ตอนที่๑๓
ร่างบอบบางที่ราวจะแตกหักได้ง่ายๆนั้นสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น รารีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตานั่งพิงเครื่องทอผ้าในตำหนักท้ายบึงราวคนหมดอาลัย ในชีวิตนี้รารีเคยมีครอบครัวอบอุ่นแต่ทุกคนก็มาล้มหายตายจากไปเสียหมดในเหตุการกบฎครั้งใหญ่ รารีเป็นคนเดียวที่รอดมาได้และองค์วิรัลก็ทรงเมตตาให้กลับมาทำงานในวังเพราะเป็นลูกหลานคนเก่าคนแก่ ในใจนึกหวนไปถึงพระสนมของตนตอนนี้รารีรู้แล้วว่า เธราเป็นเพียงคนเดียวในชีวิตของรารีที่มีน้ำใจและห่วงใยรารีด้วยใจจริงโดยไม่เคยหวังผลตอบแทน ตำหนักเล็กๆที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร เธราสร้างมันขึ้นมาด้วยสองมือ ไม่ว่าจะเป็นห้องครัวที่เธราเป็นคนลงสร้างเอง จนรารีทนไม่ไหวต้องไปบอกคาเซให้ส่งทหารมาช่วย เธราไม่เคยมองว่ารารีคือคนที่คอยรับใช้งานหนักๆเธรามักจะลงมือทำเอง “ก็ข้าเป็นชาย” คำพูดที่ติดปากพร้อมกับรอยยิ้มสวยทำให้รารีเอ็นดูพระสนมอับโชคคนนี้ราวน้องชายร่วมสายเลือด แต่ตอนนี้เธรากำลังลำบาก ลำบากเพราะความโง่เขลาของเธอที่หลงเชื่อในคำพูดสวยหรูหลอกให้ไว้ใจแล้วก็มาทำร้ายกันของบางคน น้ำตาจากความน้อยเนื้อต่ำใจไหลรินเป็นทาง มือบางกำบางอย่างแน่นราวตัดสินใจก่อนลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปที่วังหลวง
----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------
--------
กระท่อมริมน้ำตกหลังเล็กๆที่ตอนนี้ดูจะเต็มไปด้วยผู้คน วิรัล เธรา สหัส โชบุ ชุน คุช และธัน กำลังนั่งล้อมรอบกองไฟที่ก่อขึ้นพร้อมมื้ออาหารเย็นที่ถูกจัดส่งมาอย่างดีจากค่ายทหาร
“พระองค์ออกมามีใครรู้บ้างกระหม่อม” ธันถามขึ้นมา เพราะเท่าที่เห็นองค์วิรัลเสด็จมากับนายทหารคนสนิทเพียงไม่กี่คน "พวกวูธส่งกองลาดตระเวนไปทั่ว จนถึงตอนนี้เริ่มให้ค่าหัวพระสนมแล้วด้วยกระหม่อม” ธันบอก
“คาเซรู้ว่าออกมาน่าจะรู้ว่ามาทำไมแต่ไม่รู้ว่ามาที่ไหนเพราะข้าไม่ได้บอก”
“พระองค์ทรงหาหลักฐานยืนยันได้แล้วหรือกระหม่อมว่าคนที่ฆ่าองค์หญิงโยนาไม่ใช่พระสนม” คุชถามขึ้นอย่างอยากรู้
วิรัลพยักหน้าเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไรเป็นอันรู้กันว่าวิรัลยังคงไม่อยากพูดเรื่องนี้ออกไป “ข้าให้คาเซส่งข่าวถึงวูธแล้วเรื่องที่เธราไม่ใช่ฆาตกร หากข่าวถึงกษัตย์เห่งวูธพวกกองกำลังทหารคงล่าถอยไปเอง”
“อันราเป็นเมืองขึ้นของนันทานครพวกวูธไม่น่ากล้ายุ่ง” โชบุพูดขึ้นมา
“วูธมีสัมพันธ์อันดีกับพวกอมนุษย์ บุกเมืองอันราน่ะไม่ยากเลย” สหัสเอ่ยขึ้นมาง่ายๆ แต่เรียกความกังวลจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“มีเจ้าอยู่พวกอมนุษย์ไม่กล้าทำอะไรมั้ง” โชบุพูดก่อนหัวเราะเมื่อสหัสหันมาแยกเขี้ยวใส่
“โชบุ ไม่เข้าเรื่องน่ะ” เป็นชุนที่เอ่ยห้ามโชบุเมื่ออีกฝ่ายดูอยากพูดเสียเต็มประดา
---------------------------------------------------
-----------------------------------------
