ตอนที่๑๕ -๕๐%
เธราค่อยๆวางธนูลงข้างตัว ก่อนหย่อนกายลงในน้ำพลางถอดเสื้ออกเพื่อชำระล้างเอาคราบเลือดของพวกนักรบปีศาจที่ติดอยู่เต็มตัวออกไป แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาที่ริมลำธารสะท้อนลงไปในน้ำที่ใสราวกระจก เขาเพิ่งหนีรอดมาจากพวกนักรบปีศาจได้เมื่อรุ่งสางทันทีที่แสงแดดสาดส่องพวกมันก็หายไปราววิญญาณที่ไร้ตัวตน เธรามองไปรอบๆอย่างไม่คุ้นตาเขาไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนทุกอย่างรอบตัวดูแปลกตา กลิ่นหอมของดินของดอกไม้ป่าชัดเจน มีเสียงคนเดินมาจากด้านหลังและเมื่อหันไปมองก็พบกับธันที่ตอนนี้ในมือมีผลไม้หน้าตาแปลกๆ ก่อนเอามาวางไว้ให้ตรงหน้าแล้วก็เดินกลับไปเอาหญ้าให้ม้ากินโดยไม่พูดกับเขาสักคำ
“ลูกอะไรน่ะธัน” เธราเอ่ยถามออกไป เขาไม่ใช่พวกเจ้ายศเจ้าอย่างไม่คุยกับเขาเขาคุยเองก็ได้ ก็ทั้งป่ามีอยู่สองคนจะคุยกับใครกันล่ะ
“ข้าไม่รู้” ธันตอบง่ายๆโดยไม่ได้หันหน้ามามองเธราสักนิด
“แล้วมันกินได้เหรอ”
ธันหันมามองคนถามก่อนเดินกลับมายังคนที่นั่งแช่น้ำอยู่ แล้วหยิบเอาผลไม่หน้าตาประหลาดไปกัดกินให้ดู
เธราได้แต่พยักหน้าหงึกหงักก่อนหยิบเข้าปากกินบ้าง รสชาติหวานอมเปรี้ยวพร้อมกลิ่นหอมแปลกๆทำเอาคนกินยิ้มออก “อร่อยดีนะ น่าจะเอาไปปลูกที่นันทานครขึ้นในป่าน่าจะปลูกง่ายเอาเม็ดไปแจกพวกชาวบ้านให้เอาไว้ปลูกกินกัน” เธราพูดไปเรื่อยส่งผลไม้เข้าปากไปเรื่อยพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวถูกใจ
“แล้วที่นี่ที่ไหนน่ะธัน” เมื่อคิดได้เธราจึงถามออกไป ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นมาจากลำธารก่อนเดินเอาเสื้อไปตากที่ต้นไม้ใกล้ๆ
“ป่าศักดิ์สิทธิ์” ธันตอบสั้นๆ แต่คำตอบนั้นทำเอาเสื้อในมือคนฟังตกพื้น
“ห๊ะ!!!!” เธราหันไปทำตาโตใส่คนบอก
“เราจำเป็นต้องเข้ามาในป่าศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะได้ไม่มีใครตามมากระหม่อม” ธันบอกเรียบๆ เหลือบมองเธราที่กำลังทำหน้าตกใจ หึ!! แค่รู้ว่าหลงเข้ามาในป่าศักดิ์สิทธิ์ แค่นี้ก็ตกใจอกตกใจคนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในวังคงกลัวที่จะมาลำบากลำบนสินะ ธันคิดก่อนส่ายหน้าราวเหนื่อยใจที่ต้องมาติดแหงกดูแลพระสนมจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
