ตอนที่๔
แสงสีส้มของตะเกียงสาดแสงให้ความสว่างไปทั่วบริเวณกระท่อมเล็กๆ เธราวิรัลและคุชถูกเชิญให้มาพักในกระท่อมรับรองแขกที่ดูจะเล็กไปสักนิดสำหรับผู้ชายสามคน
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าพรุ่งนี้จะจัดพิธีสมรสระหว่างพระสนมกับลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน เราจะทำยังไงต่อดีกระหม่อม”
“พระสนมองค์นั้นเขาอยากให้แต่งก็ต้องแต่งไปก่อนแหละคุช” เธราพูดเรื่อยๆ ก่อนตักขนมที่มีไว้รับรองแขกเข้าปาก
“หมายความว่าเจ้าจะเข้าพิธีแต่งงานกับลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านงั้นสิ” เป็นวิรัลที่ถามขึ้นมา
“ก็คงต้องแต่งไปก่อนกระหม่อมเพราะว่าหมอมฉันชนะการประลอง”
“นี่คือแผนของเจ้ารึเธรา”
“แผนคือถ้าอยากรู้ว่าทำไมพระสนมนั่นถึงให้พารัมแต่งงาน ก็ต้องแต่งงานกับพารัมถึงรู้กระหม่อม” เธราบอกออกไป เขาอยากรู้เหตุก็ต้องแสดงผลออกไปให้พระสนมนั่นเห็นก่อน
“เธรา เจ้าชอบพารัมใช่ใหม” คำถามที่ไม่คาดคิดโพล่งออกมาจากปากขององค์วิรัล ทำเอาเธราหันไปมองหน้าคนถามอย่างคาดไม่ถึง
“หม่อมฉันจะชอบพารัมได้ยังไงกระหม่อมน้องยังเด็กมากนัก และหม่อมฉันก็เอ็นดูพารัมเหมือนน้องสาว จะไปคิดเกินเลยได้อย่างไร” เธราปฏิเสธเสียงดังทั้งที่ขนมยังคาปาก
วิรัลพยักหน้ารับรู้แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ หากเสียงกุกกักหน้ากระท่อมกลับเรียกความสนใจของทั้งสามได้อย่างดี คุชขยับตัวอย่างเตรียมพร้อมทันที
“ข้าเอง” ร่างบอบบางภายใต้ผ้าคุมสีเข้มตั้งแต่หัวจรดเท้า ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตู
“พารัม” เธราเรียกชื่อผู้มาเยือนใหม่ก่อนขยับตัวลุกขึ้นเดินไปหา
“ออกมาทำไมดึกดื่น” เธราดุพารัมอย่างเป็นห่วง จริงๆเขายังไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั่น สถาณการณ์ตอนนี้ทุกอย่างดูไม่ปกติ
“ข้ามาหาพี่เธรา” เสียงเบาๆที่ยังเจือรอยสะอื้นทำเอาเธราอดสงสารไม่ได้
“มีอะไรล่ะ” เธราเห็นพารัมมองไปที่องค์วิรัลกับคุชที่นั่งอยู่ก่อนออกอาการลำบากใจ เธราพยักหน้าเข้าใจก่อนหันไปบอกอีกสองคนที่อยู่ข้างหลัง
“หม่อม.......เอ่อ เดี๊ยวข้ามานะ” พูดพลางหันไปพยักหน้าให้กับพารัมก่อนทั้งสองจะเดินลับไป
“ตามไปดีใหมกระหม่อมสถารการณ์ตอนนี้ไม่ปลอดภัยเท่าไร” คุชหันมาถามวิรัลอย่างกังวลสถานการณ์ตอนนี้ทุกอย่างต้องระวังเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
“เจ้าไปสิข้าจะรออยู่ที่นี่”
“แต่พระองค์จะประทับทีนี่คนเดียวรึกระหม่อม”คุชเริ่มลังเล
“ข้าอยู่ได้”
“แต่มันอันตรายนะกระหม่อม” วิรัลหันมามองหน้าแม่ทัพของตัวเองอย่างรำคาญ ก่อนลุกขึ้น