ธันมององค์ราชาของตนที่ดูไม่เต็มใจเมื่อต้องกลับไปพักในวังของเมืองอันราสักเท่าไร “กระท่อมคับแคบเกินไป แล้วอีกอย่างทางเมืองอันรายังไม่รู้ความจริงว่าท่านเสด็จมาทำอะไร พระองค์จะมาประทับร่วมกับพระสนมคงไม่ดี”
“หม่อมฉันจะดูแลพระสนมอย่างดีกระหม่อม” คุชบอกองค์วิรัล ก่อนต้องกลั้นยิ้มเมื่อท่าทางองค์วิรัลจะไม่พอใจที่ถูกขัดใจเท่าไร
“เธรา” วิรัลเรียกเธราที่มายืนส่งเขากลับด้วยท่าทีนิ่งเฉยให้มาใกล้ๆ
“ไปนอนในวังกับข้าไหม”
“ไม่ได้กระหม่อม!!!” คุชกับธันแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน เธราที่ยืนนิ่งฟังมาสักพักก็ยังไม่เข้าใจว่าสามคนเถียงอะไรกันกับแค่ที่นอน
“ให้องค์วิรัลนอนที่กระท่อมก็ได้ เดี๋ยวข้าออกมานอนกับสหัสข้างนอก” เธราหันไปบอกกกับคุชอย่างอยากช่วยแก้ปัญหา
“ไม่ได้!!!” เป็นวิรัลที่หันมาบอกเสียงดัง ทำเอาเธราขมวดคิ้ว
“ข้ากลับไปนอนในวังก็ได้ เธรากินยาแล้วนอนซะกลับเข้ากระท่อมไปได้แล้วน้ำค้างแรง” เธราทำความเคารพวิรัลอย่างงงๆ ก่อนเดินกลับเข้าไปตามคำสั่ง
---------------------------
-------------------------------------------
---------------------------------------
เธราตื่นแต่เช้าเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ยาที่หมอจัดมาให้ได้ผลดีมากเพระตอนนี้อาการช้ำในเริ่มดีขึ้นเจนเธราไม่รู้สึกเจ็บยามขยับตัวแล้วยังคงเหลือแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อยตามตัวและใบหน้า โชบุเดินเข้ามาหาพร้อมกับยากินและอาหาร เธรานึกขอบใจทั้งสหัสโชบุชุนหรือแม้แต่คุชที่คอยดูแลอย่างดีแม้ในยามคับขัน แต่ก็พาลนึกโทษตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม
“โชบุ ข้าขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากนะ” เธราเอ่ยออกไปกับคนที่นั่งตรงหน้า โชบุหันมามองคนที่อยู่ดีๆก็เอ่ยขอโทษพลางเลิกคิ้วอย่างยียวน
“เลิกใจดีพร่ำเพรื่อแล้วข้าจะรับคำขอโทษนี้” โชบุบอกก่อน เลื่ออาหารมาตรงหน้าเธราตักเข้าไปอย่างว่าง่าย “แล้วนี่จะเอายังไงต่อ ไปมาลันเคียตามกำหนดเดิมหรือกลับนันทานคร”
เธราส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้ แม้ลึกๆจะคิดถึงมาลันเคียแต่เธราก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาใครเหมือนบ้านที่ไม่มีใครรออยู่
โชบุเห็นท่าทางหงอยๆของเธราแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ดุนิดดุหน่อยนี่หงอยยังกะลูกหมา “ในตัวเมืองอันรามีของขายเยอะเลยนะ ข้าเห็นมีร้านขนมหวานน่ากินหลายร้านเลย” เมือพูดจบโชบุก็แทบหัวเราะเมื่อท่าทางหงอยๆนั้นหายไปในพริบตา เหลือเพียงแววตาวาบวับของเด็กอยากเที่ยว
“เหรอ ข้ายังไม่เคยมาถึงอันราเลยแต่เคยได้ยินว่าขนมหวานพื้นเมืองที่ทำจากน้ำผึ้งอร่อยมาก” โชบุฟังพลางพยักหน้าเบาๆ
“ข้าอยากไปเดินตลาดได้ไหม”
“ลองไปขอคุชสิ”
“คุชไม่ให้ไปหรอก ข้ากำลังโดนหมายหัว”
“รู้ตัวนี่”
“แต่ข้าอยากไปนี่ขนมที่เมืองอันรานี่ ที่อื่นไม่มีด้วยนะ”
...................................
