WINTER SEA
การท่องเที่ยวทะเลในช่วงฤดูหนาวดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ประหลาดอยู่พอสมควร
งั้นเหรอ?
เมอร์ลินไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเพื่อนๆ คนอื่นถึงต้องมองเขาด้วยสายตาตกอกตกใจแบบนั้น คนตัวสูงหากแต่โปร่งบางได้อย่างไม่น่าเชื่ออยากจะตะโกนถามว่าแล้วไงวะ แต่เขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะเสียเพื่อนร่วมเซคกลุ่มนี้ไป จึงได้แต่เก็บความหงุดหงิดไว้ในใจ
ท้ายที่สุดเย็นวันนั้นก็จบลงด้วยการโบกมือลาหน้าห้องสอบวิชาสุดท้ายของเทอม
แล้วเมอร์ลินก็ได้ประจักษ์ด้วยตนเองแล้วว่าทะเลหน้าหนาวมันคงเป็นเรื่องบ้าบอจริงๆ อย่างที่คนอื่นว่ากันนั่นแหละ นอกจากจะรู้สึกหนาวกว่าปกติเขายังรู้สึกได้ถึงความเหงาจับใจ
เตียงข้างๆ ที่ไร้คนจับจองโดนเขาเข้ายึดใช้เป็นที่วางของเรียบร้อย ตั้งแต่มาถึงเมอร์ลินก็แทบไม่ได้ออกไปไหนนอกจากบนเตียง ร้านอาหาร และบนเตียง เอาเข้าจริงมันเหมือนกับการแค่เปลี่ยนที่นอนเสียมากกว่าตราบใดที่เขายังทำตัวเหมือนหมีจำศีลแบบนี้
ร่างโปร่งบางนอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดที่เอาติดมาด้วยแน่นๆ ก่อนจะจับมันขึ้นมามองแล้วอมยิ้มออกมาแล้วจับมันซุกหน้าใหม่อีกรอบ
ควรได้เวลาสักทีที่เขาจะทำอะไรมากกว่าการนอนอยู่เฉยๆ บนเตียงแบบนี้
สองแขนกอดตัวเองและกล้องไว้แน่น ความเย็นของอากาศกำลังทำให้มือของเขาเจ็บจนชา มือข้างซ้ายยังคงอุ่นเพราะมีถุงมือสวมใส่ไว้ หากแต่มือข้างขวาที่เปลือยเปล่านี่สิที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะเพียงแค่พยายามยกขึ้นมาลั่นชัตเตอร์ก็รู้สึกอยากปากล้องทิ้งแล้วรีบกลับเข้าที่พักแล้วซุกตัวลงบนเตียงอุ่นๆ ผ้านวมหนาๆ ให้รู้แล้วรู้รอด
เป็นไปตามคาด สุดท้ายเมอร์ลินก็ต้องพาตัวเองกับกล้องกลับเข้าที่พักอย่างน่าเสียดาย
แต่ไม่เป็นไร เขายังอยู่ที่นี่อีกสักพัก และสักวันก็คงจะได้รูปที่ดีที่สุดกลับไปอวดคนอื่นอย่างแน่นอน
วันต่อมาเตียงข้างๆ ยังคงว่างเปล่า(ไม่นับรวมข้าวของของเขาที่วางเอาไว้)เมอร์ลินยกตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลหน้ามึนมาดมมากอดด้วยความรักเกือบห้านาทีเหมือนกับทุกวันก่อนจะลุกออกไปต่อสู้กับภารกิจที่ตั้งปณิธานไว้ในใจใหม่
ชายหาดที่แทบไร้ผู้คนดูเงียบสงบและสวยงามในแบบของมันจนไม่อยากละสายตาไป เสียงจากธรรมชาติทำให้รู้สึกผ่อนคลายหากแต่ความโหดร้ายของสภาพอากาศทำให้เมอร์ลินรู้สึกปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งไม่ได้จริงๆ
บางครั้งสิ่งสองสิ่งก็สามารถขัดแย้งกันได้จนน่ากลัว
เมอร์ลินจึงจำใจถอยกำลังกลับฐานทัพที่มีคุมะนอนซุกไออุ่นรออยู่
เข้าสู่วันที่ห้าที่ชายหาดร้างผู้คนแต่จริงๆ คือวันที่เก้าหากนับตั้งแต่มาถึง ไม่รู้ว่าร่างกายของเมอร์ลินสามารถเริ่มปรับตัวได้กับสิ่งแวดล้อมหรือรู้สึกชินจนชาไปแล้วกันแน่วันนี้เขาถึงสามารถอยู่รอเวลาเก็บรูปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ริมฝีปากอิ่มที่แตกหน่อยๆ ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเลื่อนดูภาพที่ถ่ายไว้ได้
ท้องฟ้า ทะเลและพระอาทิตย์ตก