“คุชเจ้าน่ารำคาญเหมือนคาเซตั้งแต่เมื่อไร จะไปก็ไป” วิรัลบ่นก่อนลุกเดินนำคุชไปตามทางที่เธราเพิ่งเดินผ่านไป คุชได้แต่มองตามก่อนเร่งฝีเท้าให้ทันคนที่ไม่อยากไปที่เดินนำหน้าไปใกลแล้ว
------------------------------------------------------------------------
แสงจากโคมไฟที่พารัมถือติดมือออกมาส่องแสงให้เห็นบรรยากาศรอบข้างเพียงน้อยนิด และเพราะพรุ่งนี้จะเป็นคืนเดือนมืดทั่วบริเวรจึงแทบจะมืดสนิท
“ทำไมอยู่ดีๆพ่อเจ้าถึงจักพิธีแปลกๆแบบนี้ล่ะพารัม” เป็นเธราที่เอ่ยขึ้นก่อน
“ข้าไม่รู้พี่เธรา ตั้งแต่พระสนมเสด็จมาพ่อก็เปลี่ยนไม่พูดจาหยอกล้อเหมือแต่ก่อน วันๆเอาแต่คุยอะไรไม่รู้กับพระสนม” พารัมเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเริ่มเจือสะอื้น
“แล้วตั้งแต่พระสนมเสด็จมาได้ทำอะไรบ้างพารัม”
“ไม่ได้ทำอะไรเลยพี่เธรา พวกเราต้อนรับอย่างสุดความสามารถของพวกเราแล้ว พระสนมก็ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ พระองค์ไม่เคยเอ่ยปากพูดจากับชาวบ้านเลย ถ้าไม่สั่งผ่านพ่อข้ามาก็จะสั่งผ่านคนสนิททีมาด้วยกัน” พารัมเริ่มเล่า
“คนสนิทเหรอ.....”
“ใช่พี่เธรา ชายรูปงามที่มีผมสีทองสวยงามเหมือนรูปปั้นเลยมีดวงตาสีฟ้าที่หายากด้วยนะ เขาจะเป็นคนคอยออกมาสั่งว่าพระสนมต้องการอะไร”
“เหรอ” เขาไม่ได้สังเกตเท่าไรว่ามีใครที่ตามรับใช้พระสนมไหม เพราะมัวแต่สังเกตพระสนมจอมปลอมอยู่
“พระสนมบอกว่า หมู่บ้านเราจะแห้งแล้งยากจนไปอีกนาน ถ้าจะแก้ไขต้องให้ข้าแต่งงานกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในพิธีประลอง” พูดได้เท่านี้พารัมก็ปล่อยโฮออกมา จนเธราต้องกอดเอาไว้
“พอแล้วๆ จะร้องอะไรนักหนาเชื่อข้านะพารัมน้ำตาไม่ช่วยอะไร อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็ไม่ต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าแล้ว พรุ่งนี้จะมีพิธีแต่งงานใช่ไหม เจ้ากลับไปนอนเถอะพารัม” เธราบอกสาวน้อยตรงหน้า
“พรุ่งนี้พี่จะเข้าพิธีแต่งงานกับข้าใช่ใหม” พารัมถามขึ้นเธอกลัว กลัวว่าเธราจะหนีไป
“แน่นอนไม่ต้องกลัวพี่ไม่หนีไปใหน ตอนนี้กลับไปนอนได้แล้ว” เธราพูดก่อนดันไหล่ให้สาวน้อยเดินกลับที่พักของตนไป
----------------------------------------------------------
เธราเดินกลับมาที่กระท่อม พบคุชกำลังนั่งผิงไฟอยู่หน้ากระท่อม
“คุชดึกแล้วทำไมไม่นอน” เธราทักขึ้น
“กระท่อมเล็กเกินไปสำหรับสามคนกระหม่อม หม่อมฉันจะนอนตรงนี้พระองค์เสด็จขึ้นไปบรรทมข้างในเถอะกระหม่อม” คุชบอกก่อนชี้ไปที่ข้างๆกองไฟที่มีผ้าปูอยู่เป็นการบอกว่าคืนนี้เขาจะนอนตรงนี้
เธราพยักหน้าน้อยๆจริงๆอยากบอกว่านอนเบียดๆกันก็ได้ แต่คุชคงไม่ยอมและองค์วิรัลเองก็คงไม่ชอบใจนัก