--------------------------------------------------------
--------------------------
โชบุมองคนที่เอาผ้าพันคอปิดหน้าจนแทบมิด หากสายตากลับมองโน่นมองนี่อย่างตื่นเต้นราวเด็กได้เที่ยว “ถ้าคุชกับชุนรู้โดนบ่นหูชาแน่” โชบุพูดเหมือนไม่อยากมาแต่หน้าตากลับเหมือนกำลังเล่นสนุก
“อย่าบอกสิเดี๊ยวเรารีบกลับไง” เธราทำท่ากระซิบกระซาบก่อนตรงดิ่งไปที่ร้านขนมข้างทาง
“ไปพูดอะไรท่านเธราถึงอยากออกมา” สหัสหันไปถามโชบุ นี่ถ้าเขาไม่ทันเห็นตอนกำลังแอบออกมากันคงหนีออกมากันสองคน
“เหมือนเอาขนมมาล่อเด็กเลย” โชบุหันไปบอกก่อนหัวเราะอย่างนึกสนุก
“ถ้าเกิดเรื่องจะทำไง”
“ปกติก็มีเรื่องตลอดแล้วนี่นา” โชบุหันไปตอบอย่างยียวนก่อนเดินตามเธราไป
“อันนี้อร่อย” เธราหันมาบอกโชบุก่อนยื่นขนมให้ เธราชอบออกมาเดินดูของตามตลาดอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่นันทานครหรือมาลันเคีย
ทั้งสามเดินเล่นไปตามตลาดเรื่อยๆ เธราดูสนุกและไม่มีใครสนใจในตัวเธราเท่าไรหากคนที่เรียกความสนใจได้ไม่น้อยกลับเป็นโชบุกับสหัส อันราเป็นเมืองชายแดนติดกับเมืองของพวกอมุษย์เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หมู่บ้านนี้จะมีพวกอมนุษย์เดินไปมาให้เห็นจนชินตาทั้งในร่างมนุษย์และร่างของอมนุษย์ หากโชบุที่เป็นลูกครึ่งนั้นกลับต่างออกไป ลูกครึ่งอมุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ทั่วไปเพราะมีเลือดผสมจึงไมใช่ที่ต้องการของทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ส่วนมากพวกลูกครึ่งมักจะถูกกำจัดตั้งแต่แรกเกิดพวกที่รอดมาถ้าไม่ถูกจับไปเป็นทาสก็จะเป็นกลุ่มโจรที่ผิดกฎหมายไม่ได้มาเดินไปมาให้เห็นตามตลาดที่คนพลุกพล่านแบบนี้ได้ง่ายๆ
“โชบุ ไหวรึเปล่า” เธราหันไปถามคนที่เดินข้างๆเมื่อเห็นสายตารอบข้างที่มองมา โชบุยักไหล่ราวไม่ใส่ใจ หากเป็นสหัสที่เริ่มอยู่ไม่สุข
“ถ้ายังเป็นจุดเด่นแบบนี้ล่ะก็อันตรายแน่ๆ กลับเถอะท่านเธรา”
“ก็ได้........แต่ข้าขอเข้าร้านขนมข้างหน้าก่อนได้ไหม” เธราบอกสหัสเสียงอ่อย รู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแต่กลิ่นหอมๆของขนมที่ลอยมาทำเอาอดใจไม่ไหว
สหัสได้แต่ถอนหายใจอย่างกังวลก่อนเดินตามเธราไปอย่างเสียไม่ได้ เธราสั่งอะไรสหัสก็ต้องทำตามอยู่แล้ว
---------------------------------------------------------------
---------------------------
