต๊ะมาไขให้เป็นเอกแล้วส่งต่อให้ตำรวจเพื่อไปปลดล็อคให้เอกบดินทร์ที่ถูกนำตัวไปแล้ว
“เอก”
เงาร่างสีดำถอดหมวกไอ้โม่งออกเผยใบหน้าซีดชื้นเหงื่อ
“เอก…เอก”
แววตาจริงจังเริ่มฉายแววประหลาดใจเมื่อไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากคนที่ยังนั่งลงกับพื้น…แม้แววตาจะมองมาทว่ากลับเหมือนมองไปที่อื่น…ไม่ใช่ที่เขา
“ศิวา เอกเป็นไงบ้าง”
“คุณธารธาราครับ…เป็นเอกเขาแปลกๆ”
เสียงเรียบเอ่ยตามที่คิด
“ฉันให้เพื่อนเขาไปตามจิตแพทย์มาแล้ว พาไปรอที่ห้องโถงก่อน ฉันจะตามไปจัดการเรื่องเอกรินทร์ต่อฝากด้วยล่ะศิวา”
“ครับ”
ร่างโปร่งดึงแขนเป็นเอกให้ลุกตามมา เป็นเอกเดินมา…แต่สิ่งที่ศิวารู้สึกได้คือ….เหมือนตุ๊กตาไม่มีชีวิต
ธารธารายืนคุยกับลูกน้องคนสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์คอยจัดการเรื่องให้ปากคำและยื่นหลักฐานกับตำรวจโดยมีผู้กำกับเจตคอยกำกับเจ้าหน้าที่อีกที สักพักทนายประจำตระกูลอย่างฉัตรชัยก็ขับรถเข้ามาก่อนจะวิ่งตาลีตาเหลือกมาทั้งชุดนอน
“ไอ้ฉัตร เวลาสำคัญมึงดันพึ่งตื่นนอนหรอเพื่อน”
ธารธารากระเซ้าเพื่อนสนิท
“เออ ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ”
ผู้กำกับเจตทับถม
“ไอ้ห่า พวกมึงไม่รีบบอกกูก่อนล่ะ! แล้วเป็นเอกล่ะ?”
ธารธาราหุบยิ้มก่อนจะมองเพื่อนทั้งสองเครียดๆ
“กูตามหมอมาแล้ว นั่นไงมาพอดี”
รถยาริสสีดำเข้ามาจอดพร้อมแมทกับปุ้นลงมาจากเบาะหน้าและคุณหมอในชุดลำลองมาพร้อมกระเป๋าเดินลงมาจากเบาะหลัง
ตามมาด้วยรถอีกคันที่มีหมอกร เบียร์ หมู และนที
“สวัสดีครับ”
คุณหมอยกมือไหว้ธารธาราก่อนจะมีลูกน้องพาเดินนำเข้าไปข้างใน
“สวัสดีครับ”
เอกากรหรือหมอกรยกมือไหว้ก่อนที่บรรดาเด็กๆจะยกมือไหว้ตาม
“เดี๋ยวค่อยเข้าไปนะ ให้หมอดูเอกก่อน”
เจตพยักเพยิดให้ฉัตรกับธารธาราเดินตามมาอีกมุมหนึ่ง
“มึง ทำไมให้หมอคนนี้มาดูอาการวะแล้วไอ้ตินล่ะ?”
“มันไปรอมึงที่โรงพักแล้ว”
ธารธาราตอบเสียงเย็น
“เอ้า?...”