ถ่ายได้แล้วนะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะสวยพอใจคนที่อยากอวดให้ดูหรือเปล่า
เช้าวันที่สิบเตียงข้างๆ ยังคงมีสภาพเหมือนเดิม วันนี้เมอร์ลินกะว่าจะใช้เวลาในการเดินสำรวจหมู่บ้านแถวนี้ในช่วงบ่าย เจ้าตัวนอนพลิกไปมาและบิดขี้เกียจไปได้ไม่กี่ครั้งก็กัดฟันลุกขึ้นออกไปหาข้าวมื้อเช้าทาน
คุณป้าเจ้าของที่พักส่งเสียงทักเด็กหนุ่มหน้าหวานที่มาพักเป็นเวลาหลายวันอย่างคุ้นเคยก่อนจะหันไปจัดการธุระทางสายโทรศัพท์ต่อ
เมอร์ลินอมยิ้มเมื่อเดาได้ว่าปลายสายที่เป็นธุระของเธอคงเป็นลูกสาวที่เข้าไปเรียนในเมือง
เด็กหนุ่มหน้าหวานที่ชื่อเมอร์ลินและเข้าพักที่ห้อง A06 ออกไปแล้ว คุณนายเอดิสันเจ้าของที่พักถึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเรื่องสำคัญแก่เจ้าตัว
หล่อนกัดริมฝีปากก่อนจะส่ายหัวเมื่อพิจารณาได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
หลังจากเดินรอบหมู่บ้านประมงจนเป็นที่น่าพอใจ เมอร์ลินก็กลับเข้าที่พักด้วยความเมื่อยล้า ยังดีที่มื้อเย็นวันนี้ได้อาหารทะเลรสดีในหมู่บ้านช่วยให้อิ่มท้อง ต่อให้คืนนี้จะต้องปวดขาแค่ไหนก็ถือว่าเล็กน้อย ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อมาถึงที่พักคือการไปแช่น้ำอุ่นที่ห้องอาบน้ำด้านหลัง แล้วเข้านอนซุกตัวกับผ้านวมด้วยความสบาย
วันนี้เมอร์ลินรู้สึกอึดอัดตัวอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับก่ำกึ่งอยู่ระหว่างความจริงกับความฝัน ความเมื่อยล้าของเมื่อวานทำให้ไม่อยากแม้แต่จะลืมตาขึ้นเพื่อมองสิ่งรอบข้างให้ชัดเจน ใบหน้าหวานยับยู่ยี่ด้วยความขัดใจ คิ้วขมวดเข้าหากันเพราะความอึดอัดที่รัดแน่นไปหมดทั้งตัว
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจำใจเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือภาพของเตียงข้างๆ ที่ยังคงมีสัมภาระของเขาวางกองอยู่เหมือนเดิม เมอร์ลินหลับตาลงอีกครั้งหนึ่งแล้วลืมขึ้นใหม่ คราวนี้รู้สึกตื่นตัวขึ้นกว่าเดิมแต่ความอึดอัดที่รู้สึกยังไม่หายไปไหน คนหน้าหวานนอนหน้ามึนได้สักพักก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมอร์ลินหันขวับไปมองก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ลำคอเพราะหันเร็วเกินไป ใบหน้าคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือนปรากฏขึ้น
ลืมหมดแล้วกับความเจ็บที่ร้องเมื่อกี้ ร่างทั้งร่างของเมอร์ลินโถมเข้าหาต้นเหตุความอึดอัดก่อนจะกอดรัดอีกฝ่ายแน่นทั้งน้ำตา
“อาร์เดน”
คนชื่ออาร์เดนไม่ตอบอะไรแต่ตวัดทั้งแขนและขากอดรัดเมอร์ลินกลับ จมูกโด่งก้มลงสูดดมกลุ่มผมสีน้ำตาลคาราเมลอย่างแสนรักก่อนผละออกมา มือหนาติดสากหน่อยๆ ลูบแก้มนิ่มของคนที่ร้องไห้ซุกอกเบาๆ ก่อนกระซิบถาม “ร้องทำไม”
เมอร์ลินไม่ตอบ เพราะมันพูดไม่ออก อยากจะตอบไปเสียงดังๆ ว่าก็ดีใจสิวะ! แต่ไอ้น้ำตามันก็ทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้น แต่ถึงไม่ตอบเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายรู้
วันที่สิบเอ็ด
เตียงข้างๆ ยังคงว่างเปล่า แต่เตียงของเขากลับมีใครอีกคนเข้ามาเติมเต็ม
END
พึ่งลงครั้งแรก หากมีข้อผิดพลาดตรงไหนสามารถบอกได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