ร้านเล็กๆที่ดูจะเป็นที่ชื่นชอบนั้นมีคนนั่งอยู่ประปราย กลิ่นหอมของขนมประจำเมืองทำเอาคนชอบขนมหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แม้จะมองไม่เห็นรอยยิ้มเพราะมีผ้าปิดอยู่หากดวงตาที่ยิบหยีจนแทบมองไม่เห็นตานั้นทำเอาโชบุกับสหัสต้องส่ายหัว ถ้าจับทางได้คนอย่างเธราก็หลอกง่ายเหมือนเด็กจริงๆ
“อร่อยไหมท่านเธรา” แม้จะกังวลกับสายตารอบข้างแต่เมื่อเห็นเธราดูมีความสุขกับขนมหวานตรงหน้า สหัสก็อดถามออกไปไม่ได้”
“อร่อยดี ซื้อกลับไปฝากคุชกับชุนไหม เออๆ เผื่อองค์วิรัลกับธันด้วย” สหัสกับโชบุได้แต่มองคนที่กระตือรือร้นสั่งขนมเพื่อที่จะเอากลับไปฝากคนที่ตนหนีออกมาเที่ยวอย่างลืมตัว เธรายกมือเรียกหญิงกลางคนที่ดูจะเป็นเจ้าของร้าน ก่อนเอ่ยปากสั่งขนมเสียหลายอย่าง
“พ่อหนุ่มมาเที่ยวหรือจ๊ะ” หญิงเจ้าของร้านเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเธรา แต่ที่ชวนสงสัยคือชายหนุ่มที่ดูธรรมดาๆคนนี้กลับมากับลูกครึ่งอสรพิษและสิงห์ราชั้นสูง ดวงตาและผมสีเงินนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้เหล่าอมนุษย์ได้ไม่น้อย
“พวกข้าเป็นคณะละครเร่น่ะท่าน” เป็นโชบุที่ชิงเอ่ยตอบ
“ละครเร่ รึการแสดงของพวกเจ้าต้องน่าสนใจมากแน่ เพราะมีทั้งหนุ่มน้อย ลูกครึ่งและสิงห์ราชั้นสูงอย่างนี้” หญิงเจ้าของร้านดูสอดรู้ทันทีเมื่อโชบุบอกว่าตนเป็นคณะละครเร่
“นี่เอาแบบนี้ไหม ข้าจ้างเจ้าให้มาแสดงที่งานคืนนี้ค่าจ้างข้าจ่ายไม่อั้นนะ”
“ไม่ล่ะท่านเจ้าของร้าน ข้าป่วยคงไม่สะดวก” เธราปฎิเสธ
“ใครเขาอยากดูเจ้ากันหนุ่มน้อย ในเมื่อรอบๆตัวเจ้าน่ะน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ ทุกสัปดาห์เมืองอันราจะมีการมีงานรื่นเริงให้ทั้งพวกมนุษย์และอมุษย์มาเที่ยวเล่นกัน มีการเปิดการแสดงการแข่งขันมากมายข้าจะจ้างพวกเจ้ามาแสดงเรียกแขกเข้าร้านข้าหน่อย หมู่นี้มีเวทีต่อสู้มาตั้งใกล้ๆคนแห่ไปดูกันหมดร้านขนมข้ายอดตกไปเยอะ”
“คงไม่ได้หรอกท่านเจ้าของร้าน หัวหน้าของเรากำลังป่วยเราจะไม่ทำการแสดงถ้าคนไม่ครบขอรับ” สหัสเอ่ยอย่างนอบน้อม ก่อนหันไปมองโชบุเป็นเชิงให้ออกจากร้านนี้ได้แล้ว
ทันทีที่ได้ขนมทั้งสามก็รีปลีกตัวออกมาจากร้านขนมอาจเป็นเพราะเจ้าของร้านเข้ามาทักทายอยู่เป็นพัก จึงยิ่งเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้มากขึ้นไปอีก
---------------------------------------------------------------------