เธราก้าวเข้ามาในกระท่อมอย่างช้าๆพยายามจรดฝีเท้าให้เบาที่สุดเมื่อเห็นว่าองค์วิรัลทรงนอนอยู่ ด้วยความที่กระท่อมมีขนาดเล็กฟูกที่นอนจึงมีแค่อันเดียวแม้จะกว้างพอนอนสองคน แต่เธราก็ไม่กล้านอนกับองค์วิรัล ร่างโปร่งจึงเลือกปูผ้าที่ข้างๆฟูกก่อนลมตัวลงนอน
------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------
----
ยามเช้ามาเยือนบรรยากาศในหมู่บ้านบันกุตอนนี้ครึกครื้น หญิงชายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส เธราถูกพาตัวไปแต่เช้า ร่างโปร่งถูกจับเปลี่ยนใส่ชุดพิธีการของหมู่บ้านบันกุ ผมสีน้ำตาลที่มักยุ่งเหยิงถูกจัดแต่งจนเข้าทรงประดับด้วยมงกุฎดอกไม้สีสด
เมื่อถึงเวลาพิธีการเธราและพารัมถูกพามากลางหมู่บ้าน มีหนุ่มสาวชาวบันกุมาเต้นรำล้อมรอบเพื่ออวยพรแก่คู่บ่าวสาว เธราจดจ้องไปพระสนมที่นั่งดูพิธีกรรมอยู่ตรงที่ประทับ เป็นครั้งแรกที่เธราสังเกตุเห็นชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ด้านหลังพระสนมจอมปลอมตลอด เหมือนคนถูกจ้องจะรู้ตัวใบหน้างดงามเกินชายหันมาสบตาเธราราตรงๆก่อนจะแย้มยิ้มมาให้ รอยยิ้มที่ทำเอาเธราขนลุก
เธราไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่มีรูปโฉมจับตาเพียงนั้นถึงมีรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกได้ขนาดนี้ แม้ริมฝีปากสวยจะแย้มยิ้มละมุนหากแววตากลับเย็นชาแววตาสีฟ้าที่เย็นชาราวห้วงละเลลึก
พิธีการดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงเวลาที่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ตามประเพณีชาวบันกุห้องหอของบ่าวสาวจะต้องถูกแยกออกไปอยู่ตามลำพังท้ายหมู่บ้าน และบ่าวสาวจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกับถึงสามวันสามคืนเพียงแค่สองคนโดยไม่พบใคร เมื่อครบสามวันสามคืนถึงจะออกมาอยู่ในหมู่บ้านได้ตามปรกติ
วิรัลกับคุชมองพิธีการแต่งานอยู่ห่างๆ เธราบอกว่าให้พยายามสะกดรอยตามไปที่ห้องหอที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเพราะไม่ว่าพระสนมจอมปลอมจะทำอะไรคงลงมือตอนนั้นแน่นอน
คู่บ่าวสาวหมาดๆนั่งนิ่งอยู่ในกระท่อมที่ถูกใช้เป็นห้องหอ ภายในกระท่อมกว้างขวางถูกตกแต่งงดงามมีเสบียงอาหารเพียงพอสำหรับคนสองคนในเวลาสามวัน
เธรามองรอบๆอย่างระวังตัว เขายังจำรอยยิ้มของคนติดตามของพระสนมได้รอยยิ้มที่ไม่เหมือนของมนุษย์ รอยยิ้มของปีศาจแค่คิดเธราก็กลัว ตอนนี้ไม่ใช่มีแค่พารัมที่เขาเป็นห่วง องค์วิรัลและคุชที่สังเกตุการณ์อยู่ด้านนอกก็น่าเป็นห่วงไม่น้อย
“พี่เธราหิวใหม เดี๋ยวข้าไปหาอะไรให้กินนะ” พารัมพูดขึ้นก่อนรีบลุกออกไปโดยที่ไม่ได้ฟังคำตอบของเธรา