“เอกโดนล็อคความทรงจำสามชั้น…หรือง่ายๆคือถูกสะกดจิตตั้งแต่ตอนอัครตาย…มึงจำได้มั้ยไอ้ตินก็เคยบอกว่ามันทำเป็น…แต่มันไม่ยอมบอกพวกเรา มันแค่ให้ยาเอกไป”
“มันอาจจะดูไม่ออกจริงๆหรือเปล่าวะ”
ฉัตรแย้ง
“ยาของมัน…ไม่ใช่ยาจริงๆเป็นแค่วิตามินธรรมดา กูให้แมทเอามาให้ตรวจ…เอกไม่เคยได้ยาอะไรเลยจริงๆ หลานมันยังคงมีอาการป่วย แต่อยู่มาได้เพราะไอ้หนึ่งมันคอยระวังไม่ให้มีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจ แล้วที่นัดเจอเอกก็แค่คอยดูว่ามันจำได้รึยัง ที่กูพูดทั้งหมดกูมีหลักฐาน”
“มันจะทำไปเพื่ออะไรวะ มันก็เพื่อนไอ้อัครนะเว่ย”
เจตยกมือขึ้นเสยผมเสียงเครียด…เป็นเอกโชคดีที่ไม่บ้า …โชคดีจริงๆ ที่เป็นหนักขนาดนี้ยังดีขึ้นได้ทั้งๆที่ไม่เคยได้รับการรักษาอย่างจริงๆจังๆ…โชคดีที่มีเต็งหนึ่ง
“หรือว่า….ไอ้ตินมันยังรักเอกรินทร์อยู่วะ”
เจตสบถออกมาเพราะความทรงจำในวัยเรียนนั้นเหมือนฉายภาพอีกครั้ง…ตินเคยแอบรักน้องชายเพื่อนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะอีกฝ่ายไปแต่งงานกับแหม่มที่เมืองนอก ฟุ้งซ่านอยู่หลายปีจนกระทั่งไปเรียนต่อเฉพาะทางถึงกลับมาเป็นผู้เป็นคน
“ช่วยขนาดนี้ มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว…คนของกูตามดูคู่นี้มาสักพักแล้วสืบย้อนไปอีก สองคนนั้นเจอกันประจำตอนไอ้ตินไปเรียนนอก”
ธารธารากัดฟันกรอด…
“มันถึงกับช่วยฆ่าไอ้อัครเลยหรอ…”
เจตกระซิบเสียงแผ่ว ถึงเขาจะเป็นตำรวจทำคดีมาก็เยอะแต่พอมาเกิดกับเพื่อนตัวเองแล้วก็เกินจะรับไหว
“เรื่องนี้กูไม่รู้…แต่ที่กูอยากบอกคือ อัครกับวลัลลนายังไม่ตาย”
“หา!!”
คราวนี้ทนายถึงกับตกใจ
“กูยังไม่แน่ใจว่าพวกมึงคนไหนทรยศเลยยังไม่ได้บอก กูขอโทษที วันที่เครื่องบินเกิดเหตุ…จริงๆไอ้อัครมันหนีตามกูไปเที่ยวมัลดีฟต์…”
คนเล่าเกาคางเก้อๆ ใบหน้าคมดุเสมอยิ้มเขินๆจนผู้กำกับเจตยกเท้าถีบสุดแรง
“เชี่ย! ลูกน้องกูเยอะมึงถีบกูได้ไง ถ้ากูล้มไปนี่แม่งเสียการปกครอง!”
“ไอ้ธาร ไอ้เจ้าเล่ห์! ไอ้เพื่อนอสรพิษ! มิน่ามึงไม่ร้องสักแอะตอนพวกเราจัดงานศพให้อัคร ถุย กูอุตส่าห์นึกว่ามึงพยายามเข้มแข็ง แล้วดูซิ๊ กูกับไอ้ฉัตรไอ้ตินกำมือเช็ดน้ำตาอายชาวบ้านชาวช่องเขาชิบหาย!!”
“กูขอโทษ…คือมันสุดวิสัย มันมาหากูก่อนบินว่าลัลขอหย่ากับมัน มันก็โอเค…แต่จะไม่ไปเที่ยวก็ไม่ได้เพราะเอกมันคาดหวังไว้มาก ลัลเลยไปอีกที่ มันก็มากับกู…ส่วนเครื่องบินที่ตกไป…กูชดเชยให้กับครอบครัวนักบินและแอร์โฮสเตสตั้งแต่รู้ข่าวเครื่องบินตกแล้ว กูเลยบังคับไอ้อัครไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่กับกูเพราะต้องการสืบหาคนร้าย….”
“ที่มึงหนีไปเที่ยวรอบโลกก็เพราะงี้ใช่มะ! ถุยกูอุตส่าห์นึกว่ามึงเสียใจจนกลับประเทศไม่ได้ ที่แท้พาไอ้อัครไปฮันนีมูน กูจะบ้าตาย!!!”
ผู้กำกับหัวเสียด่าเพื่อนเป็นอีกกระบุง ไม่น่าไปหลงเชื่อไอ้ห่าธารมันเล้ย!! ก็ว่าโทรไปกี่ทีๆเสียงมันสดใสวิ้งวับก็นึกว่ามันแกล้งทำ หนอย…
“แล้วคุณลัลล่ะ? เขาหายไปไหน”
“ก็จะไปไหนได้…ก็อยู่กับแฟนเขาสิ ทะเลาะกันมาทั้งชีวิตแล้วก็คงอยากทำอะไรหวานๆกันมั่ง…พากันไปเที่ยวดูที่ดูทางตามที่กูบอกว่าอย่าพึ่งกลับมาเพราะให้ข่าวไปว่าตาย…”
“ดูที่? คุณลัลเล่นที่ด้วยหรอ กูเห็นแต่คุณเอกบดินทร์ให้กูช่วยทำเอกสารขายที่ช่วงนี้…เฮ้ยอย่าบอกนะว่า”
ฉัตรเบิกตากว้าง
“ฉลาดมากเพื่อนฉัตร สมกับเป็นเพื่อนกู”
“ไอ้ห่า!! เรื่องมันวกไปวนมาชิบหาย! แล้วนี่ไอ้อัครอยู่ไหน”
“อยู่ญี่ปุ่น….”
“ไอ้เหี้ยธาร!!!”
เสียงตะโกนดังลั่นจนทุกคนหันไปกันหมด…
แทกซี่โกโรโกโสจอดอยู่ข้างน้ำพุกลางคฤหาสน์เพราะมีรถตำรวจพยาบาลเต็มไปหมด มีร่างผู้ชายสองคนในชุดยูคาตะแบบญี่ปุ่นยืนอยู่ข้างรถ
หนึ่งคนคิ้วเข้มยิ้มเจื่อน…
อีกคนหน้าตาโกรธจัดชี้มาที่ธารธารา
“อัคกี้!!!”
“มึงเอากูไปขังไว้ญี่ปุ่นทำเหี้ยอะไรวะ!!!!!!!!!!!!!!! ขังกูไม่พอ เสือกเอาลูกตัวเองไปขังอีก มึงคิดว่ากำลังเล่นบทจำเลยรักรึไง ไอ้เหี้ย!!”
เจ้าหน้าที่…เพื่อนตัวเอง….เพื่อนเป็นเอก…รวมถึงลูกชายท่านทูตอังกฤษที่พึ่งจอดเบนซ์ทะเบียนสถานทูตต่อแท็กซี่สะดุ้งกันเป็นแถบ….
“ธาร…กูจะไปงานศพมึงนะ”
ผู้กำกับเจตกระซิบเบาๆ…
“กูจะคิดถึงมึงตลอดไป”
….ทนายฉัตรชัยตบไหล่เพื่อนให้กำลังใจ
============================================
ปรบมือรัวๆให้คุณธารธารานะเคอะ บทน้อยแต่ลีลาท่านพี่แกไม่เบา 555555555555
เต็งหนึ่งกลับมาแล้วววววววววววววววววววววววว
ส่วนเป็นเอกของพวกเราจะเป็นยังไง.... ติดตามตอนต่อไป ฮี่ฮี่
ปล. อยากตบหมอตินมาก ณ จุดๆนี้ ไปร่วมมือกันมารังแกเป็นเอกของฉันได้ยังไงงงงงงงงงงงงงงง