------------------------
----------------------
“ดีมากเลย ทำได้ดีมาก ทั้งที่รู้ว่าตัวเองถูกตามล่าอยู่แต่หนีออกไปเดินตลาดเนี๊ยนะ เธราเจ้าคิดว่าดีแล้วใช่ไหม” วิรัลพูดกับคนที่นั่งก้มหน้ารับผิดเงียบๆอย่างโมโห เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่าเขามาหาที่กระท่อมแต่กลับไม่เจอใครเลย คุชกับชุนที่กำลังจพออกตามหาก็บอกว่าหายไปเป็นพักแล้วเขาแทบจะเกณฑ์ทหารทั้งค่ายออกตามหาแล้วถ้าคุชไม่ห้ามเอาไว้
“ข้าผิดเองที่ไม่ห้ามท่านเธรา อย่าว่าท่านเธราเลย” สหัสออกรับแทนอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าองค์วิรัลเริ่มโมโหจริงๆ
“สิงห์ราที่มีนายไม่สามารถขัดคำสั่งนายได้ อย่าคิดว่าข้าโง่สหัส”
“อย่าว่าสหัสเลยข้าอยากไปเอง” เธราบอกเสียงอ่อย
“ข้ารู้ ไม่ต้องมายอมรับผิดเธรา เจ้าผิดอยู่แล้ว”
ท่าทางของเธราที่ก้มหน้าจนแทบจะมุดลงไปในผ้าพันคอตัวเองนั้นทำเอาโชบุกลั้นหัวเราะ เขาเหลือบมององค์วิรัลที่ดูโมโหเสียมากมายอย่างผิดคาด ถ้าแป็นแบบนี้ล่ะก็ หึ...น่าสนุกดีจริงๆ
“แล้วออกไปทำอะไรมา” วิรัลเอ่ยถามในใจภาวนาอย่าให้เธราไปหาเรื่องเพิ่มอีกเลยแค่นี้เขาก็ห่วงจนทำอะไรแทบไม่ได้แล้ว
“ไป...เอ่อ..เขาว่าอันรามีขนมพื้นเมืองขึ้นชื่อข้าเลยอยากลองกิน” คำตอบของเธราทำเอาวิรัลไปไม่ถูก
“ขนมเนี๊ยะนะ”
เธราพยักหน้าหงึกหงักก่อนหยิบเอากล่องขนมเล็กๆขึ้นมาแล้วส่งให้วิรัล “หม่อมฉันซื้อมาฝากพระองค์ด้วยกระหม่อม” ท่าทางที่เหมือนเอาขนมมาง้อนั้นทำเอาความโกรธของวิรัลแทบจะมลายหายไปทันที ก่อนมองเธราที่ลุกไปจัดขนมใส่จานพร้อมกับชามาวางให้ตรงหน้าเขาอยางเงียบๆ ก่อนไปนั่งก้มหน้าสำนักผิดต่อ
“อยากกินบอกคุชก็ได้ ทำไมต้องออกไปเอง” วิรัลบอก ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจนคนอื่นที่ฟังอยู่ถึงกับแปลกใจ
“อืม...อร่อยดี” คำพูดง่ายๆของวิรัลเมื่อตักขนมปากทำเอาคนที่นั่งก้มหน้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มจนตาหยี
“อร่อยใช่ไหมกระหม่อม” เธราพูดอย่างดีใจ คนฟังได้แต่พยักหน้าตอบไป วิรัลกำลังคิดหาวิธีว่าทันทีที่กลับนันทานครจะจับเธราขังยังไงไม่ให้เที่ยวหายไป ให้เขาห่วงจนสติแตกอีกดี
-----------------------------------------------------------------------
---------------------------------------
---------