แสงตะวันลับขอบฟ้าไปสักพักแล้ว เธราเดินเช็คความเรียบร้อยรอบๆกระท่อมก่อนเข้ามาหยิบเอาผ้ากับหมอนเพื่อนที่จะออกไปนอนข้างนอก
“พี่เธราจะไปใหน” พารัมละล่ำละลักถาม
“พี่จะออกไปนอนข้างนอก พารัมนอนในนี้ล็อกหน้าต่างประตูให้ดีนะ” ร่างบางของพารัมโผเข้ากอดเธรา เสียงใสละล่ำละลักปนสะอื้น
"ไม่เป็นไรถ้าเป็นพี่เธราข้า.....ไม่เป็นไร"
การกระทำที่ไม่ทันคาดเดา ทำเอาเธรายืนแข็งทื่อ
"ปล่อย...พารัมปล่อยข้าก่อน" เธราออกแรงดันพารัมออกห่าง แต่เสียงสะอื้นแผ่วที่ได้ยินทำเอาใจอ่อนปล่อยให้พารัมอยู่ในอ้อมกอดตัวเองต่อไป
"ถ้าพี่เธราไม่มีใจให้ข้าแล้วลงประลองทำไม" พารัมเอ่ยออกมาทั้งที่น้ำตายังนองหน้า ใบหน้าเล็กๆเงยขึ้นมองเธราอย่างไม่เข้าใจ
"ถ้าข้าไม่ทำเจ้าต้องลำบากแน่ๆการแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักกันเลยมันไม่มีความสุขหรอกพารัม"
เธราบอกเด็กน้อยตรงหน้า
" งั้นเป็นพี่เธราก็ไม่เป็นไรข้าไม่เป็นไร"
"พารัม ต่อให้เป็นข้าก็ไม่ได้"
"พี่เธรารังเกียจข้าใช่ใหม"
"ไม่ใช่...พารัมอย่างอแงฟังพี่บ้าง" เธราเริ่มโมโหเมื่อเด็กน้อยตรงหน้าเริ่มไม่ฟัง
"พี่เธรารังเกียจข้า" ใบหน้าหวานเหยเกน้ำตาใสๆใหลอาบหน้า
"พี่ไม่ได้รังเกียจ"
"พี่รังเกียจจจ ฮืออออออออออ"
"พี่รัง..."
"ข้าไม่ได้รังเกียจพารัม ข้าแต่งงานแล้วว" เธราตะโกนออกไปอย่างโมโห คำตวาดที่ทำเอาร่างเล็กในอ้อมกอดผงะออกไป ใบหน้าหวานมีแววงงงวย ก่อนเบะปากร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ข้าต้องเป็นเมียรองใช่ใหมมมม ฮือออออ”
“มะ...ไม่ใช่พารัมใจเย็นๆฟังพี่ก่อนนะ”
“ก็ได้ ข้าเป็นเมียรองก็ด้ายยยยยย ฮือออออออ” ร่างเล็กๆยังงอแงปล่อยโฮไม่เลิกแต่ไม่ทันได้ปลอบอะไรต่อ เธราก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
เหมือนมีหมอกสีดำค่อยๆลอยเข้ามาอ้อยอิ่งรอบตัว อากาศที่หายใจเข้าไปเริ่มเบาบาง ร่างเล็กๆของพารัมเริ่มโงนเงนเหมือนจะหมดสติ เธราประคองพารัมออกมานอกกระท่อม แต่หมอกสีดำเริ่มก่อตัวหนาขึ้นเสียงหัวเราะเบาๆลอยมาตามลมฟังดูเสียดเข้าไปถึงหัวใจ พารัมหมดสติไปแล้วเธราพยายามประคองตัวเองให้มีสติมากที่สุด สายตาเริ่มมองหาองค์วิรัลกับคุชที่สุ่มรออยู่ด้านนอก
“ชายหนุ่มผู้เอาชนะลูกครึ่งอมนุษย์ได้เป็นยังไงบ้าง เริ่มสิ้นฤทธิ์แล้วสินะ” เสียงของชายหนุ่มรูปงามผู้มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้าเดินออกมาจากกลุ่มหมอกที่ก่อตัวขึ้นเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“นึกว่จะแน่”
“เจ้าเป็นใคร” เธรากัดฟันถามออกไป ความกดดันมหาศาลที่เกิดขึ้นรอบตัวทำเอาเธราแทบหมดสติ