“ข้าไม่เคยเข้ามาก่อน รารีไม่ให้มาบอกว่าอันตาย” ธันหันไปมองคนที่มานั่งข้างๆตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เธราตอนนี้ไม่ได้สวมเสื้อเนื้อตัวเปียกปอนเพราะเพิ่งขึ้นมาจากลำธาร “เขาว่าไม่ว่าใครที่เขามาในป่าศักสิทธิ์จะไร้ซึ่งอำนาจใดๆใช่ไหม พวกชาวเวทย์จะใช้เวทย์ไม่ได้ พวกอมุษย์ก็จะแปลงร่างหรือความสามารถพิเศษก็จะหายไปเหรอ ข้าไม่เคยเข้ามาก่อนเลยมันอันตรายมากใช่ไหม”
แม้จะเป็นประโยคคำถามแต่ดูเหมือนคนพูดจะไม่รอฟังคำตอบ “ในตำนานเล่าว่าป่าศักสิทธิ์เป็นสถานที่ ที่ทุกสิ่งมีชีวิตเท่าเทียมกัน กลางป่ามีภูเขาที่ทางขึ้นมีสัตว์แปลกๆกับผลไม้ที่กินแล้วจะได้พรวิเศษด้วยใช้ไหม ข้าอยากลองไปแต่,,,,,,ไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” พูดเองเออเสร็จสรรพ เธราก็ทำหน้าหงอยก่อนเดินไปนั่งกินผลไม้ต่อ ธันเลิกคิ้วมองเขาตามอารมณ์คนตรงหน้าไม่ทันจริงๆ
“รารีนางกำนัลของท่านน่ะนะ” ธันถามอย่างสงสัยนางกำนัลจะมีสิทธิอะไรมาห้ามคนที่เป็นถึงสนมเอกแห่งนันทานคร
“ใช่ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างข้าออกมาเสียนาน” เธราหันมาคุยกับธัน
“แล้วทำไมรารีถึงมาห้ามท่านล่ะกระหม่อม”
“ข้าชอบหนีออกมาข้างนอก รารีบ่นจนเบื่อสุดท้ายก็เลยขอไว้ว่าออกมาได้แต่อย่ามาที่นี่เพราะอันตราย แต่พอข้าออกมาก็บ่นอยู่ดี”
“ท่านะจะไปฟังอะไรกับนางสนม”
เธราหันมาทำตาโตก่อนป้องปากเหมือนกลัวใครได้ยิน “รารีดุจะตาย ข้าเบื่อจะฟังเวลาบ่น อีกอย่างข้าไม่อยากอดข้าวรารีโกรธแล้วใครจะทำข้าวให้กินกัน”
“นางกำนัลเยอะแยะรารีไม่ทำให้ท่านก็ใช้คนอื่นสิ ท่านจะให้ใครทำอาหารก็ได้อีกอย่างห้องครัวของวังหลวงน่ะใหญ่โต ท่านจะกินอะไรแค่เอ่ยปาก ใครๆก็นำมาถวาย”
“โอยย ไม่มีหรอกธัน ตำหนักท้ายบึงเล็กนิดเดียวข้ากับรารีสองคนก็ต้องต่อห้องเพิ่มแล้ว นี่สหัสยังต้องนอนในครัว โชบุกับชุนยังต้องขึงผ้ากันน้ำค้างนอนข้างนอกอยู่เลย” คำตอบของเธราทำเอาธันแปลกใจ ตำหนักท้ายบึงไม่ใช่ที่ที่พระสนมจะไปอยู่สักนิด
“ทำไมท่านถึงไปอยู่ตำหนักท้ายบึงล่ะกระหม่อมมันร้างมานานแล้วแถมยังคับแคบ ไม่ใช่ที่ที่พระสนมจะไปประทับเลยกระหม่อม”
“ตำหนักท้ายบึงอยู่ห่างจากตำหนักหยาดหมอกขององค์วิรัลมากที่สุดน่ะ” ธันอ้าปากเหมือนอยากถามต่อแต่ก็เงียบไว้ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะไปสงสัยในองค์วิรัล
“แล้วเราจะออกจากป่านี่ยังไงล่ะ” เธราหันมาถามธัน
“ให้เจ้าไข่มุก(ม้า)พักสักหน่อย แล้วค่อยเริ่มเดินทางกันกระหม่อม” ธันเงียบไปสักพักก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย” เราจะไปมาลันเคียกันหรือกระหม่อมทำไมเราถึงไม่กลับไปอันราแล้วรอจนคาเซส่งข่าวไปที่วูธ ท่านจะได้กลับนันทานครยังไงล่ะกระหม่อม”
“หากการส่งข่าวไม่มีปัญหาข้าว่าป่านนี้วูธคงถอนกำลังไปแล้ว แต่นี่ยังไม่มีวี่แววเลยแถมพวกนักรบปีศาจรู้ที่อยู่ข้าทั้งที่มีแต่พวกเจ้ากับองค์วิรัลที่รู้ ไม่น่าแปลกเหรอธัน” เธราบอกก่อนถอนหายใจราวเหนื่อยหน่าย
“แล้วท่านไม่คิดเหรอว่าคนที่ส่งข่าวให้พวกศัตรูอาจเป็นข้าก็ได้” ธันถามออกไปราวหยั่งเชิง
“เจ้าไม่ทำอย่างนั้นเพราะแค่ไม่ชอบข้าหรอก เพราะเหตุการณ์นี้มันกระทบถึงนันทานครและองค์วิรัลซึ่งเจ้าไม่มีทางทำหรอก เพราะถ้าเจ้าจะทำเจ้าฆ่าข้าได้ตั้งแต่เมื่อคืนที่ขึ้นม้ามาด้วยกันแล้วล่ะ”
“ทำไมท่านถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิ ข้าคิดย้อนกลับกันว่าถ้าเป็นข้า” เธราบอกพร้อมกับชี้ไปที่ตัวอง “ถ้าเราเทิดทูลใครสักคนยอมทำตามคำสั่งอย่างถวายหัว ถ้าคนอย่างเจ้าที่ยอมช่วยเหลือคนที่เจ้าไม่ชอบขี้หน้าอย่างข้าเพราะเป็นคำสั่งขององค์วิรัล คงไม่ทำอะไรให้องค์วิรัลเดือดร้อนหรอก” เธราพูดก่อนเหยียดตัวลงนอนกับพื้นอย่างง่ายๆ ทั้งที่เสื้อก็ยังไม่ได้ใส่
“จะเดินทางแล้วบอกข้าด้วยนะ”
-------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------
------------
วิรัลยังคงต้องอยู่แต่ในวังของเมืองอันราเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาได้รับรู้เรียบร้อย สหัสและโชบุที่ยังบาดเจ็บนั้นกำลังได้รับการรักษาแล้ว นักรบปีศาจแห่งกองทัพเลือดไม่ใช่คนไม่ใช่ชาวเวทย์หรือสิ่งมีชีวิตชนิดไหนมันเป็นนักรบที่เกิดจากเวทย์ของชาวเวทย์ชั้นสูง ที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ เมื่อแห่งเวทย์มีเมืองหลวงแห่งเดียวคือกัชธา พวกชาวเวทย์ตามปรกติจะรักสงบไม่ค่อยออกมายุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์หรือพวกอมุนุษย์เท่าไรเพราะฉะนั้นเหตุการร์ต่างๆในเมืองแห่งเวทย์จึงมักเป็นเพียงเสียงร่ำลือต่างๆไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงเท่าไร แม้แต่ตัววิรัลเองก็ขึ้นมาเป็นกษัตริย์หลังจากเกิดเหตุการณ์ม่านหมอกเวทย์ไปแล้วเกือบร้อยปี เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เคยรบกับกองทัพเลือดหรือนักรบปีศาจเลยสักครั้ง ความกังวลเริ่มถาโถมเข้ามาในใจทีละน้อย ไม่กลัวเขาเองไม่ได้กลัวเลยสักนิดไม่เคยสู้ก็ไม่ใช่ว่าจะสู้แพ้ แต่ที่ทำให้เขากังวลอยู่ตอนนี้ คือศัตรูที่เขาเองก็ยังชี้ชัดไม่ได้รู้แต่ว่าอยู่ใกล้ตัวและก็อันตราย เธราแม้เขาจะโล่งใจว่าอย่างน้อยก็อยู่กับธันทหารที่เขาไว้ใจในฝีมือและความจงรักภักดี แต่การที่เธราหายไปโดยที่เขาไม่รู้อะไรเลยนั้นก็สร้างความกังวลให้เขาได้ไม่ยาก
วิรัลปฏิเสธที่จะออกไปที่งานเลี้ยงรับรองที่เจ้าเมืองอันราจัดต้อนรับเขา ร่างสูงใหญ่นั่งนิ่งอยู่ในห้องส่วนตัวโดยที่ไม่มีใครเข้าหน้าติด มือกร้านล้วงเข้าไปในเสื้อก่อนหยิบเอาถุงผ้ากำมะหยีใบเล็กๆออกมาภายใบมีดอกไม้เล็กๆที่แห้งเสียจนเปลี่ยนสีจากขาวเป็นสีน้ำตาลเข้ม ดอกสายลม วิรัลเผลอยิ้มออกมาคนเดียวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนึกถึงคนที่เคยดูชอบอกชอบใจเจ้าดอกไม้เล็กๆนี้เสียนักหนา ภาพของเธราที่กำผ้าคลุมไหล่เขาเสียแน่นหากใบหน้ากลับแย้มยิ้มจนตายิบหยีเมือได้รับดอกไม้เล็กๆไปไว้ในมือ ดอกไม้เล็กๆสีขาวที่ขึ้นตามโขดหินไม่ได้เป็นที่นิยมชมชอบหรือมีราคาค่างวด แต่กลับมีกลิ่นหอมจับใจกลิ่นหอมที่มักลอยไปตามลมนั่นคือที่มาของชื่อดอกสายลม “เหมือนเจ้าสินะ” วิรัลพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจรดถุงผ้านั้นขึ้นแตะที่จมูกเบาๆกลิ่นหอมนั้นจางหายไปมากแล้วหากนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับวิรัล
--------------------------------------------------
-----------------------
-----------
เธราตื่นขึ้นมานั่งงงๆ ก่อนจะเรียกสติให้กลับมาและสังเกตว่าตัวเองตอนนี้มีเสื้อมาสวมไว้ให้ลวกๆ เมื่อมองไปที่ธันก็พบว่าเป็นเสื้อคลุมของธัน
“เราจะเดินทางเลยไหมธัน”
ธันพยักหน้าก่อนขึ้นไปรอบนม้า เธราเดินตามไปขึ้นมาเงียบๆก่อนเอ่ยปากถามอย่างอดปากไม่ได้
“เราจะใช้เส้นทางไหนกัน”
“เราจะตัดป่าศักสิทธิ์ออกไปทะลุหมู่บ้านบันกุ หลังจากนั้นเราจะหาทางไปมาลันเคียกัน”
“แต่หมู่บ้านบันกุติดกับเมืองแห่งเวทย์นะธัน” เธราท้วงเมื่อนึกถึงกองทัพเลือดของชาวเวทย์
“พวกชาวเวทย์จะไม่เข้ามาในป่าศักสิทธิ์กระหม่อม เพราะมันจะทำให้พวกนั้นไม่มีน้ำยาถ้าใช้เวทย์ไม่ได้”
“ข้าเป็นห่วงชาวบันกุ”
“ตอนนี้ท่านควรห่วงตัวองมากกว่า ว่าจะถูกฆ่าเมื่อไหร่ข้าอยากรู้จริงๆว่าใครส่งนักรบปีศาจของกองทัพเลือดมา เห็นว่ามีปีศาจรันตราอีกตนที่ต้องการชีวิตท่าน” ธันพูด
สุดท้ายเธราก็ได้แต่นั่งเงียบๆไม่กล้าพูดอะไรอีก ที่ธันพูดมาเป็นความจริงที่เธราเถียงไม่ออก บรรยากาศของป่าสักสิทธิ์นั้นสวยงาม ต้นไม่สีแปลกๆ สัตว์ป่าที่ไม่คุ้นตามีออกมาให้เห็นเรื่อยๆเธราสนใจสิ่งรอบข้างจนไม่ได้ถามอะไรธันอีก
มาก่อน๕๐%นะคะ ที่เหลือมาต่อคืนนี้ค่าาา
ฝากวิรัลเธราด้วยค่า
ไปพูดคุยกันในเพจ หรือแฮชแทก #วิรัลลืมเมีย ได้น้า