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะสงบลง ธันที่แยกออกมาจูงม้าไปกินน้ำที่น้ำตกคนเดียวเงียบๆ เขาเป็นเด็กกำพร้าไม่รู้หรอกว่าครอบครัวหรือความอบอุ่นความห่วงใยเป็นยังไง เขาไม่ใช่คนดีไม่รู้ว่ากี่ชีวิตที่เขาฆ่าไปชีวิตเขามีความหมายขึ้นเมื่อองค์วิรัลรับเขาเข้าเป็นทหารร่วมปราบปรามพวกกบฎ องค์วิรัลไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นอะไร เหมือนเป็นคนแรกที่ไว้ใจเขาและเชื่อในตัวเขาธันจึงมอบทั้งชีวิตและทำทุกวิถีทางพื่อให้องค์วิรัลขึ้นเป็นกษัตย์แห่งนันทานคร องค์วิรัลที่เก่งกล้าสามารถไม่เคยเกรงกลัวต่อศัตรูหน้าไหน กลับเหมือนคนสติแตกเมื่อผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งหายไป พระสนมเธราที่มองมุมใหนธันก็ไม่เห็นถึงความพิเศษใดๆ
“ธัน” เสียงเรียกของคุชเรียกสติของธันให้กลับคืนมา “เป็นอะไรวะ” คุชมองคนที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อนถอนหายใจ “เจ้าข้องใจในพระสนมเธราใช่ไหม” คุชถามออกไปตรงๆ เพราะรู้ดีว่าธันนั้นจงรักภักดีต่อองค์วิรัลถึงขั้นยอมตายถวายชีวิตให้ได้โดยไม่มีข้อแม้หากองค์วิรัลต้องการ แล้วการที่องค์วิรัลและนันทานครจะต้องมาเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกแบบนี้ เพราะส่วนหนึ่งมาจากพระสนมที่ดูจะแสนธรรมดานั้น ธันย่อมไม่พอใจแน่นอน
“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมวะ” ธันพูดออกไปก่อนนั่งลงบนโขดหินอย่างเหนื่อยใจ คุชที่ยืนรอฟังเพื่อนตัวเองอย่างเงียบๆบางทีธันอาจต้องการระบายความคับข้องใจออกมาบ้าง และเขาสมควรเป็นคนรับฟังและอธิบายในฐานะเพื่อน และคนที่พอจะรู้คำตอบในความสงสัยของธัน
“ถ้าวูธมันอยากได้ตัวพระสนม ก็แค่ส่งตัวพระสนมไปให้ก็สิ้นเรื่อง”
“วูธเอาตัวพระสนมไป พระสนมไม่รอดแน่เจ้าก็รู้ว่าพระสนมไม่ได้เป็นฆาตกร”
“แล้วยังไงวะคุช พระสนมคนเดียวแลกกับความสัมพันธ์และปัญหาที่อาจลามเป็นสงครามน่ะ มันคุ้มที่จะแลกไหม”
“เราจะให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับกรรมไม่ได้นะ” คุชบอกก่อนหัวเราะเมื่อเห็นสายตาของธันที่มองมา
“เจ้าพูดจาอะไรแปลกๆ” ธันบอกออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้ารู้ไหมข้าไปเอาคำพูดนี้มาจากใคร”คุชยิ้มเบาๆเมื่อนึกถึงเจ้าของคำพูด “พระสนมเธราน่ะ” คำเฉลยของคุชยิ่งเรียกความสงสัยจากธันให้เพิ่มขึ้นไปอีก “พระสนมบอกกับข้าตอนที่เอาตัวเองลงไปประลองกับลูกครึ่งอมนุษย์เพื่อช่วยเด็กสาวคนหนึ่ง