“ในเมื่อเจ้าจะตายแล้ว ข้าจะบอกให้เอาบุญละกันเผื่อเจ้าจะจำไปบอกกับเจ้าแห่งความตายว่าคนที่ฆ่าเจ้าชื่ออะไร” ใบหน้าแสนสวยแม้จะเป็นชายยื่นเข้ามาใกล้เธรา ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแก้มเธราอย่างแผ่วเบา
“นามของข้าคือ รันตรา” รอยยิ้มที่เหมือนจะเหยียดหยันคนทั้งโลก ของคนตรงหน้าทำเอาเธราเริ่มหวั่นใจ มือของคนตรงหน้าเลือนไปที่คอของเธราอย่งอ้อยอิ่ง ทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากเธรามือสวยที่จับลำคอของเธราค่อยๆมีเล็บสีแดงสดงอกออกมาพร้อมกับกดลงลำคอของเธราอย่างย่ามใจ
“ฉับ!!” สิ้นเสียงมือที่กำลังปลิดชีวิตของเธราก็ขาดสะบั้นลง เลือดดำสนิทสาดกระเซ็นเต็มใบหน้าเธรา
คุชมองผลงานตัวเองอย่างพอใจ ร่างแสนสวยของคนตรงหน้าผงะไปเล็กน้อยแววตาสีฟ้าเหลือบมองมือที่ขาดกระเด็นของตัวเองก่อนหันมามองคนที่ถือดาบประจันหน้าอยู่ตอนนี้
“หึ ข้าประมาทไปสินะไม่นึกว่าจะมีองค์รักษ์ประจำตัวซะด้วย” แม้น้ำเสียงจะดูสบายๆ แต่แววตากลับน่ากลัวจนเธราหวั่นใจ
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับพระสนมจอมปลอมนั่นต้องการอะไร แต่อย่ามายุ่งกับคนของนันทานคร”คุช
ประกาศกร้าวตำแหน่งแม่ทัพฝ่ายซ้ายไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็ไม่ลังเลคุชหันมองพระสนมตัวจริงที่ตอนนี้เหมือนจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็เบาใจ
“หึ คนของวังหลวงสินะไม่คิดว่าจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ แต่ก็ช้าไปอยู่ดี เพราะข้าขาดอีกอย่างเดียวข้าก็ได้ของที่ข้าต้องการครบแล้ว”
“เจ้าหมายถึงอะไร” คราวนี้เป็นเธราที่ถามขึ้น
“หึหึหึหึ”ร่างตรงหน้าหัวเราะราวตลกเสียเต็มประดา ดวงตาสีฟ้าฉายแววดูถูกคนตรงหน้าชัดเจน
“สิ่งที่ข้าต้องการ....ก็คือ.” พูดพลางยกแขนข้างที่โดนฟันจนขาด ขึ้นมาเลียเลือดสีดำที่ไหลไม่หยุดเบาๆ แล้วเธรากับคุชก็ต้องตกใจเมื่ออยู่มือที่โดนฟันจนขาดกลับงอกขึ้นมาใหม่
“หัวใจของนังนั่น” พูดพลางชี้ไปที่พารัมที่ตอนนี้นอนหมดสติอยู่
“ทำไม พารัมไปทำอะไรให้แก” เธราพูดขึ้นอย่างโมโห กับคนตรงหน้าที่พูดว่าจะฆ่าคนอื่นได้หน้าตาเฉย
“เปล่า นังนั่นไม่ได้ทำอะไรให้ข้า เพียงแต่มันมีคุณสมบัติครบก็เท่านั้น”
“คุณสมบัติอะไร”
“ข้าเวทนาความพยายามของพวกเจ้านักข้าจะบอกให้ละกัน ข้าต้องการหัวใจของหญิงสาวพรมจรรย์ที่ถือกำเหนิดในวันจันทร์ดับและเป็นหม้าย” คำตอบของคนตรงหน้าเรียกความงุนงงเพียงครู่
“เจ้าหมายถึง เจ้าต้องฆ่าข้าเพื่อจะให้พารัมเป็นหม้ายสินะ” เธราเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา แม้เขาจะไม่ได้กลัวความตายเพราะคิดเสมอว่าทุกคนต้องตาย แต่การถูกหมายเอาชีวิตนั้นก็สร้างความหวาดกลัวให้เธราได้ไม่น้อย
“ฉลาดมาก สมแล้วที่จะได้ตายด้วยมือข้า”
“หยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้วเจ้าปีศาจ เจ้าไม่มีทางได้หัวใจใครไปนอกจากจะทิ้งหัวใจตัวเองไว้ที่นี่” เสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นเรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง
วิรัลปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับดาบที่จ่อคอของพระสนมจอมปลอมไว้
“ข้าคือวิรัลผู้ครองบังลังก์แห่งนันทานคร จงบอกมาว่าทำแบบนี้ทำไม” วิรัลเอ่ยขึ้นพลางกดดาบลงบนคอของพระสนมจอมปลอมที่ยืนนิ่ง “ไม่อย่างนั้นคนที่ตายคนแรกอาจเป็นนายเจ้า”
“หึหึ ข้าคงพลาดไปจริงๆการที่องค์วิรัลปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าข้า ไม่ใช่สิ่งที่ข้าคาดคิดมาก่อน”
รันตราพูดขึ้นก่อนหันไปมองเธรา
“แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องเอาชีวิตของหนุ่มน้อยคนนี้” พูดพลางชี้ไปที่เธรา
“ถ้าเจ้าหมายถึงเธรา ข้าคงปล่อยให้เจ้าเอาชีวิตพระสนมของข้าไม่ได้หรอกเจ้าปีศาจ ข้ามีของข้าอยู่คนเดียว” วิรัลพูดติดตลกแต่ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย
เป็นครั้งแรกที่เธราเห็นแววตาคาดไม่ถึงของปีศาจตรงหน้าแววตาสีฟ้ามองมาที่เธราอีกครั้งเนิ่นนาน ก่อนที่ร่างสวยงามของรันตราค่อยๆจางหายไป พร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่ทิ้งไว้
“องค์วิรัล ข้านับถือในความเก่งกาจของท่านแต่ข้าจะเอาชีวิตพระสนมท่านไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องทำข้าจะไม่เลิกรา”
วิรัลมองร่างของปีศาจตงหน้าที่ค่อยๆจางหายไป เมื่อหมอกดำรอบตัวเริ่มคลายลง ร่างของพระสนมจอมปลอมที่วิรัลใช้ดาบจ่อคออยู่ก็ค่อยๆอ่อนยวบลงจนกลายเป็นเพียงกองดินเหลวเหนียวๆ
“มนต์สร้างร่าง” คุชเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างของพระสนมจอมปลอมกลายเป็นเพียงกองดิน “ปีศาจนั่นสร้างพระสนมปลอมขึ้นมาบังหน้า เพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาพระสนมเป็นยังไงทุกอย่างเลยง่ายขึ้นไปอีก”
“หัวใจของหญิงสาวพรมจรรย์ที่ถือกำเนิดในวันจันทร์ดับและเป็นหม้าย ของแปลกๆแบบนั้นจะเอาไปทำอะไรกัน” เธราถามขึ้น หากสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแววตากังวลใจของวิรัล
มาต่อแล้วค่าาา
ตอนนี้มีตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ว
ยังไงก็ฝาก เธรากับวิรัลด้วยน้า
เข้าไปกดติดตามเพจกันไว้น้า จะมีสปอยเรื่อยๆ
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงติชมคอมเม้นกันได้ค่าา