โดยที่ไม่ได้คิดห่วงตัวเองเลยตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นคนที่เอาแต่คิดถึงคนอื่นเท่าพระสนมเธราเลยนะพระสนมอาจไม่ต้องตาตั้งแต่แรกพบ อาจไม่ได้เก่งกาจเหมือนคำร่ำลื่อ แต่ข้าอยากให้เจ้าเชื่อใจว่าองค์วิรัลจะทรงเลือกคนไม่ผิดนะธัน” คุชบอกเพื่อนง่ายๆ ก่อนลุกจากไปปล่อยให้ธันอยู่กับความคิดของตนเอง
ธันที่ฟังคำพูดของคุชจนจบ ก็ไม่ได้ขยับตัวลุกไปใหนร่างสูงใหญ่ที่เต้มไปด้วยมัดกล้ามนั่งปล่อยอารมณ์ให้คิดเรื่องต่างๆไปเรื่อยเปื่อยจนอาทิตย์ใกล้ตกดิน แต่แล้วเสียงตึงตังเหมือนคนกำลังต่อสู่กันที่ดังขึ้นใกล้ๆก็เรียกสติของธันกลับ ธันพุ่งตัวไปที่เสียงตามสัญชาติญาณการออกรบมานับครั้งไม่ถ้วน ร่างสูงใหญ่พุ่งตรงไปที่ต้นกำเหนิดเสียงอย่างไม่ลังเล แต่ดูเหมือนจะช้าไปเมื่อไปถึงก็พบเพียงเหยือกน้ำ ที่ตกอยู่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงออกมาตักน้ำที่น้ำตก ธันหยิบเอาเหยือกน้ำขึ้นมาก่อนเดินกลับไปที่กระท่อม
“ข้าได้ยินเสียงเหมือนคนต่อสู้กัน พอไปดูก็พบนี่ตกอยู่” ธันบอกกับสหัสที่นั่งอยู่หน้ากระท่อม ดวงตาสีเทาของสหัสมองไปที่เหยือก ก่อนเงยหน้ามามองธันอย่างตกใจ
“เจ้าหมายความว่ายังไงเสียงการต่อสู้” สหัสถามธันอย่างหวั่นใจเมื่อเขาจำได้ว่าใครเป็นคนถือเหยือกออกไปตักน้ำที่น้ำตก เสียงของสหัสทำเอาทุกคนออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ข้าเอาม้าไปกินน้ำที่น้ำตก แล้วข้าก็ได้ยินเสียงตึงตังเหมือนคนต่อสู้กันพอข้าไปดูก็เห็นเหยือกนี่ตกอยู่”
“เจ้าไม่เห็นใครหรือร่องรอยอะไรเลยรึ” วิรัลเอ่ยถามขึ้น
“มีร่อยรอยการต่อสู้นิดหน่อยกระหม่อม เหมือนอีกฝ่ายจะมีเยอะกว่าน่าจะมากันสักสามคน เพราะมีรอยเท้าคนหลายคนเดินตัดออกไปทางตัวเมือง”
“หมายความว่ามีคนมาจับตัว คนที่ไปตักน้ำเหรอ แล้วใครไปตักน้ำล่ะ” เธราพูดขึ้นอย่างร้อนใจก่อนกวาดตามองทุกคนเพื่อดูว่าใครหายไป
“โชบุ ท่านเธรา คนที่ไปตักน้ำคือโชบุ” สหัสตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ปิดความกังวลไม่มิด
มาต่อแล้วคะ คราวนี้หายไปนานนิดนึง แต่กลับมาแล้วค่าา
มีคนเข้ามาใหม่ด้วย ยินดีต้อนรับสู่ #วิรัลลืมเมีย นะคะ
พูดคุยกันได้ในเพจนะคะ หรือติดแท๊กเม้ามอยในทวิตก็ได้
ฝากวิรัลกับเธราด้วยน้า
ปล.ยังมีบางคำที่ยังคงติดนิสัยพิมพ์ผิดอยู่จะพยามแก้ใขไปเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณสำหรับคำติชมคะ